ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อาร์เจนตินาความยากจนพุ่ง สูงสุดในรอบ 20 ปี

    รายงานชี้ว่า ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาอาร์เจนตินามีอัตราความยากจนพุ่งสูงถึง 57.4% นับว่าเป็นสถิติที่สูงที่สุดในรอบ 20 ปี และสูงกว่าปีที่แล้วเกือบ 10% โดยในปีที่แล้วอัตราความยากจนในอาร์เจนตินาอยู่ที่ 49.5% ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้ชาวอาร์เจนตินา 6 ใน 10 คน มีคุณภาพชีวิตที่จนไปแล้ว

    อย่างไรก็ตาม กระทรวงเศรษฐกิจอาร์เจนตินาระบุว่า ในอนาคตอันใกล้อัตราความยากจนน่าจะลดลง หลังมีสัญญาณเศรษฐกิจที่ดีขึ้น โดยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาอาร์เจนตินาการเกินดุลงบประมาณราว 22,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2555 ที่อาร์เจนตินามีงบประมาณเกินดุล

    #ข่าวโมโน29 #mononews29 #ข่าวต่างประเทศ #อาร์เจนตินา #ความยากจน #เงินเฟ้อ #คนจน #อเมริกาใต้

    https://www.facebook.com/share/p/S1nWtTQBtuD2ZfR7/?mibextid=oFDknk
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วิธีแก้คอเคล็ด นอนตกหมอน ปวดคอ แนะนำวิธีรักษาด้วยตนเอง
    .
    อาการตกหมอน ปวดคอ คอเคล็ด หรือ กล้ามเนื้อคออักเสบเฉียบพลัน ไม่สามารถหันซ้ายหันขวาได้อย่างปกติ เอี้ยวคอไม่ได้ และอาจจะมีอาการปวดของกล้ามเนื้อบริเวณรอบ ๆ ร่วมด้วย เช่น กล้ามเนื้อบ่า ไหล่ หรือสะบัก มีวิธีรักษาที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองมาแนะนำ
    .
    #คอตกหมอนเกิดจากอะไร?
    เกิดจาก ระหว่างนอนหลับ ลำคอและศีรษะอยู่ในท่าทางที่ผิดปกติ เช่น คอพับ คอเอียง หรือหันไปข้างใดข้างหนึ่ง ทำให้มีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อคอเฉียบพลัน เกิดการอักเสบ ปวดตึงคอ เมื่อคลำอาจจะพบการเกร็งของกล้ามเนื้อเป็นลำชัดเจน อาจมีอาการปวดและเกร็งของกล้ามเนื้อบ่า สะบักข้างเดียวกันได้ด้วย โดยอาการดังกล่าวทำให้รู้สึกใช้ชีวิตได้ไม่ปกติ แต่ส่วนมากอาการจะสามารถหายเองได้ภายใน 3-5 วัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม : 5 วิธีแก้อาการตกหมอน
    >> https://mono29.com/life/health/476200.html



    https://www.facebook.com/share/p/ef4MGfxbwJmojbxb/?mibextid=oFDknk
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2024
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Feb 20, 2024 เชียร์ลดหย่อนภาษี! “เสนา”ขานรับมาตรการรัฐจ่อลดหย่อนภาษี ดันติดโซลาร์รูฟท็อป แนะปลดล็อคข้อจำกัดหม้อแปลงให้ได้มากกว่า 15% รับซื้อไฟเพิ่มจูงใจประชาชน
    .
    ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการส่งเสริมการติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่อยู่อาศัย (โซลาร์รูฟท็อป) โดยใช้มาตรการหักลดหย่อนภาษีประจำปีไม่เกิน 2 แสนบาท 10 กิโลวัตต์ เพื่อสนับสนุนคนใช้โซลาร์ 9 หมื่นครัวเรือนต่อปี เพื่อลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้า สำหรับประชาชนผู้ร่วมโครงการโซลาร์ภาคประชาชนว่า นับเป็นมาตรการที่ดีในการส่งเสริมให้เกิดประโยชน์กับประชาชนในระยะสั้น ซึ่งเห็นว่าภาครัฐควรมีมาตรการหรือกลไกที่จะส่งเสริมให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์ระยะยาวควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะโครงการโซลาร์ภาคประชาชนที่ควรรับซื้อไฟคืนในอัตราที่เหมาะสม และขยายสัดส่วนปริมาณรับซื้อไฟที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับไฟฟ้าส่วนเกินของครัวเรือน ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะเกิดแรงจูงใจให้ประชาชนหันมาติดตั้งมากขึ้น เพื่อเดินหน้าตามเป้าหมายที่รัฐบาลต้องการส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานทดแทนในภาคครัวเรือน
    .
    “นอกจากในเรื่องของมาตรการระยะสั้นและยาวดังกล่าว รัฐควรจะต้องมองในเรื่องการปลดล็อคกฎเกณฑ์หรือข้อกำหนดต่างๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น การเพิ่มข้อจำกัดขนาดหม้อแปลงของผู้ขายไฟฟ้ารวมกัน จากเดิมไม่เกิน 15% ให้ได้มากกว่า 15% ของขนาดพิกัดหม้อแปลง เพราะมองว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก หากปลดล็อกส่วนนี้ได้ก็จะเป็นผลดีต่อทิศทางของการเพิ่มปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าของภาครัฐ” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
    .
    ปัจจุบันกระแสการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในประเทศไทยมาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ
    .
    1. กระแสรักษ์โลก เพราะทุกคนรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
    2. ราคาโซลาร์รูฟท็อปเริ่มมีราคาที่ถูกลงซึ่งเป็นไปตามกลไกของตลาด และ
    3. เทคโนโลยีของโซลาร์รูฟท็อปยังมีการพัฒนาได้อีกเยอะ โดยเฉพาะในเรื่องแบตเตอรี่เพื่อกักเก็บไฟฟ้า รวมถึงการปลดล็อคข้อกำหนดและกฎเกณ์ต่างๆ เพื่อกระตุ้นการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปภาคประชาชนให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้น หากรัฐสามารถแก้ไขระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายไฟฟ้าจากภาคประชาชน จะมีส่วนสำคัญต่อการกระตุ้นให้ผู้พัฒนาอสังหาฯ เข้ามาติดตั้งโซลาร์ในหมู่บ้านจัดสรรมากขึ้น
    .
    “หากแก้ระเบียบต่างๆ จะทำให้กลไกตลาดของราคาแผงโซลาร์มีความคุ้มค่าในการติดตั้ง แม้ว่าราคาปัจจุบันราคาจะลดลงกว่าอดีตก็ตาม แต่ก็ยังไม่เกิดการตื่นตัวติดโซลาร์เท่าที่ควร เนื่องจากไฟที่ผลิตได้ในช่วงกลางวันไม่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้บริโภคได้ เพราะด้วยปัจจัยการดำรงชีวิตที่ส่วนใหญ่ ออกไปประกอบอาชีพในช่วงกลางวัน ดังนั้น รัฐควรมีโครงสร้างการรับซื้อไฟที่เหมาะสมและจูงใจมากกว่าเดิมที่ปัจจุบันรับซื้อไฟส่วนเกินที่ 2.20 บาท/หน่วยเท่านั้น” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
    .
    ปัจจุบันโครงการต่างๆ ของเสนาฯ ได้ติดตั้งโซลาร์ให้กับลูกบ้าน ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียม รวมกว่า 5,000 ยูนิต และยังมีการพัฒนานำเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการออกแบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน รวมถึงมีระบบประมวลผลของการลดการใช้พลังงาน โดยร่วมกับ Zeroboard (Thailand) พันธมิตรจากญี่ปุ่น ที่เชี่ยวชาญในการให้บริการคลาวด์เทคโนโลยีสำหรับคำนวณและแสดงผลลัพธ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกและได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการใช้ชีวิตแบบ Low-Carbon ให้กับที่อยู่อาศัย โดยเสนาฯ ได้การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด “ZEH หรือบ้านพลังงานเป็น 0” โดยนำการออกแบบ Passive และ Active design ช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้าน เลือกใช้วัสดุประหยัดพลังงาน ช่วยกันความร้อน รวมถึงใช้พลังงานสะอาดจากโซลาร์เซลล์ ช่วยให้เจ้าของบ้านซื้อไฟฟ้ามาใช้น้อยที่สุด ดังนั้น ขณะนี้ที่อยู่อาศัยที่เสนาฯ พัฒนาขึ้น สามารถประหยัดได้สูงสุดตั้งแต่ระดับ18-50% รวมถึงการติดตั้ง EV Ready เครื่องชาร์จรถพลังงานไฟฟ้า (EV Charger) เพื่อรองรับรถยนต์ไฟฟ้าที่จะเติบโตเพิ่มขึ้น
    .
    อย่างไรก็ตาม เสนาฯ ได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่อยู่อาศัย เดินหน้าสู่การเป็นองค์กรพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน Sustainability โดยมุ่งสู่การลดคาร์บอน หรือ Net Zero เพื่อสร้างความสมดุล 3 ด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ด้วยการทำผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือสินค้ารักษ์โลก เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าถึง และสามารถใช้ชีวิตในแบบ Sustainability เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกคน
    .
    “สิ่งที่เสนาฯ ทำไม่ใช่แค่การติดตั้งโซลาร์ แต่ต้องการทำให้ผู้บริโภคใช้ชีวิตแบบ Sustainability ยกตัวอย่างเราขายบ้านได้ 5 หลัง แสดงว่าเรากำลังชักชวน 5 ครอบครัวมาสู่การใช้ชีวิต Sustainability และถ้าปีนี้ขายได้ 2,000 หลัง ก็มีเพิ่มขึ้นอีก 2,000 ครอบครัว เพื่อให้พวกเขามาเป็นส่วนหนึ่งของ เสนา แอนด์ เดอะ แก็งค์ ในการช่วยกันรักษ์โลกใบนี้” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3T5K5lJ
    .
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #เสนาดีเวลลอปเม้นท์ #อสังหาริมทรัพย์ #ลดหย่อนภาษี #โซลาร์รูฟท็อป #BTimes
    https://www.facebook.com/share/p/4gGGBLxiVz25nwrj/?mibextid=oFDknk
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Feb 20, 2024 เทียบเห็นภาพ! เครดิตบูโรเตือนหนี้ครัวเรือนไทยอยู่ในระดับอันตราย แตะ 91% ต่อจีดีพี น่าห่วงสุดคือสินเชื่อรถ-บ้านเข้าสู่ช่วง “ฝีแตก” ผ่อนไม่ไหว
    .
    นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร โพสต์เฟซบุ๊กฉายภาพหนี้ครัวเรือนไทยที่วันนี้ในระบบอยู่ที่ 16.2 ล้านล้านบาท หรือ ราว 91% ต่อจีดีพี พร้อมถามว่าอันตรายหรือยัง? เพราะถ้าหากเทียบกับนานาประเทศ ถ้าเกิน 80% ถือว่าเป็นระดับที่อันตรายแล้ว
    .
    หากแยกดูเฉพาะสินเชื่อที่อยู่บนฐานข้อมูลของ “เครดิตบูโร” ที่มีสินเชื่อรวมที่ 13.7 ล้านล้านบาท มี 3 ก้อนที่น่าเป็นห่วง คือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ , สินเชื่อค้างชำระแต่ไม่เกิน 90 วัน ที่เรียกว่า SM และสินเชื่อที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้าง (TDR) ที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งวันนี้หนี้เสียกลับมาทะลุ 1.05 ล้านล้านบาท ณ สิ้นปี 2566 ที่ 28%
    .
    ที่น่าห่วงที่สุดในมุมของเครดิตบูโร คือ สินเชื่อรถ และสินเชื่อบ้าน ที่วันนี้สินเชื่อรถเข้ามาสู่ช่วง “ฝีแตก” มีคนจำนวนมากผ่อนรถไม่ไหว และปล่อยให้รถถูกยึด ทำให้วันนี้ มีรถเข้าสู่ตลาดประมูลถึง 2 แสนคัน แม้จะไม่สูงเท่ากับตอนที่มีนโยบายรถคันแรกที่มีรถถูกยึด และเข้าสู่การประมูลถึง 3 แสนคัน แต่รถยึดระดับ 2 แสนคัน ถือว่าไม่น้อย
    .
    โดยอีกก้อนที่น่าห่วงไม่แพ้กัน และความเป็นห่วงเริ่มมากขึ้น นั่นคือ สินเชื่อบ้าน ที่มีพอร์ตหนี้เสียถึง 1.8 แสนล้านบาท เติบโตถึง 7% แปลว่า มีบ้านที่กำลังจะถูกยึดถึง 1.8 แสนหลัง ในระยะข้างหน้า หากไม่สามารถแก้ปัญหาในการชำระหนี้ได้
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3UMHPRt
    .
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #เครดิตบูโร #เศรษฐกิจ #แก้หนี้ #หนี้ผ่อนรถ #หนี้ผ่อนบ้าน #หนี้ครัวเรือน #หนี้เสีย #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/6nNKRWeT56TFXbpi/?mibextid=oFDknk
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อ่อนค่าสุดตั้งแต่ "ต้มยำกุ้ง"
    เงินริงกิตของเพื่อนบ้านมาเลเซีย อ่อนสะบัด อ่อนทะลักไปถึง 4.797 ริงกิต/ดอลลาร์ --- สถิติอ่อนสุดตั้งแต่ปี 1998
    นับตั้งแต่เปิดหัวปี 2024 อ่อนระเบิด อ่อนบรรลัย อ่อนไหลลากไปตั้ง 4% และไม่มีทีท่าจะยั้งหยุด
    เคยโพสต์ไปเมื่อหลายเดือนก่อน --- "มหาเธร์" แนะให้รัฐบาลประกาศ "ตรึงค่าเงิน" มิฉะนั้น เสร็จแน่!
    อย่าลืมนะครับท่าน เขาคนนี้คือมหาบุรุษผู้นำพาประเทศชาติฝ่าความเผ็ดแสบเผ็ดร้อนมหาประลัยของวิกฤติ "ต้มยำกุ้ง"
    ใช่ว่าสักแต่พูด!
    เขาเคยประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ --- ตอกหน้า IMF "กองทุนการเงินระหว่างประเทศ" และบรรดาชาติตะวันตกที่เคยปรามาสมาแล้ว

    "มหาเธร์" ชี้ว่า ถ้าไม่ทำตามที่เขาบอก เงินริงกิตอาจอ่อนหลุดไปถึงระดับ 5 ริงกิต/ดอลลาร์ (อ่อนจากวันที่กล่าวไปอีก 5%)

    ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบัน
    ย้ำว่าวันนี้ มีสอยไปถึง 4.797 ริงกิต/ดอลลาร์แล้ว ...
    (โปรดดูภาพประกอบในคอมเมนต์)

    FB_IMG_1708424801101.jpg

    https://www.facebook.com/share/p/Ny7Pcj8q39spetR6/?mibextid=oFDknk
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2024
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เสียวสะท้านทรวง
    1 ล้านล้านวอน!!!!! 5 แบงก์ยักษ์ใหญ่เกาหลีใต้ "เจ๊ง" ไปแล้ว จากลงทุนอสังหาฯ ต่างแดน
    ยังตามต่อเนื่องนะครับท่าน --- เพจเดือดฯ เกาะเรื่องอสังหาฯ อเมริกาที่กำลังสุ่มเสี่ยงล่อแหลม (แต่ยังใช้คำว่า "วิกฤติ" ไม่ได้ ... และภาวนาหวังว่าจะใช้ไม่ได้ไปตลอด)
    แรงกระแทก จากจีน ขย่มไปถึงแผ่นดินอเมริกา (เพราะจีนขาย "ขายทุน" มหาศาล ราคาร่วงระนาว) และกระเพื่อมสะเทือนมาถึงทั้งเยอรมัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ (ที่ก็กำลังครั่นเนื้อครั่นตัวจากการลงทุนในอสังหาฯ อเมริกาเหมือนกัน)
    5 แบงก์บิ๊กๆ ถิ่นกิมจิ ลงทุนอสังหาฯ ต่างแดน รวมกันสูงถึง 20 ล้านล้านวอนนะครับท่าน
    (ได้แก่ Hana Financial Group / KB Financial Group / Shinhan Financial Group / Woori Financial Group / Nonghyup Financial Group)
    ไอ้ 1 ล้านล้านวอนนี่ คือที่เสียไปแล้ว
    ส่วน 19 ล้านล้านที่เหลือ ไม่ใช่ว่ารอดนะครับท่าน --- ตกอยู่ในความหวาดหวั่น
    จะไปมิไปแหล่

    เห็นเรื่องเงียบๆ แต่มิอาจวางใจเด็ดขาด
    ต้องติดตามกันต่อนะครับท่าน

    https://www.facebook.com/share/p/J4c8CsoZxvFiiVur/?mibextid=oFDknk

    FB_IMG_1708424937036.jpg

    https://www.bloomberg.com/news/arti...f-losses-in-overseas-properties?sref=c1IcpBlQ
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หมอเกาหลีใจเด็ด --- (ผมพยายามใช้คำกลางๆ ไม่ส่อลบส่อบวก เช่น ใจหินอะไรเทือกนั้น)
    "วอล์กเอาท์" ทิ้งห้องผ่าตัด ห้องตรวจ ฯลฯ --- หมอฝึกหัด และ หมอประจำบ้าน จำนวน 2,700 คน รวมหัว "ประท้วง" อย่างเผ็ดร้อน
    ไม่ใช่น้อยนะครับท่าน คิดเป็น 37% ของหมอทั้งหมดในเกาหลีใต้
    และไม่ใช่คำว่า "สไตรค์" (หยุดงานประท้วง) แต่ แต่ แต่ "ลาออกประชด" ซะเลย!!!!!!
    คนไข้สะดุ้งคาเตียง
    คิดดู ... 37% นี่เยอะนะครับท่าน

    ทำไม? โดนอะไรให้ต้องคับข้องใจขนาดนั้น
    เอ่อ คือ รัฐบาลกำลังผลักดันให้มหาวิทยาลัยมากรับนักศึกษาแพทย์จำนวนมากขึ้น
    ปัจจุบัน มีเพดานติดไว้ที่ 3,058 คนต่อปี
    แต่สถานการณ์ขณะนี้ หมอ "ขาดแคลน" ในเกาหลีอย่างหนัก --- รัฐบาลจำต้องเร่งรุดแก้ไข จะยกเพดานขยายขึ้นอีก 2,000 คน เพื่ออนาคต

    สร้างความพึงพอใจให้พี่น้องประชาชนชาวกิมจิ
    ทว่าจุดระเบิดความเดือดดาลแก่บรรดาหมอๆ --- โดยเฉพาะหมอเด็กๆ อย่างหมอฝึกหัดและหมอประจำบ้าน ซึ่งจะต้องเจอการแข่งขันขับเคี่ยวเพิ่มขึ้นในอีกไม่ช้า
    (และแน่นอน ... ที่ผ่านมา เมื่อหมอขาดแคลน ค่าแรงย่อมพุ่งเอาๆ
    ทีนี้ ถ้าวันหน้า หมอหลั่งเข้าสู่ตลาดแรงงานเยอะขึ้น ค่าแรงก็จะขึ้นเพลาๆ หน่อย)

    หมอเกาหลีจึงต้อง "แสดงออก" ถึงจุดยืนอันกล้าแข็ง
    ... โดยไม่ยี่หระ ว่าคนไข้จะตาปริบๆ
    พะงาบๆ รอหมอมารักษาด้วยความหวัง

    เพื่อความถูกต้อง ก็ต้องแลกด้วยมนุษยธรรม
    ?
    ?
    ?
    หมอเกาหลีใจเด็ด

    (คนดีที่โลกรอ หมอโฮจุน มีแค่ในละคร)
    https://www.facebook.com/share/p/AFmwVnmxMBNfkXJo/?mibextid=oFDknk
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Feb 24, 2024 จีนดั้มไทย! ของจีนราคาสุดถูกระบายตีตลาดในไทย สะเทือนไทยขาดดุลการค้าจีนแล้วกว่า 1 ล้านล้านบาท สะท้อนเศรษฐกิจจีนแย่ ผลิตล้นขายไม่ออกในตะวันตก สบช่องสั่งดั้มขายในไทยพ่วงอาเซียน

    ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี อนาติติกส์ หรือ ttb analytics เปิดเผยว่า ผู้ผลิตในประเทศไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันจากสินค้านำเข้าจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ที่เข้ามาในตลาดของประเทศไทย การปรับตัวของโครงสร้างภาคผลิตไทยทำได้ช้าจึงแข่งขันได้ยาก จากข้อจำกัดในเรื่องห่วงโซ่อุปทานในแต่ละอุตสาหกรรม และลักษณะเฉพาะด้านโครงสร้างธุรกิจ อีกทั้งการเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว

    ในทางกลับกัน สินค้าอุปโภคบริโภคที่นำเข้าจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่มีข้อได้เปรียบจากราคาถูกตามการประหยัดต่อขนาด หรือหลักการผลิตแบบ Economies of Scale รวมถึงการฉกฉวยข้อได้เปรียบจากระเบียบการยกเว้นภาษีขาเข้าศุลกากรของไทย ส่งผลให้ประเทศไทยนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยสูงถึง 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือคิดเป็น 20% ของมูลค่านำเข้าจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งหมด

    ขณะเดียวกัน ผู้ค้าในประเทศไทยก็เริ่มเผชิญข้อจำกัดจากการที่กลุ่มทุนธุรกิจ หรือเอกชนจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาทำตลาดในประเทศโดยตรง หากพิจารณาตัวเลขหมวดย่อยการเติบโตทางเศรษฐกิจในฝั่งการผลิต พบว่า กิจกรรมภาคการค้าปลีกค้าส่งในปี 2566 ขยายตัวได้ดีถึง 3.8% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีผ่านมา ซึ่งสวนทางกับกิจกรรมในภาคการผลิต (Manufacturing) ที่หดตัว 3.2% ซึ่งส่วนหนึ่งจากความนิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้มูลค่าตลาดค้าปลีกออนไลน์ในประเทศไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว จนทำให้ระยะหลัง ผู้ค้าในประเทศไทยเองก็กำลังเผชิญการแข่งขันที่ยากลำบากขึ้นจากการทำตลาดเองโดยตรงของผู้ผลิตและผู้ค้าสัญชาติจีนที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคชาวไทยได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก (มีต่อหน้า 2/2)

    (หน้า 2/2) ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี อนาติติกส์ ชี้ว่า ผู้ประกอบการในประเทศอาจต้องเผชิญการแข่งขันในประเทศที่รุนแรงขึ้น เนื่องจากความเสี่ยงที่สถานการณ์สินค้าจีนทะลักไทยจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทั้งปริมาณและการกระจายสินค้าไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ มากขึ้น เป็นผลพวงของเศรษฐกิจจีนชะลอตัวและด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอลงกว่าในอดีตจากผลกระทบของวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่ภาคการผลิตจีนยังคงรักษาอัตรากำลังการผลิตในระดับสูงเพื่อคงระดับการจ้างงานในประเทศต่อไป จึงเกิดเป็น “ภาวะการผลิตมากเกินไป” (Overproduction)

    ขณะที่ผู้ผลิตจีนก็มีข้อจำกัดทางการค้าจากประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์มากขึ้น ทำให้ไม่สามารถระบายสินค้าไปยังคู่ค้าหลักเดิมอย่างสหรัฐฯ ได้เหมือนในอดีต ส่งผลให้จีนปรับเปลี่ยนการส่งออกไปยังตลาดอาเซียนซึ่งได้เปรียบเรื่องทำเลที่ตั้งที่ใกล้เคียงเพิ่มขึ้น

    สอดคล้องกับตัวเลขมูลค่าส่งออกจีนไปตลาดอาเซียนขยายตัวเร่งขึ้นในระยะหลัง จนทำให้สัดส่วนส่งออกไปตลาดอาเซียนในปัจจุบันใหญ่กว่าที่ส่งออกไปสหรัฐฯ เช่นเดียวกับไทยมีการนำเข้าสินค้าจากจีนขยายตัวเฉลี่ยสูงถึง 9.2% ในช่วงปี 2563-2566 คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าสูงถึง 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้ากับจีนสูงสุดเมื่อเทียบกับคู่ค้าสำคัญหรือขาดดุลการค้าราว 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.33 ล้านล้านบาทในปี 2566

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook(เฟซบุ๊ก): https://m.facebook.com/btimesch3/
    YouTube(ยูทูป): https://m.youtube.com/c/MisterBan
    TikTok(ติ๊กตอก): https://www.TikTok.com/@btimes_ch3
    X (เอ็กซ์): https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    Threads(เทร็ดส์): https://www.threads.net/@btimes.ch3
    เว็บไซต์: https://btimes.biz
    Podcast(พ็อดคาสท์): https://btimes.podbean.com/

    #เศรษฐกิจ #ไทย #ฟื้นช้า #จีดีพี #BTimes #จีน #ตีตลาด

    https://www.facebook.com/share/p/SDeZGz1sGBxAJeiq/?mibextid=oFDknk
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เศรษฐกิจไทยจะต้องวิกฤตขนาดไหน ถึงต้องเล่นใหญ่ลดดอกเบี้ยรวดเดียวได้ ?
    .
    ประเด็นฮอตร้อนฉ่าในทุกวงการเศรษฐกิจตอนนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของ “ดอกเบี้ย” ที่ต่างแสดงความคิดเห็น บทวิเคราะห์ การประเมิน ผลได้ ผลเสีย ผลดี ผลร้าย หลากหลายมิติ จากการลดหรือไม่ลดดอกเบี้ยนโยบายของทางแบงก์ชาติ
    .
    โดยหลังจากที่ประชุม กนง. ครั้งที่ 1/2567 ได้มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% โดยให้เหตุผลว่า เศรษฐกิจไทยมีปัญหาเชิงโครงสร้าง ซึ่งการลดอัตราดอกเบี้ยไม่ช่วยแก้ปัญหาการเติบโตต่ำได้ ทั้งยังเป็นการใช้ Policy Space ที่มีจำกัดอย่างไม่คุ้มค่า โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวมยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องในช่วง 2.5–3.0% ในปี 2567
    .
    จากปัจจัยหนุนเรื่องของการบริโภคภาคเอกชนที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีแรงสนับสนุนจากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น การฟื้นตัวของรายได้ครัวเรือน ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับดีขึ้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและเครื่องชี้ความต้องการท่องเที่ยวในไทยที่อยู่ในทิศทางขยายตัว ซึ่งคาดว่าในปี 2567 จะอยู่ที่ 34.5 ล้านคน ขณะที่ภาคการส่งออกและการผลิตมีแนวโน้มขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนหนึ่งจากอุปสงค์สินค้าโลกที่ฟื้นตัวช้า และผลประโยชน์จากการกลับมาของวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่น้อยลง
    .
    ปัญหาเชิงโครงสร้างที่กดดันภาคการส่งออกและภาคการผลิตมาเป็นเวลานานส่งผลชัดเจนขึ้นต่อเศรษฐกิจ โดยกลุ่มสินค้าส่งออกกว่า 70% ที่ฉุดรั้งมูลค่าการส่งออกในปี 2566 มาจากสินค้าที่เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน เช่น สินค้าหมวดปิโตรเคมีที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของจีนที่ต้องการเพิ่มอุปสงค์ในประเทศ และลดการพึ่งพาปัจจัยการผลิตจากต่างประเทศ (Dual Circulation Strategy), สินค้า Hard Disk Drive ที่สูญเสียตลาดให้กับ Solid State Drive ซึ่งเป็นสินค้าทดแทนที่ผู้ประกอบการในไทยยังไม่มีความสามารถในการผลิต ทั้งนี้การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของไทยขยายตัวได้เฉลี่ย 4% ต่อปีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ต่ำกว่าประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ที่ขยายตัว 37%, 14% และ 10% ตามลำดับ ที่สำคัญคือสินค้าเกษตร เช่น ข้าว โดยส่วนแบ่งตลาดส่งออกข้าวของไทยลดลง ล่าสุดมาอยู่ที่ 13% จาก 25% ในปี 2546
    .
    นอกจากนี้การผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศของไทยถูกกระทบจากการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันเช่นกัน สะท้อนจากสัดส่วนสินค้านำเข้าต่อการบริโภคภาคเอกชนของไทยที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จาก 17% มาอยู่ที่ 24% ในปี 2566 โดยเป็นการนำเข้าสินค้าจากจีนที่เพิ่มขึ้นจาก 5% มาอยู่ที่ 9% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ติดลบก็ยังไม่ได้สะท้อนอุปสงค์ที่อ่อนแอ
    .
    จากที่ กนง. ให้เหตุผลว่าการที่ลดดอกเบี้ยอาจไม่ช่วยอะไร การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับที่เป็นกลางต่อเศรษฐกิจ (Neutral Interest Rate) จะช่วยสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ซึ่งเหตุผลหลักๆ ที่ กนง. สื่อคือเรื่องของปัญหาเชิงโครงสร้าง หรือง่ายๆ ให้เห็นภาพอาจจะเปรียบได้ว่า “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” เพราะเศรษฐกิจต่ำขนาดนี้ดอกเบี้ยคงเข็นไม่ขึ้น หรือไม่?
    .
    ด้านนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ก็ได้เรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดดอกเบี้ยนโยบายเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาค่อนข้างจะต่ำกว่าที่คาดไว้ และตัวเลขหนี้ที่ค้างชำระ ระหว่าง 1–3 เดือน (SML) หนี้เสีย (NPL) หนี้ครัวเรือน โดยอยากให้พิจารณาเรื่องมาตรการทางการเงิน ไม่ได้มีแค่เรื่องลดดอกเบี้ยเท่านั้น หลังจากที่ได้เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจทั้งปี 2566 ที่ขยายตัวเพียง 1.9% ตํ่ากว่าที่คาดว่าจะขยายตัว 2.5% ส่วน กนง. จะมีการประชุมนัดพิเศษเพื่อหารือเรื่องดอกเบี้ยหรือไม่ แล้วแต่ กนง. จะพิจารณา
    .
    อย่างไรก็ตาม ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Nikkei Asia เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ในบางช่วงบางตอน ระบุว่า ธปท. ไม่เอาด้วยกับการเรียกร้องให้จัดประชุมฉุกเฉิน เพื่อลดอัตราดอกเบี้ย ปัญหาเชิงโครงสร้างและวัฏจักรที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยจะไม่ได้รับการแก้ไขด้วยการกลับทิศทางนโยบายการเงิน
    .
    “ธนาคารกลาง ‘ไม่ได้ดันทุรัง’ ในเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ปัจจุบันอยู่ในระดับสูงในรอบทศวรรษ แต่ขอให้พิจารณาตัวเลขล่าสุดที่แสดงถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอและอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ติดลบ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเติบโตเพียง 1.9% ในปี 2566 ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่ไปไหนทำให้งบประมาณรัฐบาลปี 2567 ล่าช้า”
    .
    “ถ้าเราลดอัตราดอกเบี้ยลง ก็ไม่ได้ทำให้นักท่องเที่ยวจีนจับจ่ายมากขึ้น หรือทำให้บริษัทจีนนำเข้าปิโตรเคมีจากไทยมากขึ้น หรือทำให้รัฐบาลเบิกจ่ายงบประมาณเร็วขึ้น และนั่นคือ 3 ปัจจัยหลักที่ทำให้เศรษฐกิจเติบโตช้า”
    .
    ดร.เศรษฐพุฒิ กล่าวถึงความสัมพันธ์ของเขากับนายกรัฐมนตรี ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังด้วยว่ามีความ “เป็นมืออาชีพ” และมีความ “จริงใจ” แต่ปฏิเสธว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ใน “วิกฤต” นายกรัฐมนตรีเศรษฐาได้ชี้ให้เห็นถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอมาตลอดเพื่ออ้างได้ว่าเศรษฐกิจวิกฤตเพื่อที่จะได้รับการอนุมัติจากกระบวนการทางนิติบัญญัติ ให้เดินหน้านโยบาย ‘ดิจิทัลวอลเลต’ ได้ “การฟื้นตัวแม้อ่อนแอ แต่ก็ฟื้นและต่อเนื่อง”
    .
    ซึ่งหลังจากได้เห็นบทสัมภาษณ์ดังกล่าว นายกฯ รัฐมนตรี เศรษฐา ได้ออกมาเรียกร้องอีกครั้งเมื่อวันจันทร์ ให้ ธปท. จัดการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ฉุกเฉินก่อนการประชุมปกติครั้งต่อไปซึ่งตามกำหนดคือจะมีขึ้นในวันที่ 10 เมษายน 2567
    .
    ด้านสำนักวิจัย CIMB Thai โดยนายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาค้านลดดอกเบี้ยนโยบาย เพราะเชื่อว่าหากอยากให้ได้ผลต้องลดลงแรงจริง และยังบอกด้วยว่าดอกเบี้ยไม่ใช่ยารักษาทุกโรค ถ้าลดดอกเบี้ยเพียง 0.25% หรือ 0.50% ไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต้องลดลงถึง 1.25% จึงจะมากพอ ซึ่งเป็นการปรับลดในระดับวิกฤตการเงิน และเป็นระดับเดียวกับก่อนเกิดวิกฤตโควิด ผลข้างเคียงของการลดดอกเบี้ยนี้จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า และอาจเป็นการประกาศสงครามค่าเงินกับเพื่อนบ้าน เพราะบาทที่อ่อนจะแย่งชิงความสามารถในการแข่งขันกับประเทศคู่แข่ง และอาจลามเป็นการอ่อนค่าของค่าเงินในภูมิภาคได้ในภายหลัง
    .
    และยังแสดงมุมมองด้วยว่าความขัดแย้งระหว่างการเมืองและเศรษฐกิจเป็นประเด็นที่น่าติดตาม โดยรัฐบาลคาดหวังการลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ยังตรึงดอกเบี้ยเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ โดยความขัดแย้งด้านทิศทางดอกเบี้ยมีส่วนกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ
    .
    ด้าน ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) แสดงความเห็นว่าดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบัน มองว่าปกติดอกเบี้ยจะดูตามประมาณการของเงินเฟ้อและเศรษฐกิจ ปัญหาคือในไตรมาสที่ 4 เศรษฐกิจอ่อนกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่การประมาณการเศรษฐกิจในปีนี้เฉลี่ยยังอยู่ที่ 2–3% การที่เศรษฐกิจอ่อนลงและเงินเฟ้อต่ำกว่าที่คาดไว้ก็สามารถที่จะมีการกระตุ้นจากนโยบายการเงินบ้าง เพียงต้องตัดสินใจว่าเวลาไหนถึงจะเหมาะสม และต้องมองถึงอนาคตว่าการลดดอกเบี้ยจะเป็นจังหวะไปเสริมกับเศรษฐกิจที่ฟื้นแล้วเพราะดอกเบี้ยกว่าจะออกผลต้องใช้เวลาประมาณเกือบ 1 ปี
    .
    ที่ผ่านมายังมีอีกหลายความคิดเห็น และหลายบทวิเคราะห์ที่มีมุมมองแตกต่างกันไป แต่ในท้ายที่สุดไม่ว่าจะลด หรือไม่ลดดอกเบี้ย ประชาชนตาดำๆ ก็คงจะหวังแค่เพียงว่าสิ่งที่รัฐบาลหรือแบงก์ชาติ จะดำเนินไปขอให้นึกถึงประชาชนและประโยชน์ที่จะตกถึงประเทศชาติที่แท้จริง ไม่ใช่แค่นโยบายฉาบฉวย หรือเกมทางการเมือง...
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/49rCljp
    .
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #ดอกเบี้ย #แบงก์ชาติ #ธนาคารแห่งประเทศไทย #กนง #ธปท #หนี้ครัวเรือน #การค้า #เงินเฟ้อ #เศรษฐกิจ #BTimes
    https://www.facebook.com/share/p/zQzi6tRKu26DwUEi/?mibextid=oFDknk
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Feb 24, 2024 ลามไปต่อ! ผงะกำลังซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ในไทยหดหายกว่าเดิม ลามถึงบ้านใหม่ป้ายแดงต่ำ 5 ล้านบาทเจอยอดโอนดิ่งเกือบ 9% บ้านต่ำ 1 ล้านบาทขายแทบไม่ออก ยอดโอนติดลบเกือบ 10%

    นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า ถ้าสังเกตให้ดี จะเห็นว่าจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทลงมา ปรากฏว่าติดลบทุกกลุ่มราคา หากพิจารณาตามระดับราคา ก็จะพบว่ากลุ่มราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทลงไป มีแนวโน้มติดลบทุกเซ็กเมนต์ชัดเจนทั้งในแง่หน่วยและมีมูลค่า

    ข้อมูลในปี 2566 พบว่า ตัวเลขหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย(บ้านใหม่)ระดับราคา 3-5 ล้านบาทติดลบ 8.6% สะท้อนเห็นถึงกำลังซื้อเปราะบาง แต่ระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปมีการขยายตัวในทุกระดับราคาระหว่าง 1.9 ถึง 11.9% เริ่มจากราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท มีจำนวนโอน 85,514 หน่วย ติดลบ 9.6% และมีมูลค่า 50,177 ล้านบาท ลดลง 8.7% ระดับราคา 1– 1.5 ล้านบาท มีจำนวนโอน 47,213 หน่วย ลดลง 7.8% และมีมูลค่า 61,461 ล้านบาท ลดลง 7.3% ระดับราคา 1.5 – 2 ล้านบาท มีจำนวนโอน 52,973 หน่วย ลดลง 7.4% และมีมูลค่า 94,505 ล้านบาท ลดลง 7.5% ระดับราคา 2 – 3 ล้านบาท มีจำนวนโอน 89,402 หน่วย ลดลง 9.8% และมีมูลค่า 226,898 ล้านบาท ลดลง 9.7% ระดับราคา 3– 5 ล้านบาท มีจำนวนโอน 52,969 หน่วย ลดลง 1.7% และมีมูลค่า 205,128 ล้านบาท ลดลง 2.1%

    สาเหตุมาจากการชะลอตัวของอุปสงค์ โดยเฉพาะอุปสงค์ในระดับรายได้ปานกลางถึงรายได้น้อยส่งผลต่อการปรับตัวของจำนวนที่อยู่อาศัยในระบบ ทำให้เกิดกระแสที่ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนไปจับตลาดที่อยู่อาศัยมีราคาแพงมากขึ้น

    พื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลในขณะนี้นั้น พบว่า บ้านเดี่ยวมีการเปิดตัวจำนวน 18,520 หน่วย ขยายตัว 5.7% หรือคิดเป็นมูลค่า 269,533 ล้านบาท ขยายตัว ขึ้น 10.6% ด้านบ้านแฝด เปิดตัวจำนวน 9,609 หน่วย เพิ่มขึ้น 7.7% คิดเป็นมูลค่า 56,747 ล้านบาท เติบโตขึ้น 11.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

    สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2567 มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัว แต่ยังเผชิญความเสี่ยงในหลายประการ เช่น เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ค่าครองชีพที่สูงขึ้นและปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ส่งผลต่อความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยและการขอสินเชื่อ และยังคงมีโอกาสที่จะไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อ เนื่องจากสถาบันการเงินมีเกณฑ์ในการพิจารณาสินเชื่อที่เข้ม ซึ่งอาจส่งผลต่อที่อยู่อาศัยในระดับราคาปานกลางถึงระดับราคาต่ำ และก็อาจส่งผลให้มีการซื้อขายและการโอนกรรมสิทธิ์ในกลุ่มที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท อาจมีภาวะทรงตัวในทิศทางที่ลดลง

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook(เฟซบุ๊ก): https://m.facebook.com/btimesch3/
    YouTube(ยูทูป): https://m.youtube.com/c/MisterBan
    TikTok(ติ๊กตอก): https://www.TikTok.com/@btimes_ch3
    X (เอ็กซ์): https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    Threads(เทร็ดส์): https://www.threads.net/@btimes.ch3
    เว็บไซต์: https://btimes.biz
    Podcast(พ็อดคาสท์): https://btimes.podbean.com/

    #อสังหาริมทรัพย์ #บ้านเดี่ยว #คอนโดมิเนียม #ทาวน์เฮ้าส์ #ต่ำ3ล้าน #โอนกรรมสิทธิ์ #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/VCSLstaLcdSLKetP/?mibextid=oFDknk
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Feb 24, 2024 หนี้ไทยแลนด์! ไม่มีวันลืมเมื่อไทยมีหนี้เยอะสุดและเศรษฐกิจโตรองต่ำสุด หนี้รัฐ-เอกชน-แบงก์-ครัวเรือนท่วมประเทศไทยเกือบ 290% ของทั้งเศรษฐกิจไทย ตะลึงไทยมีหนี้มากสุดอันดับ 1 ใน 5 ชาติชั้นนำอาเซียน แถมเศรษฐกิจโตต่ำสุดที่ 1.9%

    สถาบันการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอเอฟ (IIF) ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรที่อยู่ในเครือธนาคารโลก เปิดเผยรายงานการติดตามหนี้ทั่วโลกรายเดือน หรือ Global Debt Monitor ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2024 พบว่า สถานการณ์หนี้ทั่วโลกในปี 2023 มีมูลค่าที่ 313 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 11,268 ล้านล้านบาท ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ของโลก ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 15 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 540 ล้านล้านบาทในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 เมื่อเทียบแบบเป็นรายปี อย่างไรก็ตาม แม้สัดส่วนหนี้ต่อตัวเลขมูลค่าเศรษฐกิจโลกปี 2023 ลดลงเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน แต่กลับลดลงอย่างชะลอตัวในปีที่ผ่านมา สาเหตุจากการลดลงของสัดส่วนหนี้ต่อตัวเลขจีดีพีในประเทศที่พัฒนาแล้วจำนวนมาก

    ไอเอเอฟ เปิดเผยในส่วนสถานการณ์หนี้ของประเทศไทย พบว่าสัดส่วนหนี้ทั้งหมดของประเทศไทยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 ขึ้นมาอยู่ที่ 264.8% ต่อตัวเลขจีดีพีประเทศไทย ซึ่งแต่ละภาคส่วนมีสัดส่วนหนี้เทียบดับจีดีพีเรียงตามลำดับ ประกอบด้วย อันดับ 1 หนี้ครัวเรือน 91.6% อันดับ 2 หนี้บริษัทเอกชน ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน 86.2% อันดับ 3 หนี้รัฐบาล 54.2% ซึ่งไม่นับรวมหนี้รัฐวิสาหกิจ และอันดับ 4 หนี้ภาคการเงินหรือสถาบันการเงิน 32.8%

    ที่น่าสนใจ คือ เมื่อเปรียบเทียบกับ 5 ประเทศชั้นนำในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ปรากฏว่า ประเทศไทยมีสัดส่วนหนี้ทั้งหมดต่อตัวเลขจีดีพีที่ 264.8% นั้น ขึ้นอันดับ 1 ของอาเซียน ตามด้วยอันดับ 2 มาเลเซียอยู่ที่ 251.3% อันดับ 3 เวียดนามอยู่ที่ 170.3% อันดับ 4 ฟิลิปปินส์อยู่ที่ 105.1% และอันดับ 5 อินโดนีเซียอยู่ที่ 85.8%

    เมื่อนำสัดส่วนหนี้ประเทศในปี 2023 ไปเทียบกับภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีปี 2023 ของแต่ละ 5 ประเทศชั้นนำในอาเซียน จะพบว่า ประเทศไทยมีสัดส่วนหนี้ทั้งหมดต่อจีพีดีที่ 264.8% ซึ่งมากที่สุดอันดับ 1 และมีอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ หรือจีดีพีต่ำที่สุดใน 5 ชาติชั้นนำอาเซียนโดยเติบโตเพียง 1.9% สำหรับฟิลิปปินส์ที่มีเศรษฐกิจขยายตัวมากที่สุดอันดับ 1 ที่ 5.6% กลับมีภาวะหนี้ทั้งหมดต่อจีดีพีอยู่ในอันดับ 4 หรือรองสุดท้าย ประเทศอินโดนีเซียขยายตัวมากอันดับ 2 ที่ 5.05% มีภาวะหนี้น้อยที่สุดอยู่ในอันดับที่ 5 ประเทศเวียดนามขยายตัวมากอันดับ 3 ที่ 5.05% มีภาวะหนี้อันดับที่ 3 ประเทศมาเลเซียขยายตัวมากอันดับ 4 ที่ 3.7% มีภาวะหนี้มากอยู่ในอันดับที่ 2 รองจากประเทศไทยที่มีหนี้มากที่สุด (มีต่อหน้า 2/2)

    (หน้า 2/2) ไอไอเอฟ เปิดเผยต่อไปว่า ประเทศไทยมีสัดส่วนหนี้ทั้งหมดต่อตัวเลขจีดีพีที่ 264.8% นั้น พบว่ามีสัดส่วนหนี้อยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยหนี้ต่อจีดีพีของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ หรือ Emerging Market Countries ที่ 255.4% อีกด้วย อย่างไรก็ตาม สัดส่วนหนี้ทั้งหมดของประเทศไทยยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยหนี้โลกซึ่งอยู่ที่ 331.2% ของจีดีพีโลก

    รายงานดังกล่าว เปิดเผยว่า ปัจจัยที่ทำให้สัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีอยู่ในระดับสูง เป็นผลมาจากความไม่แน่นอนของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอาจเพิ่มความผันผวนของตลาด และกระตุ้นการจัดหาเงินทุนที่เข้มงวดสำหรับประเทศที่พึ่งพาการกู้ยืมจากภายนอกค่อนข้างสูง ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจโลกกำลังพิสูจน์ความยืดหยุ่นต่อความผันผวนของต้นทุนการกู้ยืม ซึ่งนำไปสู่การฟื้นตัวของความเชื่อมั่นของนักลงทุน ส่วนความต้องการกู้ยืมมีเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ในปี 2567 เนื่องจากปริมาณการออกพันธบัตรรัฐบาลระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น

    ทั้งนี้ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 4 ของโลกมีสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีทั้งประเทศที่ 603.5% ฮ่องกงมีหนี้ที่ 564.7% ของจีดีพี สิงค์โปร์มีหนี้ที่ 513.9% (แม้สิงค์โปร์จะตั้งอยู่ในกลุ่มอาเซียน แต่ถูกจัดลำดับสัดส่วนหนี้ต่อประเทศนอกกลุ่มชาติอาเซียน เรื่องจากถูกจัดสถานะประเทศอยู่ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว) จีนมีหนี้ที่ 359.8% ของจีดีพี และเกาหลีใต้มีหนี้ที่ 550.3% ของจีดีพี

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook(เฟซบุ๊ก): https://m.facebook.com/btimesch3/
    YouTube(ยูทูป): https://m.youtube.com/c/MisterBan
    TikTok(ติ๊กตอก): https://www.TikTok.com/@btimes_ch3
    X (เอ็กซ์): https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    Threads(เทร็ดส์): https://www.threads.net/@btimes.ch3
    เว็บไซต์: https://btimes.biz
    Podcast(พ็อดคาสท์): https://btimes.podbean.com/

    #ไอไอเอฟ #จีดีพี #โลก #เศรษฐกิจ #เศรษฐกิจโลก #อาเซียน #ไทย #หนี้ #หนี้ครัวเรือน #หนี้สาธารณะ #หนี้เอกชน #หนี้สถาบันการเงิน #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/VNzUqxVgA6QPNnEE/?mibextid=oFDknk
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วิกฤตจริง! GDP โตต่ำ หนี้ครัวเรือนฝีแตกเข้าสู่โซน “อันตราย” ค่าครองชีพพุ่ง รถ-บ้านถูกยึดระนาว

    ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - คงไม่ต้องถกเถียงกันให้มากความว่าเศรษฐกิจวิกฤตจริงหรือไม่จริง เพราะตอนนี้ทั้งคลังและสภาพัฒน์ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำเป้า จัดอยู่ในโซน “เสี่ยงถดถอย” และถึงเวลาแล้วที่แบงก์ชาติจะต้องพิจารณาเรื่องการลดดอกเบี้ยนโยบายอย่างจริงจัง สอดคล้องกับความต้องการของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งอยากให้มีการลดดอกเบี้ยลงเพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน และเดินหน้าแจกดิจิทัล วอลเลต เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เร็วที่สุด

    พิษดอกเบี้ยสูงยังคล้ายไฟป่าเผาผลาญประชาชนรากหญ้า ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือ SME ที่เป็นเศรษฐกิจฐานรากล้มตายระเนระนาด คนตัวเล็กตัวน้อยแบกดอกเบี้ยไม่ไหว ทั้งบ้านทั้งรถถูกยึด ตัวเลขหนี้ครัวเรือนพุ่งไม่หยุดและเข้าสู่โซน “อันตราย”

    เศรษฐกิจโตต่ำเป้าตามคาด
    นายกฯ วอน กนง.เร่งประชุมเคาะลดดอกเบี้ย

    นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ แถลงเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2566 ขยายตัว 1.7% เป็นการขยายตัวต่อเนื่องจาก ไตรมาส 3/66 ที่ขยายตัว 1.4% ในโดยมีปัจจัยหลักมาจากการส่งออกสินค้าและบริการเร่งขึ้น การอุปโภคบริโภคของครัวเรือนยังขยายตัว

    ขณะที่การใช้จ่ายรัฐบาลลดลง เป็นผลจากรายจ่ายค่าซื้อสินค้าและบริการในระบบตลาด และการใช้จ่ายด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ลดลง ประกอบกับการลงทุนรวมลดลง ส่งผลให้ในภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2566 ขยายตัวได้เพียง 1.9% ซึ่งต่ำกว่าที่สภาพัฒน์เคยประมาณการไว้ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 ว่าจะขยายตัวได้ 2.5%

    ด้านการผลิต ขยายตัวร้อยละ 1.7 จากภาคนอกเกษตรที่ขยายตัวร้อยละ 2.0 เป็นผลจากภาคบริการที่ขยายตัวร้อยละ 3.9 ปัจจัยสนับสนุนมาจากการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ 1.5 เป็นผลจากการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมลดลง ภาคเกษตรลดลงร้อยละ 0.8 จากการขยายตัวร้อยละ 1.1 ในไตรมาสที่ 3/2566 ตามการลดลงของผลผลิตพืชผลเกษตรที่สำคัญ เช่น ข้าวเปลือก ยางพารา ปาล์มน้ำมัน อ้อย เป็นต้น

    ส่วนการลงทุนภาครัฐในไตรมาส 4/66 ลดลงถึง 20.1% โดยลดลงมากเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/66 ที่ลดลง 3.4% ปัจจัยหลักมาจากความล่าช้าในการประกาศใช้ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ขณะที่การลงทุนของรัฐวิสาหกิจขยายตัว 7% เร่งขึ้นจากในไตรมาส 3/66 ที่ลดลง 3.3% ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้ 5% ซึ่งเป็นการขยายตัวทั้งด้านการก่อสร้าง และด้านเครื่องมือเครื่องจักร

    การใช้จ่ายภาครัฐ ในไตรมาส 4/66 มีการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2566 ไปพลางก่อน จำนวน 910,163 ล้านบาท ลดลง 7.3% เบิกจ่ายงบเหลื่อมปี 53,621 ล้านบาท ลดลง 9% และการเบิกจ่ายจากเงินกู้ตาม พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19 จำนวน 188 ล้านบาท รวมยอดเบิกจ่ายในไตรมาส 4/66 ทั้งสิ้น 9.63 แสนล้านบาท

    สำหรับการบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 7.4% ชะลอลงจาก 7.9% ในไตรมาส 3/66 ปัจจัยสำคัญมาจากกิจกรรมที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวชะลอตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชะลอลง อย่างไรก็ดี ไตรมาสนี้มีปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อของครัวเรือน คือ อัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/66 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการภาครัฐที่ช่วยลดค่าครองชีพให้ภาคครัวเรือน

    ด้านการส่งออกสินค้าขยายตัวได้ 3.4% ในไตรมาส 4/66 ปัจจัยสำคัญมาจากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่ขยายตัวตามการส่งออกสินค้ากลุ่มอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์โลหะ ชิ้นส่วนยานยนต์ และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ขณะที่การส่งออกสินค้าเกษตรขยายตัวได้จากการส่งออกข้าวที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยในปี 2566 สามารถส่งออกข้าวได้รวมทั้งสิ้น 8.8 ล้านตัน

    เลขาธิการสภาพัฒน์ คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2567 จะขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.2-3.2 (ค่ากลางการประมาณการที่ร้อยละ 2.7) จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 2.7-3.7% ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมผลของมาตรการดิจิทัลวอลเลต โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการขยายตัวของการส่งออกตามการฟื้นตัวของการค้าโลก และการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นประมาณ 35 ล้านคน จะมีรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.22 ล้านล้านบาท รวมถึงการขยายตัวในเกณฑ์ดีของการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน แต่ยังมีความเสี่ยงจากงบประมาณปี 2567 ที่ยังล่าช้า รวมทั้งสัดส่วนหนี้ครัวเรือนและภาคธุรกิจยังสูง

    สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือการลดลงของแรงขับเคลื่อนทางการคลัง, ภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง และการเพิ่มขึ้นของภาระดอกเบี้ย, ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อผลผลิตทางการเกษตร, ความเสี่ยงจากความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลก

    “ส่วนการลดดอกเบี้ยคงต้องดูให้เกิดประโยชน์ของทุกภาคส่วนทั้งภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs และภาคครัวเรือน ทั้งหมดคงต้องอยู่กับการพิจารณาของธนาคารแห่งประเทศไทย แต่มองว่าควรมีการพิจารณาแบบจริงจัง” เลขาธิการสภาพัฒน์ ให้ความเห็น

    ถ้อยแถลงเศรษฐกิจไทยของสภาพัฒน์ สอดรับกับกระทรวงการคลัง โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงผลการประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 โดยคาดว่าจะขยายตัวที่ 1.8% (ช่วงคาดการณ์ที่ 1.6% ถึง 2.0%) ชะลอลงจากปี 2565 ที่ขยายร้อยละ 2.6 ซึ่งก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าประเมินต่ำเพื่อให้ภาพเศรษฐกิจอยู่ในภาวะ “วิกฤต” ให้เข้าเงื่อนไขการออกพ.ร.บ.เงินกู้ฯ เพื่อนำมาดำเนินโครงการแจกดิจิทัล วอลเลต หรือไม่?
    สำหรับการออกมาให้ความเห็นเรื่องการลดดอกเบี้ยนโยบายของเลขาฯ สภาพัฒน์ ดังกล่าวข้างต้นที่ว่าแบงก์ชาติต้องพิจารณาอย่างจริงจัง จุดประเด็นให้นายกรัฐมนตรี ออกมาถามกลับว่า “น่าจะพูดก่อนการประชุมกนง.อาทิตย์ที่แล้วนะครับ ไม่แน่ใจว่าจุดประสงค์ของพูดตอนนี้เพื่ออะไรหรือบอกว่าผมทำหน้าที่ของผมแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วควรจะทำตั้งแต่ก่อนหน้านี้?”

    หลังจากนั้น นายเศรษฐา ทวีสิน ยังโพสต์ข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) เรียกร้องคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เรียกประชุมเป็นการเร่งด่วน เพื่อพิจารณาการลดดอกเบี้ย โดยไม่ต้องคอยถึงการประชุมอย่างเป็นทางการครั้งถัดไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 10 เมษายน 2567 ตามกำหนด

    “ ก็อยากจะรบกวน วิงวอน อ้อนวอน หรือใช้คำอะไรก็ตามที อยากให้พิจารณาอีกทีแล้วกัน” นายกฯ เศรษฐาว่าไว้พร้อมบอกว่า “ผมอยากฝากข้อคิดว่า ความเป็นอิสระ ไม่ได้หมายความว่าจะไม่คำนึงถึงชีวิตความเป็นอยู่หรือความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน.”

    ขณะที่เลขาธิการสภาพัฒน์ ออกมาพูดอีกครั้งถึงเรื่องการลดดอกเบี้ยนโยบายว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาค่อนข้างต่ำกว่าที่คาดไว้ และเห็นตัวเลขหนี้ที่ค้างชำระระหว่าง 1 - 3 เดือน (SML) หนี้เสีย (NPL) เลยคิดว่าน่าจะต้องคุยกับ ธปท.จริงจัง ไม่ได้ถูกกดดันจากนายกรัฐมนตรีให้ออกมาพูดเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ย แต่เมื่อเห็นตัวเลขที่ออกมาก็อยากให้พิจารณาดูเรื่องมาตรการทางเงินจะทำอย่างไร เนื่องจากปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นเรื่องสำคัญ

    เสี่ยงถดถอย – ลงทุนภาครัฐหดตัวแรง

    สำหรับการแถลงตัวเลขจีดีพีของสภาพัฒน์ ดังกล่าวข้างต้น
    นายพงศ์นคร โภชากรณ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเศรษฐกิจมหภาค ที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “Tone Pongnakorn Pochakorn” ตั้งข้อสังเกต 5 ประเด็นน่าสนใจ GDP Q4/66

    ประเด็นแรก เสี่ยงถดถอยครึ่งตัว : ไตรมาส 4 GDP ขยายตัว 1.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มองเผิน ๆ ดีกว่าไตรมาส 3 ที่ขยายตัว 1.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เดี๋ยวก่อน !!! ถ้าดูไตรมาส 4 เทียบกับไตรมาส 3 แล้วขจัดผลทางฤดูกาลออก จะพบว่า ติดลบ -0.6% แปลว่า อาจเราเข้าเกณฑ์เศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค (Technical Recession) ไปแล้วครึ่งตัว ตามลุ้นต่อไตรมาส 1/67 สรุปทั้งปี 66 GDP ขยายตัว 1.9% ชะลอลงจากปี 65 ที่ขยายตัว 2.5%

    ประเด็นที่สอง บริโภคดีเพราะท่องเที่ยว : การบริโภคภาคเอกชนยังคงเป็นเดอะแบกเศรษฐกิจไตรมาส 4 ขยายตัว 7.4% แต่พอไปดูไส้พบว่า หลัก ๆ มาตากการใช้จ่ายด้านร้านอาหารที่พักแรมที่ขยายตัวถึง 35.4% ตัวนี้น้ำหนักสูงเกือบ 20% ของการบริโภคภาคเอกชน ถ้าการท่องเที่ยวกลับสู่ Normal trend แรงส่งนี้จะแผ่วลง

    ประเด็นที่สาม ลงทุนรัฐหดแรงจากงบล่าช้า : การลงทุนรวมไตรมาส 4 หดตัว -0.4% เกิดจากการลงทุนภาครัฐที่หดตัว -20.1% แต่เอกชนขยายตัว 5.0% อันนี้เข้าใจได้ว่าเป็นเพราะงบประมาณล่าช้า แต่ถ้าดูเทียบกับไตรมาสก่อนแล้วขจัดผลทางฤดูกาลออก จะพบว่าลดลงทั้งการลงทุนภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะภาครัฐถดถอยทั้งการก่อสร้างและเครื่องมือเครื่องจักร

    ประเด็นที่สี่ การผลิตสินค้าถดถอย ติดลบนาน : การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมหดตัวยาวนานถึง 5 ไตรมาส ไตรมาส 4 ดันมาหดตัว -2.4% ตัวนี้เข้าเกณฑ์ถดถอยทางเทคนิคไปแล้วเรียบร้อย 3 ไตรมาสติด สถานการณ์นี้น่ากังวลเพราะตัวนี้มีน้ำหนักสูงถึง 26% ของ GDP หรือว่าอุตสาหกรรมเรากำลังแย่ ไร้ศักยภาพ ขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง จึงไม่เกิดการผลิต นี่คือปัญหาเศรษฐกิจด้านอุปทานที่เรากำลังเผชิญ

    และประเด็นที่ห้า ท่องเที่ยวกำลังกลับสู่ Normal trend แรงขับเคลื่อนจะลดลง : เรื่องท่องเที่ยว ดูได้ 2 ทาง ทางแรกคือการส่งออกบริการ ไตรมาส 4 ขยายตัวได้ 14.7% สูงแต่แผ่วลงมาจาก 30.6% ในไตรมาสก่อนหน้า อีกทางคือที่พักแรมและร้านอาหาร ไตรมาส 4 ขยายตัวได้ 10% นี่ก็แผ่วลงมาจาก 15% ในไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนว่า อีกเดี๋ยวการท่องเที่ยวจะกลับเข้าสู่ Normal trend แล้ว แปลว่า แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านการ่องเที่ยวและการบริโภคที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจะอ่อนแรงลง

    จากนี้ ต้องตามลุ้นต่อกับเศรษฐกิจไตรมาส 1/67 จะรอดจากเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ !!!

    หนี้ครัวเรือนพุ่งสู่โซนอันตราย
    แบกหนี้อ่วม หากินลำบาก ลากจูงสู่ปัญหาอาชญากรรม

    ไม่เพียงแต่ตัวเลขอันน่าตระหนกตกใจจากสภาพัฒน์เท่านั้น หากยังมีข้อมูลจาก “เครดิตบูโร” ที่สะท้อนว่าปัญหาหนี้ครัวเรือนยังหนักหน่วงและมองไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ แม้รัฐบาลจะดำเนินการทุกทางแล้วก็ตาม ดังจะเห็นได้จากข้อมูลที่ นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร โพสต์เฟซบุ๊ก ฉายภาพหนี้ครัวเรือนไทย ที่วันนี้ในระบบอยู่ที่ 16.2 ล้านล้านบาท หรือ ราว 91% ต่อจีดีพี พร้อมถามว่า “อันตรายหรือยัง? เพราะถ้าหากเทียบกับนานาประเทศ ถ้าเกิน 80% ต่อจีดีพีถือว่าเป็นระดับที่อันตรายแล้ว

    ทั้งนี้ หากแยกดูเฉพาะสินเชื่อที่อยู่บนฐานข้อมูลของ “เครดิตบูโร” ที่มีสินเชื่อรวมที่ 13.7 ล้านล้านบาท มี 3 ก้อนที่น่าเป็นห่วง คือ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ , สินเชื่อค้างชำระแต่ไม่เกิน 90 วัน ที่เรียกว่า SM และสินเชื่อที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้าง (TDR) ที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งวันนี้หนี้เสียกลับมาทะลุ 1.05 ล้านล้านบาท ณ สิ้นปี 2566 ที่ 28%

    ที่น่าห่วงที่สุดในมุมของเครดิตบูโร คือ สินเชื่อรถ และสินเชื่อบ้าน ที่วันนี้สินเชื่อรถเข้ามาสู่ช่วง “ฝีแตก” มีคนจำนวนมากผ่อนรถไม่ไหว และปล่อยให้รถถูกยึด ทำให้วันนี้มีรถเข้าสู่ตลาดประมูลถึง 2 แสนคัน แม้จะไม่สูงเท่ากับตอนที่มีนโยบายรถคันแรกที่มีรถถูกยึด และเข้าสู่การประมูลถึง 3 แสนคัน แต่รถยึดระดับ 2 แสนคันถือว่าไม่น้อย

    อีกก้อนที่น่าห่วงไม่แพ้กัน และความเป็นห่วงเริ่มมากขึ้น นั่นคือ สินเชื่อบ้าน ที่มีพอร์ตหนี้เสียถึง 1.8 แสนล้านบาท เติบโตถึง 7% แปลว่า มีบ้านที่กำลังจะถูกยึดถึง 1.8 แสนหลัง ในระยะข้างหน้า หากไม่สามารถแก้ปัญหาในการชำระหนี้ได้

    นายสุรพลยังโพสต์เล่าชะตากรรมของลูกหนี้ในวันนี้ด้วยว่า ถ้ามองว่าหนี้ครัวเรือนเป็นปัญหาเศรษฐกิจมิติเดียว มันก็จะขาดความเมตตาเพราะเต็มไปด้วยสูตรและสมการที่ลืมไปว่ากำลังพูดถึงสิ่งมีชีวิตหน่วยเล็กที่สุดในสังคมคือ “คน คือครัวเรือน คือครอบครัวคนไทยเรา” ค่าเฉลี่ย เส้นกราฟ สัญลักษณ์ต่างๆ ล้วนคำนวณมาจากสิ่งที่มีชีวิต เหตุใดจึงไม่พยายามอย่างสุดกำลังทุ่มเททรัพยากรไปช่วยหน่วยเล็กๆ เหล่านั้นที่กำลังปวดแสบปวดร้อนกับพิษของดอกเบี้ย

    สำหรับคนมีรายได้สูงเจอพิษดอกเบี้ยสามารถหาบัวหิมะราคาเป็นหมื่นมาทาแล้วก็ออกไปกินโอมากาเสะ 10 คำแสนอร่อยได้ แต่คนรายได้ต่ำกว่า 15,000, 15,000-30,000, หรือแม้แต่ 30,000-50,000 ตามตัวเลขสำรวจของ SCB-EIC ก็บอก อยู่แล้วว่า เอาค่าใช้จ่ายบวกเงินที่ต้องจ่ายหนี้มารวมกันเทียบกับรายได้มันก็เกิน 100% เขาเหล่านั้นได้แต่หาว่านหางจระเข้มาลอกเปลือกทาพิษร้อนของดอกเบี้ยหน้างานเพิ่มตามมีตามเกิด

    “มีบางท่านบอกว่า ดอกเบี้ยขึ้น ค่างวดเข้าต้นน้อย ก็ไปหาเงินมาโปะสิ มันก็เหมือนการพูดว่า ไม่มีขนมปังกินก็กินเค้กแทนก็ได้ ที่สุดคือการลุกฮือจากคำพูดแบบไม่คิด.. ท่านที่พูดท่านอยู่ในฐานะอะไร

    “เราเห็นข้อมูลจากการร่วมทำงานแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน มีเจ้าหนี้สถาบันการเงินชนะคดีต่อลูกหนี้ 1 ล้านคดี ถือคำบังคับคดีแต่ยังไม่ดำเนินการคิดเป็นทุนทรัพย์ 15 ล้านล้านบาท คิดง่าย ๆ ถ้าการประนอมหนี้ที่ผ่านมาเป็นเขื่อนความเมตตา เห็นใจกัน ตัวเลขมันจะมาขนาดนี้มั้ย มันมีขนาดพอ ๆ กับหนี้ครัวเรือนไทยที่ 16.2ล้านล้านบาท พอ ๆ กับขนาดของ GDP ไทยที่ระดับ 17-18 ล้านล้านบาทนะครับ ประนอมทิพย์ ช่วยประคองแบบทิพย์กันหรือเปล่า..”

    ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร แสดงความเป็นห่วงว่า ปัญหาเรื่องนี้จะไปอยู่ในรายงานภาวะสังคมของสภาพัฒน์ที่จะแถลงหลังจากรายงานเกี่ยวกับ GDP เพราะมันเป็นเรื่องของสังคม มันจะลากจูงไปสู่ปัญหาอาชญากรรมเพราะบีบกดให้คนเป็นหนี้ไม่มีทางออกจนต้องหาเงินด้วยการทำผิดกฎหมาย เราจะมีคนยอมลัก วิ่ง ชิง ปล้นเพิ่มมากหรือไม่ เราจะมีคนเดินยาหน้าใหม่เพิ่มหรือไม่ เราจะมีคนทั้งชายและหญิงหน้าใหม่ เฉพาะกิจเข้าสู่อุตสาหกรรมทางเพศแบบจำใจหรือไม่ เพื่อนำเงินมาจ่ายค่าผ่อนรถยนต์, ค่าผ่อนบ้าน คอนโด

    “ใครไม่กังวล ผมกังวล เพราะผมต้องอยู่อาศัยในสังคมนี้ สังคมที่ให้โอกาสผม จนเป็นผู้เป็นคนในเวลานี้ จากการเป็นนักเรียนบ้านนอก อ.พาน จ.เชียงราย ผมมีแต่ข้อมูล ข้อเท็จจริง ข้อมูลไม่โกหกใคร เว้นแต่ใจเราจะโกหกตัวเอง เรากล้าที่จะมองหน้าคนที่ไม่ยอมรับความจริงเวลาที่เรายืนอยู่หน้ากระจก เพราะเราเอาแต่ภาวนาว่าอีกไม่กี่เดือนเราก็จะเกษียณแล้ว รักษาเนื้อรักษาตัว ไม่ทำอะไรดีกว่า พอแระ เอาเท่านี้ เดี๋ยวเสี่ยงเกินไป ลูกพี่คิดอย่างนั้นจริงมั้ย พอลูกพี่คิดแบบนั้น ลูกน้องก็ว่าตามสิครับ ในองค์กรตามบทความของอดีตผู้ว่าการธนาคารกลางเขียนไว้เรื่องการบริหารแบบลูกพี่กับการบริหารแบบผู้นำวงดนตรี ….”

    ค่าครองชีพพุ่ง กำลังซื้อหด

    ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์ ได้เผยภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังต้องเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ฟื้นตัวตามที่คาด อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ค่าครองชีพเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อเนื่องไปถึงภาวะหนี้ครัวเรือนและกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผู้บริโภคชะลอแผนซื้อบ้านออกไปก่อน ทำให้ภาพรวมความต้องการซื้อทั่วประเทศในไตรมาสล่าสุดลดลง 14% และลดลงทุกประเภทที่อยู่อาศัย สวนทางภาพรวมราคาที่อยู่อาศัยทั่วประเทศที่ปรับขึ้นตามต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น กลายเป็นอุปสรรคต่อกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ที่มองหาที่อยู่อาศัยในราคาที่จับต้องได้

    นอกจากนี้ยังพบว่าที่อยู่อาศัยราคา 1-3 ล้านบาท มีจำนวนมากที่สุดในตลาดด้วยสัดส่วน 30% ของจำนวนที่อยู่อาศัยทั้งหมดทั่วประเทศ สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคระดับล่าง ยังคงไม่มีกำลังซื้อเพียงพอที่จะดูดซับอุปทานเหล่านี้

    สอดคล้องกับข้อมูลของเครดิตบูโรที่พบว่าหนี้เสียจากสินเชื่อบ้านเพิ่มสูงขึ้น ผู้ซื้อระดับล่างเริ่มผ่อนบ้านไม่ไหวจากปัญหาค่าครองชีพที่แพงขึ้น โดยประมาณ 60-70% ของหนี้ที่กำลังจะเสียของสินเชื่อที่อยู่อาศัยหรือประมาณ 1.2 แสนล้านบาท มีปัญหามาจากคนที่ผ่อนบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้น้อย-ปานกลาง

    นายวิทยา อภิรักษ์วิริยะ ผู้จัดการทั่วไป Think of Living และ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (ฝั่งดีเวลลอปเปอร์) กล่าวว่า หากมองภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้อาจไม่ได้สดใสเท่าใดนัก เนื่องจากยังมีปัจจัยท้าทายที่สืบเนื่องมาจากปีก่อนหน้า ทั้งสภาพเศรษฐกิจที่ยังคงฟื้นตัวไม่มากนัก อัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง รวมทั้งค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น และภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังคงสูง ปัจจัยเหล่านี้กำลังผลักให้กลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงต้องชะลอการซื้อบ้านออกไปก่อน

    ภาพรวมเศรษฐกิจที่สะท้อนออกมา นี่ไม่ใช่เวลาที่จะเอาชนะคะคานกัน แต่เป็นวิกฤตที่รัฐบาล สภาพัฒน์ แบงก์ชาติ ต้องเร่งหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน อย่างที่ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร ให้ข้อคิด “บ้านเมืองคือผู้คน มีความรู้ กู้เงินได้ ขายของดี มีกำไร ใช้หนี้ทัน มันคือแค่นี้ที่คนเดินดิน อยู่บ้านเช่า กินข้าวกล่อง ต้องการครับ”
    https://www.facebook.com/share/p/hGEQRJB57ZQ45bBC/?mibextid=oFDknk
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบงก์ชาติยุโรป "ขาดทุน" ครั้งแรกในรอบ 2 ทศวรรษ!! แต่ประกาศ "ไม่หวั่นแม้ในวันมามาก" (...ไหลนองจนแทบหมดตัวแล้วจ้า)
    1.3 พันล้านยูโร (5 หมื่นล้านบาท) คือ ตัวเลขขาดทุนของแบงก์ชาติยุโรป (แบงก์กลางของชาติที่ใช้เงินสกุลยูโร)

    นี่ขนาดผ่องถ่ายส่วนที่กันสำรองเผื่อหนี้เสียไปแล้ว 6.6 พันล้านยูโร ... ไม่งั้นจะยิ่งขาดทุนยับเยิน

    อย่างไรก็ตาม ยังยักไหล่ บอกไม่กระทบ --- ทางแบงก์ชาติยุโรปยังสามารถดำเนินมาตรการทางการเงินได้ตามสบาย หายห่วงจ้า (เหรอ!?)
    แล้วก็ไม่ต้องกังวลนะจ๊ะ จะหาทางกลับมากำไรในวันหนึ่งวันนั้นข้างหน้าพาเพลิน

    วันนี้ ขาดทุน --- ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2004
    ผล?
    นั่นหมายความว่าไม่สามารถปันกำไรแจกจ่ายไปให้แบงกชาติของประเทศสมาชิกได้ --- เพราะไม่มีกำไร แต่ขาดทุนไง

    เหตุ?
    ก็ขึ้นดอกเบี้ยมหาประลัย รัวเร็วและแรง ร่วมๆ 2 ปี --- ทำให้หักลบแล้ว แบงก์ชาติจ่ายดอกเบี้ยเงินฝาก (ให้แบงก์พาณิชย์ที่มาฝากไว้) มากกว่าดอกเบี้ยที่รับจากสินทรัพย์ที่แบงก์ชาติถือไว้ (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพันธบัตรระยะยาว)

    * หมายเหตุ แล้วไอ้ที่สลัดส่วนที่กันสำรองเผื่อหนี้สูญนี่ก็ไม่ใช่จะดี
    (ผมไม่แตกฉานถ่องแท้นัก แต่เข้าใจว่าตัดไปดื้อๆ ไม่ได้ แต่หาวิธีให้ลูกหนี้จ่ายมาส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นการไปริบสภาพคล่องมาอีก)

    นอกจากนี้ เจาะไปที่แบงก์ชาติเยอรมัน (ประเทศที่ขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดในยูโรโซน)
    ก็กำไรเป็นศูนย์
    ดีกว่าขาดทุนนิ?
    ไม่อะ จริงๆ ขาดทุนดอกเบี้ยยับเยิน 1.39 หมื่นล้านยูโร
    ขาดทุนดอกเบี้ยสุทธิครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 57 ปีของแบงก์ชาติเยอรมัน

    แต่รวมทั้งหมด แล้วโปะจนหายติดลบ กลับมาจบที่ศูนย์พอดี เพราะผ่องถ่ายส่วนที่กันสำรองเผื่อหนี้สูญน่ะแหละ
    นอกจากนี้ ยังระบายเงินจากท้องพระคลัง "ทุนสำรองระหว่างประทศ" ไปซะเหี้ยน --- เอาออก 2.4 พันล้านยูโร
    เหลืออยู่แค่ 700 ล้านยูโร

    และไม่ใช่แค่ปีที่แล้วนะครับท่าน แบงก์ชาติเยอรมันมิได้จ่ายเงินเข้ารัฐบาลมาหลายปีแล้ว

    สถานการณ์แบบนี้ คงไม่ต้องบรรยายแล้วกระมัง
    ... น้ำเซาะทราย เบี้ยแหลกสลาย ละลายไปกับสายน้ำ
    เธอเป็นเช่นดั่งทราย
    จึงถูกทำลายง่ายดาย ไม่เหลือเลย

    หวิวๆ สะท้าน

    https://www.cnbc.com/2024/02/22/european-central-bank-posts-first-annual-loss-in-decades.html
    https://www.cnbc.com/2024/02/23/german-central-bank-losses-soar-wiping-out-risk-provisions.html
    https://www.facebook.com/share/p/afp5rJDfwMebYTJr/?mibextid=oFDknk
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Mercedes-Benz กลับลำ !
    จากที่เคยประกาศว่าจะหยุดผลิต “รถน้ำมัน” ภายในปี 2030 แต่ล่าสุดขอเลื่อนแผนออกไปก่อน เพราะรถ EV ไม่ได้ขายดีอย่างที่คิด

    Mercedes-Benz is backing off its plan to only sell electric vehicles after 2030, the company said Thursday. It was the latest evidence that the global auto industry is feeling more dour about the all-electric future after a slowdown in sales growth.

    https://www.theverge.com/2024/2/22/24080220/mercedes-benz-ev-only-sales-2030-back-off
    https://www.facebook.com/share/p/16oXMUvCTWAGmsm1/?mibextid=oFDknk
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Yemen: ฮูตีจะยกระดับโจมตีเรือในทะเลแดงโดยใช้ "อาวุธเรือดำน้ำ" โจมตี 3 เป้าหมายในวันเดียว คือ เรือสินค้าอังกฤษ เรือพิฆาตสหรัฐฯ และเมืองไอลัตของอิสราเอล ระบุ นอร์เวย์และหลายประเทศได้ช่วยเป็นตัวกลางประเด็นฮูตีถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำเป็นกลุ่มก่อการร้าย

    อับดุล-มาลิค อัล-ฮูตี ผู้นำกลุ่มฮูตีในเยเมน ประกาศทางโทรทัศน์วานนี้ (22 กุมภาพันธ์) จะยกระดับการโจมตีเรือในทะเลแดงและน่านน้ำอื่น ๆ โดยจะเริ่มใช้ "อาวุธเรือดำน้ำ" อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียดมากกว่านี้

    ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน ฮูตีได้แจ้งเตือนอย่างเป็นทางการต่อบริษัทเดินเรือและบริษัทประกันภัย ว่า ฮูตีห้ามเรือทุกลำที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอล สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร แล่นผ่านน่านน้ำโดยรอบเยเมน นับเป็นการยกระดับการโจมตีเรือในทะเลแดงและน่านน้ำโดยรอบ

    ในวันเดียวกัน (22 กุมภาพันธ์) ทางด้าน ยาห์ยา ซาเรอา โฆษกทางทหารของกลุ่มฮูตีในเยเมน แถลงทางโทรทัศน์ว่า กองทัพเยเมน (ฮูตี) ได้ปฏิบัติการทางทหาร 3 เป้าหมาย ปฏิบัติการแรกคือยิงขีปนาวุธทิ้งตัวหลายลูก และส่งโดรนอากาศยานไร้คนขับจู่โจมหลายลำ โจมตีเมืองไอลัตของอิสราเอล

    ปฏิบัติการที่ 2 เกิดขึ้นในอ่าวเอเดน กองทัพเรือเยเมน (ฮูตี) ยิงขีปนาวุธทางเรือโจมตีเป้าหมายเรือของสหราชอาณาจักรชื่อ "ไอส์แลนเดอร์" (Islander) โดยยิงถูกเป้าหมายและทำให้เกิดไฟไหม้บนเรือดังกล่าว

    ส่วนปฏิบัติการที่ 3 ฮูตีได้ส่งโดรนอากาศยานจู่โจมหลายลำไปโจมตีเรือพิฆาต 1 ลำของสหรัฐฯ ที่อยู่ในทะเลแดง

    ทั้งนี้ ฮูตีเริ่มโจมตีทะเลแดง ช่องแคบบับ อัล-มันดับ และอ่าวเอเดนมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ทะเลแดงเป็นเส้นทางเดินเรือสินค้าสำคัญของโลก มีสัดส่วนร้อยละ 12 ของการเดินเรือทั่วโลก บีบให้บริษัทเดินเรือต้องเปลี่ยนเส้นทางไม่แล่นผ่านทะเลแดง แต่ไปใช้เส้นทางอ้อมที่ไกลกว่าคืออ้อมทวีปแอฟริกา และต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่า

    ด้าน ฮุสเซน อัล-เอซซี รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศฮูตี เปิดเผยว่า มีหลายประเทศได้เข้ามาช่วยเป็นตัวกลางกับฮูตี โดยประเทศล่าสุดที่เข้ามาร่วมเป็นตัวกลางคือนอร์เวย์ เกี่ยวกับประเด็นที่ฮูตีถูกขึ้นบัญชีดำเป็นกลุ่มก่อการร้าย

    ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 มกราคมปีนี้ สหรัฐฯ ได้ขึ้นบัญชีดำฮูตีเป็นกลุ่มก่อการร้าย

    แต่อัล-เอซซีระบุว่า การที่ฮูตีโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงและช่องแคบบับ อัล-มันดับในช่วงหลายเดือนมานี้ เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวของฮูตีเท่านั้น และเป็นรูปแบบหนึ่งของการกดดันด้วยจุดยืน

    ทั้งนี้ ฮูตีอ้างเหตุผลและจุดยืนในการโจมตีทะเลแดงว่า เพื่อแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ในสงครามระหว่างอิสราเอล-ฮามาสในกาซา

    อัล-เอซซีระบุด้วยว่า ฮูตีกำลังหารือกับสหภาพยุโรป หรืออียู มาสักพักแล้ว เกี่ยวกับความปลอดภัยต่อเรือต่าง ๆ ที่แล่นผ่านทะเลแดง

    ก่อนหน้านี้ อัล-เอซซี เปิดเผยว่า การหารือกับอียูเกี่ยวกับความปลอดภัยของเรือต่าง ๆ ในทะเลแดงดังกล่าว เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ โดยทางอียูเป็นฝ่ายเริ่มติดต่อมาก่อน และได้ยืนยันอย่างชัดเจนต่อฮูตีว่า อียูไม่ได้เกี่ยวข้องกับภารกิจผสมของสหรัฐฯ ร่วมกับสหราชอาณาจักร ในการโจมตีฮูตีในเยเมนตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา
    ————
    ภาพ: Reuters

    #TNNWorldNews #ทะเลแดง #เยเมน #yemen #ฮูตี #เรือดำน้ำ #TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ
    ————
    อัพเดทข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน LINE กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

    ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
    Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
    TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
    Instagram: https://www.instagram.com/tnn_worldtoday/
    https://www.facebook.com/share/p/5rhjYJkmtXeEoT9j/?mibextid=oFDknk
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Guatemala: กัวเตมาลาขอความช่วยเหลือจากต่างชาติ ช่วยดับไฟป่าบนภูเขาไฟที่ยังคุมไม่ได้เป็นวันที่ 3 รวมถึงไฟป่าอีกหลายสิบจุด

    ภาพล่าสุดวานนี้ (23 กุมภาพันธ์) วันที่ 3 ของการเกิดไฟป่าเผาผลาญบนภูเขาไฟ "อากัว" ที่สงบแล้วในกัวเตมาลา ประเทศในอเมริกากลาง เฮลิค็อปเตอร์หลายลำของกองทัพกัวเตมาลาโปรยน้ำดับไฟป่าที่เริ่มขึ้นเมื่อวันพุธ (21 กุมภาพันธ์)

    เมื่อวานนี้ กัวเตมาลาระดมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 500 คนกำลังพยายามควบคุมไฟป่าบนภูเขาไฟอากัว ซึ่งเฉพาะบนภูเขาก็เกิดไฟป่าอยู่หลายจุด และจุดใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นภายในปล่องของภูเขาไฟเลย แต่ผ่านไป 3 วันแล้ว ยังคงควบคุมไฟป่าไม่ได้

    ทำให้วานนี้ รัฐบาลกัวเตมาลาต้องร้องขอความช่วยเหลือจากต่างชาติให้ช่วยดับไฟป่า ซึ่งไม่เพียงเผาผลาญบนภูเขาไฟอากัวเท่านั้น แต่ยังเผาป่าอีกหลายสิบจุดในช่วง 3 วันที่ผ่านมา โดยทางสำนักป้องกันภัยพลเรือนกัวเตมาลารายงานล่าสุดวานนี้ว่า เกิดไฟป่าราว 30 จุดในหลายพื้นที่ของกัวเตมาลา

    อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กัวเตมาลายืนยัน ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ไม่มีคำอธิบายว่า ไฟป่าจะส่งผลอย่างไรต่อภูเขาที่สงบแล้วหรือไม่

    ทางสำนักคุ้มครองภัยพลเรือนรายงานด้วยว่า เกิดไฟป่าแล้วราว 269 จุดในกัวเตมาลา นับตั้งแต่ฤดูกาลไฟป่าประจำปี 2023-2024 ของกัวเตมาลา เริ่มขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วเป็นต้นมา

    สำหรับภูเขาไฟอากัว เป็นภูเขาไฟสงบแล้ว ตั้งอยู่ทางตะวันตกของกรุงกัวเตมาลา ซิตี เมืองหลวง ห่างไปเพียง 54 กิโลเมตรเท่านั้น และยังตั้งอยู่ใกล้กับเมืองแอนติกัว กัวเตมาลา เมืองท่องเที่ยวสำคัญของกัวเตมาลา ที่อยู่ห่างจากภูเขาไฟเพียง 6.2 กิโลเมตรเท่านั้น อากัวมีความสูง 3,760 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
    ————
    ภาพ: Reuters

    #TNNWorldNews #กัวเตมาลา #ไฟไหม้ #ภัยธรรมชาติ #ไฟป่า #อเมริกาใต้ #TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ
    ————
    อัพเดทข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน LINE กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

    ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
    Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
    TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
    Instagram: https://www.instagram.com/tnn_worldtoday/

    https://www.facebook.com/share/p/Mx9VJFkNn8j939i9/?mibextid=oFDknk
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Feb 25, 2024 สายผ่อนฟัง! หนี้เสียขาดส่งรถยนต์ในไทยพุ่ง 2 ปีติด ปี 67 จ่อทะยานแตะกว่า 26,000 ล้านบาท ตลาดเช่าซื้อรถยนต์ปีนี้ซึมมา 5 ปี ยังไม่ฟื้นตัวเหมือนก่อนโควิด

    ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า สินเชื่อเช่าซื้อของระบบแบงก์ไทยปี 2567 แม้จะกลับมาเติบโตในแดนบวกที่ 1.5% ตามแรงหนุนจากยอดขายรถใหม่ แต่ก็ยังคงต่ำกว่าช่วง 5 ปีก่อน หรือก่อนเกิดโควิด-19 ที่โตกว่า 6% ต่อปี ในขณะที่หนี้เสียเช่าซื้อรถยนต์ หรือเอ็นพีแอลยังเป็นขาขึ้น

    โครงสร้างตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์สำหรับลูกค้ารายย่อยในไทยยังคงให้น้ำหนักมาที่ธนาคารพาณิชย์ ผู้ให้บริการสินเชื่อของบริษัทรถยนต์ และผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงินตามลำดับ โดยประเมินว่าสินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ประมาณ 60-65% ขณะที่ผู้ให้บริการสินเชื่อของบริษัทรถยนต์และผู้ให้บริการอื่นที่ไม่ใช่สถาบันการเงินมีสัดส่วนรวมกันอยู่ที่ประมาณ 35-40% ของสินเชื่อเช่าซื้อรวมทั้งตลาด

    คาดว่าสัดส่วนสินเชื่อสำหรับรถใหม่ และรถมือสองจะอยู่ที่ประมาณ 80% และ 20% ตามลำดับ ซึ่งผู้เล่นหลักในตลาดรถมือสองจะเป็นผู้ให้บริการกลุ่มที่ไม่ใช่สถาบันการเงินเป็นหลัก โดยเฉพาะนอนแบงก์และเต้นท์รถ ขณะที่ผู้ให้บริการกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะมีส่วนผสมของพอร์ตรถมือสองค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่และขนาดกลาง

    ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อแนวโน้มสินเชื่อเช่าซื้อดังกล่าว จะมี 3 ส่วนหลัก คือ 1) แนวโน้มยอดขายรถใหม่ ซึ่งจะมีผลในการเติมสินเชื่อใหม่ 2) นโยบายการบริหารจัดการคุณภาพหนี้ของพอร์ตสินเชื่อเดิม โดยเฉพาะการตัดขายหนี้ ซึ่งจะมีผลลดยอดคงค้างสินเชื่อ และ 3) อัตราการชำระคืนของพอร์ตสินเชื่อเดิม ซึ่งขึ้นกับเงื่อนไขด้านการวางเงินดาวน์ตั้งต้น และระยะเวลา/จำนวนงวดการชำระคืนสินเชื่อ ปัจจัยนี้จะมีผลในการกำหนดความเร็วในการลดลงของยอดคงค้างสินเชื่อเช่นกัน

    ในปี 2567 ตัวแปรที่จะมีผลต่ออัตราการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อว่าจะพลิกกลับมาแดนบวกได้หรือไม่ จากที่หดตัว -0.4% ในปี 2566 นั้น ขึ้นกับยอดขาย รถใหม่ และอัตราการตัดขายหนี้ของผู้ประกอบการเป็นสำคัญ ในปีนี้คาดว่าจะมียอดขายรถใหม่ที่ 800,000 คัน เทียบกับ 776,000 คันในปี 2566 จะมีผลเหนืออัตราการตัดขายหนี้ปี 2567 ที่คาดว่าจะมีระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2566 สุดท้ายแล้ว จึงทำให้มีโอกาสเห็นยอดคงค้างสินเชื่อเช่าซื้อที่พลิกกลับมาขยายตัวที่ 1.5% สู่ระดับ 1.197 ล้านล้านบาทได้ (มีต่อหน้า 2/2)

    (หน้า 2/2) อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึง และปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงและปัญหาอำนาการจซื้อ จึงทำให้อัตราการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อข้างต้นยังถือว่าเป็นไปอย่างจำกัด โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับช่วง 5 ปีก่อนโควิดที่เห็นอัตราการขยายตัวที่กว่า 6% ต่อปี

    สถานการณห์หนี้เสียเช่าซื้อยังต้องเฝ้าระวังโดยจากฐานข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่าหนี้เสีย หรือ NPLs ของสินเชื่อเช่าซื้อฯ ในระบบธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นจากระดับ 22,300 ล้านบาทเมื่อสิ้นปี 2565 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.89 ต่อสินเชื่อเช่าซื้อโดยรวม มาที่ 25,100 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.13 ต่อ สินเชื่อเช่าซื้อโดยรวม ณ สิ้นปี 2566

    ในปี 2567 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ยอดคงค้างหนี้เสีย NPLs จะขยับขึ้นต่อเนื่อง จาก 25,100 ล้านบาทมาที่ 26,600 ล้านบาทซึ่งเป็นการเพิ่มในอัตราที่ชะลอลง ติดต่อกันเป็นปีที่สอง ทั้งนี้ เนื่องจากมีมุมมองว่าผู้ให้บริการจะเน้นหนักกับการปรับโครงสร้างหนี้มากขึ้น และมีการตัดขายหนี้เสียต่อเนื่องและรวดเร็ว นอกจากนี้ พฤติกรรมการชาระหนี้ของลูกหนี้ในจังหวะที่มีรายได้เข้ามาเพื่อรักษารถไม่ให้ถูกยึด ก็ทำให้สถานะหนี้ยังไม่ไหลสู่หนี้เสียอย่างรวดเร็วเช่นกัน เมื่อผนวกกับฐานสินเชื่อที่ใหญ่ขึ้น คาดว่าจะทาให้สัดส่วนหนี้เสีย NPLs ต่อสินเชื่อเช่าซื้อรวมของระบบแบงก์ขยับขึ้นไปที่ร้อยละ 2.22 ต่อสินเชื่อเช่าซื้อโดยรวมในปี 2567 จากร้อยละ 2.13 ในปี 2566

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook(เฟซบุ๊ก): https://m.facebook.com/btimesch3/
    YouTube(ยูทูป): https://m.youtube.com/c/MisterBan
    TikTok(ติ๊กตอก): https://www.TikTok.com/@btimes_ch3
    X (เอ็กซ์): https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    Threads(เทร็ดส์): https://www.threads.net/@btimes.ch3
    เว็บไซต์: https://btimes.biz
    Podcast(พ็อดคาสท์): https://btimes.podbean.com/

    #เช่าซื้อรถยนต์ #หนี้เสีย #ธนาคารพาณิชย์ #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/vXgwcsR4yyLAEEow/?mibextid=oFDknk
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Russia: ทางการรัสเซียคืนร่างของผู้นำฝ่ายค้าน อเล็กเซ นาวาลนี ให้ครอบครัวแล้ว แต่พิธีฝังศพยังไม่มีความชัดเจน เนื่องจากทางการรัสเซียต้องการให้ฝัง “ลับ”

    คีรา ยาร์มีช โฆษกหญิงของนาวาลนี เปิดเผยผ่านทาง X เมื่อวานนี้ (24 กุมภาพันธ์) ว่า ร่างของอเล็กเซ นาวาลนี ผู้นำฝ่ายค้านของรัสเซีย ซึ่งเสียชีวิตกะทันหันและไม่คาดคิดในคุกจากสาเหตุที่ไม่สามารถอธิบายได้เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ถูกมอบให้กับมารดาของเขาแล้ว

    ยาร์มีช กล่าวว่า เธอไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้จัดพิธีฝังศพ “ในแบบที่ทางครอบครัวต้องการ และในแบบที่อเล็กเซควรจะได้รับหรือไม่”

    ยาร์มีช ระบุในข้อความที่โพสต์ผ่าน X ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันเรียกร้องให้ทางการมอบร่างของนาวาลนีให้ครอบครัว ส่วนพิธีฝังศพนั้นยังไม่เกิดขึ้น โดยมีรายงานว่า มารดาของนาวาลนี ได้รับแจ้งให้เห็นด้วยกับการฝังศพ “ลับ” อย่างที่ทางการต้องการ ซึ่งหากเธอปฏิเสธ ร่างของนาวาลนีจะถูกฝังในบริเวณเรือนจำที่เขาเสียชีวิต แผนการฝังร่างของเขาจึงยังไม่มีความชัดเจน
    —————
    ภาพ: Reuters

    #TNNWorldNews #รัสเซีย #นาวาลนี #ร่างนาวาลนี #อเล็กเซนาวาลนี
    #เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ
    ————
    อัปเดตข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน LINE กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

    ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
    Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
    TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
    Instagram: https://www.instagram.com/tnn_worldtoday/

    https://www.facebook.com/share/p/MSetDq8wyBHLWejy/?mibextid=oFDknk
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Australia: นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียระบุ รัฐบาลกลางออสเตรเลียพร้อมให้ความช่วยเหลือรัฐบาลรัฐวิกตอเรียรับมือเหตุไฟป่าในพื้นที่ ซึ่งเกิดขึ้นมาแล้วหลายวันและสร้างความเสียหายให้บ้านเรือนจำนวนมาก หลังจากมีการประกาศเตือนว่า สภาพอากาศร้อนจัดอาจทำให้ไฟป่าโหมรุนแรงต่อในสัปดาห์นี้

    นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซี ผู้นำออสเตรเลีย แถลงว่า รัฐบาลกลางออสเตรเลียพร้อมให้ความช่วยเหลือรัฐบาลรัฐวิคตอเรียทุกอย่างที่จำเป็น รับมือเหตุไฟป่าในพื้นที่ซึ่งเกิดขึ้นมาแล้วหลายวันและสร้างความเสียหายให้บ้านเรือนจำนวนมาก พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเฝ้าระวังและรับมือไฟป่า ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก เพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าวต่อเนื่องส่งผลให้เกิดไฟป่าลุกลามได้ง่าย

    เจ้าหน้าที่รัฐบาลรัฐวิกตอเรียเผยว่า พบไฟป่าเกิดขึ้นกว่า 15 จุดในพื้นที่รัฐวิกตอเรียในวันนี้ มีบ้านเรือนเสียหายไปแล้ว 6 หลังคาเรือน ปศุสัตว์ชาวบ้านล้มตายจากไฟป่าจำนวนมาก โรงเรียน 2 แห่งถูกปิด โรงเรียน 4 แห่งต้องย้ายเด็กไปเรียนที่อื่น ผู้ใช้ไฟฟ้า 5,000 คนไม่มีไฟฟ้าใช้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 1,000 นายพร้อมเครื่องบินดับเพลิง 50 ลำกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อควบคุมไฟป่าที่เผาพื้นที่ไปแล้ว 120 ตารางกิโลเมตร

    ก่อนหน้านี้ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรียมีคำสั่งอพยพฉุกเฉินกับประชาชนมากกว่า 2,000 คนในเมืองทางฝั่งตะวันตกของรัฐ โดยให้อพยพไปทางตะวันออกไปยังเมืองบัลลารัต เมืองนี้อยู่ห่างจากนครเมลเบิร์นที่เป็นเมืองเอกของรัฐไปทางตะวันตกราว 95 กิโลเมตร
    —————
    ภาพ: Reuters
    #TNNWorldNews #ออสเตรเลีย #วิกตอเรีย #ไฟป่า #ภัยธรรมชาติ
    #เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ
    ————

    อัปเดตข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน LINE กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt
    ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
    Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
    TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
    Instagram: https://www.instagram.com/tnn_worldtoday/
    https://www.facebook.com/share/p/Yg4ZLodQeV79ErDF/?mibextid=oFDknk
     

แชร์หน้านี้

Loading...