ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เท็กซัสเข้าสู่ภาวะสงครามอย่างเป็นทางการ
    .
    ผู้ว่าการรัฐเปิดใช้งานมาตรา 1 หมวด 10 วรรค 3 ของรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา ซึ่งอนุญาตให้ประกาศกฎอัยการศึกในรัฐ และดำเนินการโดยไม่คำนึงถึงรัฐบาลกลาง

    PSX_20240201_172522.jpg FB_IMG_1706783100946.jpg FB_IMG_1706783102812.jpg
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Feb 2, 2024 ยังเสี่ยง! IMF เตือน เงินเฟ้อทั่วโลกจ่อพุ่ง จากวิกฤตทะเลแดงกระทบขนส่ง ต้องใช้เวลาเพิ่ม-ต้นทุนสูงกว่าเดิม สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจการค้าโลก

    กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาเตือนว่า สถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่กลุ่มติดอาวุธได้ทำการโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดงนั้น จะส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วโลกพุ่งขึ้น และสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจละการค้าโลก

    โดยนายดาเนียล ลีห์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา IMF มีมุมมองบวกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและคาดว่าเงินเฟ้อชะลอตัวลง โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัญหาฝั่งอุปทานเริ่มผ่อนคลายลง ซึ่งทำให้ระยะเวลาในการขนส่งสินค้าลดน้อยลง แต่ในขณะนี้มีความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์เกิดขึ้นซึ่งทำให้สถานการณ์พลิกผัน โดยเฉพาะเหตุการณ์ตึงเครียดในทะเลแดงที่จะทำให้ระยะเวลาการขนส่งสินค้าต้องใช้เวลานานขึ้น และทำให้ต้นทุนการขนส่งปรับตัวสูงขึ้นด้วย

    ทั้งนี้ IMF มีความกังวลว่าการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดงจะส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากเรือขนส่งสินค้ากว่า 11% ต้องใช้เส้นทางผ่านคลองสุเอซ และผลที่ตามมาคือทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความพยายามของธนาคารกลางทั่วโลกที่ต้องการเห็นเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือซอฟต์แลนดิ้ง

    เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา IMF ได้เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.1% ในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนต.ค.ที่ระดับ 2.9% โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ และมาตรการกระตุ้นด้านการคลังของจีน

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook: https://m.facebook.com/btimesch3/
    YouTube: https://m.youtube.com/c/MisterBan
    X: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/

    #วิกฤตทะเลแดง #ศรษฐกิจโลก #การค้าโลก #ขนส่ง #เดินเรือ #BTimes

    ttps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=937069401116837&id=100044413569959&mibextid=Nif5oz

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Feb 2, 2024 เฟ้อลด! พาณิชย์ประเมินเงินเฟ้อไทยปี 67 จะชะลอตัวลง รัฐเร่งมาตรการลดค่าครองชีพ น้ำมัน เนื้อหมู สินค้าส่วนใหญ่ราคาลง ยังเกาะติดปัจจัยเสี่ยงอื่นต่อเนื่อง
    .
    นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ คาดแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2567 จะชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2566 และอยู่ในระดับต่ำ ระหว่าง (-0.3) 1.7% ค่ากลาง 0.7% เนื่องจากภาครัฐมีแนวโน้มดำเนินมาตรการลดค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง
    .
    ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคเฉลี่ยทั้งปี 2566 เมื่อเทียบกับปี 2565 สูงขึ้น 1.23% (AoA) ชะลอตัวค่อนข้างมากจากปี 2565 ที่สูงขึ้น 6.08% ซึ่งอยู่ในกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินระหว่าง 1.0 -3.0% เนื่องจากราคาสินค้าบางกลุ่มปรับลดลงอย่างชัดเจน อาทิ น้ำมันเชื้อเพลิง ที่ลดลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ รวมถึงเนื้อสุกร และเครื่องประกอบอาหาร อย่างไรก็ดี เนื่องด้วยราคาสินค้าส่วนใหญ่ยังคงปรับสูงขึ้นตามการบริโภคที่ขยายตัวต่อเนื่อง ปี 2566 จึงยังไม่มีสัญญาณที่สะท้อนว่าภาวะเศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด
    .
    ขณะที่ดัชนีค่าบริการขนส่งสินค้าทางถนน ในไตรมาสแรกของปี 2567 คาดว่าจะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2566 จากมาตรการช่วยเหลือด้านพลังงานของภาครัฐที่มีต่อเนื่องจากปี 2566
    .
    ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาส่งออก และดัชนีราคานำเข้า คาดว่าจะขยายตัวเล็กน้อย ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นและอยู่ในช่วงความเชื่อมั่น จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย และภาคการส่งออกที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
    .
    ทั้งนี้ ยังคงมีปัจจัยที่อาจทำให้ดัชนีเศรษฐกิจการค้าไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ อาทิ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าสำคัญ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ภัยธรรมชาติ และมาตรการภาครัฐ ซึ่ง สนค. จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ดัชนีเศรษฐกิจการค้ามีความถูกต้อง แม่นยำ สอดคล้องกับสถานการณ์ และสามารถนำไปใช้ประกอบการดำเนินมาตรการต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3SFzqhh
    .
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #พาณิชย์ #เงินเฟ้อ #ค่าครองชีพ #เศรษฐกิจไทย #BTimes

    tps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=937041731119604&id=100044413569959&mibextid=Nif5oz

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Feb 2, 2024 ยังเสี่ยง! IMF เตือน เงินเฟ้อทั่วโลกจ่อพุ่ง จากวิกฤตทะเลแดงกระทบขนส่ง ต้องใช้เวลาเพิ่ม-ต้นทุนสูงกว่าเดิม สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจการค้าโลก

    กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาเตือนว่า สถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่กลุ่มติดอาวุธได้ทำการโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดงนั้น จะส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วโลกพุ่งขึ้น และสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจละการค้าโลก

    โดยนายดาเนียล ลีห์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา IMF มีมุมมองบวกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและคาดว่าเงินเฟ้อชะลอตัวลง โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัญหาฝั่งอุปทานเริ่มผ่อนคลายลง ซึ่งทำให้ระยะเวลาในการขนส่งสินค้าลดน้อยลง แต่ในขณะนี้มีความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์เกิดขึ้นซึ่งทำให้สถานการณ์พลิกผัน โดยเฉพาะเหตุการณ์ตึงเครียดในทะเลแดงที่จะทำให้ระยะเวลาการขนส่งสินค้าต้องใช้เวลานานขึ้น และทำให้ต้นทุนการขนส่งปรับตัวสูงขึ้นด้วย

    ทั้งนี้ IMF มีความกังวลว่าการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดงจะส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากเรือขนส่งสินค้ากว่า 11% ต้องใช้เส้นทางผ่านคลองสุเอซ และผลที่ตามมาคือทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความพยายามของธนาคารกลางทั่วโลกที่ต้องการเห็นเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือซอฟต์แลนดิ้ง

    เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา IMF ได้เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.1% ในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนต.ค.ที่ระดับ 2.9% โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ และมาตรการกระตุ้นด้านการคลังของจีน

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook: https://m.facebook.com/btimesch3/
    YouTube: https://m.youtube.com/c/MisterBan
    X: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/

    #วิกฤตทะเลแดง #ศรษฐกิจโลก #การค้าโลก #ขนส่ง #เดินเรือ #BTimes

    ps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=937069401116837&id=100044413569959&mibextid=Nif5oz

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    UPDATE: เกิดเหตุก๊าซระเบิดในเคนยา เจ็บทะลุ 200 คน ตาย 2 คน
    .
    เกิดเหตุเพลิงไหม้เนื่องจากก๊าซระเบิดที่กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 271 คน และเสียชีวิตอย่างน้อย 2 คน
    .
    ภาพจากวิดีโอที่เผยแพร่บนโซเชียลมีเดียเผยให้เห็นเปลวเพลิงขนาดมหึมาโหมกระหน่ำที่บริษัท Kentainers ซึ่งอยู่ใกล้กับแฟลตที่พักของประชาชนในภูมิภาคเอมบากาซี โดยโฆษกรัฐบาลรายงานว่า พนักงานกำลังบรรจุก๊าซลงถังตอนที่เกิดเพลิงไหม้ขึ้นก่อนเวลาเที่ยงคืนของวันพฤหัสบดี (1 กุมภาพันธ์) แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของอุบัติเหตุในครั้งนี้ ซึ่งจะต้องรอการสืบสวนต่อไป ขณะชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์บอกเล่ากับสื่อท้องถิ่นว่า พวกเขารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนตอนที่เกิดเหตุระเบิดด้วย
    .
    ส่วนสถานการณ์ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่รายงานว่าอาคารของบริษัท Kentainers ได้รับความเสียหายรุนแรง โดยขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเข้ามาในบริเวณดังกล่าว เนื่องจากเจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่กู้ภัยและจัดส่งรถดับเพลิงเข้าไปในพื้นที่ โดยเพลิงนั้นได้ลามไปยังอพาร์ตเมนต์ที่อยู่ใกล้เคียงด้วย ส่วนผู้บาดเจ็บที่ได้รับการยืนยันทั้งหมดถูกนำตัวส่งสถานพยาบาลแล้ว
    .
    ภาพ: Thomas Mukoya / Reuters
    .
    อ้างอิง:
    www.bbc.com/news/world-africa-68176857
    .
    #TheStandardNews

    ttps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=722760333316646&id=100067480567756&mibextid=Nif5oz

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    UPDATE: ฮุน มาเนต เดินหน้าแก้ปัญหาเมืองร้างสีหนุวิลล์ โวยสื่อนอกตีข่าวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำลายชื่อเสียง
    .
    ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แถลงในเวทีส่งเสริมการลงทุนเมืองสีหนุวิลล์ หลังจากที่เผชิญปัญหาอาคารนับร้อยหลังที่สร้างโดยนักลงทุนชาวจีนถูกทิ้งร้าง โดยเตรียมแผนแก้ปัญหา ทั้งการให้วีซ่าพิเศษและสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่นักลงทุนที่ซื้ออาคารมูลค่ามากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องซ่อมแซมและบำรุงรักษาอาคารเหล่านี้
    .
    ทั้งนี้ผู้นำกัมพูชายังกล่าวถึงการที่เมืองสีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศริมทะเล หยุดพัฒนาอย่างกะทันหันจนทำให้มีอาคารร้างถึง 362 แห่ง ตามข้อมูลจากกระทรวงการคลังกัมพูชา โดยกล่าวโทษสำนักข่าว Al Jazeera ที่เผยแพร่ข่าวทำลายชื่อเสียงของเมืองที่เป็นความหวังในการดึงดูดนักท่องเที่ยว
    .
    “มันใช้เวลานานในการสร้างชื่อเสียงที่ดีเพื่อให้ผู้คนอยากมาเยี่ยมชมนครวัด แต่ชื่อเสียงนี้ถูกทำลายภายในเวลาเพียง 6 เดือน หลังการเผยแพร่บทความจาก Al Jazeera” เขากล่าวโดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่รายงานในบทความ
    .
    ทั้งนี้ในปี 2019 Al Jazeera ได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับบ่อนคาสิโนที่เป็นต้นตอปัญหาอาชญากรรมในเมืองสีหนุวิลล์ จากนั้นในปี 2022 ก็มีการจัดทำสารคดีเกี่ยวกับทาสของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งนำเสนอข้อมูลของผู้คนที่ถูกหลอกหรือเต็มใจไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มักจะอยู่ในคาสิโนที่เมืองสีหนุวิลล์
    .
    ขณะที่ฮุน มาเนต ยืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชาจะทำให้สีหนุวิลล์น่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น ด้วยนโยบายเขตปลอดภาษี และเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนส่งเสริมการสร้างรีสอร์ตและบริการอื่นๆ สำหรับนักท่องเที่ยว และดำเนินการอย่างจริงจังมากขึ้นเพื่อป้องกันอาชญากรรม
    .
    Aun Pornmoniroth รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกัมพูชา เผยว่า กัมพูชาจำเป็นต้องใช้เงิน 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อจัดการปัญหาอาคารร้างในสีหนุวิลล์
    .
    “ย้อนกลับไปในปี 2016 การลงทุนในสีหนุวิลล์กำลังเฟื่องฟู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการก่อสร้างร้านอาหาร โรงแรม และร้านค้า แต่นับตั้งแต่ปี 2019 เนื่องจากวิกฤตทางการเงินและโควิด ทุกอย่างจึงหยุดลง” เขาอธิบาย และเผยว่านอกจากอาคารร้าง 362 หลัง ยังมีอาคารอีก 176 หลังที่สร้างเสร็จแล้วแต่ไม่ได้ใช้งาน
    .
    สิ่งจูงใจที่น่ากังวล
    .
    Cheap Sotheary ผู้ประสานงานระดับจังหวัดของสมาคมสิทธิมนุษยชนและการพัฒนากัมพูชา แสดงความกังวลว่านโยบายจูงใจต่างๆ นั้นอาจทำให้มีคาสิโนภายในสีหนุวิลล์มากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลใจ เนื่องจากคาสิโนเหล่านี้เป็นต้นตออาชญากรรม ยาเสพติด และการค้ามนุษย์
    .
    ขณะที่ Por Makara นักวิจารณ์ด้านสังคมและการเมือง ชี้ว่าปัญหาการคอร์รัปชันในสีหนุวิลล์ทำให้นักลงทุนจากชาติตะวันตกกลัวที่จะเข้าไปลงทุนในเมืองนี้
    .
    “สถานการณ์ตึกร้างจะแย่ลง เพราะมีเพียงนักลงทุนชาวจีนเท่านั้นที่เต็มใจจะรับมือกับปัญหาคอร์รัปชัน” เขากล่าว และเสริมว่า “นักลงทุนในยุโรปและสหรัฐอเมริกาไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน”
    .
    ด้าน Kim Sok นักวิจารณ์การเมือง มองว่านโยบายจูงใจของรัฐบาลจะไม่ดึงดูดนักธุรกิจดีๆ ให้เข้าไปลงทุนฟื้นฟูอาคารร้างในสีหนุวิลล์ สาเหตุหลักเพราะระบบกฎหมายนั้นถูกเหยียบย่ำโดยผู้มีอำนาจ ตลอดจนปัญหาการทุจริตและอาชญากรรม
    .
    “สิ่งจูงใจของฮุน มาเนต จะไม่ช่วยเศรษฐกิจของประเทศหรือท้องถิ่น แต่จะดีต่อการฟอกเงินเท่านั้น นักลงทุนที่ดีจะไม่ลงทุนในอาคารร้างเหล่านั้น”
    .
    ภาพ: Paula Bronstein / Getty Images
    .
    อ้างอิง:
    https://www.rfa.org/english/news/cambodia/ghost-02012024162355.html
    .
    #TheStandardNews

    ttps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=722762439983102&id=100067480567756&mibextid=Nif5oz

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผลสำรวจเผย “พนักงานออฟฟิศ” ใน “ญี่ปุ่น” เกือบ 40% เคยทำงาน หรือ กำลังทำงานอยู่ใน “Black Company” บริษัทใช้แรงงานทาสที่ไม่สนใจ “กฎหมายแรงงาน” สิทธิมนุษยชน ให้ทำงานหามรุ่งหามค่ำ กินนอนที่ออฟฟิศ แบบที่พระเอกใน “Zom100” เผชิญ
    .
    ชายวัยทำงานใส่สูทผูกไทนอนหลับบนรถไฟฟ้า สะท้อนการทำงานหนักเกือบ 24 ชั่วโมง เป็นภาพที่คุ้นตาดีในสังคม “ญี่ปุ่น” จนหลายคนอดชื่นชมไม่ได้ในความขยันขันแข็ง มีวินัยในการทำงาน แต่ความเป็นจริงแล้วชีวิตพนักงานออฟฟิศกำลังมีปัญหา พนักงานหลายคนถูกบังคับให้ทำงานเกินชั่วโมงตามที่กฎหมายกำหนด และไม่ได้รับ OT โดยเฉพาะใน Black Company หรือ บุรักคุ คิเกียว (ブラック企業)
    .
    Black Company บริษัทใช้แรงงานทาส
    .
    ถ้าหากคุณเคยดู “Zombie 100: Bucket List of the Dead” ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชันหนัง อนิเมะ หรือมังงะก็คงจะได้เห็นความน่าสยองของออฟฟิศตัวละครหลักของเรื่อง จนพระเอกดีใจที่ไม่ต้องทำงาน แม้จะต้องเอาตัวรอดจากซอมบี้ก็ตาม ซึ่งบางทีความเลวร้ายของบริษัทใน “Zom100” อาจจะยังดีกว่าบริษัทในชีวิตจริง
    .
    Black Company เป็นคำที่ใช้เรียกบริษัทที่ไม่สนใจสวัสดิภาพของพนักงาน ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน ทั้งให้ทำงานมากกว่าชั่วโมงที่กฎหมายกำหนด ชนิดที่ทำงานทั้งวันทั้งคืน กินนอนอยู่ที่ออฟฟิศ ไม่มีแม้แต่เวลากลับบ้านเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่กลับไม่รับค่าทำงานล่วงเวลา หรือ OT ที่สำคัญคือให้ค่าแรงต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ มีวันลาก็ห้ามใช้ และไม่ได้ขึ้นเงินเดือนแม้จะทำงานมาหลายปีแล้วก็ตาม
    .
    เดิมทีคำนี้เป็นคำสแลงที่ใช้หมู่พนักงานไอทีในช่วงต้นทศวรรษ 2000 แต่ปัจจุบันคำนี้ใช้กันอย่างแพร่หลายในสื่อและใช้ได้กับทุกอุตสาหกรรม รวมถึงที่ทำลายสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตและการทำงาน และเกิดโรคคะโรชิ (過労死) แปลว่า ทำงานหนักจนตาย นำไปสู่อาการหัวใจวาย หลอดเลือดสมองตีบ หรือฆ่าตัวตาย
    .
    ตามกฎหมายญี่ปุ่น ระบุไว้ว่า พนักงานสามารถทำงานได้เพียง 8 ชั่วโมงต่อวัน คิดเป็น 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยสามารถทำ OT ได้ 15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือ 27 ชั่วโมงต่อ 2 สัปดาห์ หรือ 45 ชั่วโมงต่อเดือน และ 360 ชั่วโมงต่อปี แต่ดูเหมือนว่าบริษัทในญี่ปุ่นจะมีชั่วโมงการทำงานมากกว่านั้น จนเป็นเรื่องปรกติ จากข้อมูลจากรัฐบาลญี่ปุ่นพบว่า ในช่วงเดือนเม.ย. 2020 - พ.ค. 2021 มีออฟฟิศ 2,982 แห่งให้พนักงานทำงานล่วงเวลามากกว่า 80 ชั่วโมงต่อเดือน ส่วนอีก 1,878 แห่งให้พนักงานทำ OT มากกว่า 100 ชั่วโมง และบริษัท 93 แห่งบังคับให้ทำงานล่วงเวลา 200 ชั่วโมง
    .
    รู้ว่าโดนเอาเปรียบ แต่ยังต้องทำงานต่อไป
    .
    จากข้อมูลเมื่อปี 2023 ของ Shikigaku บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการในโตเกียว ทำการสอบถามพนักงานบริษัทที่มีอายุระหว่าง 20 ถึง 59 ปีทั่วประเทศ พบว่า 38.6% ของพนักงานออฟฟิศเคยทำงานหรือกำลังทำงานอยู่ใน Black Company
    .
    เมื่อเจาะลึกลงไปถามพนักงานออฟฟิศที่ทำงานใน Black Company ว่ารู้ตัวเมื่อไรว่ากำลังทำงานในบริษัทที่กดขี่แรงงาน เหตุผลที่คนตอบมากที่สุด คือ มีอัตราการลาออกสูง ถึง 44.0% ตามมาด้วย มีชั่วโมงการทำงานมากเกินไป (39.7%) และ ไม่ได้ค่าทำงานล่วงเวลา (38.0%) สะท้อนให้เห็นว่าพนักงานให้ความสำคัญของปัญหาเวลาทำงาน
    .
    นอกจากนี้พนักงานส่วนใหญ่รู้ว่าบริษัทของตนเองไม่ปฏิบัติการกฎหมายแรงงาน หรือทำเป็นพิธีไปเท่านั้น ด้วยการบังคับให้การทำงานล่วงเวลาเป็นส่วนหนึ่งของ “ช่วงพักเบรก” อีกทั้งไม่จ่ายค่า OT เต็มจำนวน ทั้ง ๆ ที่กำหนดให้พนักงานทำ OT ประมาณ ชั่วโมงต่อเดือน เนื่องจากฝ่ายบริหารบอกว่า “มันเป็นเงินที่มากเกินไป”
    .
    แม้พนักงานออฟฟิศจะรู้ทั้ง ๆ รู้ว่าบริษัทกำลัง “เอาเปรียบ” แต่พวกเขาก็ยังจะทำงานให้บริษัทต่อไป โดย 6.1% ตอบว่าเต็มใจจะทำ ในขณะที่ 50.2% บอกว่าจำใจต้องทำ หากไม่มีทางเลือกอื่น แสดงให้เห็นว่าพวกเขาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทกลายเป็น Black Company และทำให้บริษัทได้ใจ จนไม่สนใจถึงความถูกผิด
    .
    79% ระบุว่า พวกเขาไม่เคยแจ้งบริษัทถึงปัญหาการใช้แรงงานทาส มีชั่วโมงการทำงานที่มากเกินไป แต่จำเป็นต้องรักษางานของตนไว้ เพราะไม่มีอะไรรับประกันว่า ถ้าย้ายไปทำงานที่อื่นแล้วจะต้องทำงานน้อยลง และพวกเขาไม่ปริปากร้องเรียน ด้วยความคิดว่า “พูดไปก็เท่านั้น” ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อะไรทนได้ก็ทนไป เมื่อถึงจุดที่ทนไม่ไหว พวกเขาก็จะ “ลาออก” ไปเอง
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1108905?anm=
    .
    เผยแพร่ครั้งแรก วันที่ 18 ม.ค. 2567
    .
    #พนักงานออฟฟิศ #กฎหมายแรงงาน #สิทธิมนุษยชน
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจWorklife #กรุงเทพธุรกิจLifestyle
    tps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=782677207231201&id=100064667864722&mibextid=Nif5oz

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทำไมชาวเกาหลีใต้นิยมดื่ม #อเมริกาโนเย็น กันมาก มากถึงขั้นว่ากลายเป็นเมนู #กาแฟ ประจำชาติอย่างไม่เป็นทางการ
    .
    ไม่ใช่แค่ “คัลแลนกับพี่จอง” สองหนุ่มยูทูเบอร์เกาหลีใต้ที่มักจะสั่งเครื่องดื่ม “อเมริกาโนเย็น ไม่หวาน 2 แก้ว” อยู่เป็นประจำเท่านั้น แต่พบว่าบรรดาศิลปินนักร้องหรือดาราซีรีส์เกาหลีใต้ (ทั้งฉากในจอและชีวิตจริงนอกจอ) พวกเขาต่างนิยมดื่มกาแฟเมนูนี้กันเป็นปกติทุกวัน ไม่เว้นแม้แต่ในฤดูหนาวที่มีหิมะตกก็ยังดื่ม!
    .
    ปรากฏการณ์ความฟีเวอร์ของอเมริกาโนเย็นในเกาหลีใต้นั้น South China Morning Post รายงานไว้ว่า ชาวเกาหลีใต้นิยมเครื่องดื่มนี้กันอย่างมาก ไม่ว่าสภาพอากาศข้างนอกจะร้อนหรือหนาว คนเกาหลีใต้ก็ยังคงเลือกดื่มอเมริกาโนเย็นเสมอ ถึงขนาดมีการตั้งสุภาษิตใหม่ขึ้นมาว่า “อเมริกาโนเย็นเท่านั้น ถึงแม้ฉันหนาวจนจะแข็งตาย! (얼어 죽어도 아이스 아메리카노!)”
    .
    อีกทั้งมีข้อมูลจาก Starbucks Korea เปิดเผยว่า กาแฟธรรมดาๆ อย่าง “อเมริกาโนเย็น” ได้กลายเป็นเครื่องดื่มประจำชาติอย่างไม่เป็นทางการของเกาหลีใต้ โดยขายได้มากกว่าเครื่องดื่มร้อนแม้ในช่วงฤดูหนาว เทรนด์ดังกล่าวถูกสังเกตเห็นเมื่อสตาร์บัคส์เกาหลีได้จัดโปรโมชัน “ice Challenge” โดยหากลูกค้าสั่งเมนูอเมริกาโนเย็นในช่วงปลายเดือนมกราคมที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าศูนย์องศาเซลเซียส จะได้รับการอัปเกรดขนาดใหญ่ขึ้นฟรี!
    .
    พัค ฮัน จู เจ้าหน้าที่จาก Starbucks Korea บอกว่า ยอดขายเครื่องดื่มเย็น (อเมริกาโนเย็น) คิดเป็น 76% ของยอดขายทั้งหมดที่ร้าน Starbucks ในเกาหลีใต้ในปี 2565 แม้แต่ในช่วงอากาศเย็นของเดือนมกราคม พวกเขาก็ขายอเมริกาโนเย็นได้มากกว่าอเมริกาโนร้อนถึง 54%
    .
    แนวโน้มของผู้คนในการบริโภคเครื่องดื่มโดยไม่คำนึงถึงสภาพอากาศ ดูเหมือนจะกลายเป็นเทรนด์ใหม่ แม้แต่ในร้านกาแฟอิสระทั่วไปในกรุงโซล หลายร้านพบว่า เมนูอเมริกาโน่เย็นขายดีตลอดทั้งปี คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50% ของเครื่องดื่มอื่นๆ ทั้งหมดในร้าน
    .
    ขณะที่ผลการศึกษาของสถาบันวิจัยฮุนไดในปี 2562 ก็รายงานว่า ชาวเกาหลีใต้ดื่มกาแฟโดยเฉลี่ย 353 แก้วต่อปี ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกมากกว่าสองเท่า ด้านสภาองค์กรผู้บริโภคแห่งชาติเกาหลีก็มีข้อมูลในทิศทางเดียวกัน คือ การบริโภคกาแฟของเกาหลีใต้ต่อหัวสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก โดย 70% ของผู้ใหญ่ชาวเกาหลีใต้ ดื่มกาแฟอย่างน้อยหนึ่งแก้วทุกวัน และเมนูอเมริกาโนเป็นเครื่องดื่มที่มีการสั่งซื้อบ่อยที่สุดในประเทศ
    .
    ส่วนสาเหตุที่ชาวเกาหลีใต้นิยมดื่มอเมริกาโนเย็นอย่างมากนั้น ตามรายงานดังกล่าวคาดว่าอาจเพราะเป็นเครื่องดื่มกาแฟที่เรียบง่ายที่สุด ไม่มีฟองนม ไม่มีรสหวาน และราคาไม่แพง ทั้งยังตอบโจทย์เรื่องกระตุ้นความกระฉับกระเฉงได้รวดเร็ว จึงส่งผลให้อัตราการบริโภคกาแฟต่อคนต่อปีของเกาหลีใต้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกถึง 2.7 เท่า
    .
    “ลี จูอึน” พนักงานออฟฟิศสาวชาวเกาหลีใต้คนหนึ่งเล่าว่า แม้ในหน้าหนาวที่มีอุณหภูมิติดลบเธอก็ยังออกไปซื้อกาแฟอเมริกาโนเย็น เธอดื่มแค่เมนูนี้เท่านั้น เพราะอเมริกาโน่เย็นดื่มง่ายกว่าและยังอร่อยกว่าด้วย แม้ในฤดูหนาวเธอก็ยังเลือกดื่มอยู่ดี “ฉันหนาวแต่ก็โอเค ฉันทนได้” เธอกล่าว
    .
    ด้านหนุ่มนักบัญชีอย่าง “ลี แด-ฮี” กล่าวว่า เขาชอบดื่มอเมริกาโนเย็นเป็นพิเศษ เพราะมันเป็นเครื่องดื่มคาเฟอีนที่ดื่มง่าย กระตุ้นร่างกายให้สดชื่นได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากกว่า ซึ่งจำเป็นต่อวัฒนธรรมการทำงานแบบเร่งรีบของชาวเกาหลีใต้ เขาบอกอีกว่า เขาดื่มอเมริกาโนเย็นเพื่อให้ตื่นเต็มตามาทำงานได้ แม้ในวันอากาศหนาวเย็นเครื่องดื่มนี้ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหนาวขึ้นกว่าเดิม เพราะส่วนใหญ่ก็ใช้ชีวิตทำงานอยู่ในออฟฟิศไม่ได้อยู่ข้างนอกอาคาร
    .
    อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลจาก Kiosk-Kaffee ได้สรุปเหตุผลที่ทำให้ชาวเกาหลีใต้คลั่งไคล้เครื่องดื่มอเมริกาโนเย็นออกมา ซึ่งหลายข้อก็ตรงกับรายงานต่างๆ ข้างต้น ได้แก่
    .
    ☕คนเกาหลีใต้ชอบเครื่องดื่มเย็นมากกว่าร้อน อเมริกาโนเย็นจึงตอบโจทย์พวกเขาได้ดี เครื่องดื่มที่เย็นๆ บวกกับคาเฟอีนในปริมารพอดีคือสิ่งที่ชาวเกาหลีใต้ต้องการ มันช่วยให้สดชื่นตลอดเวลาและทำสิ่งต่างๆ ได้มีประสิทธิผล
    .
    ☕เซเลบเกาหลีใต้นิยมดื่มอเมริกาโนเย็น (ศิลปิน K-pop สุดฮอตอย่าง BTS และ BlackPink ถูกพบเห็นดื่มอเมริกาโนเย็น และซีรีย์เกาหลีหลายเรื่องก็มักมีฉากสำคัญที่ตัวละครแวะร้านกาแฟเพื่อดื่มอเมริกาโนเย็น) จึงไม่แปลกที่กระแสของเครื่องดื่มชนิดนี้จะแพร่กระจายไปทั่วประเทศ
    .
    ☕แคลอรีต่ำและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ อเมริกาโนเย็นต่างจากเครื่องดื่มกาแฟใส่น้ำตาลและนมตรงที่มีแคลอรีต่ำ เป็นตัวเลือกยอดนิยมในหมู่ชาวเกาหลีใต้ เพราะพวกเขาให้ความสำคัญกับการมีวิถีชีวิตที่สุขภาพดี และบางคนเชื่อว่าอเมริกาโนเย็นสามารถช่วยเรื่องการย่อยอาหารได้
    .
    ☕เป็นเครื่องดื่มที่ทำง่าย รวดเร็วทันใจ คนเกาหลีใต้ชื่นชอบความเรียบง่าย เพียงแค่ใส่เอสเพรสโซช็อต น้ำแข็ง และน้ำเปล่าก็ได้เมนูเครื่องดื่มแสนสดชื่น รวมถึงวัฒนธรรมการดื่มกาแฟในคาเฟ่ของเกาหลีใต้ในยุคสมัยปัจจุบัน ที่เน้นบรรยากาศสบายๆ เรียบง่าย อเมริกาโนเย็นจึงเข้ากับเทรนด์นี้ได้อย่างลงตัว
    .
    .
    อ้างอิง: SCMP https://shorturl.asia/U6Ktw
    TastingTable https://shorturl.asia/EbOo8
    Kiosk-kaffee https://shorturl.asia/l6ARs
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1111267?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจLifestyle

    ttps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=782675623898026&id=100064667864722&mibextid=Nif5oz

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วิจัยเผย คนทำงานเกือบ 40% มีความสุขกับงานที่ทำอยู่ ไม่อยาก “เลื่อนตำแหน่ง” ผู้เชี่ยวชาญชี้ “คนรุ่นใหม่” ไม่ได้มองว่าการเลื่อนตำแหน่งเป็น “ความก้าวหน้าทางอาชีพ” อย่างเดียว แต่ “ความยืดหยุ่นในการทำงาน” ก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน
    .
    ชีวิตดีอยู่แล้ว ไม่อยากเลื่อนตำแหน่งให้วุ่นวาย
    .
    รายงาน Workmonitor ประจำปีของ Randstad บริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลข้ามชาติ ที่ทำการสำรวจความเห็นของแรงงานที่มีอายุ 18-67 ปี จำนวน 27,000 คนในตลาดงานทั่วยุโรป เอเชียแปซิฟิก และอเมริกา โดยจะต้องมีงานทำอย่างน้อย 24 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือเป็นฟรีแลนซ์
    พบว่าคนงาน 39% ไม่ต้องการเลื่อนตำแหน่งเพราะพวกเขาชอบงานปัจจุบันของตน ขณะที่อีก 34% ไม่เคยคิดอยากจะเป็นผู้จัดการเลย
    .
    ทั้งนี้จากผลสำรวจยังพบว่า คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะชาวมิลเลนเนียลและเจน Z ลังเลที่จะรับงานด้านการบริหารจัดการ เนื่องจากพวกเขามองว่างานเหล่านี้มีใช้ความรับผิดชอบและมีความกดดันสูง ซึ่งดูแล้วไม่น่าคุ้มกับเงินเดือนที่ได้เพิ่มขึ้นมา อีกทั้งขาดความไว้วางใจในพนักงานซีเนียร์
    .
    ขณะที่ ร็อด ธิล ผู้ก่อตั้ง WorkDaze ตัวช่วยสร้างวัฒนธรรมที่ดีขึ้นในที่ทำงาน ระบุว่า เขามักได้รับข้อเสนอการเลื่อนตำแหน่งที่เขาไม่ต้องการอยู่เสมอ ซึ่งเขามองว่าข้อเสนอเหล่านี้เป็นสิ่งที่หัวหน้าบังคับว่าเขาจะต้องยอมรับ ทั้งที่เขาทำงานออกมาให้ดีเพื่อต้องการแสดงให้เห็นว่าเขายังมีไฟในการทำงานอยู่
    .
    ธิลกล่าวเสริมว่า บ่อยครั้งที่ผู้บริหารระดับสูงมองว่าการเลื่อนตำแหน่งจะเป็นสิ่งจูงใจให้พนักงานอยากทำงานต่อ ทั้งที่พนักงานพอใจกับงานและไลฟ์สไตล์ของตัวเองที่เป็นอยู่แล้ว ในเมื่อทุกอย่างกำลังลงตัว งานก็ดี เงินก็ดี แล้วทำไมเขาต้องหาเรื่องเครียดให้กับตัวเอง ทำให้ตัวเองหมดไฟด้วยการเลื่อนตำแหน่ง
    .
    ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เงินเพียงอย่างเดียว
    .
    การสำรวจของ McKinsey บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำ เมื่อปี 2023 พบว่า เงินไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้คนเจน Z ปฏิเสธการเลื่อนตำแหน่ง แต่พวกเขายังดูด้วยว่าตำแหน่งงานใหม่จะมีความยืดหยุ่นในการทำงานหรือไม่ เพราะคนรุ่นใหม่หันมาให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานมากยิ่งขึ้น ซึ่งผลการสอดคล้องกับเทรนด์อาชีพในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ทั้ง “Quiet Quitting” “Lazy Girl Jobs” และ “Bare Minimum Mondays” ที่กระตุ้นให้คนทำงานน้อยลง และมีเวลาใช้ชีวิตด้วยความผ่อนคลายมากขึ้น
    .
    “แรงจูงใจของผู้คนในที่ทำงานไม่จำเป็นต้องขับเคลื่อนด้วยการเลื่อนตำแหน่งเท่านั้น ตอนนี้พนักงานที่มีความสามารถกำลังคิดทบทวนว่าเป้าหมายในการทำงานคืออะไร ตอนนี้พวกเขาให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน ความยืดหยุ่นในการทำงาน ความเท่าเทียม และทักษะที่มีเป็นหลัก” ซานเดอร์ แวน นัวร์เดนด์ ซีอีโอของ Randstad กล่าวกับ Business Insider
    .
    แวน นัวร์เดนด์ แนะนำนายจ้างที่ต้องการรักษาและพัฒนาพนักงานที่มีศักยภาพไว้ว่า นายจ้างควรจะต้องเสนอความก้าวหน้าในสายอาชีพในด้านอื่น ๆ นอกเหนือจากการเลื่อนตำแหน่ง ซึ่งต้องดูว่าเป้าหมายในหน้าที่การงานของแต่ละคนเป็นอย่างไร เพราะในตอนนี้พนักงานต่างอยากก้าวหน้าในอาชีพไปพร้อม ๆ กับการรักษาชีวิตส่วนตัว สองเรื่องนี้จึงเกี่ยวข้องกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และต้องรักษาให้ทั้งสองด้านสมดุลกัน
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1111173?anm=
    .
    ที่มา:
    Business Insider: https://bit.ly/48VsAdf
    Business Insider 2: https://bit.ly/3UmFpJa
    .
    #เลื่อนตำแหน่ง #คนรุ่นใหม่ #ความยืดหยุ่นในการทำงาน #ตำแหน่งงานใหม่
    #กรุงเทพธุรกิจWorklife #กรุงเทพธุรกิจ #KTLeadership

    tps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=782444697254452&id=100064667864722&mibextid=Nif5oz

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เมื่อระเบียบโลกที่เป็นอยู่กำลัง “กลับทิศ” สหรัฐที่เสียส่วนแบ่งการค้าให้จีนมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้หันมาขึ้นกำแพงภาษีแทน สิ่งนี้จะนำไปสู่ “จุดสิ้นสุด” ของการค้าเสรีที่นานาชาติยึดถือหรือไม่
    .
    แต่ไหนแต่ไรมา ระเบียบโลกที่นานาประเทศ รวมถึง “ไทย” ยึดถือมาโดยตลอด คือ “การค้าเสรี” จนเกิดองค์การค้าโลกขึ้น เพื่อส่งเสริมให้แต่ละประเทศลดกำแพงภาษีหรือถึงขั้นทลายกำแพงระหว่างกัน ให้การค้าขายเป็นไปอย่างคล่องตัว และช่วยลดต้นทุนสินค้าด้านภาษีด้วย
    .
    แต่ในปัจจุบัน ระเบียบโลกดังกล่าวกำลัง “กลับทิศ” เมื่อสหรัฐ ผู้นำระเบียบโลกและเคยเป็นตัวตั้งตัวตีของระเบียบนี้ ได้ขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจากจีนสูงขึ้นเรื่อย ๆ และสหภาพยุโรปก็สนับสนุน ซึ่งการปิดกั้น ขึ้นกำแพงภาษี และพยายามแยกฐานผลิตออกจากจีน ได้ท้าทายการค้าเสรีที่เป็นอยู่ และกำลังทำให้ระเบียบโลกเดิมเปลี่ยนไป
    .
    สหรัฐ-ยุโรป ถูกจีนรุกคืบทางเศรษฐกิจ
    .
    สำหรับจุดเปลี่ยน คือ ในการค้าขายระหว่างสหรัฐ-ยุโรปกับจีน สหรัฐกับยุโรปเริ่มขาดดุลการค้าให้จีนมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมในประเทศที่ถูกบรรดาบริษัทแดนมังกรเข้ามาชิงส่วนแบ่ง ด้วยคุณภาพสินค้าใกล้เคียงกัน แต่ราคาสินค้าจีนกลับจับต้องได้มากกว่า
    .
    หนึ่งในอุตสาหกรรมที่เห็นชัดที่สุด คือ “รถยนต์” โดยในปี 2566 จีนส่งออกรถยนต์ “มากที่สุดในโลก” ด้วยจำนวนมากกว่า 5 ล้านคันจนแซงหน้าญี่ปุ่น ขณะที่สหรัฐตกอยู่ในอันดับ 6 ของโลกด้านการส่งออกรถ
    .
    อีลอน มัสก์ กล่าวในสัปดาห์ที่แล้วว่า “อุตสาหกรรมรถของประเทศต่าง ๆ จะถูกรถจีนบดขยี้เกือบหมด ถ้าไม่ตั้งกำแพงภาษี”
    .
    อันที่จริง สหรัฐได้ตั้งกำแพงภาษีรถจากจีนแล้วตั้งแต่สมัยปธน.โดนัลด์ ทรัมป์จนถึงยุคปัจจุบัน สูงถึง 27.5% แต่ยังไม่สามารถทำให้รถสหรัฐพอแข่งขันด้านราคากับจีนได้ รถ EV ขนาดเล็กอย่าง BYD Seagull ของ BYD เริ่มต้นที่ราว 11,400 ดอลลาร์
    .
    ขณะที่รถ EV สหรัฐอยู่ที่ราว 15,000 - 50,000 ดอลลาร์ สะท้อนว่า รถจากจีนก็ยังคงถูกกว่าสหรัฐ แม้จะถูกเก็บภาษีที่ 27.5% แล้วก็ตาม
    .
    สหรัฐ-ยุโรป ร่วมใจสกัดรถแบรนด์จีน
    .
    การที่ค่ายรถจีนเติบโตก้าวกระโดด และอาจแซงชนะแบรนด์รถอเมริกันในสหรัฐ จึงทำให้รัฐบาลวอชิงตันเล็งเก็บภาษีรถยนต์จีนเพิ่ม โดยระบุเหตุผลว่า “รถ EV จากจีนส่อเป็นภัยความมั่นคงแห่งชาติขั้นร้ายแรง”
    .
    ไม่เพียงเท่านั้น คณะกรรมาธิการยุโรปก็กำลังสอบสวนค่ายรถจากจีน ในประเด็น “ตั้งราคารถถูกเกินจริง” เป็นการบิดเบือนกลไกตลาด และได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลปักกิ่ง ซึ่งผลของการสอบสวน อาจทำให้ EU มีมาตรการทางภาษีตามมา
    .
    สินค้าราคาถูกจากจีน อาจช่วยกดเงินเฟ้อ
    .
    แม้สินค้าราคาถูกจากจีนจะกระทบต่อผู้ค้าท้องถิ่น แต่ในอีกด้านหนึ่งของเหรียญ คือ สินค้าจีนยังช่วยกดเงินเฟ้อด้วย เพราะสินค้าสำเร็จรูปต่าง ๆ ไม่ว่าโคมไฟ เสื้อผ้า อุปกรณ์ไฟฟ้า ฯลฯ ถ้าไม่ได้ใช้วัตถุดิบที่ผลิตจากจีนแล้ว ราคาสินค้าเหล่านี้อาจจะสูงขึ้นไม่น้อย
    .
    หรือในบางครั้ง อาจมีราคาสูงจนคนรากหญ้า หรือหาเช้ากินค่ำ ไม่สามารถจับต้องก็เป็นได้ ซึ่งในโลกนี้จะหาประเทศที่ผลิตสินค้าได้ราคาต่ำอย่างจีน ค่อนข้างยาก
    .
    ด้วยเหตุนี้ การบังคับใช้มาตรการกำแพงภาษี แม้จะช่วยชะลอสินค้าจากคู่แข่งต่างชาติ และปกป้องผู้ค้าในประเทศ แต่ผลกระทบที่ตามมา คือ ต้นทุนสินค้าต่าง ๆ มีแนวโน้มสูงขึ้น
    .
    อีกทั้งการขึ้นกำแพงภาษียังอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการประกาศสงครามทางการค้าด้วย เพราะประเทศที่ถูกตั้งกำแพง ก็อาจตอบโต้กลับด้วยมาตรการเดียวกัน กลายเป็นทำให้ต้นทุนสิ่งของโดยรวมแพงขึ้น ซึ่งปรากฏการณ์จาก “การเปิดเสรี” มาเป็น “ตั้งกำแพงภาษี” ที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ของผู้นำโลกอย่างสหรัฐ และยุโรป รวมถึงจีนก็ตอบโต้กลับด้วยการตั้งกำแพงตาม กำลังเปลี่ยนระเบียบโลกเดิมที่เป็นอยู่ และไทยต้องเตรียมรับมือ
    .
    สามารถอ่านฉบับเต็มได้ที่: https://www.bangkokbiznews.com/business/1111304?anm=
    .
    #การค้าเสรี #การค้าโลก #กำแพงภาษี
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจBusiness #กรุงเทพธุรกิจAuto

    ttps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=782678030564452&id=100064667864722&mibextid=Nif5oz

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักลงทุนรายย่อยญี่ปุ่นเทเงินเข้าตลาดหุ้นอินเดียเพิ่มขึ้น 11% มากถึง 1.6 พันล้านดอลล์ หลังเศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งแซงหน้าจีน ส่วนหนึ่งก็มาจากนโยบายกระตุ้นการลงทุนของญี่ปุ่น ภายหลังการเปิดตัวบัญชีการลงทุนปลอดภาษี (NISA)ที่เริ่มต้นในปีนี้
    .
    สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ขณะนี้นักลงทุนรายย่อยในประเทศญี่ปุ่นกําลังเทเงินทุนเข้าหุ้นอินเดีย ท่ามกลางกระแสการเดิมพันว่าจะกลายเป็นที่ผู้นำทางเศรษฐกิจอย่างจีนได้หรือไม่
    .
    โดยมูลค่าสินทรัพย์รวมของทรัสต์เพื่อการลงทุนในหุ้นอินเดียของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 11% มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 237 พันล้านเยน หรือราวๆ 1.6 พันล้านดอลลาร์ ในเดือนมกราคม รวมทั้งยังมีเม็ดเงินจากญี่ปุ่นไหลเข้าตลาดตราสารทุนของอินเดียประมาณ 140,000 พันล้านเยน ในขณะที่กองทุนหุ้นญี่ปุ่นแทบไม่มีเม็ดเงินใหม่ไหลเข้า
    .
    ตลาดหุ้นอินเดียแสดงศักยภาพของการเป็นตลาดเกิดใหม่ ด้วยการเรียกความสนใจจากนักลงทุนญี่ปุ่นไปได้ ซึ่งแตกต่างจากตลาดเศรษฐกิจอื่นๆ ส่วนหนึ่งก็มาจากนโยบายกระตุ้นการลงทุนของญี่ปุ่น ภายหลังการเปิดตัวบัญชีการลงทุนปลอดภาษี (NISA) ที่เริ่มต้นในปีนี้
    .
    ไอเกะ อาโอกิ(Daiju Aoki) หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนระดับภูมิภาคของ UBS SuMi Trust Wealth Management Co. ในโตเกียว กล่าวว่า “หุ้นอินเดียกําลังดึงดูดความสนใจในการเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต ในฐานะประเทศจีนต่อไป ซึ่งความสนใจของนักลงทุนมุ่งเป้าไปที่การเติบโตของเศรษฐกิจอินเดียโดยรวม มากกว่าการเติบโตของแต่ละบริษัทในอินเดีย
    .
    ในขณะเดียวกัน หุ้นจีนมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าจากทั้งนักลงทุนรายใหญ่ และรายย่อยลดลงมากที่สุดในบรรดา 14 ตลาดเกิดใหม่
    .
    การเปลี่ยนทิศทางจากญี่ปุ่น ผู้ที่ขึ้นเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนี้ เกิดขึ้นในขณะที่จีนต่อสู้กับวิกฤติฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ที่ล่มสลาย และภาวะเงินฝืด
    .
    นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดีย เมื่อเทียบเป็นรายปีเฉลี่ยแล้วจะเติบโตมากกว่า 6% อย่างน้อยจนถึงไตรมาสที่สองของปี 2568 ในขณะที่จีนคาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะยังคงต่ำกว่า 5%
    .
    จากข้อมูลสนับสนุนด้วยตัวเลขประชากรในอินเดียที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 17% ภายในปี 2593 เมื่อเทียบกับจีนที่คาดว่าจะลดลง 7.9% ตามรายงานจากสหประชาชาติ
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจFinance #กรุงเทพธุรกิจInvestment

    ttps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=782924573873131&id=100064667864722&mibextid=Nif5oz

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เอาแล้วไง! คลื่นมหาภัย "วิกฤติแบงก์อเมริกา" แล่บแปล๊บ --- คิดว่า "ผ่าน" ไปแล้วเป็นปี แต่ยังไม่จบ ปะทุมาใหม่อีกแล้วจ้า
    1. แบงก์แห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาอภิมหาอำนาจ แจ้งสัญญาณ ความเสียวของ "หนี้เสีย" ประเมินแล้วหนักกว่าเดิมที่เคยคาดถึง 10 เท่า!!!!!!!!!!
    คิดดู.. แบบนี้ นักลงทุนจะ "เทขาย" หุ้นของแบงก์นั้นวายวอดหรือไม่
    (ที่จริง คือ "การกันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ" loan-loss provision เพิ่มขึ้น 10 เท่า --- หมายความว่า หนี้ยังไม่เสีย แต่เริ่ม "ช้ำ" เหมือนๆ จะเน่า ทางแบงก์จึงต้องกันเงินเผื่อไว้สำหรับตรงนี้ เผื่อเสียขึ้นมาจริง)

    น่าสยดสยองมาก เหมือนเสียงรถหวอ ปี๊ป่อๆ พาใจหวิว

    2. แบงก์แห่งนั้น มีนามว่า NYCB "นิวยอร์ก คอมมูนิตี้ แบนคอร์ป"
    ใช่ล่ะจ้า แบงก์นี้เองแหละ ที่ ...
    คือ แบบนี้ครับท่าน --- น่าจะพอจำกันได้ ช่วง มี.ค. ปีที่แล้ว ผวา "วิกฤติแบงก์อเมริกา" เสี่ยงเสียวสุดแสน
    หวั่นว่าจะลามเป็น "โดมิโน"!
    (สุดท้าย "สกัดจุด" ควบคุมได้ --- รัฐบาลต้องออกแรง เข้ามาช่วยอุ้มยกใหญ่)
    ชื่อที่สร้างความระทึกขวัญสั่นประสาท อาทิ SVB "ซิลิกอน วัลเลย์ แบงก์" และ Signature "ซิกเนเจอร์" เป็นต้น

    วันนี้ SVB ไม่มีแล้ว --- กลายเป็นหน่วยหนึ่งของ First Citizens Bank "เฟิร์สต์ ซิติเซนส์ แบงก์"
    Signature ไม่มีแล้วเช่นกัน --- ถูกกลืนเป็นส่วนหนึ่งของ NYCB

    นั่นไง! เจอแล้วไง! คำว่า NYCB เจ้ากรรม มาปรากฏตรงนี้แล้ว!
    พัวพันกันเป็นลูกโซ่จนได้
    (ไพล่นึกถึง คำว่า "เตี้ยอุ้มค่อม" แต่ไม่เชิง --- วันนั้น NYBC ยังไม่เตี้ย แต่เผอิญซื้อแล้ว ดันสาละวันเตี้ยลงๆ เอง)

    3. ไอ้ความเสี่ยงเสียว "หนี้เสีย" นั้นมาจากภาค CRE (Commercial Real Estate)
    ว่าง่ายๆ คือ อสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อไว้เก็งกำไร ไม่ใช่ซื้อไว้อยู่อาศัย
    อ้าว! ที่กลัวๆ เรื่องอสังหาฯ จีน สุดท้าย กลายเป็นหวยมาลงที่อเมริกาด้วยรึ?

    ไม่ดีเลยล่ะครับท่าน
    NYCB "นิวยอร์ก คอมมูนิตี แบนคอร์ป" --- เห็นคำว่า "นิวยอร์ก" ใช่ไหมล่ะครับท่าน
    NYCB เป็น regional bank ไม่ใช่แบงก์ใหญ่ที่มีสาขาครอบคลุมทั้งโลกหรือทั้งประเทศ มีเป็นบางบริเวณเท่านั้น (และมีเยอะที่ไหน ก็น่าจะตามชื่อมันน่ะแหละครับท่าน)

    อสังหาฯ ที่มหานครนิวยอร์กบัดซบเหลือเกิน
    ปี 2023 อะพาร์ตเมนต์ให้เช่า ขายได้เฉลี่ย 203,000 ดอลลาร์/ห้อง --- ลดลง 34% จากปี 2019!!!
    มูลค่าของตลาดอะพาร์ตเมนต์ให้เช่า หายไปถึง 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์

    หลายห้อง ปักป้าย ขาย "ครึ่งราคา"!

    เกรงว่าจะไม่ใช่แค่ NYCB แล้วล่ะสิ ... ชักหนาวๆ ร้อนๆ

    4. หุ้น NYCB ดิ่งพสุธาแล้วนะครับท่าน
    เหมือนไม่มีอะไรมาหยุดอยู่
    ขณะนี้ หุ้นแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 1997 ... นั่งนับนิ้วดูก็ 27 ปีเลย!
    ไม่รู้จะจบตรงไหน
    ต้องมีใครเข้ามาอุ้มอีกไหม ถ้าอุ้มแล้ว ผ่านไปสักปี จะประวัติซ้ำรอยอีกไหม
    อุ้มต่อๆ กันไปไม่จบไม่สิ้นหรือ?

    โดมิโน่ คงไม่น่าจะเกิดหรอก ... ไม่ขนาดนั้น
    แต่ปัญหามัน "ซึมลึก" กว่าที่คิด

    เสียวหลุด
    ttps://www.facebook.com/share/p/rQdL8MMpEJHnDBVb/?mibextid=oFDknk
    https://www.facebook.com/share/p/rQdL8MMpEJHnDBVb/?mibextid=oFDknk
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เอาแล้วไง! คลื่นมหาภัย "วิกฤติแบงก์อเมริกา" แล่บแปล๊บ --- คิดว่า "ผ่าน" ไปแล้วเป็นปี แต่ยังไม่จบ ปะทุมาใหม่อีกแล้วจ้า
    1. แบงก์แห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาอภิมหาอำนาจ แจ้งสัญญาณ ความเสียวของ "หนี้เสีย" ประเมินแล้วหนักกว่าเดิมที่เคยคาดถึง 10 เท่า!!!!!!!!!!
    คิดดู.. แบบนี้ นักลงทุนจะ "เทขาย" หุ้นของแบงก์นั้นวายวอดหรือไม่
    (ที่จริง คือ "การกันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ" loan-loss provision เพิ่มขึ้น 10 เท่า --- หมายความว่า หนี้ยังไม่เสีย แต่เริ่ม "ช้ำ" เหมือนๆ จะเน่า ทางแบงก์จึงต้องกันเงินเผื่อไว้สำหรับตรงนี้ เผื่อเสียขึ้นมาจริง)

    น่าสยดสยองมาก เหมือนเสียงรถหวอ ปี๊ป่อๆ พาใจหวิว

    2. แบงก์แห่งนั้น มีนามว่า NYCB "นิวยอร์ก คอมมูนิตี้ แบนคอร์ป"
    ใช่ล่ะจ้า แบงก์นี้เองแหละ ที่ ...
    คือ แบบนี้ครับท่าน --- น่าจะพอจำกันได้ ช่วง มี.ค. ปีที่แล้ว ผวา "วิกฤติแบงก์อเมริกา" เสี่ยงเสียวสุดแสน
    หวั่นว่าจะลามเป็น "โดมิโน"!
    (สุดท้าย "สกัดจุด" ควบคุมได้ --- รัฐบาลต้องออกแรง เข้ามาช่วยอุ้มยกใหญ่)
    ชื่อที่สร้างความระทึกขวัญสั่นประสาท อาทิ SVB "ซิลิกอน วัลเลย์ แบงก์" และ Signature "ซิกเนเจอร์" เป็นต้น

    วันนี้ SVB ไม่มีแล้ว --- กลายเป็นหน่วยหนึ่งของ First Citizens Bank "เฟิร์สต์ ซิติเซนส์ แบงก์"
    Signature ไม่มีแล้วเช่นกัน --- ถูกกลืนเป็นส่วนหนึ่งของ NYCB

    นั่นไง! เจอแล้วไง! คำว่า NYCB เจ้ากรรม มาปรากฏตรงนี้แล้ว!
    พัวพันกันเป็นลูกโซ่จนได้
    (ไพล่นึกถึง คำว่า "เตี้ยอุ้มค่อม" แต่ไม่เชิง --- วันนั้น NYBC ยังไม่เตี้ย แต่เผอิญซื้อแล้ว ดันสาละวันเตี้ยลงๆ เอง)

    3. ไอ้ความเสี่ยงเสียว "หนี้เสีย" นั้นมาจากภาค CRE (Commercial Real Estate)
    ว่าง่ายๆ คือ อสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อไว้เก็งกำไร ไม่ใช่ซื้อไว้อยู่อาศัย
    อ้าว! ที่กลัวๆ เรื่องอสังหาฯ จีน สุดท้าย กลายเป็นหวยมาลงที่อเมริกาด้วยรึ?

    ไม่ดีเลยล่ะครับท่าน
    NYCB "นิวยอร์ก คอมมูนิตี แบนคอร์ป" --- เห็นคำว่า "นิวยอร์ก" ใช่ไหมล่ะครับท่าน
    NYCB เป็น regional bank ไม่ใช่แบงก์ใหญ่ที่มีสาขาครอบคลุมทั้งโลกหรือทั้งประเทศ มีเป็นบางบริเวณเท่านั้น (และมีเยอะที่ไหน ก็น่าจะตามชื่อมันน่ะแหละครับท่าน)

    อสังหาฯ ที่มหานครนิวยอร์กบัดซบเหลือเกิน
    ปี 2023 อะพาร์ตเมนต์ให้เช่า ขายได้เฉลี่ย 203,000 ดอลลาร์/ห้อง --- ลดลง 34% จากปี 2019!!!
    มูลค่าของตลาดอะพาร์ตเมนต์ให้เช่า หายไปถึง 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์

    หลายห้อง ปักป้าย ขาย "ครึ่งราคา"!

    เกรงว่าจะไม่ใช่แค่ NYCB แล้วล่ะสิ ... ชักหนาวๆ ร้อนๆ

    4. หุ้น NYCB ดิ่งพสุธาแล้วนะครับท่าน
    เหมือนไม่มีอะไรมาหยุดอยู่
    ขณะนี้ หุ้นแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 1997 ... นั่งนับนิ้วดูก็ 27 ปีเลย!
    ไม่รู้จะจบตรงไหน
    ต้องมีใครเข้ามาอุ้มอีกไหม ถ้าอุ้มแล้ว ผ่านไปสักปี จะประวัติซ้ำรอยอีกไหม
    อุ้มต่อๆ กันไปไม่จบไม่สิ้นหรือ?

    โดมิโน่ คงไม่น่าจะเกิดหรอก ... ไม่ขนาดนั้น
    แต่ปัญหามัน "ซึมลึก" กว่าที่คิด

    เสียวหลุด
    ttps://www.facebook.com/share/p/rQdL8MMpEJHnDBVb/?mibextid=oFDknk
    https://www.facebook.com/share/p/rQdL8MMpEJHnDBVb/?mibextid=oFDknk
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1707363929039.jpg

    #ช็อก ผวาติดเชื้อ! พิษลามยุโรป! เสี่ยงแบงก์เยอรมัน"ดอยท์ช เพเบเบ"ลงทุนอสังหาฯอเมริกา! หุ้นดิ่งต่ำสุดประวัติศาสตร์ หุ้นกู้โดนเทหนัก

    ชื่ออ่านยากเหลือเกิน
    Deutsche Pfandbriefbank "ดอยท์ช ฟานด์บรีฟแบงก์" ไม่สันทัดพอ ไม่แน่ใจ อาจผิด --- แต่ถ้าชื่อย่อ Deutsche PBB ก็ง่ายเลย "ดอยท์ช เพเบเบ" เป๊ะ
    เมื่อวานเพิ่งโพสต์นะครับ แบงก์ในอเมริกา NYCB "นิวยอร์ก คอมมูนิตี้ แบนคอร์ป" ระส่ำระสาย เหตุหวั่น "หนี้เสีย" จากการลงทุนใน CRE (Commercial Real Estate) อสังหาริมทรัพย์ที่ไม่เพื่ออยู่อาศัย แต่เพื่อพาณิชย์ เช่น อะพาร์ตเมนต์ให้เช่า สำนักงาน ออฟฟิศให้เช่า เป็นต้น
    WFH "เวิร์ก ฟอร์ม โฮม" มีส่วนเยอะครับ และคนจนไม่มีตังค์จะเช่าห้องดีๆ ก็มีส่วนไม่น้อยแหละครับ
    อสังหาริมทรัพย์ในจีนแย่ ในอเมริกาทำไปทำมาก็ไม่ใช่ว่าจะดี และแผลเริ่มโผล่แล้ว ... (ส่วนจีนเหวอะหวะไปก่อนหน้าแล้ว)
    ทั่วโลกลงทุนในอสังหาฯ อเมริกาน้อยซะที่ไหนล่ะครับ
    ความเกี่ยวพัน พอมันมี มันก็ลากไปสยองด้วยล่ะครับ
    แบงก์ "ดอยท์ช เพเบเบ" ก็ทำนองเดียวกันกับ NYCB --- เมื่อตัวเลขสำรองเผื่อหนี้เสีย (หลักๆ จากการลงทุนใน CRE ที่อเมริกา) ปาเข้าไปถึง 210-215 ล้านยูโร ผู้คนก็แตกตื่น (ย้ำว่ายังไม่ใช่หนี้เสีย แต่มีความเสียวว่าจะเป็นหนี้เสีย จึงต้องกันเงินสำรองไว้สำหรับตรงนี้)
    บอกเลยนะครับ ว่าสถานะของ NYCB ที่อเมริกา และ "ดอยท์ช เพเบเบ" ที่ยุโรป ยังไม่ได้ย่ำแย่ แต่ความเสี่ยงนี้พอมันเผยออกสู่สาธารณชน ก็เกิดความแตกตื่น ทำให้เทขายรุนแรง ทั้งหุ้นและหุ้นกู้
    มันจะมาแย่เอาก็แบบนี้แหละครับ
    https://www.bloomberg.com/news/arti...-real-estate-contagion-is-spreading-to-europe
    tps://www.facebook.com/share/p/GZVeX72n3wcpSVgy/?mibextid=oFDknk

    https://www.facebook.com/share/p/GZVeX72n3wcpSVgy/?mibextid=oFDknk
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Feb 8, 2024 มีความหวัง! หอการค้าฯ หวังแบงก์ชาติลดดอกเบี้ยครั้งหน้า ชี้เศรษฐกิจฟื้นได้จากท่องเที่ยว แต่ยังเปราะบาง กำลังซื้อแผ่ว
    .
    นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้มีการหารือและติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยล่าสุดตามที่ประชุม กนง. มีมติเห็นชอบ 5 ต่อ 2 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 2.50 ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต่ำลง จากปัจจัยเชิงโครงสร้างนั้น หอการค้าฯ รับทราบถึงเหตุผลประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการฯ
    .
    อย่างไรก็ตามภาคเอกชนโดยที่ประชุม กกร. มองว่าแม้ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยปีนี้จะฟื้นตัวได้จากปัจจัยหนุนภาคการท่องเที่ยว แต่ก็ยังมีความเปราะบางจากกำลังซื้อภายในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวตามเต็มที่ ภาคการผลิตยังมีแนวโน้มหดตัว รวมถึงยังเผชิญความเสี่ยงและความท้าทายในประเด็นภูมิรัฐศาสตร์หลายปัจจัย ทั้งการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในหลายประเทศ ซึ่งอาจเกิดการปรับเปลี่ยนทางนโยบายสำคัญ ผลกระทบจากสงครามที่ขยายวงโดยเฉพาะอิสราเอล-ฮามาสที่ส่งผลให้ค่าระวางเรือเพิ่มและกระทบกับราคาพลังงาน ปัญหาความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน และการแข่งขันกับสินค้าจีนในประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ภาคธุรกิจถูกกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูงกระทบต้นทุนการดำเนินกิจการโดยตรง ส่วนการกู้ยืมของประชาชนก็มีภาระหนี้สินที่อยู่ในระดับสูงเช่นกัน
    .
    ขณะที่ ตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปที่ติดลบต่อเนื่อง 4 เดือน แม้ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการปรับลดเชิงเทคนิค ตามนโยบายการลดภาระค่าครองชีพด้านพลังงานของภาครัฐ แต่บ่งชี้ให้เห็นถึงกำลังซื้อภายในประเทศที่อ่อนแอ ดังนั้น หอการค้าฯ จึงมีข้อเสนอแนะว่าในระยะถัดไป กนง. ควรพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อช่วยลดภาระประชาชน ลดต้นทุนผู้ประกอบการ ซึ่งจะส่วนลดความเสี่ยงในการเกิดหนี้เสีย รวมถึงเสนอให้มีมาตรการใหม่ๆ ในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้สะดวก จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ และเป็นแรงหนุนให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ตามเป้าหมายต่อไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/4bxV2Um
    .
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #หอการค้า #ดอกเบี้ย #กนง #เศรษฐกิจไทย #BTimes

    ttps://www.facebook.com/share/p/eFndyFCVf4frLY3i/?mibextid=oFDknk

    https://www.facebook.com/share/p/eFndyFCVf4frLY3i/?mibextid=oFDknk
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Feb 8, 2024 มองต่าง! กรุงไทย มอง กนง. ส่งสัญญาณปรับท่าทีที่ผ่อนคลายขึ้น หลังมติไม่เป็นเอกฉันท์ แต่คาดจะยังไม่ปรับทิศทางนโยบายการเงินในเร็วๆ นี้
    .
    Krungthai Compass ประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังไม่ปรับทิศทางของการดำเนินนโยบายการเงินในระยะอันใกล้ หลังจากการประชุมเมื่อวันที่ 7 ก.พ.67 มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ 5 : 2 เสียง ในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.50%
    .
    ทั้งนี้ ในการประชุมครั้งล่าสุด กนง. มองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มอ่อนแอลง สะท้อนจากการจากปรับตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจปี 2567 ลงจากเดิมที่ 3.2% (ณ พ.ย.66) ลงสู่ช่วง 2.5-3.0% (ค่ากลาง 2.8%) จากแรงกดดันของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและจีนซึ่งฟื้นช้ากว่าคาด รวมทั้ง "ปัญหาเชิงโครงสร้าง" ซึ่งเป็นอุปสรรคที่จำกัดการเติบโต และเป็นปัจจัยที่สร้างความไม่แน่นอนระยะข้างหน้า
    .
    ในด้านอัตราเงินเฟ้อ กนง.ได้ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2567 โดยมองว่ามีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำที่ 1.0% จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 2.0% (ณ พ.ย.66) พร้อมทั้งระบุว่าเงินเฟ้อที่ต่ำในปัจจุบันยังไม่สะท้อนภาวะเงินฝืด เนื่องจากราคาไม่ได้ปรับลดเป็นวงกว้าง
    .
    นอกจากนี้ กนง. ยังส่งสัญญาณปรับท่าทีที่ผ่อนคลายขึ้น สะท้อนจากผลการลงมติที่มีกรรมการจำนวน 2 ใน 5 เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า กนง. จะยังไม่เร่งปรับทิศทางของการดำเนินนโยบายการเงินและจำเป็นต้องรอความชัดเจนของข้อมูลต่าง ๆ ในระยะต่อไป เนื่องจากเศรษฐกิจยังอยู่ในทิศทางขยายตัว ขณะที่มีความเสี่ยงซึ่งอาจกดดันให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นได้ในอนาคต อีกทั้งยังต้องติดตามการปรับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักในต่างประเทศ นอกจากนี้ กนง. ยังสื่อสารว่า การลดดอกเบี้ยไม่สามารถแก้ "ปัญหาเชิงโครงสร้าง" ได้
    .
    Krungthai COMPASS คาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ต่อไป ส่วนการลดอัตราดอกเบี้ยนั้น มีความเป็นไปได้มากขึ้น และจำเป็นต้องติดตามท่าที กนง. และพัฒนาการทางเศรษฐกิจต่อไปอย่างใกล้ชิด
    .
    ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญจากมติที่ประชุม กนง. มีดังนี้
    * เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงกว่าคาด ตามอุปสงค์ของโลก และเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นได้ช้า รวมถึงปัจจัยเชิงโครงสร้างที่กระทบการขยายตัวของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวมากกว่าที่เคยประเมินไว้
    * อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มลดลงกว่าที่ประเมินไว้ แต่อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำในปัจจุบัน ไม่ได้บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอ
    * มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ ควรดำเนินการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเห็นความสำคัญของการมีมาตรการเฉพาะจุด และแนวทางแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะมาตรการการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending)
    * ภาวะการเงินโดยรวมทรงตัว ต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนผ่านธนาคารพาณิชย์ และตลาดตราสารหนี้ใกล้เคียงเดิม
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/48hvwzS
    .
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #ดอกเบี้ย #กรุงไทย #กนง #เศรษฐกิจไทย #BTimes

    tps://www.facebook.com/share/p/F7gS6u6uJo3XJ7u2/?mibextid=oFDknk

    https://www.facebook.com/share/p/F7gS6u6uJo3XJ7u2/?mibextid=oFDknk
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Feb 8, 2024 อาจได้ลด! กรุงศรีประเมินหากเศรษฐกิจชะลอหนัก คาดอาจหั่นดอกเบี้ยช่วงกลางปี 67
    .
    นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งมีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.50% ต่อปี ว่า จากถ้อยแถลง กนง.ประเมินเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงจากภาคการส่งออกและการผลิต เนื่องจากอุปสงค์โลกและเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้า รวมถึงปัจจัยเชิงโครงสร้างกระทบการขยายตัวของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวมากกว่าที่ประเมินไว้ แต่อุปสงค์ในประเทศยังขยายตัวต่อเนื่องและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจ
    .
    ทั้งนี้ หลังการประกาศของ กนง. ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง อยู่ที่ราว 35.55 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยภาพรวมในปีนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง 4.0% โดยเงินบาทอ่อนค่ามากที่สุดในกลุ่ม ขณะที่ กนง. ย้ำว่าค่าเงินบาทเคลื่อนไหวสอดคล้องกับค่าเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการคาดการณ์แนวโน้มนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
    .
    “สำหรับการประชุม กนง.ครั้งต่อไปวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในการประชุมรอบนี้ ท่าทีของ กนง. แสดงความกังวลต่อภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่กรรมการ 2 ท่าน เห็นว่าควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี กรณีฐานมองว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.50% ในอีกหลายไตรมาสข้างหน้า แต่จากท่าทีในวันนี้ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงกลางปีนี้เช่นกัน หากเศรษฐกิจมีสัญญาณชะลอตัวรุนแรงกว่าที่ประเมินไว้”
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3OANFlc
    .
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #กนง #ดอกเบี้ย #เศรษฐกิจ #แบงก์ชาติ #ธนาคารกรุงศรีอยุธยา #BTimes
    ttps://www.facebook.com/share/p/gpSpAyabrHrSa2p9/?mibextid=oFDknk

    https://www.facebook.com/share/p/gpSpAyabrHrSa2p9/?mibextid=oFDknk
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ความเกี่ยวกระหวัดที่น่าสะพรึง --- พิษมันเชื่อมโยงกันท่าไหน???
    ไฉนถ้าอสังหาฯ อเมริกาพังครืน แล้วแบงก์ในเยอรมัน ในญี่ปุ่น พากันปวดแสบปวดร้อน ทุรนทุราย
    แบงก์ "อาโอโซระ" ของญี่ปุ่น ขาดทุนครั้งแรกในรอบ 15 ปี! แบงก์ "ดอยท์ช เพเบเบ" ของเยอรมัน โดนเทขายหุ้นกู้ถล่มทลายวายวอด! ฯลฯ
    1. กู้
    ทำอสังหาฯ โครงการมหึมา ย่อมต้องกู้ --- กู้ในประเทศไม่พอ ก็ต้องไปกู้ต่างชาติ

    2. ปล่อย
    แบงก์ทำกำไรจากการปล่อยกู้ --- มีคนมากู้ จากชาติไหนก็เอา ขอให้มีปัญญาใช้คืนเถอะ
    รู้ --- รู้ได้ยังไง ว่าใครมีหรือไม่มีปัญญาใช้
    ?

    3. ดอก
    ดอกเบี้ยแพง แพงแล้วแพงอีก คนกู้ก็ลำบาก
    (เทรนด์ดอกเบี้ยโลก เป็น "ขาขึ้น" หฤโหด นับตั้งแต่ "เฟด" แบงก์ชาติอเมริกา เปิดปฏิบัติการ ขึ้นดอกเบี้ยมหาประลัย เมื่อ มี.ค. 2022 เป็นต้นมา)

    โดนอีกดอก คือ เมื่อโควิดมาเยือน โลกเราก็เรียนรู้การทำงานที่บ้าน WFH (เวิร์ก-ฟรอม-โฮม) กันเป็นปกติวิสัย
    บริษัทลดค่าใช้จ่าย --- ไม่ต้องเช่าพื้นที่สำนักงานเยอะ
    พนักงานลดค่าใช้จ่าย --- ประหยัดค่าเดินทาง (บ้างก็ประหยัดค่าหอ เพราะไม่ต้องถ่อมาจากต่างจังหวัด)

    เจอดอกนี้ พวกออฟฟิศให้เช่าก็ตบยุง พวกห้องเช่า อะพาร์ตเมนต์ ก็ร้องระงมโหยหวน

    อสังหาฯ ประดานี้ เรียกว่า CRE (Commercial Real Estate) คือ ไม่ใช่สร้างเพื่ออยู่ แต่เพื่อไว้ปล่อยเช่า หาเงินจากตรงนั้น

    4. เสี่ยง
    ไอ้ที่กู้ๆ มา ก็เสี่ยงไม่มีปัญญาใช้หนี้
    ไอ้ที่ปล่อยๆ ให้กู้ ก็เสียววาบ
    นักลงทุน ไม่เสี่ยงไม่เสียวด้วย เทขายระเนนระนาด ทั้งหุ้นทั้งหุ้นกู้ของแบงก์นั้นๆ ที่ปล่อยทะเล่อทะล่า

    ดังนั้น อสังหาฯ อเมริกามีปัญหา ก็พานทำให้ NYCB (New York Community Bancorp) แบงก์เล็กในอเมริกา ทุลักทุเลไปด้วย
    (เป็น regional bank ไม่ได้มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ แต่มีอยู่เป็นหย่อม)
    ตอนนี้ Moody's สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ก็หั่น credit rating ของ NYCB กลายเป็นชั้นสวะ (junk) ไปแล้ว

    เลยเถิดไปถึง Aozora แบงก์ในญี่ปุ่น ที่ประสบพบความขาดทุนครั้งแรกในรอบ 15 ปี
    Deutsche PBB (Deutsche Pfandbriefbank) แบงก์ในเยอรมัน ก็พลอยถูกนักลงทุนกระทืบไปด้วย

    ความหลอน อุบัติจากความหวาดหวั่นว่าหนี้ที่แบงก์พวกนี้ปล่อยให้อสังหาฯ ที่อเมริกา จะเน่าเฟะ จนเป็น "หนี้เสีย"

    ย้ำว่ายังไม่ "เสีย" แต่มี "สัญญาณ"
    บ่งชี้จากการที่แบงก์เหล่านี้ ต้องมี "การกันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ" loan-loss provision เพิ่มขึ้นๆ

    Deutsche PBB ของเยอรมันปล่อยกู้ให้อสังหาฯ ในอเมริกา ถึง 4.9 พันล้านยูโรเชียวนะครับท่าน
    คิดเป็น 10% ของสินทรัพย์ทั้งหมด

    Aareal ของเยอรมันปล่อยกู้ลักษณะนี้ 8.6 พันล้านยูโร
    คิดเป็น 16% ของสินทรัพย์
    นี่ยิ่งเสียวเข้าไปอีก

    Deutsche Bank ปล่อย 1.7 หมื่นล้านยูโร อู้หู โอ้โห เยอะกว่าใครเพื่อน
    แต่เขาแบงก์ใหญ่ ดังนั้น ปล่อยมหาศาลขนาดนี้ แต่มันคิดเป็นแค่ 1% ของสินทรัพย์
    ไม่น่าตระหนก

    แต่แบงก์เล็กจะครวญคราง

    พิษนี้จะทะลวงร้ายแค่ไหน

    อาการเริ่มกำเริบแล้ว

    ขั้นถัดไปล่ะ
    ?

    https://www.bloomberg.com/news/arti...-real-estate-contagion-is-spreading-to-europe
    https://www.bloomberg.com/news/arti...-offload-mortgage-risk-plans-to-sell-rv-loans
    FB_IMG_1707385666772.jpg
    https://www.facebook.com/share/p/Nbg8uMQTpiDBj2D8/?mibextid=oFDknk
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักเศรษฐศาสตร์เตือนวิกฤติหนี้สาธารณะทั่วโลกรุนแรง หลังยอดหนี้เงินกู้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 300 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปีที่แล้ว ประเทศเกิดใหม่เสี่ยงที่สุดถึงขั้นอาจล้มละลาย
    .
    อาร์เธอร์ ลาฟเฟอร์ นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกัน และประธานบริษัท ลาฟเฟอร์ เทลเลอร์ อินเวสต์เมนต์ส ออกโรงเตือนว่า โลกกำลังเห็นเค้าลางของวิกฤติหนี้สาธารณะที่จะขยายวงในช่วง 10 ปีข้างหน้า หรือ "ทศวรรษแห่งหนี้" และวิกฤติดังกล่าวจะไม่พบจุดจบที่ดี โดยยอดเงินกู้ทั่วโลก แตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 307.4 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อปลายเดือน ก.ย.2566
    .
    ทั้งนี้ กลุ่มประเทศรายได้สูง และกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่เผชิญหนี้สินเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเพิ่มขึ้น 100 ล้านล้านดอลลาร์ จากเมื่อทศวรรษที่แล้ว โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในระดับสูง
    .
    "ผมคาดการณ์ว่าในช่วง 10 ปีข้างหน้า จะกลายเป็นทศวรรษแห่งหนี้ โลกจะเผชิญวิกฤติหนี้ และวิกฤติดังกล่าวจะไม่พบจุดจบที่ดี" นายลาฟเฟอร์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี
    .
    ก่อนหน้านี้ สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IIF) ระบุในรายงานจับตาหนี้สาธารณะโลกฉบับล่าสุดว่า สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศทั่วโลก เฉลี่ยแล้วเพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วน 336% เทียบกับ 110% ในปี 2555 สำหรับกลุ่มประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว และ 35% สำหรับกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ และเคยอยู่ที่ระดับ 334% ในไตรมาส 4/2565
    .
    รายงานระบุว่า ประมาณ 100 ประเทศต้องลดการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมที่สำคัญ เช่น สุขภาพ การศึกษา และการปกป้องสังคม เพื่อให้มีเงินเพียงพอในการชำระหนี้สิน
    .
    นายลาฟเฟอร์ กล่าวว่า ประเทศที่ดำเนินการปรับปรุงสถานการณ์ทางการคลังจะได้รับประโยชน์ในด้านการดึงดูดแรงงาน เงินทุน และการลงทุนจากต่างประเทศ ส่วนประเทศที่เพิกเฉยต่อสถานการณ์ทางการคลังจะสูญเสียทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถ รายได้ และอื่นๆ
    .
    รายงานระบุว่า ประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐ อังกฤษ ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส คิดเป็นสัดส่วนกว่า 80% ของหนี้สินที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ที่ผ่านมา ส่วนในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ จีน อินเดีย และบราซิล มีสัดส่วนหนี้สินเพิ่มขึ้นมากที่สุด
    .
    "ผมคิดว่าประเทศใหญ่ๆ บางประเทศที่ไม่แก้ปัญหาหนี้สาธารณะจะพบจุดจบอย่างช้าๆ" นายลาฟเฟอร์ กล่าว พร้อมกับเสริมว่า ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่บางแห่งอาจถึงขั้นล้มละลาย
    .
    .
    #วิกฤติหนี้สาธารณะ #ล้มละลาย #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic #กรุงเทพธุรกิจEconomicWealth

    ttps://www.facebook.com/share/p/MoAm499QLLUohRgJ/?mibextid=oFDknk

    https://www.facebook.com/share/p/MoAm499QLLUohRgJ/?mibextid=oFDknk
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,710
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นี่ขนาดยังไม่เข้าเดือนเมษายน แต่ทำไมรู้สึก #ร้อนมากผิดปกติ ทั้งที่อุณหภูมิแค่ 33-34 องศาฯ ตัวการอยู่ที่ “ความชื้นสัมพัทธ์” ยิ่งความชื้นในอากาศสูง ก็ยิ่งรู้สึกร้อนกว่าอุณหภูมิจริง
    .
    ไม่กี่วันมานี้ชาวกรุงเทพฯ กำลังเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ นี่ขนาดยังไม่ถึงจุดพีคของหน้าร้อนเมืองไทยด้วยซ้ำ เมื่อเช็กอุณหภูมิอากาศช่วงนี้ก็พบว่าอยู่ที่ประมาณ 33-34 องศาเซลเซียสเท่านั้น แต่ทำไมถึงรู้สึกว่ามันร้อนกว่านั้นมาก นั่นเป็นเพราะ “ความชื้น” ในอากาศมีผลทำให้คนเรารู้สึกร้อน (Feel like) ได้มากกว่าอุณหภูมิจริง
    .
    โดยก่อนหน้านี้ กรุงเทพธุรกิจ เคยอธิบายเรื่องนี้ไว้แล้วเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว ในบทความ “อากาศร้อน vs ร้อนชื้น คนเราทนร้อนได้ที่อุณหภูมิกี่องศาฯ?” เราขอพาไปทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง
    .
    นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า คนเราสามารถทนอุณหภูมิความร้อน "ในสภาพแวดล้อมภายนอกร่างกาย" ได้สูงถึง 50-60 ℃ แต่นั่นต้องมาพร้อมกับความชื้นในอากาศต่ำ และร่างกายต้องสามารถระบายเหงื่อได้อย่างปกติ ทำให้แม้อุณหภูมิอากาศจะร้อนมาก แต่ถ้าดื่มน้ำในปริมาณเพียงพอ และร่างกายสามารถระบายเหงื่อได้ดี ก็จะทำให้คนเราสามารถปรับตัวอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนจัดได้
    .
    มีข้อสังเกตว่า ในบางประเทศมีอุณหภูมิสูงมากในหน้าร้อน ซึ่งร้อนกว่าประเทศไทยมาก เช่น เมืองนูไวซีบ ประเทศคูเวต พบว่าในปี 2021 ทำสถิติอุณหภูมิที่สูงที่สุดในโลก อยู่ที่ 53.2 ℃ แต่ผู้คนก็สามารถปรับตัวในสภาพอากาศแบบนั้นได้
    .
    แต่ในขณะที่ประเทศไทยมีสภาพอากาศร้อนบวกกับความชื้นในอากาศสูง ก็จะยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกร้อนมากขึ้น เนื่องจากร่างกายระบายเหงื่อได้น้อยลง จึงเกิดความร้อนสะสมในร่างกาย จึงยิ่งทำให้คนเรารู้สึกร้อนมากกว่าอุณหภูมิอากาศจริง ยกตัวอย่างเช่น
    .
    - ถ้าอุณหภูมิอากาศ 30 ℃ ประกอบกับมีค่าความชื้นสัมพัทธ์ 55% ระดับความร้อนที่ร่างกายรู้สึกจริง (Feel like) จะเท่ากับ 32 ℃ ถือเป็นผลกระทบความร้อนระดับ “แจ้งเตือน” ส่งผลให้ประชาชนมีอาการเหนื่อยล้าจากความร้อนได้
    .
    - ถ้าอุณหภูมิอากาศ 38 ℃ ประกอบกับมีความชื้นสัมพัทธ์ 45% ระดับความร้อนที่ร่างกายรู้สึกจริง (Feel like) จะเท่ากับ 46 ℃ ถือเป็นผลกระทบความร้อนระดับ “อันตราย” ส่งผลให้ประชาชนมีอาการเหนื่อยล้า เพลียแดด เป็นตะคริวแดด และ/หรือ เป็นลมแดด (ฮีทสโตรก) ได้
    .
    โดยสรุปก็คือ “ความชื้นสัมพัทธ์” (Humidity) มีบทบาทสำคัญต่อการระบายความร้อนในร่างกายมนุษย์ผ่านทางเหงื่อ หากเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศร้อน แต่มีความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศต่ำ ประมาณ 40-45% ร่างกายจะขับเหงื่อให้ระเหยออกมาได้ดี เมื่อมีลมพัดปะทะตัวก็จะรู้สึกเย็นสบายอีกด้วย
    .
    แต่หากความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศมีมากถึง 80-90% ขึ้นไป ความชื้นที่หนาแน่นระดับนี้ จะทำให้ร่างกายไม่สามารถระบายเหงื่อออกได้เป็นปกติ แต่กลับทำให้เหงื่อออกเป็นหยดจนเปียกชื้นไปตามตัว อุณหภูมิในร่างกายก็ไม่ลดลง แถมร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้นอีกต่างหาก
    .
    ทั้งนี้มีข้อมูลจาก George Havenith ศาสตราจารย์ด้านสรีรวิทยาสิ่งแวดล้อมและการยศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย Loughborough สหราชอาณาจักร ให้คำอธิบายผ่าน BBC ไว้เช่นกันว่า ในประเทศแถบร้อนชื้น จะมีปริมาณความชื้นในอากาศสูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสามารถขับเหงื่อของมนุษย์
    .
    ถ้าความชื้นสูง ความสามารถในการขับเหงื่อของเราจะลดลงและทำให้เรารู้สึกไม่สบาย ไข้ขึ้นสูง กระสับกระส่าย เหนื่อย อ่อนเพลีย
    .
    แต่ถ้าในแถบประเทศที่มีอากาศร้อนและแห้ง เช่น กาตาร์, คูเวต, บาห์เรน แม้อากาศภายนอกจะร้อนมาก แต่ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ การที่เหงื่อระบายออกได้ดีจึงช่วยได้ เนื่องจากคนเราสามารถระเหยความชื้นออกจากผิวหนังได้เป็นจำนวนมากนั่นเอง
    .
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1061274?anm=
    https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1060621?anm=
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจUpdate

    tps://www.facebook.com/share/p/2KhZApirqGHrHku8/?mibextid=oFDknk

    https://www.facebook.com/share/p/2KhZApirqGHrHku8/?mibextid=oFDknk
     

แชร์หน้านี้

Loading...