จับตามอง สงคราม"นิวเคลียร์" โรงงานพลังงาน "นิวเคลียร์" การรั่วไหลของกัมมันตรังสี

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ลับระทึก! ปรมาณูสหรัฐฯถล่มเวียดนาม-ลาว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>16 เมษายน 2551 20:02 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>B-47B ลำที่เห็นในภาพนี้บรรทุกเต็มพิกัด กำลังทะยานขึ้นจากฐานทัพแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ โดยมีจรวดขับดันช่วย เครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ชนิดแรกนี้ ถูกเลือกเป็นพาหนะนำระเบิดอะตอมไปถล่มเวียดนามและลาว ความคิดนี้เกิดขึ้นในชั่วเวลา 20 ปีเศษหลังการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ แต่โชคดีที่ยังมีคนยั้งคิดในยุคสงครามเวียดนาม </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>
ผู้จัดการออนไลน์-- เอกสารลับของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้เผยให้เห็นว่าสหรัฐฯ มีแผนที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ถล่มเวียดนามถึง 2 หนคือ ในปี 2502 และ 2511 และอีกครั้งหนึ่งกับลาวในปี 2504 เพื่อที่จะทำลายล้างกองกำลังคอมมิวนิสต์ให้สิ้นซาก

ในปี 1959 ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.โทมัส ดี ไวท์ (Thomas D White) ได้เลือกพื้นที่เป้าหมายหลายๆ แห่งทางตอนเหนือของเวียดนาม เพื่อทำลายกลุ่มต่อต้านและเส้นทางลำเลียงต่างๆ ทั้งโจมตีด้วยกำลังภาคพื้นดินและการทิ้งระเบิด แต่ความประสงค์ดังกล่าวได้ถูกคัดค้านจากบรรดานายทหารระดับสูงบุคคลอื่นๆ จนต้องระงับไปในที่สุด

เอกสารลับที่ถูกเปิดเผยระบุว่า พล.อ.ไวท์ได้ร้องขอต่อประธานเสนาธิการร่วมกองทัพสหรัฐฯ เพื่อส่งฝูงบินยุทธศาสตร์ B-47 (Strategic Air Command) จากสหรัฐฯ ไปยังฐานทัพทางอากาศคลาร์คในฟิลิปปินส์ เพื่อเตรียมการโจมตีเวียดนาม

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>พล.อ.โทมัส ดี ไวท์ เจ้าของความคิดใช้นิวเคลียร์เผด็จศึกในเวียดนามและลาว </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> การตัดสินใจโจมตีด้วยการทิ้งระเบิดของพลเอกไวท์นี้อาจจะได้รับแรงจูงใจมาจาก การศึกษาในหัวข้อ “การใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อยุติสงครามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

การศึกษาดังกล่าวมุ่งไปที่การใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อการควบคุมสถานการณ์ที่มีพื้นที่เป็นลักษณะของป่า หุบเขา เส้นทางลำเลียง และภูเขาต่างๆ เพื่อเป็นการสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของศัตรู ซึ่งลักษณะดังกล่าวคือพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนเหนือของเวียดนามและลาว

"ถึงแม้เอกสาร พล.อ.ไวท์จะระบุให้มีการเตือนเวียดนามล่วงหน้าก่อนการโจมตี นายทหารระดับนำคนอื่นๆ ได้นำขึ้นพิจารณาทั้งนี้เนื่องจากว่ามีการใช้อาวุธนิวเคลียร์รวมอยู่ด้วย อีก 7 เดือนต่อมาข้อเสนอดังกล่าวก็ถูกถอนออกไป" เอกสารดังกล่าวระบุ

เอกสารจำนวน 400 หน้านี้มีชื่อว่า “กองทัพอากาศสหรัฐฯ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: สงครามในลาวตอนเหนือ 2497-2516” เขียนขึ้นในปี 2536 โดย ศูนย์ประวัติศาสตร์กองทัพอากาศสหรัฐฯ ในวอชิงตัน

ทั้งหมดถูกนำออกเผยแพร่ต่อสาธารณะวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยศูนย์เก็บเอกสารเพื่อความมั่นคงในกรุงวอชิงตัน ภายหลังจากที่ได้มีการฟ้องร้องโดยใช้กฎหมายว่าด้วยสิทธิเสรีภาพในข่าวสาร (Freedom of Information Act) ฟ้องร้องเพิ่มมากขึ้น

เอกสารดังกล่าวยังได้รวบรวมแผนลับต่างๆ อีกมากมายในช่วงสงครามซึ่งสถานที่เก็บและรวบรวมข้อมูลที่สำคัญนี้คือสถาบันวิจัยอิสระไม่สังกัดรัฐบาล ที่มหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน (George Washington University)

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ดูจากเหตุการณ์ที่เมืองฮิโรชิมากับนางาซากิแล้ว คงจะพอนึกภาพออกว่า ถ้าหากเกิดมีดอกเห็ดยักษ์พวยพุ่งขึ้นในคาบสมุทรอินโดจีนยุคโน้น เวียดนามและลาว รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้าน จะมีรูปโฉมเป็นเช่นไรในปัจจุบัน </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ในสงครามดังกล่าวฝ่ายคอมมิวนิสต์เวียดนามได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต โดยในช่วงระหว่างเดือน ธ.ค.2503 กับเดือน ม.ค. 2504 โซเวียตได้จัดส่งอาหาร เชื้อเพลิง รวมทั้งยุทโธปกรณ์ทางทหารต่างๆ ให้แก่กองกำลังในลาวโดยผ่านเวียดนาม

ในเดือน มี.ค. 2504 คณะเสนาธิการร่วมฯ ได้รับแผนการที่เสนอเพิ่มกำลังทหารขึ้นเป็น 60,000 คน พร้อมการโจมตีทางอากาศสนับสนุนอย่างครบถ้วน ซึ่งรวมทั้งการใช้อาวุธนิวเคลียร์ด้วย

"การใช้อาวุธนิวเคลียร์โดยฝ่ายทหารนั้นเป็นมรดกสืบเนื่องมาจากสงครามเกาหลี สำหรับบรรดาผู้นำทางทหาร เป็นเรื่องที่ไม่สมควรที่จะคิดอีกต่อไปสำหรับการทำสงครามรูปแบบที่บั่นทอนความแข็งแกร่ง" เอกสารระบุ

ในปี 2511 ก่อนเทศกาลตรุษ (Tet) กองกำลังคอมมิวนิสต์เวียดนามและเหล่าพันธมิตรเวียดกงทางตอนใต้ได้ร่วมมือกันโจมตีกองกำลังสหรัฐในภาคกลางของประเทศ ที่ตั้งเขตปลอดทหารซึ่งแบ่งเวียดนามออกเป็นเหนือและใต้

ในปลายเดือน ม.ค.ปีนั้น พล.อ.วิลเลียม เวสมอร์แลนด์ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบ ได้ออกคำเตือนว่าหากสถานการณ์ย่ำแย่ลงอย่างมาก ก็อาจจะมีความจำเป็นในการใช้ระเบิดนิวเคลียร์

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ระเบิดนิวเคลียร์หลากหลายขนาดน้ำหนักมีให้เลือกใช้ในยุคนั้น เอกสารลับระบุว่าแม่ทัพอากาศสหรัฐฯ เสนอให้ใช้ขนาดอานุภาพต่ำเพื่อลดการสูญเสียของฐานนาวิหโยธินที่อยู่ใกล้เคียง </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> วาทะของ พล.อ.เวสมอร์แลนด์นี้ "ได้ทำให้ ผบ.ทอ. (คนใหม่) พล.อ.จอห์น พี แม็คคอนแนล ผลักดันต่อไป เพื่อให้คณะเสนาธิการร่วมสั่งกองกำลังแปซิฟิกเตรียมความพร้อมแผนการที่จะใช้ระเบิดนิวเคลียร์ที่มีอานุภาพต่ำเพื่อลดการสูญเสียต่อฐานทัพนาวิกโยธินสหรัฐฯ แต่ก็ไม่สำเร็จ" เอกสารลับระบุ

มีการทิ้งระเบิดอย่างมากมายทั้งใน เวียดนาม ลาว และกัมพูชา รวมทั้งการใช้ระเบิดนาปาล์มด้วย แต่ก็ไม่มีการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ แม้จะมีความพยายามถึง 3 ครั้ง ในสงครามที่สหรัฐฯประสบความล้มเหลวและทำให้ฝ่ายคอมมิวนิสต์ได้ขึ้นสู่อำนาจในทั้ง 3 ประเทศในปี 2518

จากสถานการณ์ดังกล่าว ผู้เขียนได้แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการโจมตีเวียดนามและลาว เนื่องจากไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าจะมีเป้าหมายที่เหมาะที่ควรสำหรับอาวุธนิวเคลียร์หรือไม่

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>พล.อ.วิลเลียม เวสต์มอร์แลนด์ ผบ.กองทัพสหรัฐฯ ในเวียดนาม เป็นอีกคนหนึ่งที่ผลักดันอย่างแข็งขันในยุคต่อมา แต่ไม่สำเร็จ </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> การโจมตียังอาจจะเป็นเสมือนการโฆษณาชัยชนะครั้งใหญ่ให้แก่ฝ่ายคอมมิวนิสต์เวียดนาม รวมทั้งอาจจะทำให้สงครามแผ่ขยายไปถึงจีน ซึ่งให้การสนับสนุนกองกำลังในเวียดนามในการทำสงครามต่อต้านสหรัฐฯ

นอกจากนั้นสหรัฐฯ อาจจะถูกต่อต้านจากประเทศต่างๆ ในแปซิฟิกตะวันตก ซึ่งรวมทั้งฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และหมู่เกาะใกล้เคียง ที่สหรัฐฯ ใช้เป็นที่ตั้งฐานทัพในช่วงสงครามเวียดนาม.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ปากีฯ ทดลองยิงขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์พิสัยไกลสำเร็จ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>19 เมษายน 2551 16:53 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขีปนาวุธฮัตฟ์ 6 หรือชาฮีน 2 ของปากีสถาน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเจนซี – กองทัพปากีสถานแถลง สามารถทดลองยิงขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป ที่มีศักยภาพในการติดหัวรบนิวเคลียร์ได้สำเร็จวันนี้ (19) โดยเป็นขีปนาวุธพิสัยไกลที่สุดที่กองทัพปากีสถานสร้างขึ้น และนับเป็นการยิงทดลองขีปนาวุธครั้งแรกภายใต้รัฐบาลใหม่ที่รับตำแหน่งในเดือนที่ผ่านมา

แถลงการณ์ของกองทัพปากีสถานระบุว่า ขีปนาวุธฮัตฟ์-6 หรือชาฮีน 2 ซึ่งมีพิสัยยิงไกล 2,000 กิโลเมตร และสามารถติดได้ทั้งหัวรบนิวเคลียร์ และหัวรบธรรมดา ถูกยิงขึ้นจากฐานยิงลับแห่งหนึ่ง โดยมีนายกรัฐมนตรียูซัฟ ราซา กิลานี จับตาดูการทดลองยิงขีปนาวุธบนภาคพื้นดิน ทั้งยังได้แสดงความยินดีกับวิศวกร และนักวิทยาศาสตร์ ที่บรรลุความสำเร็จครั้งสำคัญของปากีสถาน ในการสร้างความสมดุลทางยุทธศาสตร์ในเอเชียใต้

ขณะที่ ปากีสถาน และอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านกัน มักจะทำการทดลองยิงขีปนาวุธเป็นประจำ มาตั้งแต่ปี 1998 โดยต่างฝ่ายจะแจ้งให้อีกฝ่ายทราบล่วงหน้า แม้ว่าจะมีข้อตกตงสันติภาพ ที่ประกาศใช้มาเมื่อต้นปี 2004 ก็ตาม

ทางกองทัพปากีสถานอ้างคำกล่าวของกิลานีว่า โครงการขีปนาวุธ และนิวเคลียร์ ได้รับความพอใจอย่างเป็นเอกฉันท์ในประเทศ และจะยิ่งมั่นคง และแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วย

กิลานี ยังรับประกันว่า ความจำเป็นในการป้องกันประเทศจะยังเป็นสิ่งสำคัญอย่างสูง ในรัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้ง แถลงการณ์ของกองทัพเสริม

ด้าน ปรานาบ มุกเฮอจี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอินเดียมีกำหนดจะเดินทางเยือนปากีสถานเดือนหน้า เพื่อทบทวนกระบวนการเพื่อสันติภาพ หลังจากที่ปากีสถาน และอินเดียทำสงครามกันมาถึง 3 ครั้งตั้งแต่ได้รับอิสรภาพจากอังกฤษในปี 1947 และปิดฉากด้วยสงครามครั้งที่ 4 ในปี 2002
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<big>2008-04-22 03:09:15 - Nuclear Event - USA</big>

<code> GLIDE CODE: NC-20080422-16421-USA
Date & Time: 2008-04-22 03:09:15 [UTC]
Area: USA, State of New York, Indian Point Nuclear Power Plant,

Description:

Federal officials say New York's Indian Point 2 nuclear reactor has been shut down because operators noticed a drop in water levels in the steam generator and a reduction in output. The plant is located in New York City's northern suburbs. It had to be shut down manually just as it was powering up from a 26-day outage for refueling and maintenance. A Nuclear Regulatory Commission spokesman says the plant is stable. He says water levels around the reactor weren't affected and there was no release of radioactivity. Indian Point owner Entergy Nuclear says the shutdown Monday was prompted by an erroneous signal and the cause of the problem is under investigation. Companion reactor Indian Point 3 is operating normally. </code>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แผนลับสหรัฐฯ ใช้นิวเคลียร์ถล่มเวียดนาม-ลาว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ริชาร์ด เอห์รลิช</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>20 เมษายน 2551 19:44 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> The US’s secret plan to nuke Vietnam, Laos
Richard Ehrlich
16/04/2008

เอกสารของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ที่เพิ่งถูกลดชั้นความลับลงมาให้เปิดเผยต่อสาธารณชนได้เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เผยให้เห็นแผนการลับสุดยอดที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์เล่นงานกองกำลังฝ่ายคอมมิวนิสต์ในเวียดนามและลาว ในปี 1959,1961,และ 1968 แผนการซึ่งมุ่งหมาย “ทำให้พวกผู้ก่อความไม่สงบและเส้นทางลำเลียงของพวกเขาพิกลพิการ” ดังกล่าวนี้ ถูกโยนทิ้งไปเนื่องจากไม่มีเป้าหมายที่เหมาะสม ตลอดจนมีความเป็นไปได้ที่จะขยายสงครามไปสู่จีนและย่านแปซิฟิก

กรุงเทพฯ – กองทัพอากาศสหรัฐฯ ต้องการใช้อาวุธนิวเคลียร์เล่นงานเวียดนามในปี 1959 และ 1968 และเล่นงานลาวในปี 1961 เพื่อทำลายกองจรยุทธ์คอมมิวนิสต์ ทั้งนี้ตามเอกสารของกองทัพอากาศสหรัฐฯที่เพิ่งถูกลดชั้นความลับเมื่อไม่นานมานี้

ในปี 1959 ผู้บัญชาการทหารอากาศสหรัฐฯ พลเอก ธอมัส ดี ไวต์ ได้เลือกเป้าหมายหลายๆ แห่งในเวียดนามเหนือไว้แล้ว ทว่านายทหารคนอื่นๆ ได้ขัดขวางความต้องการของเขาที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ถล่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้

“ไวต์ต้องการทำให้พวกผู้ก่อความไม่สงบและเส้นทางลำเลียงของพวกเขาพิกลพิการ ด้วยการเข้าโจมตีบรรดาเป้าหมายที่เลือกสรรเอาไว้แล้วในเวียดนามเหนือ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีด้วยอาวุธตามแบบแผนหรืออาวุธนิวเคลียร์ก็ตามที” เอกสารกองทัพอากาศที่ถูกลดชั้นความลับชิ้นหนึ่งระบุไว้เช่นนี้

“ถึงแม้ข้อเสนอของไวต์กำหนดให้บอกกล่าวเตือนภัยเวียดนามเหนือก่อนเข้าโจมตี แต่พวกผู้บังคับบัญชาเหล่าทัพคนอื่นๆ ได้หน่วงเหนี่ยวขัดขวาง โดยเป็นไปได้ว่าเนื่องจากมีการเสนอให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์ด้วย อีก 7 เดือนต่อมา ข้อเสนอนี้ก็ถูกถอนออกไป” เอกสารชิ้นนี้บอก

เอกสารชิ้นนี้มีความหนา 400 หน้า ใช้ชื่อเรื่องว่า “กองทัพอากาศสหรัฐฯในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: สงครามในลาวภาคเหนือ ปี 1954-1973” เขียนขึ้นในปี 1993 โดยศูนย์ประวัติศาสตร์กองทัพอากาศ ในกรุงวอชิงตัน และ “ถูกกำหนดชั้นให้เป็นความลับโดยแหล่งที่มาหลายแหล่ง”

ทว่ามันถูกนำออกเปิดเผยต่อสาธารณชนเมื่อวันที่ 9 เมษายน พร้อมๆ กับเอกสารกองทัพอากาศยุคสงครามที่เคยถือเป็นความลับมาก่อนอีกหลายๆ ชิ้น โดยสำนักจดหมายเหตุด้านความมั่นคงปลอดภัยแห่งชาติ ภายหลังการฟ้องร้องอันยืดเยื้อที่อ้างสิทธิตามรัฐบัญญัติสิทธิเสรีภาพทางข้อมูลข่าวสาร สำหรับสำนักจดหมายเหตุแห่งนี้เป็นสถาบันวิจัยนอกภาครัฐบาลที่ถือเป็นสถาบันอิสระ ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน

ไวต์ “ได้ขอให้คณะเสนาธิการทหารผสมเปิดไฟเขียว เพื่อส่งเครื่องบินไอพ่นทิ้งระเบิดแบบ บี-47 ของกองบัญชาการทางยุทธศาสตร์ภาคอากาศ จำนวน 1 ฝูงบิน ไปยังฐานทัพอากาศคลาร์ก ในฟิลิปปินส์” เพื่อเตรียมการสำหรับเข้าโจมตีเวียดนามที่อยู่ใกล้เคียงกัน เอกสารที่ถูกลดชั้นความลับแล้วชิ้นนี้ระบุ คำขอของไวต์ที่จะให้นำเอาอาวุธในคลังแสงนิวเคลียร์ของอเมริกาออกมาใช้ อาจจะได้รับแรงบันดาลใจจากรายงานการศึกษาของกองทัพาอากาศชิ้นหนึ่ง ซึ่งใช้ชื่อว่า “อาวุธปรมาณูในสงครามชนิดจำกัดเขตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” เอกสารสันนิษฐาน

รายงานการศึกษาดังกล่าว “มุ่งศึกษาเรื่องการใช้อาวุธปรมาณูสำหรับ ‘การควบคุมสถานการณ์’ ในเขตป่าทึบ, เส้นทางลำเลียงผ่านหุบเขา, พื้นที่หินปูนซึ่งเต็มไปด้วยถ้ำ หลุมบ่อ ตลอดจนทางน้ำใต้ดิน, และช่องเขา เพื่อสกัดกั้นความเคลื่อนไหวของข้าศึก และเพื่อเปิดสิ่งปกคลุมให้โล่งออก” เอกสารที่ถูกลดชั้นความลับชิ้นนี้ กล่าวไว้ในหมายเหตุซึ่งบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ของไวต์ โดยที่พื้นที่ภูมิประเทศดังที่กล่าวมาข้างต้นนี้มีอยู่เป็นอันมากในภาคเหนือของเวียดนามและลาว

อีกหนึ่งปีต่อมา นั่นคือระหว่างเดือนธันวาคม 1960 ถึง มกราคม 1961 สหภาพโซเวียตได้ส่งเครื่องบินลำเลียง “อาหาร, เชื้อเพลิง, และยุทโธปกรณ์” ไปให้แก่กองกำลังท้องถิ่นที่นิยมมอสโกในลาว โดยผ่านทางฮานอย เอกสารกองทัพอากาศที่ถูกลดชั้นความลับแล้วชิ้นนี้บอก และถึงเดือนมีนาคม 1961 คณะเสนาธิการทหารผสมของสหรัฐฯ “ได้ตอบโต้ด้วยแผนการที่กำหนดให้ใช้กำลังพลไม่เกิน 60,000 นาย พรั่งพร้อมด้วยการคุ้มกันทางอากาศและอาวุธนิวเคลียร์”

“การที่ฝ่ายกองทัพรวมเอาอาวุธนิวเคลียร์เข้าไว้ด้วยเช่นนี้ นับเป็นมรดกของสงครามเกาหลี เพราะสำหรับผู้บังคับบัญชาเหล่าทัพเหล่านี้แล้ว เป็นสิ่งที่ไม่พึงคิดเลยสำหรับสหรัฐฯที่จะเข้าไปสู้รบทำสงครามตามแบบแผนซึ่งตัดทอนกำลังเป็นอย่างมากอีกสงครามหนึ่ง” เอกสารบอก

ในปี 1968 ก่อนหน้าที่ฝ่ายคอมมิวนิสต์จะเปิดยุทธการรุกใหญ่ช่วงตรุษเวียดนามอันโด่งดังของพวกเขาไม่นานนัก กองทัพคอมมิวนิสต์เวียดนามเหนือพร้อมด้วยพันธมิตรเวียดกงในภาคใต้ของพวกเขา ก็ได้เข้าโจมตีกองทหารอเมริกันในพื้นที่ตอนกลางของประเทศ ซึ่งเป็นบริเวณที่สหรัฐฯรักษาเอาไว้เพื่อคงให้เวียดนามแบ่งแยกออกเป็นสองส่วน พลเอก วิลเลียม เวสต์มอร์แลนด์ ผู้บัญชาการกองทหารอเมริกันในเวียดนาม ก็ได้ตอบโต้ด้วยการขอใช้อาวุธนิวเคลียร์

“ในปลายเดือนมกราคม พลเอกเวสต์มอร์แลนด์ ได้เตือนว่า ถ้าสถานการณ์บริเวณใกล้เขตดีเอ็มแซด [เขตปลอดทหาร] และที่คีซานห์ มีอันเลวร้ายลงอย่างรวดเร็วแล้ว ก็อาจจำเป็นต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์หรืออาวุธเคมี” เป็นข้อความในเอกสาร [ลับสุดยอด] ที่ถูกลดชั้นความลับแล้วอีกชิ้นหนึ่ง ที่มีความยาว 106 หน้า ซึ่งใช้ชื่อว่า “กองทัพอากาศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: สู่การยุติทิ้งระเบิด, ปี 1968” และเขียนโดยสำนักงานประวัติศาสตร์กองทัพอากาศ ในปี 1970

“เรื่องนี้ทำให้ พลเอก [จอห์น พี] แมคคอนเนลล์ [ผู้บัญชาการทหารอากาศ] เร่งรัดกดดันหนัก ถึงแม้ไม่ประสบความสำเร็จก็ตาม เพื่อขอ เจซีเอส [คณะเสนาธิการทหารผสม] อนุมัติให้แจ้งกองบัญชาการภาคพื้นแปซิฟิก ตระเตรียมแผนการในการใช้อาวุธนิวเคลียร์อานุภาพต่ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ฐานทัพนาวิกโยธิน [สหรัฐฯ] ถึงขั้นเสียหายยับเยิน” เอกสารชิ้นหลังนี้ระบุ

ตลอดช่วงเวลาส่วนใหญ่ของสงครามที่ประสบความล้มเหลวของอเมริกานี้ สหรัฐฯได้พึ่งพาการทิ้งระเบิดโจมตีทางอากาศอย่างมหาศาลยิ่ง รวมทั้งการใช้ระเบิดนาปาล์มด้วย โดยโจมตีใส่ทั้งในเวียดนาม, ลาว, และกัมพูชา ทว่าไม่ได้มีการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใดๆ เลย ถึงแม้กองทัพอากาศสหรัฐฯได้พยายามเรียกร้องถึง 3 ครั้งดังกล่าวข้างต้น ภายหลังสหรัฐฯพ่ายแพ้เล้ว พวกคอมมิวนิสต์ก็ประสบความสำเร็จในการยึดอำนาจในปี 1975 ในทั้ง 3 ประเทศเหล่านี้

เมื่อมองย้อนหลังไปในอดีต คณะผู้เขียนเอกสารกองทัพอากาศชิ้นปี 1993 ที่ถูกลดชั้นความลับแล้ว ได้กล่าวไว้ว่า มันย่อมไม่ใช่ความคิดที่ดีอะไรเลย “ที่จะอาศัยอาวุธนิวเคลียร์มาทำลายพวกผู้ก่อความไม่สงบและแหล่งลำเลียงขนส่งของพวกเขา” ในเวียดนามหรือลาว

“เป็นที่น่าสงสัยว่าจะมีเป้าหมายที่เหมาะสมใดๆ สำหรับการใช้อาวุธเช่นว่าอยู่จริงหรือไม่ ในพื้นที่ป่าทึบทางภาคเหนือของลาวหรือเวียดนามเหนือ” เอกสารบอก “สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ การโจมตีดังกล่าวจะทำให้ฝ่ายคอมมิวนิสต์ได้ชัยชนะอย่างมหาศาลในการโฆษณาชวนเชื่อ และเป็นไปได้ว่าจะทำให้สงครามแพร่ขยายไปสู่จีนและเขตแปซิฟิกตะวันตก” เอกสารกล่าว

จีนคอมมิวนิสต์นั้นสนับสนุนพวกจรยุทธ์ในเวียดนาม, ลาว, และเวียดนาม ซึ่งต่อต้านการโจมตีของสหรัฐฯ การที่เอกสารชิ้นนี้เอ่ยถึงเรื่องที่สหรัฐอาจจะทำให้สงครามนิวเคลียร์ที่ทำท่าจะเกิดขึ้นได้นี้ขยายตัวไปถึง “แปซิฟิกตะวันตก” ดูเหมือนจะหมายถึงการพัวพันเกี่ยวข้องทั้งกับฟิลิปปินส์, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, และหมู่เกาะใกล้เคียง ซึ่งเวลานั้นสหรัฐฯมีสิ่งปลูกสร้างทางทหารตั้งอยู่ทั้งนั้น

ริชาร์ด เอส เอห์รลิช เป็นนักหนังสือพิมพ์จากซานฟรานซิสโก, สหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันประจำอยู่ที่กรุงเทพฯ เขารายงานข่าวจากเอเชียมาตั้งแต่ปี 1978 และเป็นผู้ร่วมเขียนหนังสือสารคดีแนวสืบสวนเจาะลึกตามแบบหนังสือพิมพ์ เรื่อง “Hello My Big Big Honey! Love Letters to Bangkok Bar Girls and Their Revealing Interviews” เว็บไซต์ของเขาคือ www.geocities.com/asia_correspondent.
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เบลารุสประท้วงรัฐปิดข่าวมหันตภัยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด
เบลารุส 27 เม.ย. - ชาวเบลารุสประท้วงรัฐบาลปกปิดข่าวมหันตภัยจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลระเบิด เมื่อ 22 ปีก่อน ยังส่งผลถึงสุขภาพประชาชนจนถึงทุกวันนี้

ชาวบ้านผู้สนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายค้านของเบลารุสราว 3,000 คน เคลื่อนไหวประท้วงรัฐบาลพยายามปกปิดข่าวผลกระทบที่เกิดจากโรงงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลในยูเครนระเบิด เมื่อปี 2529 จนถึงปัจจุบัน มหันตภัยดังกล่าวยังส่งผลถึงสุขภาพของประชาชนชาวเบลารุสอย่างกว้างขวาง เพราะเบลารุสอยู่ใต้ลมใกล้ชายแดนยูเครน
โดยรัฐบาลเพิ่งสั่งย้ายชาวบ้านออกจากชุมชนเสี่ยงภัยกัมมันตรังสีราว 1,000 แห่ง และยังส่งนักศึกษาเข้าไปตรวจสภาพพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลอ้างปลอดภัยแล้ว แต่นักวิทยาศาสตร์ระบุยังไม่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม การประท้วงมีขึ้นอย่างสงบ และได้ต่อต้านแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหม่ของเบลารุสด้วย. - สำนักข่าวไทย

อัพเดตเมื่อ 2008-04-27 03:10:29

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เผยอิหร่านเตรียมยื่นข้อเสนอเจรจานุกให้กับรัสเซีย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>28 เมษายน 2551 14:50 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>โรงงานเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมของอิหร่าน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเจนซี – อิหร่านจะยื่นข้อเสนอ ที่มีเจตนายุติความขัดแย้งเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์กับชาติตะวันตกให้กับรัสเซีย สถานีวิทยุในกรุงเตหะรานรายงานโดยไม่ได้ให้รายละเอียดใดเพิ่มเติม

อิหร่านระบุว่า ในเดือนนี้จะเปิดเผยไอเดียช่วยยุติความขัดแย้งเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งตะวันตกกล่าวหาว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตอาวุธนิวเคลียร์ แต่เตหะรานยืนยันปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว

ขณะที่ อิหร่านถูกวางบทลงโทษจากคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นถึง 3 ครั้งในปี 2006 เนื่องจากฝ่าฝืนข้อเรียกร้องของยูเอ็นให้ล้มเลิกกิจกรรมนิวเคลียร์ต่างๆ

บทลงโทษดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคง 5 ประเทศ คือสหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน รวมถึงเยอรมนี ซึ่งรู้จักกันว่ากลุ่ม 5+1

“สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านจะมอบข้อเสนอนิวเคลียร์ ซึ่งระบุโดยตรงถึงกลุ่ม 5+1 ระหว่างการเดินทางเยือนอิหร่านของโซโบเลฟ” สถานีวิทยุประกาศ โดยอ้างถึงวาเลนติน โซโบเลฟ รักษาการณ์เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซีย ทั้งยังเสริมว่า โซโบเลฟ และซาอีด จาลิลี หัวหน้าผู้แทนเจรจานิวเคลียร์ของอิหร่านได้เริ่มการเจรจากันแล้วในวันนี้ (28)

ด้าน มานูเชห์ร มอตตากี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่านระบุว่า ในเดือนนี้อิหร่านจะเปิดเผยข้อเสนอ กับคำแนะนำครั้งใหม่ในเร็วๆ นี้ เพื่อช่วยยุติปัญหาระหว่างประเทศ และปัญหาอื่นๆ ทว่า เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าเป็นไอเดียอะไร

ทั้งนี้ มหาอำนาจโลกกำลังพิจารณาส่งเสริมข้อเสนอทางการค้า และความช่วยเหลืออื่นๆ ให้อิหร่าน หากยอมเลิกเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม ซึ่งสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ หรือวัตถุดิบทำระเบิดได้
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ญี่ปุ่นยืนยันแผ่นดินไหวไม่กระทบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>8 พฤษภาคม 2551 12:12 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> กรมอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงและต่อเนื่องหลายครั้งเมื่อเวลา 03.45 น. เช้ามืดวันนี้ตามเวลาประเทศไทย บริเวณนอกชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของเขตอิบารากิ ห่างจากตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงโตเกียวประมาณ 100 กิโลเมตร โดยครั้งที่รุนแรงที่สุดวัดแรงสะเทือนได้ 6.7 ริกเตอร์ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 6 คน และบ้านเรือนประชาชนกว่า 4,500 หลังคาเรือนไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้
ขณะที่มีการเร่งตรวจสอบโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ ซึ่งล่าสุดกระทรวงพลังงานของญี่ปุ่นได้ออกมายืนยันว่า ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

อ้างอิง:
<table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset ;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ton344
พม่ามีบางสิ่งที่ปกปิดและซุกซ่อนอย่างเช่นแล่งผลิตยาเสพติด และอาจกังวลเรื่องอาจมีการช่วยเหลืออองซานให้มีอิสระ ดังนั้นจึงต้องดึงเกมไว้ก่อน
การที่การช่วยเหลือยังเป็นไปอย่างทุลักทุเล อาจเป็นเพราะว่า
1.พม่าไม่เคยประสบภัยพิบัติรุนแรงอย่างนี้มาก่อน
2.เทคโนโลยีในด้านต่างๆในประเทศไม่ทันสมัยเท่าที่ควร
3. เพราะไม่เคยมีประสบการณ์จึงชะล่าใจ และอาจไม่ให้ความสนใจกับเรื่องธรรมชาติเท่าที่ควร เพราะมัวแตปิดประเทศและห่วงด้านความมั่นคงมากกว่า
นี่คือบทเรียนราคาแพงของพม่า...
</td> </tr> </tbody></table>

But critics also believe that Russia's intention in developing a nuclear facility in Burma is part of its plan against the United States .
Russia, which helped develop North Korea's nuclear reactor, seems to be helping countries that are at odds with the US, such as Iran, North Korea, and Burma, said Aung Naing Oo.

รัสเซีย จะช่วยพัฒนาโรงงานนิวเคลียร์ในพม่า เพราะแผนการ ต่อต้าน อเมริกา รัสเซีย ช่วย เกาหลีเหนือเรื่องปฏิกรปรมาณู เหมือนกับว่าจะช่วยประทศที่เป็นปฏิปักษ์ต่ออเมริกา เช่น อิหร่าน เกาหลีเหนือ และพม่า Aung Naing กล่าว

อ้างอิง:
<table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset ;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Falkman

Burmese junta's nuclear dream takes shape ​

Mungpi


Mizzima News (www.mizzima.com)


24 พฤษภาคม 2550 - พม่าได้เซ็นต์สัญญา กับรัฐเซียเพื่อพัฒนาการวิจัยนิเคลียร์

May 24, 2007 - The reclusive military regime in Burma has taken a step forward to turn its nuclear dream into reality with the recent signing of an agreement with Russia to develop a nuclear research centre in the country.
The Burmese military junta, which faces sanctions by the West and comes under frequent international criticism for ignoring the need for political reforms, has long dreamt of possessing nuclear weapons, in what critics and observers say, is to gain respect.
The announcement by Russia's atomic energy agency, Rosatom, on May 15 of its deal with the Burmese junta to build a nuclear centre is the first step in the junta's plan to opt for a nuclear programme.
Constitutional
Sources, who have access to the Burmese military establishment said, the junta in its new constitution, which is being drafted at the ongoing national convention, instead of placing nuclear energy under electricity or energy for civilian use, has put it under defence and security.
In the draft constitution, sources said it has been stated that "nuclear energy, nuclear fuel and radiation, and mineral resources that produce them is one of the exclusive legislative right of the Union Parliament."
The junta has also included in the list, arms and ammunition and explosives including biological and chemical weapons under defence and security, sources added.
Aung Naing Oo, a Burma affairs analyst based in Thailand said, by putting it down in the constitution it means that the government is allowed to pursue a programme on Weapons of Mass Destruction including nuclear weapons.
"If I have to translate these, I am not sure if Burma has biological or chemical weapons but placing it in the constitution means that the government is allowed to pursue these WMD. The same goes for nuclear energy," Aung Naing Oo told Mizzima.
Russia's intentions
Win Min, a Burmese analyst based in Thailand, said Russia's intention in developing a reactor in Burma is driven by business interests - selling nuclear technology and second-hand equipment and receive cooperation over gas.
Burma reached an agreement with Russia in 2001 for the construction of the facility but Moscow backed off in 2003, when the Burmese junta failed to come up with the estimated US $ 150 million needed for the project.
But reports suggest that the Burma-Russia nuclear deal survived underwater with Russia training a number of Burmese specialists on nuclear technology.
"A few years ago Russia was noncommittal about helping Burma. Now it has trained hundreds of Burmese technicians. Burma has earned billions of US dollar from gas exports, in other words, Burma can pay Russia for its services in cash or in kind," said Aung Naing Oo.
According to the agreement, besides developing a nuclear research facility, which includes a 10-MW light water reactor working on 20 percent enriched uranium-235, an activation analysis laboratory, a medical isotope production laboratory, silicon doping system, nuclear waste treatment and burial facilities, Russia will also train 350 Burmese specialists for the centre.

But critics also believe that Russia's intention in developing a nuclear facility in Burma is part of its plan against the United States .
Russia, which helped develop North Korea's nuclear reactor, seems to be helping countries that are at odds with the US, such as Iran, North Korea, and Burma, said Aung Naing Oo.
International response
Following Russia's announcement of the Naypyitaw-Moscow deal, the US questioned Russia 's motive and expressed concern over Burma's lack of regulatory system for the programme.
US State Department spokesperson Tom Casey said he had "no idea" what Russia's motive for the agreement is, adding that "It's not a good idea."
"Burma has neither the regulatory nor the legal framework or safeguard provisions or other kinds of things that you would expect or want to see for a country to be able to handle a nuclear programme of this type successfully," Casey told reporters.
Casey said with Burma having no nuclear regulatory commission or safeguards in place to prevent accidents, environmental damage or proliferation, there is a risk that nuclear fuel could be diverted, stolen or otherwise removed.
Russia said the nuclear facility to be developed in military-ruled Burma will be monitored by the International Atomic Energy Agency (IAEA), the United Nations' nuclear watchdog.
However, the IAEA denied knowledge of the construction of nuclear facility in Burma.
North Korean link
Despite the US's protest, Burma has been working secretly to fulfill its nuclear ambitions. Burma, besides Russia, sees North Korea as the possible source that could provide technical expertise needed for developing nuclear programme.
North Korea and Burma last month officially signed an agreement to re-establish diplomatic ties, which was severed in 1983, following a bomb attack in Rangoon reportedly carried out by North Korean assassins which killed four South Korean ministers who were visiting Burma.
Burma has reportedly been mining and refining uranium and bartering it to North Korea for missiles including surface to air missiles and ballistic missiles.
North Korean technicians were stated to have helped Burma with radiation problems from uranium enrichment programmes, sources said.
However, an analyst said North Korea is likely to be reluctant in providing assistance to Burma on its nuclear programme and provide access to its nuclear technology. But it is too early to make assumptions given the new found friendship.
And without the help of experts such as North Korea, Burma at the current stage does not have the resources, technical expertise or manpower to go for nuclear weapons.
But, Aung Naing Oo said, the Burmese junta's determination to posses nuclear weapons is clear and it has no limits.
"The junta admires North Korea for having been able to square off with a super power like the US," Aung Naing Oo said.

http://www.mizzima.com/MizzimaNews/E...-May-2007.html
</td> </tr> </tbody></table>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ชี้ความเสียหายรง.นิวเคลียร์จีน ยังตรวจสอบไม่ได้ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>14 พฤษภาคม 2551 13:18 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี –ชี้ ขณะนี้ ยังไม่อาจประเมินความเสียหายโรงงานพลังงานนิวเคลียร์ที่อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวในมณฑลซื่อชวน (เสฉวน)

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานนิวเคลียร์ชาวฝรั่งเศสแห่งสถาบันวิจัยรังสีวิทยาและป้องกันความปลอดภัยทางนิวเคลียร์(ไออาร์เอสเอ็น) กล่าวว่า โรงงานพลังงานนิวเคลียร์ 4 แห่งในจีน ที่ตั้งอยู่ในบริเวณอ่าวต้าย่าและหลินเกาในฮุ่ยโจวทางตอนใต้, ฉินซันในมณฑลเจ้อเจียง และเถียนวานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์สำคัญในมณฑลเจียงซู ดูจะไม่ได้รับความเสียหายร้ายแรง ทั้งนี้ โรงงานไฟฟ้าทั้งหมดนี้ ตั้งอยู่ห่างจากจุดแผ่นดินไหว มากกว่า 1,000 กิโลเมตร

“ค่าความเร่งของแผ่นดินจากแผ่นดินไหวระดับสูงสุด ที่วัดได้ในบริเวณที่ห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว มากกว่า 1,000 กม.นั้น มีค่าไม่เกิน 20 ซม./ วินาที ซึ่งเป็นอัตราที่จะไม่สร้างความเสียหายหนักแก่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์” ไออาร์เอสเอ็นแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร(14พ.ค.)

อย่างไรก็ตาม ไออาร์เอสเอ็น ชี้ว่ายังมีไซท์นิวเคลียร์อื่นๆ ที่ใช้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในงานวิจัยและการผลิต ตั้งอยู่ในเสฉวน ภายในรัศมี 100 กม. จากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว

ด้วยค่าความเร่งแผ่นดิน 250 ซม. / วินาที ที่วัดได้ในรัศมี 70 กิโลเมตรจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว ดังนั้น ขณะนี้ เราจึงสรุปไม่ได้ว่า มันจะไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นในเขตนิวเคลียร์เหล่านี้

ทั้งนี้ เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งมหากาฬ 7.8 ริกเตอร์ มีจุดศูนย์กลางในเวินชวน ห่างจากเฉิงตู 93 กม. ส่งแรงสั่นสะเทือนถึงมณฑลต่างๆในจีนนับสิบถึงเมืองสำคัญๆอย่าง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง ไทเป ไกลถึงชาติอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ฮานอยในเวียดนาม และกรุงเทพฯ ที่ห่างจากจุดศูนย์กลาง 1,800 กม.

รายงานตัวเลขล่าสุด มีผู้เสียชีวิตจากธรณีพิโรธนี้ ถึง 13,000 คน ทั้งผู้ติดอยู่ในซากมรณะอีกนับหมื่น ขณะที่ปฏิบัติการช่วยเหลือและกู้ชีวิตเป็นไปอย่างทุลักทุเลเพราะฝนตก.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<center> [FONT=Verdana,Geneva,Arial,Helvetica,sans-serif]Situation Update No. 1[/FONT]
<code><small>Russia - Nuclear Event on 2008-05-15 at 08:34:09</small></code> </center>
Ref.no.: NC-20080515-16750-RUS

Situation Update No. 1
<small>On 2008-05-23 at 06:57:09 [UTC]</small>

Event: Nuclear Event
Location: Russia Leningrad Oblast Leningrad Nuclear Power Plant St. Petersburg

Situation

Panic gripped many in the city Wednesday after rumors spread that a serious accident had happened at the Leningrad Nuclear Power Station (LAES) in Sosnovy Bor, a town 70 kilometers west of St. Petersburg. The power station operates four Chernobyl-type reactors and has a history of minor accidents. Hundreds of people stormed local pharmacies, emptying stocks of iodine, while teachers in kindergartens and nurses in some hospitals shut windows in fear. Internet forums overflowed with “eye witness” accounts of the first victims of radiation poisoning arriving at hospitals, and a radioactive cloud moving toward the city at speed. But in a rare case of agreement between environmental groups and officials, LAES’s managers and independent ecologists said the rumors were false. The Emergency Situations Ministry distributed an official statement Wednesday saying that LAES is operating as usual and there were no abnormalities in the radiological environment. Dmitry Pulyayevsky, head of the Sosnovy Bor city administration, branded the propagation of rumors of the accident as “information terrorism.” “The rumors were distributed with astounding skill: the plotters apparently called kindergartens and medical institutions with warnings, perhaps introducing themselves as representatives of security services,” he told reporters.

Pulyayevsky said residents of Sosnovy Bor reacted skeptically to the rumors. “Most of them are in some way connected to the station, and knowing it well, they are capable of adequate judgement,” he added. Galina Pavlova, a local PR manager whose parents — both physicists — live in the town of Sosnovy Bor where the station is located, called them in panic on Wednesday afternoon, after hearing rumors about an accident. “Friends were calling all the time to tell me about the rumors and asking if it was true,” Pavlova recalls. “Everyone was really agitated, and I did not know what to think.” Pavlova’s parents, who do not work at the nuclear power station but have numerous friends there, reassured her. “They said that the rumors were groundless and untrue, and no one was leaving Sosnovy Bor or taking iodine, including themselves,” Pavlova said. Other St. Petersburgers had no such reliable source of information and hundreds called local media outlets and environmental groups to find out more about the incident.

It is unknown whether the incident was a deliberate provocation or the result of a misunderstanding. “Some people could have seen, for example, a regional exercise carried out by the Emergency Situations Ministry and got it wrong,” said Vladimir Asmolov, deputy head of Rosenergoatom, the national nuclear power stations operator. “The sight of paramedics dressed in full gear can potentially serve as an impulse for rumors like this.” The Sosnovy Bor prosecutor’s office is investigating the case and is looking to establish who, if anyone, orchestrated the hoax. “We started checking the facts immediately after receiving the first phone calls and have not established anything yet,” said Rashid Alimov of the environmental pressure group Bellona. Environmentalists at Green World, an ecological organization that focuses on monitoring LAES and is located in Sosnovy Bor, said radiation levels remained normal and no evidence of an accident was seen. Activists from the local branch of the international environmental organization Greenpeace said their members have checked radiation levels both in Sosnovy Bor and in various parts of the city, and found no deviations.

But the ecologists found it suspicious that the original source of information has been impossible to establish. “The people who rang us sounded very scared but they weren’t able to tell us where exactly the information came from,” Alimov said. “We were told very vague things, like ‘someone called a kindergarten’, ‘someone at the Pavlov Medical Institute said it’.” In the meantime, Bellona said they are determined to get to the bottom of the case. “We must establish if there was any fact that could have been misinterpreted or distorted to spark the rumors,” Alimov said. The ecologist said that in 2005 a similar panic was caused by an explosion at Ecomet-C, a private enterprise situated in the power station which processes radioactive waste. Three people died in that accident. “Minor incidents are relatively common at the station: on May 15, the plant’s safety system automatically closed down one of the reactor blocks, which shortly resumed its work,” Alimov said. In order to establish the truth, Alimov called for an independent investigation.


ขี้เกียจแปลจัง

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เวียดนามเปิดแหล่งยูเรเนียมรับไฟฟ้านิวเคลียร์</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>3 มิถุนายน 2551 17:48 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=470 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=470> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>นักเรียนกลุ่มหนึ่งกำลังมองดูแบบจำลองโรงงานพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ออกแบบโดยบริษัท EDF ของฝรั่งเศส ในระหว่างงานนิทรรศกาลด้านพลังงานนิวเคลียร์ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2551 (ภาพ : เอเอฟพี)</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ผู้จัดการรายวัน-- เวียดนามเปิดเผยแหล่งสำรองยูเรเนียมสำรวจพบแล้ว 8,000 ตัน มากพอสำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในระยะยาว หากสำรวจจริงๆ คาดว่าทั่วประเทศอาจจะมียูเรเนียมนับแสนตัน

ดร.เหวียนกวางหุ่ง (Nguyen Quang Hung) หัวหน้าศูนย์ธรณีวิทยาและกัมมันตภาพรังสีหายาก กล่าวว่า เวียดนามมีทรัพยากรที่เพียงพอในการพัฒนาโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยย้ำว่าเหมือนแร่ยูเรเนียมในทางตอนกลางของประเทศนั้นมีความจำเป็นต่อโครงการพัฒนาทางด้านพลังงานนี้

นายเจิ่นซวนเฮือง (Tran Xuan Huong) อธิบดีกรมธรณีวิทยาและสินแร่ เห็นด้วยกับดร. Hung และกล่าวว่าประเทศมีแร่ยูเรเนียมในระดับปานกลางซึ่งมากพอที่จะนำมาพัฒนาอุตสาหกรรมด้านพลังงานนิวเคลียร์

เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงสิ่งแวดล้อมและเหมืองแร่ได้ดำเนินโครงการสำรวจแร่ยูเรเนียมสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์แห่งชาติในด้านการใช้พลังงานปรมาณูเพื่อสันติภาพ จนถึงปี 2020

จากผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าเวียดนามมีแร่ยูเรเนียมอยู่ในหลายๆ พื้นที่ทั้งในทางตอนกลางและตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งแหล่งแร่ส่วนใหญ่จะอยู่ในบริเวณที่ใกล้กันแต่อยู่ห่างไกลจากบริเวณที่พักอาศัยของประชาชน

กระทรวงฯ กล่าวว่า จากการที่แร่นั้นอยู่ห่างไกลจากบ้านเรือนของประชาชนออกไปจะทำให้มั่นใจถึงการปกป้องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในขณะที่มีการทำเหมืองยูเรเนียมได้

สืบเนื่องจากการสำรวจที่กล่าวในเบื้องต้น ปริมาณสำรองแร่ยูเรเนียมในเวียดนามมีอยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยรัฐบาลมีแผนที่จะนำทรัพยากรดังกล่าวในประเทศมาใช้ในโรงงานพลังงานนิวเคลียร์แห่งแรกของชาติ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 2020

เจ้าหน้าที่เวียดนามกล่าวว่า การก่อสร้างโรงงานพลังงานนิวเคลียร์มีความสำคัญต่อการพัฒนาทางด้านพลังงานของชาติ โดยเฉพาะความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มมากขึ้น

เวียดนามมีแผนการจะดำเนินการโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งแรกในปี 2020 โดยรัฐบาลได้ตัดสินใจอนุมัติการก่อสร้างเมื่อปีที่แล้ว

มีการตัดสินใจที่จะควบคุมดูแลโครงการในด้านของการตรวจสอบและการประเมินแร่สำรองยูเรเนียมในเขตนงเซิน (Nong Son) จ.กว๋างนาม (Quang Nam) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประมานการกันว่ามีแร่ยูเรเนียมถึง 8,000 ตัน และ พื้นที่อื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง

"แม้เราจะยังไม่ได้มีการประเมินที่แน่นอนเกี่ยวกับความต่างระหว่างราคาในการนำเข้าแร่ยูเรเนียมกับการขุดหาแร่เองในประเทศก็ตาม แต่การใช้แร่จากภายในประเทศนั้นจะทำให้เราไม่ต้องไปพึ่งพาการนำเข้าแร่จากต่างประเทศเพื่อนำมาใช้ในโรงงานของเรา" นายเจิ่นเติ๊ตถัง (Tran Tat Thang) ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสทางด้านธรณีวิทยา กรมธรณีวิทยาและสินแร่กล่าว

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=270 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=270> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ผู้คนจำนวนหนึ่งกำลังชมแบบจำลองของโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ออกแบบโดยบริษัทแห่งหนึ่งของจีน ในระหว่างงานนิทรรศการด้านพลังงานนิวเคลียร์ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงฮานอย เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2551(ภาพ : เอเอฟพี).</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> **ศักยภาพในการดำเนินการ**

จากการสำรวจในขั้นแรกของกรมธรณีวิทยาและสินแร่แสดงให้เห็นว่า แร่ยูเรเนียมนั้นมีอยู่ทั่วไปในหลายๆ พื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะทางตอนกลางและตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งมีความหนาแน่นของแร่อยู่มาก

แร่ยูเรเนียมในทางตอนกลางนั้นมีแนวโน้มที่จะมีศักยภาพในการนำมาผลิตมากที่สุด โดยเฉพาะในอำเภอนงเซิน ซึ่งอยู่ในภาคกลาง โดยสภาพทางธรณีวิทยาแล้วสามารถสกัดออกมาใช้ได้ง่าย

นายหุ่งกล่าวว่า ค่าใช้จ่ายในการขุดแร่ยูเรเนียมปริมาณ 1 กก.จากแหล่งแร่ในอำเภอนงเซินนั้นคาดดว่าจะต่ำกว่าแร่ที่ขุดในอำเภอบิ่งซเวือง (Binh Duong) จ.ก๋าวบ่าง (Cao Bang) และ อ.นามแซ (Nam Xe) จ.ล่าวกาย (Lao Cai) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ

แหล่งแร่ยูเรเนียมในเขตอำเภอนงเซินนั้น อยู่ในบริเวณใกล้กัน แต่อยู่ไกลจากบริเวณที่อยู่อาศัยของประชาชนออกไปซึ่งทำให้การจัดการป้องกันทางด้านสิ่งแวดล้อมนั้นมีความง่ายมากขึ้น และระบบโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงเส้นทางการคมนาคมนั้นมีความสะดวกสบาย

กระทรวงสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติประมาณว่า ปริมาณแร่ยูเรเนียมในเวียดนามนั้นอาจจะมีมากนับแสนๆ ตัน แต่การสำรวจและตรวจสอบต่างๆ ยังคงมีอยู่อย่างจำกัด

**หนทางที่ยาวไกล**

แผนการดำเนินงานในการสำรวจแหล่งแร่ในอำเภอนงเซินนับเป็นโครงการขนาดใหญ่และมีความซับซ้อนอย่างมาก โดยจะต้องมีการตรวจสอบในด้านของส่วนประกอบโครงสร้างของแร่ ปริมาณและขนาดของแร่และอื่นๆ อีกมาก

นอกจากนี้ แผนการดำเนินงานจะต้องระบุสภาพของดินและน้ำที่จำเป็นรวมทั้งประเมินผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

นายถังกล่าวว่าความสำเร็จในการสร้างและผลิตพลังงานนิวเคลียร์นั้นจำเป็นต้องใช้เวลาหลายปีในการวางแผนที่รอบคอบและการดำเนินการ และก็ต้องการเทคโนโลยีที่มีคุณภาพและเหมาะสมด้วยเช่นกัน

"หลังจากดำเนินการในด้านการสำรวจตรวจสอบ จะต้องมีการลงในรายละเอียดของการขุดแร่ขึ้นมาใช้ต่อไป รวมถึงขั้นตอนในการดูแลรักษาแร่ยูเรเนียมที่ยังไม่ได้ผ่านขั้นตอนใดๆ ด้วย" นายถังกล่าว.
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>จีนพร้อมเป็นพี่เลี้ยง

 

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" height="45" width="100%"><tbody><tr><td width="10">
</td> <td height="24" valign="bottom" width="500"> <!-- Show Head --> EU เตรียมคว่ำบาตรอิหร่าน หลังปฏิเสธยุบโครงการนิวเคลียร์ <!-- End Show Head --> </td> <td width="10"> </td> </tr> <tr> <td></td> <td bgcolor="#d7d4d2"></td> <td></td> </tr> <tr> <td width="10"> </td> <td height="20">โดยทีมข่าว INN News <!-- Show Date --> 17 มิถุนายน 2551 09:56:56 น. <!-- End Show Date -->
</td> <td width="10"> </td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="664"> <tbody><tr> <td></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="10">
</td> <td width="644">

​

</td> <td width="10">
</td> </tr> </tbody></table> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" height="300" width="100%"><tbody><tr><td width="20"> </td> <td bgcolor="#dae4ea" width="584"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" height="300" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#ffffff" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="522"> <tbody><tr> <td width="10">
</td> <td bgcolor="#d3d4d4" width="500"></td> <td align="left" width="10">
</td> </tr> </tbody></table> <!-- ถึงนี่แล้ว--> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" height="300" width="664"> <tbody><tr> <td width="10">
</td> <td bgcolor="#d3d4d4" width="1"></td> <td valign="top">

<!-- -->
<!-- Show Detail --> สหภาพยุโรป เตรียมคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มเติม หลัง ไม่ยอมล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์

สหภาพยุโรป (European Union : EU) บรรลุข้อตกลงเมื่อวานนี้ ในการที่จะเพิ่มการคว่ำบาตรต่ออิหร่านให้มากขึ้น โดยพุ่งเป้าของการคว่ำบาตรในครั้งนี้ไปที่อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของอิหร่านโดยตรง โดยการตัดสินใจคว่ำบาตรอิหร่านในครั้งนี้ ถือเป็นการใช้มาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงที่สุดของสหภาพยุโรปต่ออิหร่าน หลังจากที่อิหร่าน ยืนกรานจะไม่ยอมล้มเลิกโครงการพัฒนานิวเคลียร์

การตัดสินใจคว่ำบาตรอิหร่านของสหภาพยุโรปในครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลอิหร่าน ปฏิเสธการรับเงินช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ เพื่อแลกกับการยุติการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมของอิหร่าน รัฐบาลอิหร่าน ยืนยันมาโดยตลอดว่าโครงการนิวเคลียร์ของตนมีขึ้น เพื่อวัตถุประสงค์ทางด้านพลังงานเท่านั้น แต่ประเทศตะวันตก ต่างพากันคาดการณ์และวิตกว่าอิหร่าน กำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

นายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า "สหภาพยุโรปจะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้อิหร่านตระหนักว่าต้องทำอย่างไร" พร้อมกับยืนยัน สหราชอาณาจักร จะอายัดทรัพย์สินทั้งหมดในสหราชอาณาจักรของBank Melli ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของอิหร่าน รวมทั้ง อาจจะมีการแถลงมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อิหร่านในอีก 2-3 วันข้างหน้านี้

อย่างไรก็ตาม ขอบข่ายของการคว่ำบาตรอิหร่านของสหภาพยุโรปในครั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่า จะออกมาในรูปแบบใด ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การคว่ำบาตรอิหร่านครั้งนี้ อาจส่งผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกให้พุ่งสูงขึ้น​

​

</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

 

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" height="45" width="100%"><tbody><tr><td width="10">
</td> <td height="24" valign="bottom" width="500"> <!-- Show Head --> ผู้นำสหรัฐและผู้นำอังกฤษเตือนอิหร่านกรณีโครงการนิวเคลียร์ <!-- End Show Head --> </td> <td width="10"> </td> </tr> <tr> <td></td> <td bgcolor="#d7d4d2"></td> <td></td> </tr> <tr> <td width="10"> </td> <td height="20">โดยทีมข่าว INN News <!-- Show Date --> 16 มิถุนายน 2551 23:01:36 น. <!-- End Show Date -->
</td> <td width="10"> </td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="664"> <tbody><tr> <td></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="10">
</td> <td width="644">

​

</td> <td width="10">
</td> </tr> </tbody></table> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" height="300" width="100%"><tbody><tr><td width="20"> </td> <td bgcolor="#dae4ea" width="584"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" height="300" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#ffffff" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="522"> <tbody><tr> <td width="10">
</td> <td bgcolor="#d3d4d4" width="500"></td> <td align="left" width="10">
</td> </tr> </tbody></table> <!-- ถึงนี่แล้ว--> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" height="300" width="664"> <tbody><tr> <td width="10">
</td> <td bgcolor="#d3d4d4" width="1"></td> <td valign="top">

<!-- -->
<!-- Show Detail --> ดับเบิลยู บุชของสหรัฐ และนายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษเตือนอิหร่านกรณีโครงการนิวเคลียร์ โดยให้เลือกยอมรับการเป็นหุ้นส่วนกับชาติตะวันตก

ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชของสหรัฐ และนายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษเตือนอิหร่านกรณีโครงการนิวเคลียร์ โดยให้เลือกยอมรับการเป็นหุ้นส่วนกับชาติตะวันตก หรือจะถูกเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตร และถูกโดดเดี่ยวจากนานาประเทศโดยนายบราวน์กล่าวว่า เขาต้องการเปิดการเจรจากับอิหร่าน แต่อิหร่านเพิกเฉยต่อมติของสหประชาชาติหรือยูเอ็น จึงจำเป็นที่อิหร่านจะถูกคว่ำบาตร โดยยุโรปจะระงับสินทรัพย์ต่างๆ ที่อยู่ในต่างประเทศของอิหร่าน และจะใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่เกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง

อย่างไรก็ดีโฆษกสหภาพยุโรปหรืออียู ระบุว่า ยังไม่มีการบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่แต่อย่างใด​

</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

 

อิสราเอล ซ้อมรบ คาด เตรียมโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" valign="baseline" align="left">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" valign="baseline" align="left">21 มิถุนายน 2551 22:20 น.</td> </tr> </tbody></table> <table width="100%" border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td valign="middle" align="center"></td> </tr> </tbody></table> เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางการสหรัฐฯ เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ New York Times ว่า อิสราเอลได้ทำการซ้อมรบ โดยคาดว่า น่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน

รายงานข่าวระบุว่า เครื่องบินรบอิสราเอลจำนวนมากกว่า 100 ลำ ทำการซ้อมรบบริเวณน่านฟ้า เหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันออก และเหนือน่านฟ้าของกรีซ ไปแล้ว ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายนนี้

โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพสหรัฐฯ หลายนายที่ได้เปิดเผยเรื่องนี้ต่อ New York Times ชี้ว่า การซ้อมรบทางอากาศของอิสราเอลในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า อิสราเอลมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับกิจกรรมทางด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน และเป็นการตอกย้ำให้นานาชาติเห็นว่า หากนานาชาติยังไม่สามารถหาทางกดดันให้อิหร่านยุติโครงการนิวเคลียร์ได้ อิสราเอลก็พร้อมที่จะดำเนินการด้วยวิธีของอิสราเอลเอง เพื่อขจัดสิ่งที่เป็นภัยคุกคามของประเทศให้หมดไป

ขณะเดียวกัน บรรดานักการทูตของประเทศต่างๆ ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ต่างพากันลงความเห็นว่าการซ้อมรบของอิสราเอลในครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณเตือนให้ทั่วโลกได้รู้ว่า อิสราเอลพร้อมโจมตีอิหร่านโดยลำพังหากจำเป็น

ทั้งนี้ เมื่อปี 1981 เครื่องบินรบของกองทัพอากาศอิสราเอล เคยทำการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิรัคที่เมือง Osirak นอกกรุงแบกแดดประมาณ 30 กิโลเมตร มาแล้ว

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เผย จนท.อาวุโสมะกันจะเข้าร่วมทำลายโรงงานนุกโสมแดงด้วย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 มิถุนายน 2551 15:22 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สถานที่ตั้งโรงงานนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือที่ยงบยอน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี – สถานทูตสหรัฐฯ เผย เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ จะเข้าร่วมการทำลายอาคารหล่อเย็น ตามข้อตกลงปลดอาวุธระหว่างประเทศ ณ โรงงานนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือในวันศุกร์ (27) นี้

ซุง คิม ผู้อำนวยการกองเกาหลี ของกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ จะร่วมเป็นพยานในการระเบิดทำลายหอหล่อเย็น ในโรงงานนิวเคลียร์ที่ยงบยอนด้วย โฆษกกระทรวงกล่าว

ด้าน สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้รายงานโดยคาดว่า เกาหลีเหนือน่าจะสำแดงโครงการนิวเคลียร์ ที่รอคอยในวันพฤหัสบดี (26) นี้ ผ่านสถานทูตในกรุงปักกิ่ง

การสำแดงโครงการนิวเคลียร์เป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงปลดอาวุธของโต๊ะเจรจา 6 ฝ่าย โดยเปียงยางมีกำหนดจะทำลายอาคารของโรงงานนุกในวันถัดมา ท่ามกลางสักขีพยานทีมข่าวต่างชาติด้วย

นอกจากนี้ โฆษสถานทูตยังระบุว่า ซุง คิม ซึ่งเป็นผู้นำคณะผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐฯ ตรวจสอบงานรื้อถอนโรงงานนิวเคลียร์ ที่ยงบยอน เดินทางไปถึงกรุงโซลแล้ว และจะข้ามชายแดนเข้าไปในเกาหลีเหนือในวันพฤหัสบดี

โฆษกสถานทูตยังกล่าวว่า “ผมเข้าใจว่าเขาจะไปดูการทำลายอาคารหล่อเย็น ที่โรงงานนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ”
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เผยโสมแดงบึ้มอาคารในโรงงานนุกตามข้อตกลงปลดอาวุธแล้ว <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" valign="baseline" align="left">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" valign="baseline" align="left">27 มิถุนายน 2551 17:10 น.</td> </tr> </tbody></table> <table width="100%" border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td valign="middle" align="center"></td> </tr> </tbody></table> <table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5"></td> <td valign="top" align="center"> <table width="300" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td valign="top" width="300" align="center"> </td> </tr> <tr><td class="Image" valign="baseline" align="left">หอหล่อเย็นในโรงงานนิวเคลียร์ที่ยงบยอนของเกาหลีเหนื่อ</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td valign="top" align="center" height="5"></td> </tr> </tbody></table> เอเอฟพี – เอ็มบีซีทีวี สื่อโทรทัศน์ของเกาหลีใต้รายงาน เกาหลีเหนือระเบิดทำลายหอหล่อเย็นของโรงงานนิวเคลียร์ที่ยงบยอนแล้ว เป็นสัญญาณการดำเนินตามข้อตกลงปลดอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้ ยู เมียงฮวาน ระบุว่า เขาไม่สามารถยืนยันรายงานข่าวชิ้นนี้ได้ เนื่องจากยังไม่สามารถติดต่อสถานที่ดังกล่าวได้ ด้าน สถานีโทรทัศน์เอ็มบีซี ซึ่งส่งเจ้าหน้าที่ไปบันทึกเหตุการณ์ ก็ยังไม่ให้รายละเอียดอื่นๆ รวมถึงภาพออกอากาศด้วย

ขณะที่ เจ้าหน้าที่ในทีมข่าว ณ กรุงโซล ซึ่งปฏิเสธจะเปิดเผยชื่อ นั้น ไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ เมื่อถูกถามว่า ทางสถานีได้รับรายงานจากลูกทีม ที่ลงพื้นที่ที่ยงบยอนหรือไม่

การทำลายอาคารในโรงงานนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นสัญลักษ์ของโครงการนุกนั้นเดิมทีมีกำหนดจะถ่ายทอดสด โดยสื่อต่างชาติ ทว่า สถานีโทรทัศน์รายงานว่า เกิดปัญหาทางเทคนิคในสถานที่จริง

ทั้งนี้ เกาหลีเหนือกำหนดให้เหตุการณ์ครั้งนี้สื่อถึงการตกลงยินยอมปลดอาวุธ นิวเคลียร์ 1 วันหลังจากที่ส่งมอบรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการปรมาณู ตามสนธิสัญญา 6 ฝ่าย

โรงงานดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากทางเหนือของกรุงเปียงยางไป 96 กิโลเมตร เป็นหัวใจสำคัญของความพยายามทางการทูต ซึ่งนำโดยสหรัฐฯ ที่ต้องการให้เกาหลีเหนือยุติโครงการนิวเคลียร์ โดยแลกกับความช่วยเหลือด้านพลังงาน และผลประโยชน์ทางด้านการทูต และความมั่นคง

สำหรับ โรงงานนิวเคลียร์ที่ยงบยอนนี้ผลิตพลูโตเนียมสำหรับโครงการอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งประสบความสำเร็จในการยิงทดลองอาวุธนิวเคลียร์ในเดือนตุลาคมปี 2006 ที่ผ่านมา