ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล

เรือที่มีผู้โดยสารกว่า 450 คน ล่มในแม่น้ำแยงซีของจีน​

​

ปักกิ่ง 2 มิ.ย. – สื่อทางการจีนรายงานว่า เรือโดยสารที่มีผู้คนกว่า 450 คนจมลงในแม่น้ำแยงซีทางภาคกลางของจีนเมื่อคืนที่ผ่านมา

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เรือตงฟางจือซิงเดินทางจากเมืองนานจิงทางตะวันออกมายังนครฉงชิ่งทางตะวันตกเฉียงใต้และล่มลงในแม่น้ำสาขาของแม่น้ำแยงซีในมณฑลหูเป่ยเมื่อค่ำวันจันทร์ ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของทางการจีนระบุว่า เป็นอุบัติเหตุ โดยช่วยเหลือผู้รอดชีวิตได้ 8 คน ซึ่งรวมถึงกัปตันและต้นกล ซีซีทีวีรายงานว่า มีผู้โดยสารบนเรือ 458 คนขณะล่มลงเมื่อเวลาประมาณ 21.28 น.วันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 20.28 น.ในไทย

ประกอบด้วย ผู้โดยสารชาวจีน 406 คน พนักงานบริษัททัวร์ 5 คน และลูกเรือ 47 คน ซีซีทีวีรายงานว่า เรือมีความยาว 76.5 เมตร และสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 534 คน ด้านสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภารกิจกู้ภัยยังประสบปัญหาเนื่องจากสภาพอากาศไม่ดี ลมแรงและฝนตกหนัก .-สำนักข่าวไทย

สื่อจีนเผยมีผู้โดยสารที่ยังมีชีวิตอยู่ภายในเรือล่มแม่น้ำแยงซี​

​

เซี่ยงไฮ้ 2 มิ.ย. – หนังสือพิมพ์พีเพิลเดลีรายงานว่า ผู้โดยสารบางคนยังมีชีวิตอยู่ภายในเรือซึ่งมีผู้โดยสาร 458 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวสูงอายุชาวจีนที่จมลงในแม่น้ำแยงซี ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในอุบัติภัยครั้งร้ายแรงที่สุดของจีนในรอบหลายปี

สื่อทางการจีนรายงานว่า เรือโดยสารล่มท่ามกลางพายุเมื่อค่ำวันจันทร์ และมีเพียงไม่กี่สิบคนที่ได้รับความช่วยเหลือจนรอดชีวิตมาได้ ขณะที่ยังมีรายงานข่าวสับสนเกี่ยวกับจำนวนผู้รอดชีวิต พีเพิลเดลีรายงานว่า ผู้โดยสารบางคนยังคงติดอยู่ในเรือ ขณะที่สำนักงานซินหัวรายงานว่า หน่วยกู้ภัยได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากภายในเรือโดยสารขนาด 4 ชั้น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงสั่งการให้ดำเนินปฏิบัติการกู้ภัยอย่างเต็มที่ ด้านนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงเดินทางมายังที่เกิดเหตุในมณฑลหูเป่ยวันนี้ .-สำนักข่าวไทย

เกาหลีใต้ถกฉุกเฉินหยุดยั้งแพร่ระบาดไวรัสเมอร์ส​

​

เกาหลีใต้ 2 มิ.ย.- รัฐบาลเกาหลีใต้จัดประชุมฉุกเฉิน เพื่อหามาตรการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเมอร์ส

รัฐบาลเกาหลีใต้จัดประชุมฉุกเฉิน เพื่อหามาตรการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเมอร์ส หรือโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง รวมทั้งพิจารณาออกมาตรการห้ามผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อไวรัสเมอร์สเกือบ 700 คน เดินทางออกนอกประเทศ หลังจากพบผู้เสียชีวิตในเกาหลีใต้ 2 ราย ส่วนยอดผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์สรายใหม่ที่ได้รับการยืนยันอยู่ที่ 25 คน ขณะที่เกาหลีใต้มีผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์สมากเป็นอันดับ 3 รองจากซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอเมเรตส์.-สำนักข่าวไทย

เกาหลีใต้แถลงยืนยันผู้เสียชีวิตสองรายแรกจากไวรัสเมอร์ส​

​

โซล 2 มิย. – สำนักข่าวยอนฮัพของเกาหลีใต้รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขแถลงยืนยันในวันนี้ว่า มีผู้เสียชีวิต 2 คน จากโรคไวรัสเมอร์ส ซึ่งนับเป็นรายแรกของประเทศ

ผู้เสียชีวิตดังกล่าวเป็นหญิงวัย 58 ปี ซึ่งได้รับการรักษาหลังจากสงสัยว่าติดเชื้อและเสียชีวิตลงจากภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลันเมื่อวันจันทร์และจากผลตรวจพบว่ามีเชื้อไวรัสเมอร์ส ส่วนอีกรายเป็นชายวัย 71 ปี ซึ่งได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อเมื่อหลายวันก่อน สำนักข่าวยอนฮัพรายงานว่า จนถึงขณะนี้มีผู้ได้รับการวินิจฉัยยืนยันว่าติดเชื้อแล้ว 25 คน และสร้างความกังวลในหมู่ประชาชนอย่างมาก เกาหลีใต้มีรายงานพบผู้ติดเชื้อรายแรก เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม และกระทรวงสาธารณสุขพบว่า มีคนใกล้ชิดผู้ติดเชื้อทั้งทางตรงและทางอ้อม 682 คน ซึ่งต้องถูกกักโรคหรือเฝ้าสังเกตอาการไว้ก่อน .-สำนักข่าวไทย

เงินเฟ้ออินโดนีเซียทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดในปีนี้​

​

จาการ์ตา 1 มิ.ย. – ตัวเลขเงินเฟ้ออินโดนีเซียทะยานขึ้นสูงสุดนับเป็นสองเดือนติดต่อกันจากราคาอาหารแพงขึ้น ยิ่งแสดงถึงปัญหาท้าทายสำหรับธนาคารกลางอินโดนีเซียต้องรับมือกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและราคาสินค้าสูงขึ้น

สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซียรายงานวันนี้ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อรายเดือนทะยานขึ้นร้อยละ 0.5 ในเดือนพฤษภาคม ทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อเมื่อเทียบรายปีมาอยู่ที่ร้อยละ 7.15 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในปีนี้ ก่อนหน้านี้อัตราเงินเฟ้อเมื่อเดือนก่อนนั้นสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ทำนายว่า จะอยู่ที่ราวร้อยละ 7 ธนาคารกลางอินโดนีเซีย ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากคาดว่าเงินเฟ้อจะลดลงต่ำกว่าร้อยละ 4 ในปีนี้

แต่เป้าหมายที่วางไว้ถือว่ายังเสี่ยง เนื่องจากเงินเฟ้อรายเดือนไม่เคยลดลงต่ำกว่าร้อยละ 6 ในปีนี้ นักวิเคราะห์กล่าวคาดว่า เงินเฟ้อจะทะยานขึ้นต่อเนื่องในอีก 2 เดือน เนื่องจากราคาเครื่องใช้ไฟฟ้าแพงขึ้นในเดือนพฤษภาคม และราคาอาหารสูงขึ้น ตามฤดูกาลช่วงใกล้เทศกาลเฉลิมฉลองของชาวมุสลิมในกลางเดือนกรกฎาคม .-สำนักข่าวไทย

ที่มา เว็บไซต์สำนักข่าวไทย

 

ชาวนครสวรรค์โอด 'บึงบอระเพ็ด' น้ำแห้งขอดทำขาดรายได้​

​

ระดับน้ำในบึงบอระเพ็ดยังคงแห้งขอด เกิดสันทรายในหลายจุด ผู้ประกอบการเรือนำเที่ยว-ชาวประมงหลายรายโอดขาดรายได้ จอดเรือทิ้งอาชีพชั่วคราว...

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 2 มิ.ย.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากระดับน้ำในบึงบอระเพ็ด อ.เมืองนครสวรรค์ ลดลงอย่างรวดเร็ว จนเกิดเนินทรายในหลายจุด และเป็นบริเวณกว้าง ส่งผลให้ผู้ประกอบการเรือนำเที่ยว ในบึงบอระเพ็ด ต่างได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากไม่สามารถนำเรือพานักท่องเที่ยว ออกไปชมนก ชมบัวและความงามของธรรมชาติ บริเวณกลางบึงบอระเพ็ดได้ ซึ่งก็ทำให้ขาดรายได้เป็นอย่างมาก

ขณะที่นายไพศาล เมืองจั่น ผู้ขับเรือนำเที่ยวในบึงบอระเพ็ด กล่าวว่า ปัญหาภัยแล้ง ส่งผลให้ระดับน้ำในบึงบอระเพ็ดลดลงอย่างต่อเนื่อง จนเกิดหาดทรายโผล่ไปทั่วบริเวณ ไม่สามารถพานักท่องเที่ยวออกไปชมความงามกลางบึงบอระเพ็ดได้ จากที่เคยนำเที่ยว 2-3 ครั้งต่อวัน แต่ช่วงนี้แทบไม่มีรายได้เลย จะสังเกตได้ว่าเรือนำนักท่องเที่ยวที่มีกว่า 10 ลำ ต้องจอดทิ้งไว้ทั้งหมดเช่นกัน ส่วนที่ทำได้ช่วงนี้คือรอน้ำฝนเข้ามาเพิ่มระดับน้ำในบึงบอระเพ็ดเท่านั้น

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 2 มิ.ย. 2558

หลายพื้นที่ฝนเทลงมากขึ้น อุณหภูมิเริ่มต่ำลง อีสานยังคงร้อนระอุ​

​

หลายพื้นที่มีโอกาสเกิดฝน โดยเฉพาะฝั่งตะวันตกและตะวันออก รวมถึงภาคใต้ตอนบน มีปริมาณน้ำฝนเทลงมามาก ทำให้อุณหภูมิเริ่มต่ำลง ส่วนภาคอีสาน และตอนกลาง ยังคงร้อนระอุ เฉลี่ย 41 องศาเซลเซียส...

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ทีมข่าวไทยรัฐ ร่วมกับ Weather Company ของสหรัฐอเมริกา รายงานสภาพอากาศเช้านี้ พบว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมประเทศไทย ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ เข้ามาปกคลุมประเทศเวียดนาม ลาว และด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนในเกณฑ์เป็นแห่งๆในระยะนี้ และทะเลฝั่งอันดามันบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ในขณะที่ภาพถ่ายดาวเทียมนั้น แสดงให้เห็นว่าวันนี้มีกลุ่มเมฆเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานโดยเฉพาะฝั่งตะวันออกของไทย ซึ่งกลุ่มเมฆเหล่านี้มีโอกาlที่จะกลายเป็นฝนตกลงมาได้ และเมื่อดูจากกราฟฟิกแสดงปริมาณน้ำฝนสะสมซึ่งพื้นที่สีเขียวคือพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดฝนในวันนี้ตลอด 24 ชั่วโมง พบว่า หลายพื้นที่มีโอกาสเกิดฝน จากตัวเลขที่ปรากฎจะสังเกตว่า พื้นที่คาดว่าจะมีปริมาณน้ำฝนเทลงมามากที่สุดคือพื้นที่ฝั่งตะวันตกและตะวันออก รวมถึงภาคใต้ตอนบน ส่วนตอนกลางฝนเทลงมาค่อนข้างน้อยในวันนี้

สำหรับภาพรวมฝนวันนี้มีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ เริ่มต้นช่วงสาย กลุ่มฝนเริ่มตกกระจายตัว ในภาคเหนือ และอีสานตอนบน ส่วนตอนกลางตกหนักแถวราชบุรี ช่วงเที่ยงจะตกปานกลางถึงหนักที่จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และตกปรอยๆในจังหวัดร้อยเอ็ด เลย และเชียงราย ตอนบ่ายส่วนใหญ่ตกกระจายตัวในภาคตะวันออก โดยช่วงเวลาประมาณบ่าย 3 โมงเย็น จะตกปานกลางถึงหนักที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และจะตกเพิ่มในบริเวณภาคอีสาน ที่จังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด ยะโสธร กาฬสินธุ์ และภาคเหนือตอนล่าง ที่จังหวัดลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์

ส่วนช่วงเย็น กลุ่มฝนจะไปอยู่บริเวณภาคเหนือ ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ภาคอีสาน บริเวณชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ยาวลงมาถึงภาคตะวันออก สระแก้ว จันทบุรี ปราจีน ฉะเชิงเทรา และบางส่วนของภาคกลาง นครนายก สระบุรี ปทุมธานี และช่วงหัวค่ำตกหนักในอีสานตอนล่าง

ส่วนสถานการณ์ฝนใต้ เริ่มก่อตัวตกหนักบริเวณตอนบนของฝั่งอันดามัน ในช่วงเที่ยง ช่วงบ่าย พื้นที่ที่มีโอกาสเกิดฝนก่อตัวเป็นแนวยาว ตั้งแต่ระนองไปจนถึงยะลา ช่วงเย็น เน้นตกในจังหวัดตรัง กระบี่ ก่อนที่จะค่อยๆซาลงในช่วงหลัง 3 ทุ่ม

นอกจากนี้ ฝนที่เริ่มเทลงมากขึ้นในวันนี้ ทำให้หลายจุดเริ่มอุณหภูมิต่ำลง โดยเฉพาะภาคเหนือ และฝั่งตะวันตกของไทย ส่วนบริเวณภาคอีสาน และตอนกลางยังคงร้อนระอุอยู่ ความรู้สึกร้อนสูงสุดวันนี้เฉลี่ย 41 องศาเซลเซียส

สภาพภูมิอากาศแยกเป็นรายภาค

ภาคเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน ตาก กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 40 องศาเซลเซียส

ภาคอีสาน มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38 องศาเซลเซีย

ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี และนครปฐม อุณหภูมิต่ำสุด 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 41 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ ฝั่งอันดามัน มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณทล อุณหภูมิสูงสุด 39 องศาเซลเซียส ต่ำสุด 27 องศาเซลเซียส โดยในวันนี้มีโอกาสเกิดฝน 18 % ในช่วงเย็นถึงค่ำ และช่วงดึก.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 2 มิ.ย. 2558

กรมชลฯหวั่นปีนี้น้ำมาก อุตุฯคาดการณ์ฝนน้อย​

​

ม.ล.อนุมาศ ทองแถม ผอ.สำนักงานชลประทานที่ 3 กรมชลประทาน เผยถึงสถานการณ์ปี 2558 ว่า จากสถิติที่ผ่านมา ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ คาดการณ์ปริมาณน้ำฝนในปีนี้อาจจะมากกว่าปีที่ผ่านมา ด้วยการวิเคราะห์แนวโน้มของน้ำท่าและน้ำฝน ที่จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ทุก 10 ปี หลังจากนั้นจะเกิดภัยแล้งติดต่อกัน 2-3 ปี และในปีถัดมาจะเกิดมีน้ำท่วมในปีถัดมา

โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำยม และลุ่มน้ำน่านตอนกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ เกษตรกรมักประสบกับปัญหาน้ำท่วมขังในระหว่างปลายฤดูเก็บเกี่ยว ในช่วงเดือน ส.ค.ของทุกปี เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกร ปีนี้กรมชลประทานได้ปรับเวลาการทำนาปีในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่านให้เร็วขึ้น 1 เดือน ตามความ ต้องการของเกษตรกรส่วนใหญ่ ที่ผ่านมาได้มีการปล่อยน้ำเข้านา เพื่อให้เกษตรกรปลูกข้าวนาปีเร็วขึ้น จาก พ.ค.มาเป็น เม.ย. เพื่อให้เก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จเรียบร้อยในเดือน ก.ค. ก่อนเข้าสู่ฤดูน้ำหลาก ซึ่งการปรับระยะเวลาการทำนาเป็นครั้งแรก จึงทำให้ตลอดฤดูฝนนี้ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนนเรศวร จะได้รับการจัดสรรน้ำทั้งสิ้น 94 ล้าน ลบ.ม.ช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูก 95,750 ไร่ ส่วนโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายมน่าน ได้รับการจัดสรรน้ำ 264 ล้าน ลบ.ม.เพื่อส่งไปช่วยพื้นที่เพาะปลูก 290,694 ไร่

ในขณะที่กรมชลประทานคาดหมายว่าปีนี้น้ำจะมาก ด้านศูนย์ภูมิอากาศ สำนักพัฒนาอุตุนิยมวิทยา กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ ฤดูฝนได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ล่าช้ากว่าปกติไป 1 สัปดาห์ นอกจากนั้นยังมีรายงานเรื่องปรากฏการณ์เอลนีโญ ความผิดปกติของอุณหภูมิน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิก ในเขตศูนย์สูตรมีแนวโน้มสูงกว่าค่าปกติอย่างต่อเนื่อง คาดหมายว่าจะมีการเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญกำลังอ่อนถึงปานกลาง และจะคงเป็นปรากฏการณ์เอลนีโญไปตลอดปี 2558

ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ทำให้อุณหภูมิจะสูงกว่าค่าปกติเล็กน้อย จะทำให้ในช่วงต้นฤดูฝน ปริมาณน้ำฝนมีแนวโน้มต่ำกว่าค่าปกติ และการกระจายของฝนจะไม่สม่ำเสมอ ส่งผลให้มีปริมาณน้ำอาจไม่เพียงพอสำหรับการเกษตร โดยเฉพาะนอกเขตชลประทาน ฤดูฝนจะสิ้นสุดกลางเดือน ต.ค. ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันออกจะมีฝนตกต่อไปถึงเดือน ธ.ค.58.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 2 มิ.ย. 2558

น่าน ฟ้าผ่า! 2 หนุ่มชาวลาว ดับคาที่ กลางไร่ข้าวโพด​

​

ฟ้าผ่า 2 หนุ่มชาวลาวกลางไร่ข้าวโพดเมื่อวาน วันนี้ ญาติกลับนำศพมาไว้ข้างถนน ขณะที่ชาวบ้านคนไทยมาพบ รีบเผ่นแจ้ง ตร.หวั่น เกิดเหตุฆ่ายัดกระสอบ

เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 1 มิ.ย. พ.ต.ท.สัณฐิตย์ มหาวงศนันท์ พงส.สภ.เฉลิมพระเกียรติ พร้อม จนท.ตร.,จนท.รพ.เฉลิมพระเกียรติ จำนวนหนึ่ง รุดเข้าตรวจสอบหลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านทาง 191 ว่า มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นชายไม่ทราบชื่อ มีกระสอบป่านปกปิดร่างกาย อยู่ข้างถนนสายขุนน่าน-เปียงซ้อ ในเขตรับผิดชอบของบ้านเปียงซ้อ หมู่ 4 ต.ขุนน่าน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน เกรงว่า จะเป็นการฆาตกรรมอำพรางศพ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบชาวบ้านกำลังมุงดูเป็นจำนวนมาก พบศพชาย 2 ราย วางอยู่ข้างถนนโดยที่มีกระสอบป่านปิดร่าง จากการสอบถามญาติ ผู้เสียชีวิตทราบว่าผู้ที่เสียชีวิตนั้น คือ ท้าวมิตร อายุ 20 ปี และ ท้าวมาย อายุ 30 ปี ได้เดินทางมาจากบ้านสะเขต ของเมืองไชยสถาน แขวงไชยบุรี สปป.ลาว เข้ามารับจ้างทำไร่ข้าวโพด ในพื้นที่ อ.ปัว จ.น่าน ประมาณ 4-5 คน ได้ 9 วัน และเมื่อวันที่ 31 พ.ค. เวลาประมาณ 17.30 น. ขณะทั้ง 2 คน กำลังทำงานอยู่กลางไร่ข้าวโพด พร้อมกับเพื่อนคนงานคนอื่นๆ ได้เกิดฟ้าคะนอง ฟ้าแลบ จู่ๆ ได้ยินเสียงฟ้าผ่า ลงมาบริเวณกลางไร่ข้าวโพด จากนั้นได้มองเห็น ท้าวมิตร และท้าวมาย ล้มลง จึงพากันเข้าไปดู พบว่า ท้าวมิตร และท้าวมาย ได้เสียชีวิตโดยมีรอยไหม้บริเวณเสื้อและหน้าอก

จากนั้นช่วงเช้ามืดได้นำศพผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย บรรทุกรถของนายจ้าง มาพักไว้ข้างถนนซึ่งเป็นจุดที่เดินข้ามกลับบ้าน ประมาณ 500 เมตร เพื่อจะไปแจ้งญาติให้มารับศพ โดยใช้ผ้าห่มปูรองร่างของผู้เสียชีวิต และใช้กระสอบปกปิดร่างกายไว้ เพื่อไม่ให้เป็นที่อุจาดสำหรับผู้มาพบเห็น โดยไม่มีเจตนาอย่างอื่น จะกลับบ้านสะเขต เมืองไชยสถาน แขวงไชยบุรี สปป.ลาว จากนั้นได้นำเอาศพมาไว้ที่ดังกล่าว และได้เดินเท้าเพื่อไปหาเพื่อนบ้านที่ สปป.ลาว มาช่วยกันมารับศพ โดยบ้านจะอยู่ห่างจากจุดที่เอาศพมาไว้ และเมื่อกลับมาถึงที่เอาศพไว้พบ จนท.ตร. และชาวบ้านกำลังมุงดู

จากนั้นทาง จนท.รพ.เฉลิมพระเกียรติ ได้ร่วมกันชันสูตรพลิกศพ และญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต ทั้ง 2 ราย ไม่ติดใจในการเสียชีวิตแต่อย่างใด

ด้าน พ.ต.ท.สัณฐิตย์ มหาวงศนันท์ พงส.สภ.เฉลิมพระเกียรติ ได้กล่าวว่า ด้วยพยานหลักฐานของผู้เสียชีวิตและพยานบุคคล ที่ยืนยันในการเสียชีวิตครั้งนี้ จนท.จึงได้มอบศพทั้ง 2 ราย ให้กับญาติผู้เสียชีวิตไปทำพิธีตามความเชื่อต่อไป

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 1 มิ.ย. 2558

ร้อนจัด! ปลาในเขตอภัยทานเมืองน่านลอยตายเกลื่อนนับพัน​

​

อากาศร้อนจัด!! ปลาในสระน้ำเขตอภัยทานสำนักสงฆ์เมืองน่านลอยตายนับพัน เนื่องจากอุณหภูมิในน้ำร้อนขึ้นทำให้น้ำเน่าเสียเร็ว ด้านรองเจ้าอาวาส สั่งงดให้อาหารปลา พร้อมเร่งเก็บซากปลาที่ตายออกเพื่อให้น้ำในสระกลับสู่สภาพปกติ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 มิ.ย. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระ สามเณร และชาวบ้าน คณะศรัทธา สำนักสงฆ์วัดป่าคอวัง ต.ดู่ใต้ อ.เมือง จ.น่าน นำเรือลงสระน้ำเขตอภัยทาน เพื่อเร่งช่วยกันเก็บซากปลาที่ลอยตายนับพันตัว จนส่งกลิ่นเน่าเหม็นไปทั่ว หลังได้รับผลกระทบจากสภาพที่อากาศร้อน และแล้ง ส่งผลให้น้ำในสระน้ำที่ใช้เลี้ยงปลาลดลง มีสภาพเขียว เกิดฟองลอยทั่วผิวน้ำ จนเกิดภาวะขาดออกซิเจนในน้ำ ทำให้ปลาน็อกน้ำขาดอากาศหายใจตายจำนวนมาก

พระอาจารย์สำอาง ธีรปัญโญ รองเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์วัดป่าคอวัง กล่าวว่า ช่วงนี้มีศรัทธาสาธุชนมาปฏิบัติธรรม ตลอดจนเข้ามาเที่ยวชมสำนักสงฆ์จำนวนมาก มีการนำอาหารโยนให้ปลากินกันจำนวนมาก ประกอบกับในระยะนี้น้ำในสระลดลงจนตื้นเขิน และด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงกลางวัน ส่งผลให้อุณหภูมิในน้ำร้อนขึ้น ทำให้น้ำเน่าเสียเร็ว จนทำให้ปลาปรับสภาพไม่ทัน จนเกิดภาวะขาดออกซิเจน พากันลอยหัว และตายเป็นจำนวนมาก ช่วงนี้จึงต้องประกาศงดให้อาหารปลา จนกว่าจะมีปริมาณน้ำมากกว่านี้ พร้อมทั้งขอความช่วยเหลือไปยังเทศบาลดู่ใต้ นำน้ำมาเติมในสระ และเร่งเก็บซากปลาที่ตายออกเพื่อให้น้ำในสระกลับสู่สภาพปกติเหมาะสำหรับปลาได้อยู่อาศัยต่อไป

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 1 มิ.ย. 2558

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เตือนไทยแผ่นดินไหวใหญ่!! โหรทำนายกลางเดือน ก.ค.นี้​

​

'นอสตราดามุสเมืองไทย'ชี้ดวงเมืองปีนี้แรงสุดๆ ระบุไม่เคยเกิดตั้งแต่ตั้งประเทศมาก่อน ฟันธงมีสิทธิเจอแผ่นดินไหวใหญ่ ก่อนหรือหลัง 12 ก.ค.นี้ จุดศูนย์กลางอยู่ในประเทศ เตือนใต้-เหนือจุดเสี่ยง แนะภาครัฐเตรียมรับมืออย่าประมาท

เมื่อวันที่ 9 พ.ค.นายโสรัจจะ นวลอยู่ โหรชื่อดัง หรือฉายา "นอสตราดามุสเมืองไทย" กล่าวทำนายว่าดวงเมืองประเทศไทยปีนี้แรง ส่งผลจากช่วงนี้ไปและรุนแรงสุดในเดือน ก.ค.มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่มีจุดศูนย์กลางในประเทศไทยเอง ซึ่งไม่ใช่ภัยพิบัติทางธรรมชาติธรรมดา ขอเตือนหน่วยงานรัฐเร่งให้ข้อมูลแก่ประชาชน เพื่อตระเตรียมล่วงหน้ามีการซักซ้อมในจุดที่เคยเกิดแผ่นดินไหว อาจลดความสูญเสียลงได้บ้าง เพราะการเกิดแผ่นดินไหวไม่มีนักวิชาการหรือประเทศที่เก่ง ๆ อย่างญี่ปุ่น ไม่สามารถหาสาเหตุของการเกิดได้ นอกจากให้ประชาชนมีความรู้และไม่ประมาท ซึ่งคนไทยต้องระมัดระวังการเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในภาคใต้ และภาคเหนือของไทย

"ไทยจะเกิดไหวรุนแรง เพราะดวงบ้านเมืองประเทศไทย จะพบอะไรที่ไม่เคยเกิดในอดีต เริ่มบอกเหตุโดยดวงดาว เหตุอันดับสองคือเกิดไหวทั่วโลก พลังงานส่งถึงกัน อาจถึงเวลาของโลก จากน้ำมือมนุษย์ตักตวงจากทรัพยากรมากไป" นายโสรัจจะ กล่าว

โหรดัง กล่าวอีกว่า เหตุหลักเพราะดวงดาวที่เกิดการเคลื่อนย้าย โดยเฉพาะดาวมฤตยูเกี่ยวกับแผ่นดินไหวโดยตรง ส่วนดาวอาทิตย์เข้าราศรีพฤษภเป็นตัวเร่งให้เกิดช่วงกลางเดือนนี้ ต้องระวังพอดาวมฤตยูเข้ามาทับดวงเมือง จะมาเกิดไหวครั้งใหญ่ ทางภาคเหนือ และ ภาคใต้ มีโอกาสใหญ่โตขึ้น เกิดศูนย์กลางที่เรา แทนที่จะอยู่เกาะสุมาตรา ส่งแรงกันไปทั่วเหมือนที่ประเทศเนปาล เพราะดวงบ้านเมืองไทย มีอะไรเชื่อมกันกับดวงบ้านเมืองเนปาล คล้ายกันในเรื่องภัยพิบัติ

นายโสรัจจะ กล่าวว่า แผ่นดินไหวประเทศเนปาล ส่งแรงมาถึงเมืองไทยเป็นเหตุผลรอง แต่เหตุผลหลักคือ ดวงเมืองไทยที่ตกอยู่ในมุมสามเหลี่ยมหักศอกครอบไว้ ตนยืนยันว่าตั้งแต่ตั้งประเทศไทยมา ไม่เคยเกิดเหตุดวงดาวใหญ่ ๆทำมุมสามเหลี่ยมปกคุมเมืองอย่างนี้ โดยดาวเสาร์กับดาวพระราหูอยู่ราศีกันย์ ดาวเสาร์เล็งราศีพิจิก ดาวมฤตยูย้ายราศรีเมษ ตั้งแต่สงกรานต์เป็นต้นมา พอกลางเดือนนี้ดาวอาทิตย์เข้าราศรีเมษ เข้าราศีพฤษภก็จะทำมุมกันทั้งดาวเสาร์ดาวราหู และดาวมฤตยูในวัน 12 ก.ค.อาจเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ก่อนหรือหลังช่วงนั้น ประชาชนอย่าประมาทให้เตรียมพร้อมไว้

นายโสรัจจะ กล่าวอีกว่าอิทธิพลจากดาวมฤตยูเข้าราศีเมษ ส่งผลทุกด้านทั้งเปลี่ยนแปลงใหญ่การเมืองไทยและ เศรษฐกิจ เริ่มส่งผลหลังสงกรานต์มา ซึ่งช่วงกลางเดือนนี้จะแรงมากขึ้นและแรงมากในเดือน ก.ค. ขอเตือนปัญหาเศรษฐกิจด้วยปีนี้หนักมาก อย่างที่คนไทยไม่เคยพบ เราจะปรับตัวไม่ค่อยทันกัน ซึ่งมีปัญหาถึงสองปีกว่า ประชาชนต้องประหยัดมาก ๆ อย่าใช้จ่ายเกินตัว.

เดลินิวส์ วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม 2558 เวลา 13:45 น.

ที่มา เตือนไทยแผ่นดินไหวใหญ่!! โหรทำนายกลางเดือนก.ค.นี้ | เดลินิวส์

 

เปิดกระเป๋าฉุกเฉิน​

เผยแพร่เมื่อ 3 เม.ย. 2013​

 

วิธีกลั่นน้ำดื่ม และ น้ำมันหอมระเหย แบบง่ายๆ​

เผยแพร่เมื่อ 11 ก.พ. 2014​

 

รับมือแผ่นดินไหว​

อัปโหลดเมื่อ 8 ก.ย. 2011​

 

ทฤษฎี 3 เหลี่ยมกับการเกิดแผ่นดินไหว​

อัปโหลดเมื่อ 3 ก.พ. 2011​

 

สุขภัณฑ์เคลื่อนที่ Moya​

เผยแพร่เมื่อ 21 ส.ค. 2014

จะขึ้นเขา จะลงห้วย ปัญหาหา(ถ่าย)เบาหนักจะหมดไป ด้วยสุขภัณฑ์เคลื่อนที่ Moya ที่โฮมโปรทุกสาขา​

 

เครื่องปั่นไฟแบบหูหิ้ว​

อัปโหลดเมื่อ 19 ธ.ค. 2011​

 

เครื่องสำรองไฟฉุกเฉิน​

เผยแพร่เมื่อ 24 พ.ค. 2012​

 

วิธีใช้งานอินเวอร์เตอร์​

เผยแพร่เมื่อ 19 มิ.ย. 2013​

 

การเลือกซื้อเต้นท์​

อัปโหลดเมื่อ 29 ต.ค. 2010​

 

การทำน้ำให้สะอาดระหว่างเดินป่า​

อัปโหลดเมื่อ 13 มิ.ย. 2010​

 

เตาสำรองในสถานการณ์ฉ­ุกเฉิน​

เผยแพร่เมื่อ 23 ก.ย. 2012

ชุดเตาและหม้อน้ำหนักเบา สำหรับเดินทางและเป็นเตาสำรองในสถานการณ์ฉ­ุกเฉิน​

 

เตาสำหรับการเดินป่า​

อัปโหลดเมื่อ 1 เม.ย. 2011​

 

ผวา! ไวรัสเมอร์สระบาดในเกาหลีใต้ ตายแล้ว 2 ทัวร์จีนเลื่อนอื้อ​

​

ไวรัสเมอร์สระบาดในเกาหลีใต้แรงขึ้น...ยอดคนตายเพิ่มเป็น 2 ติดเชื้อเกือบ 30 ราย และโดนกักตัว รอดูอาการถึงกว่า 1,300 คน ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนและไต้หวันหวั่นเชื้อไวรัสมรณะ ขอเลื่อนโปรแกรมทัวร์มาเที่ยวเกาหลีใต้กว่า 3 พันคนแล้ว

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 58 สำนักข่าวยอนฮับ สื่อในเกาหลีใต้รายงานถึงสถานการณ์เชื้อไวรัสเมอร์ส หรือ Middle East Respiratory Syndrome (MERS) ซึ่งเป็นโคโรน่าไวรัสสายพันธ์ุกลุ่มอาการโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง กำลังเกิดการแพร่ระบาดในเกาหลีใต้ และสร้างความตื่นตระหนกให้แก่ประชาชนอย่างมากว่า ขณะนี้ มีคนไข้ซึ่งติดเชื้อไวรัสเมอร์ส เสียชีวิตเพิ่มเป็น 2 ราย จนถึงวันอังคารที่ 2 มิ.ย. ขณะที่ มีผู้ติดเชื้อ จำนวน 28 ราย และมีประชาชนซึ่งสงสัยอาจติดเชื้อไวรัสเมอร์ส ต้องถูกกักบริเวณเพื่อรอดูอาการของโรค กว่า 1,300 คน

ด้านประธานาธิบดีปาร์ก กึน เฮ แห่งเกาหลีใต้ได้เรียกประชุมฉุกเฉินร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลและผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขและโรคติดต่อ เพื่อหาทางป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเมอร์สในประเทศ นอกจากนั้น รัฐบาลเกาหลีใต้ยังตั้งเบอร์โทรศัพท์ ‘ฮอต ไลน์’ สายด่วน เพื่อให้ประชาชนสามารถโทรเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับอาการป่วยซึ่งสงสัยว่าอาจติดเชื้อไวรัสเมอร์ส ได้ตลอดเวลา

ชาวเกาหลีใต้สวมหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อไวรัสเมอร์สกันทั้งครอบครัว
ส่วน องค์การท่องเที่ยวเกาหลี (The Korea Tourism Organization) แจ้งว่าจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสเมอร์สในประเทศ ทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 2,000 คน และไต้หวันอีก 500 คน ได้แจ้งขอเลื่อนการเดินทางมาท่องเที่ยวในเกาหลีใต้จากที่มีกำหนดการไว้ในเดือน มิ.ย.นี้ออกไปก่อน อีกทั้งคาดว่าบริษัททัวร์ต่างๆ ในจีนจะต้องเผชิญหน้ากับการยกเลิกทัวร์ของนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากกว่านี้แน่

โดยสำนักข่าวยอนฮับยังแจ้งว่า ความหวาดวิตกต่อสถานการณ์ไวรัสเมอร์สในเกาหลีใต้ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้ ร่วงหนักสุดในรอบเกือบ 2 เดือน เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา นอกจากนั้น ความหวาดวิตกของพ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียน ยังได้เรียกร้องแกมบังคับให้โรงเรียนในเกาหลีใต้ปิดการเรียนการสอน จนทำให้มีโรงเรียนทั่วประเทศประกาศปิดโรงเรียนนับ 200 แห่ง ขณะที่ชาวเกาหลีใต้เริ่มสวมหน้ากากอนามัยป้องกันการติดเชื้อโรคกันมากขึ้นแล้ว

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 มิ.ย. 2558

เรือจีนล่ม กว่า 400 ชีวิตหาย มีแต่คนสูงวัย ช่วยรอดแค่ 20 เจอพายุถล่ม! ที่แม่นํ้าแยงซี​

​

จีนระดมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยนับพันเร่งช่วยนักท่องเที่ยวที่ยังติดอยู่ภายในเรือสำราญ “อีสเทิร์น สตาร์” ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัย หลังประสบเหตุล่มในแม่น้ำแยงซี ช่วงเขตปกครองเจี้ยนหลี่ มณฑลหูเป่ย โดยกัปตันเรือที่รอดตายพร้อมต้นหน อ้างเหตุเรืออับปางเพราะเจอพายุพัดกระหน่ำกะทันหัน เบื้องต้นช่วยเหลือได้แล้ว 20 คน จากคนบนเรือทั้งหมด 458 คน ยังสูญหายอีกเพียบ

ตลอดวันที่ 2 มิ.ย.สำนักข่าวต่างประเทศ ทั้งเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์ รายงานโศกนาฏกรรมทางน้ำในประเทศจีน จากกรณีเกิดเหตุเรือสำราญ “อีสเทิร์นสตาร์” ของบริษัทฉงชิ่ง อีสเทิร์น ชิปปิง คอร์ปอเรชั่น ที่นำนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ รวมลูกเรือ จำนวนรวม 458 ราย อับปางในแม่น้ำ แยงซี ช่วงที่ไหลผ่านเขตปกครองเจี้ยนหลี่ มณฑลหูเป่ย ภาคกลางของจีน เมื่อเวลาประมาณ 21.28 น. ของวันที่ 1 มิ.ย.ตามเวลาท้องถิ่นจีน หลังจากเจอพายุโหมกระหน่ำจนล่ม ซึ่งเบื้องต้นหน่วยกู้ภัยช่วยเหลือจนปลอดภัยแล้ว 20 ราย รวมทั้งกัปตันเรือและต้นหน

ต่อมาสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หน่วยกู้ภัยเร่งมือช่วยเหลือผู้โดยสารบนเรือสำราญ “อีสเทิร์นสตาร์” ที่มีความยาว 76.5 เมตร ซึ่งเดินทางจากเมืองนานกิงไปยังปลายทางเมืองฉงชิ่ง มีผู้อยู่บนเรือทั้งหมด 458 ราย ได้แก่ นักท่องเที่ยวอายุระหว่าง 50-80 ปี รวม 406 ราย มัคคุเทศก์ 5 ราย และลูกเรืออีก 47 ราย โดยนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ออกคำสั่งระดมกำลังหน่วยกู้ภัยกว่า 1,000 นายในภาคกลางไปยังแม่น้ำแยงซีช่วงที่เกิดเหตุเรืออับปาง และค้นหาผู้ประสบภัยตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 1 มิ.ย.จนถึงช่วงเช้าตรู่วันที่ 2 มิ.ย. จึงพบศพผู้เสียชีวิต 5 รายแรก แต่ยังไม่อาจระบุชื่อและอายุของผู้เสียชีวิตทั้งหมดได้ ขณะที่นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน พร้อมด้วยนายหม่า ไค รองนายกรัฐมนตรี รุดไปยังที่เกิดเหตุทันทีที่ทราบข่าว พร้อมเรียกประชุมด่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยและเจ้าหน้าที่กองทัพเรือเพื่อวางแผนช่วยเหลือผู้ประสบเหตุซึ่งยังติดอยู่ในเรือสำราญอีสเทิร์นสตาร์ ทั้งยังมีการระดมเรือประมงในพื้นที่ใกล้เคียงนับสิบลำมาช่วยกันค้นหาผู้ประสบภัย

อย่างไรก็ตาม เรือสำราญ “อีสเทิร์นสตาร์” มีจำนวนทั้งหมด 4 ชั้น และเรืออับปางโดยหัวเรือคว่ำจมลงไปในแม่น้ำแยงซี ซึ่งเป็นช่วงที่มีความลึกประมาณ 15 เมตร และนักประดาน้ำเผยว่า ได้ยินเสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือและเสียงทุบเรือในช่วงแรกที่ไปถึงยังที่เกิดเหตุ และเจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องมือหนักมาเตรียมตัดด้านข้างเรือเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในซากเรืออับปาง แต่การดำเนินการเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะสภาพอากาศเลวร้าย มีทั้งลมกระโชกและฝนตกกระหน่ำ ทำให้เรือถูกพัดลอยห่างไปจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กม.เจ้าหน้าที่จึงเกรงว่าอาจช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ข้างในไม่ได้ทันเวลา ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ที่ยังติดค้างอยู่ในเรือเสียชีวิตทั้งหมด จนกลายเป็นโศกนาฏกรรมทางเรือที่เลวร้ายที่สุดของจีน

นอกจากนี้ โฆษกศูนย์วิทยุสั่งการกู้ภัยทางน้ำในเขตเจี้ยนหลี่เผยว่าได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเรืออีสเทิร์นสตาร์ก่อนเกิดเหตุเรืออับปางประมาณ 2 นาที และมีผู้ว่ายน้ำขึ้นฝั่ง 7 รายเพื่อจุดพลุส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ และได้รับการช่วยเหลือจากเรือประมงที่อยู่ใกล้เคียง โดยที่ผู้ได้รับการช่วยเหลือ 2 ใน 7 ราย ได้แก่ กัปตันเรืออีสเทิร์นสตาร์และต้นหน ซึ่งตำรวจได้ควบคุมทั้งคู่เพื่อสอบปากคำ และทั้งคู่ให้การว่าเรืออับปางเพราะเจอกับพายุหมุนอย่างกะทันหัน

ขณะที่นายหวาง เจี้ยนหัว รองประธานบริหารของบริษัทฉงชิ่ง อีสเทิร์น ชิปปิง คอร์ปอเรชั่น เจ้าของเรืออีสเทิร์นสตาร์ แถลงแสดงความเสียใจต่อผู้ประสบเหตุและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุเรืออับปางครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นเหตุเรืออับปางครั้งแรกของบริษัท นับตั้งแต่ดำเนินกิจการล่องเรือในแม่น้ำแยงซีมายาว นานกว่า 48 ปี และขณะนี้ยังไม่อาจเปิดเผยได้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เรืออับปาง เพราะยังต้องรอผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม

ต่อมาสำนักข่าวซินหัวของจีน รายงานเพิ่มเติมว่า นักประดาน้ำสามารถช่วยเหลือนักท่องเที่ยวสูงอายุที่ติดอยู่ในเรืออับปางได้สำเร็จ 1 ราย หลังเกิดเหตุนานกว่า 12 ชม. และคาดว่ายังมีผู้รอดชีวิตอีก 3 รายติดอยู่ด้านในเรือ เพราะได้ยินเสียงเคาะเรือเป็นสัญญาณตอบรับ ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมสั่งระดมเรือประมง 150 ลำในเขตเจี้ยนหลี่ พร้อมด้วยอาสาสมัครอีก 3,000 คน เข้าร่วมค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยบริเวณที่เกิดเหตุในแม่น้ำแยงซีอีกแรงหนึ่ง

ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า หน่วยกู้ภัยช่วยกันดึงผู้โดยสารที่รอดชีวิตรายที่ 2 เป็นผู้ชายออกมาได้ ทำให้ขณะนี้หน่วยกู้ภัยสามารถช่วยผู้รอดชีวิตไว้ได้แล้ว 15 ราย กู้ศพขึ้นมาได้ 5 ราย ที่เหลืออีกหลายร้อยคนยังสูญหายและไม่ทราบชะตากรรม คาดว่ายังติดค้างอยู่ภายในเรือโดยสารที่พลิกคว่ำ ขณะที่ทางการจีนสั่งลดปริมาณน้ำจากเขื่อนสามผา ซึ่งเป็นเขื่อนพลังงานน้ำที่ผลิตกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อให้การทำงานของเจ้าหน้าที่สะดวกขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน พร้อมข้าราชการระดับอาวุโสจำนวนหนึ่ง และกำลังพลกับอุปกรณ์กู้ภัยเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุ เพื่อดูแลและคอยรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว

อย่างไรก็ดี หลังเวลาล่วงเลยมากว่าครึ่งวัน ครอบครัวเหยื่อผู้ประสบภัยจำนวนมากทยอยเดินทางไปยังสำนักงานบริษัทฉงชิ่ง อีสเทิร์น ชิปปิง คอร์ปอเรชั่นในเมืองฉงชิ่ง ทางตะวันออกของจีน ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเรืออีสเทิร์นสตาร์ก่อนเกิดเหตุอับปาง เพื่อรอฟังความคืบหน้าการค้นหาและช่วยเหลือผู้อยู่บนเรือ แต่โฆษกของบริษัทไม่อาจให้ข้อมูลใดๆได้ และทำได้เพียงปลอบโยนกลุ่มญาติผู้โดยสารที่อยู่ในอาการวิตกกังวลและบางส่วนก็ร่ำไห้ไม่หยุด

ขณะที่ผู้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดนิยมของจีน “ซีน่า เว่ยป๋อ” ก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์สื่อของรัฐบาลว่าไม่รายงานเหตุการณ์เรืออับปางอย่างใกล้ชิด ทำให้ประชาชนไม่ได้รับข้อมูลที่เพียงพอ โดยผู้ใช้เน็ตชาวจีนเปรียบเทียบเหตุการณ์ในแม่น้ำแยงซีกับเหตุการณ์เรือเฟอร์รี่เซวอลอับปางในทะเลเกาหลีใต้ เมื่อเดือน เม.ย.2557 ซึ่งสื่อของเกาหลีใต้ติดตามรายงานข่าวอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชม. ทำให้โฆษกรัฐบาลจีนต้องออกแถลงการณ์ขอความร่วมมือจากประชาชนให้อยู่ในความสงบและไม่เผยแพร่ข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดหรือสร้างความแตกตื่นในสังคม

ด้านสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี สื่อของรัฐบาลจีน เผยรายละเอียดในเวลาต่อว่าผู้รอดชีวิตที่นักประดาน้ำช่วยเหลือขึ้นมาได้หลังเกิดเหตุนานกว่า 12 ชม.เป็นนักท่องเที่ยวหญิง อายุ 85 ปี ขณะที่บริษัทเจ้าของเรืออีสเทิร์นสตาร์เผยว่า นอกจากผู้สูงอายุแล้ว บนเรือยังมีเด็กอายุประมาณ 3 ขวบ รวมอยู่ด้วย แต่ทางบริษัทยืนยันว่าเรือไม่ได้บรรทุกผู้โดยสารเกินกำหนดจนเป็นเหตุให้อับปาง ทั้งยังมีเสื้อชูชีพเพียงพอสำหรับผู้อยู่บนเรือทุกคน

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 3 มิ.ย. 2558

ผู้นำชาติอียูร่วมวงถกไอเอ็มเอฟหาทางช่วยกรีซ​

​

ผู้นำอียู ฝรั่งเศส เยอรมนี ประชุมร่วมกับประธานธนาคารกลางยุโรปและไอเอ็มเอฟ เพื่อหาข้อสรุปช่วยกรีซ โดยได้ข้อสรุปรวม 3 ข้อเสนอของเจ้าหนี้ เพื่อหวังจะช่วยให้กรีซยังคงอยู่ในยูโรโซนต่อไป...

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2558 บุญธง ก่อมงคลกูล ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำประเทศเบลเยียม รายงานโดยอ้างหนังสือพิมพ์เลอฟิกาโรของฝรั่งเศสได้รายงานข่าว ข้อเสนอกับข้อโต้แย้งของกรีซกับบรรดาเจ้าหนี้เดินหน้าไปถึงจุดสุดท้าย ที่จะบรรลุข้อตกลงด้วยเงื่อนไขเวลาที่กระชั้นชิด ขณะที่กรีซกำลังรอรับเงินก้อนสุดท้ายจำนวน 7.2 พันล้านยูโร ที่ยังถูกบล็อกอยู่ และจะต้องคืนเงินให้กับไอเอ็มเอฟจำนวน 1.5 พันล้านยูโรในเดือน มิ.ย.นี้ โดยต้องชำระก้อนแรกจำนวน 300 ล้านยูโรในวันศุกร์นี้ (5 มิ.ย.) เริ่มมีความวิตกกังวลกับความสามารถในการใช้คืนหนี้ก้อนแรก

ขณะที่บรรดาผู้นำประเทศสมาชิกอียูต่างปฏิเสธที่จะพูดถึงประเด็นดังกล่าว เพียงแต่บอกว่า ยังมีงานที่จะต้องทำกันต่อไป ทางด้านนางแองเกอลา แมร์เคล ก็พยายามดึงประเด็นนี้ออกไป มิให้วนเวียนอยู่ในระหว่างการประชุมจี 7 ที่แคว้นบาวาเรียช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยภายหลังการรับประทานอาหารค่ำกับผู้นำธุรกิจดิจิตอลชั้นนำกว่ายี่สิบบริษัทที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีเยอรมนีเมื่อคืนวันจันทร์ที่กรุงเบอร์ลิน ได้มีการเรียกประชุมลับระหว่างนางแองเกอลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี นายฟรองซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส นายฌองโคลด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป นายมาริโอ ดรากี้ ประธานธนาคารกลางยุโรปหรือ ECB และนางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF

หลังจากการพูดคุยกันเป็นเวลาสามชั่วโมง ผู้นำยุโรปก็ได้ตัดสินใจที่จะแสวงหา 'ข้อเสนอร่วม' เพื่อยื่นต่อกรีซเป็นข้อเสนอสุดท้าย อันจะเป็นรวมเงื่อนไขทั้งหลายของเจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันหลักทั้งสามแห่งให้เป็นแนวทางเดียวกัน แม้ว่าผู้นำประเทศสมาชิกอียูจะพิจารณาเรื่องดังกล่าวอยู่ ทั้งนางแองเกอลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี นายฟรองซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ก็ยังคงเน้นย้ำว่า ได้พยายามทุกวิถีทางที่จะให้กรีซยังคงอยู่ในยูโรโซน แต่การตัดสินใจก็มิได้ขึ้นอยู่กับเขาทั้งสองคนเท่านั้น

นายอเลซิส ทซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ มิได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมที่กรุงเบอร์ลินด้วย แต่เขาก็ได้รับการติดต่อกับนางแองเกอลา แมร์เคล และนายฟรองซัวส์ ออลลองด์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาได้ติดตามผลการประชุมของบรรดาเจ้าหนี้อย่างใกล้ชิด กรีซได้นำเสนอแผนใหม่ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น นายกรัฐมนตรีกรีซยืนยันว่า “เราได้นำข้อเสนอที่ทำได้จริง ดังนั้น การตัดสินใจจึงขึ้นอยู่กับบรรดาผู้นำอียูเท่านั้น” ในระดับยุโรปนั้น ก็ได้มีการแสดงความยินดีกับการแลกเปลี่ยนข้อเสนอระหว่างกัน

นายปิแอร์ มอสโควิชิ กรรมาธิการด้านเศรษฐกิจของอียู กล่าวว่า “ถือเป็นความก้าวหน้าที่บรรลุผล” แต่ก็ไม่มีการแถลงถึงผลการประชุมระหว่างสามสถาบันเกี่ยวกับข้อเสนอของกรีซ

ด้าน นายเจอเริน ไดจ์เซลบลูม ประธานกลุ่มยูโร กล่าวว่า แม้ว่ากรีซจะสามารถบรรลุข้อตกลงในอาทิตย์นี้ ก็ยังคงต้องผ่านความเห็นชอบจากยูโรกรุ๊ปอีกด้วย ดังนั้น จะยังคงไม่มีการให้โอนเงินให้ในสัปดาห์นี้ อียูไม่ต้องการให้ใครมาชี้นำ ผู้รับผิดชอบของอียูกล่าวว่า “เราได้ผ่อนคลายท่าทีลงไปมากกว่าเมื่อสี่ปีก่อน อียูมิได้หวาดกลัวกับผลกระทบอันจะเกิดจากการล่มสลายของกรีซแล้ว ซึ่งเป็นท่าทีที่ต่างกับในช่วงแรกของการเกิดวิกฤติ

รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า มีหลายหลายแนวทางที่จะต้องเผชิญหน้าหากว่า “ความตกลงเต็มรูปแบบ” ไม่บรรลุผลในช่วงอนาคต บางฝ่ายได้มีข้อเสนอให้ทำการโอนเงินให้เป็นสองขั้น โดยนำเรื่องที่ยากที่สุดเก็บไว้ในพิจารณาในลำดับสุดท้าย เช่น เรื่องการปฏิรูประบบเงินบำนาญ ก็จะช่วยให้กรีซสามารถปฏิบัติตามข้อบังคับทางการเงินได้ แต่ก็เป็นไปได้ว่าจะมีการผิดนัดชำระหนี้ ทางด้านไอเอ็มเอฟเองก็ไม่ยอมผ่อนคลายข้อบังคับ และต้องการให้กรีซรับผิดชอบชำระหนี้ตามกำหนด กระบวนการใหม่ที่จะนำมาปรับใช้กับปฏิกิริยาอันไม่แน่นอนกำลังจะเกิดขึ้น ตลาดเงินจะมีการตอบสนองอย่างไร ธนาคารกลางยุโรปมีแนวคิดตอบรับเพียงได นายฟรองซัวส์ ออลลองด์ กับนางแองเกอลา แมร์เคล ก็ยังคงรักษาท่าทีที่สงบเงียบเช่นเดิม.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 มิ.ย. 2558

ไอซิสเหิมเกริม ส่งคาร์บอมบ์ 3 ลูก บึมสนง.ตำรวจอิรัก ดับ 45 ศพ​

​

กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม ใช้ระเบิดรถยนต์โจมตีสำนักงานตำรวจในจังหวัดอันบาร์ เมื่อวันจันทร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 45 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคน...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอซิส) ใช้ระเบิดรถยนต์โจมตีสำนักงานตำรวจบนถนนซึ่งเชื่อมต่อระหว่างเมืองฟัลลูจาห์ และเมืองซามาร์รา ในจังหวัดอันบาร์ ทางตะวันตกของประเทศอิรัก เมื่อจันทร์ที่ 1 มิ.ย. เป็นเหตุให้มีตำรวจเสียชีวิตอย่างน้อย 45 นาย ในจำนวนนี้รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้วย

เจ้าหน้าที่ของ ศูนย์บัญชาการปฏิบัติการในจังหวัดอันบาร์ เปิดเผยต่อสำนักข่าว บีบีซี ว่า รถฮัมวีหุ้มเกราะบรรทุกวัตถุระเบิด 3 คัน ถูกใช้ในการโจมตีที่สำนักงานของกองทัพที่ 3 แห่งกองพันที่ 21 แห่งกองกำลังตำรวจแห่งชาติ โดยระเบิดดังกล่าวไปจุดระเบิดอย่างรุนแรงที่คลังเก็บอาวุธภายในค่ายด้วย

เจ้าหน้าที่คนเดิมระบุว่า การโจมตีครั้งนี้ทำให้มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงเสียชีวิตหลายราย ขณะที่พลจัตวา มูสซา ไฮเดอร์ ผู้บัญชาการกองพันที่ 9 เป็นหนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บ 33 ราย

อีกด้านหนึ่ง แหล่งข่าวในหน่วยงานหน่วยงานความมั่นคงในจังหวัดอันบาร์ เผยต่อบีบีซีว่า เครื่องยิงจรวด 'เซลซัล-2' ผลิตโดยอิหร่าน ซึ่งเขาระบุว่าเป็นปัจจัยสุดท้ายในแผนการขับไล่กลุ่มไอซิสออกจากเมืองรามาดี ถูกส่งไปถึงแนวหน้าในจังหวัดอันบาร์แล้ว และจะเริ่มการโจมตีภายในไม่กี่วันข้างหน้า

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 2 มิ.ย. 2558

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

จับตาเฝ้าระวัง! ไวรัสมรณะ 'เมอร์ส' ขยับใกล้ไทย​

​

รู้จักไวรัสมรณะ เมอร์ส ที่มีความน่ากลัวกว่าไวรัสอีโบลา หากเชื้อเข้าปอดแล้วโอกาสเสียชีวิตมีสูงถึง 36% แถมทนต่อสภาพแวดล้อม สามารถติดต่อได้ทั้งผ่านทางเดินหายใจ-สารคัดหลั่ง หากแพร่เข้าปอดจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 4 วัน...

หลังจากที่ทั่วโลกต้องตื่นตระหนกหลังพบ ไวรัสมรณะ 'เมอร์ส' (mers virus Middle East Respiratory Syndrome coronavirus: MERS) คือ โคโรนาไวรัส ที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ที่กลับมาระบาดในเอเชียอีกครั้ง เพราะไวรัสตัวนี้ติดง่ายกว่าเชื้ออีโบลา (Ebola) ถ้าเชื้อแพร่กระจายเข้าปอดแล้วโอกาสเสียชีวิตมีสูงถึง 36%

ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนชื้นช่วงต้นฤดูฝน ในพื้นที่เขตเส้นศูนย์สูตรแถบเอเชีย ทำให้อุณหภูมิสูงเกิน 40 องศาเซลเซียสในหลายประเทศ แต่ความร้อนก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการระบาดของเชื้อไวรัสมรณะเมอร์ส ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อไวรัสตัวนี้ที่ประเทศเกาหลีใต้รวม 30 คน หลังจากเดินทางกลับจากตะวันออกกลาง

จากการตรวจสอบของทีมข่าวไทยรัฐ พบว่า ไวรัสเมอร์สมีความน่ากลัวกว่าไวรัสอีโบลา เพราะสามารถทนต่อสภาพอากาศร้อนสูง ระหว่างอุณหภูมิ 25-30 องศาเซลเซียส ในสภาพแวดล้อมนานถึง 2 วัน เพราะมันมีถิ่นกำเนิดในแถบทะเลทรายที่ร้อนเกือบ 50 องศาเซลเซียส หากผู้ป่วยที่ติดเชื้อเกิดจามขณะมีผู้คนเดินผ่านในรัศมี 1 เมตร ผู้นั้นสามารถติดเชื้อไวรัสนี้ได้อย่างง่ายดาย จากละอองน้ำลาย น้ำมูก และเสมหะของผู้ติดเชื้อ

ร่างกายและอุณหภูมิของมนุษย์เป็นที่อยู่อาศัยชั้นเลิศ ในการเพิ่มจำนวนไวรัส หลังเข้าร่างกายผ่านระบบทางเดินหายใจ หรือสารคัดหลั่ง เช่น เลือด น้ำเหลือง น้ำลาย หรืออสุจิ มันจะเข้าไปฝังตัวในเซลล์ของมนุษย์ทันที และใช้องค์ประกอบจากเซลล์มนุษย์ ที่มีอุณหภูมิเหมาะสมที่ 37 องศาเซลเซียส เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว ให้กลายเป็นไวรัสเมอร์สตัวใหม่ และเซลล์มนุษย์ที่ติดเชื้อก็จะตายลง ทำให้ระบบการทำงานของร่างกายล้มเหลว โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ ปอด และไต

ผู้รับเชื้อจะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และทรุดลงอย่างรวดเร็วเมื่อไวรัสลงปอด จะมีชีวิตอยู่ไม่เกิน 4 วัน จึงเป็นเรื่องน่าห่วงกับพี่น้องมุสลิมที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ช่วงหลังกลางเดือนสิงหาคมนี้ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย เพราะไวรัสตัวนี้มีถิ่นกำเนิดในดินแดนอาหรับและยังไม่มีวัคซีนป้องกัน

ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อไวรัสนี้ทั่วโลกกว่า 1,100 คน เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 400 คน ขณะที่ ยอดผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้จากไวรัสชนิดนี้เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่องค์การอนามัยโลก ยังไม่มีการประกาศห้ามเดินทางไปยัง ประเทศที่พบผู้ป่วยแต่อย่างใด

เช่นเดียวกับ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ออกประกาศเตือนคนไทยในเกาหลีใต้ให้ระมัดระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเมอร์สในเกาหลีใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อาศัยในเขตเมืองแดจอน และพื้นที่ใกล้เคียงให้เพิ่มความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่สาธารณะ ซึ่งอาจเป็นแหล่งติดเชื้อได้ รวมถึงหมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ และใช้หน้ากากอนามัยปิดปาก และจมูก เมื่อมีอาการไอ หรือ จาม แต่หากมีอาการไม่สบายหรือเป็นไข้ ควรรีบพบแพทย์ทันที.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 มิ.ย. 2558

ด่านอรัญฯ ตั้งจุดคัดกรอง-ตรวจวัดอุณหภูมิ เข้มสกัด 'ไวรัสเมอร์ส'​

​

ด่านพรมแดนอรัญประเทศ สั่งคุมเข้มนักท่องเที่ยวเดินทางผ่านแดนเข้าไทย ตั้งจุดคัดกรอง-ตรวจวัดอุณหภูมิความร้อนในร่างกาย หวังสกัดไวรัสเมอร์ส เหตุจุดดังกล่าวมีคนผ่านเข้าออกวันละกว่าพันคน ...

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 มิ.ย. 58 พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง.ผกก.ตม.จว.สระแก้ว ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.เรืองเดช ธรรมนันท์ สว.ตม.จว.สระแก้ว ประสานความร่วมมือกับ นายธนกฤต สายสิญจน์ หน.ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ จ.สระแก้ว ให้นำกำลัง จนท.ควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พร้อมเครื่องมือทางการแพทย์และเครื่องตรวจวัดความร้อนในร่างกาย มาร่วมกับ จนท.ด่าน ตม.อรัญประเทศ โดยมี ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ.1201 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา ได้นำกำลัง จนท.ทหารพรานฯ มาร่วมสนับสนุนในปฏิบัติการในครั้งนี้ด้วย เพื่อร่วมกันทำการตรวจคัดกรองและวัดอุณหภูมิความร้อนในร่างกายของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เดินทางข้ามด่านพรมแดนอรัญประเทศ จากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เพื่อเข้ามาในประเทศไทย โดยเฉพาะตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวกลุ่มเสี่ยงแถบตะวันออกกลาง ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่กำลังมีการระบาดของ โรคเมอร์ส หรือ เชื้อไวรัสเมอร์ส เพื่อเป็นการป้องกันและสกัดไม่ให้โรคเมอร์สลุกลามเข้ามาในประเทศไทยได้

ทั้งนี้ เนื่องจากด่านพรมแดนอรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว เป็นด่านพรมแดนติดกับประเทศกัมพูชา และเป็นด่านฯ ที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทั้งแถบยุโรป, เอเชียใต้, ตะวันออกกลาง และชาติอื่นๆ เดินทางเข้า-ออกวันละกว่า 1,000 คน ซึ่งการตรวจวัดความร้อนในร่างกายของนักท่องเที่ยวในครั้งนี้ จนท.จะทำการคัดกรองตรวจนักท่องเที่ยวกลุ่มเสี่ยงที่มีประวัติเดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของไวรัสเมอร์ส เช่น ประเทศเกาหลีใต้ ประเทศจีน และนักท่องเที่ยวแถบตะวันออกกลาง โดย จนท.จะใช้หลักเกณฑ์มาตรฐานสากลวัดความร้อนในร่างกายของนักท่องเที่ยวดังกล่าว โดยอุณหภูมิความร้อนในร่างกายของมนุษย์ปกติจะอยู่ที่ 37 องศาเซลเซียส หากสูงขึ้นไปอยู่ที่ 38 องศาเซลเซียส ถือว่าผิดปกติ จะต้องรีบตรวจหาสาเหตุของความร้อนนั้นทันที ซึ่งการตรวจวัดความร้อนในร่างกายของนักท่องเที่ยวกลุ่มเสี่ยงในครั้งนี้ยังไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด แต่ก็ยังคงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ไวรัสเมอร์ส อย่างใกล้ชิด

ทางด้าน พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง.ผกก.ตม.จว.สระแก้ว เปิดเผย ว่า จากข่าวการพบการติดเชื้อโรค ไวรัสเมอร์ส ของประเทศเกาหลีใต้ ทำให้มีผู้ติดเชื้อเสียชีวิตไปแล้ว 2 ราย ทำให้ประเทศไทยซึ่งถือว่า เป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ และนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ค้นพบไวรัสเมอร์ส เดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก และด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว เป็นด่านชายแดนติดกับประเทศกัมพูชา ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวและมรดกโลกอยู่ ทำให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากโดยเฉพาะประเทศกลุ่มเสี่ยงเดินทางมาเที่ยวในประเทศกัมพูชา และนักท่องเที่ยวจำนวนกว่าครึ่งได้เดินทางต่อเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยผ่านด่านพรมแดนอรัญประเทศ ถึงแม้ประเทศไทยยังไม่มีการค้นพบว่ามีเชื้อไวรัสเมอร์สระบาดเข้ามาในประเทศไทย แต่เพื่อความไม่ประมาท ดังนั้น ตม.จว.สระแก้ว จึงร่วมมือกับ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ มาร่วมกันคัดกรองตรวจเข้มเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเมอร์ส เข้ามาในประเทศไทยได้ เนื่องจากหากมีการระบาดของโรคดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทย จะทำให้การท่องเที่ยวประเทศไทยเสียหาย และต้องสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวไปเป็นจำนวนมาก

ทางด้าน นายธนกฤต สายสิญจน์ หัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ จ.สระแก้ว เผยว่า โรคเมอร์ส หรือเชื้อไวรัสเมอร์ส ซึ่งเป็นไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2012 เมอร์ส-โควี เป็นไวรัสทำให้เกิดโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน มีอาการรุนแรงคล้ายโรคซาร์ส เชื้อลุกลามเข้าปอดอย่างรวดเร็ว ติดต่อได้จากการไอ จาม ผู้ติดเชื้อจะมีอาการไข้สูง ไอ ถ่ายเหลว อาเจียน คล้ายไข้หวัดใหญ่แต่รุนแรงกว่ามาก ยังไม่มีวัคซีนรักษาได้ ซึ่งพบครั้งแรก จากกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งสันนิษฐาน ว่า ติดมาจากอูฐ และเมื่อมีการตรวจพบว่า มีชาวเกาหลีใต้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวและเสียชีวิตไปแล้ว 2 คน ทำให้หลายประเทศเริ่มตื่นตัว และหาทางป้องกันโดยเฉพาะประเทศไทย แม้จะยังไม่มีการระบาด และประเทศไทยไม่ใช่ประเทศกลุ่มเสี่ยงก็ตาม แต่จำเป็นต้องเฝ้าระวังโรคตลอดเวลา

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 มิ.ย. 2558

เกือบทุกภาคฝนเพิ่มขึ้น กลางตอนล่างร้อน อุณหภูมิเฉลี่ย 42 องศาฯ​

​

เกือบทุกภาค ฝนเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะช่วงบ่าย ฝั่งตะวันตกจะมีปริมาณน้ำฝนมากสุด ขณะที่ภาคใต้ จะไปตกหนักที่พังงา กระบี่ ตรัง ส่วนภาคกลางตอนล่าง จะมีอุณหภูมิสูงสุด เฉลี่ยอยู่ที่ 42 องศาเซลเซียส...

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ทีมข่าวไทยรัฐ ร่วมกับ Weather Company ของสหรัฐอเมริกา รายงานสภาพอากาศ พบว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงพัดด้วยกำลังอ่อน ทำให้ฝนในภาคใต้จึงไม่มาก ส่วนตอนบนถึงตอนกลาง ในช่วงตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสุดสัปดาห์ จะได้รับอิทธิพลจากกระแสลมตะวันออกเฉียงใต้ที่จะพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีฝนเพิ่มมากขึ้น โดยพื้นที่คาดว่าจะมีปริมาณน้ำฝนเทลงมามากที่สุดคือฝั่งตะวันตกของประเทศ

ส่วนภาพรวมสถานการณ์ฝนตอนบนถึงตอนกลาง ยังคงมีฝนตกกระจายตัวและตกหนักในหลายพื้นที่โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งช่วงสายวันนี้กลุ่มฝนเริ่มก่อตัวตกปานกลางในหลายจุดด้วยกัน ได้แก่ ภาคเหนือ บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก สุโขทัย ภาคอีสานที่จังหวัดนครพนม สกลนคร อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และจะตกหนักที่จังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ และตกเป็นทางยาวมายังภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ส่วนในฝั่งตะวันตกจะตกหนักที่จังหวัดกาญจนบุรี

ช่วงเที่ยงกลุ่มฝนจะยังคงตกปานกลางถึงหนักที่จังหวัดกาญจนบุรี และจะตกเพิ่มในราชบุรีด้วย ส่วนตอนบนจะตกในบริเวณเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน และตาก และในภาคอีสานจะตกตั้งแต่บริเวณจังหวัดหนองคาย อุดรธานี ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ส่วนช่วงบ่ายกลุ่มฝนกระจายตัวหลายพื้นที่ทั้งในภาคเหนือ อีสาน กลาง และตะวันออก โดยช่วงเวลาประมาณบ่าย 3 โมงจะไปตกหนักที่จังหวัดมหาสารคาม กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด

ขณะที่ช่วงเย็นกลุ่มฝนจะเน้นตกหนักบริเวณภาคอีสานตอนบน แถวๆจังหวัดหนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี และอีกจุดบริเวณยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ก่อนที่จะค่อยๆหยุดตกในช่วงค่ำ ในขณะที่สถานการณ์ฝนใต้วันนี้ จะเริ่มก่อตัวในช่วงบ่าย โดยจะตกปรอยๆตั้งแต่จังหวัดระนอง และไปตกหนักขึ้นที่จังหวัดพังงา กระบี่ ตรัง ส่วนช่วงเวลาประมาณ 4 โมงเย็นจะไปตกหนักเพิ่มที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจะซาลงในช่วงเย็น

ส่วนวันนี้อุณหภูมิภาพรวมในภาคอีสานจะลดลงเล็กน้อย เนื่องจากฝนที่ตกลงมามากขึ้น แต่พื้นที่บริเวณภาคกลางตอนล่าง จะเป็นจุดที่มีอุณหภูมิสูงสุด โดยความรู้สึกร้อนเฉลี่ยสูงสุดจะอยู่ที่ 42 องศาเซลเซียส

สภาพอากาศแยกตามภูมิภาค

ภาคเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน ตาก กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 42 องศาเซลเซียส

ภาคอีสาน มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี และนครปฐม อุณหภูมิต่ำสุด 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ฝั่งอันดามัน มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด33 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ โดยวันนี้มีโอกาสเพียงเล็กน้อยตกในช่วงบ่ายถึงเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39 องศาเซลเซียส

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 มิ.ย. 2558

เครื่องกรองอากาศ มีคุณกับคนไข้หัวใจ​

​

ผู้ที่มีอาการของโรคหัวใจอาจจะได้รับประโยชน์เมื่อใช้เครื่องกรองอากาศในบ้าน รายงานผลของการศึกษาไม่ได้กล่าวว่ามันสามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจวาย หรือโรคใหญ่ๆ อื่นๆ ได้ หากแต่มันอาจจะเป็นประโยชน์กับผู้ใหญ่ที่แข็งแรงปกติดี ในการช่วยป้องกันปัจจัยเสี่ยงต่างๆไม่ให้เกิดขึ้น

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของวิทยาลัยแพทย์โรคหัวใจแมรีแลนด์ ที่เมืองบัลติมอร์ สหรัฐอเมริกา ได้กล่าวว่า “ยิ่งสำหรับชาติที่มีชื่อเสียงเรื่องมลพิษหนักแล้ว ข้าพเจ้าเชื่อว่ามันจะสำคัญเป็นพิเศษ” รายงานกล่าวต่อไปว่า การใช้เครื่องกรองอากาศ อาจจะช่วยให้ลดอันตราย ที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ เพราะเคยมีการพบในการศึกษาหน

ก่อนว่า อนุภาคละเอียดในอากาศหลายชนิด ผูกพันหรือมีส่วนในการเพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจ นับแต่โรคหัวใจวายและลมอัมพาต

ผู้ที่ทำการศึกษาในเรื่องนี้ เป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ เขาได้ศึกษากับนักศึกษาที่แข็งแรงดี 35 คน ด้วยการให้ไปอยู่รวมกันในหอพัก ที่ติดเครื่องกรองอากาศเป็นเวลา 2 วัน 2 คืน และให้ไปพักอยู่ในที่ ที่เคยอยู่มาก่อนสลับกันดู ประเทศจีนก็เป็นชาติหนึ่ง ที่มีมลพิษทางอากาศสูงที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ผลการทดลองครั้งนั้นแจ้งว่า ห้องพักนักศึกษาที่ติดเครื่องกรองอากาศ จะลดมลพิษลงได้ร้อยละ 57

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 3 มิ.ย. 2558

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เปลี่ยนก่อนป่วย - ปลูกผักคอนโด​

เผยแพร่เมื่อ 3 ต.ค. 2014​

 

เปลี่ยนก่อนป่วย - สูตรมังสวิรัติ “เห็ดออริจิผัดกับถั่วลันเตา"​

เผยแพร่เมื่อ 6 ก.พ. 2015​

 

เปลี่ยนก่อนป่วย ตอน เกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษ​

เผยแพร่เมื่อ 6 ธ.ค. 2014​