ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย เกษม, 13 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ร้านอาหารเจจริงหลังวัดโสธร จ.ฉะเชิงเทรา



    เผยแพร่เมื่อ 20 ก.ย. 2014​
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อิ่มกาย อิ่มใจ


    เผยแพร่เมื่อ 12 พ.ค. 2015​
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    9 คำทำนายของ นอสตราดามุส


    เผยแพร่เมื่อ 13 มี.ค. 2015​
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คำพยากรณ์กรุงศรีฯ ทำนายอนาคต"ประเทศไทย"


    เผยแพร่เมื่อ 28 มี.ค. 2015​

    ในเฟสบุ๊คของ อาจารย์อัครพงษ์ ค่ำคูณ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์อาเซี่ยน ได้นำเอา เสภาเพลงยาว พยากรณ์กรุงศรีอยุธยา มาเผยแพร่ ซึ่งเป็นการขับร้องโดย ครูสมชาย ทับพร และคณะศิลปินกรมศิลปากร ซึ่งเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยานี้ เป็นบทกลอนคำทำนายที่มีมาตั้งแต่ กรุงศรีอยุธยา กำลังรุ่งเรือง นำมาจากหนังสืออธิบายแผนที่โดยมหาอำมาตย์โ­ท พระยาโบราณราชธานินท์ ( พร เตชะคุปต์) ซึ่งเป็นสมุหเทศาภิบาล มณฑลอยุธยา ที่นำมาถวาย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อ ปี 2469

    อย่างไรก็ตาม นักวิชาการยังไม่อาจจะสรุปได้แน่ชัดว่า ใครเป็นคนแต่ง แม้ในตอนท้ายของบทกลอน ได้บันทึกกำกับไว้ว่า พระนารายณ์เป็นเจ้านพบุรีทำนาย และในหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า ก็มีเรื่องคำพยากรณ์กรุงศรีอยุธยานี้เช่นก­ัน กล่าวกันว่าเป็นพระราชนิพนธ์ของพระพุทธเจ้­าเสือ มีเนื้อความสั้นกว่าและปรากฎเป็นร้อยแก้ว อย่างไรก็ตาม คำพยากรณ์นี้ ได้มีการนำมาใช้เพื่อเป้าหมายทางการเมือง ใ­นยุคที่เกิดความขัดแย้งแตกแยกกันในหมู่คนไ­ทย ยุคสมัยต่าง ๆ รวมถึงยุคปัจจุบัน
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    หลวงตาม้า พระแก้วแดง วัดถ้ำเมืองนะ


    เผยแพร่เมื่อ 4 ก.พ. 2014​

    ภาพยนต์สารคดีชุดนี้ ยังมิใช่ประวัติทั้งหมดของพระแก้วแดง แต่เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่น่าสนใจ และต้องบันทึกไว้ พระองค์ท่าน( พระแก้วแดง )จะเดินทางอีกยาวนานกว่าชีวิตของพวกเราที่­ต้องเวียนว่ายกันภพแล้วภพเล่า ท่านจะอยู่ที่นี่และรอการมาของ พระศรีอริยเมตไตรย ,ขอกราบสักการะครูบาอาจารย์ทุกๆองค์ ผลงานการถ่ายทำและให้เสียงเพื่อถวายหลวงตา ม้า โดย ฐากร พรประภาวงษ์ Steward การบินไทยและผู้กำกับหนังสั้นเรื่อง "เกราะนี้เพื่อเธอ Armoue from Me "เพื่อช่วยทหารชายแดนภาคใต้ Subscribe ในชื่อ THAKORN PORNPRAPAVONG

    "นะโมพุทธายะ พระพุทธะ ไตรรัตนะญาณ มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลี จะมหาเถรัง อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโย อะหังวันทามิ สัพพะโส พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ"

    "คาถา บทนี้เป็นของดี หมั่นท่องไว้ทุกวัน ปกติเขาไม่ให้กันหรอกเพราะเขากลัวลูกศิษย์­จะดีกว่าอาจารย์ แต่ข้าไม่เคยกลัวและไม่ปิดบัง ท่องให้ดีนะอีกหน่อยจะรวย หลวงพ่อหัวเราะ และยังเสริมอีกว่าคาถาบูชาพระที่หลวงปู่ดู­่ท่านย้ำเอาไว้ให้หมั่นท่องไว้ทุกวันนั้น ต่อมาภายหลังมีลูกศิษย์นำไปสวด แล้วเห็นว่ากายทิพย์ทรงเครื่องเป็นมหาจักร­พรรดิ และมีพลังงานขับเคลื่อนเป็นพิเศษทำนองนั้น ทุกอย่างที่หลวงปู่ตั้งใจรวบรวมเอาไว้ในพร­ะคาถา ดังที่หลวงตาได้อธิบายเอาไว้ จะมาปรากฏที่กายพลังงานของผู้สวดตลอดเวลาท­ี่กำลังสวด ที่หลวงตาเรียกว่าจิตทำการบันทึกบุญเอาไว้­ตลอดเวลา หรือหลังจากสวดแล้ว เจ้าตัวสามารถทรงอารมณ์นั้นเอาไว้ได้ กายพลังงานก็จะมีพลังงานต่างๆในพระคาถาปรา­กฏอยู่ พลังงานในพระคาถาเป็นอย่างนี้เอง หลวงปู่ดู่จึงได้เน้นย้ำเอาไว้ ให้ลูกหลานหมั่นสวดเป็นประจำ จะกินจะดื่ม จะอาบน้ำก็ดี หรือนึกขึ้นได้เมื่อใดสวดเมื่อนั้น ด้วยเกิดพลังงานบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่มหาศาล "ของจริง ต้องหมั่นทำ" คติธรรมหลวงปู่ดู่
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    วัดถ้ำเมืองนะ สารคดี HD


    เผยแพร่เมื่อ 2 ก.ย. 2012

    สารคดีท่องเที่ยวเชิงธรรมะ วัดถ้ำเมืองนะ Watthummuangna HD​
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คาถาจักรพรรดิ


    อัปโหลดเมื่อ 10 ม.ค. 2012​

    นโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (กราบ 3 ครั้ง)
    (สวดตามกำลังวัน อาทิตย์ 6 จันทร์ 15 อังคาร 8 พุธ 17 พฤหัส 19 ศุกร์ 21 เสาร์ 10 )

    นโม พุทธายะ
    พระพุทธะไตรรัตนญาณ
    มณีนพรัตน์
    สีสหัสสะ สุธรรมา
    พุทโธ ธัมโม สังโฆ
    ยะ-ธา-พุท-โม-นะ
    พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา
    อัคคีทานัง วรังคันธัง
    สีวลี จะ มหาเถรัง
    อหัง วันทามิ ทูรโต
    อหัง วันทามิ ธาตุโย
    อหัง วันทามิ สัพพโส
    พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ
    ----------------------------------------­----------------
    อานิสงส์การสวดบทพระบรมมหาจักรพรรดิ โดยย่อกล่าวคือ

    บทนี้เป็นการสวดไหว้พระพุทธเจ้าทั่วทั้งพร­ะนิพพาน ตลอดจนถึงพระธรรมเจ้าและพระโพธิสัต­­ว์เจ้า พระอริยสงฆ์สาวกทั้งมวลไหว้พระพุทธเจ้าทั้­ง 5 พระองค์ รวมถึงน้อมนำกำลังของเทพพรหมพระอ­­ริยะเจ้าทั้งหลาย การสวดครั้งหนึงเป็นการดึงกำลังของพระเจ้า­จักรพรรดิทุกๆพระองค์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจ­­ุบัน มาร่วมถึงกำลังของพระมหาโพธิสัตว์เจ้า มารวมอารธนาเข้าที่กาย­และใจ และ รวมกำลังของพระโพธิญานโพธิสัตว์เจ­­้าทั้งหลาย ตั้งแต่อดีต ถึง ปัจจุบัน และอนาคต

    การสวดครั้งหนึ่งมีอานิสงส์ แผ่ไปทั่วจักวาล­สามแดนโลกธาตุ สามารถแผ่บญไปทั่วทุกสรรพสัต­­ว์ ตลอดจนเทวดาประจำตัวเราญาติมิตรเพื่อนฝ­ูงครอบครัวเจ้ากรรมนายเวร และ หากนำบทสวดนี้­ไ­ปสวดในนรกหรือแผ่ไปไฟนรกจะดับชั่วขณะ บทนี้เป็นการสร้างกำแพงแก้วคุ้มกันตัว ร่วม­ถึงการอารธนาบารมีครูบาอาจารย์ พระพุทธพระธ­­รรมพระสงฆ์ อัญเชิญเข้าตัวเพื่อป้องกันภัย­และสร้างมหาโชคมหาลาภ

    อานิสงส์แก่ผู้สวด มีทั่งมหาบุญมหาลาภ เนื่อ­งจากมีการกล่าวถึงพระสีวลีร่วมถึงบทนี้มีพ­­ลังงานอย่างยิ่ง ในการเจริญพระกรรมฐาน หากนำไปสวดบริกรรมก่อนหรือระหว่างนั่งภาวน­ากรรมฐาน...จะทำให้การภาวนามีพุทธานุภาพมา­­คลุมและคุมการปฎิบัติของเรา คลุมกายและจิตเราเป็นวิมานทิพย์(ครอบวิมาน­ให้ตัวเองหรือสวดอธิษฐานครอบคนอื่นก็ได้)

    หากสวดบทนี้ สามารถอฐิษฐานเรื่องราวใดๆ ที่ต­ิดข้องใจได้ให้ผ่านพ้นไปอย่างทะลุปรุโปร่ง กล่าวโดยสรุปได้ว่าคาถาจักรพรรดินี้ จากการเรียบเรียงถ้อยคำโดยหลวงปู่ดู่ท่าน ก่อให้เกิด จักรพรรดิ กำลังจักรพรรดิขึ้นด้วยในบทสวด พระคาถาครอบจักรวาล
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พระเจ้าจักรพรรดิ จะมาเสวยราชสมบัติในเมืองเชียงดาว หลังจากเกิดภัยพิบัติแล้ว

    [​IMG]

    พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก กัณฑ์ที่ ๙ (คัดลอกมาเพียงบางส่วน ท่านที่สนใจอ่านฉบับเต็ม อ่านได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ)
    https://sites.google.com/site/krubanphen/phuthth-tanan-phracea-leiyb-lok

    ดูรา สัปบุรุษทั้งหลาย ยังมีในกาลครั้งหนึ่ง สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าองค์ประกอบด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่ง ทรงรำพึงถึงพระยายักษ์ใหญ่ตนหนึ่ง ซึ่งอยู่ที่ ดอยอ่างสรง (ถ้ำเชียงดาว) อันมีอยู่ในเมืองหริภุญชัย (เวลานั้นเมืองหริภุญชัยคือเมืองลำพูน มีอาณาเขตถึงเชียงดาว) พระพุทธองค์ทรงทราบด้วยทิพยจักขุญาณแห่งพระองค์ แล้วก็เสด็จไปสู่บริเวณเขตแดนดอยอ่างสรงที่นั้น

    ส่วนพระยายักษ์ที่อาศัยอยู่ในดอยอ่างสรงนั้น มีมีปรกติแสวงหาคนและสัตว์มากินเป็นอาหารเสมอมาเป็นประจำ ในวันนั้น พระยายักษ์ก็ออกจากที่อยู่แห่งตน เพื่อไปแสวงหาอาหาร มันไปทางใดก็ไม่พบคนหรือสัตว์แม้แต่ตัวเดียว แล้วมันก็ไปพบพระพุทธเจ้า เมื่อมันเห็นแล้ว มันหาได้รู้ว่าเป็นพระพุทธเจ้า มันคิดว่า "โชคกูยังดีอยู่ ถึงได้มาพบมาปะชายผู้นี้ อาหารของกูเดินทางมาหากูแล้ว" เมื่อมันเห็นเช่นนั้นแล้ว ก็แสดงฤทธิ์เดชอันเป็นยักษ์แห่งมัน แล้วก็วิ่งไปหาพระพุทธเจ้า ด้วยอาการอันรีบด่วน "กูจะจับบุรุษผู้นี้เป็นอาหาร"

    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงทราบวารจิตแห่งพระยายักษ์จึงตรัสว่า "ดูก่อนพระยายักษ์ ท่านอย่าคิดว่าจะกินเราเลย จะเป็นบาปอันหนักแก่ท่านต่อไปในภายหน้าหาที่สุดไม่ได้ เราตถาคตนี้มิใช่คนธรรมดาสามัญ เราเป็นสัพพัญญูพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐกว่าโลกทั้งสาม" พระยายักษืได้ฟังพระดำรัสของพระพุทธเจ้าเช่นนั้น ก็บังเกิดความสะดุ้งตกใจกลัว มีร่างกายอันสั่นสะท้าน มีความกลัวต่อมรณภัยเป็นอย่างยิ่งเข้ามากราบขออภัยไว้ชีวิตจากพระพุทธเจ้า แล้วถอยหลังกลับคืนสู่ถ้ำอันเป็นที่อยู่แห่งตน แล้วจึงบอกกล่าวยังเหตุอันนั้นแก่ลูกเมียว่า

    "ดูรานาง วันนี้พี่ออกไปแสวงหาอาหารตลอดวันไม่พบคนและสัตว์แม้แต่ตัวเดียว แต่พี่ไปพบบุรูษผู้หนึ่ง มีรูปโฉมผวิพรรณอันงดงาม พี่นึกว่าเป็นคนธรรมดาสามัญ เมื่อพี่วิ่งทะยานเข้าไปนึกว่าจะจับเอามาเป้นอาหารแห่งเราทั้งสอง บุรุษผู้นั้นกลับเปล่งสีหนาทแก่พี่ว่า "ดูรา พระยายักษ์ ท่านอย่าคิดว่าจะกินเราเลย จะเป็นบาปอันหนัก เหตุว่าตถาคตนี้มิใช่คนธรรมดาสามัญเหมือนคนและสัตว์ทั้งหลาย หากเราเป็นผู้ประเสริฐกว่าโลกทั้งสาม" พี่ได้ฟังคำเช่นนั้น ก็บังเกิดความสะดุ้งตกใจกลัวต่อมรณภัยเป็นอันมาก ก็ก้มกราบแล้วถอยหนีกลับคืนมาหาที่อยู่แห่งเรานี้แหล่ะ

    เมื่อนั้น นางยักษ์ได้ฟังพระยายักษ์ผู้เป็นสามีแห่งตนกล่าวเช่นนั้น ก็กำหนดรู้ด้วยปัญญาแห่งตนว่า บุคคลผู้นั้นต้องเป็นพระพุทธเจ้าองค์ประเสริฐอย่างเดียว" เมื่อกำหนดรู้เช่นนี้แล้วจึงกล่าวแก่พระยายักษ์ว่า "ข้าแต่เจ้ากูผู้เป็นสามี ผู้ที่เห็นมาปานนั้นมิใช่คนธรรมดาสามัญ ต้องเป็นคนที่มีบุญสมภารเป็นมาก ที่แท้พี่ท่านได้พบพระสัพพัญญองค์ประเสริฐล้ำเลิศเป็นที่ยิ่งแล้ว พี่ท่านจงอย่าคิดว่าจักใคร่กินเถิด จะเป็นบาปอันหนักแก่พี่ท่าน บัดนี้ท่านองค์ประเสริฐนั้นยังสถิตอยู่ ณ ที่ใดหนอ"

    พระยายักษ์ก็กล่าวว่า "ดูรา นางเจ้าองค์ประเสริฐนั้น ยังคงอยู่ที่นั้นยังไม่ทันจะไปที่ไหนหรอก" นางยักษ์จึงกล่าวว่า "ข้าแต่เจ้ากูจงรีบขวนขวายหาปรมามิสบูชา มีข้าวตอกดอกไม้และของหอมทั้งหลาย ไปขอขมาพระพุทธเจ้าองค์ประเสริฐนั้นเถิด พี่ท่านจงขอให้พระพุทธเจ้าลดโทษแก่ท่านเถิด" พระยายักษ์ได้ฟังคำที่ภริยาแห่งตนกล่าวตักเตือนเช่นนนั้นก็บังเกิดความยินดี จึงพูดว่า "ดูรา นางเป็นการดีแท้แล" แล้วพระยายักษ์ก็รีบขวนขวายหาปรมามิสบูชา คือดอกไม้ของหอมได้แล้ว ก็รีบกลับคืนมาสู่สำนักพระพุทธเจ้าแล้วก็กราบทูลขอขมาด้วยคำว่า "ข้าแด่พระพุทธเจ้าผู้หาทุกข์มิได้ ข้าพระพุทธเจ้าก็กราบขอพระพุทธเจ้า โปรดจงบังเกิดพระมหากรุณาธิคุณลดโทษแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด เพราะข้าพระองค์ไม่ทราบว่าเป็นพระพุทธเจ้า จึงได้วิ่งพรวดเข้ามาเพื่อจะจับพระองค์กินเป็นอาหาร การกระทำเช่นนี้ก็บังเกิดเป็นโทษแก่ข้าพระองค์ ขอพระองค์โปรดอภัยโทษเหล่านั้น แล้วโปรดทรงพระกรุณาสั่งสอนข้าพระองค์เถิด"

    ขณะนั้นสมเด้จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเล็งเห็นพระยายักษ์ตนนั้นเป็นผู้มีบุญสมภาร ซึ่งจักต้องปรากฏด้วยบุญและคุณแห่งตนในภายภาคหน้าเป็ฯอันมาก ก็ทรงรับเอาปรมามิสบูชา และทรงลดโทษแก่พระยายักษ์ตนนั้นด้วยดี แล้วทรงสั่งสอนพระยายักษ์ให้เข้าถึงสรณาคมน์และรักษาเบญจศีล พระยายักษ์ก็ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทุกประการ แล้วนั่งเฝ้าปรนนิบัติพระพุทธเจ้าอยู่ พระพุทธอค์ทรงพยากรณ์ว่า "ดูรา ยักขราชผู้เป็นใหญ่ ต่อไปในอนาคตเบื้องหน้าในระหว่างแห่งศาสนาที่ตถาคตตั้งไว้นั้น ท่านจะได้เกิดมาเป็นพระยาธรรมิกราชองค์หนึ่ง ในระหว่างอายุพระพุทธศาสนาพันที่สาม ท่านจะได้ส่งเสริมยกย่องพระพุทธศาสนา ให้เจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก เหตุการณ์เช่นนี้จะมีต่อไปในกาลภายหน้าอย่างแน่นอน

    เมื่อท่านเกิดมาเป็นพระยาธรรมิกราชนั้น ท่านจะมีอายุยืน ๒๐๐ ปี ในกาลนั้นพระพุทธศาสนาล่วงไปแล้วสองพันปีกว่า จะย่างเข้าสู่สามพันปี ในระหว่างนี้แหละที่ท่านจะได้เป็นพระยาธรรมิกราช ภายหลังแต่นั้น อายุแห่งพระพุทธศาสนาจะเหลือประมาณ ๒,๐๐๐ ปี ดูรามหายักษ์ โดยที่ในระหว่างศาสนา ตถาคตที่ตั้งไว้ ๕,๐๐๐ ปี นัแต่ตถาคตนิพพานไปนั้นจะมีพระยาธรรมิกราชมาเกิด ๕ พระองค์คือ

    องค์ที่ ๑ จะเกิดนเมืองปาฏลีบุตรนคร มีนามบัญญัติว่า ปัตตมาลิก (บางฉบับว่าปุตตมาลิก) คือพระเจ้าอโศกราช องค์ที่ ๒ จะเกิดในเมืองสาวัตถีคือเมืองหงสาวดี ท่านองค์นี้จะได้อาชีพค้าขายเมื่อง เวลานั้นเมี่ยงจะราคาแพงน้ำหนัก ๑,๐๐๐ จะขายได้เงิน ๓๒ ลูกเงินตลิง องค์ที่ ๓ จะเกิดในเมืองอังวะ องค์นี้จะเป็นพ่อค้าเกลือ คือในเวลานั้นเกลือจะมีราคาแพง คือเกลือน้ำหนักสองพันปลายสามร้อยธ๊อก จะขายได้ ๓๒ ลูกเงินตลิง องค์ที่ ๔ จะเกิดในเมืองอโยธิยา องค์นี้จะเกิดมาเป็นพ่อค้าพลู เวลานั้นพลูจะมีราคาแพง พลู ๑๐๐ ใบจะขายได้ ๓๐ ลูกเงินตลิง

    องค์ที่ ๕ องค์นี้เกิดมาเป็นพ่อค้าข้าวสาร คือในเวลานั้นข้าวสารจะมีราคาแพง คือ ข้าหมื่นน้ำหนัก (ประมาณ ๑๒ กก.) จะขายได้เงิน ๗๐ ลูกเงินตลิง คือว่าหมื่นข้าวมีราคา ๓๐๖ เถ้ (ธ็อก) เงินตลิง ๑ ลูกมีน้ำหนัก ๕ ผิน (ไม่ทราบมาตรโบราณ ต้องค้นคว้าต่อไป ฝ่านท่านผู้รู้ช่วยคิดด้วย) ในพระยาธรรมิกราช ๕ องค์นี้พระยาธรรมิกราชองค์ชื่อว่า พระเจ้าอโศกราชจะเกิดก่อน ในระหว่างอายุพระพุทธศาสนาหนึ่งพันวัสสาแรก พระยาธรรมิกราชองค์ที่ ๒ มีชื่อว่า ตัมพลุ อนุรุทธรรมิกราช ที่เป็นพ่อค้าเมี่ยง เกิดในเมืองพุก่ำในเมืองหงสาวดีในระหว่างอายุพระพุทธศาสนาพันที่สอง พระยาธรรมิกราชเป็นพ่อค้าพลู จะมาเกิดในเมืองอโยธิยาทวารวดี ในระหว่างอายุพระพุทธศาสนาพันที่สอง

    พระยาธรรมิกราชที่เป็นพ่อค้าข้าวสารจะมาเกิดในเมือง โยนกโลก หรือเมืองหริภัญชัยนคร ในระหว่างอายุพระพุทธศาสนาพันที่สาม พระยาธรรมิกราชองค์ที่เป็นพ่อค้าเกลือจะมาเกิดในเมืองอังวะ ในระหว่างอายุพระพุทธศาสนาพันที่สี่ ดูรา ยักขราช ท่านจะได้เกิดเป็นพระยาธรรมิกราชในศาสนาตถาคตในระหว่างอายุพระพุทธศาสนาพันที่สาม คือว่าหลังจากตถาคตนิพพานไปแล้ว ตถาคตจะต้้งพระพุทธศาสนาไว้ ๕,๐๐๐ พรรษา ในเมื่ออายุพระพุทธศาสนาล่วงไปแล้วได้ ๒,๐๐๐ ปีบริบูรณ์และย่างเข้าสู่พรรษาที่สามมาถึงเมื่อใด เมื่อนั้นท่านจะได้เกิดเป็นพระยาธรรมิกราช จะได้เกิดในเมืองที่นี้ จะเสวยราชสมบัติเป็นสุขในเมืองเชียงดาวที่นี้ ท่านจะได้ยกย่องส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก ภูเขาลูกใหญ่ดอยอ่างสรงนี้ ซึ่งใหญ่และกว้างได้โยชน์ สูงก็ได้โยชน์หนึ่ง มีถ้ำใหญ่แห่งหนึ่ง มีพระพุทธรูปองค์หนึ่งสูง ๑,๐๐๐ วา และมีรูปยักใหญ่ ๔ ตนอยู่เฝ้ารักษาพระพุทธรูปที่นั้น

    ดูรา ยักขราช ในกาลต่อไปภายหน้า เมื่อศาสนาตถาคตล่วง ๒,๐๐๐ ปีเข้าสู่เขต ๓,๐๐๐ ปี ในเมืองหริภุญชัยนครนี้จะมีพระเจ้าแผ่นดินองค์หนึ่งพระนามว่า นครสีสา ภาษาไทยว่า พระยาหัวเวียง จะเสวยราชสมบัติในเมืองหริภัญชัยนคร ในเวลานั้นจะมีหญิงโสเภณีคนหนึ่งจะยุยงสนลส่อเท็จทูลให้พระองค์เบียดเบียนเสนาอำมาต์ประชานาราษฎร์ทั้งหลายคือ ให้ปรับไหมให้ถึงความฉิบหายเป็นอันมาก อีกประการหนึ่งพระยาองค์นี้จะมัวเมาในการเล่น ชอบไปเที่ยวตลาดทุกวัน เสนาอำมาตย์ไม่พอใจ จึงพร้อมใจกันปลดจากพระเจ้าแผ่นดิน แล้วยกย่องพระยาองค์อื่นขึ้นเสวยราชสมบัติแทน

    ต่อมาก็เปลี่ยนพระเจ้าแผ่นดินถึง ๒๐ รัชกาล ในสมัยที่โอรสพระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ ๒๐ ขึ้นครองราชสมบัตินั้น ข้าศึกพวกลัวะยกลมาจากเมืองโกสัมพี เข้ามาตีนครหริภุญชัยจะเกิดเป็นโกลาหลกลียุคเป็นเวลานาน ศึกสงครามครั้งนั้นจะชนะกันด้วยรี้พลคนกล้าหาญก็หามิได้ แต่จะชนะกันด้วยคนบ้าคนหนึ่ง ตั้งแต่นั้นมาจะไม่มีเชื้อสายท้ายพระยากษัตริย์เสวยเมืองเป็นเวลานานยิ่งนัก จนถึงปีกัดไค้ถึงปีเล้า ในระหว่างนั้นท่านจะได้มาเกิดเป็นพระยาธรรมิกราช ได้ยกย่องส่งเสริมศาสนาแห่งตถาคต และปีเบิกสันพระอินทร์ผู้เป็นเจ้าแก่เทวดาทั้งหลาย จะเสด็จลงมาจากชั้นฟ้าดาวดึงส์ มาตีกลองแก้วใบหนึ่ง เป่าหอยสังข์ ให้คนทั้งหลายในสกลชมพูทวีปทั้งสิ้น ให้ได้ยินได้ฟังทุกแห่ง เพื่อให้สมณพราหมณ์และคฤหัสถ์หญิงชายทั้งหลายได้กระทำบุญให้ทาน รักษาศีลเจริญเมตตาภาวนาเป็นนิรันดร์เถิด ต่อจากนั้นจะบังเกิดภัยอันใหญ่คือพระอาทิตย์และพระจันทร์ จะปรากฏแก่ตาโลกเห็นเป็นสองดวง จะมีต่อไปภายหน้า

    ในกาลต่อไปนับจากนั้น จะมีพระยาธรรมิกราชองค์หนึ่ง ซึ่งเกิดมาในปีกกัดเล้า เดือนเพ็ญวันเสาร์จะได้เป็นพระยาธรรมิกราชองค์ประเสริฐ เมื่อพระยาธรรมิกราชองค์นี้เกิดขึ้นมา คนทั้งหลายคือท้ายพระยา เสนาอำมาตย์และสมณพราหมณ์ผู้ที่เป็นคนพาล ใจบาป เขาย่อมเกลียดชังไม่มีใจรักพระยาธรรมิกราชองค์นั้น ท่านจะเกิดในตระกูลฃช่างหูก ในประเทศที่อยู่ตอนล่างแม่น้ำ พระยาธรรมิกราชองค์นั้นเป็นผู้มีปัญญาอันวิเศษ มีปรกติสั่งสอนสมณะและคฤหัสถ์ทั้งหลายด้วยเรื่องที่เป้นบุญเป็นกุศลบ่อยๆ ด้วยเหตุนี้สมณะและคฤหัสถ์ทั้งหลายผู้เป็นพาลมีใจบาป จึงไม่ชอบไม่พอใจพากันเกลียด ในกาลต่อมาท่านผู้มีบุญมากนั้นจึงขึ้นไปเลี้ยงชีวิตแห่งตน ทางตอนต้นน้ำแม่ระมิงค์ (น้ำปิง) ตั้งแต่นั้นต่อไปภายหน้าสมณะและคฤหัสถ์ทั้งหลายจะประสบอุบาทว์โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เป็นต้นว่า ปวดท้อง ลงเลือดตาย

    ยิ่งกว่านั้นจะบังเกิดเป็นโกลาหลกลียุค จะฆ่าฟันกันตายเป็นอันมาก หญิงชายจะตายเพราะทุพภิกขภัยอดอยากเป็นจำนวนมาก ประการหนึ่งคนทั้งหลายจะตายเพราะโรคภัยไข้เจ็บเป็นต้นว่า เป็นตุ่ม, เป็นฝี, เป็นหิด, เป็นเหา เป็นโรคเรื้อนตายกันมาก ประการหนึ่ง คนทั้งหลายจะอยู่ในสงคราม คนใดเกิดยามนั้น จะกระทำบุญรักษาศีลพังธรรรมเมตตาภาวนาอยู่ตลอดเวลา จงอย่าประมาทเลย ในกาลยามนั้นจะเกิดทุพภิกขภัยข้าวจะแพงยิ่ง ข้าวสารหมื่นน้ำเป็นราคา ๗๒ ตลิง เป็น ๓๐๖ ธ็อก ก็ยังหาคนขายมิได้เหตุนั้นเจ้าตนมีบุญจึงเป็นพ่อค้าข้าวสาร ในเวลาที่เจ้าตนมีบุญจะได้เป็นพระยาธรรมิกราชนั้น ท่านจะไปค้าขายข้าวสารตามลำดับ แล้วจะไปพักอยู่ใน ดอยสากก้อมคือภูดินแดง อันมีอยู่ในเขตเมืองฝางที่่นั้น ในเวลานั้นพระอินทร์ทอดพระเนครเห็นแล้วจะเสด็จนำม้าตัวหนึ่งชื่อมัญกัณฐัก เข้ามาสู่ดอยดินแดงในเมืองฝางนั้น

    เมื่อมาถึงพ่อค้าผู้นั้นแล้วจะกล่าวว่า "ดูรา พ่อค้า ขอท่านกรุณาถือเชือกม้าไว้ให้ข้าพเจ้าครู่หนึ่งเถิด ข้าพเจ้าจะไปกินน้ำรินสามสบสักประเดี๋ยว แล้วอินทมานพก็เอาข้าวต้มมัด ๓ ลูกให้แก่พ่อค้าแล้วสั่งว่า "ขอท่านโปรดจงรักษาม้าข้าพเจ้าไว้สักระยะเถิด ท่านหิวข้าว ท่านจงกินข้าวต้ม ๓ ลูกนี้เถิด หากว่าม้าต้วนี้มันดิ้นส่งเสียงร้องลำพองนัก ท่านจบขึ้นขี่เหนือหลังมัน มันก็จะหยุดร้องคะนองทันที" เมื่อสั่งเสร็จแล้ว อินทราธิราชก็เสด็จไปแอบอยู่ที่แห่งหนึ่ง ต่อมาพ่อค้าผู้นั้นรู้สึกหิวข้าวเป็นอันมาก ก็แกะข้าวต้มห่อหนึ่งออกกิน เมื่อกินแล้วปัญญาอันเป็นทิพย์ก็บังเกิดแก่พร่อค้าผู้นั้นทันที ในกาลนั้นม้าก็ดิ้นส่งเสียงร้อง พ่อค้าผู้มีบุยก็ขึ้นขี่บนหลังม้าตัวนั้น

    ม้าตัวนั้นก็พาท่านเหาะมาทางอากาศ ท้าวจตุโลกบาล เทวดา พญานาค ยักษ์ คนธรรพ์ ทั้งมวลในหมื่นโลกธาตุ ก็พร้อมใจกันบรรเลง ๕ ประการ อบรมสมโภช บูชาเป็นโกลหลเอกเกริกทั่วทั้งหมื่นโลกธาตุ คนทั้งหลายในสกลชมพูทวีป ไม่เคยได้ยินมาแต่ก่อน เมื่อได้ยินแล้วก็สะดุ้งตกใจกลัวเป็นอย่างยิ่ง และพระอินทร์ ท้าวจตุโลกบาลเทวดา ยักษ์ กุมภัณฑ์ คนธรรพ์และสุรางคณาทั้งหลาย ก็พร้อมกันนำเอาท่านผู้มีบุญนั้น ขึ้นไปสู่เมืองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็พร้อมกับอุสสวราชาภิเษกด้วย เบญจกกุธภัณฑ์ อันเป็นทิพย์แล้วจึงเชิญพระยาธรรมิราชองค์นั้นลงมา

    หมู่คนและเทวดาอินทร์พรหม ก็พร้อมกันอุสสวราชาภิเษกในเมืองเชียงดาว เขตแห่งเมืองหริภัญชัยนครที่นั้น ปราสาททิพย์ ๓ หลังคือ ปราสาทแก้ว ๑ หลัง ปราสาททอง ๑ หลัง ปราสาทเงิน ๑ หลัง สูง ๖๗ วา กว้าง ๓๐ วา จะโผล่ออกมาใต้ปฐพีขึ้นมา ปราสาททางกลางเวียงเชียงดาวที่นั้น ยามนั้นทองคำสี่แท่งที่มีอยู่ในหนองสรงเกศ อันตั้งอยู่ในหัวหนองไคร้ ที่จะโผล่ออกมาอยู่ที่มุมปราสาททั้ง ๔ มุม ต่อจากนั้นจะมีรินทองคำพาดแต่หัวดอยอ่างสรงโพ้นลง พระอินทร์พร้อมด้วยเทวดาทั้งหลาย จะพร้อมกันรดสรงด้วยน้ำมูรธาภิเษกในรินทองคำนั้น รินทองคำจะพาดแต่จอมดอยภูหวดโน้นลงมา ยามนั้น สมณพราหมณ์ท้าวพระยาเสนามาตย์และคนทั้งหลายพากันอุสสาราชาภิเษกในรินทองคำอันนั้น

    ในกาลครั้งนั้นคนทั้งหลายก็จะได้เห็นเทวดา พระอินทร์ พระพรหมทุกองค์ เพราะเทวดาเหล่านั้นได้มาอุสสาราชาภิเษกพ่อค้าข้าวสาร ที่เป็นลูกช่างหูกซึ่งเป็นพระยาธรรมิกราชนั้นแล เมื่อท่านผู้มีบุญได้เป็นพระยาธรรมิกราชแล้ว ต้นกัลปพฤกษ์ทิพย์ทั้งหลาย ๑,๖๐๐ ต้น ก็จะโผล่จากใต้แผ่นดินออกมา แวดล้อมปราสาทและเวียงเชียวดาวทั้งหมด จะเป็นที่รุ่งเรืองปรากฏไปทั่วชมพูทวีปทั้งสิ้น มนุษย์ชายหญิงทั้งหลายเมื่อเข้ามาถึงที่นั้นแล้วก็จะถอดเสื้อผ้าออกกองไว้สูงประมาณ ๗ ศอก ลมจะพัดเสื้อผ้าเก่าเหล่านั้นทิ้งไปทั้งหมดถึง ๗ ครั้ง คนทั้งหลายจะได้นุ่งวัตถาภรณ์อลังการผืนใหม่ที่เป้นทิพย์ทุกคน ในกาลใดที่ท่านยักขราชได้เกิดเป็นพระยาธรรมิกราช

    ในกาลนั้นท่านจะได้เสวยทิพยสมบัติสุขทุกคน ในเมืองเชียงดาวอันอยู่ในแว่นแคว้นเขตเมืองหริภัญชัยนคร ชาวเมืองโกสัมพีทั้งหลายจะเข้าพึ่งบรมสมภารชั้นใน คือเป็นพ่อครัวของพระยาธรรมิกราชองค์นั้น สมณพราหมณ์หมู่ใดที่ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยจะถูกไล่สึกเสียทั้งสิ้น ส่วนสมณะพราหมณ์หมู่ใดอยู่ในธรรมวินัยของตถาคตที่ได้บัญญัติไว้ ก็จะให้อยู่รักษาพระพุทธศาสนา จำนวนภิกษุที่ปฏิบัติชอบด้วยพระธรรมวินัยที่ไม่ได้ไปสึกนั้น ในสกลชมพูทวีปทั้งสิ้นจะมีประมาณ ๖ ร่มไม้นิโครธ (บางฉบับว่า ๒ ร่มไม้นิโครธ) ต้นใหญ่ พระยาธรรมิกราชองค์นั้นจะอยุ่เสวยราชสมบัติตราบอายุ ๒๐๐ ปี บุญสมภารการแห่งตน

    ดูรายักขราช เมื่อถึงเวลาที่ท่านจะได้เป็นพระยาธรรมิกราชองค์นั้น ภัยอุบาทว์ศัตรูจะมีแก่คนทั้งหลาย จะต้องถึงความพินาศฉิบหายเป็นอันมากก่อน ในเมื่อภัยอุบาทว์จะบังเกิดมีนั้น... จะมีกวางทองตัวหนึ่งซึ่งเทวบุตรเนรมิตเป็นกวางทองตัวนั้นจะล่องมาจากทิศเหนือ และมีเทวบุตรองค์หนึ่งเนรมิตเป็นกระต่ายเผือกตัวหนึ่งขึ้นมาแต่ทิศใต้ ทั้งสองสัตว์มาพบกันในที่แห่งหนึ่ง กว่างทองก็ถามกระต่ายเผือกว่า "ดูรา สหายท่านมาจากที่ไหนหนอ" กระต่ายตอบว่า "ดูรา เรามาแต่ทิศใต้" กว่างทองจึงถามต่อไปว "ดูรา สหายท่านนี้อันโลกทั้งหลายสมมุติว่าเป็นสัปบุรุษบัณฑิตเรียกว่า กระต่ายตัวเป็นนักปราชญ์โดยแท้ ดูราท่านบัณฑิต ข้าพเจ้าจะถามท่าน ถ้าท่านพอรู้จงบอกข้าพเจ้าเถิด

    ดูราสหายบ้านเมืองทางทิศใต้นั้นคนยังมีทุกข์สุขประการใด" กระต่ายตอบว่า "ดูราสหาย บ้านเมืองทางทิศใต้เท่าที่ข้าพเจ้าได้พบได้เห็นมา มหาภัยเป็นอันมากย่อมบังเกิดขึ้น คือว่าน้ำขุ่นน้ำเน่ามาปนกันกับน้ำอันใสสะอาด คือว่า คนใจบาปเข้ามาปะปนยุ่งกับคนใจบุญ สมณะผู้ใจบาปก็ปะปนยุ่งกับด้วยสมณะผู้บริสุทธิ์ผู้มีบุญเป็นอันมาก ประการหนึ่งบุพนิมิตบางแห่งการพินาศแห่งคนทั้งหลาย ก็จะบังเกิดมีหลายอย่าง เป็นต้นว่า ม้ากลับกินหญ้าอย่างวัว คนจะหวีผมลงมาคลุมตา คนพา (สะพาย) ถุงหลวงกำด้ามดาบอันยาว... (กระทู้, หลัก) รั้วนา คนทือ (ถือ) งาหูล้ำหน้าพ่อค้ามักสืบคำดจร ผีโหงมักบินโยน (กระโดดโลดเต้น) ในอากาศ

    คนฝูงเป็นนักปราชญ์ บ่หุมบุญ (ไม่ชอบทำบุญ) เป็นขุนเป็นนายบ่รู้ตกแต่ง คนทั้งหลายมักเอาผ้าสี่แจ่ง (ผ้าเช็กหน้า) แปลงถง (ถุง) ฝนตกลงบ่ใช่เมื่อ (ไม่ตกตามฤดูกาลหรือเวลา คือ กาลที่ควรตกกลับไม่ตก) คนทั้งหลายบ่อเชื่อในธรรม (คือว่าคฤหัสถ์บรรพชิตทั้งหลายได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าที่สอนเป็นบุญ กลับเข้าใจเสียว่าไม่เป็นบุญ ให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนาก็ไม่ทำให้คนดีขึ้น ทำหรือไม่ทำ รักษาหรือไม่รักษาก็เหมือนกัน ที่เป็นบาปกลับเข้าใจว่าไม่ร้ายไม่ดีอะไร แม้จะทำบาปอยู่บ่อยๆ ก็ไม่เป็นอะไรขึ้นมา ก็ยังคงมีเงินมีทองเจริญด้วยศักดิ์อยู่) "คนบ่ยำนักบวช" (ไม่ยำเกรง...)

    "มักต้านโจทก์อาจารย์" คือว่าคนทั้งหลายเห็นนักบวชไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ไม่สำรวมในอินทรี์ ไม่เคารพในพระธรรมคำสอนว่าเป็นนักบวช การอยู่การกินอาการลีลาต่างๆ ตลอดถึงการนุ่งผ้าก็เป็นเช่นเดียวกับคฤหัสถ์ จึงหาความเคารพยำเกรงไม่ได้ ประการหนึ่งนักปราชญ์อาจารย์ผู้มีปัญญา มีความสงสารกรุณาตักเตือนสั่งสอนตามธรรม คนทั้งหลายก็จะกล่าวคำอันธพาลโจทก์จะหาเรื่องด้วยคำอันเป็นผรุสวาจา ตำหนิติเตียนว่าร้ายเป็นอันมาก

    บัณฑิตนักปราชญ์ทั้งหลายก็จะหาอุบายหยุดหย่อนผ่อนเสีย คือ หาทางหยุดนิ่ง ถึงรู้ก็จะไม่พูดอะไรเลย สมณะปฏิบัติผิดคลองโบราณว่าไว้ คือว่า คลองวัตรปฏิบัติที่ครูบาอาจารย์ได้ชี้แจงแนะนำไว้ ชอบพระธรรมวินัย สมณะทั้งหลายก็จะละและเหยียบย่ำเสีย ไม่ปฏิบัติตาม แต่จะตั้งขึ้นมาใหม่ผิดวินัยไปตลอด แม้นท้ายพระยามหากษัตริย์ทั้งหลาย ก็จะเลิกละเหยียบย่ำโบราณประเพณีอันเป็นคลองธรรมของกษัตริย์ และผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคยปฏิบัติและบัญญัติไว้โดยชอบธรรมแล้วจะเอาอย่างอื่นขึ้นมาใหม่

    เวลานั้นผู้ไร้จะกลับเป็นคนมี คือคนที่ทุกข์ไร้เข็ญใจทั้งหลายทุกข์ ไม่มีความกลัวตายอะไร จะมีใจหยาบกล้าหาญในการรบการทำงานตามความใบ้ว่าได้ไปเป็น (ตามความโง่ ว่าอะไรก็ได้ ทำอะไรก็ได้) ก็เลยเกิดมียศ มีสมบัติสิ่งของเรื่องเหล่านี้จะมีต่อไปภายหน้า ประการหนึ่ง " ผู้หญิงอายุ ๑๐ ปีจะมีชู้ " คือว่าเป็นเวลาที่ทุกข์เข็ญเป็นอันมาก ลูกหญิงยังไม่ถึงเวลาที่สมควรจะมีผัว พ่อแม่พี่น้องจักเล้าโลมให้เอาผัว ละทิ้งข้อวัตรปฏิบัติ จะอยู่ด้วยความประมาทซึ่งกันและกัน จะเป็นบาปเป็นเวรที่แน่นหนา จะหาใครสั่งสอนไม่ได้จะพากันล่มจมฉิบหายในชาตินี้และชาติต่อไป

    "ผู้รู้ท่านบ่นับ" คือคนทั้งหลายเห็นนักบวชผู้รู้ ผู้เรียนจบพระไตรปิฏกหรือเห็นคฤหัสถ์ผู้รู้ธรรมคำสอนอันเป็นข้อวัตรปฏิบัติเป็นบุญเป็นบาป คนทั้งหลายก็ไม่เคารพยำเกรงไม่เข้าสู่ไปหา ไม่เล่าไม่เรียนไม่สืบไม่ถาม เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้อวัตรปฏิบัติก็สูญสลายหายไปไม่มีใครรู้ คนทั้งหลายก็จะทำตามวิสัยใจของเขา ประการหนึ่ง "ขับฝูงชีหนีจากที่" ท่านสมณะและคฤหัสถ์ทั้งหลาย เห็นนักบวชผู้ประกอบชอบพระธรรมวินัยก็จะไม่พอใจจะช่วยกันบังคับขับไล่ให้หนีจากไป จะทิ้งนักบวชแงะคนฝูงใจบาปอยู่ด้วยกัน พวกเขาเข้าใจว่าเป็นการดีเป็นการควรแท้แล ประการหนึ่ง

    "สายฟ้าจะคลี่เป็นทุง" คือว่า สายฟ้าแลบจะคลี่ลงมาเหมือนธงแผ่นผ้า จะเป็นอุบาทว์แก่คนทั้งหลาย ประการหนึ่ง "ผีรุงเกี้ยวอากาศ" คือจะปรากฏในอากาศ มันจะเกี่ยวพันกันแล้วย้อยมากินน้ำในบ้านในเมือง จะเป็นอุบาทว์แก่คนทั้งหลายประการหนึ่ง "นักปราชมักรู้ล่ารู้พลาง" คือได้แก่คนพาลไม่ใช่สัตบุรุษ แต่พอมีความรู้ระเบียบสักเล็กน้อย ไม่แจ่มแจ้ง คนทั้งหลายจะเข้าใจและสมมุติว่าเป็นนักปราชญ์ คนพาลประเภทนี้ยิ่งเพิ่มมายาเป็นทนงองอาจ สักแต่ว่าพูดไปตามวิสัยอันไม่ค่อยรู้ ให้คนท้้งหลายเห็นว่าดีว่าเก่ง แต่เป็นโกหกหลอกลวงเป็นส่วนมาก จะเป็นบาปเป็นกรรมแก่มันอย่างหนักต่อไป ประการหนึ่ง

    "คนทั้งหลายเทียวทางมักยกโทษ" คือคนพาลหาปัญญาไม่ได้ หากว่าได้เดินทางไปด้วยกันก็ดี ได้ถืออาชญากฏหมายไปก็ดี เมื่อพบเห็นท่านผู้อื่นกระทำผิด จะน้อยหรือจะมากก็ตามย่อมจะหาเรื่องจับกุมให้ผู้อื่นได้เสื่อมเสียได้ หากว่าเขามีโทษน้อยก็หาเรื่องโทษมาใส่ให้มาก แม้นไม่ม่ีโทษก็ยกเอาโทษคือหาเรื่องให้เขา จะจับเอาไปถึงโรงถึงศาล เป็นการให้เขาถึงพินาศฉิบหาย ประการหนึ่ง

    "นักบวชบ่เรียนธรรม" ได้แก่บุคคลทั้งหลายเป็นคนขี้เกียจไม่ทำงาน กลายเป้นคนยากคนจน ไม่หาทางเลี้ยงตนอย่างไร จึงเข้าไปบวชเพื่อเลี้ยงชีวิต ชอบประดับตกแต่งและเห็นแก่กิน ไม่ปฏบัติตามพระธรรมวินัย ไม่รักษาศีลให้บริสุทธิ์ ไม่ศึกษาข้อปฏิบัติให้รู้อย่างไหนผิดอย่างไหนถูก มีแต่ตัณหาในลาภสักการ ไม่แสวงหาหนทางแห่งพระนิพพาน จะมีใจยินดีในทางที่จะล่มจมอยู่ในวัฏฏสงสารนั้นประการหนึ่ง "เงินคำพ้อยจักถูกกว่าเบี้ย" คือเบี้ย ๑๐๐ จะมีค่า ๒๐ จะบังเกิดทุพภิกขภัยเอาเงินเอาคำหาซื้อสิ่งของไม่ได้ ผู้ที่มีสิ่งของดูถูกเงินคำเหล่านั้น เป็นของไร้ค่าหาคุณอันใดมิได้เลย

    คนทั้งหลายจะหาอุบายบังคับกดขี่ ข่มเหงเอาสิ่งของของกัน แม้นว่าจะเอาเงินคำมาทุ่มมาหยดกอง ก็จะหาคุณค่าอันใดมิได้ ค่าของเงินคำจะถูกยิ่งนัก แม้นจะเอาเงินเอาทองมาทำเครื่องประดับหรือเอาทำเครื่องใช้สอย ก็จะไม่มีคุณค่าอะไรเลย คนทั้งหลายจะดูถูกเงินทองเป็นอันมาก แม้นจ่ายเบี้ยก็ไม่เต็มร้อย จะสมมุติกันว่าเต็มร้อย คามสุขสมบัติของคนก็จะเรียวลงเหมือนดังเบี้ยหรือเงินที่ขาดจากจำนวนร้อยนั้น บ้านเมืองทั้งหลายก็จะแปรเปลี่ยนไป คือเมืองใหญ่จะกลายเป็นเมืองเล็ก บ้านใหญ่จะกลายเป็นบ้านเล็ก เจ้านายผู้ใหญ่ก็จะกลายเป็นเจ้าเล็กเจ้าน้อยไป ประการหนึ่ง

    "ชาวเมืองมักช่างล่าย" คือชาวบ้านชาวเมืองทั้งหลายจะเป็นคนขี้คร้าน ไม่ชอบประกอบกิจการงานเอาแต่ความสบาย จึงต้องเป็นคนโกหกหลอกลวงซึ่งกันและกัน เมื่อจับได้ไล่ทันก็จะเกิดเป็นโทษภัยความพินาศฉิบหาย ประการหนึ่ง "ผู้น้อยมักม่ายกินเมือง" คือข้าราชการผู้น้อย กลับได้เป็นใหญ่รุ่งเรืองแทนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่บุญสมภารมีน้อยก็จะพาตนไปสู่ความวอยวาย ประการหนึ่ง "ขุนนายเรืองไถ่ข้า" (บางฉบับว่าขุนนางเรืองไถ่ข้า) คือว่าเจ้าขุนทั้งหลายจะเบียดเบียนไพร่ฟ้าข้าเมืองให้ได้วัตถุสิ่งของมาเป้นสมบัติตน ภายหลังไพร่ฟ้าฉิบหายเกิดเป็นโทษเป็นภัยขึ้นแล้ว เจ้าขุนทั้งหลายจะเอาสมบัติวัตถุออกจ้างออกไถ่ เพื่อเอาคนเหล่านั้นมาเป็นข้าบริวารของตน จะบังเกิดมีต่อไปภายหน้า ประการหนึ่ง

    "ฟ้าร้องเป็นดั่งลวา (ลา) " มีเมื่อใด "หมู่กาตามอากาศหยาดเพ้าเถียง" (จับยายกันเป็นกลุ่มส่งเสียงร้องเถียงกัน) "เสียงดังนั้นเนืองบ่ขาด" มีเมื่อใด "ฝูงนักปราชญ์พ้อยเลี้ยงมิจฉาทิฏฐิ" (ปราชญ์กลับนับถือทรงเจ้าเข้าผี) "ฝูงเป็นชีหุมช่างค้า" (พระภิกษูสามเณณชอบไปทางค้าขาย) "ห่มนุ่งผ้ากุยเชิง" (ชอบนุ่งผ้าปล่อยชาย) "พ่อค้าเนิงช่างลัก" (พ่อค้าไม่ซื่อสัตย์โลภมักโกง) "นักบวชและคนมักกินเหล้า" "คนบ่ยำผู้เฒ่าผู้แก่พ่อแม่ลุงอาว" (ผู้คนจะไม่เคารพยำเกรงผู้เฒ่าผู้แก่ตลอดถึงบิดามารดา) "ชาวสรมณ์มักทือกบคระยวง" (สมณะชอบถือหมวก) "ฝูงชีชวงถือดาบมีตัณหาด้วยลาภทาน) "อาจารย์มักกิ๋นเหล้า" (มัคคทายกชอบทานเหล้า) "ต้นข้าวจะลาบเสีย นาทุ่งหลวงจักตายแล้ง น้ำบ่อแห้งเขาะกิ๋น" (ต้นข้าวจะไม่มีรวง ทั้งทั้งท้องทุ่งจะแห้งแล้ง น้ำก็จะแห้งต้องขอดกิน) "คนจะหาศีลบ่ได้ต้นดอกไม้บ่เผยชอบฤดู" (ผู้คนไม่มีศีล ดอกไม้จะไม่บานตามฤดู)

    "ศัตรูจักแผ่กว้าง คนทั้งหลายจักสร้างบ่ได้ลูก ปลูกบ่ได้กิน เรือนหลวงจักกลายเป็นเรือนน้อยบ่ช่างอูบผิดกัน (อูบหมายถึงเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่) ไก่จะขันทักแขก บ้านเมืองจักแตกเป็นผง คนทรงเถื่อนไม้ทุกอ่อนให้ในยม(ยมหมายถึงน้ำ) เมืองใหญ่จักข่มนิคม ชาวสรมณืจักไปแอ่วค้า (เมืองใหญ่ประเทศใหญ่จะข่มเหงประเทศเล็ก พระภิกษุจะเที่ยวค้าขาย) "จักสะว้านผ้าเหน็บแอว" คือภิกษุห่มจีวรไม่เรียบร้อย คือ ตระหวัดจีวรห่มไม่เป็นระเบียบนุ่งสบงหยักรรั้ง) "ฝนตกแผวบ่พอดินชุ่ม" (ฝนตกไม่ชุ่มแผ่นดิน) "เสียงฟ้ารุ่มปุนกลัว" (เสียงฟ้าร้องครวญครางน่ากลัว)

    "เตโชดินแห้งแดด" (บางฉบับว่า "เตโชเลิงแห้งแดด") "แขวดน้ำล้องเป็นนา" (กำหนดเอาบวกหนองเป็นนา) "ท้าวพระยาจักเอาส่วยไรมาก" (รัฐบาลจะเก็บภาษีอากรมาก) "จักทุกข์ไร้ยากปานตาย" "หญิงชายจักโลภตาชั่ง" (ผู้หญิงผู้ชายจะโกงตาชั่ง) "คนรั่งจักจ่ายเงินผิดเมือง" (คนรั่ง คือคนมั่งมี) "สมบัติเรืองจักถอยไป" (บางฉบับว่า "สมเร็จจักถอยไป, สมณะรีตจักถอยถกไป") "สัตว์จังไรจะมากินข้าวกล้า" (สัตว์จัญไรจะมากานข้าวกล้า) "ฟ้ามืดแล้วบ่มีฝน" "คนแปลงนาบ่อได้เข้า (ข้าว)" "เท่าจักไว้กล้าแต่งเยีย" (ครึ่มฟ้าครึ้มฝนทำท่าจะตกแต่ไม่มีฝนตก ทำนาก็ไม่ได้ข้าว ถึงได้ก็น้อยกองอยู่มุมยุ้งฉางเท่านั้น ) "คนจักเรรนอิดหอด" (หมู่คนจะเกิดความสับสนด้วยความหิวกระหาย)

    "อึบกลั้นข้าวรอดทุกปี" (จะอดอยากข้าวปลาอาหารทุกปี) "คนจะขายครัวหนีเสียบ้าน" (ครัวหมายถึงสมบัติ) "จักค้านการเมือง" (จะพ่ายแพ้ต่อการบ้านการเมือง) "ผีลงเนืองมาหาโอกาส" (ทรงเจ้า เข้าผีมาแนะนำสั่งสอน) (บางฉบับว่า "ผีหลวงเนืองมาจากโอกาส") "ผีหัวหลวง จักร้องอากาศ" "ผีหลวงเนืองอากาศ" "บอกโอวาสสอนคน" (หมายถึงทรงเจ้าเข้าผี ให้มีสั่งสอนคน) "จักมาปองปุนตั้งแต่ง" (ผีจะมารวมตั้งแต่สิ่งต่างๆ ให้) " มีชุแห่งชุพาย" (จะมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง) "ลูกน้องบ่ยำนาย ลูหญิงชายบ่ยำพ่อแม่" (ลูกน้องไม่เคารพผู้เป็นนาย ลูกหญิงลูกชายก็ไม่เคารพพ่อแม่) "ฝูงเฒ่าแก่บ่รักลูกหลาน"

    "แต่งของเมาเหล้า" (เวลานั้นคนตระเตรียมไทยธรรมจะดื่มสุรา) ชาวเจ้าสูตรเหมือนขับซก" (พระจะสวดมนต์เหมือนร้องเพลง) "วันคืนนั้นนอท่านจะขับไปเศิกไปเวียก" (ไม่ว่าเวลากลางคืนหรือกลางวันจะถูกบังคับให้ไปรบ หรือให้ไปทำงาน) "ท่านจะร้องเรียกหาการ" "ยินผานใจ๋ จกอกแตก" ท่านจะร้องยกไปทำงานเท่านั้นรู้สึกลำบากใจเหมือนกันอกจะแตก) "ฝูงคนแขกจะมียาม" (ในเวลานั้นไม่มีใครไปหากัน) "การสงครามแดนจักเกิดใกล้" "คนจะได้ไห้ตาแดง" "ขัดดาบแฝงกับช้าง" "วันคืนอ้างคำการ" (การสงครามจะต้องเกิดขึ้นแน่ คนจะร้องไห้จนตาเป็นสายเลือด ดาบปืนจะต้องติดตัวอยู่ตลอดเวลาทุกวันทุกคืนจะเต็มไปด้วยความลำบาก)

    ดูราสหาย นิมิตทั้งหลายตามที่กล่าวมานี้ แม้นว่าเกิดมีมากในประเทศหรือในนครใด ภัยทั้งหลายก็จะเกิดแผ่กระจายไปทั่วบ้านทั่วเมืองนั้น คนในชมพูทวีปทั้งมวลจะเป็นทุกข์ลำบากใจยิ่งจะเลี้ยงปากก็ไม่พอจะเลี้ยงคอก็ไม่อิ่ม" กระต่ายกล่าวจบแล้ว กวางทองจึงถามต่อไปว่า "ดูรา สหาย เคราะห์ภัยพิบัติของบ้านเมืองหมดสิ้นแล้วหรือ" กระต่ายตอบว่า ดูรา สหาย เคราะห์ร้ายทั้งมวลยังไม่หมดแค่นี้ ตั้งแต่ปีกาบไจ้เป็นต้นถึงปีรวายไจ้ ในระหว่างนี้ภัยกลียุคจะลุกเป็นเปลวถึง ๗ ครั้งเพราะเหตุว่าาอาณารัฐประเทศกลางชมพูทวีปจะรบราฆ่าฟันกัน คนจะตายเป็นจำนวนมากจนกระทั่งเลือดท่วมข้อเท้าช้าง"

    กวางทองถามต่อไปอีกว่า "เคราะห์บ้านเคราะห์เมืองจะมีเท่านั้นแลฤา" กระต่ายตอบว่า "ดูราเจ้าสหายเคราะห์ยังหาได้หมดไปไม่ ตั้งแต่ปีรวายไจ้ไปถึงปีเบิกยีจะมีเมืองใหญ่เมืองหนึ่ง มีช้างม้ามากนัก แต่หาคนขี่มิได้และมีเมืองใหญ่อีกเมืองหนึ่ง มีท้ายพระยารี้พลมาก แต่หาช้างม้าขี่มิได้ ยังมีเมืองอีกเมืองหนึ่งมีแต่ผู้หญิงแต่หาผู้ชายมิได้ ยังมีเมืองอีกเมืองหนึ่งมีข้าวน้ำปัจจัยมาก ข้าวสัดหนึ่งจะขายราคา ๑ ซีก ก็ไม่มีคนซื้อ ดีกว่ามีข้าวไว้แต่หาคนกินมิได้ มีเรือนไว้แต่หาคนอยู่มิได้ ยังมีเมืองอีกเมืองหนึ่งมีคนไว้ แต่ไม่มีข้าวจะกิน คือว่าข้าวสารหมื่นน้ำหนึ่ง (ประมาณ ๑๐ ลิตร) ให้ราคา ๒๐๕ ธ็อก ก็หาคนขายไม่ได้

    ข้าพเจ้าจะอุปมาให้แจ้งดังนี้เปรียบเหมือนสระใหญ่แห่งหนึ่ง กว้างแสนโยชน์ยาวก็แสนโยชน์ แต่ความลึกมีเพียงประมาณ ๑ ข้อมือ สระนั้นคงมีปลาและสัตว์ทั้งหลายอยู่บ้าง แต่ไม่มีมากเหมือนแต่ก่อน เพราะว่ามีหญ้างอกงามรุกล้ำเข้ามาเป้นอันมาก น้ำก็แห้งไปสิ้นและสระนั้นไม่มีผู้ใดจะดูแล" กวางทองจึงถามต่อไปว่า "ดูราสหาย เคราะห์ร้ายลียุคหมดสิ้นแค่นั้นแล้วหรือ" กระต่ายกล่าวว่า "ดูราสหายฯ ตั้งแต่ปีเบิกยีต่อไปภายหน้าจะมีพระยาใหญ่ ๔ องค์มาแต่ทิศทั้งสี่จะมาชุมนุมกันในหนองนัำนั้น คือว่า เมืองใหญ่ที่นั้น พระองค์องค์ที่มาจากทิศตะวันออกจะถามพระยาใหญ่ ๓ องค์นั้นว่า

    "ดูรา สหายทั้งสาม ตามที่ข้าพเจ้าได้ยินมานี้ว่า บ้านเมืองในชมพูทวีป ซึ่งกว้างได้หมื่นโยชน์ มีสัณฐานเหมือนหน้า ตั้งแต่ปฐมกัปป์มาถูกน้ำมหาสมุทรท่าวมไปเสียสี่พันโยชน์ เป็นป่าหิมพานต์เสียสามพันโยชน์ เหลือเฉพาะที่อยู่ของคนสี่พันโยชน์ มีแม่น้ำใหญ่ ๕ แม่น้ำ คือแม่น้ำคงคา, แม่น้ำยมมุนา, แม่น้ำจิรวดี, แม่น้ำสรภู, แม่น้ำมหิ, แม่น้ำเหล่านี้ย่อมไหลไปสู่ราชธานีเมืองใหญ่โน้นทั้งสิ้น ไม่ไหลไปสู่ปัจจันตประเทศแม้แต่แม่น้ำเดียว บ้านเมืองปัจจันตประเทศที่นี้ มีแต่เพียงแม่น้ำห้วยไคร้เท่านั้น ที่เป็นแม่น้ำไหลมาจากหนองพระยากาจก ในเมืองมิถิลานคร ไหลผ่านเมืองไทยหมดแล้ว แล้วไหลไปถึงเมืองสุวรรณภูมิโน้น ฟากห้วยไคร้ไปทางทิศตะวันตก เป็นเขตแดนเมืองโกสัมพีนครทั้งสิ้น

    แม้นเมืองกุจฉิราราย, เมืองกาลี, เมืองหงสาวดี ก็อยู่ฟากนี้ทั้งหมดสิ้นฟากน้ำห้วยไคร้ไปทางทิศตะวันออกตามลำดับไปจนถึงหนองพระยากาจก เป็นเกาะเสียเป็นส่วนมาก ทางทิศเหนือหากเป็นเมืองอาฬวี คือเมืองลี้ ภายใต้น้ำห้วยไคร้นั้น เป็นเมืองยวมเมือง -ย ทั้งหมด แม้นเมืองสุโขทัย, เมืองจำปานครและเมืองสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ทางทิศนี้ทั้งสิ้น น้ำจากหนองพระยากาจกหากกำหนดเขตแดนเมืองสุวรรณภูมิทั้งสิ้น ฟากน้ำหนองแสพระยากาจกไปทางทิศตะวันออกเป็นเขตเมืองอุตตระปัญจะ, เมืองจุฬนี, เมืองตักกสิลา, เมืองปาไวย, เมืองอนุราธะ, เมืองเจตรัฏบะ, เมืองพาราณสี

    นอกเหนือจากเมืองที่กล่าวมานี้ ข้าพเจ้าไม่อาจจะกล่าวได้ตั้งแต่เขตแดนเมืองคนเราไปทางทิศเหนือเป็นป่าไม้ทั้งสิ้น (บางฉบับว่าเป็นป่าหิมพานต์) ต่อจากป่าไม้นั้นไปทางทิศเหนือเป็นเขาสิเนโรตั้งอยู่ ฟากน้ำห้วยไคร้ไปทางทิศตะวันตกเมืองทั้งหลายเหล่านั้นเป็นภาษาเดียวกันคนทั้งหลายที่อยู่ฟากตะวันตกเฉียงเหนือของถ้ำจากหนองแสพระยากาจก เขาไม่มีภาษาเหมือนกัน แผ่นดินในเมืองชมพูทวีป แบ่งออกเป็น ๓ ส่วนเท่าๆ กัน พระยาใหญ่องค์ที่อยู่ทิศตะวันออกจะได้บอกกล่าวเช่นนี้"

    กระต่ายกล่าวจบแล้วก็ถามกวางทองว่า "ดูราสหาย ส่วนที่ว่าเจ้าองค์ที่มีบุญจะเป็นที่พึ่งแก่ชาวชมพูทวีปทั้งสิ้นที่ท่านรู้จักแจ่มแจ้งหรือไม่" กวางทองจึงกล่าวว่า "ดูรา สหาย ส่วนว่า เจ้าองค์มีทมียุญสมภารมากนั้น ข้าพเจ้ามีความรู้บ้างเล็กน้อย แต่ว่าไม่ควรจะพูดถึงที่อยู่แห่งท่านผู้มีบุญนั้นได้ ข้าพเจ้าจะกล่าวอุปมาให้ท่านทราบ เพราะว่าท่านผู้มีบุญนั้น คนทั้งหลายย่อมปรารถนาจะใคร่เห็นหน้าท่านทุกวันทุกเวลา แต่ผู้ที่จะได้เห็นนั้นรู้สึกว่าเป็นการยาก เหตุว่ายังไม่ถึงคราวตามที่ข้าพเจ้าได้ยินมานี้ ท่านยังจะได้เป็นพ่อค้าข้าวสารเสียก่อน ท่านเป็นลูกของช่างหูกผู้หนึ่งอยูในปัจจันตประเทศ คือชนบทบ้านนอก

    เพราะเหตุที่กล่าวเช่นนั้น เพราะว่าเมืองมัชฌิมาประเทศทั้งหลายนั้น อุปมาเหมือนสระน้ำอันแห้งหาน้ำไม่ได้ ผู้มีบุญจะหาสิ่งใดบริโภคลำบาก ส่วนเมืองปัจจันตลชนบท บ้านนอกเป็นเมืองคับแคบ ที่ใดชุ่มชื้นเย็นใจ ท่านก็าตนไปเลี้ยงชีวิตตามสุขสำราญในที่นั้น เมื่อใดสระน้ำใหญ่อันเก่านั้นมีน้ำบริบูรณ์บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุขผู้คนมาก ในกาลครั้งนั้น พระอินทร์จะลงมา ท้าวจตุโลกบาล, ยักษ์, คนธรรพ์และกุมภัณฑ์ทั้งหลายก็จะพร้อมกันเล็งดูหมู่คนในโลก ให้รู้ว่าคนบุญหรือคนบาป แล้วจะได้ยกออกเสียตามวิบากกรรมทั้งหลาย ทุกบ้านทุกเมือง

    เป็นต้นว่าให้เสือกกัด งูฉก ฟ้าผ่า ตายลงเลือดอาเจียนเป็นโลกหินตเป็นหนองเป็นฝี เป้นอหิวาตกโรค หรือเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ หรือรบพุ่งฆ่าฟันกัน คนมีบาปและพระเณรที่มีบาปย่อมจะฉิบหายไปสิ้น พระเณรและคนทั้งหลายที่เหลือ ก็จะสะดุ้งตกใจกกลัวต่อภัยทั้งหลาย เขาก็พร้อมเพรียงกันสามัคคีเว้นจากการทำบาป จะพร้อมกันทำบุญกุสลต่างๆ เป็นต้นว่า ให้ทาน รักษาศีล ฟังเทศน์ เจริญเมตตาภาวนา จะเป็นเช่นนี้ทุกบ้านทุกเมืองทุกหนทุกแห่ง ตั้งแต่ปีเบิกยีตราบถึงปีเบิกสัน ในกาลนั้นท้าวจตุโลกบาลและเทวดาทั้งหลาย ก็จะลงมาเลียบดูโลกทุกบ้านน้องเมืองใหญ่ทุกแห่ง

    เห็นพระเณรและท้าวพระยาเสนาอำมาตย์ทั้งหลายตลอดถึงคนทั้งปวง ยึดเอาแก้ว ๓ ประการเป็นสรณะที่พึ่ง มุ่งประกอบแต่เฉพาะบุญอย่างเดียว ไม่กระทำบาปแล้วเช่นนั้น เทวดา, พระอินทร์, พระพรหมและเทวคณาทั้งหลาย ก็จะพร้อมกันอุสสาราชาภิเษกเจ้าตนบุญนั้น ขึ้นเป็นพระธรรมิกราชให้เสวยทิพยสมบัติในเวียงเชียวดาวที่นั้น เทวดาทั้งหลายจะไปเอานางแก้ว อุดรชมพูทวีปมาเป็นเอกอัครมเหสีของพระยาธรรมิกราช" กวางทองและกระต่ายทั้งคู่อันเป็นสัตว์เนรมิตได้ถามและตอบซึ่งกันและกันเช่นนั้น ต่างก็อำลาซึ่งกันกลับไปอยู่ที่อยู่แห่งตน"

    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระเทศนาพยากรณ์ พระยายักขราชได้ฟังเช่นนี้ เมื่อได้พังพระพุทธทำนายตนเช่นนั้น ก็บังเกิดความยินดีอภิวาทกราบไหว้พระพุทธเจ้า แล้วกลับคืนไปสู่ดอยอ่างสรงอันเป็นที่อยู่แห่งตน พระพุทธเจ้าก็เสด็จพรากจากที่นั้น ทรงจาริกไปโปรดเวไนยสัตว์ทั้งหลายต่อไป แลฯ

    พุทธตำนานกัณฑ์ที่ ๙ ก็จบด้วยประการฉะนี้

    ที่มา https://sites.google.com/site/krubanphen/phuthth-tanan-phracea-leiyb-lok
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ยอดเหยื่อแผ่นดินไหวเนปาล ทะลุ 8,500 ศพ

    [​IMG]

    [​IMG]

    รัฐบาลเนปาลเผย จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ทะลุ 8,500 ราย มากกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตในเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดของเนปาลเมื่อราว 80 ปีก่อนแล้ว...

    สำนักข่าว รอยเตอร์ส รายงานว่า เหตุแผ่นดินไหวระดับ 7.8 เมื่อวันที่ 25 เม.ย. สร้างความเสียหายอย่างกว้างขวางในเนปาล บ้านเรือนถูกทำลายมากกว่า 5 แสนหลัง ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชนบทซึ่งถูกตัดขาดจากการช่วยเหลือฉุกเฉินของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากความทุรกันดาร ก่อนจะเกิดแผ่นดินไหวระดับ 7.3 เมื่อวันที่ 12 พ.ค. บริเวณภาคตะวันออกของกรุงกาฐมาณฑุ ซ้ำเติมชาวเนปาลซึ่งเพิ่งจะเริ่มฟื้นตัวจากแผ่นดินไหวครั้งแรก

    ล่าสุด กระทรวงมหาดไทยเนปาลเปิดเผยว่า ตอนนี้จำนวนผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวทั้ง 2 ครั้ง อยู่ที่ 8,583 รายแล้ว มากกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตในเนปาลจากเหตุแผ่นดินไหวระดับ 8.0 เมื่อปี 1934 ซึ่งอยู่ที่ 8,519 คน ไม่รวมผู้เสียชีวิตอีกหลายพันคนในรัฐพิหารทางเหนือของอินเดีย

    ทั้งนี้ อำเภอโดลาคาทางตะวันออกของกรุงกาฐมาณฑุ เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งที่ 2 มากที่สุด โดยเกิดดินถล่มหลายสิบครั้ง ปิดกั้นเส้นทางไปยังหมู่บ้านห่างไกล เช่นหมู่บ้าน สินกาติ ซึ่งยังมีผู้สูญหายเพราะดินถล่มอีกจำนวนมาก ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังคงพยายามค้นหาศพผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง

    ด้าน นายกรัฐมนตรี ซูชิล คอนราลา เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวในวันอาทิตย์ที่ 17 พ.ค. ว่า มีชาวต่างชาติเสียชีวิตในเหตุแผ่นดินไหวครั้งที่ 2 แล้ว 58 ราย และยังมีอีกอย่างน้อย 112 คนที่ยังหาตัวไม่พบ อย่างไรก็ตาม ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ในจำนวนนี้อาจเป็นนักท่องเที่ยวสะพายเป้ (backpacker) ซึ่งเลือกที่จะไม่ลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ในตอนที่พวกเขาเดินทางออกจากเนปาล

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 พ.ค. 2558

    อิรักต้านไม่ไหว! ไอซิสยึดพื้นที่ทั้งหมดของเมืองรามาดีแล้ว

    [​IMG]

    [​IMG]

    เมืองรามาดี ในจังหวัดอันบาร์ ซึ่งอยู่ใกล้กับกรุงแบกแดด เมืองหลวงของประเทศอิรัก ถูกกลุ่มติดอาวุธ รัฐอิสลาม ยึดครองพื้นที่ทั้งหมดแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา...

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมืองรามาดี เมืองเอกของจังหวัดอันบาร์ทางตะวันตกของประเทศอิรัก ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มติดอาวุธ รัฐอิสลาม หรือไอซิส แล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 พ.ค. หลังจากตำรวจและทหารภายในเมืองซึ่งต้านทานการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้มานานหลายวัน พ่ายแพ้และล่าถอยออกจากเมืองอย่างไม่เป็นขบวน

    แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้สำนักงานบริหารจังหวัดอันบาร์ ยืนยันกับสำนักข่าว บีบีซี ว่า เมืองรามาดีตกอยู่ในมือของกลุ่มไอซิสแล้ว และกองทัพของรัฐบาลถอนตัวออกจากเมืองทั้งหมด ขณะเดียวกัน กลุ่มไอซิส มีแถลงการณ์ระบุว่า นักรบของพวกเขายึดเมืองรามาดีได้ทั้งเมืองแล้ว และยังยึดค่ายทหารกองกำลังที่ 8 รวมทั้งรถถังหลายคัน และเครื่องยิงจรวดจำนวนมากที่กองทัพรัฐบาลทิ้งเอาไว้ขณะล่าถอย

    ทหารนายหนึ่งของกองทัพรัฐบาลอิรัก บอกกับ บีบีซี ว่า ทหารส่วนใหญ่ล่าถอยไปยังฐานทัพที่เมืองคาลิดิยา ทางตะวันออกของเมืองรามาดี หลังจากกระสุนของพวกเขาหมด จนไม่สามารถตีโต้การบุกโจมตีอย่างหนักหน่วงของกลุ่มไอซิสได้

    ขณะที่มีรายงานด้วยว่า ทหารอิรักต้องล่าถอยเพราะถูกโจมตีด้วยระเบิดรถยนต์ฆ่าตัวตายหลายระลอก ในวันอาทิตย์ โดยระเบิด 4 ลูกระเบิดขึ้นเกือบจะพร้อมกันที่ด้านป้องกันของตำรวจในเขตมาลับ ทางใต้ของเมืองรามาดี ต่อมามือระเบิดฆ่าตัวตายอีก 3 คน ขับรถฝ่าประตูศูนย์บัญชาการปฏิบัติการจังหวัดอันบาร์ และจุดระเบิด

    ทั้งนี้ ข่าวเมืองรามาดีแตกถูกเผยแพร่ออกมาไม่นานหลังจาก นายกรัฐมนตรี ไฮเดอร์ อัล-อาบาดี เรียกร้องให้กองทัพรัฐบาลอยู่ประจำตำแหน่ง อย่าให้กลุ่มไอซิสขยายพื้นที่ยึดครองในเมืองรามาดีได้ และให้การสนับสนุนจากกองกำลังอื่นๆ รวมทั้งกองกำลังขับเคลื่อนประชาชน (พีเอ็มยู) หรือกลุ่มติดอาวุธมุสลิมชีอะห์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการยึดคืนเมืองทีกริตคืนจากกลุ่มไอซิสเมื่อเดือนก่อน

    อนึ่ง กองกำลังรัฐบาลและกลุ่มไอซิส ต่อสู้แย่งชิงจังหวัดอันบาร์ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญมานานหลายเดือนแล้ว โดยหากเมืองรามาดีตกอยู่ในมือของกลุ่มไอซิสโดยสมบูรณ์ จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อรัฐบาลอิรัก เนื่องจากเมืองเอกแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากกรุงแบกแดด เมืองหลวงของประเทศเพียง 100 กม. เท่านั้น

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 พ.ค. 2558

    ผู้อพยพโรฮีนจา เจอชะตากรรมโหด แย่งอาหารฆ่ากันตายเป็นร้อย!!

    [​IMG]

    ผู้อพยพชาวโรฮีนจาที่รอดชีวิต เผยชะตากรรมสุดโหดบนเรือ ถึงขั้นต่อสู้แย่งชิงอาหาร จนมีคนถูกฆ่าตายโยนทิ้งทะเลนับร้อยคน ขณะที่ รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย จี้รัฐบาลเมียนมา ควรเข้ามาหารือแก้ปัญหาผู้อพยพชาวโรฮีนจาร่วมกัน

    เมื่อวันที่ 18 พ.ค. สำนักข่าวบีบีซีรายงานความคืบหน้าถึงปัญหาชะตากรรมของบรรดาผู้อพยพชาวมุสลิม โรฮีนจา ที่กำลังเป็นปัญหาของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ขณะที่ นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้เรียกร้องให้ประเทศในอาเซียนร่วมกันแก้ไขสถานการณ์ผู้อพยพชาวโรฮีนจาด้วยการปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรมสากลนั้น

    นายมาร์ติน แพเทียนส์ ผู้สื่อข่าวบีบีซี ได้สอบถามชาวโรฮีนจาที่รอดชีวิต ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากทางการอินโดนีเซียส่งเรือเล็กมารับขึ้นฝั่งที่เมืองท่า ลังซา บนเกาะอาเจะห์ เมื่อวันที่ 16 พ.ค. หลังจากโดนเรือรบมาเลเซียผลักดันเรือ 2 ลำที่บรรทุกผู้อพยพชาวโรฮีนจาราว 700 คน ออกไปจากน่านน้ำของมาเลเซียก่อนหน้าว่า ความยากลำบากหิวโหยของผู้อพยพชาวโรฮีนจา ที่ต้องกินต้องอยู่บนเรือที่รอนแรมอยู่กลางทะเลมานานกว่า 2 เดือน ทำให้ถึงขั้นต้องต่อสู้แย่งชิงอาหาร จนมีผู้อพยพทั้งโดนแทง โดนแขวนคอ หรือโยนทิ้งทะเล เสียชีวิตไปถึงประมาณ 100 คน

    อย่างไรก็ตาม มาร์ติน แพเทียนส์ ผู้สื่อข่าวบีบีซี ชี้ว่า การเปิดเผยของผู้รอดชีวิตทั้ง 3 คน ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมดหรือไม่ เพียงแต่ว่าชาวโรฮีนจาทั้ง 3 เล่าตรงกัน ซึ่งถ้าหากเรื่องนี้เป็นความจริง จะยิ่งทำให้ประชาคมโลกกดดันประเทศในอาเซียนแก้ไขปัญหาผู้อพยพชาวโรฮีนจาเพิ่มขึ้น ขณะที่ นายแพเทียนส์ ยังรายงานว่า ชาวโรฮีนจาที่รอดชีวิตและถูกนำไปพักที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ลังซานั้น ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพขาดอาหารและขาดน้ำ จนร่างกายไร้เรี่ยวแรง

    บีบีซี รายงานด้วยว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 พ.ค. นายอานิฟาห์ อามันรมว.ต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวถึงปัญหาผู้อพยพชาวโรฮีนจาว่า เขาหวังที่จะหารือถึงวิกฤติผู้อพยพชาวโรฮีนจากับรัฐบาลเมียนมา ก่อนที่เรื่องนี้จะถูกยกระดับกลายเป็นวาระสากล โดยนายอามัน รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย ในฐานะประธานกลุ่มอาเซียน ยังชี้ว่า อาเซียนควรจะแก้ปัญหาผู้อพยพชาวโรฮีนจาด้วยการคำนึงถึงประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งปัญหาทางสังคม และความมั่นคง

    ‘พวกเรากำลังขอให้เมียนมามาร่วมแก้ปัญหานี้ด้วยกัน’ นายอามัน กล่าว หลังจากหารือกับ นายอาบู ฮัสซัน มาห์มูด อาลี รมว.ต่างประเทศบังกลาเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลเมียนมายืนกราน จะไม่ขอรับผิดชอบเกี่ยวกับวิกฤติผู้อพยพชาวโรฮีนจาจากบังกลาเทศและเมียนมา ที่ล่องเรือมาขึ้นฝั่งที่ประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 พ.ค. 2558

    ยิงกันเละ! แก๊งบิ๊กไบค์ มะกัน ดวลปืนกันสนั่น ตาย 9 เจ็บอื้อ

    [​IMG]

    [​IMG]

    แก๊ง ‘บิ๊กไบค์’ ถิ่นคาวบอย รัฐเทกซัส เปิดศึกทะเลาะวิวาทกันเละ ถึงขั้นชักปืนยิงดวลกันนอกร้านอาหาร ราวกับอยู่ในสมรภูมิรบ ดับอย่างน้อย 9 ศพ เจ็บ 18 คน

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เกิดเหตุการณ์ระทึก แก๊งมอเตอร์ไซค์ ‘บิ๊กไบค์’ ซึ่งเป็นคู่อริกันมาก่อน อย่างน้อยถึง 3 แก๊ง โคจรมาเจอกัน จนเปิดฉากดวลปืนสนั่นชนิดหูดับตับไหม้ ที่ลานจอดรถ ด้านนอกร้านอาหาร แบบ สปอร์ต บาร์ ‘ทวิน พีคส์ สปอร์ตส์ บาร์ แอนด์ กริลล์’ ที่ช็อปปิ้ง มอล ในเมืองวาโก รัฐเทกซัส ประเทศสหรัฐฯ ตอนหลังเที่ยงวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถูกยิงดับอนาถ ถึง 9 คน ในจำนวนนี้ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 8 คน และอีกคนเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ขณะที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บถึง 18 คน

    จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองวาโก ระบุว่า สมาชิกแก๊งมอเตอร์ไซค์อย่างน้อย 3 แก๊ง ได้เกิดอาการเขม่นกันในร้านอาหารแห่งนี้ จนนำไปสู่การทะเลาะวิวาทอย่างรุนแรง ทั้งใช้มีด ใช้โซ่ เตะและต่อยกันดุเดือด จนถึงขั้นชักปืนออกมายิงดวลกันสนั่นที่ด้านนอกร้าน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ทั้งถูกยิงและถูกแทง

    การทะเลาะวิวาทกันของแก๊งมอเตอร์ไซค์เหล่านี้ เป็นอันตรายมาก เพราะทำให้ผู้บริสุทธิ์โดน ‘ลูกหลง’ ได้รับบาดเจ็บไปด้วย’ ตำรวจเมืองวาโกกล่าว พร้อมกับเผยว่า เมื่อเหตุการณ์ยุติลง เจ้าหน้าที่ตำรวจพบร่างผู้เสียชีวิตนอนตายทั่วลานจอดรถ ส่วนสมาชิกแก๊งมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ได้ถูกตำรวจจับกุมดำเนินคดีอาญาไปเรียบร้อย

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 พ.ค. 2558

    ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เมฆประหลาด ม้วนตัวแนวยาว บนฟ้าเมืองหนองบัวลำภู

    [​IMG]

    [​IMG]

    เกิดปรากฏการณ์ เมฆประหลาด ม้วนตัวเป็นแนวยาว บนท้องฟ้าเมืองหนองบัวลำภู คาดเป็นปรากฏการณ์ม้วนเมฆ หรือที่เรียกว่า Roll Cloud

    ผู้สื่อข่าวจังหวัดหนองบัวลำภู รายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 พฤษภาคม 2558 ขณะขับรถเดินทางตามถนนสายรอบเมืองหนองบัวลำภู เพื่อไปทำข่าวการแข่งขันฟุตบอลลีกภูมิภาค ระหว่างทีมสโมสรหนองบัว พิชญ เอฟซี กับทีมกาฬสินธุ์ เอฟซี สังเกตเห็นท้องฟ้าด้านทิศตะวันตก มีก้อนเมฆลักษระแตกต่างกับที่เคยพบเจอ คือเป็นก้อนเมยาวเหมือนขนมปังฝรั่งเศส มองเห็นเป็นแนวยาวจากทางทิศใต้ไปทิศเหนือ จึงได้บันทึกวิดีโอไว้ พร้อมกับภาพถ่ายด้วยกล้องโทรศัพท์ โดยปรากฏการณ์นี้ เกิดขึ้นเป็นเวลานานนับชั่วโมงจนถึงค่ำ จึงมองไม่เห็น

    เบื้องต้น จากการตรวจสอบ พบว่ามีเมฆคล้ายลักษณะดังกล่าว เรียกว่า Roll Cloud หรือม้วนเมฆ ทั้งนี้ มีการระบุว่า เมฆรูปทรงนี้เป็นเมฆประเภทก่อตัวต่ำ เกิดขึ้นเมื่อมวลอากาศเย็นปะทะมวลอากาศอุ่นชื้น จึงผลักมวลอากาศอุ่นชื้นขึ้นไปด้านบน จากนั้นกระแสลมแรงได้ทำให้เมฆม้วนตัวเป็นทางยาวขนานไปกับพื้นผิวโลก โดยก่อนเกิดเมฆม้วนนั้นได้มีฝนตกในพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู สลับกับอากาศร้อนจัด จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวขึ้น.

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 พ.ค. 2558

    เลขายูเอ็นเจรจาบิ๊กตู่ ให้ช่วยเหลือ ‘โรฮีนจา’ หลายปท.จวกพม่าเละ

    [​IMG]

    ผู้ต้องหาขบวนการค้ามนุษย์ชาว “โรฮีนจา” เข้ามอบตัวเพิ่มอีก 2 คน ในขณะที่ตำรวจออกหมายจับเพิ่มอีก 1 รวมมีผู้ต้องหาในคดีแล้วมากถึง 62 คน ด้านรอง ผบ.ตร.นำคณะตรวจเส้นทางค้ามนุษย์ พร้อมขอความร่วมมือผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชนช่วยแจ้งเบาะแส พร้อมเล่นงานหนักเตรียมรื้อทุกคดี ด้าน ผบ.ทบ.ยันไทยไม่ตั้งศูนย์พักพิง “โรฮีนจา” ย้ำ ทำดีที่สุดแล้ว ในขณะที่เลขาฯยูเอ็นสายตรง “บิ๊กตู่” แก้ปัญหาโรฮีนจา เน้นคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ด้านเพื่อนบ้านไทยรุมจวกพม่าตัวปัญหา

    หลายหน่วยงานยังคงเดินหน้าขุดรากถอนโคนเครือข่ายค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา ล่าสุด ผู้ต้องหาขบวนการค้ามนุษย์ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจเพิ่มอีก 2 คน โดยเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 17 พ.ค. ที่ สภ.ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา นายพิชัย คงเอียง อายุ 45 ปี บ้านเลขที่ 115/2 ต.ห้วยลึก อ.ควนเนียง จ.สงขลา และ นายวิรัช เบ็ญโต๊ะ อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 1/1 หมู่ 7 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ผู้ต้องหาเครือข่ายค้ามนุษย์ใน จ.สงขลา ได้เข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.โชติ ชัยชมภู ผบก.สส.ภ.9 โดยทั้งคู่ถูกดำเนินคดีในข้อร่วมกันค้ามนุษย์ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง และร่วมกันเรียกค่าไถ่ ขณะนี้ทั้งคู่อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนี้ ในวันเดียวกันตำรวจยังได้ออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 1 ราย คือนายดาเหร็ต หมานละโต๊ะ เครือข่ายค้ามนุษย์ใน อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ในข้อหาค้ามนุษย์ กักขังหน่วงเหนี่ยวและเรียกค่าไถ่ รวมผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ 62 คน ถูกควบคุมตัวแล้ว 29 คน และยังหลบหนีอีก 33 คน หนึ่งในนั้นคือนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือ “โกโต้ง” ตัวการใหญ่ค้ามนุษย์ใน จ.สตูล ที่เชื่อว่าหลบหนีไปกบดานอยู่ในประเทศมาเลเซีย

    วันเดียวกัน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.มนตรี โปตระนันทน์ ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.พุทธชาติ เอกฉันท์ รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต. เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย รอง ผบช.ภ.9 รรท.ผบก.ภ.จ.สตูล เดินทางไปตรวจเส้นทางค้ามนุษย์ โดยจุดแรกตรวจเยี่ยมด่านตรวจบ่อเจ็ดลูก หมู่ 5 ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล เป็นจุดตรวจสกัดการลักลอบขนชาวโรฮีนจา หลังมีรายงานว่าชาวโรฮีนจาที่เดินทางมาจากประเทศพม่า ผ่านทางทะเลอันดามัน จะไปขึ้นฝั่งที่บริเวณชายฝั่งบ้านบ่อเจ็ดลูกก่อนจะขึ้นรถยนต์เดินทางต่อไปยังบริเวณด่านชายแดนไทย-มาเลเซียบ้านวังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล ข้ามไปยังมาเลเซีย และบางส่วนขึ้นรถยนต์เดินทางไปยังด่านปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ข้ามไปยังมาเลเซีย พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจปฏิบัติหน้าที่โดยเคร่งครัด

    จุดที่สองตรวจเยี่ยมจุดตรวจบ้านทุ่งมะปรัง ถนนสายควนสตอ-วังประจัน หมู่ 1 ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล เป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังชายแดนรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย ที่กลุ่มผู้ค้ามนุษย์ ใช้เป็นเส้นทางนำชาวโรฮีนจาเดินลัดเลาะตามป่าตามแนวเทือกเขาบรรทัด ไปยังเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ เข้าประเทศมาเลเซีย จากนั้น พล.ต.อ.เอก เดินทางไปพบผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น กว่า 100 คน ที่ทำการอุทยานแห่งชาติทะเลบัน หมู่ 4 ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล โดยกล่าวกับผู้ที่มาต้อนรับว่า การค้ามนุษย์ นอกจากผิดกฎหมายแล้วยังเป็นบาป หากใครเกี่ยวข้องขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องกลัวอิทธิพล กลุ่มค้าโรฮีนจา ไม่ผุดไม่เกิดอย่างน้อย 10 ปี ตนจะดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด จะมีการรื้อฟื้นคดีอื่นๆทุกคดี ขณะนี้ตำรวจได้ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องไปแล้วทั้งหมด 62 คน อายัดทรัพย์กว่า 300 ล้านบาท มีเครือข่าย จ.ระนอง สงขลา นครศรีธรรมราช สตูล

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีมีเรือบรรทุกชาวโรฮีนจา 450 คน ลอยลำในทะเลอันดามัน บริเวณรอยต่อประเทศมาเลเซีย กับไทย ด้านเกาะลังกาวี กับ เกาะหลีเป๊ะ อ.เมืองสตูล ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. ที่ผ่านมา ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 03.30 น. วันที่ 17 พ.ค. ทหารเรือ จ.สตูล ได้ตรวจสอบพบว่าสาเหตุเกิดจากเครื่องยนต์เรือมีปัญหาขัดข้อง มีน้ำผสมในน้ำมัน เนื่องจากคนประจำห้องเครื่องยนต์เรือสูบน้ำเข้าผิดถัง และทางทหารเรือได้ช่วยซ่อมจนเรือสามารถเดินทางต่อไปได้แล้ว โดยเรือออกเดินทางมุ่งหน้าไปทางน่านน้ำสากล ห่างจากน่านน้ำไทย 40ไมล์ทะเล และชาวโรฮีนจากลุ่มนี้ยืนยันจะไม่เข้าประเทศไทย

    พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า แผนยุทธการ “ปิดปลายทาง” พื้นที่เทือกเขาแก้วปลายทางนำโรฮีนจาเข้าประเทศมาเลเซีย ได้บูรณาการทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ตั้งจุดตรวจสกัดปิดถนนและชายทะเล จ.ระนอง จ.สตูล ตั้งแต่ ทุ่งหว้า ละงู ท่าแพ เมืองสตูล ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ตำรวจน้ำสำรวจเกาะแก่งที่เป็นที่พักพิง ตัดขาดวงจรโรฮีนจาในไทย มีผลทำให้ผู้อพยพเข้าไทยไม่ได้ต้องหลบหนีไปขึ้นฝั่งที่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย และที่อาเจะ ประเทศอินโดนีเซีย และมีเรือตกค้างไม่สามารถขึ้นฝั่งไทยได้ เพราะตัวการใหญ่ที่ ต.ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา จ.สตูล และ จ.ระนอง ถูกจับกุม

    พล.ต.อ.เอกกล่าวอีกว่า จากเดิมเป็นการอพยพย้ายถิ่นฐานของชาวโรฮีนจาไม่ใช่การค้ามนุษย์ แต่เมื่อจำนวนเพิ่มมากขึ้นทำให้มีการค้ามนุษย์ ชาวโรฮีนจาเป็นชาวมุสลิม พม่าไม่เอา จึงบอกว่าเป็นเหยื่อสมัครใจย้ายถิ่นฐาน บางส่วนมาพักรอไม่มีคนเอาไปทำงาน หลอกลวงทำเป็นเรียกค่าไถ่ให้ญาตินำเงินมา สำนวนคดีโรฮีนจาแยกเป็น 2 ส่วน ผู้อพยพย้ายถิ่นเป็นผู้ต้องหาหลบหนีเข้าเมือง และผู้ที่ถูกขู่เข็ญเป็นเหยื่อเข้าข่ายค้ามนุษย์เป็นคดีอาญา มีพยานหลักฐานเพียงพอดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด พาดพิงถึงใครจะรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับกุม เพื่อดำเนินคดีอายัดทรัพย์สินร่วมกับ ปปง. ผู้ต้องหาที่เป็นข้าราชการการเมืองจะทำเรื่องเสนอฝ่ายปกครองเพื่อปลดจากตำแหน่ง ถ้าผู้ต้องหาหลบหนีต่างประเทศจะขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทำให้ผู้ต้องหาเกรงกลัวไม่ทำผิดกฎหมาย ศาลตัดสินดำเนินคดีคัดค้านการประกันตัว

    พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ล่าสุดพนักงานสอบสวนขอศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในคดีนี้เพิ่มอีก 1 คน รวมตอนนี้มีผู้ต้องหาร่วมขบวนการที่ถูกออกหมายจับไปแล้ว 62 คน จับกุมตัวได้ 29 คน ในจำนวนนี้แบ่งเป็นการเข้ามามอบตัว 17 คน นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้ สำหรับผู้ต้องหาที่ออกหมายจับเพิ่มเติมล่าสุด เป็นผู้ต้องหาระดับกลาง เป็นลูกน้องของผู้ที่มีหน้าที่ดูแลการขนส่งชาวโรฮีนจาไปยังพื้นที่ปลายทางต่างๆ ส่วนการติดตามจับกุมตัวนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง อดีตนายก อบจ.สตูล ผู้ต้องหารายใหญ่ในขบวนการ ล่าสุดการข่าวยังไม่พบว่าหลบหนีออกต่างประเทศตามที่มีกระแสข่าว เจ้าหน้าที่เชื่อว่ายังคงหลบหนีอยู่ภายในประเทศไทย และคาดว่าเร็วๆนี้จะตามจับกุมตัวได้

    “อย่างไรก็ตาม การดำเนินการต่อชาวโรฮีนจาเจ้าหน้าที่จะแยกออกเป็นกลุ่มๆ มีมาตรการดำเนินการที่แตกต่างกันออกไป อาทิ กลุ่มชาวโรฮีนจาที่ตั้งใจหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย กลุ่มที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ และกลุ่มที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ถ้าหากพบว่ามีใบอนุญาตทำงานถูกกฎหมายจะไม่มีความผิด เจ้าหน้าที่จะเน้นไปที่การขนส่งชาวโรฮีนจาจำนวนมากผ่านทางเรือที่ลอยลำมากลางทะเลในน่านน้ำไทยเป็นหลัก เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการค้ามนุษย์ที่กำลังเร่งปราบปรามอยู่ ส่วนการจัดการคงไม่ให้คนกลุ่มนี้เข้ามาขอลี้ภัย เนื่องจากรัฐบาลยังไม่มีนโยบายให้ลี้ภัยหรือสร้างค่ายพักพิง ขณะนี้ชาวโรฮีนจาอยู่ในการควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ไทยมีอยู่ประมาณ 300 คน ในจำนวนนี้เป็นเหยื่อที่ถูกขบวนการค้ามนุษย์หลอกลวงมาถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้นเป็นผู้ที่มีพฤติกรรมหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย” โฆษก ตร.กล่าว

    พล.ต.ท.ประวุฒิยังกล่าวต่อว่า จากการวางกำลังเฝ้าตรวจตราการเคลื่อนไหวของขบวนการค้ามนุษย์และเรือขนส่งชาวโรฮีนจาตลอดแนวชายฝั่งอันดามันตั้งแต่ จ.ระนอง ลงมาจนถึงแนวชายแดนประเทศมาเลเซีย ยังได้วางแนวทางการสืบสวนเชิงลึกเกี่ยวกับขบวนการดังกล่าว โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ให้ตำรวจ บช.ภ.9 ลงพื้นที่ตามแนวชายฝั่ง เพื่อทำงานด้านมวลชน พูดคุยสอบถามข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่เกี่ยวกับเรือขนส่งชาวโรฮีนจาของขบวนการค้ามนุษย์เพิ่มเติม เพื่อเก็บเป็นเบาะแสข้อมูลในการสืบสวนสอบสวน รวมไปถึงการตรวจสอบเฝ้าระวังเรือเล็กและเรือใหญ่ที่อาจนำชาวโรฮีนจามาขึ้นฝั่งอีกด้วย

    พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ.กล่าวถึงกรณีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาต้องการที่จะให้ประเทศไทยตั้งศูนย์พักพิงให้กับชาวโรฮีนจาว่า เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานความมั่นคงไปดูพื้นที่เพื่อหาจุดที่เหมาะสม เพราะขณะนี้เราพยายามกวดขันให้คนที่หลบซ่อนอยู่หรือเข้าประเทศมาโดยผิดกฎหมาย ออกมาและดูแลให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นเรากำลังมองหาสถานที่อยู่ ซึ่งมีแนวคิดอยู่แล้ว หากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีหน้าที่โดยตรงยังรับไหวอยู่ก็ถือเป็นหน้าที่ของตำรวจ แต่หากรับไม่ไหวหรือมีจำนวนมากไปก็ต้องหาพื้นที่พักพิง

    พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค ในฐานะทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ค. เวลา 10.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้โทรศัพท์ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์การอพยพของชาวโรฮีนจาที่นับวันจะมีจำนวนมากขึ้น โดยที่คนเหล่านี้จะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และมีสิทธิขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิต โอกาสนี้นายกฯได้กล่าวแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์เช่นกัน สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าติดตามสถาน– การณ์อย่างใกล้ชิด จัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจดูแลบริเวณน่านน้ำไทย เข้าตรวจสอบสภาพเรือ ความเป็นอยู่ สอบถามความต้องการเพื่อให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมและตามหลักกฎหมายสากล ทั้งด้านอาหาร น้ำ เพื่อบริโภค-อุปโภค ยารักษาโรคและน้ำมัน เพื่อเดินทางต่อไปประเทศที่สามตามความสมัครใจ และนายกฯย้ำว่าการกระทำใดๆให้คำนึงกฎหมายของแต่ละประเทศด้วย

    วันเดียวกัน นายมูห์ฮีดิน ยัสซิน รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ออกแถลงว่า จากวิกฤตการณ์ผู้ลี้ภัยที่เกิดขึ้นครั้งนี้ รัฐบาลเมียนมาควรที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาภายในเกี่ยวกับกลุ่มชาวโรฮีนจา แทนที่จะมาบีบให้เป็นความรับผิดชอบของประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ รัฐบาลมาเลเซียจะจัดการหารือระดับรัฐมนตรีต่างประเทศเพื่อหาทางออก โดยนายอานิฟาห์ อามาน รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย จะเข้าหารือกับนายเรตโน มาร์ซูดี รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ที่เมืองโกตา คินาบาลู ในมาเลเซีย วันที่ 18 พ.ค. ตามด้วย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รมว.ต่างประเทศ ประมาณวันที่ 20 พ.ค.

    ขณะที่นายสูสิโล บัมบัง ยูโดโยโน อดีตประธานาธิบดีอินโดนีเซีย กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นควรได้รับการตอบสนองอย่างเร่งด่วนในระดับภูมิภาค เมียนมากับบังกลาเทศอย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ถือเป็นการไม่ยุติธรรมอย่างยิ่งที่จะมาโทษว่าเป็นความรับผิดชอบของไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เช่นเดียวกับนายชาฮิดูล ฮักค์ รมช.ต่างประเทศบังกลาเทศ ที่เรียกร้องให้นานาชาติกดดันเมียนมา เพราะปัญหาโรฮีนจา เมียนมาสร้างเองก็ต้องแก้เอง

    ส่วนนายโทนี แอ็บบอตต์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ออกแถลงในเวลาต่อมาว่า การเข้าสกัดกั้นและผลักดันเรือขนผู้ลี้ภัยถือเป็นกุญแจสำคัญ จริงอยู่ที่เราต้องปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมและมีมนุษยธรรม แต่ท้ายที่สุดแล้วหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องผลักดันเรือเหล่านี้ออกไป ออสเตรเลียจะไม่ขอโทษที่ดำเนินมาตรการเช่นนี้ และหากประเทศอื่นๆจะทำเหมือนกัน ออสเตรเลียก็มองว่าเป็นเรื่องจำเป็น หากปล่อยให้เข้ามาได้ก็จะมีพวกผู้ลักลอบค้ามนุษย์ไปขนคนเหล่านี้มาอีก และแน่นอนว่าย่อมต้องมีการเสียชีวิตเกิดขึ้น

    สำนักข่าวเอเอฟพียังรายงานอ้างนักวิเคราะห์ประจำสถาบันด้านนโยบายความมั่นคงในสวีเดน ที่มองว่า รัฐบาลเมียนมากดขี่กลุ่มชาติพันธุ์โรฮีนจามาตลอด แต่ชาติสมาชิกอาเซียนก็ไม่ยอมดำเนินการกดดันใดๆเนื่องจากติดที่หลักการไม่แทรกแซงกันและกัน จึงทำให้ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข ยังคงคาราคาซังมาจนถึงทุกวันนี้

    นางวิเวียน ตัน โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอชซีอาร์ประจำกรุงเทพฯ ออกแถลงการณ์ว่า ทางหน่วยงานได้รับข้อมูลมาว่า บนเรือผู้ลี้ภัยเหล่านี้ จะมีตัวการซึ่งเป็นผู้ลักลอบขนคนมา ประมาณ 1-2 คน ทำหน้าที่คอยเกลี้ยกล่อมให้ผู้ลี้ภัยบนเรือพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากจะเดินทางไปมาเลเซีย เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ถูกทางการไทยตรวจสอบและทำการจับกุม ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วคนเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องได้รับการช่วยเหลือในทันที ไม่ว่าพวกเขาจะพูดเช่นไร เราต้องนำเขาขึ้นฝั่งโดยเร็วที่สุด

    โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 18 พ.ค. 2558

    สธ.ห่วงผู้ป่วยความดันสูงไม่รู้ตัว

    [​IMG]

    ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า วันที่ 17 พ.ค.ของทุกปี สมาพันธ์ความดันโลหิตสูงโลกกำหนดให้เป็นวันความดันโลหิตสูงโลก โดยปีนี้รณรงค์ในประเด็น “ท่านทราบระดับความดันโลหิตของท่านหรือไม่”

    สำหรับผลสำรวจสุขภาพประชาชนไทยปี 2556 พบผู้ป่วยความดันโลหิตสูงรายใหม่ 90,564 คน แบ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง 64,115 คน กลุ่มคนปกติ 26,449 คน นอกจากนี้ยังพบจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคนี้เพิ่มขึ้น จากปี 2555 จำนวน 3,684 คน เพิ่มเป็น 5,165 คน ในปี 2556 โดยเรื่องที่น่าวิตก คือ ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงร้อยละ 50 ไม่รู้ตัวว่าเป็นความดันโลหิตสูง

    ทั้งนี้โรคความดันโลหิตสูง มีผลต่อหลอดเลือดและการไหลเวียนเลือดและออกซิเจนไปสู่หัวใจ อาจเป็นสาเหตุให้หัวใจล้มเหลว หลอดเลือดสมองแตก หรือตีบ ดังนั้นจึงให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศเผยแพร่ข้อมูลให้ประชาชนมาตรวจวัดความดันโลหิตอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง สำหรับปัจจัยเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูงมาจากการกินอาหารที่มีรสเค็ม ไม่ออกกำลังกาย ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ สอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422.

    โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 18 พ.ค. 2558

    ทั่วไทยมีฝนกระจาย ภาคเหนือระวังลมกระโชกแรง

    [​IMG]

    ทั่วไทยมีฝนกระจาย หลังจากนั้นในช่วงกลางสัปดาห์จะมีฝนเพิ่มขึ้น ภาคเหนือระวังลมกระโชกแรง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตขึ้นมา ทะเลจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ...

    เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ทีมข่าวไทยรัฐ ร่วมกับ Weather Company ของสหรัฐอเมริกา รายงานสภาพอากาศ ปรากฏว่าตอนนี้มีกระแสลมตะวันตกเฉียงใต้พัดเข้าปกคลุมปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย แบบนี้ก็จะทำให้บริเวณประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย หลังจากนั้นในช่วงวัน อังคาร พุธ พฤหัสบดี ลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ด้านตะวันตกของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก จะมีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตขึ้นมา ทะเลจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในระยะนี้ไว้ด้วย

    จากภาพถ่ายดาวเทียม เช้านี้ทั่วไทยยังคงมีเมฆปกคลุมค่อนข้างหนาแน่น โดยเฉพาะเมฆฝนและเมฆฝนฟ้าคะนอง ในบริเวณภาคเหนือและภาคใต้

    ภาพรวมการคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนสะสมวันนี้ ลดลงกว่าเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บริเวณที่มีน้ำฝนตกลงมาเยอะหน่อย คือบริเวณที่ติดทะเล ในภาคตะวันออกและภาคใต้ ประมาณ 40-60 มิลลิเมตร

    จากการคาดการณ์สถานการณ์ฝนวันนี้ปรากฏว่า กลุ่มฝนเริ่มก่อตัวตั้งแต่ในช่วงเช้า บริเวณภาคอีสาน กระจายทั่วภาคอีสาน โดยจะตกปานกลางถึงตกหนักในบริเวณ จ.เลย ร้อยเอ็ด และอุบลราชธานี

    ช่วงเที่ยง กลุ่มฝนจะขยับลงมาบริเวณภาคอีสานตอนล่าง แถวบริเวณจ.ยะโสธร และอำนาจเจริญ ภาคตะวันออก ที่ระยอง จันทบุรี และตราด และตกประปราย ในภาคเหนือบริเวณจ.เชียงราย และสุโขทัย

    ช่วงบ่าย จะตกในบริเวณอีสาน ตกหนักหน่อยที่สุรินทร์ ลากตัวยาวผ่านปราจีนบุรี เฉียดกรุงเทพไปจรดที่กาญจนบุรี ช่วงเย็นกลุ่มฝนเล็กลง ไปอยู่แถวๆภาคกลางตอนล่าง และบางส่วนของภาคตะวันออก หัวค่ำ กลุ่มฝนไปตกหนักที่นครสวรรค์

    ส่วนสภานการณ์ฝนภาคใต้ภาพรวมวันนี้ก็ลดลงเช่นกัน โดยเริ่มก่อตัวช่วงบ่าย โดยจะตกใน 2 จุด คือ จ.ระนอง และสตูล ช่วงเย็น กลุ่มฝนจะไปตกบริเวณกระบี่ ตรัง และยะลา ส่วนช่วงค่ำ ฝนตกบางๆใน จ.ตรัง

    ภาพรวมความร้อนในวันนี้ อุณหภูมิยังทรงๆ เหมือนวันสองวันที่ผ่านมา สูงสุดเฉลี่ย อยู่ที่ 41 องศา แถวภาคกลางตอนล่าง ส่วนสาเหตุที่ทำให้รู้สึกร้อนเป็นพิเศษ เนื่องจากตอนนี้มีความชื้นพัดเข้ามาปกคลุมในไทยค่อนข้างเยอะโดยเฉพาะพื้นที่ติดทะเลอย่างเช่นวันนี้ ในกรุงเทพฯ ช่วงบ่าย อุณหภูมิ 34 องศา แต่ความชื้นที่มากถึง 59 เปอร์เซนต์ จึงทำให้รู้สึกร้อนเหมือน 41 องศา นอกจากนี้ ทางตอนบนของไทยความชื้นส่วนใหญ่เกิดจากการเหนี่ยว นำจากหย่อมความกด อากาศต่ำ ที่อยู่ตอนบนของไทย ทำให้ความชื้นลอยขึ้นในแนวดิ่ง กระแสลมแนวราบที่เบา จึงทำไห้อากาศร้อนเช่นกัน

    พื้นที่ลมกระโชกแรงนั้น ต้องเฝ้าระวังในภาคเหนือฝั่งตะวันตกวันนี้คาดการณ์ว่า ช่วงเย็นอาจเกิดลมกระโชกแรงถึง 84 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในช่วงเวลาสั้นๆ

    สภาพอากาศแต่ละภาค

    ภาคเหนือ อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง ตาก กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 41. องศาเซลเซียส

    ภาคอีสาน อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย ชัยภูมิ หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39 องศาเซลเซียส

    ภาคกลาง อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี และกาญจนบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 41 องศาเซลเซียส

    ภาคตะวันออก ตอนบนของภาคมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ฝั่งอันดามัน มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ โดยวันนี้มีโอกาสตก 20 เปอร์เซนต์ ในช่วงบ่ายถึงเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 40 องศาเซลเซียส

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 พ.ค. 2558

    ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ทุเรียนน้ำ...พิฆาตมะเร็ง


    เผยแพร่เมื่อ 9 ก.พ. 2014​
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    แพทย์ชี้! มีผลวิจัยดื่มน้ำต้มใบทุเรียนเทศหายขาดโรคมะเร็ง


    เผยแพร่เมื่อ 28 เม.ย. 2015​

    อดีตนายก อบต. อาชีพทนายความ ป่วยโรงมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เข้ารักษาทุกทางการแพทย์ จนมะเร็งร้ายขยายเข้าปอด-ตับระยะสุดท้าย น้องชายให้นำใบทุเรียนเทศมาต้มกินกว่า 3 เดือน เข้าพบแพทย์ต้องแปลกใจตรวจไม่พบ
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ชาวพัทลุงปลูกทุเรียนน้ำรักษามะเร็ง


    เผยแพร่เมื่อ 16 ส.ค. 2014​
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สอนดาวน์โหลดวีดีโอจาก youtube โดยไม่ต้องใช่โปรแกรมใดๆช่วย


    เผยแพร่เมื่อ 7 มี.ค. 2014​

    ไฟล์วีดีโอความรู้ต่างๆ ที่มีคุณค่า เพื่อนๆ สามารถดาวโหลดแบบง่ายๆ ได้แล้วนะครับ เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้ว ไฟล์จะถูกเก็บในโฟลเดอร์นี้ครับ C:Users........DownloadsVideo
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2015
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    รายงานพิเศษ สวนอาหารเจกลางเมืองหลวง


    เผยแพร่เมื่อ 30 ก.ย. 2014​
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อ เฉลิมชาติ สอนทำกระเพาะปลาเจ



    เผยแพร่เมื่อ 23 มิ.ย. 2014​
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ผู้หญิงถึงผู้หญิง - อาหารเจบ้านถั่วเหลือง


    เผยแพร่เมื่อ 23 ก.ย. 2014​
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    แจ๋วพากิน - อาหารเจสไตล์ญี่ปุ่น ชิจูย่า ถ.ทรงวาด


    เผยแพร่เมื่อ 22 ก.ย. 2014​
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อาหารเจ


    เผยแพร่เมื่อ 22 พ.ย. 2012​
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เตือน ! ระวังอาหารเจปลอมระบาด


    เผยแพร่เมื่อ 22 ก.ย. 2014​
     

แชร์หน้านี้

Loading...