ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล

ตายเพิ่มอีก 2 ราย ไวรัสเมอร์สระบาดในเกาหลีใต้ ฮ่องกงยกระดับ ‘ระวังสูงสุด’​

​

ตายเพิ่มอีก 2 ราย ไวรัสเมอร์สระบาดในเกาหลีใต้ ส่งผลยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 9 ราย และพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 13 ราย ทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อเกิน 100 รายแล้ว ด้านทางการฮ่องกง ไม่นิ่งนอนใจ ยกระดับคำเตือน ‘ระวังสูงสุด’ แนะนำประชาชนเลี่ยงเดินทางไปเที่ยวโสมขาว หากไม่จำเป็น

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขและสังคมสงเคราะห์เกาหลีใต้ ยืนยัน มีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสเมอร์ส (MERS) เพิ่มอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจนถึงวันที่ 10 มิ.ย. ขยับเป็น 9 รายแล้ว ขณะที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ อีก 13 ราย จึงส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อรวมเป็น 108 ราย และมีผู้ถูกกักกันตัวเพื่อรอดูอาการจนถึงเช้าวันที่ 9 มิ.ย.อยู่ที่ 2,892 ราย

ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขและสังคมสงเคราะห์เกาหลีใต้ระบุว่า คนไข้ที่ติดเชื้อไวรัสเมอร์สรายใหม่ 10 ใน 13 คน คือผู้ที่ไปโรงพยาบาลซัมซุง เมดิคอล เซ็นเตอร์ ในกรุงโซล เมืองหลวง ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลรัฐที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ และกลายเป็นจุดที่ผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์สรายแรกเข้ารับการรักษา ทว่าเบื้องต้น แพทย์ไม่ทราบว่าเขาติดเชื้อไวรัสเมอร์ส จึงทำให้ไวรัสได้แพร่กระจายออกไปสู่คนไข้คนอื่นๆ ตลอดจน คนที่มาโรงพยาบาล รวมทั้งแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ จนเป็นเหตุให้เกิดการระบาดของไวรัสเมอร์สในเวลานี้

ขณะเดียวกัน รัฐบาลเกาหลีใต้ได้มีการเปิดเผยรายชื่อโรงพยาบาลในเกาหลีใต้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสเมอร์ส ถึงวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 29 แห่ง พร้อมกันนั้นยังระบุว่า โคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2012 ซึ่งพบครั้งแรกในซาอุดีอาระเบีย เมื่อปี ค.ศ.2012 (พ.ศ.2555) ทำให้ผู้ติดเชื้อล้มป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจอย่างรุนแรง ส่งผลให้มีอัตราผู้เสียชีวิตสูงถึง 40% เลยทีเดียว ขณะที่ทางการเกาหลีใต้ได้ดำเนินมาตรการฉีดยาฆ่าเชื้อในพื้นที่สาธารณะเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด อย่างเช่นในรถไฟใต้ดิน ส่วนชาวเกาหลีใต้ก็ได้สวมหน้ากากอนามัยป้องกันการติดเชื้อกันเพิ่มขึ้นมาก

ข่าวแจ้งว่า จากการระบาดของไวรัสเมอร์สในเกาหลีใต้ ส่งผลให้ทางการฮ่องกง ออกคำประกาศเตือนขั้น ‘ระวังสูงสุด’ แนะนำให้ชาวฮ่องกงควรหลีกเลี่ยงที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในเกาหลีใต้ในช่วงนี้ หากไม่มีความจำเป็น ขณะที่รัฐบาลมาเลเซียได้ออกคำแนะนำประชาชนเลี่ยงการไปเที่ยวเกาหลีใต้ในช่วงนี้ชั่วคราวแล้วเช่นกัน

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 มิ.ย. 2558

ธนาคาร HSBC หันเน้นออนไลน์ ลดพนักงานมโหฬาร 5 หมื่นคน​

​

ธนาคาร HSBC ประกาศลดพนักงานธนาคารถึง 50,000 คน หวัง ‘ลดคอสต์’ ตัดค่าใช้จ่ายนับ 1.6 แสนล้านในอีก 2 ปีข้างหน้า พร้อมทั้งจะหันมาเน้นการทำธุรกรรมการเงินผ่านทางออนไลน์ ซีอีโอธนาคารชี้ โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว ทำให้ธนาคารจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเช่นกัน

เมื่อ 9 มิ.ย.58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ธนาคาร HSBC (Hongkong and Shianghai Banking Corporation) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในฮ่องกง ดำเนินมาตรการ ‘รัดเข็มขัด‘ ตัดค่าใช้จ่ายของธนาคาร ด้วยการประกาศจะลดพนักงานนับ 50,000 คน ซึ่งถือเป็นแผนการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ เพื่อต้องการประหยัดเงินรายจ่ายประจำปีของธนาคาร 5,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 160,000 ล้านบาท ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีค.ศ. 2017 หรือ พ.ศ.2560

การลดพนักงานของธนาคาร HSBC 50,000 คน ซึ่งครึ่งหนึ่งมาจากการขายกิจการในบราซิล และตุรกีที่มีพนักงานอยู่ 25,000 คนนั้น คิดเป็น 10% ของจำนวนพนักงานธนาคาร HSBC สาขาต่างๆ ทั่วโลก 260,000 คน ซึ่งถือเป็นการลดพนักงานครั้งใหญ่ของทางธนาคาร หลังจากได้ลดพนักงานไปเกือบ 40,000 คน ระหว่างปี 2554-2557

นายสจวร์ต กูลลิเวอร์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอของธนาคาร HSBC แถลงเหตุผลในการลดพนักงานของธนาคารนับ 50,000 คนว่า เนื่องจากทางธนาคารตระหนักถึงโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงไป และธนาคาร HSBC จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเช่นกัน พร้อมทั้งประกาศด้วยว่า ธนาคารจะมุ่งเน้นไปที่การทำธุรกรรมการเงินผ่านทางออนไลน์ และการทำธุรกรรมกับธนาคารด้วยตนเอง ขณะที่ สถานที่ตั้งของธนาคารในบางแห่งจะถูกย้ายไปอยู่ในย่านทำเลที่ราคาถูกลง รวมทั้งจะมีการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ของธนาคารในจีนและอินเดีย

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 9 มิ.ย. 2558

รักหมดใจ! หมาฮีโร่ โดดขวางเจ้าของ โดนรถชนขณะเดินข้ามถนนในสหรัฐฯ​

​

เจ้าฟิโก สุนัขสุดซื่อสัตย์ รักเจ้าของตาบอด ชนิดพร้อมยอมตายแทน โดดเข้าขวางรถมินิบัสที่พุ่งชน ขณะทั้งคู่กำลังเดินข้ามถนนในสหรัฐฯ เดชะบุญ ไม่ถึงตาย เพียงแต่ขาหักข้างหนึ่ง ...

เมื่อ 10 มิ.ย. เว็บไซต์ ฮัฟฟิงตัน โพสต์ ออนไลน์ รายงาน วีรกรรมของสุดกล้าหาญ เยี่ยง ฮีโร่ ของเจ้าฟิโก สุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ในเมืองบรูว์สเตอร์ รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ ที่รักนางออเดรย์ สโตน หญิงตาบอด วัย 62 ผู้เป็นเจ้าของมันอย่างหมดหัวใจ ขนาดยอมตายแทนได้ ด้วยการที่เจ้าฟิโก กระโดดขวางหน้ารถมินิบัสรับส่งนักเรียนอนุบาล ที่พุ่งชนนางสโตนและเจ้าฟิโกขณะทั้งคู่กำลังข้ามถนนอยู่ในเมือง เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 8 มิ.ย. เป็นเหตุให้ทั้งสุนัขและเจ้าของได้รับบาดเจ็บ โดยนางสโตนคิ้วแตก กระดูกซี่โครงหัก 3 ซี่ ข้อศอกและศีรษะมีบาดแผล ส่วนเจ้าฟิโก ถึงขั้นขาข้างหนึ่งหัก

นายพอล สวอร์ต ผู้จัดการสถานีบริการน้ำมันที่ตั้งอยู่บริเวณสี่แยก และเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ เล่ากับนักข่าวเจอร์นัล นิวส์ว่า ตนไม่รู้ว่าคนขับรถนักเรียนอนุบาลคิดว่า นางสโตนจะเดินเร็วกว่านี้หรือเปล่า แต่ภาพเหตุการณ์ที่เห็นดูเหมือนสุนัขพยายามจะเอาตัวของมันบังเจ้าของมันให้ได้มากที่สุด

ขณะที่ นายตำรวจสถานีตำรวจบรูว์สเตอร์บอกกับสำนักข่าวซีบีเอส ในนิวยอร์ก ว่า เจ้าฟิโกบังนางสโตน อย่างชนิดไม่ยอมจะออกไปจากด้านข้างของนางซึ่งเป็นด้านที่รถพุ่งเข้าชนเลย โดยหลังเกิดอุบัติเหตุ นางสโตนมีความเป็นห่วงเจ้าฟิโกเป็นอย่างมาก และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจบรูว์สเตอร์ ซึ่งไปยังที่เกิดเหตุยืนยันกับนางสโตน เพื่อให้โล่งใจว่า เจ้าฟิโก สุนัขฮีโร่ของนางพ้นขีดอันตรายแล้ว

ข่าวแจ้งว่า คาดว่า ทั้งสุนัขและเจ้าของ จะหายจากอาการบาดเจ็บ ส่วนคนขับรถนักเรียน ได้ถูกเรียกตัวไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สถานีตำรวจ โทษฐานขับรถชนคนและสุนัขที่เดินข้ามถนน.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 มิ.ย. 2558

ไอซิสอ้าง ยึดเมืองเซิร์ตสำเร็จ เริ่มขยายพื้นที่ในลิเบีย​

​

กลุ่มติดอาวุธ รัฐอิสลาม หรือ ไอซิส อ้างว่าพวกเขาสามารถยึดเมืองเซิร์ต ซึ่งอยู่ใกล้กับกรุงตริโปลี เมืองหลวงของประเทศลิเบีย รวมถึงโรงไฟฟ้าภายในเมืองได้โดยสมบูรณ์แล้ว...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ 9 มิ.ย. องค์กรข่าวกรอง 'ไซต์ อินเทลลิเจนซ์ กรุ๊ป' (SITE Intelligence Group) ของสหรัฐฯ ออกมาระบุว่า กลุ่มไอซิสได้เผยแพร่ภาพนักรบของพวกเขากำลังต่อสู้ภายในเมืองเซิร์ต, เดินสำรวจโรงไฟฟ้า และภาพศพของนักรบ ฟาจร์ ลิเบีย กลุ่มติดอาวุธฝ่ายต่อต้านกลุ่มไอซิส

ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้เกิดขึ้นเพียง 2 สัปดาห์หลังจากกลุ่มไอซิส เข้ายึดครองสนามบินในเมืองเซิร์ต ซึ่งเป็นบ้านเกิดและสถานที่เสียชีวิตของพันเอก โมอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำเผด็จการผู้ถูกโค่นอำนาจของลิเบีย โดยกลุ่มไอซิสระบุว่า ทหารของรัฐคาลิเฟต (รัฐอิสลาม) สามารถยึดที่มั่นสุดท้ายของ ฟาจร์ ลิเบีย ในเมืองเซิร์ตได้แล้ว และเมืองเซิร์ตกลายเป็นเมืองชายฝั่งที่เชื่อมไปยังภาคตะวันออกและตะวันตกของลิเบีย

ทั้งนี้ ไซต์ฯ เผยโดยอ้างรายงานชิ้นหนึ่งว่า การยึดเมืองเซิร์ตเกิดขึ้นหลังจากการปะทะกันซึ่งเริ่มต้นขึ้นในช่วงเช้ามือวันอังคาร โดยนักรบ ฟาจร์ ลิเบีย ถูกตัดเส้นทางสูงเมืองเซิร์ต, โรงไฟฟ้า รวมทั้ง ค่ายทหารอีก 2 แห่งภายในเมืองด้วย

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 มิ.ย. 2558

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

สดร.เผยภาพรุ้งหลายชั้นเหนือฟ้าเชียงใหม่​

​

สดร.เผยภาพถ่ายรุ้งหลายชั้น (Supernumerary Rainbow) เหนือฟ้าเชียงใหม่ หลังฝนตกหนัก ชี้มาจากการแทรกสอดของแสง เมื่อแสงอาทิตย์ไปตกกระทบกับละอองน้ำในชั้นบรรยากาศ เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างหนึ่ง...

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมติพล ตั้งมติธรรม เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร.จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากที่ได้ถ่ายภาพรุ้งหลายชั้น (Supernumerary Rainbow) เหนือฟ้าเชียงใหม่ หลังฝนตกหนัก เวลาประมาณ 18.10-18.20 น. เมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.) การเกิดรุ้งหลายชั้น (Supernumerary Rainbow) เหนือฟ้าเชียงใหม่ หลังฝนตกหนัก ถือว่า เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติในชั้นบรรยากาศของโลก และเป็นเพียงปรากฏการณ์ของแสง ไม่ได้มีอยู่จริง นั่นคือเราจะไม่สามารถเดินทางไปเหยียบรุ้งได้

เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ สดร.กล่าวอีกว่า การจะเกิดรุ้งจะต้องมี 2 ปัจจัยสำคัญโดย ปัจจัยแรก คือ จะต้องมีละอองน้ำอยู่ในอากาศ และปัจจัยที่สองคือจะต้องมีแสงอาทิตย์ (โดยทั่วไปจะสังเกตได้ดีช่วงที่ดวงอาทิตย์อยู่ต่ำ) จึงจะสามารถสังเกตเห็นรุ้งได้ ละอองน้ำในอากาศจะประพฤติตัวคล้ายกับปริซึมที่หักเหและสะท้อนแสงอาทิตย์ เป็นมุม 42 องศา เราจึงพบรุ้งเป็นส่วนของวงกลมจากศูนย์กลางของจุดตรงข้ามดวงอาทิตย์ เนื่องจากศูนย์กลางของรุ้งจะอยู่ตรงข้ามดวงอาทิตย์เสมอ (ดังนั้นหากดวงอาทิตย์อยู่สูงเกินไป เราจะไม่สามารถเห็นรุ้งได้)

นายมติพล กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ในบางครั้ง เราจะสามารถเห็นรุ้งได้อีกชั้นหนึ่ง ที่จางกว่า และใหญ่กว่า เราจะพบว่ารุ้งที่สองนี้จะหันสีกลับด้านจากรุ้งชั้นในเสมอ เราเรียกรุ้งชั้น ในชั้นนอกว่า รุ้งปฐมภูมิ (Primary Rainbow) กับรุ้งทุติยภูมิ (Secondary Rainbow) ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าในรุ้งปฐมภูมิที่มีสีเข้มกว่าจะมีหลายๆ สีสลับกันอีก เรียกว่า Supernumerary Rainbow เกิดขึ้นเนื่องจากการแทรกสอดของแสง.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 มิ.ย. 2558

วิกฤติฝนแล้ง นครสวรรค์ มันสำปะหลังขาดน้ำยืนต้นตาย​

​

ภัยแล้งกระทบมันสำปะหลัง ในพื้นที่นครสวรรค์ยืนต้นตาย ขณะที่กิ่งพันธุ์ที่จะนำมาซ่อมแซมแพงเป็นเงาตามตัว เกษตรกรเผยหากฝนยังไม่ตก ต้องยุติการปลูกเนื่องจากกลัวขาดทุนเพิ่ม

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 มิ.ย. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรหลายรายในพื้นที่ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ ต้องนำกิ่งมันสำปะหลังเข้าไปปลูกซ่อมแซมทดแทนต้นมันที่ยืนต้นแห้งตายภายในไร่หลังปัญหาภัยแล้งยังคงคุกคามรุนแรงในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

จากการเปิดเผยของเกษตรกรในพื้นที่บอกว่า สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่รุนแรงจากฝนที่ทิ้งช่วงอย่างยาวนานส่งผลทำให้ต้นมันที่ปลูกใหม่ก่อนหน้านี้ เริ่มทยอยยืนต้นแห้งตาย เกษตรกรส่วนใหญ่ต้องดิ้นรนหากิ่งพันธุ์มันสำปะหลังเข้าซ่อมแซมเพื่อเป็นการทดแทนกันเป็นจำนวนมาก

ในขณะที่กิ่งพันธุ์ก็หาซื้อยากและมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ได้รับความเดือดร้อนเพิ่มมากขึ้น เบื้องต้นมีเกษตรกรหลายรายต้องหยุดปลูกมันสำปะหลังชั่วคราว เพื่อรอให้ฝนตกลงมาในพื้นที่ก่อนเนื่องจากกลัวว่าจะขาดทุนเพิ่มมากขึ้น.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 มิ.ย. 2558

รวบหนุ่มทวงหนี้โหด ทำร้ายลูกหนี้สาวแขนหัก​

​

ตำรวจเมืองพัทยา ตามรวบหนุ่มทวงหนี้โหด ทำร้ายร่างกายลูกหนี้สาวจนแขนหัก หน้าช้ำ อ้างลูกหนี้สาวพูดจาไม่เข้าหู ตร.หิ้วส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี...

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 10 มิ.ย. 58 พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี แถลงผลการจับกุม นายมนัส ฉุนอิ่ม อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 166/2 หมู่ 7 ต.แม่เลย์ อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ ผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยมี น.ส.ดวงเดือน หมุดธรรม อายุ 34 ปี ผู้เสียหาย ชี้ตัวยืนยัน

สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงเวลา 04.00 น. ของวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายที่ทางเข้าโรงแรมเบเวอรี่พลาซ่า ถนนพระตำหนัก พัทยาใต้ จึงเดินทางไปตรวจสอบพบ น.ส.ดวงเดือน หมุดธรรม ผู้เสียหาย รออยู่ในสภาพถูกทำร้ายจนแขนซ้ายหัก ใบหน้าและร่างกายมีรอยบอบช้ำหลายแห่ง จึงให้หน่วยกู้ภัยนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาล

จากการสอบสวน น.ส.ดวงเดือน ให้การว่า เมื่อ 3 เดือนก่อน ได้ไปกู้เงินนอกระบบจากนายมนัส ฉุนอิ่ม มาจำนวน 20,000 บาท ที่ผ่านมาจ่ายทั้งต้นและดอกไปแล้วจนเหลือยอดแค่ 5,000 บาท ก่อนเกิดเหตุ ตนโทรศัพท์ไปหานายมนัส เพื่อจะนัดให้มารับเงินส่วนที่เหลือแต่ไม่รับสาย กระทั่งนายมนัส มาดักรอตนที่บริเวณทางเข้าโรงแรมเบเวอรี่พลาซ่า ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้คนพลุกพล่าน ก่อนลงมือทำร้ายร่างกายต่อหน้านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมาก อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย จนตนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมหลักฐานขออำนาจศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับนายมนัส และสามารถจับกุมไว้ได้ที่บ้านพัก โดยให้การรับสารภาพว่า เป็นคนลงมือทำร้าย น.ส.ดวงเดือน จริง สาเหตุเพราะไม่ยอมใช้เงินที่ยืมไปนานหลายเดือนซ้ำยังพูดจาไม่ดี เลยเกิดบันดาลโทสะลงมือทุบตีจนบาดเจ็บดังกล่าว ภายหลังการสอบสวนเบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายทั้งร่างกายและจิตใจ ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 มิ.ย. 2558

บุกเดี่ยวปล้นร้านทองปัตตานี ขวานทุบตู้ กวาดทองหนีกว่า 20 บาท​

​

คนร้ายบุกเดี่ยว ปล้นร้านทองจังหวัดปัตตานี ใช้ขวานทุบตู้กระจก ขโมยทองคำรูปพรรณไปได้น้ำหนักกว่า 20 บาท ก่อนหลบหนี เจ้าหน้าที่แกะรอยวงจรปิดล่าตัว ...

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุคนร้ายใช้ขวานทุบตู้กระจก ร้านทองชัยสิน ต.อาเนาะรู เขตเทศบาลเมืองปัตตานี ก่อนที่จะกวาดทองรูปพรรณ ไปกว่า 20 บาท

นางธราริญ ชัยชนะโชติ เจ้าของร้าน ให้การว่า คนร้าย เป็นชายอายุประมาณ 35-40 ปี สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายสกอต กางเกงยีนส์ เดินเข้ามาในร้าน ทำทีจะซื้อทอง ขณะพนักงานกำลังสอบถาม คนร้ายได้ชักขวานออกมาจากเอว แล้วทุบตู้กระจกจนแตก ก่อนจะกวาดทองรูปพรรณไปกว่า 20 บาท ทั้งนี้ กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้อย่างชัดเจน

หลังเกิดเหตุ ตำรวจได้วิทยุสกัดจับทุกเส้นทาง โดยเฉพาะเส้นออกนอกเมือง พร้อมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทุกตัวภายในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี เพื่อติดตามจับกุมแล้ว แต่ยังไม่พบวี่แวว

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 มิ.ย. 2558

ด.ญ.กตัญญู ดูแลพ่อป่วย-ย่าอัมพาต ขอข้าววัดประทังชีวิต​

​

พบอีกเด็กกตัญญู เป็นเด็กหญิงวัย 11 ปี ที่สุโขทัย ช่วงโรงเรียนพักเที่ยง ต้องขี่จักรยานไปขอข้าววัด กลับไปป้อนพ่อที่ป่วย และย่าที่เป็นอัมพาตที่บ้านพัก บอกต้องประหยัดเงิน เพื่อเก็บไว้เป็นค่ารักษาพยาบาล อนาคตอยากเป็นหมอ จะได้มารักษาพ่อ ย่า และชาวบ้านคนอื่นๆ...

วันที่ 10 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า ที่โรงเรียนวัดบ้านคลอง ม.2 ต.น้ำขุม อ.ศรีนคร มีนักเรียนชั้น ป.5 วัย 11 ปี ต้องปั่นจักรยานสองล้อจากโรงเรียน กลับไปที่บ้านระยะทางเกือบ 2 กม.ในช่วงพักเที่ยงของทุกวัน เพื่อไปดูแลและป้อนข้าวป้อนน้ำให้แก่พ่อซึ่งป่วยหนัก และย่าซึ่งเป็นอัมพาต

เมื่อเดินทางไปตรวจสอบ พบ ด.ญ.ปิยะภัทร หรือ น้องดักแด้ จันทร์สุข อายุ 11 ปี กำลังนั่งเรียนหนังสืออยู่กับเพื่อนๆ ภายในห้องเรียนชั้นประถมปีที่ 5 และทันทีที่ได้ยินเสียงกริ่งพักกลางวัน น้องดักแด้ จะลงมาจากอาคารเรียน รีบปั่นจักรยานสองล้อไปที่วัดบ้านคลองสามัคคีธรรม ซึ่งอยู่ติดกับโรงเรียน เพื่อนำกับข้าวซึ่งเหลือจากพระฉัน กลับไปให้ผู้เป็นพ่อและย่า กินเป็นอาหารมื้อกลางวัน

โดยที่บ้านเลขที่ 52/2 ม.5 ต.น้ำขุม อ.ศรีนคร ซึ่งปลูกเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบ นายดอน จันทร์สุข อายุ 53 ปี พ่อของน้องดักแด้ ซึ่งล้มป่วยด้วยโรคไต และตับไม่ทำงาน จนท้องบวมโตอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งสายตาก็เริ่มพร่ามัวจนแทบมองไม่เห็น นอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนที่นอนเก่า สภาพร่างกายผอมจนหนังติดกระดูก นอกจากนี้ยังพบ นางทองดี พานทอง อายุ 72 ปี ย่าของน้องดักแด้ ซึ่งป่วยเป็นอัมพาต เดินไม่ได้ นอนอยู่ใต้ถุนบ้านญาติ ซึ่งปลูกอยู่ติดกัน

ทันทีที่ปั่นจักรยานกลับมาถึงบ้าน น้องดักแด้ ก็ตรงเข้าไปจัดกับข้าวที่ได้มา พร้อมนำข้าวสวยที่หุงไว้แต่เช้า มาป้อนให้กับนายดอน ผู้เป็นพ่อทันที เมื่ออิ่มแล้ว ก็จะเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ จากนั้นก็จะไปป้อนข้าว ป้อนน้ำ หรือนมกล่องให้กับผู้เป็นย่าด้วย ซึ่งจะทำเช่นนี้ทุกวัน ช่วงที่ต้องไปโรงเรียน

ด.ญ.ปิยะภัทร เล่าด้วยเสียงสั่นเครือว่า ครอบครัวตนมีด้วยกัน 4 คน คือ ตน นายดอนผู้เป็นพ่อ แม่ และพี่สาว ซึ่งแม่และพี่สาวไปทำงานก่อสร้างอยู่ที่ กทม. โดยจะส่งเงินมาให้เดือนละ 1,000-2,000 บาท และก็มีรายได้จากเบี้ยผู้พิการ และเบี้ยผู้สูงอายุของย่า เพียงเดือนละ 1,500 บาทเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ค่าหมอ จึงต้องหาทางประหยัด ด้วยการไปขอกับข้าวที่เหลือจากพระฉันที่วัด นำกลับมาเป็นอาหารมื้อกลางวันให้กับพ่อและย่า ส่วนความหวังนั้น คือ อยากเรียนหมอ เพื่อที่จะได้นำความรู้กลับมารักษาชาวบ้าน รวมทั้งอาการของพ่อและย่า ให้หายป่วยด้วย

ด้าน นายดำรง คุ้มพาล ผอ.โรงเรียนวัดบ้านคลอง กล่าวว่า น้องดักแด้ เป็นเด็กขยัน มีผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี และทางโรงเรียนได้ให้ความช่วยเหลือมาตลอด ขณะนี้ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้ง พมจ.สุโขทัย เพื่อขอรับการช่วยเหลือแล้ว เนื่องจากเด็กมีความประพฤติดี เรียบร้อย และที่สำคัญคือมีความกตัญญูต่อบุพการี หากท่านใดมีจิตเมตตา ต้องการช่วยเหลือครอบครัวของน้องดักแด้ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถบริจาคได้ที่ บัญชีเงินฝากเผื่อเรียก ชื่อ ด.ญ.ปิยะภัทร จันทร์สุข ธนาคารออมสิน สาขาศรีนคร เลขที่บัญชี 020120976293.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 มิ.ย. 2558

ทั่วไทยฝนลด ก่อนจะตกเพิ่มขึ้นช่วง 11-15 มิ.ย. ภาคกลางตอนล่างร้อน​

​

ไทยฝนลดลง แต่ยังตกกระจายในภาคเหนือ-อีสาน ก่อนช่วง 11-15 มิ.ย. จะมีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนภาคใต้ ฝนก่อตัวช่วงสายในพังงา ภูเก็ต กระบี่ ก่อนไปตกที่สุราษฎร์ธานี ในช่วงเย็น ขณะที่ภาคกลางตอนล่าง ยังร้อนระอุมากสุด กทม.-ปริมณฑล มีฝนคะนองเป็นแห่งๆ ร้อนตอนกลางวัน...

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ทีมข่าวไทยรัฐ ร่วมกับ The Weather Company ของสหรัฐอเมริกา รายงานสภาพอากาศเช้านี้ พบว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ในขณะที่ลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนลดลง อย่างไรก็ตาม ในช่วงวันที่ 11-15 มิ.ย. 2558 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทย มีจะฝนเพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบทิศทางของกระแสลมพบว่า จะเริ่มแรงตั้งแต่ช่วง 18.00 น.ไปจนถึง 24.00 น.ในบริเวณภาคกลางตอนล่างและภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าว มีโอกาสเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ส่วนกลุ่มเมฆที่ปกคลุมประเทศไทยเช้านี้ ส่วนใหญอยู่ในภาคเหนือ และภาคอีสาน ส่วนภาพรวมฝนส่วนใหญ่ ยังคงกระจายตัวอยู่ในภาคเหนือ และอีสาน

สำหรับการคาดการณ์ฝนวันนี้ โดยช่วงสายเริ่มมีกลุ่มฝนตกกระจายตัวบริเวณภาคเหนือและภาคอีสานตอนบน ในจังหวัดหนองคาย อุดรธานี ขอนแก่น สกลนคร มุกดาหาร และอีก 1 จุดในจังหวัดอุบลราชธานี ช่วงเที่ยงกลุ่มฝนยังคงตกในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสานตั้งแต่ตอนบน ไล่ยาวลงมาตามแนวรอยต่อของภาคอีสานและภาคกลาง โดยจะตกหนักในจังหวัดขอนแก่น

ส่วนช่วงบ่ายฝนยังคงตกต่อในบริเวณเดิม คือ ภาคเหนือ และภาคอีสาน แต่ปริมาณฝนจะลดลงและกินพื้นที่แคบลง และตกเพิ่มในจังหวัดกาญจนบุรี อุทัยธานี ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ก่อนช่วงเย็นฝนจะไปเทในบริเวณฝั่งตะวันตกไล่เข้ามาทางภาคกลาง ตั้งแต่จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี ลพบุรี ชัยนาท อ่างทอง อยุธยา นครปฐม และในภาคอีสาน กลุ่มฝนจะอยู่บริเวณจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ และมุกดาหาร ส่วนในช่วงดึกจะตกหนักบริเวณจังหวัดลพบุรี สระบุรี ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์

ส่วนสถานการณ์ฝนในภาคใต้ เริ่มก่อตัวช่วงสายในบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต และกระบี่ ก่อนจะซาลงในช่วงเที่ยง ส่วนช่วงบ่ายกลุ่มฝนจะกลับมาก่อตัวอีกครั้งตกในพื้นที่จังหวัดระนอง พังงา สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ ตรัง ยะลา และนราธิวาส ช่วงเย็นฝนจะก่อตัวเป็นแนวยาวตั้งแต่ตอนกลางในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ยาวไปจนถึงตอนใต้ของภาคที่จังหวัดยะลา และบริเวณตอนกลางของภาคจะตกหนักขึ้นในช่วงดึก

อย่างไรก็ตาม จากปริมาณฝนที่ลดลงจากเมื่อวานนี้ ตั้งแต่ตอนบนถึงตอนกลางของประเทศ ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะภาคอีสานตอนกลาง และพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งจุดที่รู้สึกร้อนที่สุดในวันนี้ยังคงเป็นบริเวณภาคกลางตอนล่าง สูงสุดคาดว่าจะไต่ไปแตะที่ 42 องศาเซลเซียล

สภาพอากาศแยกรายภูมิภาค

ภาคเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ขอนแก่น ชัยภูมิ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ สุพรรณบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 41 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 40 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ฝั่งอันดามัน มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ และอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39 องศาเซลเซียส

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 มิ.ย. 2558

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เขตนี้ต่อไปจะสามารถรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้ถึง ๕,๐๐๐ ปี​

​

ความสำคัญของพระธาตุจอมกิตติ จากหนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน (พิเศษ) ตัดตอนมาจาก เทปสรุปผลการท่องเชียงแสน

ลูกรักทั้งหลายจากรายงานผลการไปนมัสการปูชนียสถานพระธาตุจอมกิตติ และพระธาตุดอยตุง ตลอดจนบ้านเกิดเมืองเดิมที่เราตั้งประเทศไทยของบรรดาลูกรักทั้งหลายซึ่งสถานที่แห่งนี้ เชียงแสน หรือโยนกนคร ในสมัยที่องค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จมาประทับบนดอยน้อย สมัยนั้นยังเป็นป่าอยู่ไม่ใช่เมือง ยังไม่มีถิ่นฐานบ้านช่องเป็นเมือง มีแต่บ้านเล็กๆ เวลานั้นองค์สมเด็จพระภควันต์ทรงเสยพระเกศาอธิษฐานให้หลุดมา ๓ เส้น (พระเกศาพระพุทธเจ้าปกติไม่มีการร่วงหล่น) แล้วทางอธิษฐานวางพระเกศาลง จมลงไปในหินบนยอดดอยน้อย แล้วทรงพยากรณ์ว่า เขตนี้ต่อไปจะสามารถรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้ถึง ๕,๐๐๐ ปี เราจึงถือว่าสถานที่แห่งนี้มีความสำคัญสำหรับประเทศไทยทีเดียว

สิ่งที่พ่อดีใจมากที่สุดนั่นก็คือ ลูกทุกคนของพ่อเป็นคนดี เมื่อได้รับคำสั่งเพียงวาระแรกให้ปฏิบัติก็พร้อมที่จะปฏิบัติทั้ง ๆ ที่การฝึกพระกรรมฐานในด้านนี้ ลูกทุกคนก็คงจะผ่านไปแล้วไม่เกิน ๑๐ วัน ท่านที่เป็นเด็กหรือเป็นผู้ใหญ่ก็ตาม ถ้าสิ่งใดเป็นความรู้ใหม่เราก็ถือว่าเป็นศิษย์การรู้ของลูกทุกคนรู้สึกว่า รู้ได้แจ่มใสมาก และก็มีความฉลาดพอ ความฉลาดของลูกในข้อนี้พ่อต้องสรรเสริญคือ การที่ลูกไม่ประมาทไม่ใช้จิตของตนเองเป็นเครื่องรู้ "แต่อาศัยบารมีขององค์สมเด็จพระบรมครูบ้าง อาศัยบารมีท่านแม่บ้าง ท่านปู่ ท่านย่า เป็นต้น ให้เข้ามาช่วยตน อย่างนี้เป็นการทำที่ถูกต้อง"

คนทุกคนถ้าได้ทิพจักขุญาณก็ดี ได้อภิญญาเล็กที่เรียกว่า "มโนมยิทธิ" ก็ดี ถ้าใช้แต่กำลังใจของตนเองภายในไม่ช้าความทะนงตนมันก็เกิด เมื่อความทะนงตนเกิดขึ้นกิเลสก็จะเข้าสิงใจ เมื่อกิเลสเข้าสิงแล้ว อุปาทานมันก็จะเข้าเกาะใจ พออุปาทานเกาะใจตรงนี้แหละทุกสิ่งทุกอย่างมันพลาดจากความเป็นจริงไปหมด

เป็นอันว่า ลูกรักทุคนปฏิบัติตนได้ดีมาก เป็นคนที่น่ารักอย่างยิ่ง เป็นเหตุให้พ่อเพิ่มความรักลูกขึ้นอีกมาก และผลที่ลูกทุกคนรายงานมานี้เป็นที่ถูกใจพ่อมาก เพราะว่าพ่อคิดไม่ถึงว่าลูกของพ่อได้รับคำสั่งเป็นวาระแรก จะมีความสามารถถึงขนาดนี้ ความสามารถอย่างนี้ต้องถือว่า เกือบจะถึงที่สุดในจุดของความสามารถยังขาดอีกนิดเดียวที่วงการสมาธิยังไม่สว่างเต็มที่ แต่ลูกอย่าคิดสลดใจ เพราะว่าวงการสมาธิจะสว่างเต็มที่ได้นั้นต้องเป็นพระอรหันต์ แต่สำหรับพระอรหันต์เองก็มีความสว่างไม่กว้างจะเห็นได้เฉพาะจุด ในเมื่อวงการสมาธิไม่กว้าง พระอรหันต์ท่านทำยังไงจะแนะวิธีให้

อันดับแรก ถ้าเราจะไปทางไหน สมมติว่า เราอยากจะรู้เหตุการณ์ข้างหน้าทั้งหมดที่เรียกว่า อนาคตังสญาณ ในเวลากลางคืนหัวค่ำหรือเช้ามืด เราก็ใช้ฌานควบวิปัสสนาญาณขึ้นนิพพาน กราบทูลถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือว่าจะถามท่านที่เคารพท่านใดท่านหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านปู่ ท่านย่า ท่านแม่ก็ได้ เวลาท่านตอบ ภาพจะปรากฏ อย่างนี้เรียกว่า รู้เหตุการณ์ในอนาคต "จงอย่ารู้เอง จงรู้ด้วยการถาม ไม่มีการผิดพลาด"

ประการที่สอง ถ้าเราไม่ทำอย่างนั้น เราจะไปที่ใดก็ตาม ก่อนออกเดินทางก็จงคิดตั้งจิตอธิษฐาน ขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ถ้ามีอะไรอยู่บ้างในระหว่างทางที่จะผ่านไป มีอะไร มีปริมาณเท่าใด มีจำนวนเท่าใด ขอให้ข้าพระพุทธเจ้าได้เห็นภาพนั้น ได้ด้วยอำนาจบารมีขององค์สมเด็จพระชินสีห์ เพียงเท่านี้เราก็จะรู้หมด แต่การเห็นภาพอย่าลืมถาม ถ้าไม่ถามภาพก็กราบทูลถามสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเราจะรู้อะไรได้ดีทุกอย่าง

ผลงานของลูกทุกคนพ่อขอชม แต่จงอย่าลืมนะ ถ้าชมว่าดีแล้วจงอย่าเหลิง ถ้าเหลิงเมื่อไรก็เลวเมื่อนั้นที่ลูกทุกคนรายงานมาว่า ตัวยังดีไม่พอ ยังต้องอาศัยการศึกษาฝึกฝนต่อไป อันนี้ถูกต้องลูก เพราะลูกยังไม่เป็นพระอรหันต์ และก็จงอย่าลืมว่า "พระอรหันต์ทุกท่าน ท่านก็ไม่เคยคิดว่าท่านดีแล้ว ท่านยิ่งมีความขยันหมั่นเพียรในการฝึกฝนในเรื่องขันธ์ ๕ และเรื่องของฌานสมาบัติเพื่อความอยู่เป็นสุขของกาย ความจริงกายมันไม่สุข แต่ว่าจิตมันสุขจนกว่าร่างกายนี้มันพังก็จะเข้าถึงคำว่า "นิพพานัง ปรมัง สุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง"

ในขณะที่เราเดินทางไปคราวนั้น บรรดาเทวดา และพรหม ตอนจนบรรดาปิยะสหายตั้งแต่ก่อนออกจากวัด ก็ล้อมรอบกันไปหมด ทั้งพื้นแผ่นดินและในอากาศ ดูเหมือนว่าเต็มจักรวาลจะดูแพรวพราวแน่นขนัดเต็มไปด้วยเทวดา และพรหม ตลอดทาง อันนี้เป็นของจริงเพราะว่าเราไม่ได้เกิดกันแต่เพียงชาติเดียว ท่านพวกนั้นเป็นนักรบ ท่านพวกนั้นเป็นไทยเดิม ท่านพวกนั้นเป็นผู้เสียสละเลือดเนื้อเพื่อการทรงอยู่ของบ้านเมือง ในเมื่อท่านเห็นเพื่อนเก่า สหายเก่าไปไหนท่านก็ดีใจให้การอุปการะตามความสามารถ แต่ลูกอย่าไปคิดนะว่า พระพุทธเจ้าก็ดี พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์หรือพระอริยะเจ้าทั้งหลายก็ดี พรหมก็ดี เทวดาก็ดี จะป้องกันทุกสิ่งทุกอย่างได้เสียทั้งหมด ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีใครในโลกนี้ป่วยไข้ไม่สบาย ไม่มีใครในโลกนี้ทุกข์กายทุกข์ใจ เทวดาช่วยได้หมด

และจงอย่าลืมว่า แม้แต่องค์สมเด็จพระบรมสุคต พระองค์ก็แก่เป็น ป่วยเป็น และก็นิพพาน คือตายเป็นในเมื่อท่านเอง ท่านก็เป็นอย่างนี้ได้ ท่านก็ช่วยเราได้เฉพาะจุด จุดที่จะพึงช่วยนั่นก็คือมันเป็นเหตุไม่เกินวิสัย

เป็นอันว่าการเดินทางไปคราวนี้ พ่อขอชื่นชมยินดีในความสามารถของลูกทุกคน และลูกทุกคนมีความสามัคคีกันดีมากเป็นพี่พอใจยิ่งของพ่อ นอกจากคนที่เขาตามเราไปประเภทตามไปดู เราไม่รู้หรอกว่า พวกเราน่ะเป็นพวกกุลี ค่ำไหนนอนนั่น ไม่หวั่นไม่หวาด รักษาเอกราชเสรี คนที่เขาตามเราไปด้วยนี้รู้สึกว่า จะสำรวยมากไปสักหน่อย แต่อย่าไปว่าเขาเลยลูก เพราะว่าใจเขายังเข้าไม่ถึงความดีในพระพุทธศาสนา หรือว่าจิตใจเขายังเข้าไม่ถึงความดีของความเป็นไท ยังไม่รู้จักสภาวะที่โบราณท่านว่า ถ้าลงบันได ๓ ขั้นไปแล้วหรือลงบันไดบ้านไปแล้ว จงอย่าคิดว่าที่นั้น ๆ มีความสุข ความสุขที่เราจะเลือกได้ก็คือบนบ้านของเรา

ลูกรักทั้งหลาย จงรักษาความดีนี้ไว้เหมือนเกลือรักษาความเค็มนะลูก คนที่ร่วมเดินทางไปกับเรามีหลายพวก และพวกที่คอยดักดูเราอยู่ข้างหน้าก็มีหลายพวก พ่อรู้ แม้แต่หน้าเขาพ่อก็เห็น แต่พ่อก็ทำเป็นไม่รู้ ว่าที่เขาไปกับเราเพื่ออะไร ส่วนใหญ่มักอยากจะไปดูการไปดูนี่ก็ดี แต่ทว่าเขาเห็นพิธีกรรมของเราเข้า เขาก็จะหาว่าเราบ้า ๆ บอ ๆ และยิ่งฟังรายงานของลูกเข้ายิ่งแล้วใหญ่ เขาคิดว่าเราเป็นบ้า แต่ความจริงบ้าได้อย่างนี้มันก็น่าบ้า ถ้าลูกบ้า พ่อก็เป็นหัวหน้าบ้า แต่เราบ้าตามคำแนะนำขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การที่เราบ้าได้แบบนี้ เราก็ควรจะภูมิใจ

เรื่องจริงอิงนิทานพิเศษ โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ที่มา แสดงกระทู้ - เรื่องจริงอิงนิทาน พิเศษ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

 

พระศรีอาริย์ นารายณ์ปราบสงครามล้างโลก​

​

สงครามแย่งภูเขาทอง

เมื่อปรากฏภัย ๑๐ ประการหนาแน่นขึ้นก็จะปรากฏผู้เฒ่าผมขาวหนวดเครายาวขี่ม้าขาวเหาะลอยมายังท่ามกลางเมืองเชียงใหม่ นั่นคือองสมเด็จพระศรีอริยะเมตไตรยมาปรากฏเป็นที่พึ่งแก่โลกแล้ว อย่าสงสัยเลย

หลังจากนั้นไม่นานขุมทรัพย์ทั้ง 4 ของพระศรีอาริย์ก็จะปรากฎเกิดขึ้นในสุวรรณภูมิ ระหว่างเชียงราย ฝาง เชียงใหม่ ลำพูน เพราะขุมทรัพย์อันมหาศาล คือแก้วแหวนเงินทองจะระเบิดออกในภาคเหนือของประเทศไทย ดอยเงินดอยคำและเพชรนิลจินดาจะแตกออกทั้งลูกดอย และจะมีหลายลูกด้วยกัน กองทัพจะเข้าแย่งชิงสมบัติเหล่านี้ มืดมัวไปทั้งสี่ทิศ ทหารของชาติต่างๆ จะล้มตายไปถึง 3 ใน 4 ส่วน คงเหลืออยู่เพียงส่วนเดียวเลือดจะไหลนองเป็นห้วยน้อย จนถึงกับพวกหนูต้องว่ายข้าม

ต่างก็จะยิงกันจนเหลวแหลก เพราะโลภตัณหา จะรบกันถึง 7 ชาติ แต่ขุนศึกสำคัญนั้นมี 3 คน คือพญาลายตีนเป็นกงจักร พญาแขนสั้นราว (คืนแขนสั้นข้างยาวข้าง) พญาลิ้นกาฬ (ลิ้นดำ) ในตำนานพระศรีอาริย์จุติ ซึ่งพระอิศวรผู้เป็นเจ้าไปนิมนต์มาเกิดนั้นกล่าวไว้เป็นปัญหาว่า"ฤทธิ์เดชของพระยาแขนสั้นยาวนั้นมากมายเหลือหลาย เหล็กกลม 7 กำยาว 4 ศอก นั่งหย่องเยาะ เอามือซ้ายขว้างไปไกลได้ถึง 7 - 8 ไร่นา" ผู้เขียนขอวิจารณ์ว่า "เหล็กกว้าง 7 กำยาว 4 ศอกนั้นคงไม่ใช่เหล็กธรรมดา คงเป็นลูกระเบิดขนาดใหญ่นั่นเอง" แก้วแหวนเงินทองนั้นใครๆ ก็อยากได้ด้วยกันทุกคน ถ้ามันมีมากขนาดเท่าภูเขาเลากา และมันเกิดประเทศใด ประเทศนั้นก็ต้องตกเป็นจุดยุทธศาสตร์ขนาดล้างโลก และนั่นก็เป็นวันตัดสินโลก(Doomsday) ได้มาถึงแล้วโดยไม่มีปัญหา

พระศรีอาริย์ นารายณ์ปราบสงครามล้างโลก

พอถึงวันคำรบ 8 ซึ่งเป็นวันรุ่งสางสว่างแจ้ง ฝูงมนุษย์ที่เหลือจากความตายด้วยภัยสงครามก็พากันร้องไห้ระงมถมทึก แทบว่าจะไม่เป็นเสียงมนุษย์ เพราะจะมองไปทางใดก็พบแต่ซากศพของคนตาย เช่น ลูกตายพลัดพ่อแม ่พ่อแม่พลัดลูก ผัวตายเมีย เมียตายพลัดผัว ญาติมิตรที่ต้องตายพลัดตายพรากจากกัน เหลือที่จะนับคณา เพราะวันตัดสินโลกได้ผ่านไปแล้ว พร้อมกับมนุษย์ที่ชั่วร้าย คงเหลือแต่มวลมนุษย์ที่เชื่อในคำสั่งสอนของพระศาสนา ซึ่งมีเมตตาภาวนาเพื่ออยู่สืบโลกและศาสนาต่อไป

ในวันที่รุ่งแจ้งซึ่งความมืด ได้ฉุดกระชากลากพาเอาวิญญาณร้ายผ่านพ้นไปแล้วนั้น กองทัพอากาศของพระศรีอาริย์บรมจักร พร้อมด้วยเทพเจ้าบนสวรรค์ก็เคลื่อนขบวนเวชยันตรถทิพย์เลื่อนลอยไปโดยทางนภากาสเวหา เพลงสวรรค์ซึ่งคนธรรพ์ทั้งหลายอันมีปัณจสิกขคนธรรพเทพบุตรเป็นหัวหน้า ก็ดีดสีตีเป่าสะท้านหวั่นไหวไปพร้อมกับกองทัพนั้นด้วย ฝูงเทพเจ้าทั้งหลายก็โปรยข้าวตอกดอกไม้ทิพย์เกลื่อนกลาดไปทั่วแผ่นดินที่ผ่านไป ครั้นแล้วกองทัพพระศรีอาริย์ก็หยุดลอยอยู่เหนือดอยสุวรรณคีรี ซึ่งกองทัพมนุษย์กำลังพิฆาตฆ่าฟันกันตายเหมือนใบไม้ร่วง

เมื่อกองทัพเหล่านั้นได้ยินเสียงอึกทึกโกลาหลอยู่เบื้องนภากาศ และร้อนรุ่มกลุ้มใจไปด้วยไฟพิษ ซึ่งหมู่มวลนาคราชได้พ่นออกจากปากเป็นประกายอยู่ทั่วไป ทางเบื้องซ้ายก็กัมปนาทหวาดหวั่นไหวด้วยแสงอาวุธของมวลยักษ์ ตะบองใหญ่เท่าลำตาลก็กวัดแกว่งเป็นเปลวไฟ ทหารที่ทนได้ก็ทนไป ที่ทนไม่ได้ก็สลบล้มลงไป ด้วยความร้อนสุดที่จะทนทาน อิทธิฤทธิ์ของทหารผีกระทำปาฏิหาริย์อยู่ครู่เดียว ทหารมนุษย์ก็กลิ้งทูต ระเนระนาดตามกันลงไป ร่างกายสั่นเทาเหมือนผีสิงสิ้นหมดทั้งกองทัพ พลันก็มีเสียงคำรามลั่นลงมาจากฟากฟ้าแทบว่าแก้วหูจะแตกตาย

" อะโห! มาริสสา- มาริสสาดูก่อนทะแกล้วทหารผู้ใจบาปหยาบช้าทั้งหลาย!พวกสูจะมารบราฆ่าฟันกันตายด้วยเหตุผลกลใด? ขุมทรัพย์อันใหญ่หลวงที่เกิดขึ้นนี้ หาใช่เป็นสมบัติของพวกสูทั้งหลายหรือผู้ใดไม่ดอก! หากเป็นสมบัติของพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ในรถนี้ ซึ่งจะมาดำรงตำแหน่งบรมจักรอันประเสริฐ เพื่อจรรโลงโลกไปสู่สันติสุขและสันติภาพอันเที่ยงแท้! เลิก- เลิกรบกัน !เลิกรบกันเว้ย!! ประเดี๋ยวตายโหงหมดเอ้า! ไม่เชื่อก็ลองไปดู!!" พระอิศวรผู้เป็นเจ้าได้สำแดงเสียงอยู่บนศรีษะทหารมนุษย์ อย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วเปล่งสิงหนาทสืบต่อไปว่า

“ วันตัดสินโลกได้เริ่มมาถึง 7 วันแล้ว(อาจเป็น 7 อาทิตย์แล้ว)วันนี้เป็นวันคำรบ 8 ( อาจเป็นอาทิตย์ที่ 8 ) โลกสว่างแล้ว! สงครามครั้งสุดท้ายได้เสร็จสิ้นไปแล้ว คนบาปทั้งหลายได้ถูกความมืดกลืนกินไปหมดแล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตูข้าจะสร้างอาณาจักรสัมมาทิฏฐิให้พวกสูทั้งหลายอยู่ดีกินดีกันทั่วไป

พระอิศวรเจ้าฟ้าตะคอกขู่จู่โจมเสียงนั้นสะท้านเหมือนฟ้าผ่า ได้ยินตลอดไปทั่วทั้งกองทัพแม้พวกจอมทัพจอมขุนศึกทั้งหลายก็พากันตกใจ เหมือนหัวจะแตกลงในยามนั้น พญาลายตีนเป็นกงจักร พญาแขนสั้นยาว พญาลิ้นกาฬฯลฯ ต่างก็พากันส่งสัญญาณให้กองทัพของตนถอนกลับไปสู่บ้านเมืองสิ้นด้วยกัน ครั้นแล้วพระอิศวรเป็นเจ้าก็บันดาลฝนห่าใหญ่ตกลงมาถึง 7 วัน 7 คืน ท่วมท้นซากศพเหล่านั้น ลอยไปลงทะเลจนหมดสิ้น คงเหลือแต่พื้นดินป็นปรกติ อนึ่ง ก็เป็นธรรมดาสงครามที่ล้างโลก จะต้องบังเกิดมรสุมทำลายความชั่วช้าเลวทรามของมนุษย์ที่กระทำขึ้น แล้วฝูงมนุษย์ก็จะต้องเป็นทายาทรับกรรมนั้นๆ หาใช่ผู้ใดหรือพระเจ้าองค์ใดมากระทำขึ้นให้ไม่ ก็เมื่อมนุษย์พากันฝ่าฝืนคำสอน พระเจ้าหาใช่ทาสของมนุษย์ดังที่บางคนเข้าใจกัน

พระศรีอาริย์ห้ามทัพตะวันออกเฉียงใต้ตำนานพุกาม ทำนายว่าเมื่อปรากฏแล้วพระอาริย์ธรรมิกราช พร้อมด้วยพระอิศวรเจ้าจะเสด็จไปห้ามทัพตะวันออกถึง 2 ครั้ง ไปโดยทางฟ้าและกองทัพฟ้าของเทวดาเป็นหมู่รี้พล.....

อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/154060

 

นารายณ์อวตารครั้งสุดท้าย​

​

นารายณ์อวตารปางที่ 10 "กัลกยาวตาร" อวตารครั้งสุดท้าย (นารายณ์อวตารเป็นคติความเชื่อของศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู

บังเอิญได้ดูหนัง VCD อินเดียเรื่อง นารายณ์ 10 ปาง เป็นหนังที่เก่ามากและย่อความรวบรัด เนื่องจากต้องเล่าถึง 10 ปาง ภายในเวลา 2 ชั่วโมง 9 ปางแรก ได้เกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ปางที่ชาวไทยเราน่าจะรู้จักกันดี ก็ได้แก่ อวตารปางที่ 7 เป็นพระราม ในรามเกียรติ์นั้นเอง ปางที่ 10 กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ส่วนตัวสนใจนารายณ์ปางสุดท้ายนี้เป็นพิเศษ...เพราะเป็นปางที่ยังมาไม่ถึง และมีการทำนายอนาคต!!

ในหนังปางสุดท้ายเป็นฉากการสนทนาระหว่าง...พระนารัท (เทพใกล้ชิดพระนารายณ์) ถามพระนารายณ์ว่า ที่ผ่านมาก็อวตารมาถึง 9 ครั้งแล้ว ถัดจากนี้จะยังมีการอวตารอีกไหม พระนารายณ์ ก็ตอบไปว่ามีอีก และจะเป็นครั้งสุดท้ายของยุคนี้ ก่อนที่จักรวาลจะแตกสลายแล้วเกิดจักรวาลในยุคใหม่ พระนารายณ์ได้บรรยายให้เห็นภาพสถานะการณ์ทั่วไปในโลก ก่อนที่จะลงอวตารมาแก้ไขสถานะการณ์ ในรูปแบบของการร่ายเพลงยาวตามแบบฉบับของหนังอินเดีย มีเนื้อหาดังนี้...

"ความจริงกลายเป็นเรื่องโกหก
ความยุติธรรมจะล่มสลาย
โลกจะสั่นสะเทือน
ความไม่ยุติธรรมจะครองเมือง
เด็กหนุ่มสาวจะหายสาปสูญ
ผู้คนจะหิวโหย
จะมีแต่ความยากจนและขาดแคลน
โลกจะกลายเป็นเหมือนนรก
นี้คือสัญญาณของการทำลายครั้งสุดท้าย
ในท้ายที่สุดจะเป็นการอวตารของ กาลกี...
นารายณ์อวตารครั้งที่ 10

ในทุกอย่างมีการโกง
เหตุการณ์ที่กล่าวมาจะเกิดขึ้น
และเพราะเหตุนี้ เด็กๆจะถูกทำให้ได้รับบาดเจ็บ
แต่ยาที่ได้รับก็ไม่ถูกต้องกับอาการ
และคนที่ทำการค้าและธุรกิจต่างๆ
จะได้รับผลประโยชน์จากการโกงเหล่านี้
การบูชาต่างๆ ที่สวยงามด้วยดอกไม้และสิ่งต่างๆ
การบูชาที่ถูกต้อง การบูชาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ประเสริฐ์
จะกลายเป็นการบูชาผี จะกลายเป็นการบูชาต่อเหล่าภูติผีปีศาจ
เป็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่วัฒนธรรมใหม่
เป็นสัญลักษณ์ของกลียุค
หรือยุคแห่งความมืดมน
ในท้ายที่สุดจะเป็นการอวตารของ กาลกี...
นารายณ์อวตารครั้งที่ 10

คนโกหกขี้โกงจะได้รับความสนุกสนาน
คนรวยจะได้รับความเพลิดเพลิน
ส่วนคนดีคนจนและนักบวช โศกเศร้าเสียใจ
ดาวเคราะห์ทั้งหลายจะรับความหนักไม่ได้
และเกิดภัยธรรมชาติ
ส่วนภูติผีปีศาจทั้งหลายจะเต้นด้วยความดีใจ
ภูเขาโลกทั้งหลายจะเกิดแผ่นดินไหว
ปีศาจออกมาเต้น
ไฟแห่งความโกรธจะบดขยี้โลกเป็นเสี่ยงๆ
พายุฝนจะทำลายป่าและทะเลจะท่วมเมืองและจะกลืนโลก
ในท้ายที่สุดจะเป็นการอวตารของ กาลกี
นารายณ์อวตารครั้งที่ 10"​

หนังจบลงแค่นี้ พระนารายณ์ไม่ได้บอกรายละเอียดต่อว่า เมื่ออวตารเป็น อัศวินขี่ม้าขาวนามกาลกีแล้ว จะจัดการกับวิกฤติโลกที่ว่าด้วยวิธีการใดและอย่างไร คงต้องรอดูเมื่อท่านมาถึง

ที่มา "แรงบันดาลใจ": นารายณ์อวตารครั้งสุดท้าย

 

ไวรัสเมอร์ส ระบาดเกาหลีใต้ ติดเชื้อเพิ่ม 14 ราย​

​

ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์สรายใหม่ในเกาหลีใต้ ยังพุ่งไม่หยุด เพิ่มอีก 14 ราย รวมจำนวนผู้ติดเชื้อแล้ว 122 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 9 ราย น่าเป็นห่วงผู้ติดเชื้อรายใหม่ มีหญิงตั้งครรภ์ด้วย

เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ระบาดของไวรัสเมอร์ส (MERS) ในเกาหลีใต้ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 14 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 122 รายแล้ว โดยในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ มีหญิงตั้งครรภ์ 1 คน รวมอยู่ด้วย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสเมอร์สยังอยู่ที่ 9 ราย และมีผู้กักกันตัว รอดูอาการทั้งอยู่ในโรงพยาบาลและที่บ้าน รวมแล้วกว่า 3,000 คน และได้รับอนุญาตให้พ้นจากการถูกกักตัวแล้ว 641 คน

จากสถานการณ์ไวรัสเมอร์สระบาดในเกาหลีใต้ เป็นเหตุให้ประธานาธิบดีปาร์ก กึน เฮ แห่งเกาหลีใต้ ได้ประกาศยกเลิกกำหนดการไปเยือนประเทศสหรัฐฯ ในวันอาทิตย์ที่ 14 มิ.ย. นี้ เพื่อต้องการจัดการแก้ไขสถานการณ์ไวรัสเมอร์สระบาดในประเทศ

ด้านสำนักข่าวยอนฮับ ในเกาหลีใต้รายงานว่า มีชาวเกาหลีใต้ 14 คน ซึ่งถูกกักกันตัวในโรงพยาบาลหลายแห่ง ในฮ่องกง และที่มณฑลกวางตุ้ง ทางภาคใต้ของประเทศจีน เพื่อรอดูอาการว่าติดเชื้อไวรัสเมอร์สหรือไม่นั้น ในจำนวนนี้ มี 10 คน ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลแล้วเมื่อวันพุธที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา หลังไม่พบว่าติดเชื้อไวรัสเมอร์สแต่อย่างใด โดยสาเหตุที่ทำให้ชาวเกาหลีใต้ทั้ง 14 คน ต้องถูกกักกันตัว เนื่องจากเขาได้มีการติดต่อพูดคุยใกล้ชิดกับชายเกาหลีใต้วัย 44 ปี คนหนึ่งที่เดินทางไปฮ่องกง เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 58 และในวันเดียวกันนั้นเอง บิดาของชายเกาหลีใต้คนดังกล่าว ได้รับการวินิจฉัยว่า ติดเชื้อไวรัสเมอร์ส.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 11 มิ.ย. 2558

ธุรกิจเกาหลีใต้อ่วมภัยเมอร์สระบาด​

​

นายคิม ซัง วู โฆษกประจำตัว น.ส.ปาร์ก กึน เฮ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ แถลงเมื่อ 10 มิ.ย.ว่า น.ส.ปาร์กสั่งเลื่อนการปฏิบัติภารกิจเดินทางเยือนประเทศสหรัฐฯ ในวันที่ 14-18 มิ.ย. ออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจาก น.ส.ปาร์กต้องการเฝ้าระวังและรับมือสถานการณ์เชื้อไวรัสเมอร์ส-โควี ซึ่งทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (เมอร์ส) แพร่ระบาดในเกาหลีใต้

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้เผยว่าสถิติผู้เสียชีวิตจากไวรัสเมอร์ส-โควี ทั่วประเทศเพิ่มเป็น 9 ราย โดยผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 รายในวันที่ 9 มิ.ย. เป็นหญิงชราอายุ 75 ปี และชายอายุ 62 ปี ขณะที่สถิติผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 108 ราย ผู้ถูกสั่งกักบริเวณเพื่อสังเกตอาการอีก 3,500 ราย รวมถึงสถาบันการศึกษาทั่วเกาหลีใต้ถูกสั่งปิดเพิ่มเป็น 2,500 แห่ง

ส่วนห้างสรรพสินค้าและธุรกิจเพื่อความบันเทิงในประเทศได้รับผลกระทบจากภัยไวรัสเมอร์ส-โควี เพราะประชาชนพยายามหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มกับคนหมู่มาก โดยยอดขายเฉลี่ยของห้างต่างๆ ช่วงสัปดาห์แรกของเดือน มิ.ย.ลดลงกว่า 25% เมื่อเทียบกับยอดขายช่วงเดียวกันในเดือน พ.ค. ขณะที่ยอดจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ลดลงกว่า 54.9% ขณะที่สถิติผู้เข้าสวนสนุกลดลง 60.4% และสถิติผู้ชมการแข่งขันเบสบอลที่สนามกีฬาลดลง 38.7%

วันเดียวกัน หญิงชาวฮ่องกงซึ่งไม่ได้ระบุชื่ออายุ 22 ปี รีบเข้ารับการรักษาตัวที่คลินิกซั่ง ยี เพราะต้องสงสัยอาจติดเชื้อเมอร์ส หลังมีอาการไข้ขึ้นสูงและน้ำมูกไหลนับแต่กลับจากการเดินทางเยือนเกาหลีใต้.

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 11 มิ.ย. 2558

มาเลย์ยุติค้นหาเหยื่อดินไหว-อิเหนาเตือนภัยภูเขาไฟ​

​

เมื่อ 10 มิ.ย.หน่วยกู้ภัยในรัฐซาบาห์ของมาเลเซีย ประกาศยุติการค้นหาผู้ประสบภัยดินถล่มบริเวณยอดเขาคินาบาลู บนเกาะบอร์เนียวของมาเลเซีย หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.0 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา

โดยเจ้าหน้าที่พบศพนักปีนเขา 2 ราย สุดท้ายที่หายตัวไป ได้แก่ นายนาฟดีพ ซิงห์ จาร์ยัล และนายโมฮัมเหม็ด กาซี โมฮาเหม็ด นักเรียนและครูจากโรงเรียนมัธยมปลายของสิงคโปร์ซึ่งเดินทางมาทัศนศึกษาที่มาเลเซียขณะเกิดเหตุ และกลายเป็นหนึ่งในเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย 18 ราย ที่เสียชีวิตจากภัยพิบัติสืบเนื่องจากแผ่นดินไหวครั้งดังกล่าว

วันเดียวกัน รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศเตือนประชาชน ห้ามเข้าพื้นที่อันตรายในรัศมี 7 กม. จากเชิงภูเขาไฟซินาบุงใน จ.สุมาตราเหนือ ทางตะวันตกของอินโดนีเซีย หลังภูเขาไฟซินาบุงปะทุพ่นควันต่อเนื่องกว่า 50 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย.เป็นต้นมา ทำให้เกิดควันเถ้าภูเขาไฟสูงกว่า 500 เมตร เหนือปากปล่อง ขณะที่รัฐบาลสั่งอพยพประชาชนราว 2,700 คน ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยและประกาศเตือนภัยระดับสูงสุดตั้งแต่สัปดาห์ก่อน.

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 11 มิ.ย. 2558

เยเมนปะทะเดือดอีกรอบ ดับ 43 ศพ ก่อน UN เปิดเจรจาหมายยุติศึก​

​

เกิดการปะทะกันรอบใหม่ระหว่างทหารฝ่ายรัฐบาลเยเมนและฝ่ายกบฏฮูธิ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอีก 43 รายเมื่อวันพุธ ทั้งที่สหประชาชาติกำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมให้ผู้เกี่ยวข้องมาเจรจากันเพื่อยุติเหตุความรุนแรง...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างทหารฝ่ายสนับสนุนประธานาธิบดี อับดุล รับบู มานซูร์ ฮาดี แห่งเยเมนผู้ต้องลี้ภัยความรุนแรงไปต่างประเทศ กับกองกำลังฝ่ายกบฏ ฮูธิ ตั้งแต่คืนวันอังคารจนถึงในวันพุธ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 43 ราย

ตามการเปิดเผยของชาวบ้านและนักรบติดอาวุธ กองกำลังฝ่ายต่อต่านกบฏฮูธิเคลื่อนกำลังออกจากเขตหนึ่งในเมืองเอเดน ไปยังท่าอาการยานประจำเมืองซึ่งถูกกบฏฮูธิยึดครองอยู่ และเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงนักรบท้องถิ่นเสียชีวิต 5 ราย บาดเจ็บ 8 ราย ส่วนกบฏฮูธิเสียชีวิต 11 ราย

ชาวบ้านอีกกลุ่มเผยด้วยว่า เครื่องบินรบซึ่งเชื่อว่าเป็นของกลุ่มพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดีอาระเบีย โจมตีทางอาการค่ายของกบฏฮูธิ ในเขต บีร์ อาห์เหม็ด ทางเหนือของเมืองเอเดน มีนักรบกบฏเสียชีวิต 12 ราย นอกจากนี้ยังมีการโจมตีทางอากาศที่จังหวัด มาริบ ทางตะวันตกของเยเมน สังหารนักรบกบฏ 10 ราย และมีประชาชน 5 รายเสียชีวิตเพราะโดนลูกหลงจากการต่อสู้ระหว่างนักรบท้องถิ่นและฝ่ายกบฏในเมืองตาอิซ ตอนกลางของประเทศ

ทั้งนี้ เหตุความรุนแรงระลอกล่าสุดในประเทศเยเมนเกิดนขึ้นก่อนที่สหประชาชาติจะเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาระหว่าง ผู้แทนรัฐบาลของประธานาธิบดีฮาดี, ผู้แทนกบฏฮูธิ และผู้แทนจากพรรคคองเกรสของประชาชน ซึ่งสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีอาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ แห่งเยเมนผู้ถูกโค่นอำนาจในการปฏิวัตอาหรับสปริง ที่นครเจนีวาในวันอาทิตย์นี้ (14 มิ.ย.) เพื่อหาแนวทางยุติเหตุความรุนแรงในประเทศซึ่งดำเนินมานานหลายเดือน

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 มิ.ย. 2558

กินถั่ววันละ 10 กรัม ป้องกันตายก่อนกำหนดจากโรคร้าย​

​

ทีมวิจัยในเนเธอร์แลนด์ พบประโยชน์จากการกินถั่วหรือถั่วลิสง เพียงแค่วันละอย่างน้อย 10 กรัม สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตก่อนกำหนดจากโรคร้ายในช่วง 10 ปี ลงได้ถึง 23% จนนับเป็นครั้งแรกที่มีการศึกษาวิจัยคุณประโยชน์ของถั่วช่วยป้องกันโรคร้ายหลายชนิดได้

เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 58 สำนักข่าวบีบีซีรายงานผลการวิจัยถึงคุณประโยชน์ของถั่วต่อการช่วยป้องกันโรคชนิดต่างๆ ที่ศึกษาโดยทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัย Maastricth ในประเทศเนเธอร์แลนด์ พบว่า การกินถั่วชนิดต่างๆ หรือถั่วลิสง เป็นประจำทุกวัน สามารถลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตเร็วกว่ากำหนด หลังจากผลการวิจัยศึกษาเรื่องการบริโภคถั่วก่อนหน้านี้ ได้แสดงให้เห็นว่า การกินถั่วมีผลดีต่อระบบหลอดเลือดหัวใจ เพียงแต่การศึกษาล่าสุดของทีมนักวิจัยเนเธอร์แลนด์ นับเป็นครั้งแรกเลยทีเดียว ที่มีการศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของถั่วในการป้องกันโรคต่างๆ

โดยจากการวิจัย ที่ใช้เวลาศึกษานาน 10 ปี พบว่า คนที่กินถั่วหรือถั่วลิสง วันละอย่างน้อย 10 กรัม จะลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากทุกโรคในช่วง 10 ปี ลงได้ถึง 23% ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคระบบหายใจ และโรคที่ทำลายเซลล์ประสาทในสมอง (neurodegenerative disease) หรือคิดเป็นสัดส่วนที่ก่อให้เกิดโรคลดลงดังนี้ โรคที่ทำลายเซลล์ประสาทสมอง 45% โรคระบบหายใจ 39% และโรคเบาหวาน 30%

"จากการศึกษาสังเกตการณ์ พบว่า อัตราการเสียชีวิตของผู้ที่บริโภคถั่วหรือถั่วลิสง 15 กรัมต่อวัน จะน้อยลง" ศาสตราจารย์ Piet van den Brandt หัวหน้าทีมวิจัย กล่าวขณะที่ผลการวิจัยเรื่องนี้ได้นำมาตีพิมพ์ผลงานการศึกษาวิจับลงใน วารสาร International Journal of Epidemiology

สำหรับในถั่วมีประโยชน์ต่อร่างกายนั้น มีทั้ง กรดไขมัน และกรดไขมันไม่อิ่มตัว วิตามินหลายชนิด ไฟเบอร์ สารต้านอนุมูลอิสระ และสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ อย่างไรก็ตาม ทีมวิจัยดัตช์ยังระบุว่า การบริโภคถั่วคลุกเนยนั้นไม่มีประโยชน์ เพราะมีเกลือและไขมันอิ่มตัวปริมาณสูง

ทั้งนี้ การวิจัย ได้นำมาศึกษาเปรียบเทียบกับอัตราการเสียชีวิตของ ชาวดัตช์ อายุ 55-69 ปี กว่า 120,000 คน ที่มีการควบคุมอาหารและได้รับข้อมูลด้านไลฟ์สไตล์ ในปี 2529 และจากนั้น อัตราของคนเหล่านี้ที่เสียชีวิตลง ในอีก 10 ปีต่อมา

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 11 มิ.ย. 2558

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ชาวลำปางเชื่อเป็นมงคล พระอาทิตย์ทรงกลด 11 โมง วันที่ 11 มิ.ย. 58​

​

ชาว จ.ลำปาง ฮือฮา พระอาทิตย์ทรงกลด เวลา 11.00 น. บังเอิญ ตรงกับวันที่ 11 มิ.ย. 58 พอดี เชื่อ เป็นเรื่องมงคลต่อชีวิต เลขหนึ่งสื่อความหมายเป็นที่ 1 หรืออันดับ 1 ชีวิตจะราบรื่น

วันที่ 11 มิ.ย. 58 ได้เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติบนท้องฟ้า พระอาทิตย์ทรงกลดอย่างสวยงาม เป็นแนว 2 ชั้น ล้อมรอบดวงอาทิตย์ที่สว่างจ้า เป็นเวลานาน 10 กว่านาที โดยประชาชนจำนวนมากที่พบเห็นพระอาทิตย์ทรงกลด ได้นำมือถือมาถ่ายรูปเอาไว้เป็นที่ระลึก ส่วนพ่อค้า-แม่ค้าตามตลาด ต่างพากันเคาะถ้วยหม้อกับข้าว เนื่องจากเชื่อว่า เป็นเรื่องมงคล เนื่องจากการเกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลด มีไม่บ่อยนัก ที่ให้เห็นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะวันนี้พระอาทิตย์ทรงกลด เกิดขึ้นตรงกับวันที่ 11 มิถุนายน พอดี

เนื่องจากเป็นเลขมงคล 11 สองตัว ชีวิตจะได้เป็นหนึ่ง เป็นมงคลต่อชีวิต การค้าขายการประกอบธุรกิจจะราบรื่น มีหลายคนตั้งใจจะไปถวายสังฆทาน เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ให้เกิดเป็นมงคลชีวิต สำหรับการเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติพระอาทิตย์ทรงกลดในวันนี้ มีบางคนพลาดโอกาสได้เห็น เนื่องจากไม่ได้สังเกต แต่ได้ยินการบอกเล่า ก็รู้สึกว่าแปลกมาก ที่เกิดพระอาทิตย์ทรงกลด ตรงกับวันที่ 11 มิถุนายน พอดี นับว่าเป็นเรื่องแปลกอย่างหนึ่ง

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 11 มิ.ย. 2558

ปลูกจิตสำนึก!! "เยาวชนรักษ์โลก" บูชาครูด้วยต้นไม้​

​

อนุบาลชัยนาท จัดพิธีไหว้ครู ปลูกจิตสำนึกเด็กไทย ใช้ต้นไม้บูชาครู ร่วมสร้างพื้นที่สีเขียวตามแนวพระราชกรณียกิจในหลวงของปวงชนชาวไทย

นายสมศักดิ์ จิตรเอื้อตระกูล ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลชัยนาท พร้อมคณะผู้บริหาร ครู อาจารย์ ร่วมกันจัดพิธีไหว้ครูด้วยต้นไม้ ถวายพ่อหลวง ซึ่งโดยปกติแล้ว ทางโรงเรียนจะให้นักเรียนนำเครื่องสักการะ ดอกไม้ ธูปเทียน ดอกมะเขือ ดอกเข็ม และหญ้าแพรก มาไหว้ครูเพื่อบูชาแสดงถึงความผูกพันใกล้ชิดระหว่างครูกับศิษย์ สะท้อนให้เห็นถึงความกตัญญูรู้คุณต่อผู้มีพระคุณของสังคมไทย

นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความรัก ความเมตตาของครูที่มีต่อศิษย์ แต่ในปีนี้ ได้กำหนดให้นักเรียน นำกล้าไม้ยืนต้นมาอีกคนละ 1 ต้น มาเข้าร่วมในพิธีไหว้ครู เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศไทยตามแนวพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของปวงชนชาวไทย และยังสอดคล้องกับการปลูกฝังค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ ของ คสช. ในข้อที่ 1 ที่ระบุว่า มีความรัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และข้อที่ 12 คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม และของชาติมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง

"การไหว้ครูด้วยดอกไม้ พอไหว้เสร็จก็เหี่ยวเฉาไป เพราะเราตัดดอกไม้ออกมาจากต้นไม้ แต่ถ้าหากเราไหว้ครูด้วยต้นไม้ เราจะสามารถนำมาปลูกเป็นต้น ให้โตตามกาลเวลา ซึ่งปลูกแล้วจะเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับโลก เนื่องจากทุกวันนี้ มนุษย์เราตัดไม้ทำลายป่ากันเยอะ สังเกตได้จากสภาพอากาศของโลกในปัจจุบัน" ตัวแทนนักเรียนโรงเรียนอนุบาลชัยนาท กล่าว

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 11 มิ.ย. 2558

สวนกระแสของแพง! ข้าวแกงจานละ 10 บาท ที่อุบลฯ​

​

สวนกระแสเศรษฐกิจยุคข้าวของแพง แม่ค้าเมืองอุบลฯ ใจดีขายข้าวราดแกง จานละ 10 บาท แถมนำวัตถุดิบชั้นดีมารังสรรค์ทุกเมนู เผย ถึงจะได้กำไรไม่เยอะ แต่ก็สุขใจทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มจากลูกค้า...

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 11 มิ.ย. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ร้านข้าวราดแกง หน้าองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ถนนสุรศักดิ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ได้มีการจำหน่ายข้าวราดแกงในราคาถูก เพียงอย่างละ 10 บาท ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าให้ความสนใจแวะเวียนมาอุดหนุนกันเป็นจำนวนมาก จึงเดินทางไปตรวจสอบ

นางนิชาวี อรุณรัตน์ อายุ 37 ปี เจ้าของร้านข้าวราดแกง 10 บาท เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ตนเองเปิดร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง อยู่แล้ว แต่ด้วยความที่ว่าร้านของตนเอง อยู่ใกล้กับสถานที่ราชการ และ สถานศึกษาหลายแห่ง จึงได้ทำข้าวราดแกงขายควบคู่ไปด้วย โดยในแต่ละวันจะทำอาหารประมาณ 7-8 เมนู ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารไทย อาทิ แกงจืด ผัดฉ่า ผัดกระเพราะ ผัดผัก ผัดวุ้นเส้น ไข่ดาว และที่ขาดไม่ได้ต้องทำทุกวัน คือ แพนงหมู หรือแพนงเนื้อ ขณะที่ข้าวสวยนั้น ทางร้านได้ใช้ข้าวหอมมะลิอย่างดี เพื่อให้ลูกค้าที่ทำงานมาเหนื่อยๆ ได้ทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ซึ่งจะจำหน่าย เพียงอย่างละ 10 บาท เท่านั้น

"โดยสาเหตุที่ตนขายข้าวราดแกงได้ในราคาถูกนั้น เนื่องจากตนทำด้วยความรัก อยากเห็นทุกคนกินอิ่มแบบไม่เสียเงินเยอะ เพราะเศรษฐกิจตอนนี้ไม่ดี ถามว่าคุ้มหรือไม่ ถือว่าตนเองอยู่ได้ เพราะไม่ได้เช่าบ้าน ส่วนวัตถุดิบ เนื้อสัตว์ และผักนั้น ตนสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก เพราะต้องเอามาใช้ที่ร้านบุฟเฟ่ปิ้งย่างอยู่แล้ว จึงซื้อได้ในราคาถูก หักต้นทุนออกแล้ว ในแต่ละวันจะมีกำไรจากการขายข้าวราดแกงวันละประมาณ 300-400 บาท ถึงจะได้กำไรไม่เยอะแต่ก็สุขใจทุกครั้งที่ได้ทำ และมีความสุขที่เห็นรอยยิ้มจากลูกค้าที่มาอุดหนุน" นางนิชาวี ระบุ

ด้าน นายเมธา พิมพะกรรณ์ อายุ 33 ปี ลูกค้าประจำของทางร้าน เผยว่า ตนเองมาทานข้าวที่ร้านข้าวแกง 10 บาทนี้ เป็นประจำทุกวัน เพราะมีราคาถูกและรสชาติอร่อยถูกใจ ถือเป็นทางเลือกที่ดีในยุคข้าวยากหมากแพงในปัจจุบัน อีกทั้งน้ำดื่มทางร้านยังมีบริการฟรีอีกด้วย ตนยังคิดว่าแม่ค้าจะเอากำไรมาจากไหน แต่ก็อยากให้ขายในราคานี้ไปอีกนานๆ เพราะเป็นการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยอีกทางหนึ่ง

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถไปแวะชิมความอร่อยของข้าวราดแกง 10 บาท ร้านตั้งอยู่ตรงข้ามกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ถนนสุรศักดิ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 08.30-13.00 น. ทุกวันจันทร์-ศุกร์

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 11 มิ.ย. 2558

ทั่วไทยฝนตกน้อย อากาศร้อนพุ่ง! ชายแดนใต้ชุ่มฉ่ำ ได้ฝนจากมาเลย์​

​

ฝนช่วงนี้ตกน้อยลง อากาศร้อน ก่อนจะมีฝนเพิ่มขึ้น ช่วง 12-14 มิ.ย. ส่วนภาคใต้มีกลุ่มฝนจากมาเลย์ ส่งผลให้จังหวัดชายแดนใต้มีฝนในช่วงสาย ก่อนมาตกที่ฝั่งอันดามัน ขณะที่กทม.-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ 20%…

เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ทีมข่าวไทยรัฐ ร่วมกับ The Weather Company ของสหรัฐอเมริกา รายงานสภาพอากาศเช้านี้ พบว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ในขณะที่ลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ยังคงมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนลดลง ก่อนที่ช่วงเย็นจะเริ่มพัดแรงขึ้นทำให้ในช่วงวันที่ 12-14 มิ.ย. ลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้นในระยะนี้

สำหรับการคาดการณ์สถานการณ์ฝนในวันนี้ พบกลุ่มฝนก่อตัวค่อนข้างน้อยลงจากเมื่อวานนี้ โดยจะพบในช่วงเที่ยงวันบริเวณจังหวัดนครราชสีมา ปราจีนบุรี สระบุรี และนครนายก และในช่วงบ่ายฝนจะตกเพิ่มบริเวณจังหวัดสระแก้ว และฝั่งตะวันตก ที่จังหวัดกาญจนบุรี และราชบุรี ช่วงเย็นกลุ่มฝนจะไปก่อตัวบริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานที่จังหวัดสกลนคร สุรินทร์ ศรีสะเกษ และฝั่งตะวันตก บริเวณกาญจนบุรี อุทัยธานี นครสวรรค์ และชัยนาท

ส่วนในช่วงค่ำจะมีฝนบริเวณจังหวัดลำปาง ลำพูน แพร่ สุโขทัย นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท และบริเวณภาคอีสานตอนล่าง อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ก่อนที่ช่วงดึกกลุ่มฝนเหนือย้ายไปตกที่น่าน และเริ่มตกมากหนักขึ้นในภาคอีสานตอนล่าง

ขณะสถานการณ์ฝนภาคใต้ ช่วงสายกลุ่มฝนกลุ่มใหญ่จะเลื่อนเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย มาตกบริเวณจังหวัดนราธิวาส ยะลา สงขลา และสตูล ก่อนมาตกบริเวณจังหวัดตรัง กระบี่ และระนอง ช่วงเที่ยงจะตกหนักขึ้นที่จังหวัดตรังและสตูล ส่วนช่วงบ่ายจะไปตกบริเวณตอนกลางของภาคตั้งแต่จังหวัดระนอง พังงา กระบี่ ตรัง สุราษฎร์ธานี บางส่วนในนครศรีธรรมราช และสงขลา ช่วงเย็นจะกลับมาตกที่ยะลาอีกครั้ง ส่วนช่วงค่ำตกเพิ่มที่สุราษฎร์ธานี

อย่างไรก็ตาม อุณหภูมิวันนี้ทั่วทุกภาคขยับสูงขึ้น มีอากาศร้อนครอบคลุมตั้งแต่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสาน และภาคกลาง โดยอุณหภูมิความรู้สึกร้อนสูงสุด ยังคงอยู่ที่ภาคกลางตอนล่าง ประมาณ 42 องศาเซลเซียส

สภาพอากาศแยกตามภูมิภาค

ภาคเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ขอนแก่น ชัยภูมิ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ สุพรรณบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 41 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 40 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ฝั่งอันดามัน มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38 องศาเซลเซียส

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 11 มิ.ย. 2558

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

รอบรู้เรื่องสมุนไพรไทย ฟ้าทะลายโจร​

อัปโหลดเมื่อ 29 ก.ย. 2011
รายการรอบรู้เรื่องสมุนไพรไทยตอนฟ้าทะลายโ­จร สมุนไพรป้องกันไขหวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่​

 

รอบรู้เรื่องสมุนไพรไทย กระเทียม​

อัปโหลดเมื่อ 1 ต.ค. 2011
รายการรอบรู้เรื่องสมุนไพรไทย พูดคุยเรื่องราวของประโยชน์ของกระเทียม สรพพคุณในการรักษาโรค​

 

รอบรู้เรื่องสมุนไพรไทย ถั่วเหลือง​

อัปโหลดเมื่อ 1 ต.ค. 2011​

รอบรู้เรื่องสมุนไพรไทย ตอน สารสกัดจากถั่วเหลือง พูดถึงสารสำคัญที่อยู่ในถั่วเหลือง ประโยชน์ทางยา สมุนไพรสำรับวัยทอง

 

รอบรู้เรื่องสมุนไพรไทย ขมิ้นชัน​

อัปโหลดเมื่อ 29 ก.ย. 2011
รายการรอบรู้เรื่องสมุนไพรไทย ตอน ประโยชน์ของขมิ้นชัน​

 

รอบรู้เรื่องมุนไพรไทย มะขามป้อม​

อัปโหลดเมื่อ 16 ม.ค. 2012
สวนสมุนไพร หนองใหญ่ มะขามป้อม​

 

รอบรู้เรื่องสมุนไพรไทย บัวบก​

อัปโหลดเมื่อ 17 ม.ค. 2012
สมุนไพรบัวบก​

 

รอบรู้เรื่องสมุนไพรไทย พญายอ​

เผยแพร่เมื่อ 25 ก.ค. 2012
รอบรู้เรื่องสมุนไพรไทย พญายอ​

 

รอบรู้เรื่องสมุนไพรไทย อบเชย​

เผยแพร่เมื่อ 25 ก.ค. 2012
รอบรู้เรื่องสมุนไพรไทย อบเชย​

 

รอบรู้เรื่องสมุนไพรไทย ฟลาวาซอย​

เผยแพร่เมื่อ 25 ก.ค. 2012
รอบรู้เรื่องสมุนไพรไทย ฟลาวาซอย​

 

รอบบรู้เรื่องสมุนไพรไทย ชุมเห็ดเทศ​

อัปโหลดเมื่อ 24 ก.ย. 2011
รอบรู้เรื่องสมุนไพรไทย,ชุมเห็ดเทศ,ยาระบา­ย​

 

รอบรู้เรื่องสมุนไพรไทย มะแว้ง​

อัปโหลดเมื่อ 23 ก.ย. 2011​

 

รอบรู้เรื่องสมุนไพรไทย ว่านหางจรเข้​

อัปโหลดเมื่อ 23 ก.ย. 2011
รอบรู้เรื่องสมุนไพรไทย,ว่านหางจระเข้​

 

รอบรู้เรื่องสมุนไพรไทย ไพล​

อัปโหลดเมื่อ 1 ต.ค. 2011
ยาสมุนไพรช่วยคลายกล้ามเนื้อไพลจีซาล ประโยชน์ของไพล สรรพคุณทางยา​