ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล

ชาวจีนระทึก!! ธรณีพิโรธ ขนาด 6.4 เขย่ามณฑลซินเจียง ตายแล้ว 4 ราย​

​

เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 6.4 เขย่ามณฑลซินเจียง ทางภาคตะวันตกของจีน เบื้องต้น มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย เนื่องจากศูนย์กลางธรณีพิโรธ เกิดตื้นมาก มีความลึกแค่ 10 กม.

เมื่อวันที่ 3 ก.ค.58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างสำนักงานสำรวจภูมิศาสตร์ของสหรัฐฯ (USGS) ว่า เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 6.4 ที่มณฑลซินเจียง ทางภาคตะวันตกของจีน เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 3 ก.ค. โดยศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่ห่างจากเมืองโฮตัน ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 160 กม. และมีความลึกเพียง 10 กม.เท่านั้น เบื้องต้น มีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุธรณีพิโรธแล้ว 4 ราย

นักวิจัยด้านธรณีวิทยาประจำศูนย์เครือข่ายแผ่นดินไหวจีน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ของทางการจีน CCTV ว่า จุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวครั้งนี้ อยู่ใกล้กับเขตกูมา ซึ่งเป็นเขตที่มีประชาชนอาศัยอยู่กว่า 2 แสนคน และส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมชนเผ่าอุยกูร์ ด้วยเหตุนี้ ถ้าหากมีประชาชนจำนวนมากมารวมอยู่ในสถานที่ใดที่หนึ่งขณะเกิดแผ่นดินไหว ย่อมจะเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

ข่าวแจ้งว่า เบื้องต้น สำนักงานสำรวจภูมิศาสตร์ของสหรัฐฯ ตรวจวัดความรุนแรงของแผ่นดินไหวได้ 6.3 ก่อนจะปรับลดลงมาเหลือ 6.1 และขยับเป็น 6.4 จากนั้นได้เกิดอาฟเตอร์ช็อก หรือแผ่นดินไหวต่อเนื่องตามมา ซึ่งครั้งรุนแรงที่สุด วัดความรุนแรงได้ถึง 4.7 โดยแผ่นดินไหวใหญ่เขย่ามณฑลซินเจียงครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 8 แล้ว ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

ด้านชาวจีนในมณฑลซินเจียง ได้โพสต์ข้อความลงในโซเชียล มีเดีย บนโลกออนไลน์ว่า ความรุนแรงของแผ่นดินไหวส่งผลให้ตึกหลายหลังสั่นไหว และผู้คนจำนวนมากรีบวิ่งออกมาอยู่นอกอาคารกันเต็มไปหมด

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 ก.ค. 2558

'โบโก ฮาราม' ถล่มไนจีเรีย 3 หมู่บ้าน ดับ 145 ศพ​

​

นักรบของกลุ่มติดอาวุธ โบโก ฮาราม บุกโจมตีหมู่บ้าน 3 แห่งในรัฐบอร์โน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไนจีเรีย สังหารชาวบ้านอย่างน้อย 145 ราย...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักรบ โบโก ฮาราม บุกโจมตีหมู่บ้าน คูคาวา เมื่อคืนวันพุธ สังหารชาวบ้านไป 97 ราย โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพไนจีเรีย ยืนยันเรื่องการโจมตีดังกล่าว และเผยด้วยว่า กองทัพได้ออกปฏิบัติการโจมตีทางอากาศตอบโต้กลุ่มติดอาวุธอิสลามกลุ่มนี้ รวมทั้งส่งทหารไปตรวจสอบความเสียหายแล้ว

ด้าน นาย โมฮัมเหม็ด ตาห์อีร์ สมาชิกสภาปกครองของรัฐบอร์โน เปิดเผยต่อสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า ในวันพุธกลุ่ม โบโก ฮาราม ยังบุกโจมตีหมู่บ้านอีก 2 แห่งใกล้เมืองมอนกูโน และห่างจากเมืองคูคาวา ราว 50 กม. ทำให้มีชาวบ้านเสียชีวิต 48 ราย และบาดเจ็บอีก 11 คน

ทั้งนี้ นี่นับเป็นการโจมตีภายในวันเดียวครั้งรุนแรงที่สุดของกลุ่มโบโก ฮาราม นับตั้งแต่ พวกเขาเพลี่ยงพล้ำให้แก่กองกำลังพันธมิตรของประเทศ ไนจีเรีย, ไนเจอร์ และชาด เมื่อช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. และพื้นที่ยึดครองของไนจีเรียไปจำนวนมาก

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 ก.ค. 2558

โสมขาวพบผู้ติดเชื้อ 'เมอร์ส' รายใหม่ หลังไม่เจอมา 4 วัน​

​

เกาหลีใต้ พบผู้ติดเชื้อไวรัส เมอร์ส รายใหม่แล้ว หลังจากไม่พบมานาน 4 วัน ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสตัวนี้ยังคงเท่าเดิม...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ทางการประเทศเกาหลีใต้ พบผู้ติดเชื้อไวรัส กลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (เมอร์ส) รายใหม่เป็นครั้งแรก หลังจากไม่พบมา 4 วัน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อที่พบทั้งหมด นับตั้งแต่ เมอร์ส เริ่มแพร่กระจายเมื่อเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 183 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิตไปแล้ว 33 คน

ผู้ป่วยรายล่าสุดเป็นพยาบาลหญิงของโรงพยาบาล ซัมซุง เมดิคัล เซ็นเตอร์ ในกรุงโซล ซึ่งเป็นสถานที่ที่พบผู้ติดเชื้อเมอร์สมากที่สุดถึง 88 ราย จนเป็นเหตุให้โรงพยาบาลแห่งนี้ถูกสั่งปิดชั่วคราว และเมื่อเดือนมิ.ย. ประธานของ ซัมซุง เมดิคัล เซ็นเตอร์ ได้ออกมากล่าวขอโทษต่อสาธารณชน จากความล้มเหลวในการรับมือการแพร่กระจายของเมอร์ส

ทั้งนี้ การพบผู้ติดเชื้อคนล่าสุดทำให้สถิติไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ในแดนโสมขาวหยุดลงที่ 4 วันติดต่อกัน แต่วันพฤหัสบดีถือเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันที่ไม่พบผู้เสียชีวิตจากไวรัสสายพันธ์ุโคโรนาตัวนี้ ขณะที่สำนักข่าว ยอนฮัป ของเกาหลีใต้ รายงานในวันเดียวกันว่า จำนวนผู้ถูกกักตัวหรือกักบริเวณ เนื่องจากต้องสงสัยว่าสัมผัสกับผู้ป่วยโรคเมอร์ส ลดลงเหลือ 2,238 คนแล้ว

อนึ่ง การแพร่กระจายของเมอร์สส่งผลกระทบต่อการท้องเที่ยวของเกาหลีใต้อย่างมาก โดยทางการระบุว่า เมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนมิ.ย. ลดลงจากช่งงเดียวกันของปี 2014 ถึง 50% จนรัฐบาลต้องประกาศมาตรการผ่อนคลายข้องบังคับการออกวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย เพื่อกู้สถานการณ์

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 2 ก.ค. 2558

บิ๊กกองทัพอิเหนาชี้ เครื่องขัดข้องทำ C-130 ตก ดับ 141 ศพ​

​

ผู้บัญชาการกองทัพอากาศอินโดนีเซียเผยว่า เครื่องยนต์ล้มเหลว อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบิน C-130 ตกเมื่อวันอังคารจนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 140 คน โดยพบข้อบ่งชี้หลายอย่าง...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พลอากาศโท อากุส สุเปรียตนา ผู้บัญชาการกองทัพอากาศแห่งประเทศอินโดนีเซีย ออกมาเปิดเผยสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินลำเลียงพล 'เฮอร์คิวลีส C-130' ตกใส่เขตที่พักอาศัยของประชาชน ในเมืองเมดาน จังหวัดสุมาตราเหนือ บนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. หลังขึ้นบินเพียง 2 นาที โดยคาดว่าเกิดจากเครื่องยนต์ล้มเหลว

พ.อ.ท. สุเปรียตนา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนพบเครื่องยนต์ทั้ง 4 ตัวของเครื่องบิน C-130 ลำนี้แล้ว โดยมีอยู่ตัวหนึ่งที่ใบพัดอยู่ในตำแหน่งผิดปกติและแสดงให้เห็นว่า เครื่องยนต์ไม่ได้ทำงาน ด้วยเหตุนี้ แม้เครื่องยนต์อีก 3 ตัวจะทำงานเป็นปกติ แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะควบคุมเครื่องหลังเกิดปัญหาแทบจะทันทีที่เครื่องขึ้นบิน

นอกจากนี้ ผบ.กองทัพอากาศอินโดนีเซีย ยังบอกกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า การที่เครื่องบินเลี้ยวขวาและบินด้วยความเร็วที่ต่ำกว่าปกติ เป็นอีก 1 ข้อบ่งชี้ว่าเกิดปัญหาเครื่องยนต์ล้มเหลว ขณะที่พยานบนพื้นดินผู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เผยว่า เครื่องบิน C-130 ลำนี้ เอียงและเกิดควันดำลอยออกมา ก่อนที่จะตกชนกับอาคาร 2 หลัง และระเบิดกลายเป็นลูกไฟ

ทั้งนี้ เครื่องบิน C-130 ลำนี้ บรรทุกผู้โดยสารมากกว่ารายงานเบื้องต้นของกองทัพ ซึ่งระบุว่า เครื่องบินอายุกว่า 51 ปีลำนี้มีลูกเรืออยู่ 12 คน แต่ไม่เอ่ยถึงผู้โดยสาร ก่อนจะมีรายงานตัวเลขผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังคงเกิดความสับสนว่า มีผู้โดยสารบนเครื่องเท่าใด และมีกี่คนที่ลงจากเครื่องบินซึ่งลงจอดในหลายเมืองก่อนจะประสบอุบัติเหตุ

ด้านครอบครัวของผู้เสียชีวิตหลายราย เปิดเผยต่อ อลิซ บูดีซาตริโจ ผู้สื่อข่าวบีบีซี ประจำอินโดนีเซีย ว่า ญาติของพวกเขาเสียเงินเพื่อโดยสารไปยังจุดหมายปลายทางด้วยเครื่องบินของกองทัพ ขณะที่เจ้าหน้าที่กองทัพและรัฐบาลหลายคน ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว เพราะการกระทำเช่นนี้เป็นความผิดตามกฎหมายของกองทัพ อนึ่ง ล่าสุดหน่วยกู้ภัยอินโดนีเซีย ได้ประกาศยุติปฏิบัติการค้นหาศพผู้เสียชีวิตแล้ว

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 ก.ค. 2558

บีพี ยอมจ่ายเงินให้สหรัฐฯ 6 แสนกว่าล้าน ทำน้ำมันรั่วลงอ่าวเม็กซิโก​

​

บริษัทน้ำมัน ‘บีพี’ บรรลุข้อตกลงกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ​ ยินยอมจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายมหาศาล 6.24 แสนล้านบาท จากกรณีทำน้ำมัน 4.2 ล้านบาร์เรล รั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโก จนสร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิตในทะเลอย่างใหญ่หลวง

เมื่อวันที่ 3 ก.ค.58 สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ในที่สุด บริษัทบีพี บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ สัญชาติอังกฤษ ได้บรรลุข้อตกลงกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ด้วยการยอมจ่ายเงินมหาศาล 12,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 624,000 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินค่าปรับชดเชยความเสียหาย จากกรณีแท่นขุดเจาะน้ำมัน ‘ดีพวอเตอร์ ฮอริซัน’ ของบริษัทบีพีเกิดระเบิด จนน้ำมันนับ 125 ล้านแกลลอน หรือ 4.2 ล้านบาร์เรล รั่วไหลลงสู่ทะเล ในอ่าวเม็กซิโก นานติดต่อถึง 87 วัน เม่ื่อปี 2553 จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อธรรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเลครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ และยังเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 11 ราย

ข่าวแจ้งว่า การยอมความนอกศาลของบริษัทบีพีกับรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วยการจ่ายเงินค่าชดเชยความเสียหายนับ 6.24 แสนล้านบาทในครั้งนี้ นางลอเร็ตตา ลินซ์ รมว.ยุติธรรมสหรัฐฯ กล่าวว่า ถือเป็นการจ่ายเงินชดเชยจำนวนมากที่สุดของบริษัทเดียวในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯอีกด้วย โดยเงินค่าชดเชยความเสียหายดังกล่าว จะมีการแบ่งสรรระหว่าง รัฐบาลกลางสหรัฐฯ และทางการรัฐอีก 5 รัฐ คือ แอละบามา, ฟลอริดา, หลุยส์เซียนา, มิสซิสซิปปี และเทกซัส รวมทั้งองค์กรท้องถิ่นอีก 400 แห่ง

นางลินซ์ รมว.ยุติธรรมสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่า เงินชดเชยค่าเสียหายดังกล่าว จะนำไปใช้ในการปรับปรุงสภาพสิ่งแวดล้อมที่ได้รับความเสียหายจากน้ำมันที่รั่วไหลลงสู่ทะเล ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูระบบนิเวศของอ่าวเม็กซิโก การประมง พื้นที่ชายฝั่ง และสัตว์ทะเล

ด้านนายบ็อบ ดูเลย์ หัวหน้าคณะผู้บริหารบริษัทบีพี กล่าวถึงการที่บริษัทบีพียอมจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายนับ 6.24 แสนล้านบาท ถือเป็นการบรรลุข้อตกลงที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาด้วยความรับผิดชอบครั้งใหญ่ที่ยังคงอยู่จากอุบัติเหตุที่น่าเศร้าสลดนี้ และเป็นการเปิดทางให้บริษัทมุ่งโฟกัสไปที่การผลิตพลังงานอย่างปลอดภัยสู่ตลาดโลก ขณะที่การบรรลุข้อตกลงจ่ายเงินชดเชยดังกล่าวของบริษัทบีพี ได้ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทบีพี ดีดตัวสูงขึ้น 4.6% เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 ก.ค. 2558

บึมสนั่น! โรงงานเคมีเกาหลีใต้ระเบิด คนงานดับสยอง 6 ศพ​

​

โรงงานเคมีในเกาหลีใต้ระเบิด คร่าชีวิต 6 คนงาน บาดเจ็บอีก 1 คาดสาเหตุเป็นเพราะประกายไฟจากการเชื่อมถังน้ำเสียของคนงาน

เมื่อวันที่ 3 ก.ค.58 สำนักข่าวยอนฮัพในเกาหลีใต้ รายงานเกิดเหตุระเบิดที่โรงงานเคมี ‘ฮานวฮา เคมิคอล’ ที่เมืองท่า อูลซาน ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเกาหลีใต้ ตอนช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 3 ก.ค. ทำให้มีคนงานเสียชีวิตถึง 6 คน และบาดเจ็บอีก 1 คน

เจ้าหน้าที่สำนักงานดับเพลิงท้องถิ่น เผยว่า เหตุระเบิดเกิดเมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ของวันนี้ (3 ก.ค.) ขณะมีคนงานจำนวนหนึ่งกำลังทำการเชื่อมถังบรรจุน้ำเสียของโรงงาน โดยเจ้าหน้าที่คาดว่าสาเหตุของการระเบิด เนื่องจากมีประกายไฟไปโดนแหล่งความร้อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแก๊สมีเทน และแก๊สชีวภาพจากของเสีย จนส่งผลให้เกิดการระเบิดรุนแรงขึ้นมา และทำให้โครงสร้างหลังคาของบริเวณอาคารเก็บน้ำเสียพังถล่มเสียหาย

ข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ทางการกำลังเร่งสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงของเหตุระเบิดที่โรงงานเคมีฮานวฮา รวมทั้งสืบหาว่า เหตุระเบิดครั้งนี้เกิดมาจากความสะเพร่าของคนงานหรือไม่ ทั้งนี้ โรงงานเคมีส่วนใหญ่ในเมืองอูลซาน เป็นโรงงานผลิตสารเคมี ประเภทโพลีไวนิล คลอไรด์ (PVC) ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมผลิตพลาสติก โดยโรงงานเคมี ฮานวฮา นับเป็นโรงงานเคมีใหญ่สุดเป็นอันดับ 2 ในเมืองอูลซาน

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 ก.ค. 2558

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ตลิ่งทรุด-บ้านพัง! เหตุน้ำป่าสัก ลดต่ำสุดรอบหลายสิบปี​

​

บ้านริมตลิ่งแม่น้ำป่าสักใน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา พังเสียหายอีก 2 หลัง จากสาเหตุตลิ่งทรุดตัวเพราะน้ำแห้ง นอภ.เผยปีนี้น้ำป่าสัก ลดลงต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปี ต้องแจ้งเจ้าท่ามาสำรวจอย่างเร่งด่วน...

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 3 ก.ค. 58 นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ รอง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา ได้นำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหน้าเขื่อนพระรามหก หมู่ 6 ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ หลังตลิ่งทรุดตัวพังลงสู่แม่น้ำป่าสัก ทำให้บ้านเรือนประชาชนพังเสียหายจำนวน 2 หลัง ได้แก่ บ้านเลขที่ 14/2 ของ นางนัยนา นพคุณ อายุ 42 ปี และบ้านเลขที่ 45/5 ของ นายอุเทน แก่นสากล อายุ 69 ปี เหตุเกิดเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา

นายวิทิต ปิ่นนิกร นายอำเภอท่าเรือ เปิดเผยว่า ตลิ่งริมแม่น้ำป่าสัก ได้พังทรุดตัวลงอย่างกะทันหัน มีความยาวมากกว่า 50 เมตร ทำให้บ้านเรือนของประชาชนที่เป็นบ้านไม้ชั้นเดียว พังเสียหายทันที 2 หลัง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

ส่วนสาเหตุ พบว่า มาจากในแม่น้ำป่าสักขณะนี้ ได้ลดลงต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปี อันเนื่องมาจากความแห้งแล้ง ฝนไม่ตก ซึ่งได้ประสานสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาอยุธยา เข้าตรวจสอบและสำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 ก.ค. 2558

ปลายคลองมีเซ็ง! น้ำคลองมะขามเฒ่า - อู่ทอง ไม่พอสูบ​

​

เกษตรกรปลายคลองเซ็ง! น้ำคลองมะขามเฒ่า - อู่ทอง ไม่พอสูบ หลัง สชป.12 ยุติศึกแย่งน้ำพื้นที่ 2 จังหวัด ซ้ำบ่อบาดาลยังแห้งขอด ด้านเกษตรกร วอนรัฐช่วยพักหนี้ ...

เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 58 ที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการจัดการชลประทาน ของจังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดชัยนาท พร้อมตัวแทนเกษตรกร ในจังหวัด ฝ่ายละ 30 คน เข้าพบ นายฎรงค์กร สมตน ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 12 ที่ห้องประชุมใหญ่สำนักชลประทานที่ 12 ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เพื่อหาข้อยุติในการจัดสรรน้ำให้แก่ชาวนาที่ใช้น้ำ ในคลองมะขามเฒ่า-อู่ทอง ที่มีระยะทางยาว 104 กิโลเมตร แบ่งเป็น 2 ช่วง ที่กิโลเมตร 57 โดยกิโลเมตรที่ 0-57 อยู่ในเขตชัยนาท กิโลเมตรที่ 57-104 เขตสุพรรณบุรี โดยมีการสรุปผลให้เขตชัยนาท ช่วง กม. 0-57 ใช้น้ำจนถึงวันที่ 1 ก.ค. 58 เวลา 18.00 น. จากนั้นจะเป็นคิวของ เขตสุพรรณ ช่วง กม.ที่ 57-104 ใช้น้ำจนถึงวันที่ 13 ก.ค. 58 เวลา 18.00 น. แต่ปัจจุบันคลองดังกล่าว มีน้ำให้ชาวนาได้สูบใช้บ้างแล้วในบางส่วนของช่วงต้น ส่วนช่วงปลายคลองที่ถึงคิวนั้น มีน้ำส่งไปไม่ถึง

ด้านการสูบน้ำนั้น ปัจจุบันใช้เครื่องสูบน้ำไฟฟ้าจำนวน 1 เครื่อง สูบน้ำได้ 3 ลบ.ม. ต่อวินาที บวกกับเครื่องสูบด้วยน้ำมันอีกจำนวน 2 เครื่อง สูบน้ำได้ 0.3 ลบ.ม. ต่อวินาที รวม 3 เครื่อง สามารถสูบน้ำได้ 3.6 ลบ.ม. ต่อวินาที ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ และไม่เป็นไปตามเป้าประสงค์ที่กำหนดไว้ในการจัดสรรน้ำ คลองมะขามเฒ่า-อู่ทอง ให้พี่น้องชาวนา 2 จังหวัด

ด้าน นายเจียร โพธิ์โต อยู่บ้านเลขที่ 149 ม.2 ต.บ้านเชี่ยน อ.หันคา จ.ชัยนาท ชาวนาตำบลบ้านเชี่ยน กล่าวว่า ช่วงที่ชลประทานจัดสรรน้ำก็ได้น้ำมาในส่วนหนึ่ง ระยะเวลาหนึ่ง ปลูกข้าวไปได้ระยะนึง แต่น้ำในคลองก็แห้งขอด ไม่สามารถดึงน้ำออกมาใช้ได้อีก บ่อบาดาลที่ทำการขุดเจาะก็แห้งขอดเช่นกัน ไม่มีน้ำใต้พื้นดินออกมาสักหยด ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารอน้ำฝนให้ตกลงมา ตามที่ทางรัฐบาลได้คาดการณ์ไว้ เพราะตอนนี้ขาดทุน และเป็นหนี้สะสมมาจากการทำนางวดที่แล้วก็หลายแสนบาท ถ้าทำนางวดนี้ข้าวตายขาดทุน ตนก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินจากไหนมาใช้หนี้ ธ.ก.ส.

"ตอนนี้ข้าวเริ่มตั้งท้อง หากไม่ได้รับน้ำเพียงพอ ต้นข้าวก็จะเน่าตาย ล้มต้นไปในที่สุด ยังโชคดีที่รัฐบาลมีการพักหนี้ให้เกษตรกร ใช้แต่ดอกเบี้ย ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับความเป็นอยู่ของครอบครัว คงต้องขายนามาใช้หนี้อย่างแน่นอน หากต้นข้าวตายจริงๆ ไม่มีน้ำทำนาจริงๆ อยากวอนขอให้รัฐบาลเยียวยาช่วยเหลือชาวนาตามแต่รัฐบาลเห็นสมควร จะได้นำเงินที่ได้มาไปใช้หนี้ส่วนหนึ่งก็ยังดี" นายเจียร กล่าว

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 ก.ค. 2558

สธ.ยันไทยปลอด 'เมอร์ส' 100% ชายโอมาน-ญาติ กลับประเทศวันนี้​

​

รมว.สธ. แถลงยันประเทศไทย ปลอด 'ไวรัสเมอร์ส' 100% ส่วนชายชาวโอมาน ผลตรวจเชื้อทั้ง 5 ครั้งเป็นลบ เตรียมเดินทางกลับประเทศพร้อมญาติอีก 3 คน คืนนี้ ...

เมื่อวันที่ 3 ก.ค. นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยเอกอัครราชทูตโอมานประจำประเทศไทย ผู้บริหารโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และผู้บริหารจากหน่วยงานภายในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงความคืบหน้าอาการผู้ป่วยชาวโอมาน ว่าวันนี้อาการโดยรวมดีขึ้น ผู้ป่วยสามารถหายใจได้เอง และเดินด้วยตนเองได้ในระยะสั้นๆ ผลการเอกซเรย์ปอดดีขึ้น และผลการตรวจหาเชื้อไวรัสเมอร์ส ในลำคอให้ผลเป็นลบทั้ง 5 ครั้ง โดยตรวจผลล่าสุดในวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา รวมถึงผลการตรวจจากเลือดไม่พบเชื้อเช่นกัน นอกจากนี้ นายแพทย์รัชตะ ยืนยันด้วยว่า ขณะนี้ประเทศไทยปลอดโรคเมอร์สอย่างแท้จริง และพบว่าไม่มีการระบาดเกิดขึ้นในประเทศไทย

ด้านแพทย์หญิงจริยา แสงสัจจา ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร เปิดเผยว่า ทางโรงพยาบาลได้ออกหนังสือรับรองให้ชายชาวโอมาน สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ โดยทางสถานทูตโอมานประจำประเทศไทย ได้นำรถมารับผู้ป่วยและญาติอีก 3 คน ไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางกลับประเทศโอมานด้วยสายการบินโอมานแอร์ ในเวลา 20.40 น. วันนี้ ขณะที่ทางสายการบินได้จัดที่นั่งให้นั่งห่างจากผู้โดยสารทั่วไป เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่ต้องโดยสารเครื่องบินลำเดียวกัน

ส่วนผู้ที่สัมผัสโรคทั้ง 176 คน ไม่มีอาการต้องสงสัย ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นลบ จึงได้ยุติการเฝ้าระวังสังเกตอาการทั้งหมดแล้ว แต่ทางกระทรวงสาธารณสุขได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนคงมาตรการดูแลคัดกรอง เฝ้าระวัง สถานการณ์เมอร์สอย่างเข้มงวดต่อไป.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 ก.ค. 2558

มูลนิธิชัยพัฒนา-ปูนอินทรี เดินหน้าสร้างชุมชนต้นแบบ​

​

มูลนิธิชัยพัฒนา ร่วมกับ ปูนอินทรี พัฒนาชุมชนต้นแบบเพื่อโลกสีเขียว บ้านทาป่าเป้า จ.ลำพูน เน้นให้ชุมชนมีส่วนร่วม และสามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ...

นางนาฏยา เหล่าวานิช ผู้อำนวยการสื่อสารองค์กร บ.ปูนซีเมนต์นครหลวงจำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ ที่ผ่านมาปูนอินทรี ร่วมกับ มูลนิธิชัยพัฒนา สร้างฝายเก็บกักน้ำถวายในหลวง โดยตั้งเป้าไว้ที่ 880 ฝาย แต่สามารถสร้างได้ถึง 1,100 ฝาย ซึ่งประชาชนไม่เพียงแต่ได้ประโยชน์ด้านการพัฒนาต้นน้ำลำธาร สภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น ในรูปแบบที่แตกต่างกันตามสภาพแวดล้อม แต่ยังเป็นการคืนความชุ่มชื้นให้กับป่าไม้ พร้อมกันนี้ เรายังสนับสนุนการสร้างโรงเรียนสีเขียว สร้างลานตากข้าว คอนกรีตบล็อกประสาน แท้งก์น้ำ ส่งเสริมสนับสนุนการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร การช่วยเหลือ เน้นให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมดำเนินกิจกรรม ให้สามารถนำไปต่อยอดสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนได้ต่อไปในอนาคต

สำหรับในปีนี้ นับว่าเป็นปีที่ 7 ที่ปูนอินทรีได้เดินหน้าโครงการพัฒนาชุมชนต้นแบบเพื่อโลกสีเขียว (Green Community) โดยเลือกชุมชน บ้านทาป่าเปา อ.แม่ทา จ.ลำพูน เป็นต้นแบบแห่งการพัฒนา ทั้งในด้านชุมชนเกษตรวิถีพอเพียง ทั้งนี้ เพื่อให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง การพัฒนาต้องเน้นส่งเสริมให้ชาวบ้านมีการรวมกลุ่ม ต่อยอดสิ่งต่างๆ ที่โครงการได้เข้ามาอบรมอย่าง อิฐบล็อกประสาน การทำคุกกี้ น้ำข้าวกล้อง ให้เจริญก้าวหน้า พร้อมส่งเสริมกลุ่มต่างๆ ให้เกิดความเข้มแข็งมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรม

"การที่เลือกชุมชนบ้านทาป่าเป้าเป็นโครงการนำร่องไม่ใช่ว่าเราจะเลือกปักหมุดแล้วยัดเยียดส่งเสริม หากทำอย่างนั้น ไม่เกิดความยั่งยืนอย่างแน่นอน ดังนั้น ทีมงานจึงต้องทำการสำรวจก่อนว่าชุมชนใดมีความพร้อม แล้วจึงเข้าไปส่งเสริมในเรื่องที่ชุมชนเสนอความต้องการ สนับสนุนให้มีความก้าวหน้า พร้อมทั้งเข้าไปติดตามพัฒนาให้เกิดความเข้มแข็ง อย่างที่ชุมชนแห่งนี้เมื่อก่อนชาวบ้านมีรายได้จากการปลูกลำใย หลังจากเราช่วยกันสร้างฝาย แท้งก์ก็เก็บน้ำ ไม่ต้องรอฝนจากฟ้า ปัจจุบันชาวบ้านจึงสามารถปลูกพืชอายุสั้นได้แล้ว" นางนาฏยา กล่าว

สำหรับกิจกรรมในโครงการ จะเปิดโอกาสให้ ชุมชนเสนอความต้องการที่เป็นประโยชน์กับชุมชนส่วนรวม ภายใต้แนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สู่ความยั่งยืน ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม กระทั่ง
สามารถต่อยอดและขยายไปสู่อาชีพได้อย่างยั่งยืน.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 ก.ค. 2558

ประเทศไทยตอนบนฝนน้อยลง ตะวันออก-ใต้ตกหนัก อีสานกลับมาร้อน​

​

ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังแรง แต่ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนน้อย ภาคอีสานจะร้อนสูงสุดที่ 41 องศาฯ กทม.มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ โดยมีโอกาสเกิดฝน 30%...

เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2558 ทีมข่าวไทยรัฐ ร่วมกับ The Weather Company ของสหรัฐอเมริกา รายงานสภาพอากาศเช้านี้ พบว่า จากภาพถ่ายดาวเทียมที่แสดงกลุ่มเมฆทั่วไทยพบว่า พบกลุ่มเมฆเริ่มหนาตาขึ้นในบางพื้นที่ ทั้งในภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคใต้ ส่วนพื้นที่อื่นๆ นั้นเมฆยังบางตา โดยกลุ่มเมฆฝนส่วนใหญ่ก่อตัวเป็นทางยาวอยู่ในบริเวณทางตอนใต้ของจีน ลากยาวผ่าน ตอนบนของเวียดนาม ลาว และพม่า ขณะที่มหาสมุทรแปซิฟิก มีการก่อตัวของกลุ่มเมฆฝน เช่นกันโดยส่วนใหญ่นั้นอยู่ทางตอนบนของ อ่าวเมาะตะมะ ส่วนในไทยมีบางพื้นที่

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น ซึ่งลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น สำหรับประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนน้อย ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังแรง ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 3-8 กรกฎาคมนี้

จากการคาดการณ์สถานการณ์ฝนวันนี้ ตั้งแต่ช่วงสายเริ่มพบการก่อตัวของกลุ่มฝนในบริเวณฝั่งตะวันตก บางส่วนของภาคกลาง และภาคตะวันออก ส่วนในช่วงเที่ยง พบตกกระจายตัวเป็นจุดๆ ทั้งในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคตะวันออก ช่วงบ่าย พบการก่อตัวของกลุ่มฝนใน 2 จุด บริเวณภาคเหนือ ที่เชียงราย พะเยา และบริเวณภาคกลาง ที่จังหวัดสระบุรี นครนายก และปราจีนบุรี ช่วงเวลาประมาณบ่าย 3 โมง กลุ่มฝนจะขยับไปตกในภาคตะวันออกทั้งในจังหวัดปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี รวมถึงจังหวัดนครราชสีมาของภาคอีสานด้วย และช่วงเย็นจะไปตกที่บริเวณภาคอีสานตอนล่างที่ ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และสุรินทร์ ส่วนภาคกลางจะมีตกปรอยๆ ที่สระบุรี ช่วงค่ำกลุ่มฝนยังคงตกจุดเดิมในภาคอีสาน แต่จะตกหนักขึ้นไปจนถึงช่วงดึก

ส่วนฝนใต้ ช่วงสายเน้นตกปานกลางถึงหนัก ในพื้นที่อันดามันตอนล่าง ตั้งแต่จังหวัดกระบี่ ยาวลงไปถึงสตูล ช่วงเที่ยงยังคงตกในจุดเดิมและตกเพิ่มขึ้นบางพื้นที่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา และจะตกยาวไปจนถึงช่วงบ่าย ส่วนในช่วงเย็นกลุ่มฝนจะไปเทในบริเวณภาคใต้ตอนล่าง เน้นตกกระจายตัวใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ขณะที่อุณหภูมิ พื้นที่ที่ยังรู้สึกร้อนที่สุดยังคงเป็นพื้นที่ภาคอีสาน สูงสุดวันนี้ไต่สูงขึ้นจากเมื่อวาน เป็น 41 องศา ขณะที่ภาคกลางมีร้อนจัดในบางพื้นที่ สูงสุด อยู่ที่ 38 องศา เหนือ ตะวันออก อากาศร้อนโดยทั่วไป ส่วนฝั่งตะวันตก ช่วงค่ำถึงเช้าเย็นสบาย

จากไทยไปปากีสถาน อุณหภูมิทางตอนล่างยังคงร้อนระอุอย่างต่อเนื่อง คาดว่าอุณหภูมิ อาจจะไต่ไปถึง 49 องศาเซลเซียส ขณะที่ฝนที่ตกลงมาก็ไม่ช่วยบรรเทาสถานการณ์คลื่นความร้อนดังกล่าวเลย เพราะส่วนใหญ่ไปตกตอนกลางของประเทศเท่านั้น

ส่วนสภาพอากาศในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก มีการก่อตัวของกลุ่มเมฆฝนกลุ่มใหญ่เรียงตัวยาวตั้งแต่ทะเลจีนใต้ตอนกลาง ผ่าน ฟิลิปปินส์ ไปยังมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลาง และบริเวณดังกล่าวมีการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อน ถึง 4 ลูกด้วยกัน คือพายุราเคว พายุทเวนตี้ฟิฟ ที่มีทิศทางเคลื่อนที่ไปทางใต้ / ส่วนอีก 2 ลูก คือ พายุจันทร์หอม ซึ่งตอนนี้ได้พัฒนาเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับที่ 1 มีความเร็วลมศูนย์กลาง 120 กม./ชม. อยู่บริเวณทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะกวม ทางตะวันออกของฟิลิปปินส์ ห่างจาก จ.อุบลราชธานี 4,813 กม. โดยมีทิศทางการเคลื่อนที่มาทางตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็ว 19 กม./ชม.

มีแนวโน้มเพิ่มความเร็วลมศูนย์กลางเป็นไต้ฝุ่นระดับที่ 4 ในเช้าวันที่ 7 กรกฎาคมนี้ แล้วจะเคลื่อนที่ไปทางตอนใต้ของญี่ปุ่น ส่วนอีกหนึ่งลูกก็คือ พายุโซนร้อนหลิ่นฟ้า มีความเร็วลมศูนย์กลาง 65 กม./ชม. อยู่บริเวณทางตะวันออกของฟิลิปปินส์ ห่างจาก จ.อุบลราชธานี 2569 กม. มีทิศทางการเคลื่อนที่มาทางตะวันตกเฉียงเหนือ สู่เกาะไต้หวัน ด้วยความเร็ว 17 กม./ชม. มีแนวโน้มเพิ่มความเร็วลมศูนย์กลางเป็นไต้ฝุ่นระดับที่ 1 ในเช้าวันที่ 5 กรกฎาคมนี้ ดังนั้นใครที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์นี้ไปจนถึงสัปดาห์หน้า ต้องตรวจสอบสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด แต่อย่างไรก็ตาม พายุทั้งสองลูกนี้ยังไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อสภาวะอากาศของไทย

สภาพอากาศแต่ละภาคมีดังนี้

ภาคเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และตาก อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดอำนาจเจริญ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน กับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดราชบุรี และกาญจนบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วน กับมีฝนเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งอ่าวไทย) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งอันดามัน) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 40 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 องศาเซลเซียส ทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ โดยวันนี้มีโอกาสเกิดฝน 30% อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38 องศาเซลเซียส.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 ก.ค. 2558

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

จับตาเขื่อนแม่งัด จากแผ่นดินไหวในจีน​

​

จับตา เขื่อนแม่งัด เชียงใหม่ เหตุแผ่นดินไหวประเทศจีน แต่ยังไม่มีรายงานผลกระทบ

นายอดิศร ฟุ้งขจร ผู้อำนวยการสถานีเฝ้าระวัง แผ่นดินไหวจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ เกิดเหตุแผ่นดินไหวทางตอนใต้ ของเมืองซินเจียง ประเทศจีน (Southern Xinjiang, China) ตามเวลาท้องถิ่น 07:45 น. ขนาด 6.1 ตามมาตราริกเตอร์ ลึกในระดับ 10 กม. จากผิวดิน เบื้องต้น พื้นที่ประเทศไทยทางตอนเหนือ รับรู้แรงสั่นสะเทือนได้บางจุดเล็กน้อย ไม่มีรายงานผลกระทบ ส่วนรอยเลื่อนที่สำคัญในพื้นที่ภาคเหนือ ทางศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ

โดยสถานีเฝ้าระวังแผ่นดินไหว ยังจับตาอย่างใกล้ชิด ซึ่งไม่ได้รับรายงานความผิดปกติใด ๆ เช่นเดียวกับ เขื่อนสำคัญในพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและบำรุงรักษา โครงการชลประทานเชียงใหม่แจ้งว่า ที่เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล สามารถวัดแรงสั่นสะเทือนได้เล็กน้อยเพียง 0.000163 g คิดเป็น 0.066 % ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อตัวเขื่อนแต่อย่างใด

ข่าวภูมิภาค วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ.2558 11:50น.

ที่มา จับตา เขื่อนแม่งัดจากแผ่นดินไหวในจีน : INN News

 

เพลง เขื่อน(แม่น้ำโขง) อันตราย​

เผยแพร่เมื่อ 12 ก.ย. 2012​

มิวสิกวีดีโอเกี่ยวกับ 12 เขื่อน ที่ถูกวางแผนจะสร้างกั้นแม่น้ำโขงตอ­นล่าง 7 เขื่อนในลาว ได้แก่ เขื่อนปากแบ่ง หลวงพระบาง ไซยะบุรี ปากลาย ลาดเสือ ท่าค้อ ดอนสะโฮง 2 เขื่อนบนพรมแดนไทย-ลาว ได้แก่ เขื่อนปากชม และบ้านกุ่ม 2 เขื่อนในเขมรได้แก่ เขื่อนสตรึงเตร็ง และซำบอ

 

เขื่อนกั้นแม่น้ำโขง เปลี่ยนแปลง​

เผยแพร่เมื่อ 23 มี.ค. 2015​

ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ขึ้นลงผิดปกติ รวมไปถึงความแห้งแล้งที่มากขึ้นในช่วงฤดูแ­ล้ง นักวิชาการ และชาวบ้านชุมชนริมแม่น้ำเชื่อว่า น่าจะมาจากการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขง ซึ่งขณะนี้ต้นแม่น้ำอย่างจีนมีเขื่อนถึง 20แห่ง ขณะที่ไทยและลาวล้วนมีเขื่อนในแม่น้ำสาขา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้แม่น้ำโขงเปลี่ยนแปล­ง

 

มองเขื่อนแม่น้ำโขง ผ่านวิถีชีวิตของคนเชียงของ​

เผยแพร่เมื่อ 23 มี.ค. 2015​

รายการ Spring Reports วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม 2558 เวลา 20.05 น. แม่น้ำโขง ลำน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนกว่า 5 ประเทศ ที่วันนี้ลำน้ำแห่งนี้เปลี่ยนไป หลังประเทศจีนสามารถกำหนดทิศทางกลุ่มเศรษฐ­กิจและกุมอำนาจจากการสร้างเขื่อน จับตาความเปลี่ยนแปลงตลอดสองทศวรรษแห่งการ­พัฒนากับน้ำตาคนใต้เขื่อน ติดตามได้ในตอน "มองเขื่อนแม่น้ำโขง ผ่านวิถีชีวิตของคนเชียงของ"

 

เขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลกของจีน​

อัปโหลดเมื่อ 4 ส.ค. 2010​

เขื่อนสามผา ที่ขึ้นชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลกของจีน กำลังจะมีบททดสอบครั้งสำคัญ หลังจากเกิดอุทกภัยร้ายแรงที่สุดในรอบหลาย­สิบปี ซึ่งก็ไม่ได้มีแค่กระแสน้ำเท่านั้น ยังมีขยะมากมายมหาศาลมากับกระแสน้ำด้วย

 

มองโลกแบบวิกรม ตอน เขื่อนสามผา​

เผยแพร่เมื่อ 24 มิ.ย. 2013​

 

อภิมหาเขื่อนยักษ์ หายนะแม่น้ำโขง​

​

“แม่น้ำโขง”...เป็นแม่น้ำที่มี ความสำคัญและอุดมสมบูรณ์อันดับต้นๆ มีพันธุ์ปลาหลากหลายเป็นอันดับสองของโลก รองเพียงลุ่มน้ำอะเมซอนในทวีปอเมริกาใต้

อีกทั้งยังเป็นแหล่งประมงน้ำจืดใหญ่ที่สุดในโลก...จากต้นน้ำถึงทะเลจีนใต้ แม่น้ำโขงมีความยาวถึง 4,909 กิโลเมตร ไหลจากที่ราบสูงทิเบต ผ่านจีน พม่า ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม

ประชาชนกว่า 60 ล้านคน นับร้อยชาติพันธุ์ พึ่งพาอาศัยระบบนิเวศที่หลากหลายของแม่น้ำโขง เป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหารและปัจจัย 4 ในการดำรงชีวิต

แต่...แม่น้ำโขงกำลังถูกรุมทำร้ายด้วยโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ ภายใต้ชะตากรรมของแม่น้ำโขงตอนบน เตือนใจ ดีเทศน์ อดีต ส.ว. จังหวัดเชียงราย บอกว่า แม่น้ำโขงตอนบนอยู่ในประเทศจีนมีความยาวเกือบครึ่งหนึ่งของแม่น้ำโขงทั้งสาย เรียกว่า...แม่น้ำล้านช้าง หรือ...หลานชางเจียง ถูกรัฐบาลจีนกำหนดแผนสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้า 28 เขื่อน ขณะนี้สร้างเสร็จไปแล้ว 6 เขื่อน

นักธรณีวิทยาระบุว่า แม่น้ำโขงในจีนตั้งอยู่บนรอยเลื่อนของเปลือกโลกที่ยังมีพลัง แผ่นดินไหวเกิดขึ้นในยูนนานหลายครั้ง หากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเขื่อนอาจแตก พื้นที่ริมน้ำโขงในไทย คือ เชียงแสน เชียงของ เวียงแก่น จ.เชียงราย จึงมีความเสี่ยงจะได้รับผลกระทบโดยยังไม่มีมาตรการป้องกัน

งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่านับตั้งแต่มีเขื่อนกั้นแม่น้ำโขงในจีน “ปริมาณน้ำในฤดูน้ำหลากลดลง แต่ปริมาณน้ำในฤดูแล้งกลับเพิ่มขึ้น” ในฤดูแล้งเกือบ 100% ของน้ำโขง ที่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ไหลจากแม่น้ำโขงในจีน ส่วนในฤดูน้ำหลากปริมาณน้ำโขงกลับลดลง เพราะมีการเก็บกักน้ำไว้ในเขื่อน สิบกว่าปีที่ผ่านมาพบว่าส่งผลกระทบรุนแรง ทำให้พื้นที่ลุ่มน้ำโขงตอนล่างที่น้ำท่วมถึงลดลง ทำลายความมั่นคงทางอาหารประเทศท้าย น้ำ ตะกอนดิน สารอาหารที่สมบูรณ์ถูกเก็บกักไว้ในเขื่อน ส่งผลต่อการทำเกษตรริมฝั่ง เกิดการกัดเซาะตลิ่งและท้องน้ำ

“ทางท้ายน้ำก็มีความกังวลว่าสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงในเวียดนามที่ค่อยๆจมลงนั้นอาจเป็นเพราะขาดดินตะกอนมาทับถมเพิ่มเติมจากแม่น้ำโขง เมื่อเกิดลมพายุ ความเสียหายจะรุนแรงยิ่งขึ้น”

สำหรับ...“ชะตากรรมของแม่น้ำโขงตอนล่าง” เตือนใจ บอกว่า รัฐบาล 4 ประเทศในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง...ลาว ไทย กัมพูชา เวียดนาม มีแผนสร้างเขื่อนและโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ 12 โครงการ

เขื่อนไซยะบุรี เป็นเขื่อนแรก เริ่มก่อสร้างเมื่อปลายปี 2555 ขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว 40% เขื่อนไซยะบุรีตั้งอยู่ห่างจาก อ.เชียงคาน จ.เลย 200 กิโลเมตร กำลังผลิตไฟฟ้า 285 เมกะวัตต์ ตัวเขื่อนเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ความยาว 810 เมตร การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทำสัญญารับซื้อไฟฟ้าเป็นเวลา 29 ปี

ตามข้อตกลงแม่น้ำโขง พ.ศ.2538 การสร้างเขื่อนบนแม่น้ำโขงสายหลักต้องจัดกระบวนการ ปรึกษาหารือล่วงหน้าแก่ประเทศสมาชิกของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission-MRC)

แต่ กฟผ.ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้รัฐบาลไทยกลับทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ผลิตจากเขื่อนไซยะบุรี โดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ทำการศึกษาและรายงานผลกระทบว่าจะส่งผลเสียต่อชุมชนลุ่มน้ำโขงอย่างไร

เครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหวัดในลุ่มน้ำโขง โดยตัวแทน 37 คน จึงได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้รับฟ้องเมื่อเดือนมิถุนายน 2557 ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณา

ลงลึกในรายละเอียดกันอีกสักนิด “เขื่อนดอนสะโฮง” เป็นเขื่อนที่ 2 ที่จะสร้างกั้น “ฮูสะโฮง”...ที่สีพันดอน แขวงจำปาสัก ซึ่งเป็นบริเวณที่เปลือกโลกยกตัวขึ้น ทำให้แม่น้ำโขงแผ่ออกเป็นแขนงต่างๆ

“ฮูสะโฮง” มีความสำคัญต่อการเดินทางและขยายพันธุ์ของปลาในลุ่มน้ำโขง เพราะเป็นช่องทางผ่านของปลาน้ำโขงจากตอนล่าง รวมทั้งจากทะเลสาบเขมร ที่ว่ายทวนน้ำขึ้นมายังแม่น้ำโขงตอนบนได้ตลอดปี ในขณะที่ช่องอื่นๆ ล้วนเป็นแก่ง เป็นน้ำตก ซึ่งปลาไม่สามารถว่ายผ่านไปได้ตลอดทั้งปี เช่น น้ำตกคอนพะเพ็ง น้ำตกหลีผี

เมื่อรัฐบาลลาวแจ้งกรณีเขื่อนดอนสะโฮง คณะกรรมการร่วม 4 ประเทศน้ำโขงตอนล่างก็เริ่มกระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้า ซึ่งมีกำหนด 6 เดือน จะสิ้นสุดในเดือนมกราคม 2558...

กรมทรัพยากรน้ำ ในฐานะสำนักงานเลขาธิการ MRC ประเทศไทย ได้จัดเวทีกรณีเขื่อนดอนสะโฮงแล้ว 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 10 และ 12 พฤศจิกายน 2557 ที่จังหวัดอุบลราชธานีและนครพนม โดยไม่ได้เชิญประชาชนริมฝั่งโขง ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบเข้าร่วมด้วย ทั้งๆที่เครือข่ายประชาชน 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขงได้ทำจดหมายถึงกรมทรัพยากรน้ำและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียกร้องให้ MRC จัดเวทีรับฟังความเห็นของประชาชนริมน้ำโขง ให้ครบทุกพื้นที่อำเภอริมแม่น้ำโขง...ให้แปลเอกสารรายงานการศึกษาผลกระทบ เอกสารสำคัญต่างๆให้ผู้เข้าร่วมเวทีได้ศึกษาล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วันและให้เจ้าของโครงการชี้แจงข้อมูลแก่ประชาชนร่วมกัน แต่ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ

กระบวนการปรึกษาหารือกรณีนี้...กำลังซ้ำรอยกรณีเขื่อนไซยะบุรี เมื่อปี 2554?...ทั้งยังได้เปลี่ยนถ้อยคำจาก “การปรึกษาหารือ” เป็น “การให้ข้อมูล” ซึ่งเป็นการกีดกันสิทธิในการมีส่วนร่วม น่าสนใจอีกว่า...เขื่อนปากแบง อาจเป็นเขื่อนที่ 3 ที่จะกั้นแม่น้ำโขงในลาว อยู่ท้ายน้ำห่างจาก อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ไม่ถึง 100 กิโลเมตร ระดับเก็บกักน้ำของเขื่อน อาจทำให้น้ำท่วมถึงบริเวณผาถ่าน อ.เชียงของ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลโครงการ

นอกจากนี้ยังมีเขื่อนอื่นๆที่จะตามมา ได้แก่ เขื่อนปากลาย เขื่อนสานะคาม

สถานการณ์ผิดธรรมชาติในแม่น้ำโขงล่าสุดที่ อ.เชียงของ เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2558 คือ น้ำโขงลดระดับลงมากและน้ำขุ่นข้น...เหมือนฝนตกต้นฤดูฝน ทั้งๆที่ไม่มีฝน

กลุ่มรักษ์เชียงของได้ลงพื้นที่สำรวจ พบว่ามีปลาอพยพขึ้นจำนวนมาก คนหาปลาจับปลาได้มากผิดปกติ ทั้งๆที่วัฏจักรของแม่น้ำโขงช่วงตุลาคมถึงเมษายนน้ำจะลด น้ำใส จับปลาได้น้อย แต่จะมีสาหร่ายแม่น้ำโขง หรือ “ไก” เจริญเติบโต...กลุ่มแม่หญิงจะเก็บไกมาเป็นอาหารและแปรรูปเป็นรายได้

ลุงเสาร์ ระวังศรี พรานปลาวัย 85 ปี บอกว่า ในชีวิตเกิดมาเพิ่งเคยเห็นแม่น้ำโขงขุ่นในฤดูแล้ง และน้ำลดกะทันหัน ปลาสับสนน้ำ จึงแตกตื่นหนีเข้าฝั่ง ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับน้ำโขง

สถานการณ์นี้สอดคล้องกับรายงานของสำนักข่าวซินหัว ที่ว่า รัฐบาลจีนจะสนับสนุนงบประมาณ 100 ล้านหยวน ปรับปรุงร่องน้ำเพื่อการเดินเรือพาณิชย์ในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ระยะที่ 2 ซึ่ง 4 ประเทศ...จีน พม่า ไทย ลาว ตกลงร่วมกันไว้ 3 ระยะ...ระยะที่ 1 สำหรับเรือ 100 ตัน DWT...ระยะที่ 2 เรือ 200 ตัน DWT...ระยะที่ 3 เรือ 500 ตัน DWT เดินทางจากท่าเรือซือเหมาในจีนมาถึงหลวงพระบาง

แต่ถึงปัจจุบันยังทำได้แค่ระยะที่ 1 เนื่องจากมีการคัดค้านถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศ ร่องน้ำลึก ซึ่งเป็นแนวกั้นเขตแดนประเทศ กระทบต่อความมั่นคงระหว่างประเทศ

เครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหวัด ริมน้ำโขง กังวลว่า จีน...อาจดำเนินโครงการปรับปรุงร่องน้ำโดยไม่แจ้งประเทศสมาชิกท้ายน้ำ ทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศ วิถีชีวิต คุณภาพชีวิตของประชาชน 4 ประเทศท้ายน้ำ

ปี 2535 องค์การสหประชาชาติประกาศยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ยั่งยืน มุ่งให้การพัฒนาของโลกมีความสัมพันธ์ที่สมดุล ยั่งยืนระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ สร้างความเป็นธรรมในสังคม ลดช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน แต่โครงการพัฒนาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในลุ่มน้ำโขง สวนทางกับหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างสิ้นเชิง

ปุจฉามีว่า “การพัฒนาแม่น้ำโขง”...เป็นเรื่องสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อปากท้องของประชาชน การแลกความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำสายใหญ่แห่งนี้กับไฟฟ้าปริมาณไม่มาก อาจไม่คุ้มค่า.

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 23 ม.ค.

ที่มา อภิมหาเขื่อนยักษ์ หายนะแม่น้ำโขง - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

นิมิตเห็นผู้คนมากมายอยู่เต็มบนภูเขาสามลูก อ.เชียงคาน​

​

11 มิ.ย. 57 สะบายดียามเช้า

07:01 นิมิตเช้านี้ ในกรุงเทพฯ เห็นผู้คนมากมายมายืนรวมกลุ่มกัน เห็นบางคนตัวเปียก

07:03 มีเงินสองถุงใหญ่ใหญ่ ในใจคิดจะแบ่งให้กับคนอื่น

07:05 อีกภาพ มายืนอยู่ อ.เชียงคาน เห็นผู้คนมากมายอยู่เต็มบนภูเขาสามลูก มองสุดลูกหูลูกตา ไม่ทราบว่าพวกเขาจะมาดู หรือทำอะไรกันที่นี่?

07:08 มาคิดและตีความหมายคือ คนเปียก น่าจะหมายถึงเรื่องภัยจากน้ำ ผู้คนมากมาย ทั้งที่กรุงเทพฯ (เห็นรถไฟฟ้า) น่าจะหมายถึงการรวบรวมคน

07:08 คนบนภูเขา น่าจะสื่อถึงให้ขึ้นไปอยู่

07:09 แสดงว่า ภัยคงใกล้เข้ามาแล้ว

เห็นสายฟ้าผ่าด้วย ควรระวังเรื่องฟ้าผ่า

มหาประชาบดี ๙๗

ที่มา แจ้งข่าวเตือนทางอีเเมล์จากคุณ k_97

 

ไปเลย ล่องแพห้วยกระทิง เที่ยวเมืองเชียงคาน​

เผยแพร่เมื่อ 30 เม.ย. 2013​

ctvthailand พาท่านไปพักผ่อนหย่อนใจและคายร้อนที่ห้วยก­ระทิงด้วยการล่องแพแล้วไปเยี่ยมชมเมืองโบร­าณที่อำเภอเชียงคานจังหวัดเลย

 

เชียงคาน จังหวัดเลย​

เผยแพร่เมื่อ 4 ต.ค. 2012
รายการ Check in Now @ เชียงคาน จังหวัดเลย​

 

เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.1 ริกเตอร์ ที่บริเวณภาคใต้ของฟิลิปปินส์​

​

มะนิลา 3 ก.ค. – สำนักสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐ หรือ ยูเอสจีเอส รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.1 ที่บริเวณภาคใต้ของฟิลิปปินส์ในวันนี้ แต่ไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด

ยูเอสจีเอสรายงานว่า แผ่นดินไหวใต้ทะเลเกิดขึ้นเมื่อเวลา 14.43 น. หรือ เวลา 13.43 น. ตามเวลาในประเทศไทยโดยศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมืองซูริเกาซิตีบนเกาะมินดาเนาไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 62 กิโลเมตร สถาบันศึกษาภูเขาไฟและแผ่นดินไหวของฟิลิปปินส์กล่าวว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นลึกจากพื้นผิวโลก 26 กิโลเมตร และรู้สึกได้ที่ปลายสุดด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะมินดาเนาและที่เกาะเลย์เตซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน .-สำนักข่าวไทย

เกาหลีใต้พบแพทย์จากศูนย์การแพทย์ซัมซุงติดเชื้อไวรัสเมอร์ส​

​

โซล 4 ก.ค. – รัฐบาลเกาหลีใต้แถลงวันนี้ว่า พบแพทย์อีกรายของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ที่เป็นศูนย์กลางการระบาดของไวรัสทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือเมอร์ส ติดเชื้อไวรัสดังกล่าว นับเป็นรายที่ 185 ในเกาหลีใต้

ผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นแพทย์หญิง วัย 25 ปี แห่งศูนย์การแพทย์ซัมซุง และนับเป็นแพทย์รายที่ 13 ของศูนย์การแพทย์ซัมซุงที่ติดเชื้อไวรัสเมอร์ส ซึ่งพบเป็นรายแรกในเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา และนับเป็นการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดนอกซาอุดีอาระเบีย รายงานระบุว่า ศูนย์การแพทย์ซัมซุงพบพยาบาล 2 คน ติดเชื้อไวรัสเมอร์สเมื่อวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ติดต่อกัน 4 วัน อย่างไรก็ตาม ยอดผู้เสียชีวิตยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 33 คน ในจำนวนผู้ที่พบติดเชื้อไวรัสเมอร์ส 185 คน มี 41 คน ยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาล ขณะที่ 11 คนอาการหนัก.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐเฝ้าระวังภัยก่อการร้ายช่วงวันหยุดวันชาติ​

​

นิวยอร์ก 4 ก.ค.- สหรัฐเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยทั่วประเทศและขอให้ประชาชนระแวดระวังภัยก่อการร้ายในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เนื่องในวันชาติ 4 กรกฎาคมนี้

สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (เอฟบีไอ) กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิ และศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติเตือนตรงกันว่า มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเกิดการก่อการร้ายในช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันชาติ นายแอนดรูว์ กัวโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า ได้เพิ่มการตรวจตรางานฉลองต่าง ๆ ที่จะมีขึ้นในวันนี้เพราะตระหนักดีว่าเป็นเป้าหมายหลักของการก่อการร้าย ขอให้ชาวนิวยอร์กช่วยกันระแวดระวังสิ่งรอบตัวและแจ้งเจ้าหน้าที่หากพบสิ่งผิดปกติ ขณะที่เมืองใหญ่อื่น ๆ ก็เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเช่นกันแม้ไม่มีข่าวว่าจะเกิดภัยเป็นพิเศษก็ตาม ตำรวจเมืองบอสตันระบุว่า การก่อเหตุของคนร้ายบุกเดี่ยวเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด.-สำนักข่าวไทย

ที่มา เว็บไซต์สำนักข่าวไทย

 

บมจ.เอสพีซีจี (ผู้ผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์)​

เผยแพร่เมื่อ 25 มิ.ย. 2013​

Corporate Insight : วันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ผู้นำในการผลิตไฟ้าเชิงพาณิชย์จากแสงอาทิต­ย์ (ออกอากาศ 22 มฺ.ย. 56)

 

โซลาร์รูฟท็อป : ทุกคนเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าได้​

เผยแพร่เมื่อ 7 ก.ย. 2013
Morning news : โซลาร์รูฟท็อป : ทุกคนเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าได้ ออกอากาศ 8 ก.ย.56​

 

โซล่าเซลล์ ไฟฟ้าบนหลังคาบ้าน​

เผยแพร่เมื่อ 8 มี.ค. 2015​

ทันทีที่ภาครัฐมีนโยบายเปิดเสรีโซล่ารูฟท๊­อปทั่วประเทศ ได้กลายเป็นแรงจูงใจให้กับผู้ใช้ไฟรายย่อย หันมาผลิตไฟฟ้าส่วนเกินเพื่อขายคืนเข้าสาย­ส่งของการไฟฟ้า ในอัตราซื้อขายที่มากกว่าไฟปกติกว่าเท่าตั­ว

รายการรักโลกสัปดาห์นี้ พาไปดูความสำเร็จของโซล่าฟาร์ม และความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีโซล่าเซลล์บน­หลังคาบ้าน ออกอากาศวันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคมนี้ 18.30-19.00 น. ทางเนชั่นทีวี

 

พลังงานสะอาดโซล่าเซลล์ทุ่งนาแรงรัก​

เผยแพร่เมื่อ 28 ก.ย. 2014​

รายการคนเพื่อแผ่นดิน ตอน"พลังงานสะอาดโซล่าเซลล์ทุ่งนาแรง­รัก"ทุ่งนาแรงรักแรงฝันเป็นที่สำหรับ­ทำกสิกรรมไร้สารพิษของชาวชุมชนปฐมอโศก และเป็นที่ฝึกเป็นกสิกรสำหรับเด็กนักเรียน­สัมมาสิกขา เป็นที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึงจึงพึ่งตัวเองด้วยก­ารผลิตไฟฟ้าใช้เองด้วยด้วยระบบโซล่าเซลล์ สามารถใช้งานในระบบปั๊มน้ำการเกษตรและน้ำใ­ช้ เรียนคอมฯสำหรับเด็ก โรงสี เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ฯลฯ ทุ่งนาแรงรักตั้งอยู่ที่ ต.เขาน้อย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี

 

อ.เกษม วงศ์กำปั่น กับโซล่าเซลล์แบบพอเพียง​

เผยแพร่เมื่อ 14 ม.ค. 2015​

 

คืนชีพ แบตเตอรี่รถยนต์ นำกลับมาใช้ใหม่ อีกครั้ง​

เผยแพร่เมื่อ 4 ก.พ. 2015
หลังจากตากแดด จนแห้ง มา 5 วัน จึงนำกลับมาเติมน้ำกรด เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง​

 

วิธีปรับกรดแบตเตอรี่​

เผยแพร่เมื่อ 19 มี.ค. 2014
ช่วยให้ยืดอายุแบต จนกว่าแผ่นตะกั่วจะพัง สักประมาณ 9 ปีค่อยเปลี่ยน​