ติดตามสถานะการณ์

Mar 13, 2024 ลดไม่ช่วย! นักเศรษฐศาสตร์ชี้แบงก์ชาติส่อทานแรงกดดันดอกเบี้ยไม่ไหว ส่อลด 2 ครั้ง เริ่มลดครั้งแรกรับเดือนสงกรานต์ เป็นงงลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ไม่ช่วยแค่พยุงเศรษฐกิจเท่านั้น
.
ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย หรือ CIMB THAI กล่าวว่า การลดดอกเบี้ยของแบงก์ชาติเร็วกว่าคาดนั้น ไม่ได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยที่ฝังลึก โดยยังคงคาดการณ์สำหรับการลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งๆ ละ 0.25% ทำให้อัตราดอกเบี้ยจะลดลงจาก 2.50% เป็น 2.00% ภายในสิ้นปี 2667 จากศักยภาพทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกน่าจะเกิดขึ้นในรอบการประชุมในเดือนเมษายน ซึ่งเลื่อนเข้ามาจากเดือนสิงหาคม การลดอัตราดอกเบี้ยมีจุดประสงค์เพื่อบรรเทาผลกระทบของกำลังซื้อที่ต่ำเนื่องจากการจ่ายเงินงบประมาณที่ล่าช้า
.
อย่างไรก็ตาม ไม่คาดหวังว่าการปรับตัวเหล่านี้จะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวได้มากกว่าเกณฑ์การเติบโต 3.0% เนื่องจากไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายทางโครงสร้างที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม เช่น สังคมสูงวัย ขาดการลงทุนด้านเทคโนโลยีจากต่างชาติ FDI เติบโตช้า ขาดแรงงานมีทักษะ และปัญหาความล่าช้าในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อลดต้นทุนการขนส่ง
.
อย่างไรก็ดี ซีไอเอ็มบีไทย มองว่า กนง. น่าจะลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ สู่ระดับ 2.00% ไม่ใช่เพียงเพื่อประคองเศรษฐกิจไทยที่เติบโตช้าและอัตราเงินเฟ้อต่ำในช่วงครึ่งปีแรก แต่เพื่อตอบสนองต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยในระยะยาวที่ศักยภาพการเติบโตลดต่ำลง ปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจ เช่น ขาดการลงทุน แรงงานขาดทักษะ และสังคมสูงวัย ที่ไม่อำนวยต่อการใช้อัตราดอกเบี้ยที่สูงในระยะยาว
.
ขณะที่คาดว่าปัญหาเศรษฐกิจที่เผชิญในระยะสั้นนี้ ไม่สามารถแก้ไขด้วยนโยบายการเงินอย่างเดียว แต่น่าอาศัยนโยบายการคลังเป็นตัวนำ ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจไทยน่าจะเร่งตัวขึ้นหลังรัฐบาลมีงบประมาณมากระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนในเดือนเมษายน และนโยบายดอกเบี้ยน่าจะกลับมาเป็นกองหลัง เว้นแต่ตลาดการเงินจะกดดันให้แบงก์ชาติลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ซึ่งเราต้องระวังผลข้างเคียงโดยเฉพาะการที่ไทยลดอัตราดอกเบี้ยก่อนสหรัฐ ทำให้สินทรัพย์ในรูปเงินบาทถูกลดความน่าสนใจ เกิดเงินไหลออก บาทอ่อนค่ากระทบผู้นำเข้า และต้นทุนการใช้จ่ายของครัวเรือนโดยเฉพาะด้านน้ำมัน แม้ไทยจะมีผู้ส่งออกและกลุ่มท่องเที่ยวได้ประโยชน์ก็ตาม แต่ยากจะวัดว่า การลดอัตราดอกเบี้ยแบบต่อเนื่องนั้นจะได้คุ้มเสียหรือไม่
.
ซีไอเอ็มบีไทยยังได้เปลี่ยนมุมมองแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาท ซึ่งเราคาดการณ์ว่า เงินบาทจะอ่อนค่าถึง 37.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในสิ้นปี 2567 จากการประเมินก่อนหน้านี้ที่ระดับ 33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยช้ากว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า ซึ่งอาจเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม ตามตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งจะกระทบต่อกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายจากตลาดเกิดใหม่
.
อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3VebwLm
.
Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
X: https://twitter.com/BTimes_ch3
Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
Website: https://btimes.biz
Podcast : https://btimes.podbean.com/
TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
.
#ซีไอเอ็มบีไทย #จีดีพี #ดอกเบี้ย #งบรัฐบาล #ส่งออก #ท่องเที่ยว #เอกชน #การลงทุน #เศรษฐกิจ #BTimes

https://www.facebook.com/share/p/F1eobSjYcWJQkJw3/?mibextid=oFDknk

 

Mar 13, 2024 ต้องจ่าย! ราชกิจจานุเบกษาประกาศข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 67 กว่า 2.3 หมื่นล้านบาท มีผลบังคับใช้แล้ววันนี้
.
วันนี้ (13 มีนาคม) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยที่กรุงเทพมหานครมีความจำเป็นต้องจ่ายรายจ่ายพิเศษจากเงินสะสมจ่ายขาดของกรุงเทพมหานคร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 97 และมาตรา 103 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ประกอบกับข้อ 12 แห่งข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร
.
เรื่อง เงินสะสม พ.ศ. 2562 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง เงินสะสม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2564 กรุงเทพมหานครโดยความเห็นชอบของสภากรุงเทพมหานคร จึงตราข้อบัญญัติ กรุงเทพมหานครขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
.
ข้อ 1 ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้เรียกว่า “ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พ.ศ. 2567”
.
ข้อ 2 ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
.
ข้อ 3 งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พ.ศ. 2567 ให้ตั้งเป็นรายจ่ายพิเศษจำนวน 23,488,692,200 บาท ตามรายละเอียดเอกสารงบประมาณ โดยจำแนก ดังนี้
.
งบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ
- สำนักการจราจรและขนส่ง รวม 23,488,692,200 บาท
- งบประมาณภารกิจประจำพื้นฐาน 23,488,692,200 บาท
- ผลผลิตระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ 23,488,692,200 บาท
.
ข้อ 4 ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครควบคุมการใช้จ่ายเงินและการบริหารงบประมาณตามรายการ และจำนวนเงินที่กำหนดไว้ในข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้
.
ข้อ 5 ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครรักษาการตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้
.
ประกาศ ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567
.
อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/4aa8OuD
.
Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
X: https://twitter.com/BTimes_ch3
Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
Website: https://btimes.biz
Podcast : https://btimes.podbean.com/
TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
.
#บีทีเอส #กทม #หนี้บีทีเอส #จ่ายหนี้ #รถไฟฟ้าบีทีเอส #BTimes

https://www.facebook.com/share/p/AajAG4L5XpBwEifa/?mibextid=oFDknk

 

Mar 13, 2024 เรื่องจริงแทร่! ไอทีดียอมรับขาดสภาพคล่องจริง ขาดทุนสะสมกว่า 6,000 ล้าน ทำจ่ายเงินเดือนพนักงานไม่ครบ เผยต้องขอกู้เงินธนาคารมาแก้ปัญหาระยะสั้น ประเมินใช้เวลาแก้ 2-3 เดือน

บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ได้ชี้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเกี่ยวกับข่าวปัญหาสภาพคล่อง มีข้อความดังนี้

ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงจากข่าวที่ปรากฏบนสื่อเกี่ยวกับการประสบปัญหาสภาพคล่อง โดยใคร่ขอชี้แจงว่า

1. ข้อเท็จจริงจากข่าวที่ปรากฎในสื่อข้างต้น ข้อมูลเรื่องการจ่ายเงินเดือนพนักงานที่ไม่ครบถ้วน ซึ่งปรากฏตามสื่อนั้นเป็นเรื่องจริง เนื่องจากปัจจุบันบริษัทยังขาดสภาพคล่องทางการเงิน

2. แนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เนื่องจากรายรับจากโครงการยังน้อยกว่าค่าใช้จ่ายบริษัท บริษัทจึงต้องขอกู้ยืมเงินจากธนาคารเพิ่มเติมเพื่อนำเงินมาบริหารกิจการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการขอสินเชื่อและเจรจากับธนาคารที่เกี่ยวข้อง

3. ผลกระทบที่เกิดขึ้น เกิดผลกระทบที่จะมีแรงงานบางส่วนลาออก บางส่วนหยุดงาน ซึ่งบริษัทได้เจรจากับพนักงานเหล่านั้นทำความเข้าใจ และจ่ายเงินบางส่วนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายไปก่อน และธนาคารที่สนับสนุนโครงการต่าง ๆ ก็เข้ามาให้ความช่วยเหลือบ้างแล้ว

4. กรอบระยะเวลาในการดำเนินงานการแก้ไขปัญหา บริษัทใช้เวลาแก้ไขปัญหาระยะสั้นประมาณ 2-3 เดือน สำหรับการเจรจาหาข้อสรุปกับธนาคารผู้ให้สินเชื่อใหม่ และคาดว่าภายหลังจากที่ได้รับสินเชื่อใหม่แล้ว อีกประมาณ 2-3 เดือน สถานการณ์ของบริษัทจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

วิกฤตการณ์ของบริษัทไอทีดีในครั้งนี้ ได้รับการเปิดเผยในช่วงต้นสัปดาห์นี้ผ่านมาจากแหล่งข่าวในบริษัทไอทีดีว่า บริษัทประสบปัญหาในเรื่องสภาพคล่องมาระยะหนึ่ง เนื่องจากที่ผ่านมีการไปลงทุนในต่างประเทศหลายโครงการ และประสบภาวะขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปัญหาเรื่องของรายจ่ายดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงจนทำให้มีปัญหาการขาดสภาพคล่องและกระทบกับการจ่ายเงินต่อไปยังซับคอนแทรคที่บริษัทว่าจ้างเข้ามาให้ก่อสร้างโครงการต่างๆ (มีต่อหน้า 2/2)

(หน้า 2/2) อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้บริษัทเองอยู่ระหว่างหารือกับสถาบันการเงินเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้ เนื่องจากในระยะสั้นต้องหาทางที่จะเพิ่มสภาพคล่องของบริษัทซึ่งการเจรจาอาจต้องให้ธนาคารเข้ามาช่วยพยุงกิจการ หรืออาจให้เข้ามาช่วยถือหุ้นในบางโครงการที่กำลังก่อสร้างอยู่ แล้วเติมทุนเข้ามาเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับบริษัทเพื่อให้ในระยะสั้นสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในส่วนนี้ได้จากนั้นก็ค่อยปรับโครงสร้างหนี้ ให้สอดคล้องกับรายได้ของบริษัทที่จะเข้ามาในอนาคตซึ่งคาดว่าการเจรจากับสถาบันการเงินจะสิ้นสุดในเดือน มี.ค.นี้ซึ่งคาดว่าหากสามารถเจรจากับธนาคารได้ก็น่าจะหาทางออกที่ดีในเรื่องนี้ได้

ความคืบหน้าล่าสุด ได้รับการยืนยันว่า มีเพียงสถาบันการเงินแห่งเดียวเท่านั้นที่เข้ามาช่วยเหลือไอทีดี โดยธนาคารแห่งนี้เข้ามาให้ความช่วยเหลือเนื่องจากมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ของบริษัทนั่นเอง เนื่องจากมีการปล่อยกู้ไปให้ดำเนินโครงการก่อสร้างหลายโครงการ

สำหรับงบการเงินของบริษัทไอทีดีย้อนหลัง 5 ปี พบว่า ปี 2566 (ม.ค.-ก.ย.) กำไรสุทธิ 379 ล้านบาท ปี 2565 ขาดทุนสุทธิ 4,759 ล้านบาท ปี 2564 ขาดทุนสุทธิ 155 ล้านบาท ปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 1,104 ล้านบาท และปี 2562 ขาดทุนสุทธิ 37.34 ล้านบาท รวมขาดทุนสุทธิมากถึง 6,055 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แม้งบปี 2566 ที่ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 กำไรสุทธิ 379 ล้านบาท แต่ล่าสุดบริษัทไอทีดีขอเลื่อนส่งงบการเงินประจำปี 2566 เนื่องจากปัจจุบันข้อมูลบางส่วนอยู่ระหว่างการดำเนินงานของบริษัทและผู้สอบบัญชีต้องใช้ระยะเวลาอีกช่วงหนึ่งในการตรวจสอบเพื่อให้งบการเงินถูกต้องครบถ้วนและเชื่อถือได้ ยืนยันส่งได้ภายใน 29 มี.ค. 67
.
อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/48NTa73
.
Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
X: https://twitter.com/BTimes_ch3
Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
Website: https://btimes.biz
Podcast : https://btimes.podbean.com/
TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
.
#ไอทีดี #อิตาเลียนไทย #สภาพคล่อง #ไม่จ่ายเงินเดือน #วิกฤต #ขาดทุน #เศรษฐกิจ #BTimes

https://www.facebook.com/share/p/uagxL2WwmYgt5k3F/?mibextid=oFDknk

 

Mar 13, 2024 เบี้ยวในบ้าน! วิกฤตยักษ์อสังหาฯ จีนไม่จบ คันทรี่ การ์เดน ชักดาบหนี้สกุลเงินหยวนเกือบ 500 ล้านบาทเป็นครั้งแรกในประเทศจีน

คันทรี่ การเด้น (Country Garden) ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่เกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่อันดับ 6 ของจีนแผ่นดินใหญ่ เปิดเผยว่า ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้สกุลเงินหยวนด้วยอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋วที่ 4.8% ซึ่งครบกำหนดไปเมื่อวันอังคารที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นมูลค่า 96 ล้านหยวน หรือประมาณ 488 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การผิดนัดดังกล่าว ยังคงมีระยะเวลาผ่อนผันอีก 30 วัน หากไม่สามารถจ่ายได้ภายใน 30 วัน จะถือได้ว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้สมบูรณ์แบบ

ด้านผลการดำเนินงานโดยเฉพาะยอดขายที่อยู่อาศัยในเดือนกุมภาพันธ์ทรุดหนักมากถึง -85% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันในปีผ่านมา นอกจากนี้ ยอดขายบ้านในเดือนดังกล่าวยังตกค่ำเลวร้ายมากถึง -75% ของเดือนมกราคมปี 2024

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2023 ผ่านมา คันทรี่ การเด้น เสนอให้เจ้าหนี้ขยายเวลาการชำระหนี้สำหรับหุ้นกู้หรือพันธบัตรเอกชนต่างประเทศที่จะครบกำหนดในวันที่ 2 กันยายน 2023 สำหรับมูลค่ายอดคงค้างหุ้นกู้ชุดนี้อยู่ที่ 3,900 ล้านหยวน หรือเกือบ 20,000 ล้านบาท เป็นเวลา 3 ปี รวมทั้งหมด 7 งวดด้วยกัน

สถานการณ์ของบริษัท คันทรี่ การเด้น ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 6 ของจีน อาจส่งผลกระทบต่อผู้ซื้อบ้านและบริษัทการเงิน โดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์เอกชนจำนวนมาก อาจเผชิญการล้มละลาย หากการสนับสนุนของรัฐบาลจีนไม่เกิดขึ้นจริง

ปัญหาความไม่สามารถชำระหนี้ หริอไถ่ถอนหุ้นกู้ของบริษัทดังกล่าว สะท้อนชัดเจนเกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์จีนแผ่นดินใหญ่ที่เผชิญกับปัญหาการเงินที่ย่ำแย่ สาเหตุจากยอดขายอสังหาริมทรัพย์ที่ตกต่ำ สภาพคล่องการเงินที่ตึงตัวสูง และการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นหลายครั้ง นับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2021 ซึ่งกลายเป็นข่าวใหญ่โตระดับโลก เมื่อบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของจีนแผ่นดินใหญ่ ชื่อว่า ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป หรือ China Evergrande Group ได้กลายเป็นศูนย์กลางของวิกฤตหนี้อสังหาริมทรัพย์ระดับโลก (มีต่อหน้า 2/2)

(หน้า 2/2) อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีทั้งในประเทศและในต่างประเทศทั่วโลกว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนแผ่นดินใหญ่เผชิญวิกฤตการณ์ที่เลวร้ายนับตั้งแต่ปี 2012 ต่อเนื่องมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งแผลอสังหาริมทรัพย์ในจีนแผ่นดินใหญ่เริ่มต้นจากบริษัทเอเวอร์แกรนด์ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษใหญ่อันดับ 2 ของจีน ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่จนถึงขั้นเลวร้ายด้วยการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนี้เสียมากที่สุดในโลก จนกระทั่งไม่สามารถไถ่ถอนหุ้นกู้คืนให้กับเจ้าหนี้ต่างประเทศและในประเทศได้ ส่งผลต้องประกาศล้มละลายเมื่อต้นกลางเดือนที่ผ่านไป

บริษัทคันทรี การ์เด้น โฮลดิ้งส์ อีกหนึ่งยักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ของจีนแผ่นดินใหญ่ เผชิญปัญหาสภาพคล่องอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลต่อความสามารถในการไถ่ถอนหนี้ และลูกค้าสูญเสียความเชื่อมั่นในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาขึ้นมาขาย

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2023 ที่ผ่านมา บริษัทซูนัค (Sunac) ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่อันดับ 3 ของจีนแผ่นดินใหญ่ในช่วงก่อนถึงปี 2022 และในเดือนสิงหาคมผ่านมามีขนาดใหญ่ร่วงลงมาอยู่ที่อันดับ 10 ของจีนแผ่นดินใหญ่ ประกาศยื่นล้มละลายต่อศาลแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และร้องขอต่อศาลให้พิทักษ์ทรัพย์สินตามกฏหมายล้มละลายมาตรา 15 ในสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้กลายเป็นบริษัทในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายที่ 2 ของจีนแผ่นดินใหญ่ที่ล้มละลายภายใน 1 เดือนผ่านมา
.
อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/43k9lYH
.
Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
X: https://twitter.com/BTimes_ch3
Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
Website: https://btimes.biz
Podcast : https://btimes.podbean.com/
TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
.
#คันทรีการ์เด้นโฮลดิ้งส์ #เอเวอร์แกรนด์ #อสังหาริมทรัพย์จีน #จีน #อสังหาริมทรัพย์ #หนี้เสีย #วิกฤตเศรษฐกิจ #เศรษฐกิจ #ล้มละลาย #จีนแผ่นดินใหญ่ #ซูนัค #BTimes

https://www.facebook.com/share/p/wYoK8xECWi8mei4a/?mibextid=oFDknk

 

Mar 13, 2024 หวังราคาลง! พีระพันธุ์ หวังราคาขายปลีกน้ำมันลด ผุดไอเดียอุดหนุนน้ำมันประเทศเพื่อนบ้าน - บริหารจัดการน้ำมันดิบในประเทศใช้เอง เข้าระบบสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคงฯ
.
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่าได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์และระบบรักษาระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซ ครั้งที่ 7/2567 เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา
.
โดยได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการที่มีผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละด้าน รวมทั้งผู้บริหารกระทรวงพลังงานร่วมกันดำเนินการออกแบบแนวทางการจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเพื่อความมั่นงทางยุทธศาสตร์ในครั้งนี้
.
ตลอดระยะเวลากว่า 1 เดือนที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีการพิจารณาประเด็นสำคัญในการวางรูปแบบการสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อความมั่นคง และรักษาเสถียรภาพทางด้านราคา โดยคำนึงถึงภาครัฐ ภาคเอกชน และผลกระทบภาคประชาชนเป็นหลัก ซึ่งถือเป็นหัวใจของเปลี่ยนแปลงระบบการสำรองน้ำมันและก๊าซในครั้งนี้
.
นอกจากนี้ ได้มีการศึกษาการอุดหนุนราคาน้ำมันของประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ มาเลเซีย อินโดนิเซีย และสิงคโปร์ การสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อความั่นคงทางการทหารและประชาชนในประเทศไทย การปันส่วนน้ำมันในกรณีเกิดการขาดแคลน รวมทั้งหารือแนวทางการบริหารจัดการน้ำมันดิบที่ผลิตในประเทศ เพื่อให้นำมาใช้ประโยชน์ในประเทศให้มากที่สุด เนื่องจากประเทศไทยถือเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมัน แม้จะสามารถผลิตน้ำมันเองได้ แต่ก็เป็นส่วนน้อย
.
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ปัจจัยสำคัญมาจากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น และความต้องการใช้พลังงานทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไทยให้สูงขึ้น
.
ดังนั้น การจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซในครั้งนี้ ประชาชนจะมั่นใจได้ว่าจะเป็นการจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซที่เป็นธรรมกับประชาชนอย่างแน่นอน และก่อให้เกิดผลดีต่อการบริหารจัดการด้านพลังงานของประเทศในอนาคตอย่างยั่งยืน
.
อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3IwpCQS
.
Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
X: https://twitter.com/BTimes_ch3
Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
Website: https://btimes.biz
Podcast : https://btimes.podbean.com/
TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
.
#พีระพันธุ์ #ราคาน้ำมัน #น้ำมัน #เศรษฐกิจ #พลังงาน #BTimes
https://www.facebook.com/share/p/6isjSiVJPmkU4b8Q/?mibextid=oFDknk

 

Mar 13, 2024 ถึงคิวปลด! เชลล์จ่อปลดพนักงานมากถึง 20% ในสายงานควบรวมธุรกิจของเชลล์

เชลล์ (Shell) ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ผลิตน้ำมันและพลังงานชื่อดังระดับโลกจากสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า เตรียมปลดพนักงานจำนวนมากอย่างน้อย 20% ในสายงานควบรวมกิจการธุรกิจที่มีจำนวนหลายร้อยคนของบริษัทเชลล์ โดยไม่ได้ระบุตัวเลขที่ชัดเจนในแง่จำนวนพนักงานที่เข้าข่ายถูกปลดออกในครั้งนี้ สาเหตุจากเชลล์ยังคงดำเนินการตามนโยบายการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเป้าหมายลดค่าใช้จ่าย

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19 มกราคมผ่านมา นายวาเอ็ล ซาวาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ เชลล์ เปิดเผยว่า ได้เริ่มต้นการปลดพนักงานจำนวนหลายร้อยคนออกจากตำแหน่งในเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งพนักงานในกลุ่มธุรกิจพลังงานคาร์บอนต่ำจะเป็นกลุ่มแรก ไม่เพียงพนักงานในกลุ่มธุรกิจพลังงานคาร์บอนต่ำที่ถูกปลดออกเท่านั้น พนักงานในสายงานองค์กรกิจการสัมพันธ์ และพนักงานในแผนกอื่นๆ เช่น การพัฒนาโครงการ เทคโนโลยี จะถูกปลดออกด้วย

ย้อนกลับไปเมื่อ 23 ธันวาคม 2023 นายวาเอ็ล ซาวาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ เชลล์ เปิดเผยว่า ในเดือนมกราคม 2024 บริษัทฯ จะเริ่มต้นการปลดพนักงานออกจากตำแหน่งในเป้าหมายที่กำหนดไว้ แต่จำนวนพนักงานที่จะถูกปลดออกในรอบนี้จะมีจำนวนมากกว่าที่เคยประกาศไว้เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2023 ที่ผ่านมา หรือสัดส่วนปลดพนักงานจะอยู่ระหว่าง 15% ถึง 22% ของเป้าหมาย

นอกจากนี้ เชลล์ตัดสินใจลดขนาดกลุ่มธุรกิจพลังงานเชื้อเพลิงไฮโดรเจน เพื่อเป้าหมายสำคัญที่สุดในการมุ่งเน้นการทำกำไรของทั้งกลุ่มบริษัทในปี 2024 และสามารถแข่งขันได้ต่อเนื่องกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมพลังงานในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ จะเน้นกลยุทธ์ในกลุ่มธุรกิจผลิตน้ำมันดิบให้มีความต่อเนื่อง และกลุ่มธุรกิจผลิตพลังงานก๊าซธรรมชาติ (มีต่อหน้า 2/2)

(หน้า 2/2) เชลล์มีความจำเป็นในการลดขนาดธุรกิจพลังงานเชื้อเพลิงไฮโดรเจน หลังจากที่ได้ขยายธุรกิจพัฒนาพลังงานเชื้อเพลิงไฮโดรเจนน้ำหนักเบาใช้กับรถยนต์ทั่วไปที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน หรือดัดแปลงใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนด้วยการสร้างจุดเติมหรือสถานีปั้มเชื้อเพลิงไฮโดรเจน แต่ปรากฏว่า ผู้บริโภคกลับหันไปใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวีมากขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เชลล์ต้องทยอยปิดปั้มพลังงานเชื้อเพลิงไฮโดรเจนในหลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งในอังกฤษด้วย อย่างไรก็ตาม เชลล์จะเห็นไปเน้นพัฒนา พลังงานเชื้อเพลิงไฮโดรเจนน้ำหนักมากกับรถใช้เงินเชิงพาณิชย์และภาคอุตสาหกรรมแทน

สำหรับพนักงานที่ได้รับผลกระทบในรอบนี้ เป็นพนักงานในสายงานพลังงานเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำ ซึ่งเมื่อเดือนพฤษภยน 2023 ผ่านมา เชลล์ประกาศเป้าหมายจำนวนพนักงานที่จะถูกปลดออกอยู่ที่ 200 คน หรือ 15% ของพนักงานทั้งหมดในสายงานดังกล่าวภายในปี 2024 และอาจปลดเพิ่มอีก 130 คน ซึ่งรวมสัดส่วนการปลดพนักงานสูงสุดอยู่ที่ 22% อย่างไรก็ตาม การทบทวนจำนวนพนักงานที่มีจำนวนซ้ำซ้อนจะมีขึ้นในทุกแผนก และทุกสายงานด้วย

ทั้งนึ้ ซีอีโอเชลล์ กล่าวว่า แผนการตัดลดค่าใช้จ่ายด้วยการปลดพนักงานในครั้งนี้ รวมถึงนโยบายด้านอื่นๆ จะสามารถทำให้เชลล์ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 105,000 ล้านบาทภายในสิ้นปี 2025 ปัจจุบันนี้ เชลล์ มีพนักงานทั่วโลกประมาณ 90,000 คน
.
อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3vbu9VH
.
Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
X: https://twitter.com/BTimes_ch3
Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
Website: https://btimes.biz
Podcast : https://btimes.podbean.com/
TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
.
#เชลล์ #ปั้มน้ำมัน #ปลดพนักงาน #ตกงาน #ไฮโดรเจน #รถไฟฟ้า #รถอีวี #อังกฤษ #น้ำมันดิบ #เศรษฐกิจ #BTimes

https://www.facebook.com/share/p/Y7v3jxL5xCY3Dkir/?mibextid=oFDknk

 

Mar 13, 2024 หั่นตามด้วย! ศูนย์วิจัยกสิกรไทยหั่นเศรษฐกิจไทยปีนี้หลุด 3% แม้ต่างชาติจะเข้าเที่ยวไทยเพิ่มเป็น 36 ล้านคน ต้องเร่งหาเครื่องจักรเศรษฐกิจใหม่
.
นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวในระดับเดียวกันกับปี 2566 การค้าโลกน่าจะกลับมาขยายตัวได้ดี แนวโน้มดอกเบี้ยทั่วโลกจะค่อยๆ ปรับลดลงจากเงินเฟ้อที่กำลังปรับลดสู่เป้าของธนาคารกลางทั่วโลก จีนยังคงเผชิญกับปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่คลี่คลาย รวมถึงเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอ ส่งผลให้อุปสงค์ในประเทศปรับลดและผู้ประกอบการจีนยังคงลดราคาสินค้าต่อเนื่องเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประเมินว่าเศรษฐกิจยังขยายตัวได้ดีอยู่ และได้ส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ ตลาดการเงินมองว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน 2567
.
เศรษฐกิจไทยปี 2567 มีแนวโน้มโตต่ำกว่าคาด โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ปรับลดประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 2567 ลงมาอยู่ที่ 2.8% จาก 3.1% จากอุปสงค์ในประเทศที่โมเมนตัมยังแผ่วลง รวมถึงภาคการผลิตที่ยังหดตัวต่อเนื่อง และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง สะท้อนได้จากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ยังหดตัวหลายเดือนติดต่อกัน
.
ในปี 2567 เศรษฐกิจไทยจะได้รับแรงหนุนจากการกลับมาเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐบาลและการส่งออกสินค้าที่คาดว่าขยายตัว 2% และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีโอกาสโตถึง 36 ล้านคนในปีนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ธปท. ได้สิ้นสุดวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นไปแล้วที่ 2.5% และ ธปท. มีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ยประมาณ 2 ครั้งในปี 2567 นี้ ส่วนประมาณการอัตราเงินเฟ้อของปีอยู่ที่ระดับ 0.8%
.
ในบริบทที่การค้าโลกมีนโยบายกีดกันการค้ายังเข้มข้นอยู่ แนวโน้มการจัดเก็บภาษีคาร์บอนจากทั่วโลก และเทคโนโลยีอย่าง AI ที่กำลังมีผลกระทบทั่วโลก ส่วนประเทศไทยที่กำลังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างต่างๆ มากมาย จำเป็นต้องเร่งหาเครื่องจักรใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ทาง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้มองว่ากุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนทั้งเรื่องการเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ศูนย์กลางด้าน Data Centre หรือการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติในการลงทุนรูปแบบอื่นๆ มีกุญแจสำคัญคือ ประเทศไทยต้องมีพลังงานสะอาดเพียงพอในราคาที่เหมาะสม เพื่อดึงดูดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเชิง Green Economy เข้ามาเพื่อเป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไทย
.
อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/498BeEF
.
Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
X: https://twitter.com/BTimes_ch3
Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
Website: https://btimes.biz
Podcast : https://btimes.podbean.com/
TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
.
#ศูนย์วิจัยกสิกรไทย #จีดีพี #ดอกเบี้ย #งบรัฐบาล #ส่งออก #ท่องเที่ยว #เอกชน #การลงทุน #เศรษฐกิจ #กสิกรไทย #BTimes

https://www.facebook.com/share/p/4hveTfvbFJ9wJkiC/?mibextid=oFDknk

 

อีกแล้ว! นักรบยูเครนชุดใหม่ ประกาศแยกเอกราช
….กลุ่มนักรบชาวสลาฟ ที่อาศัยอยู่ในแคว้นโอเดสซา ติดทะเลดำ ออกมาแสดงตนพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อแยกเอกราช จากยูเครน เพราะถูกกดขี่แบบเผด็จการ จนอยู่ร่วมกันไม่ได้ จากนี้ไปจะไล่ล่ากำจัดผู้บัญชาการยูเครน และนาโต้ในแคว้นทั้งหมด กวาดล้างอำนาจเก่า ขอรับการสนับสนุนอาวุธจากรัสเซีย เมื่อแยกเอกราชแล้วจะแปลงสัญชาติใหม่...แบบนี้นาโต้ต้องเริ่มนับหนึ่งส่งอาวุธดีๆ ตัวเปลี่ยนเกมส์ไปติดหล่มสงคราม โดยรัสเซียนั่งจิบน้ำชาหรือไม่?
#WorldUpdate #USA #China #Yemen #Houthis #Israel #Palestine_Genocide #Hezbollah #Russia #Iran #Gaza_War
⏩ ดูวิดีโอภาพประกอบ/กดที่ลิ้งแชร์ไปได้เลย

https://www.blockdit.com/posts/65f2...4spXPNPvajL3dECr7cYoLCuIx7Ugn7lk4SW49C52i174U

https://www.facebook.com/share/p/eHvp2hcgb8ahUPB6/?mibextid=oFDknk

 

สื่อรัสเซียอ้าง “กบฎฮูตี” มี "มิสไซล์ไฮเปอร์โซนิก" ในมือกะใช้จม “เรือรบสหรัฐฯ” ในทะเลแดง หลังเรือรบสหรัฐฯ USS Gravely เคยเฉียดตายไปแค่ไมล์เดียว
.
.
.
.
.
.
เอพี/เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – สื่อรัสเซียชื่อดังรายงานวันพฤหัสบดี(4 มี.ค)ว่า กบฎฮูตีของเยเมนอ้างว่า มีมิสไซล์ไฮเปอร์โซนิกอยู่ในคลังแสงแล้ว เชื่อต้องการใช้มิสไซล์ความเร็วเหนือเสียงโจมตีเป้าหมายเรือรบสหรัฐฯ-อังกฤษที่กำลังเคลื่อนที่ในทะเลแดงหลังเรือรบสหรัฐฯเมื่อปลายเดือนม.คเคยเฉียดตายโดนโจมตีห่างไปแค่ไมล์เดียว มอสโกได้ประโยชน์จากวิกฤตทะเลแดง DHL โลจิสติกเยอรมันเผยยอดส่งสินค้าผ่านรัสเซียเข้ายุโรปพุ่ง 40%
.
เอพีรายงานวันนี้(14 มี.ค)ว่า กบฎฮูตีของเยเมนอ้างมีมิสไซล์ไฮเปอร์โซนิกใหม่อยู่ในคลังแสงของตัวเอง โดยสำนักข่าว RIA Novosti ของรัสเซียรายงานโดยอ้างอิงจากแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผยชื่อและไม่ได้แสดงหลักฐานแต่อย่างใด
.
ซึ่งในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมากบฎฮูตีได้เคยแถลงเป็นนัยว่า “จะมีความประหลาดใจมาให้เห็น” สำหรับแผนการสู้รบกลางทะเลแดงต่อฝ่ายกองกำลังสหรัฐฯและชาติพันธมิตร
.
ข่าวฮูตีมีมิสไซล์ไฮเปอร์โซนิกไว้ในมือนั้นอาจกลายเป็นข่าวร้ายสำหรับสหรัฐฯเพราะก่อนหน้าเมื่อราวปลายเดือนมกราคมเรือรบสหรัฐฯ USS Gravely เกือบโดนมิสไซล์ไฮเปอร์โซนิกยิงเฉียดใกล้เรือรบห่างไปแค่ 1 ไมล์เท่านั้น แต่โชคดีที่เรือรบมีระบบอาวุธพิสัยใกล้ Phalanx Close-In (CIWS) ที่ใช้ต่อสู้ในระะยะประชิดยิงตกไปได้
.
CNN ของสหรัฐฯรายงานวันที่ 2 ก.พ ว่า นักวิเคราะห์ คาร์ล ชูสเตอร์(Carl Schuster) อดีตกัปตันกองทัพเรือสหรัฐฯกล่าวว่า มิสไซล์กบฎฮูตีเดินทางมาด้วยความเร็ว 600 ไมล์/ช.ม และคาดว่าจะถึงเรือรบสหรัฐฯราว 4 วินาทีหากว่ามันไม่โดนระบบต่อสู้ CIWS ของเรือยิงตกเสียก่อน ซึ่งมิสไซล์ฮูตีโดนทำลายภายในแค่ 2 วินาที – 3 วินาทีเท่านั้น
.
ในเวลานี้ยังไม่ทราบว่าฮูตีได้รีบมิสไซล์ไฮเปอร์โซนิกจากใครซึ่งมีทั้งอิหร่านที่อยู่เบื้องหลังกบฎฮูตีและในอดีตได้เคยป้อนอาวุธมากมายให้ทางกลุ่ม เตหะรานเคยกล่าวว่ามีอาวุธมิสไซล์ไฮเปอร์โซนิกไว้ใช้
.
RIA Novosti รายงานว่า “กองกำลังมิสไซล์ของกลุ่มกบฎประสบความสำเร็จในการทดสอบอาวุธมิสไซล์ที่มีศักยภาพทำความเร็วได้สูงถึง 8 มัคและใช้เชื้อเพลิงแข็ง” แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ทหารใกล้ชิดกบฎฮูตีเผย
.
และกล่าวต่อว่า กบฎฮูตีมีความตั้งใจที่จะเริ่มต้นการผลิตเพื่อใช้สำหรับการโจมตีในทะเลแดงและอ่าวเอเดนรวมไปถึงต่อเป้าหมายในอิสราเอล
.
ซึ่งความเร็ว 8 มัค (Mach 8 )เท่ากับความเร็วเหนือเสียง 8 เท่า เอพีรายงานว่ามิสไซล์ไฮเปอร์โซนิกความเร็ว 5 มัคนี้สามารถสร้างความท้าทายต่อระบบต่อต้านมิสไซล์เป็นต้นว่า ระบบแพทริออทขออเมริกันได้เป็นเพราะความเร็วและการเคลื่อนที่
.
ฟาเบียน ฮินซ์ (Fabian Hinz) ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธมิสไซล์และนักวิจัยประจำสถาบันระหว่างประเทศด้านการศึกษายุทธาสตร์(International Institute for Strategic Studies) แสดงความเห็นกับเอพีว่า เขาคงไม่แปลกใจหากว่า "อิหร่าน" จะส่งมอบอาวุธมิสไซล์ไฮเปอร์โซนิกใหม่ให้กบฎฮูตีไป
.
"ผมคงไม่ตัดความเป็นไปได้ที่ว่ากบฎฮูตีอาจมีอาวุธระบบเหล่านี้ที่มีความสามารถในระดับหนึ่ง" เขากล่าวและเสริมต่อว่า "มันมีความเป็นไปได้เช่นกันที่พวกอิหร่านจะส่งมอบของใหม่ให้ฮูตีใช้เพื่อทดสอบมัน"
.
ซึ่งนอกเหนือจากอิหร่านที่มีมิสไซล์ไฮเปอร์โซนิกแล้ว ทั้ง “จีน” และ “รัสเซีย” ต่างอ้างว่ามีมิสไซล์ความเร็วเหนือเสียงไว้ในความครอบครองเช่นกัน
.
รัสเซียมีความใกล้ชิดกับอิหร่านและซีเรียแล้ว รัสเซียนั้นขึ้นชื่อว่ามีอาวุธมิสไซล์ไฮเปอร์โซนิกอยู่ในมือที่ได้เคยทดลองใช้จริงในสงครามกับยูเครนเป็นที่เรียบร้อย
.
นิวส์วีครายงานวันจันทร์(11)ว่า รัสเซียได้ประโยชน์จากกบฎฮูตีเปิดฉากโจมตีอยู่ในทะเลแดงสร้างความปั่นป่วนให้กับเส้นทางขนส่งทางเรือจากเอเชียไปยุโรปนั้นต้องเปลี่ยนไปอ้อมแหลมกู๊ดโฮปที่แอฟริกาใต้แทน
.
ไฟแนนเชียลไทม์สรายงานวันจันทร์(11)ว่า ยอดขนส่งสินค้าทางรางผ่านรัสเซียพุ่งเป็นประวัติกาล โดยการขนส่งทางรางผ่านรัสเซียไม่อยู่ภายใต้การคว่ำบาตรของ EU เหมือนเช่นทางบก
.
DHL บริษัทลอจิสติกยักษ์ใหญ่ของเยอรมันเปิดเผย คำขอการขนส่งผ่านบริษัททางการรถไฟรัสเซีย RZD เพิ่มขึ้น 40% นับตั้งแต่เดือนธันวาคมที่กบฎฮูตียังคงโจมตีอย่างหนักหน่วง
.
และสอดคล้องกับ 2 บริษัทลอจิสติกชื่อดังของยุโรป RailGate Europe และ Rail Bridge Cargo ที่ชี้ว่าการขนส่งทางรางผ่านรัสเซียเพิ่ม 30% นับตั้งแต่เกิดความไม่ปกติในทะเลแดง
.
ผู่้สนใจสามารถชมคลิปเพิ่มได้ที่...https://mgronline.com/around/detail/9670000022981

https://www.facebook.com/share/p/hd9TDf2Bv4CRWbAs/?mibextid=oFDknk

 

แกนนำวุฒิสภาสหรัฐฯในวันพฤหัสบดี(14มี.ค.) เรียกร้องให้อิสราเอลจัดการเลือกตั้งใหม่ ในการออกมาส่งเสียงวิพาพกษ์วิจารณ์หนักหน่วงที่สุดโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งๆของอเมริกา ต่อแนวทางรับมือสงครามในกาซาของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู

เสียงตำหนิจาก ชัค ชูเมอร์ แกนนำวุฒิสภาสหรัฐฯเชื้อสายยิว มีขึ้นท่ามกลางแรงกดดันที่หนักหน่วงขึ้นจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต่อจำนวนผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆในความขัดแย้ง ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากการที่พวกนักรบฮามาสบุกจู่โจมเล่นงานอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม กระตุ้นให้อิสราเอลเปิดปฏิบัติการโจมตีและรุกรานแก้แค้น

"ในฐานะ ชาติประชาธิปไตยหนึ่งๆ อิสราเอลมีสิทธิ์เลือกผู้นำของตนเอง และอะไรจะเกิดขึ้นเราควรปล่อยให้มันเกิด แต่สิ่งสำคัญคือชาวอิสราเอลได้เป็นคนเลือก" ชูเมอร์กล่าว ในฐานะแกนนำเสียงข้างมากของพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ชี้แนะเกี่ยวกับกรอบเวลาของการเลือกตั้ง "มีความจำเป็นที่ต้องถกเถียงรอบใหม่เกี่ยวกับอนาคตของอิสราเอล ตามหลังเหตุการณ์ 7 ตุลาคม"

ในสัญญาณความสัมพันธ์ที่เลวร้ายลงระหว่างวอชิงตันและรัฐบาลเนทันยาฮู ชูเมอร์กล่าวว่าผู้นำอิสราเอลเป็น 1 ใน 4 "อุปสรรคขัดขวาง" สันติภาพ เช่นเดียวกับ พวกฮามาส, มาห์มูด อับบาส ผู้นำองค์การปาเลสไตน์์ และพวกอิสราเอลฝ่ายขวาจัด

เขากล่าวหา เนทันยาฮู ห้อมล้อมไปด้วยพวกหัวรุนแรง โดยชี้ไปที่บรรดารัฐมนตรีอย่าง เบซัลเอล สมอตริช และ อิตามาร์ เบน-กาวีร์ และดูมีเจตนาอนทนอดกลั้นเกินไปต่อจำนวนพลเรือนที่เสียชีวิตในกาซา ซึ่งเป็นสาเหตุให้แรงสนับสนุนอิสราเอลจากทั่วโลกดำดิ่งสุดเป็นประวัติการณ์ "อิสราเอลไม่อาจอยู่รอด หากพวกเขากลายเป็นพวกนอกคอก" ชูเมอร์บอกกับสมาชิกวุฒิสภา

ความขัดแย้งเริ่มต้นขึ้นเมื่อนักรบฉามาสบุกจู่โจมเล่นงานอิสราเอล ในวันที่ 7 ตุลาคม สังหารผู้คนไปราวๆ 1,160 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และจับตัวประกันไปอีกประมาณ 250 คน จากนั้นอิสราเอลประกาศทำลายล้างฮามาส ปฏิบัติการทิ้งบอมบ์ทางอากาศแก้แค้นและรุกรานทางภาคพื้นในกาซา สังหารผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 31,341 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน

ความเห็นของ ชูเมอร์ ได้รับเสียงขานรับด้วยความยินดีจากJ Street กลุ่มล็อบบี้หัวเสรี ในฐานะการปรับเปลี่ยนท่าทีครั้งประวัติศาสตร์ของสมาชิกพรรคเดโมแครตฝักใฝ่อิสราเอล ซึ่งมันสะท้อนมุมมองเสียงส่วนใหญ่ของชาวอเมริกาเชื้อสายยิว

อย่างไรก็ตามมันกระตุ้นปฏิกิริยาตีโต้กลับอย่างดุเดือดจากพรรคลิคุดของเนทันยาฮู ซึ่งตอบโต้ว่า "อิสราเอลไม่ใช่สาธารณรัฐกล้วย แต่เป็นประเทศอิสระ และเป็นประเทศประชาธิปไตยที่ภาคภูมิใจ ที่นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู ได้รับการเลือกตั้งเข้ามา"

มิชาเอล เฮอร์ซ็อก เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำวอชิงตัน เรียกความเห็นของ ชูเมอร์ ว่าไม่ก่อประโยชน์ใดๆ ส่วน นาฟตาลี เบนเนตต์ อดีตนายกรัฐมนตรี เรียกมันว่าเป็นการแทรกแซงทางการเมืองจากภายนอกต่อกิจการภายในของอิสราเอล

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ สมาชิกวุฒิสภาจากเดโมแครต 8 ราย เรียกร้อง ไบเดน ให้ยุติมอบความช่วยเหลือของสหรัฐฯแก่อิสราเอล หากอิสราเอลขัดขวางการส่งผ่านความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอเมริกาอย่างปลอดภัย เข้าสู่ฉนวนกาซา ในขณะที่ ไบเดน ก็ยกระดับส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เนทันยาฮู หนักหน่วงขึ้นเช่นกัน

ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวเมื่อเร็วๆนี้ ว่าการรุกรานเมืองราฟาห์ ทางใต้ของกาซา จะเป็นการข้าม "เส้นตาย" หากปราศจากแผนการปกป้องพลเรือนที่มีความน่าเชื่อถือ

อย่างไรก็ตามพวกเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ปลีกตัวรัฐบาลกลางออกห่างจากความเห็นของ ชูเมอร์ โดยชี้แจงว่าแกนนำวุฒิสภารายนี้แสดงความคิดเห็นของตัวเอง

จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติ เผยว่า ชูเมอร์ ได้แจ้งกับทำเนียบขาวแล้วกับสิ่งที่เขามีแผนจะพูด พร้อมระบุรัฐบาลเคารพอย่างเต็มที่ต่อสิทธิการแสดงความคิดเห็นของเขา "ประเด็นของการเลือกตั้ง เป็นกระบวนการทางรัฐสภาของรัฐบาลอิสราเอล รัฐบาลที่ได้รับเลือกจากประชาชาชาวอิสราเอล"

(ที่มา:เอเอฟพี)

https://www.facebook.com/share/p/up1N9SxguwRkpyu6/?mibextid=oFDknk

 

เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) ระบุในวันพฤหัสบดี(14มี.ค.) ว่าบรรดาสมาชิกของพันธมิตร "ไม่ได้มอบกระสุนแก่ยูเครนอย่างเพียงพอ" และการขาดแคลนดังกล่าว เปิดทางให้รัสเซียสกัดปฏิบัติการตีโต้กลับของกองกำลังเคียฟได้สำเร็จ

"ยูเครนไม่ได้กำลังหมดความกล้าหาญ แต่พวกเขากำลังหมดเกลี้ยงกระสุน" สโตลเทนเบิร์กบอกกับพวกผู้สื่อข่าว "ร่วมมือกัน เรามีศักยภาพมอบในสิ่งที่ยูเครนต้องการ ตอนนี้เราจำเป็นต้องแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจทางการเมืองที่จะทำเช่นนั้น"

เสียงเตือนของสโตลเทนเบิร์ก มีขึ้นในขณะที่แรงสนับสนุนทางทหารเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ ผู้หนุนหลังหลักของเคียฟ ยังคงถูกขัดขวางในสภาคองเกรส จากพวกรีพับลิกันสายแข็งกร้าว ที่ต่อต้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน

"พันธมิตรทุกชาติจำเป็นต้องพยายามอย่างหนักและส่งมอบอย่างรวดเร็ว ทุกๆวันที่ล่าช้าได้ก่อผลกระทบอย่างแท้จริงในสนามรบในยูเครน" เลขาธิการนาโตกล่าว "ดังนั้น นี่คือช่วงเวลาที่สำคัญยิ่งและมันจะเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงครั้งประวัติศาสตร์ หากเปิดทางให้ ปูติน ได้รับชัยชนะ"

พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนและตะวันตก ต่างยอมรับว่ากองกำลังเคียฟกำลังมีอาวุธยุทโธปกรณ์ตกเป็นรองรัสเซีย เนื่องจากแรงหนุนจากบรรดาผู้สนับสนุนลดน้อยถอยลง

เมื่อไม่นานที่ผ่านมา กองกำลังยูเครนถูกบีบให้ต้องล่าถอยออกจากเมืองอัฟดิอิฟกา ป้อมปราการทางยุทธศาสตร์ ตามหลังการสู้รบอันดุเดือดและทหารของพวกเขาประสบปัญหาในการสกัดกั้นไม่ให้รัสเซียรุกคืบเข้ามาเพิ่มเติม

ในขณะที่ทางตันทางการเมืองได้ทำให้แรงสนับสนุนจากวอชิงตันหยุดชะงัก บรรดาชาติยุโรปทั้งหลายก็ประสบปัญหาเกี่ยวกับการยกระดับกำลังผลิตกระสุนและอาวุธในภาคอุตสาหกรรมของพวกเขา

"เราจำเป็นต้องตัดสินใจต่างๆในการลงทุนเพิ่มเติมในอุตสาหกรรมกลาโหม" สโตลเทนเบิร์กระบุ "เราจำเป็นต้องรับประกันว่ารัฐบาลต่างๆของเรา เห็นพ้องในสัญญาต่างๆนานากับอุตสาหกรรมกลาโหม เพื่อที่พวกเขาจะสามารถตัดสินใจในทางพาณิชย์ ในการยกระดับกำลังผลิต"

ที่ผ่านมา สหภาพยุโรปได้เริ่มโครงการริเริ่มต่างๆนานา ในความพยายามเพิ่มกำลังผลิตและยืนยันว่าระดับกำลังผลิตกำลังเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตามจากข้อมูลพบว่า กลุ่มที่ประกอบด้วยสมาชิก 27 ชาติแห่งนี้ ยังคงไม่สามารถทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้เมื่อปีที่แล้ว ที่บอกว่าจะมอบกระสุนปืนใหญ่ 1 ล้านนัดแก่ยูเครน ภายในเดือนนี้

(ที่มา:เอเอฟพี)

https://www.facebook.com/share/p/dgoNPBHBTmTWx1E7/?mibextid=oFDknk

 

#เสียว "โวโนเวีย" ยักษ์อสังหาฯเยอรมันขาดทุนเพิ่ม 10เท่า! เจ๊งยับ 2.6 แสนล้านบาท! ตีราคา ตกหนักสุดประวัติศาสตร์!

ไม่พิมพ์เยอะละนะคะเฮีย
(เมื่อวานเพิ่งพิมพ์ถึงสถานการณ์หยกๆ --- แปะลิงค์ในคอมเมนต์ใต้ล่างอีกทีจ้ะ)
วันนี้ ตัวอย่างมาทันใจเลย!!!
เพิ่งรายงานผลประกอบการครับ "โวโนเวีย"
ปรากฏว่า ปี 2023 ขาดทุน 6.76 พันล้านยูโร
แล้วพอเป็นงี้ นักลงทุนก็ตกใจ กดขายหุ้นระนาวเลยครับ หุ้นร่วงกราวอีก เป็น spiral
อีกนิด ตีราคาใหม่ สำหรับอสังหาฯ ในมือ ทั้งหมด 5 แสนหลัง ก็ตกฮวบฮาบ ไม่เคยเจอว่าตกหนักขนาดนี้มาก่อน
พอก่อนเถอะ จบเท่านี้ดีกว่า
หมายเหตุ ภาคอสังหาฯ เยอรมัน มีราว 800 บริษัท จ้างงาน 3.5 ล้านตำแหน่ง
อย่าเป็นไรไปละกัน
คำว่า "โดมิโน" ขออย่าได้กล้ำกรายเทอญ
https://www.cnbc.com/2024/03/15/ger...ovia-shares-fall-after-biggest-ever-loss.html

https://www.facebook.com/share/GQz8qxBbS6etRqRs/?mibextid=oFDknk

 

แบรนด์ต่างๆที่มีจีนเป็นเจ้าของ อย่างเช่น BYD เมื่อเร็วๆนี้ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าราคาเข้าถึงง่ายในสหราชอาณาจักร ทว่ารถยนต์นำเข้าเหล่านี้กลับมีรายงานเกี่ยวกับประเด็นด้านคุณภาพ ซึ่งจำเป็นต้องจอดทิ้งไว้ในโกดังนับหมื่นคัน เพื่อแก้ไขปรังปรุง หลังรถยนต์เหล่านี้เดินทางมาถึงสหราชอาณาจักร

รถยนต์ไฟฟ้าของ BYD ซึ่งมีราคาราวๆ 25,000 ดอลลาร์ ถูกกว่ารถยนต์รุ่นถูกสุดของ เทสลา ประมาณ 15,000 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตามรถยนต์ของบริษทจีนแห่งนี้ ต้องเผชิญอุปสรรคต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงการสะสมของเชื้อรา มีรอยขีดข่วนและบิดงอของแร็คหลังคา

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่าปัญหาเชื้อราถูกพบในรถยนต์ BYD ที่นำเข้าไปยังยุโรป ส่วนรอยขีดข่วนเกิดขึ้นญี่ปุ่น และแร็คหลังคาบิดงอ เกิดขึ้นในอิสราเอล ตามรายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล

แม้ปัญหาเชื้อราไม่ใช่ประเด็นใหญ่ แต่บรรดาพวกผู้นำเข้ายุโรปกังวลว่ารถยนต์ของ BYD ไม่ได้ผ่านกระบวนการ Ionization กำจัดสปอร์เชื้อราอย่างเหมาะสม

นอกจากนี้แล้วหนังสือพิมพ์เอ็กซ์เพรส รายงานว่า ข่าวคราวเกี่ยวกับการตรวจพบปัญหาสีและพลาสติกลอกในรถยนต์ไฟฟ้า BYD นำเข้า ก็ปรากฏขึ้นในประเทศไทยเช่นกัน ในขณะที่ ไทย เป็นหนึ่งในจุดหมายหลายทางการส่งออกรายใหญ่ที่สุดของ BYD เคียงข้าง บราซิล

รายงานข่าวระบุ พวกผู้บริหารของ BYD แสดงความกังวลว่าแนวทางในการแก้ไขประเด็นปัญหาแบบเฉพาะหน้าของทางบริษัท อาจได้ผลกับรถยนต์ที่ส่งออกในจำนวนจำกัด แต่ไม่เหมาะสำหรับรูปแบบธุรกิจขนาดใหญ่เช่นนี้ ที่พวกเขากำลังหาทางก่อตั้งในภูมิภาคต่างๆ อย่างเช่นในยุโรป

นอกจากนี้แล้วยังมีรายงานว่า BYD กำลังประสบปัญหากับรถยนต์อีวีจำนวนมาก ที่พวกเขาจัดเก็บไว้ในคลังสินค้าในยุโรป สำหรับจัดจำหน่ายในอนาคต

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล พบว่าในช่วงสิ้นปี 2023 ทาง BYD มีรถยนต์ส่วนบุคคลมากกว่า 10,000 คัน จอดนิ่งอยู่ตามคลังสินค้าต่างๆในยุโรป ในขณะที่ใบรับรองอนุญาตขายในยุโรปของรถยนต์เหล่านี้ ใกล้หมดอายุลงแล้ว

(ที่มา:เอ็กซ์เพรส)

 

สาธารณรัฐเซาท์ออสซีเชีย (South Ossetia) ดินแดนซึ่งประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจากจอร์เจีย อยู่ระหว่างหารือกับเจ้าหน้าที่มอสโกเพื่อขอรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย ตามรายงานของสำนักข่าว RIA
.
รัสเซียให้การรับรองสาธารณรัฐเซาท์ออสซีเชีย และสาธารณรัฐอับคาเซีย (Abkhazia) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเขตการปกครองที่เกิดข้อโต้แย้งบนชายฝั่งตะวันออกของทะเลดำ ว่าเป็นรัฐเอกราชมาตั้งแต่ปี 2008 หลังจากที่ทหารรัสเซียสามารถสกัดความพยายามของจอร์เจียที่จะยึดเซาท์ออสซีเชียในสงคราม 5 วันปีเดียวกัน
.
เวเนซุเอลา นิการากัว นาอูรู และซีเรีย ก็ให้การรับรองสาธารณรัฐทั้งสองว่าเป็นประเทศเอกราชเช่นเดียวกัน
.
อย่างไรก็ตาม ชาติตะวันตกกล่าวหารัสเซียว่ามีเจตนาผนวกอับคาเซียและเซาท์ออสซีเชีย ซึ่งคิดเป็นดินแดนราว 1 ใน 5 ของจอร์เจีย ขณะที่รัฐบาลกรุงทบิลิซิก็ต้องการที่จะได้ดินแดนทั้ง 2 ส่วนนี้กลับคืนมา
.
“เรากำลังหารือประเด็นเหล่านี้กับทางการรัสเซียอย่างใกล้ชิด โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์และข้อตกลงทวิภาคี” RIA อ้างข้อมูลจาก อลัน อัลโบรอฟ (Alan Alborov) ประธานสภาเซาท์ออสซีเชีย ซึ่งให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะจัดการลงประชามติเพื่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย
.
“เมื่อเรากับสหพันธรัฐรัสซียเห็นตรงกันเมื่อไหร่ (เกี่ยวกับการรวมดินแดนเข้าด้วยกัน) เราก็จะทำมัน” เขากล่าว
.
RIA ยังอ้างถึงคำพูดของ อลัน กาโกลเอฟ (Alan Gagloev) ผู้นำเซาท์ออสซีเชีย ซึ่งเคยออกมากล่าวเมื่อปีที่แล้วว่า อยากจะให้ดินแดนแห่งนี้รวมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอย่างเป็นทางการ
.
เซาท์ออสซีเชียแยกตัวออกจากการปกครองของจอร์เจียภายหลังสงครามปี 1991-1992 ซึ่งทำให้มีผู้คนล้มตายไปหลายพันคน และปัจจุบันมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสาธารณรัฐนอร์ทออสซีเชีย (North Ossetia) ซึ่งเป็นดินแดนของรัสเซีย
.
ประชากรเซาท์ออสซีเชียส่วนใหญ่มีชาติพันธุ์แตกต่างจากชาวจอร์เจีย และมีภาษาพูดเป็นของตนเอง โดยเป็นภาษาในตระกูลฟาร์ซี
.
พลเมืองเซาท์ออสซีเชียเกือบทั้งหมดถือหนังสือเดินทางรัสเซีย ใช้เงินสกุลรูเบิล และมีระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพารัสเซียเป็นหลัก
.
ที่มา: รอยเตอร์
ttps://www.facebook.com/photo?fbid=813625900806073&set=a.645849364250395&locale=th_TH

 

สหราชอาณาจักรและพันธมิตรอื่นๆในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) ควรพิจารณาเกณฑ์ทหาร เพื่อตอบโต้แนวโน้มภัยคุกคามจากรัสเซีย จากความเห็นของรัฐมนตรีต่างประเทศลัตเวีย ระหว่างให้สัมภาษณ์กับเทเลกราฟ สื่อมวลชนอังกฤษ ที่เผยแพร่เมื่อวันเสาร์(16มี.ค.)

ลัตเวีย กลับมาบังคับเกณฑ์ทหารเมื่อช่วงต้นปีนี้ ในความเคลื่อนไหวตอบสนองต่อความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน เพื่อเพิ่มขนาดของกองกำลังประจำการและทหารกองหนุนพร้อมรบ โดยกฎระเบียบฉบับอัพเดทนั้น ได้บังคับใช้พลเมืองชายชาวลัตเวียทุกคนอายุระหว่าง 18 ถึง 27 ปี ต้องเข้ารับราชการทหารเป็นเวลา 1 ปี ในนั้นรวมถึงพวกที่พำนักอยู่ในต่างแดนด้วย

เมื่อถามว่าสหราชอาณาจักรและประเทศอื่นๆ ควรดำเนินการตามอย่างลัตเวียหรือไม่ ทางรัฐมนตรีต่างประเทศ คริสจานิส คารินส์ กล่าวว่า "เราจะแนะนำอย่างแข็งขันในเรื่องนี้ เรากำลังพัฒนาระบบหนึ่งๆให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ในสิ่งที่เราเรียกว่าการป้องกันตนเองโดยรวม ในนั้นรวมถึงทุกภาคส่วนของภาคประชาสังคม"

รัฐมนตรีต่างประเทศลัตเวีย ยังเรียกร้องลอนดอนให้เพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมสู่ระดับ 3% ของจีดีพี โดยให้คำจำกัดความความเคลื่อนไหวนี้ว่าเป็นสิ่งที่ "ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้"

"บรรดาประเทศนาโต ควรพิจารณาต้นแบบการป้องกันโดยรวม ซึ่งเปิดทางสำหรับความเป็นไปได้ในการเรียกระดมพลพลเรือนพร้อมรบในเวลาอันสั้น" ความเห็นของรัฐมนตรีต่างประเทศลัตเวีย

ลัตเวียหยิบยืมองค์ประกอบนี้มาจากระบบเกณฑ์ทหารของฟินแลนด์ ซึ่ง "อาจเป็นต้นแบบที่ดีมากๆสำหรับหลายชาติในกลุ่มของพวกเขา" คารินส์กล่าว พร้อมระบุว่า ฟินแลนด์ มีทหารประจำการขนาดเล็กๆ แต่ "มีทหารกองหนุนในช่วงเวลาสงคราม ขนาดใหญ่และผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี" ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเรียกระดมพลทหารที่ผ่านการฝึกฝนแล้วกว่า 250,000 นายอย่างสบายๆ

ในเดือนมกราคม นายพลแพทริค แซนเดอร์ส ประธานเสนาธิการทหารสหราชอาณาจักร เรียกร้องฝึกฝนและตระเตรียมความพร้อมของพลเรือน สำหรับความเป็นไปได้ที่จะเรียกระดมพล ในกรณีที่เกิดความขัดแย้งโดยตรงกับรัสเซีย อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีริชี ซูแน็ก ยืนยันว่าไม่มีแผนบังคับเกณฑ์ทหาร

จนถึงช่วงปลายปี 2023 กองทัพบก กองทัพเรือและกองทัพอากาศของสหราชอาณาจักร มีบุคลากรในประจำการ 184,865 นาย ถือเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่สงครามนโปเลียน

ลัตเวีย อยู่ในแนวหน้าของการเผชิญหน้าระหว่างตะวันตกกับมอสโก เช่นเดียวกับเอสโตเนียและลิทัวเนีย นับตั้งแต่รัสเซียเปิดปฏิบัติการทางทหารรุกรานยูเครน ประเทศอดีตสหภาพโซเวียตแห่งนี้ ซึ่งมีชายแดนติดกับรัสเซีย 284 กิโลเมตร เข้าร่วมเป็นสมาชิกอียูและนาโตในปี 2004 และเคยยกเลิกเกณฑ์ทหารไปเมื่อ 2006 ก่อนกลับมาบังคับเกณฑ์ทหารอีกรอบในช่วงต้นปี

(ที่มา:อาร์ทีนิวส์/เทเลกราฟ)
ttps://www.facebook.com/photo?fbid=813598767475453&set=a.645849364250395&locale=th_TH

 

โครงการลับ "สตาร์ชิลด์' ของอีลอน มัสก์ จะเปิดทางให้กองทัพสหรัฐฯ ติดตามเป้าหมายและสนับสนุนกองกำลังภาคพื้นของอเมริกาและพันธมิตรแบบเรียลไทม์ ในเกือบทุกหนทุกแห่งของโลก ตามรายงานของรอยเตอร์ ที่เปิดเผยรายละเอียดใหม่ในข้อตกลงระหว่างอภิมหาเศรษฐีรายนี้กับเพนตากอน

ที่ผ่านมา สเปซเอ็กซ์ บริษัทขนส่งทางอากาศได้ปล่อยต้นแบบดาวเทียมทางทหาร เช่นเดียวกับสิ่งของบรรทุกทางพลเรือน ขึ้นไปกับจรวดฟัลคอน 9 มาตั้งแต่อย่างน้อยก็ปี 2020 ก่อนท้ายที่สุดจะคว้าสัญญาอันงดงามมูลค่า 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯกับสำนักงานลาดตระเวนแห่งชาติ (เอ็นอาร์โอ) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในปี 2021 ตามรายงานพิเศษของรอยเตอร์เมื่อวันเสาร์(16มี.ค.) โดยอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม 5 คนที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้

แหล่งข่าวกล่าวอ้างว่าโครงข่ายกลุ่มดาวเทียววงโคจรต่ำ จะสามารถติดตามเป้าหมายต่างๆบนภาคพื้นแบบเรียลไทม์ เกือบทุกหนทุกแห่งในโลก และหนึ่งในนั้นโอ้อวดว่า สตาร์ชิลด์ จะรับประกันว่า "จะไม่มีใครสามารถหลบซ่อนจากรัฐบาลสหรัฐฯ" ในขณะที่ระบบนี้มีเป้าหมายมีความยืดหยุ่นกว่าเดิมในการรับมือการโจมตีจากบรรดามหาอำนาจอวกาศคู่อริ

ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีดาวเทียมสตาร์ชิลด์มากน้อยแค่ไหนที่ปฏิบัติการอยู่ในปัจจุบัน และเมื่อไหร่ที่ระบบนี้จะปฏิบัติการเต็มรูปแบบ เนื่องจากสเปซเอ็กซ์และเพนตากอน ไม่ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ เมื่อถูกสอบถามโดยรอยเตอร์

สำนักงานลาดตระเวนแห่งชาติสหรัฐฯ อ้างว่ากำลัง "พัฒนาระบบข่าวกรอง ลาดตระเวณและสอดแนม บนอวกาศ ที่มีศักยภาพสูงสุด หลากหลายและมีความยืดหยุ่น มากที่สุดเท่าที่โลกใบนี้เคยพบเห็นมา" อย่างไรก็ตามพวกเขาปฏิเสธแสดงความคิดเห็นใดๆต่อบทบาทของสเปซเอ็กซ์ในโครงการดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ซีอีโอของสเปซเอ็กซ์ เคยยอมรับว่าได้พัฒนาทางเลือกด้านการทหารนอกเหนือจากระบบ "สตาร์ลิงค์" สำหรับพลเรือน โดยบอกเมื่อเดือนกันยายน ว่ามันจะมีรัฐบาลสหรัฐฯเป็นเจ้าของและควบคุมโดยกระทรวงกลาโหม "สตาร์ลิงค์จำเป็นต้องเป็นเครือข่ายพลเรือน ไม่มีส่วนร่วมกับการสู้รบ" มัสก์ อ้างถึงการใช้ดาวเทียมต่างๆในยูเคน ตลอดความขัดแย้งกับรัสเซีย

มัสก์ บริจาคสถานีสตาร์ลิงค์ราว 20,000 แห่งแก่ยูเครน ไม่นานหลังจากรัสเซียเปิดปฏิบัติการทางทหารในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 นับตั้งแต่นั้นกองทัพเคียฟก็จำเป็นต้องพึ่งพิงระบบนี้เป็นอย่างมาก เพื่อคงไว้ซึ่งการสื่อสารและปฏิบัติการโดรนสู้รบในแนวหน้า

แม้รับปากสนับสนุนยูเครน แต่ มัสก์ เน้นย้ำว่าเขาอยากเห็นทางออกอย่างสันติในความขัดแย้งนี้มากกว่า มหาเศรษฐีรายนี้ถูกตำหนิอย่างหนักหน่วงจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ โทษฐานที่ปฏิเสธเสียงร้องขอของเคียฟ ต่อการใช้เครือข่ายสตาร์ลิงค์ ช่วยในการโจมตีกองเรือทะเลดำของรัสเซีย

เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา สมาชิกสภาคอสเกรสสหรัฐฯ ได้เปิดการตรวขสอบสเปซเอ็กซ์อีกอย่าง หลังยูเครนอ้างมีคำกล่าวหาว่าทหารรัสเซียใช้บริการดาวเทียมสตาร์ลิงค์ในแนวหน้าของความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม มัสก์ ปฏิเสธคำกล่าวหาดังกล่าว ยืนยันว่าไม่เคยขายสตาร์ลิงค์ทั้งโดยตรงและทางอ้อมแก่รัสเซีย ในขณะที่ เครมลิน ก็ยืนยันเช่นกันว่ากองทัพรัสเซียไม่เคยสั่งซื้อสถานีสตาร์ลิงค์

(ที่มา:อาร์ทีนิวส์/รอยเตอร์)
ttps://www.facebook.com/photo?fbid=813566400812023&set=a.645849364250395&locale=th_TH

 

“ไอซ์แลนด์” เกิดภูเขาไฟระเบิดครั้งที่ 4 ในรอบ 3 เดือน ลาวาหินแดงร้อนหลอมเหลวเริ่มไหลช้าลงวันอาทิตย์
.
.


.
.
รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – ลาวาแดงร้อนที่ไหลจากภูเขาไฟทางตะวันตกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ที่ตั้งระหว่างนอร์เวย์และกรีนแลนด์ที่เกิดระเบิดเมื่อค่ำวันเสาร์(16 มี.ค)นั้นเริ่มไหลช้าลงวันอาทิตย์(17 มี.ค) หลังสิ่งกีดขวางฝีมือมนุษย์ประสบความสำเร็จสามารถเปลี่ยนทิศทางลาวาไหลหนีจากสิ่งปลูกสร้างสำคัญ รวมเมืองชาวประมงชื่อดัง ส่วนสนามบินเปิดให้บริการตามปกติ
.
รอยเตอร์รายงานวันนี้(17 มี.ค)ว่า การปะทุของภูเขาไฟครั้งที่ 4 นับตั้งแต่ธันวาคมปีที่แล้วเกิดขึ้นเมื่อค่ำวันเสาร์(16) ส่งธารลาวาหินหลอมเหลวร้อนออกมาจากรอยแยก(fisher)ราว 3 ก.มซึ่งเป็นขนาดเดียวกันและที่เดียวกันของการระเบิดในเดือนกุมภาพันธ์
.
“การระเบิดมีพลังมากและมีสิ่งมากมายออกมา มากกว่าการระเบิดครั้งก่อน ดังนั้นธารลาวาจึงไหลเร็วมาก” ฮอลล์ดอร์ แกร์ส์สัน (Halldor Geirsson)รองศาสตราจารย์ประจำสถาบันวิทยาศาสตร์โลกที่มหาวิทยาลัยไอซ์แลนด์ (University of Iceland) แสดงความเห็น
.
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ไอซ์แลนด์ต่างเตือนมานานหลายสัปดาห์ว่าการระเบิดภูเขาไฟครั้งใหม่นี้จะเกิดขึ้นในไม่ช้าบนคาบสมุทร Reykjanes ที่อยู่ทางใต้ของกรุงเรคยาวิก (Reykjavik) ระหว่างที่แมกมากำลังรวมตัวอยู่ใต้ดิน
.
การไลฟสตรีมสดช่วงต้นวันอาทิตย์(17)แสดงให้เห็นว่า ลาวาแดงนั้นกำลังไหลห่างไปไม่กี่เมตรจากเมืองประมงชื่อดัง กรินดาวิค(Grindavik) ของไอซ์แลนด์ที่มีประชากรอาศัยราว 4,000 คนได้ถูกอพยพออกไประหว่างที่ภูเขาไฟระเบิดเมื่อพฤศจิกายน และอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ มีชาวบ้านจำนวนไม่มากนักนับตั้งแต่เดินทางกลับมาที่บ้านของพวกตนอีกครั้งต้องถูกอพยพรอบใหม่ในวันเสาร์(16) สถานีโทรทัศน์ไอซ์แลนด์ RUV รายงาน
.
แกร์ส์สันกล่าวต่อว่า “อัตราการไหลของลาวานั้นช้าลงและช้าลง” พร้อมเสริมต่อว่า “การไหลส่วนใหญ่นั้นไปทางตะวันออกของเมืองมุ่งหน้าสู่ทะเล ดังนั้นดูเหมือนว่าเครื่องกีดขวางนั้นทำงานได้ดีเหมือนที่พวกมันถูกออกแบบมา”
.
ทั้งนี้ในราวช่วงบ่ายวันอาทิตย์(17)ตามเวลาท้องถิ่น มีความเคลื่อนไหวลดลงรอยแยกของภูเขาไฟและมีลาวาไหลออกมาจาก 3 แห่ง
.
บ่อน้ำพุร้อนตามธรรมชาติชื่อดัง “บลูลากูน” (Blue Lagoon) ที่มีน้ำพุร้อนสีฟ้าไม่ต่างจากสีท้องฟ้าเขตอาร์กติกและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้ปิดลงเหมือนที่เคยเกิดการปะทุภูเขาไฟก่อนหน้าเมื่่อวันที่ 8 ก.พปีนี้
.
CNN ของสหรัฐฯรายงานเพิ่มเติมว่า ท่าอากาศยานนานาชาติเคฟลาวิก (Keflavik Airport) และสนามบินอื่นๆในภูมิภาคยังคงเปิดให้บริการตามปกติ สถานีโทรทัศน์ RUV รายงาน แต่ทว่าก๊าซภูเขาไฟคาดว่าจะสามารถตรวจพบในเมืองใกล้กับสนามบินวันอาทิตย์(17)

.
ผู้สนใจสามารถชมคลิปเพิ่มได้ที่...https://mgronline.com/around/detail/9670000023707
ดูน้อยลง

ttps://www.facebook.com/photo?fbid=813367647498565&set=a.645849364250395&locale=th_TH

 

<<มีคลิป :>>ระทึก! “รมว.กลาโหมอังกฤษ” ยกเลิกแผนบินเข้าโอเดสซานาทีสุดท้าย หวั่นโดน “ปูติน” ใช้มิสไซล์ลอบสังหาร” หลังรัสเซียแจมสัญญาณ GPS เครื่อง RAF ตัวเองใกล้ “คาลินินกราด
.
.
.
.
.
.
เอเจนซีส์/รอยเตอร์/MGRออนไลน์ - กระทรวงกลาโหมอังกฤษเปิดเผย รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ แกรนต์ แชปปส์ (Grant Shapps) ต้องยกเลิกแผนบินเข้าโอเดสซาสัปดาห์ที่แล้วกะทันหัน 1 วันหลังมิสไซล์รัสเซียเฉียดลงใกล้ขบวนคอนวอยผู้นำยูเครน-กรีซ ข่าวกรองอังกฤษเตือนรมว.อาจมีภัยถึงขั้นชีวิตเชื่อพวกรัสเซียรู้ระแคระคายแผน พบสัญญาณ GPS ของเครื่องบิน RAF ของแชปปส์โดนรัสเซียแจมสัญญาณระหว่างบินใกล้คาลินินกราดของรัสเซีย
.
สกายนิวส์ของอังกฤษรายงานวันนี้(17 มี.ค)ว่า รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ แกรนต์ แชปปส์ (Grant Shapps) ต้องถูกบีบให้ยกเลิกแผนเดินทางเข้าเมืองโอเดสซาของยูเครนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 มี.ค ที่ผ่านมาหลังข่าวกรองลับอังกฤษเตือนถึงความเป็นไปได้ที่จะถูกมิสไซล์โจมตีจากรัสเซีย
.
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้ล่วงรู้ถึงแผนการเดินทางลับของแชปปส์เข้าโอเดซา ซึ่งเป็นที่คอนวอยประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี และนายกรัฐมนตรีกรีซเฉียดฉิวเกือบโดนโจมตีทางอากาศ
.
สกายนิวส์รายงานว่า แชปปส์เดินทางเข้ากรุงเคียฟด้วยรถไฟในชั่วข้ามคืนจากโปแลนด์เข้าไปยูเครน เขาเดินทางไปพร้อมกับประธานคณะเสนาธิการทหารอังกฤษ พลเรือเอก เซอร์โทนี ราดาคิน (Sir Tony Radakin) พร้อมทีมเจ้าหน้าที่อังกฤษไม่กี่คน
.
แต่ทว่าการเดินทางเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 มี.ค จากกรุงเคียฟเพื่อไปเมืองท่าโอเดสซาต้องถูกยกเลิกในนาทีสุดท้ายหลังจากพบอาจมีภัยจากฝ่ายรัสเซียเกิดขึ้น
.
อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์ซันเดย์ไทม์สของอังกฤษที่ส่งนักข่าวประกบทีมของแชปป์สร่วมเดินทางเปิดเผยว่า การยกเลิกจากเหตุผลที่มอสโกรู้แผนการเยือนของรัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ
.
ยิ่งเป็นภัยคุกคามเมื่อรัสเซียอุกอาจยิงมิสไซล์โจมตีโอเดสซา 1 วันก่อนแชปปส์ไปถึงแสดงถึงภัยคุกคามต่อตัวรัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษขั้นวิกฤตที่อาจถึงขั้นโดนลอบสังหาร
.
ได้กลายเป็นข่าวเกรียวกราวไปทั่วว่า ขบวนคอนวอยประธานาธิบดีเซเลนสกีและนายกรัฐมนตรีกรีซ กีร์เรียก็อส มิตโซตากิส(Kyriakos Mitsotakis) นั้นเกือบโดนโจมตีทางอากาศจากรัสเซียห่างออกไปแค่ 500 เมตร – 800 เมตรเท่านั้นระหว่างการเยือนเมืองท่าโอเดสซาวันพุธที่ 6 มี.ค
.
รอยเตอร์รายงานว่าและวันต่อมา(7) อดีตประธานาธิบดีรัสเซียและอดีตนายกรัฐมนตรี ดมิตรี เมดเวเดฟ (Dmitry Medvedev) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงรัสเซียที่มีปูตินนั่งเป็นประธานได้ออกมาอ้างว่า "รัสเซียไม่ได้มีเป้าหมายโจมตีขบวนคอนวอยเซเลนสกีแต่อย่างใด"
.
รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษให้สัมภาษณ์กับไทม์สของอังกฤษระหว่างนั่งเครื่องกลับกรุงลอนดอนผ่านโปแลนด์ถึงการยกเลิกแผนนาทีสุดท้ายที่แสดงต่อพฤติกรรมที่ผิดปกติของผู้นำรัสเซียอย่างเดือดดาลว่า
.
“ปูตินเปิดเผยตัวตนว่า สะเพร่า ไร้ความปราณี และไม่ระมัดระวัง”
.
และเสริมต่อว่า “ในความเป็นจริงแล้วเขาเข้าใกล้อย่างเป็นอันตรายที่จะลอบสังหาร 2 ผู้นำชาติตะวันตก ซึ่งมันไม่สำคัญว่าเป็นการจงใจหรืออุบัติเหตุ”
.
แชปปส์กล่าวต่ออย่างมีอารมณ์ว่า “นี่เขากำลังทำนรกอะไรกันนี่ และเหตุใดโลกตะวันตกถึงอนุญาตให้เขาทำสิ่งนี้ได้”
.
เกิดขึ้นท่ามกลางรายงานเปิดเผยว่า เครื่องบิน RAF ที่รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษนั่งนั้นโดนรัสเซียแจมสัญญาณ GPS ระหว่างกำลังบินใกล้แคว้นคาลินินกราดของรัสเซีย
.
เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานเมื่อวันพฤหัสบดี(14) ก่อนหน้าว่า เป็นการเดินทางระหว่างอังกฤษและโปแลนด์พบว่าสัญญาณดาวเทียมเกิดขัดข้องทั้งขาไปและขากลับใกล้แคว้นคาลินินกราดในเขตบอลติกวันพุธ(6) เป็นเวลาราว 30 นาที
.
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยว่า ไม่มีภัยคุกคามต่อตัวรัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษที่อยู่บนเครื่องและมีนักข่าวของซันเดย์ ไทม์สติดตามไปด้วย
.
พบว่าโทรศัพท์มือถือไม่สามารถเชื่อมอินเตอร์เนต และเครื่องบิน RAF ของกองทัพอากาศอังกฤษจำเป็นต้องถูกบังคับให้ใช้วิธีอื่นในการหาพิกัดของตัวเอง
.
บีบีซีของอังกฤษรายงานว่า แหล่งข่าวตะวันตกเปิดเผยกับบีบีซีว่า "แคว้นคาลินินกราดนั้นมีความสามารถสูงทางด้านสงครามทางอิเล็กทรอนิก (electronic warfare) และไม่เป็นที่น่าประหลาดใจหากว่า..เครื่องบินอาจตกเป็นเหยื่อในหนทางเช่นนี้"
.
โฆษกถนนดาวนิงแถลงว่า เครื่องบินของแชปปส์ประสบปัญหาระบบ GPS ของเครื่องโดนรบกวนสัญญาณใกล้คาลินินกราดจริงแต่ยังคงย้ำว่าไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อทั้งตัวเครื่องและเป็นเรื่องปกติสำหรับการกวนสัญญาณใกล้แคว้นคาลินินกราดที่เป็นดินแดนรัสเซีย

ผู้สนใจสามารถชมคลิปเพิ่มได้ที่...https://mgronline.com/around/detail/9670000023669
ttps://www.facebook.com/photo?fbid=813283714173625&set=a.645849364250395&locale=th_TH

 

China: จีนเร่งส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยคุมไฟป่าในเสฉวน หลังกระแสลมแรงทำไฟลุกลามเผาทำลายพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น

สถานีโทรทัศน์ CCTV ของทางการจีน รายงานว่า ไฟป่าครั้งนี้เกิดขึ้นใกล้หมู่บ้านไป่ซี ในเขตย่าเจียง มณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ตั้งแต่ช่วงเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น อิทธิพลจากกระแสลมแรงส่งผลให้ไฟป่าลุกลามไปตามพื้นที่เชิงเขาอย่างรวดเร็ว จนเกิดเป็นไฟป่าจุดหลัก ๆ รวม 3 จุดในช่วงบ่ายวานนี้

สำนักงานจัดการภัยพิบัติท้องถิ่นประกาศยกระดับเตือนภัยจากไฟป่าขึ้นเป็นระดับที่ 4 มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 930 นายกำลังปฏิบัติหน้าที่ในจุดเกิดไฟป่าเพื่อควบคุมเพลิง และเตรียมส่งเจ้าหน้าที่อีก 775 นายไปช่วยเพิ่มเติม รวมถึงส่งเฮลิคอปเตอร์ดับไฟป่าอีก 9 ลำไปช่วยลำเลียงน้ำควบคุมไฟป่าด้วย

ด้าน Xinhua รายงานว่า ช่วงเช้าวันอาทิตย์ (17 มีนาคม) ผู้อาศัยในพื้นที่หลายคนเผยว่า ไม่สามารถมองเห็นไฟป่าได้จากที่ตั้งของอำเภอหย่าเจียง ขณะที่น้ำ ไฟฟ้า และบริการการสื่อสารไม่ได้รับผลกระทบ

หลังเกิดเหตุไฟป่า ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าว Xinhua ได้ติดต่อสถานีไฟฟ้าพลังน้ำเหลี่ยงเหอโข่วในอำเภอหย่าเจียง ซึ่งเจ้าหน้าที่เผยว่า สถานีแห่งนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากไฟป่า

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากไฟป่า แต่ชาวบ้านเกือบ 4,000 คนในพื้นที่ได้รับการอพยพไปยังที่ปลอดภัยแล้ว
—————
ภาพ: Xinhua

#TNNWorldNews #จีน #ไฟป่า #ไฟป่าจีน #เสฉวน
#เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ
————
อัปเดตข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน LINE กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
Instagram: https://www.instagram.com/tnn_worldtoday/
ttps://www.facebook.com/photo?fbid=816444850498302&set=a.647151714094284&locale=th_TH

 

“เป็นครูกู้ง่าย” คือประโยคที่หลายคนได้ยินจนคุ้นหู ไม่ว่าจะด้วยหน้าที่การงานที่มั่นคงหรือเงินเดือนที่แม้จะน้อยในช่วงแรกแต่ก็มีโอกาสเติบโตขึ้นตามขั้นบันได อย่างไรก็ตามถึงแม้การกู้ง่ายนั้นอาจนำมาสู่สภาพคล่องของครูที่มีมากขึ้น แต่ก็ทำให้ “ภาระหนี้ครู” พุ่งสูงขึ้นจนเกิดปัญหาเชิงสังคมตามมาเช่นเดียวกัน
.
กระทรวงศึกษาธิการเปิดเผยช่วงเดือน ธ.ค. 2566 ว่า ปัจจุบันครูในประเทศมีจำนวน 9 แสนคนซึ่ง 80% หรือประมาณ 7.2 แสนคน มีหนี้สินรวมกันมาก 1.4 ล้านล้านบาท และเจ้าหนี้รายใหญ่ของครูไทย คือสหกรณ์ออมทรัพย์ครู มูลค่า 8.9 แสนล้านบาทหรือ 64% ของยอดหนี้ทั้งหมดด้วยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 5.64%
.
หากถามถึงสาเหตุที่ทำให้ครูเป็นอาชีพที่ก่อหนี้มากที่สุดอันดับต้นๆ ในประเทศ ถ้ามองอย่างผิวเผินอาจสรุปได้ว่าอาชีพครูสามารถเข้าถึงเงินกู้ได้ง่ายเพราะเป็นอาชีพครูมีความมั่นคงสูงเงินเดือนขึ้นทุกเดือนและปรับสูงขึ้นตามขั้นบันไดไปจนถึงวันเกษียณจนได้ชื่อว่า “ลูกหนี้ชั้นดี” จนครูนำเงินไปใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าที่ไม่ก่อให้เกิดความมั่งคั่งในอนาคต
.
แต่หากจะชี้เพียงว่าปัญหาทั้งหมดเป็นเพราะความฟุ่มเฟือยของครูก็อาจเป็นการสรุปที่ไร้เดียงสาจนเกินไปเพราะแท้จริงแล้วมีปัญหาเชิงโครงสร้างภายใต้ “ก้อนหนี้ของครู” มหาศาล
.
โรงเรียนเล็ก งบน้อย ครูเงินเดือนต่ำ ต้องแบกภาระค่าใช้จ่าย
.
เพื่อเข้าใจปัญหาทั้งหมดในภาพกว้างก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า โรงเรียนในประเทศไทยมี 4 สังกัดหลัก คือ
.
1. สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
.
2. สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)
.
3. สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ)
.
4. สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
.
โรงเรียนในแต่ละสังกัดมีความท้าทายและปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างปัญหาของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน คือ “หลักคิด” ในการจัดสรรทรัพยากรเพื่อแจกจ่ายให้แต่ละโรงเรียนที่ใช้เพียง “จำนวนนักเรียน” เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา โดยไม่คำนึงถึงความท้าทายอย่างอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่ตั้งของโรงเรียน
.
ปัจจุบันโรงเรียนในสังกัด สพฐ. มีทั้งหมดสามหมื่นแห่ง ครึ่งหนึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนต่ำกว่าร้อยยี่สิบคน แต่ส่วนกลางกลับแจกจ่ายงบฯ โดยนำจำนวนนักเรียนเป็นตัวหาร หรือนำจำนวนนักเรียนเป็นตัวคูณ จึงทำให้โรงเรียนที่มีนักเรียนมากได้เปรียบ ส่วนโรงเรียนที่มีนักเรียนน้อยก็ได้รับทรัพยากรน้อยตามไป
.
.
อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1118081?anm=
.
#ภาระหนี้ครู #ครูกู้ง่าย #ลูกหนี้ชั้นดี #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic
ttps://www.facebook.com/photo?fbid=810621554436766&set=a.605386548293602&locale=th_TH