จับตาภัยจากมวลชน 24 พย 2555 ร่วมเสวนาแบบสุภาพได้ที่นี่...

"เสธ.อ้าย" ขอ 3 ชั่วโมง ประเมินสถานการณ์

วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 10:15:40 น

ภายหลังมีการปะทะบริเวณแยกมัฆวานฯ ตั้งแต่เวลา 8.50 น. แกนนำองค์การพิทักษ์สยาม ได้มีการเรียกประชุม จากนั้นได้แถลงข่าวว่า ขอเวลาประเมินสถานการณ์ ภายใน 3 ชั่วโมงในการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ว่าจะยกเลิกการชุมนุมหรือไม่ และขอเชิญประชาชนเข้าร่วมชุมนุม



พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม กล่าวว่า ขอเวลา 3 ชั่วโมง เพราะ ขณะนี้ คนเข้ามาร่วมชุมนุมไม่ได้ เพราะมีการกัดกันไม่ให้เราเข้ามาชุมนุม มีความพยายามแยกผู้ชุมนุมออกเป็นส่วนๆ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีมือที่สามหรือไม่ พล.อ.บุญเลิศกล่าวว่า มือที่สาม ก็คือตำรวจ มีเหตุผลอะไรที่จะยิงแก๊สน้ำตา

มติชน:

 

"เสธ.อ้าย" ประกาศกลางเวที หากตำรวจใช้กำลัง จะขอกำลังทหารมาช่วยองค์การพิทักษ์สยาม

วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 10:53:00 น

เวลา 10.40 น. พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม กล่าวบนเวทีปราศรัยที่ลานพระบรมรูปทรงม้าว่า มีการยิงแก๊สน้ำตาใส่พวกเราโดยไม่มีเหตุผล เขาจะยั่วยุ จับคนของเราซึ่งบาดเจ็บ เข้าไปในทำเนียบ เพื่อระบุว่า คนของเราบุกทำเนียบ นี่เป็นการยั่วยุ ให้เราเกิดบันดาลโทสะ หากว่าตำรวจไม่หยุดยัง เป็นกำลังชั่วร้ายเป็นเครื่องมือของรัฐบาล ผมอาจจะขอกำลังทหาร มาช่วยหนุนครับ ขอเชิญ ประชาชนมาขับไล่รัฐบาลชั่วร้ายนี้ออกไป ขอความกรุณาให้ท่านที่รักชาติ ออกแรงมาร่วมกับเราที่ถนนนี้ ให้หางแถวยาวไปถึงผ่านฟ้า จากนั้นผู้ร่วมชุมนุมตะโกนเชิญชวนคนมาร่วมชุมนุมว่า "ออกมาๆ"

พล.อ.บุญเลิศ กล่าวต่อไปว่าเหตุที่ต้องขับไล่เพราะรัฐบาลมีความชั่วร้าย เรื่องแรกคือ ปล่อยให้มีการจาบจ้วง ทำให้ทนไม่ไหว ประการที่สอง รัฐบาลนี้ เป็นหุุ่นเชิดหนังตะลุงที่ทักษิณชักใยอยู่เบื้องหลัง ขาดจริยธรรมคุณธรรม ข้อสาม ปล่อยให้มีการทุจริตคอรัปชั่นอย่างมโหฬาร ทำให้องค์การพิทักษ์สยามออกมาต่อต้าน

มติชน:

 

09.39 มีรายงานผู้บาดเจ็บถูกส่งตัวรักษาที่โรงพยาบาลวชิระ 4 ราย หนึ่งในนั้นเป็นตำรวจ1ราย

10.00น. มีรายงานจากโรงพยาบาลวชิระ ผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นเป็น 10 ราย และในจำนวนนั้นเป็นตำรวจ 4 ราย

#springnews

 

อพส. ชวนชาวรามคำแหง ร่วมชุมนุม

วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2555 11:05น.



เครือข่าย อพส. ใช้รถติดเครื่องขยายเสียง ชวนประชาชนย่านรามคำแหง ร่วมชุมนุม หลังรัฐบาลใช้แก๊สน้ำตา

บรรยากาศในย่านถนนรามคำแหง มีรถติดเครื่องขยายเสียงของเครือข่ายกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม จำนวน 2 คัน มีแนวร่วมอยู่บนรถคันละประมาณ 5 คน ต่างใช้เครื่องขยายเสียงกล่าวโจมตีรัฐบาล ระบุว่า เป็นรัฐบาลเผด็จการ ทำร้ายประชาชน โดยขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้แก๊สน้ำตากับผู้ที่จะเดินทางร่วมชุมนุม ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ พร้อมกันนี้ บุคคลที่อยู่บนรถ ยังกล่าวชักชวนให้ประชาชนเดินทางไปร่วมชุมนุมเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ผู้ค้าริมฟุตปาธรายหนึ่งกล่าวว่า เมื่อขายของเสร็จ จะเดินทางไปร่วมชุมนุมด้วย เพราะไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุม

#INN NEWS

 

เค้าลางมาให้เห็นละ เห้อๆๆๆ; K01

 

แผนปฏิบัติการ"ศอ.รส." รับมือม็อบ"เสธ.อ้าย"

วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 11:15:45 น



หมายเหตุ - พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) และเลขาธิการ ศอ.รอ. แถลงแนวทางการปฏิบัติของ ศอ.รส.ตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ในวันที่ 24 พฤศจิกายน

การชุมนุมในครั้งนี้ เนื่องจากใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงไม่ใช้แผนกรกฎ 52 แต่ ศอ.รส.ได้ออกแผนปฏิบัติการที่ 1/2555 เป็นหลักในการปฏิบัติงาน แบ่งเป็น 4 ขั้นตอน ได้แก่

1.ขั้นเตรียมการจะเป็นขั้นที่ดำเนินการก่อนการชุมนุม โดยดำเนินการด้านการข่าว การเตรียมการด้านกำลังพล การจัดเตรียมสถานที่ควบคุมกรณีเหตุการณ์บานปลาย การเตรียมการด้านแผนต่างๆ ที่สำคัญ

2.ขั้นการเผชิญเหตุจะเป็นขั้นที่ดำเนินการขณะชุมนุม โดยยึดถือแนวทางตามมาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ที่ระบุให้ตำรวจท้องที่เข้ารักษาความสงบบริเวณที่ชุมนุมและใกล้เคียง ดำเนินการรักษาความปลอดภัยสถานที่และบุคคลสำคัญ ใช้ศูนย์ปฏิบัติการทุกระดับ ในการติดตาม ควบคุม และสั่งการ ชี้แจงทำความเข้าใจต่อแกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมให้ทราบถึงขอบเขตของการใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ดำรงการเจรจาต่อรอง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์

3.ขั้นการใช้กำลังเข้าคลี่คลายสถานการณ์จะเริ่มปฏิบัติตั้งแต่ 22-30 พฤศจิกายน โดยแจ้งเตือนและเจรจากับผู้ชุมนุม เพื่อป้องกันการปลุกระดมและสร้างความวุ่นวาย พร้อมทั้งปฏิบัติการข่าวสารควบคู่กับการปฏิบัติงานในทุกขั้นตอน เมื่อการเจรจาต่อรองหรือการปฏิบัติการอื่นใดไม่เป็นผล สถานการณ์กลับทวีความรุนแรงให้ผู้บัญชาการเหตุการณ์พิจารณาสั่งใช้กำลังเข้าแก้ไขสถานการณ์และรายงานให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติผ่านศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) ทราบทันที และการใช้กำลังให้ปฏิบัติตามกฎการใช้กำลังในการควบคุมฝูงชน

4.ขั้นการฟื้นฟู เป็นขั้นตอนที่ดำเนินการหลังการชุมนุม โดยจะดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิด การฟื้นฟู เยียวยาการจัดทำรายงานภายหลังการปฏิบัติ และบทเรียนจากการปฏิบัติงาน และชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นต่อสาธารณชน

สำหรับกฎการใช้กำลังตำรวจต้องพึงระลึกและยึดถือรัฐธรรมนูญว่า การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธเป็นเสรีภาพของประชาชนที่ได้รับการรับรองตามกฎหมายโดยมีแนวทางการปฏิบัติ ดังนี้ 1.ต้องพิจารณาถึงความชอบธรรมในการใช้กำลังตามที่กฎหมายกำหนด 2.ยึดหลักในการคุ้มครองเสรีภาพและหลักในการรักษาความสงบเรียบร้อย 3.การใช้กำลังตามกฎนี้ให้หมายความรวมถึงการใช้อุปกรณ์หรืออาวุธประกอบการใช้กำลังด้วย และ 4.การจัดการเมื่อมีการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ตำรวจจะต้องดำเนินการจัดการตามอำนาจหน้าที่เพื่อให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ทั้งนี้ หลักการใช้กำลังของตำรวจที่ควบคุมฝูงชนที่มีผลต่อชีวิตร่างกายตำรวจต้องคำนึงถึงปัจจัยต่อไปนี้ หลักแห่งความจำเป็นให้ตำรวจใช้กำลังเท่าที่จำเป็น พยายามใช้วิธีการอื่นเท่าที่สามารถทำได้ก่อน เลือกวิธีการใช้กำลังที่เบาที่สุด (เป็นอันตรายต่อผู้ชุมนุมน้อยที่สุด) และหากผู้ชุมนุมลดหรือยุติความรุนแรง ต้องลดระดับหรือยุติระดับกำลังด้วย หลักแห่งความได้สัดส่วน ให้ใช้วิธีการและกำลังที่เหมาะสม สอดคล้องกับภยันตรายที่คุกคามเพื่อป้องกันสิทธิของตนเองหรือของผู้อื่น หลักความถูกต้องตามกฎหมายให้พิจารณาใช้กำลังและเครื่องมือ หรือยุทโธปกรณ์ตามที่มีกฎหมาย ระเบียบ หรือตามหลักสากลกำหนด และหลักความรับผิดชอบให้พิจารณาถึงผลที่เกิดจากการใช้กำลังโดยต้องมีผู้รับผิดชอบในการสั่งการ

ตำรวจต้องใช้กำลังตามระดับความรุนแรงของผู้ชุมนุมหรือได้สัดส่วนกับความรุนแรงที่คุกคาม เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิผล ตามภัยคุกคามหรือความรุนแรงของผู้ชุมนุมดังนี้ 1.ผู้ชุมนุมโดยสงบ ให้ตำรวจดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ด้วยการแสดงกำลัง การเจรจา ให้ข้อมูลข่าวสาร หรือชักจูงแนะนำ 2.ผู้ชุมนุมไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือคำแนะนำของตำรวจในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย แต่ไม่มีพฤติการณ์ก้าวร้าวหรือก่อเหตุ หรือกระทำผิดกฎหมายเล็กน้อย ให้ตำรวจแสดงกำลัง หรือใช้วิธีการในการเจรจาหรือดำเนินกลยุทธ์กดดันผู้ชุมนุม (Offensive Movement) ที่ได้สัดส่วนกับการกระทำผิดเล็กน้อย หรือการก่อเหตุนั้นๆ หากจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ประกอบก็ให้ใช้อุปกรณ์ที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต 3.สถานการณ์การชุมนุมที่ไม่สงบหรือมีอาวุธหรือมีการก่อเหตุวุ่นวาย ทำร้ายตำรวจหรือบุคคลอื่น ให้ตำรวจพิจารณาใช้กำลังและเครื่องมือที่เหมาะสมในรูปแบบที่เป็นระดับที่สูงขึ้นเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุ การใช้กำลังที่อาจจะเกิดอันตรายต่อผู้ชุมนุม ได้แก่ การใช้แก๊สน้ำตา หรือเครื่องเปล่งเสียงความถี่สูง การใช้กำลังผลักดัน การใช้น้ำฉีดแรงดันสูง และการยิงกระสุนยาง ต้องมีการประกาศแจ้งเตือนผู้ชุมนุมก่อนทุกครั้ง และให้เวลาพอสมควรเพื่อให้ ผู้ชุมนุมสามารถปฏิบัติตามคำเตือนได้ทันเว้นแต่ไม่สามารถประกาศเตือนได้ก่อนหรือหากไม่ใช้กำลังเช่นว่านั้นในทันทีทันใดจะเกิดภัยอันตรายต่อบุคคล สถานที่ หรือทรัพย์สิน

แนวทางการปฏิบัติหลังการใช้กำลัง เมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้วจะต้องดำเนินการ คือ 1.การช่วยเหลือทางการแพทย์ โดยผู้ที่ได้รับบาดเจ็บต้องได้รับการปฐมพยาบาล และรีบส่งไปรับการรักษาพยาบาลตามความจำเป็นรวมทั้งแจ้งญาติให้รับทราบ 2.การบันทึกและการรายงาน หน่วยจะต้องบันทึกรายละเอียดของเหตุการณ์ทั้งหมดและรายงานตามสายการบังคับบัญชาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 3.การปฏิบัติต่อพื้นที่เกิดเหตุ ให้ปิดกั้นบริเวณพื้นที่ที่เกิดเหตุการณ์ ไว้จนกระทั่งมีการดำเนินการตรวจสถานที่เกิดเหตุ และรวบรวมหลักฐานสำหรับใช้ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป 4.โดยถือปฏิบัติด้วยความมีมนุษยธรรมและคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน

นอกจากนี้ ศอ.รส.มีข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร คือ 1.ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องปฏิบัติการหรืองดเว้นการปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อช่วยเหลือหรือสนับสนุนการดำเนินการในอำนาจหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ทั้งนี้ ตามที่ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ มีคำสั่ง หรือเป็นการปฏิบัติตามแผนการดำเนินการ เพื่อป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร

2.ห้ามบุคคลใดเข้าหรือต้องออกจากบริเวณพื้นที่ อาคาร หรือสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และภายในระยะเวลาปฏิบัติหน้าที่ของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ทั้งนี้ ตามที่ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ ประกาศกำหนด เว้นแต่เป็นบุคคลที่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นบุคคลที่มีประกาศของบุคคลดังกล่าวเป็นบุคคลที่ได้รับการยกเว้น

3.ห้ามนำอาวุธออกนอกเคหสถาน 4.ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะหรือต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ ทั้งนี้ ตามที่ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ผู้อำนวยการ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ ประกาศกำหนด

5.ให้บุคคลปฏิบัติหรืองดเว้นการปฏิบัติอย่างใดอันเกี่ยวกับเครื่องมือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตามชนิด ประเภทลักษณะการใช้หรือภายในเขตบริเวณพื้นที่ที่ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ ประกาศกำหนด เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดแก่ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของประชาชน

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1353729626&grpid=03&catid=&subcatid=

 

รองผบช.น.เผยแก๊สน้ำตาหมดอายุไม่ใช่ของตร.

วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2555 11:35น.

รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผย คุมตัวม็อบที่ละเมิด พ.ร.บ.มั่นคง กว่า 100 คน ยัน แก๊สที่หมดอายุไม่ใช่ของ ตร. แต่เป็นของม็อบที่จะขว้างใส่ ตร.

พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุปะทะกันระหว่าง กลุ่มผู้ชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ จนต้องมีการใช้แก๊สน้ำตาขว้างใส่กลุ่มผู้ชุมนุม จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น โดยเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ชุมนุมได้กว่า 100 คน พร้อมกันนี้ ได้ยึดรถขยายเสียง และอาวุธหลายประเภทจำนวนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการเร่งเจรจา ส่วนสถานการณ์ความวุ่นวายยังคงไม่นิ่ง

อย่างไรก็ตาม กรณีที่ สื่อบางแห่งโพสต์ภาพกระป๋องแก๊สน้ำตาที่หมดอายุ ลงบนโซเชียลเน็ตเวิร์กนั้น รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า เป็นแก๊สน้ำตาของกลุ่มผู้ชุมนุม ที่เตรียมมาขว้างใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ

#INN NEWS

 

นปช.แถลงผ่านเฟซบุ๊ค เตรียมรับมืออพส.

2012-11-24 11:38:18



หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมอพส.ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์นั้น ในเวลาต่อมามีความเคลื่อนไหวจากหน้าเฟซบุ๊คของธิดา ถาวรเศรษฐ เมื่อเวลา 09.30น.นปช.แถลงผ่านเว็บไซต์และเฟซบุ๊คของธิดา ถาวรเศรษฐ ย้ำมวลชนถึงการเตรียมพร้อมรับการชุมนุม อพส.

1.ให้เตรียมพร้อม ณ ที่ตั้ง
2.จัดคณะประสานงานตามหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด
3.รับฟังสัณญานจากธิดา ถาวรเศรษฐ , จตุพร พรหมพันธุ์ และณัฐวุฒิ ใสยเกื้อเท่านั้น
4.ขึ้นนโยบายหรือสัญลักษณ์สนับสนุนการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสนับสนุนรัฐบาลตามสถานที่ต่างๆตามความเหมาะสม
5.มีการดูแลกันเป็นหน่วยเล็ก20คน 5หน่วยเล็ก = หน่วยใหญ่100คน
6.เตรียมจุดนัดพบที่ประสานงาน
7.ใช้คอมพิวเตอร์ติดตามความเคลื่อนไหวที่ทวิต: @udd_red และเฟซบุ๊คแกนนำที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำ

ภาพจาก facebook.com/krootida

springnews:

 

ถึงตอนนั้นภัยพิบัติคงจะเก็บกวาดคนที่ไม่ดีให้จมลงดินไปเองแหละครับ
ธรรมชาติจะเป็นผู้เลือก บางครั้งทั้ง 2 ฝ่ายอาจจะคิดว่าตัวเองถูก
แต่สุดท้ายคนที่เหลือก็จะแยกแยะและรับรู้ได้เองครับว่าสิ่งใดดีสิ่งใดไม่ดี
แค่คำพูดที่มักนิยมพูดกัน ทำเพื่อชาติ รักชาติ ไม่อาจบ่งบอกว่าคนๆนั้นจะทำถูกทำดี
ผมขออยู่เฉยๆดีกว่าครับ เพราะเราไม่ได้มีศัตรูเป็นใครที่ไหน หากแต่เป็นพี่น้องร่วมชาติของเราเอง
ก็สุดแล้วแต่คิดกันละครับ นานาจิตตัง ถ้าขาดสติแล้วละก็ ทำอะไรมันก็พังทั้งหมดครับ

 

อนุโมทนาครับ

 

แกนนำแยกมิสกวัน ปราศรัย 3 โมงเย็น ผบ.ตร.ระวังตัวให้ดี

24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 11:25:30 น

เวลาประมาณ 11.20 น. นายอมร อมรรัตนานนท์ ปราศัยบริเวณแยกมิสกวันจะตีเข้า 3 จุด พร้อมกันเพื่อขยายพื้นที่การชุมนุมส่วน เวลานัดหมายจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง พร้อมเตือน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 3 โมงเย็น ชะตาขาดแน่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เวทีการปราศัยแบ่งเป็น 2 จุด คือ ตรงลานพระรูปทรงม้า และแยกมิสกวัน โดยบริเวณแยกมิสกวัน มีนักศึกษากำลังขึ้นปราศรัย ขอขยายพื้นที่การชุมนุม พร้อมขอร้องให้ตำรวจหยุดคุกคามประชาชน

แกนนำแยกมิสกวัน ปราศรัย 3 โมงเย็น ผบ.ตร.ระวังตัวให้ดี : มติชนออนไลน์

 

มีฝนสักหน่อยก็ดีครับ อากาศร้อนจริงๆ ได้ฝนมาดับร้อนคงดีครับ

 

ภาพชุดม็อบอพส.ปะทะตร.

วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2555 เวลา 10:58 น.























ภาพชุดม็อบอพส.ปะทะตร. | เดลินิวส์

 

"ศอ.รส."แถลง ใช้แก๊สน้ำตาควบคุมมวลชนปฎิบัติตามหลักสากล ตร.เจ็บ5นาย สาหัส2

วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 11:50:50 น

พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวนการรักษาความสงบ หรือ ศอ.รส. กล่าวถึงกรณีการปะทะกันระหว่างตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานรังสรร และแยกสวนมิสกวันกับกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม จนมีการใชแก๊สน้ำตาเพื่อควบคุมมวลชน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งมีสาเหตุเกิดจากมวลชนกลุ่มดังกล่าวพยายามฝ่าแนวกั้น ของเจ้าหน้าที่ และยังใช้คีมเหล็กตัดรั้วลวดหนามที่เป็นแนวกั้น จนมาถึงแนวของตำรวจ อีกทั้งยังใช้อาวุธและรถหกล้อผลักดัน จนมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 5นาย สาหัส 2นาย



พล.ต.ต.ปิยะ ยืนยันว่าการใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม เป็นการทำตามขั้นตอน หลักสากลเบื้องต้นสามารถควบคุมผู้ชุมนุมได้100คน ยึดกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 30 นัด อาวุธมีด จำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตามผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่การชุมนุม และความอดทนเป็นพิเศษ เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามยั่วยุ ให้ตำรวจใช้ความรุนแรง เพื่อยกระดับการชุมนุม ทั้งนี้ได้จัดเสริมกำลังสนับสนุนพร้อมปฎิบัติ 38 กองร้อย หากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง

ส่วนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตา เบื้องต้นควรให้ใช้น้ำเปล่าที่สะอาดล้างตา เพื่อบรรเทาอาการ และมีหน่วยพยาบาล ประจำจุดที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมทีมแพทย์ พยาบาลดูแล24ชม และยังมีอีก 3จุด ที่ทำเนียบรัฐบาล เขาดิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

"ศอ.รส."แถลง ใช้แก๊สน้ำตาควบคุมมวลชนปฎิบัติตามหลักสากล ตร.เจ็บ5นาย สาหัส2 : มติชนออนไลน์

 

สรุปผู้บาดเจ็บเหตุปะทะมัฆวาน11ราย-ตร.5

วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2555 12:07น.



สรุปตัวเลขล่าสุด ผู้บาดเจ็บ จากเหตุปะทะ และยิงแก๊สน้ำตา ทั้งหมด 11 รายแล้ว เป็น ปชช. 6 ราย ตร. 5 นาย สาหัส 2 นาย

ศูนย์แพทย์ฉุกเฉิน วชิรฯ รายงานตัวเลขล่าสุด ผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะ และยิงแก๊สน้ำตา ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อเช้านี้ มีทั้งสิ้น 11 ราย เป็นปชช. ที่เข้าร่วมชุมนุม 6 ราย และ จนท.ตร.อีก 5 นาย ในจำนวนนี้ บาดเจ็บสาหัส 2 นาย

http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=418442

 

"เสธ.อ้าย" ประกาศชุมนุมต่อแม้ยังไม่ครบ 5 หมื่น หลังรอประเมิน 3 ชั่วโมง

วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 11:56:00 น



11.51 น. พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ปราศรัยบนเวทีว่า ขอให้พี่น้องปรบมือต้นรับคนที่มาจากสะพานมัฆวานวาน ในวันนี้ผมต้องพูดปด

เดิมประกาศไว้ว่าถ้า 11.00 น. ผู้รักชาติยังไม่มาเต็ม 5 หมื่นจะประกาศเลิกชุมนุม แต่ทราบว่าคนกำลังมาจากทุกทิศ ขอให้ใจเย็นๆ

มติชน:

 

ขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้โปรด คุ้มครองประเทศไทย และคนไทยทุกๆคน ไม่ว่าจะต่างความคิด หรือแนวทาง เพราะเราคือคนไทย ประเทศไทยอยู่ดำรงได้เพราะคนไทยสามัคคี