ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ข้อความสื่อสารจากต่างมิติ Aurora channeled by Karen Downing
From Chaos to Cleansing - Energetic Spin Cycle > Karen Downing
Monday, 15 July, 2013 (posted 17 July, 2013)

แปล อจิตตะ

ตอนที่ ๓

การเปลี่ยนแปลง ที่กำลังเกิดขึ้นกับคุณ
ไม่ว่าทางกาย หรือเรื่องหยุมหยิมภายในบ้าน
สำนักงาน หรือ อะไรก็แล้วแต่รอบๆตัวคุณ
ล้วนเป็นการปรับตัวเพื่อมาลองรับกับพลังงานใหม่
ที่กำลังจะผ่านกระบวนการ spin cycle แล้วทั้งนั้น


และนี่ก็จะเป็นการช่วยให้คุณได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
โดยทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวคุณ
ก็จะปรับตัวให้เข้ากับพลังงานใหม่ของคุณด้วย


การสั่นสะเทือนกับการยกระดับ
จะทำการปล่อยพลังงานเก่า ๆ เน่า ๆ
ที่ไม่สามารถช่วยให้คุณดีไปกว่าที่เป็นอยู่ออกไปซะ

ดังนั้น ทั้งชีวิต… เมื่อใดที่คุณมีการเลื่อนระดับ
ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่จะมาส่งผลสะท้อนต่อกายเนื้อทุกครั้งไป

 

ข้อความสื่อสารจากต่างมิติ Aurora channeled by Karen Downing
From Chaos to Cleansing - Energetic Spin Cycle > Karen Downing
Monday, 15 July, 2013 (posted 17 July, 2013)

แปล อจิตตะ

ตอนที่ ๔

ส่วนการปรับตัวของสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้
บางอย่างก็ปรับตัวได้ง่ายหายเร็ว
ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับอิทธิพลของปัจจัยต่าง ๆในการปรับตัว
เช่น อายุ สถานที่ ปริมาณการใช้งาน…
ระดับพลังงานของคุณ และ ตัวแปรอื่น ๆ

และหากตอนนี้รอบๆตัวคุณกำลังมีปัญหา
จงรีบเผ่นไปจากพื้นที่ที่น่าสยดสยองนั้น
เพื่อตั้งหลักสักหน่อย... เป็นดีที่สุด

เพราะหากคุณยังจมอยู่กับปัญหานั้น
ปฏิกิริยาของคนทั่วไปกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
คือความพยายามที่จะเข้าไปแก้ปัญหานั้น
ซึ่งในระหว่างที่กระบวนการ sipin cycle กำลังทำงานอยูนี้
ระดับพลังของทุกคนมันจะมีปฏิกิริยาสูงกว่าปกติ

ดังนั้น...หากคุณไปมีปฏิกิริยาตอบโต้กับเรื่องสยดสยองเหล่านั้น
ก็เท่ากับคุณกำลังโยนพลังงานสยดสยองของคุณ
เข้าสู่เหตุการณ์สยดสยองนั้น...
(มันเลยทำให้เกิดสยดสยองทรงกรดหรือเปล่าก็ไม่รู้=ผู้แปล)

แต่ถ้าคุณเพียงแค่หันความสนใจออกไป
จากเรื่องสยดสยองนั้นสัก ๕ -๑๕ นาที
แล้วค่อยกลับมาแก้ปัญหา
คุณก็จะพบว่า เรื่องมันง่ายขึ้น
และจะเห็นภาพชัดขึ้นกับปัญหาที่ต้องแก้ไขนั้น

 

ข้อความสื่อสารจากต่างมิติ Aurora channeled by Karen Downing
From Chaos to Cleansing - Energetic Spin Cycle > Karen Downing
Monday, 15 July, 2013 (posted 17 July, 2013)

แปล อจิตตะ

ตอนที่ ๕


เมื่อใดก็ตามที่กระบวนการ spin cycle นี้จบลง
สำหรับคนทั่ว ๆ ไป น่าจะไปสิ้นสุดราว ๘ สิงหาคม
ซึ่งก็จะทำให้ตลอดสัปดาห์นั้น
ดูหงุดหงิด งุ่นง่าน รำคาญใจ สำหรับบางคน
และประมาณกลางเดือนสิงหาคม
ชีวิตก็จะเริ่มต้นใหม่ เมฆหมอกก็จะจางหายไป
คงเหลือไว้แต่อนาคตที่สดใสที่จะเผยออกมาให้เห็น
ซึ่งมันก็อาจจะไม่แตกต่างไปกว่าเก่ามากนักหรอก
แต่มันจะมีพลังและมีประสิทธิภาพมากขึ้นแน่นอน

และในเวลาเดียวกัน
จงเรียนรู้ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวคุณ
อย่าได้ปล่อยให้อารมณ์ซึมเศร้าหรือสิ้นหวังพาคุณไปสู่เหวล่ะ
เพราะนั่นจะทำให้ต้องเสียพลังมหาศาลไปกับการยึดมันไว้
ในขณะที่คุณกำลังพร้อมที่จะปลดปล่อยมัน

สุดท้าย ไปๆมาๆ ...คนส่วนใหญ่ก็นั่งทุกข์อยู่แต่กับเรื่องเหล่านี้แหละ
วันๆ ก็คิดแต่ว่า เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป
เพียงเพื่อรอวันให้อะไร ๆ มันชัดเจนกว่าที่เป็นอยู่... ก็แค่นั้น...

Love, Aurora

 

ไม่ได้ถ่ายไว้ครับ กล้องไม่มี (ถูกยึดคืนไปกับ.....ฮือๆๆๆๆ)
แต่ที่ผมเริ่มเห็นตั้งแต่ประมาณสี่โมงกว่า แต่ไม่เต็มวงนะ เป็นเสี้ยวสีรุ้ง มองไม่ค่อยเต็มตาแสบตา คุณอจิตะเอาภาพมาโชว์หน่อยครับ คนละพื้นที่มุมตกของภาพจะแตกต่างกันอย่างไร

 

คุณphudit999สามารถทราบได้หรือคะว่าใครมาจากไหน หรือเป็นชาวชมพูทวีปหรือเปล่า

ถ้ามาจากที่อื่นนี่หมายถึงเพิ่งมามีรูปกายเป็นมนุษย์ แต่ไม่มีกายทิพย์เป็นมนุษย์เหรอคะ

คุณงั้นชยุตก็เป็นผู้ที่มาจากดาวอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์บนโลกนี้แต่เดิม?

คือผู้มาจากจักรวาลอื่น หรือดาวอื่นนี่ลักษณะไม่เหมือนมนุษย์ใช่มั้ยคะ ในที่นี้ไม่ใช่เฉพาะกายหยาบที่มองเห็นหรือกายทิพย์ แต่หมายถึงกายพลังงานและจิตวิญญาณน่ะค่ะ แล้วเป็นเพราะอะไรคะ หรือเป็นกฏของดาวเขา การปฏิบัติถึงไม่เหมือนกัน จะช่วยอธิบายหน่อยได้มั้ยคะ (แบบสงสัย ไม่ได้กวน)

 

ให้เล่าถึงกรณีของ จขกท
ให้ฟังเป็นนิทานก่แล้วกัน

จขกท ไม่ได้เป็นมนุษย์ ที่ถือกำเนิดจากจักรวาลชมพูทวีป
เพราะกายแท้ อยู่ในสภาวะ ของ กายภาคพลังงาน และ
ผู้ที่มาจากดินแดนอันไกลโพ้น จะมีเพียง กายพลังงานเท่านั้น
ในมิติของเขา ก่ จะเห็นเป็นรูปร่างตามปกติ หมายถึงหากเรา
อยู่ในระดับเดียวกันก่ จะเห็นรูปร่างตามสภาพที่เขามองเห็นกัน

ทำไมเรามองไม่เห็น ก่ คล้ายกับย่านความถี่วิทยุ ไม่ตรงกัน
คลื่น จึงแยกแตกต่างออกจากกัน เป็นรหัสจำเพาะของแต่ละเผ่าพันธ์
(อธิบายให้เข้าใจเท่านั้น)

จขกท จะมีหลายกาย เพราะ กายพลังงานต้นขั้วจริงๆ เป็นนักวิทยาศาสตร์
ซึ่งหากเป็น กายพลังงาน ทั่วๆไปจะไม่ทำกัน แต่เนื่องจากว่าเป็น มนุษย์
กายพลังงานที่มีความเป็นอิสระ จะทำอะไรก่ ทำได้ ดังนั้น กายพลังงานต้น
ขั้วของ จขกท จึงพิเศษกว่าใคร ในเผ่าพันธ์เดียวกัน สามารถจำลองกายพลังงานขึ้นมาใหม่ หลายชุดด้วยกัน

และที่มายังโลกนี้ ก่ เป็นอิสระจากเผ่าพันธ์ของตัวเอง เพราะสร้างยานติดตาม ยานของเผ่าพันธ์ มาเพียงลำพัง (รับผิดชอบด้วยตัวเอง)

จขกท มาเป็นมนุษย์ เพื่ออะไร ... .... เพราะว่า กายมนุษย์ ในชมพูทวีป มี
อะไรที่พิเศษ คือ มีกายทิพย์ มีกายพลังงาน และเป้นแหล่งกำเนิด อะไร ๆ หลาย อย่างได้ (หากรู้วิธี)

มนตด แฝงกายเข้ามาเป็นมนุษย์ ได้เพราะมีพลังงานที่จะสามารถดำรงอยู่
ในขันธ์ของมนุษย์ เพื่อ อะไร เพราะต้องการพลังงาน ในการดำรงสภาวะ
ของกายพลังงานต่อไป หากไม่มี ก่จะดับสิ้น หรือเรียกว่า หมดอายุขัยลง

และ มนตด ที่ทำหน้าที่แฝงเข้ามา ก่เพื่อที่จะส่งพลังงานไปยังกลุ่มพวกของตนบนยาน ด้วยเช่นกัน ไม่ใช่เป็นการขโมย แต่ ผู้ที่มาแฝงในตัวหรือร่าง
มนุษย์ เขาเป็นเจ้าของที่แท้ จึงนำส่งพลังงานไปได้

และการที่ จขกท แฝงเข้ามา ก่ไม่ผิดอะไร เพราะไม่ได้เบียดเบียนร่างของผู้อื่น แต่อย่างใด แต่หากมีบ้างกลุ่มที่เบียดเบียน ร่างของผู้อื่น เพื่อนำพลังงานส่งไปยังกลุ่มพวกของตน อันนี้ถือว่า ผิด

ร่างกายมนุษย์ บนโลก ก่ เหมือน เครื่องคอมพิวเตอร์ จะมีสายเชื่อมคือ พลังงาน และ สายข้อมูล

สายพลังงาน ต่อมาจากกายพลังงาน

สายข้อมูล ต่อมาจากกายทิพย์

แต่ ของ จขกท ไม่สร้าง กายทิพย์ขึ้นมา ดังนั้น จึง ไม่ใช่มนุษย์

ทวีปชมพู เรียกว่า ผ่าเหล่า เป็นพวกไม่ยินยอมปรับตัวเอง

เรื่องเกียวกับการสนับสนุนให้ฝึก พลังงาน ก่ เป็นเพียงการเพิ่มพลังงาน

ให้กับตนเอง เท่านั้น กายหยาบจะรู้สึกดี เมื่อ กายพลังงานมีพลังงานสูงขึ้น

มันก่ ได้แค่นั้น

แต่ของจริง แท้มนุษย์ ที่ผู้สร้าง ให้มาคือ กายทิพย์

เมื่อฝึกพลังงานมาก แล้วจึงรู้สึกดี กายหยาบก่ จะแปลความว่า นั้นคือทางรอด นั้นคือ ทางอันประเสริฐ

โดยที่ไม่รู้ว่า กายหยาบ จากความรู้สึกที่แย่ แลัวมามีความรู้สึกที่ดี
เพราะมีปัจจัยภายนอก อื่นๆ มามีผลกระทบให้กายหยาบรู้สึกแย่

แต่เมื่อฝึกหรือปั่นพลังงานให้สูงขึ้น สามารถขับสิ่งไม่ดี (ตัวเกาะไม่ดีต่างๆ)

เช่นอมนุษย์ที่เกาะอยู่กับร่าง ออกไป แล้วจึงทำให้ร่างรู้สึกดี

ก่ จะหลงทางว่า การปั่นพลังงาน หรือฝึกให้พลังงานสูงขึ้น เป็นทางรอด

ทางอันประเสริฐ ..... ก่ ให้คิดดูว่า จะหลงทิศ หลงทางกันอีกนานเพียงใด

------------------------------------

ชาว HILARION ตามที่อ้าง ก่ มีจริง เป็นจักรวาลชมพูทวีป (แต่ไม่ใช่ผู้ที่เคยอยู่ในจักรวาลชมพูแห่งนี้ --- ทวีปคือ มีหลายจักรวาลอยู่ในทิศเดียวกัน เหมือนหมู่บ้านหนึ่ง ในทิศเดียวกัน)

Hilarion มีระดับการพัฒนา สูงยิ่ง ยิ่งกว่าผู้รู้แจ้ง ในจักรวาลแห่งนี้ สูงมากยิ่งกว่า ศรีอริย เสียอีก (ฟังจากการสื่อสารมา)

Hilarion ก่ มีการพัฒนาจาก กายทิพย์ เหมือนกับ มนุษย์บนโลกเช่นเดียวกัน

คำว่า Hilarion ไม่ใช่ชื่อบุคคล แต่เป็นชื่อแทน เผ่าพันธํ

หากชาว Hilarion สื่อถึงเราได้ เขาก่ จะรู้ว่านามของ เผ่าพันธ์ เรียกว่า Earth ก่ ได้ อย่างนี้เป็นต้น

ที่โลกเราเรียกว่า จิตวิญญาณ ก่ เสมือนว่า เรียกแทนคำว่า กายทิพย์

วิญญาณ เสมือน ผิวหนังของกายทิพย์

จิต เป็นสิ่งต่อเชื่อมผูกพันระหว่าง กายทิพย์ กับ กายหยาบ

จึงเรียกรวมๆ กัน ว่า จิตวิญญาณ

หากจะเรียกให้ถูก ควร เรียกว่า กายทิพย์

เพราะภายใตผิวหนัง หรือวิญญาณ นั้น จะมี ธาตุ ทิพย์ ที่เป็นธาตุ
ของผู้สร้าง ให้กำเนิดมา

เมื่อ จขกท ไม่ปรารถนา จะมีกายทิพย์ ก่ ต้องปล่อย มันไป

เพราะ จขกท ไม่ต้องการ พัฒนาตนเอง

เหล่า มนตด เหตุที่มายังโลก แห่งนี้ เพราะว่า ที่นี้ คือปลายฟ้าของเขา

เขามาตามหา ผู้นำแห่งแสง

เพื่อที่จะพัฒนาสายพันธ์ แต่เขาไม่รู้ว่า การพัฒนาที่แท้คือ การได้มาเป็น

มนุษย์ ชมพู เจริญตาม Hilarion

--------------------------------------------

ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ เกิดจากปัจจัย สองส่วนใหญ่ ๆ

คือ บาปของตนเอง และ สภาพแวดล้อมอื่นๆ (อมนุษย์ อื่นๆ ที่มาเกาะร่าง)

หากคิดว่า ตนเองปรารถนาสบาย แล้วฝึกพลังงาน

ก่ นึกกันเอาเอง ว่าจะได้พัฒนาตัวเอง หรือไม่

 

นี่ละครับความอัศจรรย์ใจของกระทู้นี้ ที่ทำไห้ใครหลายๆคนยังเฝ้าติดตามอยู่ อย่างบทความล่าสุดที่แปลโดยคุณWater Lilyก็มาเหมือนจงใจสื่อถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในกระทู้นี้อยู่ และบทความทั้ง5ตอนที่แปลโดยคุณอจิตตะก็อ่านแล้วทำไห้สบายใจและฮาดี

 

พลาดไม่ได้ ต้องบันทึกไว้อ่านอีกหลายๆรอบ....

 

ตามที่คุณphudit999 กล่าวมาเช่นนั้นมนุษย์จากต่างดาวที่มาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว ก็จะระลึกไม่ได้ใช่มั้ยคะว่าตัวเองมาจากที่อื่น อย่างนั้นแล้วเขาก็พัฒนาไม่ได้เพราะไม่มีกายทิพย์ แล้วเขามีวิธีพัฒนาแบบของเขาหรือเปล่าคะ (กลัวว่าถ้าตัวเองมาจากจักรวาลอื่นด้วย ยังงี้ก็อดพัฒนา-_-)

แล้ววิธีการที่เราจะพัฒนาจริงๆ ไม่ใช่แค่กายหยาบรู้สึกดีเพราะกายพลังงานมีพลังสูงขึ้นจากการกำจัดสิ่งที่มาเกาะกายหยาบมีอะไรบ้างคะ วิธีการมีอย่างไรบ้าง รู้สึกว่าถ้าเราปกติที่ยังไม่ตื่นรู้นี่มีโอกาสโดนหลอกได้ง่ายจัง คือหลอกว่าเราก้าวหน้าและดีแล้ว หรือพัฒนาแล้ว
รบกวนคุณphudit999ช่วยแนะได้มั้ยคะ

(หวังว่าตัวเองคงไม่ใช้มนตด.ที่มาหาพลังงานอะไรพิเศษๆ จากโลกนี้ แล้วถ้าใช่จริงๆทำไงดีล่ะ ต้องไปเกิดใหม่แล้วมีกายทิพย์แบบชาวชมพูทวีปหรือเปล่าคะ)

 

เด๋วจะหาข้อมูลการปฏิบัติ มาให้ว่า จะพิสูจน์เป็นเรื่องราว ว่า

ตนเองเป็นชาวชมพู เต็มขั้น หรือ ไม่เป็น

ท่าน จขกท ก่ จะได้เอาไปพิสูจน์ด้วย เด๋ว มาว่าผมยกประเด็น

ขู่ ขึ้นมาลอย ๆ ก่ ต้องรอ จักน่อย

เพราะพวกไม่มีกายทิพย์ มี สาม ประเด็น

1 . เกิดจากพวก มนตด
2 . เกิดจากพวก อมนุษย์ (ทั้งไม่ใช่ญาติตน และ ญาติตนเอง) เบียดบังเอาร่าง
3 . เกิดจากคำสั่งของท่านผู้สร้าง

 

น่าสนใจมาก...แต่ก่อนที่จะต่อไปไหน ๆ กัน
เจ้าบ้านก็ไม่มาสักที เราเลยย้อนไปดูกระทู้ก่อนหน้า
เห็นเขาโพสท์ว่า สองวันนี้พระจันทร์สวย
มีพลังอะไรทำนองเนี๊ยะ
เลยสงสัยว่าจะพาสาวไหนไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ซะไม๊...

เอางี้...ระหว่างที่เจ้าของบ้านไม่อยู่
คุณก็ช่วยเขาเฝ้าบ้าน และส่งข้อความดีดี
ให้ผู้อ่านอ่านไปพลางระหว่างรอเขาก็ดีนะ

เออ ...แต่ว่า นิทานของคุณนี่
คุณรู้ด้วยจิตตัวเอง ว่าคุณชยุตเป็นพวกอะไรที่ว่า
หรือได้ข้อมูลจากที่ไหน เราจะได้ติดตามไปอ่านต่อ
เพราะอ่านแล้ว เราเริ่ม กลัว ๆ เหมือนกันนะ
(ทั้งๆที่อ่านนิทานคุณแล้วไม่ค่อยเข้าใจนัก เพราะไม่เคยรู้
เรื่องคนชมพู อะไร ๆ และ ที่คุณศารทวิศุวต นำเรื่องสิเนรุ
มาให้อ่าน ก็ไม่รู้เรื่องกะเขาเลย)

แต่ที่ผ่านมาล้วนเป็นเรื่องดีนะ...
เพราะเห็นตัวเลขคนเข้าดูแล้ว
ปีนี้ท่าจะได้เป็นหลักล้าน
หลังจากดูซบเซาเงียบเหงามานาน
นี่แหละ...จึงจะเรียกว่าการตลาดเป็นเยี่ยม

บางทีก็คิดเลอะเทอะ...
ว่านี่เป็นแผนปั่นกระทู้ให้เด่นดังของคุณชยุตหรือเปล่า
เพราะเราก็ไม่รู้ว่า "คุณ phudit999 "เป็นใคร
และเราก็ไม่รู้ว่าคุณชยุตเป็นใคร
ยิ่งในโซเชียลนี่...หลอกลวงกันซะ...
นี่เราคิดดัง ๆ เลยนะ...
เวลาแต่ละคนเหลือน้อยลงทุกที
(เราน่าจะเหลือน้อยสุด)
ข้าไม่ได้แล้ว...ให้รู้กันไปเลยดีกว่า
เผื่อคุณทั้งสองจะถอดหน้ากาก
ออกมาให้เพื่อน ๆ ได้ชมกัน...
"ก่อนที่เวลาของใครบางคนจะชิงหมดไปซะก่อน"...

แล้วอย่าลืมตอบคุณ love_evol
กับคำถามที่เราคิดว่า...ถามได้ดีมีความรู้เหลือเกิน...ที่ว่า

ตามที่คุณphudit999 กล่าวมาเช่นนั้นมนุษย์จากต่างดาวที่มาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว ก็จะระลึกไม่ได้ใช่มั้ยคะว่าตัวเองมาจากที่อื่น อย่างนั้นแล้วเขาก็พัฒนาไม่ได้เพราะไม่มีกายทิพย์ แล้วเขามีวิธีพัฒนาแบบของเขาหรือเปล่าคะ (กลัวว่าถ้าตัวเองมาจากจักรวาลอื่นด้วย ยังงี้ก็อดพัฒนา-_-)

แล้ววิธีการที่เราจะพัฒนาจริงๆ ไม่ใช่แค่กายหยาบรู้สึกดีเพราะกายพลังงานมีพลังสูงขึ้นจากการกำจัดสิ่งที่มาเกาะกายหยาบมีอะไรบ้างคะ วิธีการมีอย่างไรบ้าง รู้สึกว่าถ้าเราปกติที่ยังไม่ตื่นรู้นี่มีโอกาสโดนหลอกได้ง่ายจัง คือหลอกว่าเราก้าวหน้าและดีแล้ว หรือพัฒนาแล้ว
รบกวนคุณphudit999ช่วยแนะได้มั้ยคะ

 

อยู่ ๆ มีคนส่งภาพนี้มาให้...เปะเลย กับบทแปลนี้...

 

.
อ่านแล้ว ก่ งงงง เข้าใจไม่หมด จึงไม่ยอมเชื่อ

แต่คงไม่มีใครเคยรู้จักกายธรรมชาติล่ะมั้ง นะ
อีกหนึ่งปัจจัย ที่สร้างความแตกต่างได้อย่างคาดไม่ถึง
ในนิทานนั้นนะ เค้าเข้ามาตั้งกะแปดหมื่นปีที่แล้วโน่นแน่ะ

เค้าด้อมๆ มองๆ อยู่นะ ตอนที่บางอย่างกะลังรวมตัวกัน
แล้วก็ตัดสินใจกระโดดเข้ามารวมตัวอยู่ด้วยกัน ไม่รู้คิดอะไรกันน้า

นอกเหตุ นอกปัจจัยทั้งหมดทั้งสิ้น
เหนือความคาดคิด พ้นไปจากการคำนวณ
เป็นซุปเปอร์อจินไตย ไงล่ะจ๊ะ

ยังอยู่ในนิทานนะ ไม่ใช่เรื่องจริง ขอบอก

กายธรรมชาติ คาดไม่ถึงอ่ะดิ
.

 

รอคุณphudit999 มาแจกแจงเรื่องผู้ที่ไม่มีกายทิพย์ และเรื่องการปฏิบัติเพื่อตรวจสอบค่ะ

อยากสอบถามเพิ่มเติมจากคุณphudit999ค่ะว่า

เรื่องที่ว่าสรรพสิ่งกำเนิดจากความว่าวเปล่าที่เปี่ยมอัฉริยภาพและความตระหนักรู้ เพื่อที่จะได้มีประสบการณ์ถึงความอัฉริยภาพของตนเอง เพื่อให้ตนเองรู้จักความสามารถในการสร้างสรรค์ของตน อันนี้คุณphudit999คิดเห็นว่าไงคะ

คือจะนำมาสู่ความสงสัยต่อไปว่าถ้า 'เรา' กำเนิดจากความว่างเปล่าอันเปี่ยมด้วยการสร้างสรรค์ ดังนั้น 'เรา'ไม่ว่าเกิดโลกไหนก็มีอำนาจในการสร้างสรรค์ร่วมกับผู้สร้างหรือผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่ง..หรือเปล่าคะ หรือแต่ละดาวถือกำเนิดด้วยเหตุผลต่างๆกัน 'เรา' บางจำพวกไม่มีหน้าที่ในการสร้างสรรค์ร่วม แค่ดำรงอยู่ด้วยเหตุผลอื่นเท่านั้น

เรา...ในที่นี้หมายถึงผู้ที่มีจิตวิญญาณตระหนักรู้

ขอโทษและขอบคุณล่วงหน้านะคะ ที่ถามเยอะแยะหลายอย่าง เพราะรู้ว่าคุณphudit999 จะตอบ^_^

 

ทุกสิ่งกำหนดจากความว่างเปล่า

ตามความเข้าใจของมนุษย์

เพราะระดับความว่างเปล่า มนุษย์

เข้าใจว่า 'ว่าง' แต่จริงแล้วระดับของความว่าง

นั้นคือ ระดับของผู้ดูแลรักษา ระดับของผู้สร้าง

และเป็นระดับของผู้ให้กำเนิดทุกสิ่ง

เป็นมิติที่ละเอียด มีเพียงแต่ใจเท่านั้นที่

จะรับรู้ได้ ใจมาจากไหน ใจมาจากภายใน

ของกายทิพย์ เพราะธาตุต่างๆ มาจากผู้ให้กำเนิดเท่านั้น

มิติความว่าง มีผู้ดำรงอยู่ ......

ใครที่ปฏิบัติตนเองให้ว่าง โดยใจที่แท้

อย่างธรรมชาติ ไม่ใช่ว่างด้วยกำลังของพลัง

ไม่ใช่ว่างด้วยอำนาจของฌาน ใดๆ

จึงจะเป็นผู้ที่ได้รับการพัฒนาที่แท้

เหล่าไม่มีกายทิพย์ ไม่ต้องไปหวังว่าจะได้พัฒนา

หรือแม้แต่รูปกายภายในเป็นอมนุษย์ชั้นต่ำ ก่ ฝึกและพัฒนาไม่ได้


(เรื่องทดสอบมีกายทิพย์ หรือไม่มีกายทิพย์

หรือทดสอบตนเองมีรูปกายใด ได้จากธรรมชาติแล้ว

กำลังหาคนทดสอบอยู่ ว่าจริงหรือไม่ แล้วค่อยมา

แจ้ง ให้เล่นกัน)

 

ญาณ หรือความรู้ที่เกิดขึ้น ในระบบของความคิดมนุษย์

ทั้งหลาย ไม่ใช่เพราะว่าตัวตนรู้เอง

แต่เป็นเพราะมี ผู้ดูแลรักษา ในระดับของความว่าง

ที่สามารถเข้าถึงได้ เป็นผู้ที่ให้ความรู้มา

มนุษย์ หลงดีใจว่า ตนเองมีความรู้ ตนเองมีญาณ

หลงว่า ญาณนั้นเป็นของเรา หลงว่า ความรู้นั้นเกิดขึ้นจากเราเอง

และ ญาณ ก่ ไม่ใช่เหตุของการหลุดพ้น แต่อย่างใด

คนที่อหังการ จะเป็นคนที่ไม่มีทางที่จะพบกับความหลุดพ้น

เพราะเป็นคนที่คิดว่าตนเองแน่แล้ว ตนเองพบความรู้อันประเสริฐแล้ว

ตนเองพบความเป็นตัวตนที่พิเศษแล้วยอดเยี่ยมแล้ว

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ล้วน เหมาว่าเป็นของตนเอง

ทุกสิ่งที่เป็น ล้วน เหมาว่าทางที่ตนเองพบเองยอดเยี่ยมแล้ว

ความวิเศษที่เกิดขึ้น จากความอหังการ มันใช่แล้วหรือ ชยุต

บวชเรียน ก่มาก อ่านหนังสือ ก่ เยอะ แต่รู้มั๊ย ยิ่งรู้มากเท่าใด

ก่จะยิ่ง สร้างความอหังการแก่ตนเอง เพราะใครแนะนำไป ก่จะบอกว่า

กูรู้แล้ว .....

 

แม้ว่าตนเองจะสามารถแสวงหาความรู้มาได้ จริง

แต่ความรู้ที่มาจาก ผู้ให้ (หรือเรียกว่าญาณ)

จะจริงหรือไม่จริง อยู่ที่ กาย ของตนเองสะอาดหรือเปล่า

คำว่า สะอาด หมายถึง ไม่ได้ถูกคลื่นอันต่ำทรามรบกวนด้วย

ดังนั้นความรู้ที่เกิดขึ้น ในระบบความคิดของตนเอง จะถูกหรือไม่ถูก

ขึ้นกับปัจจัยเหล่านี้ด้วย เพราะคลื่นอันต่ำทรามจะรบกวน คลื่น

ของความรู้ กลายเป็นความรู้ที่ผิด บิดเบี้ยวได้ง่าย

อยากรู้ว่า ตนเองสะอาดหรือไม่ ก่ ดูที่ว่าตนเองฝันหรือเปล่า

นอนแล้วฝัน นั้นก่ หมายความว่า มีบางสิ่งมาเกาะเกี่ยว อยู่กับร่าง

มีบางสิ่งวนเวียนอยู่กับร่าง กายไม่สะอาด ก่ จะฝัน

ผู้ที่เกาะเกี่ยว ไม่ว่าจะอยู่ภูมิสูง หรือ ต่ำ ก่ มีอิทธิพลกับความรู้ที่ได้ด้วย

เช่นกัน ชยุตได้ความรู้มา เคยสังเกตว่าตนเองฝัน หรือเปล่า

หากตนเองยังฝันอยู่ ความรู้ที่ได้มา ก่ แปลกปลอม หรือแปลสาส์น

ผิด

 

หนังสือทีอ่านจากผู้ที่เขียน เคยรู้บ้างหรือเปล่าว่ามันฝัน อะไร บ้าง

หากตรวจสอบได้ว่า มันเขียนมาจากการสื่อ แล้วตนเองไม่ฝัน

ก่ มีความน่าเชื่อถือพอได้

ถามว่า คนเขียนคนสื่อความรู้มา มันฝันหรือเปล่า?

 

อืม...ต้องเก็บไว้อ่านอีกรอบ...

แต่คุณ phudit 999 ยังไม่ได้ตอบเลยว่าที่สื่อมานี่...รู้จากไหน
แหล่งที่มาน่ะ...จะได้ตัดสินใจได้ว่า
ควรอ่านให้เกิดการพิจารณาแบบไหนดี..
แล้วจะติดตามไปค้นหาที่ไหนต่อได้
เผื่อคุณเบื่อไม่เข้ามาตอบอีก
พาลอดรู้อะไรดีดี กัน....

จริง ๆ รู้มากขนาดนี้ ตั้งกระทู้ใหม่ก็ไม่เลวนะ...
คนอ่านจะได้มีไว้เปรียบเทียบระหว่างข้อความของคุณ
กับข้อความที่คุณชยุตไปแปลของเขามา
จะเกิดประโยชน์สูงสุดเลยนะ...จะบอกให้
ใจกล้า ๆ สู้ ๆหน่อย...จะเอาใจช่วย
(คนจะดัง ห้ามไม่อยู่นะจะบอกให้)
เท่ห์กว่ากันเยอะเลย...ระดับนี้แล้ว...
นี่ถ้าเราเข้าใจและรู้มากขนาดนี้
ป่านนี้เราคงดังระเบิดไปแล้ว

เชื่อเราเฮอะ...อย่าให้ชื่อชยุตมาถ่วงความรู้ของคุณเลย
เสียเวลาของคุณไปเปล่า ๆ...ประกาศตัวไปเลยดีกว่า
เวลามีไม่มาก (เราย้ำบ่อยไปหรือเปล่านี่
สงสัยสมองเราจะถูกย้อมไปด้วย"ความตาย"
เพราะต้องรับรายวันเกือบทุกวัน
ว่าที่ได้ไปเยี่ยมวันก่อนๆ...วันนี้ตายกี่คน...)

เช้านี้กับวันดีดี เห็นมีกระทู้ใหม่ขึ้นมาเพียบเลย
ต้อนรับวันพระจันทร์เต็มดวง...


ขอพระธรรมแห่งพระบิดาในพระพุทธศาสนา
ได้ส่องสว่างดั่งพระจันทร์วันเพ็ญในค่ำคืนนี้
เพื่อนำทางให้มนุษย์โลกหลุดพ้นจาก"ความกลัว"
และก้าวเดินตามเส้นทางแห่งธรรมที่ท่านได้เห็นแล้วด้วยเถอะนะ...