ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 30 มิถุนายน 2010.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ในข้อความจากต่างมิติบางข้อความ ได้บอกเราว่า
    มีชาวโลกหลายคน ที่ตอนนี้ระดับจิตสำนึกของพวกเขา
    เลื่อนไปอยู่ในมิติที่ 5 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    อันที่จริงผมก็ยังนึกไม่ออกหรอกนะครับว่ามันจะเป็นอย่างไร
    แต่พอดีมีผู้อ่านท่านหนึ่ง ส่ง PM มาถึงผม
    เล่าประสบการณ์ของเธอให้ผมฟัง ผมเลยคิดว่า
    นี่หรือเปล่า คือประสบการณ์แบบที่ว่านั้น

    และเพราะว่าผมเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์กับคนอื่นๆด้วย
    และเพราะว่าอาจจะมีอีกหลายท่านที่มีประสบการณ์คล้ายๆกันนี้
    แต่แค่ยังไม่ได้ออกมาพูดให้ใครฟังเท่านั้นเอง
    ผมเลยขออนุญาตเธอผู้นี้ นำประสบการณ์ของเธอ
    มาแบ่งปันไว้ในที่นี้หนะนะครับ

    โดยส่วนตัวของผมแล้ว ผมไม่คิดว่าเธอจะมีความผิดปกติทางสมอง
    หรือทางประสาทแต่อย่างใดเลย ดังนั้น คำว่าบ้าไปแล้ว หรือ
    สติเลอะเลือนไปแล้ว อะไรแบบนั้น จึงไม่มีอยู่ในความคิดของผมเลย
    เพราะว่าถ้าเธอคนนี้บ้า ผมก็คงจะด้วย เพราะว่าก็มีอาการแบบนี้เหมือนกัน
    เพียงแต่ว่ามีรายละเอียดคนละแบบกันเฉยๆเท่านั้นเอง ฮิฮิ..

    เราลองมาอ่านกันดูนะครับ..ผมจะเรียกเธอว่า "คุณ A" ก็แล้วกันนะครับ
    และถ้าใครมีประสบการณ์แบบนี้บ้าง ก็เอามาแชร์ให้ท่านอื่นๆรู้บ้างนะครับ

    ปล.บางคำที่เธอพิมพ์ผิดไป หรือตกไป
    ผมขออนุญาตแก้ไขและแต่งเติมให้เลยนะครับ

    ....................................................................

    สวัดดีค่ะ

    ติดตามคุณชยุตมานานแล้วค่ะชื่นชมมาโดยตลอด แต่ไม่กล้าขอร่วมงานด้วยสักที
    มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่คุณชยุตกำลังสื่ออยู่พอสมควร
    โดยผ่านทางประสบการณ์ของตัวเอง โดยไม่ได้ตั้งใจ
    คือไม่ว่าคุณชยุตกับทีมงานจะโพสอะไร ก็จะเกิดประสบการณ์นั้นกับตัวเอง
    แทบทุกอย่าง จนจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่กล้าเผยแพร่ แต่ก็อึดอัดมากเลยค่ะ
    ขอเรียกแทนตัวเองว่า A นะคะ

    เอาเป็นว่าเรื่องประสบการณ์แปลกๆผ่านมาเยอะพอสมควร
    แต่จะเล่าคร่าวๆเรื่องล่าสุดนี้นะคะ หลังจากไม่ได้ติดตามอ่านทุกอย่างของคุณชยุต
    มาราวๆห้าเดือน จนถึงตอนนี้ด้วย ล่าสุดเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
    เกิดสนใจในคำทำนายช่วงกลียุคของพระพุทธศาสนาขึ้นมาเฉยๆ
    กลั้นไม่ได้ จนต้องเอาคำทำนายทุกอย่างมาคำนวณออกมาเป็นตัวเลข
    ทำไปได้อย่างไรยังงงๆอยู่เลย จากตัวเลขนิดเดียว
    ก็กระจายออกมาเป็นเลขจำเพาะหลายจำนวน และกลายเป็นคำจำกัดความต่างๆ
    ทุกอย่างเขียนจดใส่กระดาษ A4 พอเขียนเสร็จ
    ได้ยินเสียงเหมือนหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดดังลั่น ดังมากๆ
    แต่กลับไม่มีใครได้ยินอะไรเลย

    แต่ที่น่าแปลกคือ แม่ของ A ที่อยู่สงขลาโทรมาบอกว่า
    เมื่อกี้มีเสียงคล้ายระเบิดดังลั่น พร้อมแสงสว่างจ้าสองครั้ง
    คนในบ้านมีหลายคน แต่ได้ยินเสียงเหมือนท้องฟ้าระเบิดนั้น
    แค่สองคน คือแม่กับป้าของ A มันมาตรงกับ A พอดีได้อย่างไรไม่ทราบค่ะ

    และหลังจากวันนั้นทั้งวัน สำหรับ A มันเปลี่ยนโลกไปเลย
    เดินออกจากห้องที่คอนโดแถวบางนา สภาพทุกอย่างรอบตัวมันเปลี่ยนไปหมด
    อากาศเย็น คนก็ไม่เพ่นพ่าน รถราน้อยสุดๆ ขับกันช้าเรียบร้อย
    แต่ตึกอาคารมันไม่น่าใช่ยุคนี้เลยค่ะ ดูทันสมัยกว่า ราวกับคนละมิติกับทุกๆวัน
    และทุกคนที่เคยเห็น หรือไม่เคยก็ตาม มีผิวพรรณผ่อง มีออร่าแบบไม่ธรรมดา
    จะว่าเหมือนคนละคนก็ไม่ใช่อีก คนเดิมนี่แหละ

    ทุกอย่างรอบตัว อยากให้ช้าหรือเร็ว แล้วแต่เราจะคิดนึกเอา
    ฟังเสียงนกก็เหมือนรู้ว่ามันคุยอะไรกัน ต้นไม้ยังสื่อสารออกมาได้
    เห็นเวลาหยุด ทุกคนหยุดนิ่ง โอ้จะว่าบ้าก็ได้นะคะ แต่ในส่วนน้อย ก็มีบางคน
    ที่เหมือนจะรู้ว่าเรากำลังเจอกับเรื่องอะไร พวกเค้าเหมือนคนธรรมดาแบบเราๆ
    แต่มีแววตาที่มองเราแล้วจะอมยิ้มนิดๆ หรือส่งซิกส์แปลกๆให้
    พอมองท้องฟ้าเห็นทุกอย่างอลังการไปหมด วันนั้นใครจะว่าบ้าก็ยอม

    A ทรุดลงนั่ง มองทุกอย่างแบบตะลึงอ้าปากหวอเลยค่ะ รายละเอียดมันถี่ยิบมาก
    จนช่วงเวลานั้นงง มันเหมือนเราหลุดไปมิติเวลาไหนก็ได้ ที่ต่างกันทุกย่างก้าว
    มันมีอะไรมากกว่านี้อีกค่ะ รายละเอียดมันเยอะเกินไป บอกใครคงไม่เชื่อ
    แต่ A ไปเห็นประวัติศาสตร์ สงคราม การเมือง ชื่อบุคคลสำคัญในโลก
    รู้ว่าเค้าเจ็บและตายยังไง ทั้งๆที่ไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย
    จนตอนนี้ เรื่องแปลกก็ยังตามติดประชิดตัวไม่หยุด
    จากที่กลัว ตอนนี้เริ่มรับมือสนุกไปกับมันแล้วค่ะ
    จริงๆอยากเล่ากว่านี้มากแต่ไม่สะดวกพิมพ์

    คุณชยุตไม่คิดว่า A มีอาการทางประสาทจะขอบพระคุณมาก :D

    ตอนนี้ถ้าใครบอก A ว่ากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้แล้ว
    A จะขำมากว่า "ที่ไหนล่ะโลกแห่งความเป็นจริงของคุณ"

    A ขอตามสติอยู่กับปัจจุบัน เห็นก็สักแต่ว่าเห็นนี่แหละ
    จากคนที่ไม่ค่อยชอบออกนอกบ้าน ตอนนี้ชอบมากกก
    ชวนคนอื่นออกเดินเล่นทุกวันเลยค่ะ โลกความสุขของคนบ้าเป็นอย่างนี้นี่เอง

    ขอบคุณนะคะที่ให้ระบายได้บ้าง ถ้าอยากให้ช่วยเรื่องใด ยินดีเสมอค่ะ สวัสดีค่ะ

    ....................................................................
    PM ที่ 2:

    ขอบคุณค่ะที่สละเวลาตอบกลับมา ช่วงแรกของการเปลี่ยนแปลง
    มันสับสน เป็นทุกข์ เพราะไม่มีใครเห็นเหมือนเรา แต่มีแม่ของ A ให้กำลังใจ
    เพราะรู้ว่าตั้งแต่ A เกิดมาก็เจอเรื่องแปลกๆมาโดยตลอด
    โดยเฉพาะการเห็นตัว A อีกคนนึง แบบแฝดคนละมิติ มาตลอด
    ทั้งเพื่อนๆที่สนิทและคนรู้จักบางคน ก็เคยเจอแฝด A แต่เป็นคนละแบบกัน
    ตรงที่เค้าไปโผล่ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ได้ พูดคุยแกล้งคนที่รู้จักกับ A ก็ได้
    แต่ก็ไม่ใช่ A คนนี้ งงหน่อยนะคะ

    แต่ความรู้สึกตอนนี้ เหมือนเราได้รวมกันกับเค้าเป็นคนคนเดียวกันแล้ว
    แตกต่างที่จิตสำนึกและระดับสติปัญญาเค้าค่อนข้างสูง
    วันไหนสมาธิดี อารมณ์ดี โลกภายนอกมันงดงามไปหมด
    แต่วันไหนจิตใจวุ่นวาย ติดกับโลกเดิมๆ ก็จะเจอกับสภาพเดิมๆ
    ของโลกที่วุ่นวายเป็นปกติ

    คุณชยุตเผยแพร่ได้ตามสะดวกเลยค่ะ ถ้าหากมันมีประโยชน์บ้าง A จะรู้สึกดีมาก
    เผื่อบางคนไม่กล้าออกมาพูด จะได้เริ่มกล้าเปิดเผยขึ้น
    หรือบางคนยังรอเจอแบบนี้ จะได้มีความหวังว่ามิติซ้อนมิติมันมีอยู่จริง

    หัดคิดพิจารณาเจริญสติอยู่กับปัจจุบัน จะเจอเร็วค่ะ
    และเลิกรับฟังข่าวสารในทางลบสักระยะ พยายามไม่ยึดติดกับพวกวัตถุแบรนด์ต่างๆ
    เข้าหาธรรมชาติ ฟังเพลงที่ชอบ สนใจกับสิ่งรอบตัวที่เป็นธรรมชาติ
    เจอต้นไม้ก็ให้คุยกับเค้า (ในใจนะคะ) สื่อถามทุกข์สุขถึงกัน
    ทุกสิ่งทุกอย่างในธรรมชาติ มีจิตวิญญาณ การรับรู้ เราสื่อสารตอบโต้ได้หมดจริงๆค่ะ
    แม้แต่ในสายลมแสงแดด (แสงแดดจากพระอาทิตย์มีจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่มาก
    สื่อสารถึงท่านบ่อยๆนะคะ บอกรักท่านด้วย ท่านทำงานหนักมาก
    สักวันเราจะรู้ความหมายด้วยตัวเองทุกคนค่ะ :D )

    มีอะไรให้ช่วยเพิ่มเติม ส่งข้อความมาบอกได้ตลอดนะคะ

    สวัสดีค่ะ

    ....................................................................


    พอได้อ่านข้อความของคุณ A ท่านนี้แล้ว
    ใครอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองบ้าง
    ก็เชิญเลยนะครับ และถ้าใครอยากจะถามอะไรเธอเพิ่มเติม
    ก็ลองถามมาดูนะครับ เธออาจจะฝากคำตอบผ่านมาทาง PM ถึงผม
    หรือเธออาจจะมาตอบเอง ก็แล้วแต่เธอหนะนะครับ

    ..................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2012
  2. Lastquarter

    Lastquarter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +272
    น่าประทับใจมากครับ
     
  3. salocha

    salocha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +275
    ขอแชร์ด้วยคนนะคะ… มีเรื่องที่กำลังปลื้มนิดหน่อยน่ะค่ะ
    คือตัวเองค้นพบว่ามีคำ ๆ หนึ่งที่เชื่อมโยงกัน
    คือคำว่า... การเลื่อนระดับ
    ความหมายเดียวกับในทางพุทธ
    ก็คือ... การที่มีบารมีเพิ่มขึ้น จนกระทั่งบารมีเต็ม

    ประเด็นของผู้เล่าเรียนทางจิตวิญญาณ ก็คือ สัจธรรม ใช่มั๊ยคะ
    สัจธรรมเป็นสิ่งสากล และ ก็คลาสสิค จริง ๆ ด้วยล่ะ

    แล้วแต่ละคน แต่ละรูป แต่ละนามก็จะมีวิธีศึกษาในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป

    ส่วนตัวเอง.... ที่รู้สึกได้ ก็คือ ความฝัน
    มักจะฝันว่าตัวเองได้เลื่อนขึ้นไปในที่สูงขึ้น
    เช่น ฝันว่า ขับรถขึ้นไปบนเนินที่สูงชัน ทางลำบากน่ะ แต่ก็สามารถขึ้นไปได้
    หรือว่า ได้ขึ้นลิฟท์ในตึกไปบนชั้นสูง ๆ
    หรือ ฝันว่า กำลังนั่งอยู่ แล้วก็เหาะได้
    อะไรแบบนี้น่ะค่ะ

    ฝันเหล่านี้ เหมือนรู้ทางของเราด้วย
    เหมือนรู้ว่า... สไตล์ของเรา จะต้องมีการเอารางวัลมาล่อเป็นการจูงใจ
    เพื่อที่ตัวเองจะได้ตัดสินใจทำสิ่งที่เป็นการพัฒนาการจิตวิญญาณต่อไป

    เวลาอ่านที่คุณ ๆ ฝันกัน ก็รู้สึกสนุกสนานตามไปด้วยนะ
    ส่วนตัวเองไม่มี...
    เพียงแต่รู้สึกว่า... ตัวเองมาเพื่อเป็นตัวเชื่อมโยง จูนคลื่น จูนสัญญาณ เพื่อให้จิตวิญญาณอื่น ๆ ที่ได้สัมผัสสัมพันธ์กันมา มีทางเลือกที่จะได้พบเจอกับพลังแห่งแสงสว่าง น่ะค่ะ
    ก็ไม่ได้กดดันอะไรนะคะ
    ก็เพียงแต่ทำหน้าที่ไปตามธรรมชาติหรือพรสวรรค์ของตัวเอง

     
  4. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    (ตอนต่อจากข้อความที่ 6561 หน้าที่ 329)

    MYTRE AND THE MOTHERSHIP PART XIII

    Mytre’s Experiences of Ascension 1

    By Suzanne Lie – DECEMBER 10, 2012
    Awakening with Suzanne Lie


    Accepting the Light

    When the Arcturian said, ”Follow me. There is something you need to see,” there was actually a felling of excitement and even wonder that radiated from it’s Being. Was there anything that was a novel experience for an Arcturian?


    เมื่อชาวอาร์คทูเรี่ยนพูดว่า, “ตามผมมา. มีบางอย่างที่คุณต้องดู”, เป็นความรู้สึกของความตื่นเต้นอย่างแท้จริงและแม้แต่ความประหลาดใจที่แผ่ออกมาจากเขา. มีอะไรที่เป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับชาวอาร์คทูเรี่ยนหรือ?

    “This is!” the Arcturian responded to my unasked question.

    “สิ่งนี้!” ชาวอาร์คทูเรี่ยนตอบคำถามที่ไม่ได้ถามของผม.

    When we walked through the corridor, which was unusual as normally we beamed to our location, I saw that the entire Ship was filled with excited crewmembers. Those who could leave their Posts were rushing to the Main Viewing Room. In fact, those who had clearance were even going to the View Screen on the Bridge.

    เมื่อพวกเราเดินผ่านอุโมงค์, ซึ่งผิตปกติกว่าที่เคย พวกเราหายตัวไปที่เป้าหมายของพวกเรา, ผมเห็นว่ายานทั้งลำเต็มไปด้วยสมาชิกที่มีความตื่นเต้น. เหล่าผู้ที่สามารถวางมือจากงานได้ต่างก็เร่งรีบไปที่ห้องวิสัยทัศน์หลัก. อันที่จริง, เหล่าผู้ที่ผู้ที่ได้รับอนุญาตก็ยังไปที่หน้าจอวิสัยทัศน์บนสะพาน.

    To my great surprise, the Arcturian guided me to the Bridge. What had I done to deserve such an honor?

    ยังความประหลาดใจให้กับผมเป็นอันมาก, ชาวอาร์คทูเรี่ยนนำผมไปที่สะพาน. ผมไปทำอะไรมาหรือถึงได้รับเกียรติขนาดนี้?

    “You have done more than you can imagine. You have honestly shared your story with many, your example encourages them to continue their journey,” the Arcturian responded to my thoughts.

    “คุณได้ทำในสิ่งที่เกินกว่าที่คุณจะจินตนาการได้. คุณได้แบ่งปันเรื่องราวของคุณด้วยความซื่อตรงต่อรูปธรรมมากมาย, ตัวอย่างของคุณเป็นกำลังใจให้พวกเขาอยู่ในการเดินทางของพวกเขาต่อไป”, ชาวอาร์คทูเรี่ยนตอบความคิดของผม.

    I was not sure what he was talking about. I had just started talking with the 4D Visitors, and Kepier was always there with me. However, I was not going to question this privilege. With that statement I could feel the release of my old habit of self-doubt. What a blessing to release that old adversary.

    ผมไม่แน่ใจว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร. ผมเพียงแค่เริ่มพูดคุยกับผู้มาเยือนมิติที่สี่เท่านั้น, และ Kepier ก็อยู่กับผมอยู่เสมอ. อย่างไรก็ตาม, ผมไม่ได้มีปัญหากับสิทธิพิเศษนี้. ด้วยคำพูดนั้น ผมสามารถปลดปล่อยนิสัยเก่าๆของความสงสัยตัวเอง. พรอะไรนะที่ปลดปล่อยคู่อริเก่านั้นได้.

    With the release of my doubt, the feeling of excitement and joy increased exponentially. I wondered how many fantastic experiences were muted by that doubt. However, I released that regret along with the doubt and sent them off into a cloud of unconditional love. The cloud seemed to rise up through the ceiling of the Corridor. Perhaps, the love was taking them to the higher frequencies of the Ship to be transmuted.

    ด้วยการปลดปล่อยความสงสัยของผม, ความรู้สึกของความตื่นเต้นและความสุขก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด. ผมสงสัยว่ามีประสบการณ์ที่น่าอัศจรรย์จำนวนเท่าไหร่ที่ถูกกลบด้วยความสงสัยนั้น. อย่างไรก็ตาม, ผมปลดปล่อยความเสียใจนั้นพร้อมกับความสงสัย แล้วก็ส่งมันออกไปสู่เมฆของความรักที่ไม่มีเงื่อนไข. เมฆนั้นดูเหมือนยกระดับขึ้นจนถึงเพดานอุโมงค์. บางที, ความรักอาจจะพาพวกมันไปสู่ความถี่ระดับสูงของยานเพื่อทำการเปลี่ยนแปลง.

    However, before I could continue that line of thought, the Arcturian actually pulled me along more quickly with the force of its intention. What a joy to feel movement in the same manner as the Arcturian. There was no resistance of foot against ground. In fact, there was no movement. There was a sense of continual BEING where we were NOW. I was pondering this sense of moving without movement, when I bumped into the Arcturian.

    อย่างไรก็ตาม, ก่อนที่ผมจะคิดเรื่องนั้นต่อไป, ชาวอาร์คทูเรี่ยนก็ดึงผมไปกับเขาอย่างรวดเร็วด้วยพลังของความตั้งใจ. มันมีความสุขอะไรอย่างนี้ที่ได้เคลื่อนที่ในแบบของชาวอาร์คทูเรี่ยน. มันไม่มีแรงต้านทานระหว่างเท้าที่มีต่อพื้นดิน. อันที่จริง, มันไม่มีการเคลื่อนที่. มันเป็นความรู้สึกการอยู่อย่างต่อเนื่องในขณะนี้. ผมกำลังครุ่นคิดถึงการเคลื่อนที่โดยปราศจากการเคลื่อนที่, เมื่อผมกระแทกเข้าไปในชาวอาร์คทูเรี่ยน.

    “Stop thinking!” It said in a firm, yet loving manner.

    “หยุดคิด!” เขาพูดอย่างหนักแน่น, ในหนทางแห่งความรัก.

    I struggled a while with the concept of NO thought until I remembered that fifth dimensional interaction with reality is to totally surrender to every situation. Instantly, everything was calmer, clearer and deeply experiential. I felt the emotions of every person within the deepest Unity Consciousness I had ever known. The Unity was so complete that I stopped thinking in terms of me and began to think in terms of we, just like the Arcturian thinks.

    ผมพยายามชั่วขณะกับหลักการของการไม่มีความคิดจนกระทั่งผมจำได้ว่า มิติที่ห้ามีปฏิสัมพันธ์กับความเป็นจริงก็คือการยอมให้กับทุกๆสถานการณ์. ทันใดนั้น, ทุกๆอย่างก็สงบลง, ชัดเจนขึ้นและมีประสบการณ์ที่ลึกซึ้งขึ้น. ผมรู้สึกถึงอารมณ์ของทุกๆคนภายในส่วนลึกที่สุดของความตระหนักรู้ของความเป็นหนึ่งเดียวกันที่ผมเคยรู้มา. ความเป็นหนึ่งเดียวค่อนข้างสมบูรณ์เมื่อผมหยุดคิดในแบบของผมและเริ่มคิดในแบบของพวกเรา, เหมือนกับที่ชาวอาร์คทูเรี่ยนคิด.

    (I will continue my story in this manner of Oneness with ALL.) We were calmly excited and proudly joyous. Something very special had happened within our family of ONE, and we wanted to contribute our consciousness to this event. Quickly, yet reverently, those of us who had clearance entered the Bridge. The Mothership had expanded Her Bridge to accommodate all of us, so there was plenty of room.

    (ผมจะดำเนินเรื่องนี้ในหนทางของความเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง.) พวกเราตื่นเต้นอย่างสงบและมีความสุขอย่างภาคภูมิใจ. บางสิ่งที่พิเศษมากได้เกิดขึ้นกับครอบครัวของความเป็นหนึ่งเดียว, และพวกเราต้องการให้ความตระหนักรู้ของพวกเรามีส่วนร่วมกับเหตุการณ์นี้. อย่างรวดเร็ว, ด้วยความเคารพ, เหล่าพวกเราผู้ที่ได้รับอนุญาตเข้าสู่สะพาน. ยานแม่ได้ขยายสะพานของเธอเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพวกเราทุกคน, ดังนั้นจึงมีที่ว่างมากมาย.

    Those who were taller moved to the back of the Bridge to create an easy view of the Ship’s Screen for those who were shorter. As ONE Being we looked at the Solar System of Sol. The Sun was glowing so brightly that we could only see it by raising our consciousness into the sixth dimension.

    ผู้ที่ตัวสูงกว่าเคลื่อนที่ไปอยู่ข้างหลังเพื่อไม่บดบังหน้าจอของยานต่อผู้ที่ต่ำกว่า. ในฐานะของรูปธรรมความเป็นหนึ่งเดียวกันพวกเรามองไปที่ระบบสุริยะจักรวาลของ Sol. ดวงอาทิตย์ส่องสว่างมากขึ้นซึ่งพวกเราสามารถมองมันได้ด้วยการยกระดับความตระหนักรู้ของพวกเราสู่มิติที่หกเท่านั้น. (เพิ่งรู้ว่าดวงอาทิตย์ของเรามีชื่อว่า Sol)

    Since we were so united, we all instantly resonated to our sixth dimensional expression. Within this frequency of perception, we could see every detail of the Sun’s escalating CMEs. We saw how those Ejections seemed to be focusing on the third planet of Earth. Hence, we all directed our attention to that planet.

    เนื่องจากพวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน, พวกเราทั้งหมดสะท้อนในทันทีทันใดต่อการแสดงออกในมิติที่หกของพวกเรา. ภายในความถี่นี้ของการรับรู้,พวกเราสามารถเห็นทุกรายละเอียดของดวงอาทิตย์ที่กำลังปลดปล่อยก้อนมวลออกจากชั้นโคโรน่า(CME- Corona Mass Ejection). พวกเราเห็นวิธีการที่การปลดปล่อยดูเหมือนจะเพ่งความสนใจไปที่ดาวเคราะห์ดวงที่สาม - โลก. ดังนั้น, พวกเราทั้งหมดมุ่งความสนใจไปที่ดาวดวงนั้น.

    In fact, within our state of Unity Consciousness, we all focused on the third dimensional expression of our SELF who currently inhabited that small world. In other words, each expression of our United SELF that was still wearing an individual earth vessel received the sixth dimensional energy field of our collective Unity Consciousness.

    อันที่จริง, ภายในสถานะของความตระหนักรู้ของความเป็นหนึ่งเดียวกันของพวกเรา, พวกเราทั้งหมดเพ่งความสนใจไปที่ตัวตนมิติที่สามของพวกเรา ผู้ซึ่งขณะนี้อาศัยอยู่ในโลกเล็กๆใบนั้น. พูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่า, ตัวตนหนึ่งเดียวของพวกเราแต่ละคนที่ยังคงสวมใส่ร่างกายมนุษย์แต่ละคน ได้รับสนามพลังมิติที่หกของความตระหนักรู้ของความเป็นหนึ่งเดียวกันมวลรวมของพวกเรา.

    With great joy we watched as individual after individual joined our Unity. From our perspective, we could see how the earth vessel of each ascending one remained merged with the planetary body of Gaia, while their consciousness expanded to accept and embrace our gift of sixth-dimensional Unity Consciousness.

    ด้วยความสุขอย่างมาก พวกเราเฝ้ามองมนุษย์คนแล้วคนเล่าเข้าร่วมกับความเป็นหนึ่งเดียวกันของพวกเรา. จากมุมมองของพวกเรา, พวกเราสามารถเห็นวิธีที่มนุษย์แต่ละคนที่กำลังยกระดับยังคงรวมกันเข้ากับร่างกายดาวเคราะห์ไกอา, ขณะที่ความตระหนักรู้ของพวกเขาขยายออกเพื่อยอมรับและโอบกอดของขวัญของพวกเรา ความตระหนักรู้ของความเป็นหนึ่งเดียวกันมิติที่หก.

    As each connection was made, the body of Gaia glowed brighter and brighter, and the Unity Consciousness of our Ship expanded deeper and deeper into the form of planet Earth. We felt the reunion of our grounded expressions as they returned to the knowingness of their true SELF. We also felt the great love and compassion of the beautiful Being Gaia and Her planetary form of Earth.

    แต่ละการเชื่อมโยงที่สร้างขึ้น, ร่างกายของไกอาก็สว่างขึ้นและสว่างขึ้น, และความตระหนักรู้ของความเป็นหนึ่งเดียวกันของยานของพวกเราก็ขยายลึกลงลึกลงเข้าสู่รูปของดาวเคราะห์โลก. พวกเรารู้สึกถึงการกลับมารวมกันอีกครั้งของมนุษย์โลกของพวกเรา ซึ่งพวกเขากลับคืนสู่ความรู้เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา. เช่นกันพวกเรารู้สึกถึงความรักอย่างมากและความเห็นอกเห็นใจของรูปธรรมที่งดงาม ไกอา และรูปดาวเคราะห์โลกของเธอ.

    We could clearly see that there were areas of Gaia’s body that needed special attention, as well as earth vessels that were still trapped in ignorance and fear. Hence, we took a moment to focus our unconditional love into these areas and persons. Conversely, other areas and people hungrily soaked up our Love and Light, sharing it with all that would accept it.

    พวกเราสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่ายังมีบางพื้นที่ของร่างกายไกอาที่ต้องการการเอาใจใส่เป็นพิเศษ, เช่นเดียวกับมนุษย์โลกที่ยังคงติดกับอยู่ในความเพิกเฉยหรือความกลัว. ดังนั้น, พวกเราใช้เวลาชั่วครู่เพื่อที่จะเพ่งความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของพวกเราเข้าสู่พื้นที่และบุคคลเหล่านั้น. ในทางกลับกัน, พื้นที่อื่นและบุคคลที่โหยหา ได้อาบเอิบความรักและแสงสว่างของพวกเรา, กำลังแบ่งปันมันกับทุกคนที่ยอมรับมัน.

    And then, as quickly as the experience began, it ceased. We all knew that Gaia and her peoples would need to deeply integrate the higher frequency that was our privilege to share. Without a word, we maintained our sixth dimensional resonance, as we beamed off the Bridge. Since I was still in Unity with the Arcturian, I was not surprised to find myself in the Mothership’s Oversoul, standing in front of the Holoprojector.

    หลังจากนั้น, รวดเร็วพอๆกับตอนเริ่ม, มันยุติลง. พวกเราทั้งหมดรู้ว่าไกอาและมนุษย์โลกของเธอมีความต้องการที่จะรวมอย่างลึกซึ้งกับความถี่ระดับสูง ซึ่งมันเป็นสิทธิพิเศษของพวกเราที่จะแบ่งปัน. ในทางคำพูด, พวกเรารักษาการสะท้อนมิติที่หกของพวกเรา, เมื่อพวกเราหายตัวออกจากสะพาน. เนื่องจากผมยังคงเป็นหนึ่งเดียวกับชาวอาร์คทูเรี่ยน, ผมไม่แปลกใจที่พบว่าตนเองอยู่ในวิญญาณระดับสูงของยานแม่, กำลังยืนอยู่หน้าเครื่องฉายสามมิติ.

    “Now you will continue with the story of our Arcturian Ascension,” spoke the Arcturian as it beamed away. I instructed the program to continue, and found my self within the program itself.

    “ขณะนี้คุณจะได้ต่อเรื่องราวของการยกระดับของชาวอาร์คทูเรี่ยนของพวกเรา”, ชาวอาร์คทูเรี่ยนพูดแล้วก็หายตัวไป. ผมสั่งให้โปรแกรมทำงานต่อ, และพบว่าตัวผมเองอยู่ภายในโปรแกรมด้วยตัวมันเอง.

    The ASCENSION OF ARCTURUS Part 4

    Being the Dark

    The Ascension of Arcturus Part 1 10-23-12


    WHERE WE LEFT OFF: (ข้อความที่ 6396 หน้าที่ 320)

    Unfortunately for the Lost Ones, the Arcturians who were the holders of planetary form were happy to join the Portal Openers and the Formless Ones in the Corridor. Hence, portions of the matrix of the planet were disappearing from the perception of the Lost Ones.


    โชคไม่ดีสำหรับผู้ที่หลงทาง, ชาวอาร์คทูเรี่ยนผู้สวมใส่รูปของดาวเคราะห์กำลังมีความสุขที่ได้ร่วมกับผู้เปิดประตูและพวกที่ไร้รูปในอุโมงค์. ดังนั้น, ส่วนประกอบต่างๆของเมตริกซ์ของดาวเคราะห์กำลังหายไปจากการรับรู้ของผู้หลงทาง.

    Those who had believed in a disastrous ending were playing out that storyline, while others continued with their selfish or weak behaviors. On the other hand, some of the Lost Ones where finding great courage and assisting others as they sought a safe place. How surprised they were when they discovered that that “safe place” was actually within the Corridor.

    เหล่าผู้ที่เชื่อในการจบสิ้นด้วยความหายนะกำลังแสดงออกตามโครงเรื่องนั้น, ขณะที่คนอื่นยังคงเห็นแก่ตัวหรือมีพฤติกรรมที่อ่อนแอต่อไป. ในอีกด้านหนึ่ง ผู้หลงทางบางคนกำลังหาความกล้าหาญและให้ความช่วยเหลือผู้อื่นเช่นเดียวกับที่พวกเขาแสวงหาที่ปลอดภัย. น่าประหลาดใจอะไรอย่างนั้นเมื่อพวกเขาค้นพบว่าสถานที่ที่ปลอดภัยจริงๆแล้วอยู่ภายในอุโมงค์.

    Unfortunately, other Lost Ones where holding on to their power-over others and/or their self-pity and lack of control of their own lives. Because they could not find their own Arcturian Core, these Lost Ones raged or desperately called their separate God. It was at this picture where the holographic story had begun and left off.

    โชคไม่ดีที่, ผู้หลงทางคนอื่นๆยังคงยึดมั่นอยู่กับการมีอำนาจเหนือผู้อื่น และการสมเพชตนเอง และขาดการควบคุมชีวิตตนเอง. คนเหล่านั้นพยายามดิ้นรนและเรียกร้องอย่างมากต่อพระเจ้าที่แบ่งแยกของพวกเขา, เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถค้นพบแก่นอาร์คทูเรี่ยนของพวกเขาเอง. มันเป็น ณ ที่ภาพนี้ที่เรื่องราวในโฮโลแกรมเริ่มต้น.

    I stood inside the first and the last scene I had viewed about the Arcturian Ascension that occurs long before the concept of time was invented. In fact, my own concept of time had been greatly altered. I had experienced bi-locating into my past, while also experiencing my present. And, now I was experiencing the ending of a planet, which I knew was a component of my Being.

    ผมยืนอยู่ในฉากแรกและฉากสุดท้าย ผมได้เห็นเกี่ยวกับการยกระดับของชาวอาร์คทูเรี่ยน ซึ่งเกิดขึ้นนานมาแล้วก่อนที่หลักการของเวลาจะถูกคิดค้นขึ้นมา. อันที่จริง, ความเข้าใจในหลักการของเวลาของผมเองก็ได้เปลี่ยนไปมากแล้วเช่นกัน. ผมได้มีประสบการณ์การอยู่ในสองสถานที่ในอดีต, ในขณะที่กำลังมีประสบการณ์กับปัจจุบันของผม. และขณะนี้ผมกำลังมีประสบการณ์ของการจบของดาวเคราะห์, ซึ่งผมรู้ว่าเป็นองค์ประกอบหนึ่งของชีวิตของผม.

    Why had the Arcturian brought me here to see the completion of the Arcturian ascension story? Was this really the story of the Arcturian’s ascension or was it a metaphor? Also, since all reality is a metaphor, does it make a difference?

    ทำไมชาวอาร์คทูเรี่ยนจึงได้นำผมมาที่นี่เพื่อให้ได้เห็นตอนจบของเรื่องการยกระดับของชาวอาร์คทูเรี่ยน? มันเป็นเรื่องราวของการยกระดับของชาวอาร์คทูเรี่ยนจริงๆหรือว่ามันเป็นการเปรียบเทียบกันแน่? เช่นกัน, ถ้าหากว่าความเป็นจริงทั้งหมดเป็นการเปรียบเทียบ, แล้วมันสร้างความแตกต่างหรือเปล่า?

    Then, I was suddenly pulled into the mind of a Lost One, and all my questions stopped. This was not a pleasant place to be. I could feel myself filled with fear for survival and a rage to succeed. However, I was not clear what I wanted to succeed in. I wanted, I needed, I had to have it.

    ทันใดนั้น ผมก็ถูกดึงเข้าไปในจิตใจของผู้หลงทาง, และคำถามต่างๆของผมก็หยุดลง. นี่ไม่ใช่สถานที่ที่น่ายินดีซักเท่าไหร่. ผมสามารถรู้สึกถึงตัวผมเองเต็มไปด้วยความกลัวเพื่อให้อยู่รอด และบ้าคลั่งเพื่อความสำเร็จ. อย่างไรก็ตาม, ผมไม่มีความชัดเจนในสิ่งที่ผมต้องการเพื่อประสบความสำเร็จ. ผมต้องการ, ผมมีความจำเป็น, ผมต้องมีมัน.

    However, I did not know what “it” was that I must have. I was confused and felt like a hungry animal that would devour whatever I could capture. Rather than give up my search for MORE, I allowed my desperation to consume my entire being.

    อย่างไรก็ตาม, ผมไม่รู้ว่าอะไรคือ “มัน” ที่ผมจำเป็นต้องมี. ผมรู้สึกสับสนและรู้สึกคล้ายกับสัตว์ที่หิวโหยที่สามารถกลืนกินอะไรก็ตามที่ผมสามารถจับได้. มากกว่าที่จะยอมยกเลิกการแสวงหาให้มากขึ้นไปอีก, ผมอนุญาตให้ความสิ้นหวังของผมกลืนกินชีวิตของผมทั้งหมด.

    In stark contrast to the beautiful experience of sixth dimensional Unity Consciousness I had just shared, I was now totally alone. I saw everything and everyone as a potential enemy. My body and mind raced out of my control, and the only emotion I felt was fear and anger. Any other emotions were a sign of my weakness and would make me the prey rather than the predator.

    ในทางตรงกันข้ามกับประสบการณ์ที่สวยงามของมิติที่หก ความตระหนักรู้ของความเป็นหนึ่งเดียวกันที่ผมเพิ่งได้แบ่งปัน, ขณะนี้ผมอยู่คนเดียวอย่างเต็มที่. ผมเห็นทุกๆสิ่งและทุกๆคนในฐานะของศัตรูที่มีศักยภาพ. ร่างกายของผมและจิตใจของผมเตลิดออกจากการควบคุมของผม, และมีเพียงอารมณ์กลัวและโกรธเท่านั้นที่ผมรู้สึก. อารมณ์อื่นๆเป็นสัญญาณของความอ่อนแอของผม และอาจทำให้ผมเป็นเยื่อมากกว่านักล่า.

    I had learned this defense mechanism, or maybe it was taught to me. Either way, this thinking was all I could remember. And now, my world was changing. I imagined that it was the prophesied “end of the world.” But, I was not ready for the world to end. I would take control of those who quivered in fear, and we would not allow our world to end.

    ผมได้เรียนรู้กลไกการป้องกันตัวชนิดนี้, หรืออาจเป็นมันที่สอนผม. ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง, ความคิดนี้เป็นทั้งหมดที่ผมสามารถจำได้. และขณะนี้, โลกของผมได้เปลี่ยนไป. ผมจินตนาการว่ามันเป็นคำทำนายของ ”การสิ้นโลก”. แต่, ผมไม่มีความพร้อมให้โลกถึงจุดจบ. ผมจะควบคุมผู้ที่ตัวสั่นด้วยความกลัว, และพวกเราจะไม่อนุญาตให้โลกของพวกเราจบสิ้น.

    Simultaneously with the thoughts of anger and desperation, I felt my Mytre fifth- dimensional SELF as well as the sixth-dimensional SELF I still held inside of Mytre. Who was this person, and why was I put inside of this being? No, I will not ask more questions. I did not have time to ponder this. I had to communicate with this body that appeared to contain me. He appeared to be a leader. Perhaps, I could assist him to take in the glowing light that I could see all around us.

    พร้อมๆกับความคิดของความโกรธและความสิ้นหวัง, ผมรู้สึกว่า Mytre ตัวตนมิติที่ห้า เช่นเดียวกับตัวตนมิติที่หก ที่ผมยังคงยึดถืออยู่ภายใน Mytre. ผู้เป็นบุคคลนี้, และทำไมผมจึงถูกนำไปไว้ในบุคคลนี้? ไม่, ผมจะไม่ถามคำถามมากไปกว่านี้. ผมไม่มีเวลาที่จะครุ่นคิดสิ่งนี้. ผมจำเป็นต้องติดต่อกับร่างกายนี้ที่ดูเหมือนบรรจุผมอยู่. เขาดูเหมือนเป็นผู้นำ. บางที, ผมสามารถช่วยเหลือเขา พาเขาเข้าสู่แสงสว่างที่ผมสามารถเห็นได้ทั้งหมดรอบๆตัวของพวกเรา.

    Then, the Lost One growled like a wild animal. “I will not have such weak thoughts of giving in. I am a Leader of my people, and we need to fight for our right to live on this world.”

    จากนั้น, ผู้หลงทางก็คำรามเหมือนสัตว์ป่า. “ผมจะไม่ให้ความคิดที่อ่อนแออย่างนี้เข้ามา. ผมเป็นผู้นำของประชาชนของผม, และพวกเราจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อสิทธิ์ของพวกเราในการมีชีวิตบนโลกนี้”.

    “Has your fight worked for you so far?” I replied, much as the Arcturian would.

    การต่อสู้ของคุณทำงานให้คุณจนถึงบัดนี้หรือ? ผมตอบ, แบบเดียวกับที่ชาวอาร์คทูเรี่ยนทำ.

    “What are these phantom thoughts?” ragged the Lost One. “I will not surrender. I will fight to the end.”

    “ช่างเป็นความคิดที่หลอกหลอนอะไรอย่างนี้?” ผู้หลงทางรู้สึกยุ่งเหยิง. “ผมจะไม่ยอมแพ้. ผมจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด”.

    “What are you fighting for?” I calmly asked.

    “คุณสู้ไปเพื่ออะไรหรือ?” ผมถามด้วยความสงบ.

    “I will not have doubt. What is this voice that appears to come from within me? I will not listen to such weakness. I must fight!”

    “ผมไม่มีความสงสัย. ว่าเสียงนี้ที่ดูเหมือนมาจากภายในตัวผม? ผมจะไม่ฟังเสียงที่อ่อนแออย่างนี้. ผมต้องต่อสู้!”

    “Why?” I asked.

    “ทำไม?” ผมถาม.


    ด้วยรักที่ไม่มีเงื่อนไข ขอบคุณครับ
    (ตอนต่อไปข้อความที่ 6590 หน้าที่ 330)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2012
  5. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    อย่าให้ตัวตนในอดีต มาเป็นใหญ่ในร่างปัจจุบัน

    มีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ยังคงฝึกฝนตนเอง

    โดยพยายามที่จะดึงพลังที่เรียกกันว่า

    พลังจากจิตใต้สำนึก...บางก่อ้างเป็นพลัง

    ที่แท้ของมนุษย์

    เราจะมาบอกว่า พลังจิตใต้สำนึก คือ

    พลังของตัวตนของเรา แต่เป็นพลังจาก

    อดีต ที่ได้มาหาเรา ที่ได้อยู่กับเรา

    ที่ได้เชื่อมโยงสัมพันธ์อยู่กับเรา

    กลุ่มคนเหล่านั้น ฝึกพลังโดยให้ใช้จิต

    ใต้สำนึกเป็นแสงนำทาง ชีวิต

    กลุ่มคนเหล่านั้นไม่ใด้ใช้ และ พัฒนา

    กายทิพย์ปัจจุบัน มิได้ทำการสร้างกายทิพย์

    ปัจจุบันให้เกิดพลัง เพราะกายทิพย์ปัจจุบัน

    เมื่อมีการพัฒนาตัวตนที่ดีงาม ที่ถูกต้องแล้ว

    กายทิพย์ปัจจุบัน ก่ จะสามารถปรับปรุงแก้ไข

    สิ่งที่ตัวตนในอดีต บ่อพร่อง เอาไว้

    ............................................

    การฝึกเพื่อปลดปล่อยพลังจิตใต้สำนึก มาทำงาน

    คือ การใช้พลังงานเก่าของตัวตนในอดีต

    --------------------------------
    ใครที่รู้จัก..... ใครที่สัมผัส.... ว่ามีตัวเองมีหลายตัวตน

    นั่นคือ ตัวตนในอดีต ....แต่คนที่ฝึกให้ตัวตน

    ในอดีตมาทำงาน คือ การฝึกปล่อยให้จิตใต้สำนึก

    มามีบทบาทสำคัญ ต่อร่างกายหยาบ แทนกายทิพย์ปัจจุบัน

    จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ

    ทำไมไม่ควรทำ

    เพราะตนเองแท้ๆ จะไม่ได้รับการพัฒนา

    เพราะ ธรรมชาติกำหนดให้มีกายทิพย์ใหม่

    กายทิพย์ปัจจุบัน ก่ ควรใช้ ควรสร้าง

    กายทิพย์ปัจจุบันทำงาน

    ไม่ควรใช้ตัวตนในอดีตทำงาน.....

    ท่านชยุต ต้องขอยืม อีกแล้ว .....

    เพราะผมเห็นว่ามี ในนี้(ไม่ใช่กลุ่มของท่านชยุต เด้อ)

    บางกลุ่ม และ กำลังชักนำ อีกหลายคน เดินทาง

    ธรรมที่ไม่เหมาะ และผิดเส้นทางที่ควรจะเป็น

    จึงมาบอก

    พลังจิตใต้สำนึก คือ พลังจากตัวตนในอดีต

    ละเลยการสร้างพลังปัจจุบัน ไม่เหมาะครับ

    ใครที่คิดจะทำ หรือ ทำแล้ว

    ให้ยึดเอากายทิพย์ปัจจุบัน ดีกว่าครับ

    เพราะ การจะพัฒนาตนเองและ ตัวตนในอดีตได้

    ต้องอาศัย กายทิพย์ ปัจจุบันเท่านั้น

    เรายังปรารถนาดี ต่อกลุ่มของท่านและตัวท่านอยู่
    (กลุ่มที่ฝึกปลดปล่อยให้ตัวตนในอดีต มาใช้ร่างทำงาน)
     
  6. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    เราไม่ได้เกลียดท่าน หรือ กลุ่มของท่าน

    เรารู้และเห็นอะไรมี มากกว่าท่านและกลุ่ม

    ของท่านแน่นอน

    และรู้ด้วยว่าผลของกรรมที่ชักนำให้ผู้อื่น

    หลงทางธรรม ทำให้ผู้อื่นเสียเวลาในทางธรรม

    จะมีผลกรรมอะไร....

    อยู่กับปัจจุบัน คือการให้กายทิพย์ปัจจุบัน

    ได้รับการพัฒนาไปตามธรรมชาติ

    หยุดการฝึกเพื่อดึงพลังจากอดีตมา

    เป็นใหญ่ต่อร่าง และกายทิพย์ปัจจุบัน

    เรื่องผลของกรรม ในการชักนำผู้คนเดิน

    ผิดเส้นทางธรรมเราก่ เขียนไว้ให้แล้ว ... ก่ ไปอ่านดู
     
  7. light worker

    light worker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +446
    ปล่อยเค้าไปเถอะครับ เค้าไม่ฟังสิ่งที่เราพูดหรอก ส่วนคนที่ปฏิบัติตามเขา ก็ปล่อยให้เขาได้เลือก โลกนี้มีกฏแห่งการดึงดูด หากใครทำอะไรที่ไม่ดีและส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมาก เขาก็จะได้รับในสิ่งๆนั้น พวกเขาไม่เคยเข้าใจเรื่องของจิตวิญญาณเลย ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เขาก็คู่ควรสำหรับความรัก-ความเมตตาจากเราเสมอ พวกเขามีจิตใจที่ดีงาม เราเชื่อว่าสักวันหนึ่ง เขาจะเข้าถึงธรรมะที่แท้จริง แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาของเขา..

    ปล.หากเราเรียนรู้ด้านสว่างแล้ว เราก็ควรเรียนรู้ด้านมืดด้วยเช่นกันนะครับ :)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2012
  8. light worker

    light worker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +446
    สมดุล...เพื่อการวิวัฒนาการ ;)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • images.jpg
      images.jpg
      ขนาดไฟล์:
      4.5 KB
      เปิดดู:
      84
  9. light worker

    light worker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +446
    ทำมาให้ครับ..จะได้เข้าใจมากขึ้น catt24
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.9 KB
      เปิดดู:
      51
  10. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ทุกภาคส่วนล้วนต้องเกื้อกูลต่อกัน

    ก่ ต้องอาศัยทุกคนช่วยกัน

    เตือนชี้แนวทาง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2012
  11. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากท่านซาลูซ่า แห่ง The Galactic Federation

    ผู้รับสาส์น : Mike Quinsey
    ที่มา : Galactic Channelings - English


    SaLuSa, December 17, 2012


    You are getting used to the idea that duality such as you experienced it, is now consigned to the past. So you can now get on with the task of cleansing out all old personal energies, that you know will have no place in the higher dimension. You should find it easier now that you have been lifted into the higher frequency, as you will instinctively know what requires your attention. The turning point has been reached and there is no going back, and your sight should be firmly set upon the future. With the Ascension of Earth you will have truly entered the Golden Age, and can go ahead with the re-organization and cleansing, and the establishment of a Galactic Civilization.

    คุณกำลังเคยชินกับความคิดที่ว่า ทวิภาวะที่คุณมีประสบการณ์กับมัน, ขณะนี้กำลังกลายเป็นอดีต. ดังนั้นในขณะนี้คุณจะได้รับงานในการชำระล้างพลังงานส่วนบุคคลเก่าๆทั้งหมด, ที่คุณรู้ว่าไม่มีที่ให้ในมิติระดับสูง. คุณจะพบว่ามันง่ายขึ้นในขณะนี้ที่คุณจะยกระดับขึ้นสู่ความถี่ระดับสูง, ซึ่งคุณจะรู้โดยสัญชาตญาณว่าอะไรที่คุณจำเป็นต้องให้ความสนใจ. จุดผกผันมาถึงแล้วและจะไม่มีการหวนกลับ, และวิสัยทัศน์ของคุณควรมั่นคงอยู่ที่อนาคต. ด้วยการยกระดับของโลกคุณจะเข้าสู่ยุคทองอย่างแท้จริง, และสามารถก้าวหน้าไปด้วยการจัดโครงสร้างใหม่และการชำระล้าง, และการสถาปนาอารยะธรรมแกแลกติก.

    We know that many of you who did not necessarily feel greatly uplifted by 12.12., have since noticed changes within yourself. This will continue as your body responds to the energies still reaching your Earth. Ascension still continues as does your spiritual evolution, but it will be a while before the next crucial point. The coming exciting times are going to allow you choice as to where your future lies. Great opportunities will be presented to you quite unlike those in your past, when your first consideration was to earn an income to survive. No such problems will exist in the very near future, and you will have all of your time to follow your hearts desire. Service to others will be most satisfying and rewarding, as you will be aware that it is the main purpose in your life.

    พวกเรารู้ว่ามีพวกคุณจำนวนมากที่ไม่จำเป็นต้องรู้สึกถึงการยกระดับอย่างมากในวันที่ 12/12, ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงภายในตนเองอย่างชัดเจน. สิ่งนี้จะดำเนินต่อไปเมื่อร่างกายของคุณตอบสนองต่อพลังงานที่ยังคงเข้ามาสู่โลก. การยกระดับจะดำเนินต่อไปซึ่งจะทำให้เกิดการวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณของคุณ, แต่มันจะเป็นชั่วขณะก่อนที่จะถึงจุดสำคัญต่อไป. เวลาที่น่าตื่นเต้นกำลังมาถึงและกำลังอนุญาตให้คุณมีทางเลือกว่าอนาคตของคุณจะไปทางไหน. โอกาสอันยิ่งใหญ่จะถูกนำเสนอต่อคุณ ค่อนข้างไม่เหมือนกับในอดีตของคุณ, เมื่อคุณพิจารณาครั้งแรกก็คือการได้รับรายได้เพื่อยังชีพ. จะไม่มีปัญหาแบบนี้ดำรงอยู่ในอนาคตอันใกล้, และคุณจะมีเวลาทั้งหมดที่จะทำในสิ่งที่คุณปรารถนา. การให้บริการผู้อื่นจะเป็นความพึงพอใจอย่างที่สุดและรางวัล, ซึ่งคุณจะรู้ว่ามันเป็นความมุ่งหมายหลักในชีวิตของคุณ.

    So as time progresses you will phase out some things that gave you pleasure in the old dimension that have begun to lose their appeal. Your desire will be for more pure and wholesome pursuits, and of an energy that lifts your vibrations even higher. Addictions and old habits will gradually be discarded, as you find more interesting and satisfying ways to spend your time. You will never be lost for something new to experience, and making new friendships wherever you go will provide you with a wonderful sense of fulfillment. Be assured however, that many special relationships you have had on Earth will carry on into the future, and a strong love link will never see you separated for long.

    เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะทยอยเลิกบางอย่างที่ทำให้คุณพึงพอใจในมิติเก่าที่เริ่มหมดแรงดึงดูด. ความปรารถนาของคุณจะมีความบริสุทธิ์ขึ้นและการแสวงหาคุณค่า, ของพลังงานที่ยกระดับความถี่ของคุณให้สูงขึ้น. การติดยาเสพติดและนิสัยเก่าๆจะค่อยๆถูกทอดทิ้ง, เมื่อคุณพบสิ่งที่น่าสนใจกว่าและทางเลือกที่น่าพึงพอใจในการใช้เวลาของคุณ. คุณจะไม่พลาดสิ่งใหม่ๆเพื่อมีประสบการณ์, และสร้างสัมพันธภาพใหม่ๆ ทุกๆที่ที่คุณไปจะตระเตรียมความรู้สึกของการเติมเต็มที่น่าอัศจรรย์ให้กับคุณ. อย่างไรก็ตามให้มั่นใจ, ว่าความสัมพันธ์พิเศษมากมายที่คุณมีบนโลกจะถูกนำไปในอนาคต, และสายสัมพันธ์ความรักที่แข็งแรงจะไม่เห็นคุณแยกจากกันเป็นเวลานาน.

    Love is the key to everything which is why you are encouraged to work towards Unconditional Love. It is the ultimate achievement that opens every door for you, and enables you to continue moving upwards through the different dimensions. It has been worthwhile trying to achieve some success whilst living in energies that have not been the most ideal to do it in. You have had too many distractions and confrontations with those who have fallen into the lower vibrations. Now the Age of Materialism is rapidly receding into the background before it completely disappears. The progress you have made up to now has been achieved in the most testing circumstances, and we marvel at your resilience and determination to be successful. It will take you a long way forward on your path to completion which is your real goal.

    ความรักเป็นกุญแจสู่ทุกสิ่ง ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำไมคุณจึงได้รับการสนับสนุนให้ทำงานด้วยความรักที่ไม่มีเงื่อนไข. มันเป็นความสำเร็จขั้นสูงสุดที่เปิดประตูทุกๆบานสำหรับคุณ, และให้คุณยังคงก้าวหน้าสูงขึ้นสู่มิติต่างๆ. มันคุ้มค่าสำหรับความพยายามที่บรรลุความสำเร็จ ขณะที่อาศัยอยู่ในพลังงานที่ไม่เหมาะสมที่จะทำมัน. คุณถูกรบกวนและมีการเผชิญหน้ามากเกินไปกับเหล่าผู้ที่ตกลงไปสู่ความถี่ระดับต่ำ. ขณะนี้ยุคของวัตถุนิยมจะจางหายไปอย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะหายไปอย่างสมบูรณ์. ความก้าวหน้าที่คุณสร้างขึ้นจนถึงขณะนี้ได้รับความสำเร็จในการทดสอบเป็นส่วนมาก, และพวกเราประหลาดใจในความยึดหยุ่นและความมุ่งมั่นของคุณที่จะประสบความสำเร็จ. มันจะนำคุณไปสู่หนทางยาวไกลบนหนทางของคุณสู่ความสำเร็จ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของคุณ.

    You do not necessarily need to know how you reached this high point that carries you into the New Age. All of you have experienced every conceivable situation or challenge at some stage in your many lives, and that inner voice has kept you focusing on your life plan. Now that the cycle of duality has all but finished, it has little or no influence upon you anymore. The most important thing in your lives now is to continue looking ahead, and step into your new Self. One that will gently take its place in the beautiful energies of the higher dimensions. Although you have had hundreds of lives, the experience you are about to have will be quite unique and one to treasure for a long time to come.

    คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าคุณมาถึงจุดสูงนี้ได้อย่างไร จุดที่นำคุณเข้าสู่โลกใหม่. พวกคุณทั้งหมดได้มีประสบการณ์ทุกๆสถานะที่เข้าใจได้หรือความท้าทายที่บางระดับในหลายๆชาติที่เกิดมา, และเสียงในภายในของคุณที่รักษาความใส่ใจของคุณให้อยู่กับแผนชีวิตของคุณ. ขณะนี้วัฏจักรของทวิภาวะทั้งหมดได้จบลงแล้ว, มันมีอิทธิพลน้อยมากหรือไม่มีอิทธิพลต่อคุณอีกต่อไป. สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณในขณะนี้ก็คือมองไปข้างหน้าต่อไป, และก้าวเข้าไปสู่ตัวตนใหม่ของคุณ. สิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างนุ่นนวลในความงามของพลังงานใหม่ของมิติที่สูงกว่า. แม้ว่าคุณจะมีนับร้อยชีวิต, ประสบการณ์ที่คุณมีจะค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ และเป็นหนึ่งในสิ่งล้ำค่าที่นานๆจะมาซักครั้งหนึ่ง.

    Meanwhile you bide your time as we of the Galactic Federation of Light ready ourselves to be involved in the many projects that will continue to bring the New Age into being. We will tell you that any day now you may learn of matters that will show how near things are about to take off. We are absolutely ready for action, and it is as you would expect bearing in mind the delays that have occurred already. We continue to monitor world situations and as we have done for some time now, have stopped any escalation of the Middle East situation that could otherwise have brought about another World War. Such happenings are already consigned to the past, and we cannot wait to bring about permanent world peace. It must come as the low vibrations of war and anything connected with it, cannot exist in the higher dimensions.

    ขณะเดียวกันคุณก็รอคอยเวลาของคุณ เช่นเดียวกับพวกเราสมาพันธ์แกแลกติกแห่งแสงสว่างกำลังเตรียมพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในหลายๆโครงการ ที่จะนำยุคใหม่เข้าสู่ชีวิต. พวกเราจะบอกคุณว่าวันใดๆในขณะนี้ คุณอาจเรียนรู้สาระที่จะแสดงให้เห็นว่ามันใกล้แค่ไหนที่สิ่งต่างๆจะทะยานขึ้น. พวกเรามีความพร้อมอย่างสมบูรณ์สำหรับการดำเนินการ, และมันเป็นเหมือนกับที่คุณอาจคาดหวังในใจเกี่ยวกับความล่าช้าที่เป็นอยู่. พวกเรายังคงเฝ้าดูสถานะของโลก และพวกเราได้ทำเป็นบางครั้งในขณะนี้, ได้หยุดการขยายตัวของสถานการณ์ในตะวันออกกลาง มิฉะนั้นมันจะนำมาซึ่งสงครามโลกครั้งใหม่. สิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวเป็นอดีตไปเรียบร้อยแล้ว, และพวกเราแทบไม่สามารถรอที่จะนำสันติภาพที่ถาวรมาสู่โลก. มันจะต้องมาในฐานะความถี่ระดับต่ำของสงครามและสิ่งใดๆที่เชื่อมโยงกับมัน, ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ในมิติระดับสูง.

    For those of you who celebrate Christmas it is a time of giving and remembering those who are not so well off, and we see that your love and generosity has far exceeded any other occasion. That is a sign of the degree to which you have all advanced on your spiritual paths, and has brought about a great increase in the amount of Love that has been grounded upon Earth. With the New Age upon you these energies will continue increasing, and there will be a wonderful feeling all around of great joy and happiness. It will not be a momentary experience as the high energies are to become what you will term as normal. This feeling of such bliss is the most difficult one to put into words, as it is all encompassing and so powerful. It is as though a great love has picked you up and entered every cell of your body. In some of your moments of immense emotional feelings of happiness and love you have so to say, hit the high spots. That is as near as most of you have got to feeling the level of love that we have referred to.

    สำหรับพวกคุณที่ฉลองวันคริสต์มาส มันเป็นเวลาของการให้และการจดจำเหล่าผู้ที่ไม่ค่อยดีนัก, และพวกเราเห็นว่าความรักและความเอื้ออาทรของคุณได้ก้าวล้ำไปสู่โอกาสอื่นๆ. นั่นเป็นสัญลักษณ์ของระดับที่คุณมีความก้าวหน้าในวิถีทางวิญญาณ, และนำมาซึ่งปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของความรัก ที่ได้นำลงมาสู่โลก. พร้อมกับยุคใหม่พลังงานยังคงเพิ่มขึ้นท่วมทับคุณ, และมันจะมีความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์ทั้งหมดรายล้อมไปด้วยความสุขและความเบิกบาน. มันจะไม่เป็นประสบการณ์ชั่วคราวของพลังงานระดับสูง แล้วก็กลายเป็นปกติ. ความรู้สึกนี้ของการอวยพรมันเป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่จะนำมาบรรยายเป็นคำพูด, เนื่องจากมันครอบคลุมทั้งหมดและทรงพลังอำนาจ. มันคล้ายกับว่าความรักที่ยิ่งใหญ่ยกคุณขึ้นและเข้าสู่ทุกๆเซลของร่างกายของคุณ. ในบางขณะของคุณของความรู้สึกทางอารมณ์อย่างรุนแรงของความสุขและความรัก ที่คุณพูดได้ว่า, ขึ้นถึงระดับสูง. มันอยู่ใกล้จนพวกคุณส่วนใหญ่รู้สึกถึงระดับของความรักที่พวกเราหมายความถึง.

    You will find that those beautiful feelings of harmony and peace will come to you more often as the days pass by. As you have cleansed your own body of unwanted attachments, so you have made a place for more of the higher energies. Do not forget that your body cells are changing even now, until they become completely crystalline. It allows for a greater level of consciousness befitting of a soul entering the higher dimensions. It is the commencement of your path to full consciousness and becoming a Galactic Being.

    คุณจะค้นพบว่าความรู้สึกที่สวยงามของความสอดคล้องและสันติภาพจะมาสู่คุณกว่าเมื่อวันก่อนๆที่ผ่านมา. เมื่อคุณชำระล้างร่างกายของคุณออกจากสิ่งแนบติดที่ไม่พึงประสงค์, ดังนั้นคุณได้สร้างสถานที่สำหรับพลังงานระดับสูงมากขึ้น. อย่าลืมว่าเซลในร่างกายของคุณกำลังเปลี่ยนแปลงแม้แต่ในขณะนี้, จนกระทั่งเป็นคริสตัลไลน์โดยสมบูรณ์. มันจะอนุญาตให้ความตระหนักรู้ที่สูงกว่าเหมาะสมสำหรับวิญญาณที่จะเข้าสู่มิติที่สูงกว่า. มันเป็นองค์ประกอบของหนทางของคุณสู่ความตระหนักรู้ที่เต็มสมบูรณ์ และกลายเป็นรูปธรรมแกแลกติก.

    I am SaLuSa from Sirius, and pleased you are at last in sight of the finishing line. You have waited long for these days after your great sojourn in the darkness. You are well established in the Light, and it will continue to grow exponentially. You are Love incarnate, and we are privileged to be part of it.

    I am SaLuSa from Sirius, และยินดีที่ในที่สุดคุณก็เห็นเส้นชัย. คุณรอคอยมาแสนนานสำหรับวันเหล่านี้ หลังจากที่คุณพักแรมอย่างยาวนานอยู่ในความมืด. คุณได้สถาปนาแสงสว่างด้วยดี, และมันยังคงเติบโตอย่างก้าวกระโดด. คุณเกิดมาเพื่อรัก, และพวกเราได้รับสิทธิพิเศษที่จะได้มีส่วนร่วม.

    Thank you SaLuSa.
    Mike Quinsey

    ด้วยรักที่ไม่มีเงื่อนไข ขอบคุณครับ
     
  12. light worker

    light worker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +446
    เผื่อข้อความเหล่านี้อาจจะเป็นจิ๊กซอร์สำหรับผู้แสวงหาธรรมะ ;)

    การตื่นตัวแบบกลุ่ม - ความถี่ของโลก

    โลก คือ ทะเลของการสั่นและความถี่ มนุษย์มีความชำนาญในการสร้างและประดิษฐ์อุปกรณ์ที่มีความถี่พลังงานและการ สั่นสะเทือน คลื่นเหล่านี้ของพลังงานที่มักจะเคลื่อนที่ผ่านคุณ

    ลองนึกภาพตอนทั้งหมดอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านเพียงคุณเพียงคนเดียว - แสงและโคมไฟทุกอัน, ระบบโทรศัพท์ทุกเครื่องใช้ในครัว อุปกรณ์แต่ละตัวให้ปิดความถี่ที่ต่างกัน โทรทัศน์เป็นหนึ่งในความถี่ที่ไม่เหมือนกันในแต่ละประเทศ คนส่วนใหญ่ไม่ได้ตระหนักถึงความถี่เหล่านี้ พวกเขาได้ตัดให้พวกนี้ออก สนามพลังงานของพวกเขาได้ปรับเปลี่ยนและเรียนรู้ที่จะอยู่กับพวกเขา

    โลกเรานี้มีการสร้างด้วยความถี่อิเล็กทรอนิกส์ หากคุณมีวิสัยทัศน์ที่จะมองเห็นเส้นของพลังงานทั้งหมดที่เชื่อมต่อสายไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้า, โทรศัพท์มือถือโทรทัศน์และไมโครเวฟ คุณจะต้องประหลาดใจที่ว่าแน่นทอเมทริกซ์นี้มีพลังอย่างแท้จริงคือ มันล้อมรอบโลกของคุณในตารางพลังของความถี่ไม่ได้เข้ากันเลย

    ส่วนใหญ่มนุษย์ไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทัศนคติของคือ "สิ่งที่คุณไม่เห็นหรือไม่รู้ มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อคุณ."

    ในโครงข่ายของความถี่อิเล็กทรอนิกส์มักจะมีผลกระทบต่อร่างกาย, จิตใจ ความถี่อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ มันสามารถทำให้เสพติดและสะกดจิตต่อสนามพลังงานในตัวบุคคลได้ และความถี่ทางอิเลคทรอนิคส์ที่มนุษย์สร้างขึ้นมันจะอยู่กับความคิดบางความ คิด ให้ระวังความถี่ที่ไม่เข้ากันเหล่านี้ และโครงขายที่มันสร้างขึ้นมา นี่สำคัญมากสำหรับคุณและเพื่อนๆ ที่ควรจะอยู่เฉยๆ มั่นคง ในสนามพลังงานและโครงข่ายพลังงานของคุณ คุณจะถูกกระทบน้อยกว่าจากความถี่ที่ไม่สัมพันธ์กันนี้

    Solar flare และ การระเบิดของพลังงานของกาแลคซี่ พุ่งเข้ามายังเกราะของ ความถี่ของอิเลคทรอนิคส์ ทำให้เกิดการกระตุ้น ลักษณะบางอย่างของรหัส DNA พลังงานคอสมิคเหล่านี้ได้ผลักดันการตื่นของมนุษย์ สนามแม่เหล็กโลกจะถือพลังงานที่สูงที่สุดของมิติที่สาม และจะถูกแทนที่โดยสนามพลังอิเลคทรอนิคส์

    มนุษยชาติจะได้รับการสนับสนุนสูงสุดจากจิตสำนึกของจักรวาลและสิ่งมีชีวิตบน ท้องฟ้า บุคคลที่ตื่นขึ้นมาเพื่อความงดงามเชื่อมต่อดาวของพวกเขา จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา

    คุณสามารถสร้างเขตข้อมูลการติดต่อกันเมื่อคุณรักษาด้านพลังงานที่แข็งแกร่ง ของความรักความสุขและความชื่นชม เมื่อคุณเชื่อมโยงกันสั่นสะเทือนความถี่สูงเหล่านี้คุณจะไม่ได้รับผลกระทบ จากการระเบิดของ โครงข่ายอิเล็กทรอนิกส์ของดาว

    มีความสุข และการว่ายไหล ด้วยพลังงานจากดวงดาว


    เครดิตข้อมูลจากคุณ Falkman ห้องภัยพิบัติ rabbit_eating
     
  13. Meadwalker

    Meadwalker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2007
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +1,736


    มีผู้สื่อสารท่านนึงน่าสนใจดีครับ แต่ส่วนใหญ่เขาจะบรรยายเป็นวีดีโอ
    ใครฟังภาษาอังกฤษเก่งๆน่าจะได้ประโยชน์ครับ

    เค้าใช้ชื่อว่า Bashar เป็นเพื่อนต่างดาวจากจากอนาคต
    พูดสื่อสารผ่านช่องทาง ดาร์ริล แองก้า เพื่อถ่ายทอดคลื่นข้อมูลใหม่
    ที่อธิบายในรายละเอียดถึงการทำงานของจักรวาลอย่างชัดเจน
    วิธีการสร้างความเป็นจริงที่แต่ละคนสามารถจะมีประสบการณ์นั้นๆ
    มีหลายพันคนที่ได้มีโอกาสเข้าอยรมและใช้หลักการเหล่านี้
    เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตและสร้างความเป็นจริงที่พวกเขาปรารถนาเป็นจำนวนมาก
    เขาบอกในตอนท้ายของวีดีโอว่า...
    โลกกำลังเคลื่อนผ่านพลังงานแห่งความตระหนักรู้ หรือการเลื่อนระดับในปี 2012
    และเราจะถูกพัฒนาเข้าสู่สังคมกาแลคติกอย่างสมบูรณ์ ในปี 2050

    บาชาร์ยังให้ข้อมูลที่ทันสมัย​​ในหลากหลายหัวข้อ :
    - การเปลี่ยนแปลงส่วนบุคคล
    - ประวัติของจักรวาล
    - Extraterrestrials & ยูเอฟโอ
    - 2012
    - แบบ Parallel ความเป็นจริง
    - ปรากฏการณ์ทางจิต
    - การเลื่อนระดับของจิตวิญญาณ
    - ความเปลี่ยนแปลงของโลก
    - วิธีการรักษา
    - ชีวิตหลังความตาย
    - เทคโนโลยี่ในอนาคต
    - เรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์ ฯลฯ



    Bashar interviewed by Alan Steinfeld of New Realities ​
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=fdgTxZOp3rU&feature=player_embedded"]Bashar interviewed by Alan Steinfeld of New Realities - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=QysHziRVimw&feature=player_embedded"]Highlights from "Simultaneity of Existence" and "Connecting with the Oversoul" - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2012
  14. 乾隆

    乾隆 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +221



    หนุ่มโสดอยู่กระท่อมคนเดียว
    สาวๆ เวียดนามจะข่มขืนเอาได้นะ


    อันตรายนะ จะบอกให้ ...
     
  15. caring

    caring เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +199
    ภาษาอังกฤษไม่เก่งอะคะ เนื้อหาน่าสนใจจัง แอบหวังว่าจะได้อ่านฉบับแปลบนหน้ากระทู้นี้ อิ อิ
     
  16. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    (ตอนต่อจากข้อความที่ 6578 หน้าที่ 329)

    MYTRE AND THE MOTHERSHIP PART XIII

    Mytre’s Experiences of Ascension 2

    By Suzanne Lie – DECEMBER 12, 2012
    http://suzanneliephd.blogspot.co.uk/


    Surrendering to Unconditional Love

    As I asked the Lost One why he had to fight, I also had to ask myself why I found myself inside of a Lost One. Obviously, some part of my self was lost in the fight for survival. I had spent most of my life as a Warrior. I told myself that I was protecting my people and tried to ignore that part of me that enjoyed fighting. Now I was asking this Lost One why he thought he had to fight, which means that I had to ask myself the same question.

    ผมถามผู้หลงทางว่าทำไมเขาจึงต้องสู้, ผมถามตัวเองเช่นกันว่า ทำไมผมจึงพบตัวเองอยู่ในผู้หลงทาง. ชัดเจนว่า, บางส่วนของตัวตนของผมหลงทางอยู่ในการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด. ผมใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในฐานะนักรบ. ผมบอกตัวเองว่าผมต้องปกป้องประชาชนของผม และพยายามเพิกเฉยต่อส่วนของผมที่กำลังเพลิดเพลินกับการสู้รบ. ตอนนี้ผมกำลังถามผู้หลงทางว่าทำไมเขาคิดว่าเขาต้องสู้, ซึ่งหมายความว่าผมจำเป็นต้องถามตัวเองด้วยคำถามเดียวกัน.

    Yes, fighting was a vital component of my earlier life. We fought to protect our land and then we fought to be able to leave our land. Next, we fought to protect the land we had claimed as our new home. Can fighting ever be a solution for fighting? How can I answer this Lost One, when I do not have the answer myself?

    ใช่, การสู้รบเป็นองค์ประกอบสำคัญของชีวิตผมเมื่อก่อนหน้านี้. พวกเราสู้รบเพื่อปกป้องแผ่นดินของพวกเรา และจากนั้นพวกเราก็สู้รบเพื่อที่จะสามารถออกจากแผ่นดินของพวกเรา. ต่อจากนั้น, พวกเราสู้รบเพื่อปกป้องแผ่นดินที่พวกเราอ้างว่าเป็นบ้านใหม่ของพวกเรา. การสู้รบจะสามารถเป็นทางออกของการสู้รบได้หรือไม่? ผมจะถามผู้หลงทางคนนี้อย่างไรดี, ในเมื่อผมไม่มีคำตอบให้กับตัวเอง?

    Well, actually, I do have the answer. The answer is NO. In fact, fighting just begets more fighting. Fighting is based on fear and fear begets fear. Fear and fighting are vital components of the third-fourth dimensional worlds, which arise from the separation and polarity. Unfortunately, fighting traps us in the very separation that fear created.

    ใช่ อันที่จริง ผมมีคำตอบ. คำตอบก็คือไม่. จริงๆแล้ว การสู้รบนำมาซึ่งการสู้รบมากขึ้นไปอีก. การสู้รบมีพื้นฐานอยู่บนความกลัว และความกลัวนำมาซึ่งความกลัว. ความกลัวและการสู้รบเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของโลกมิติที่สาม-สี่, ซึ่งยกระดับขึ้นมาจากการแบ่งแยกและความเป็นขั้ว. โชคไม่ดีที่, พวกเราติดกับดักของการสู้รบที่การแบ่งแยกอย่างมากและความกลัวสร้างขึ้น.

    I remained separate from this Lost One, just as I had remained separate from my past in which I was just like him. He believed that he was a leader. He believed that he was protecting his people. I remained separate from this Lost One because he represented the part of me from whom I had remained separate.

    ผมยังคงแบ่งแยกจากผู้หลงทางคนนี้, เมื่อผมยังคงแบ่งแยกจากอดีตของผม ซึ่งผมก็เหมือนเขา. เขาเชื่อว่าเขาเป็นผู้นำ. เขาเชื่อว่าเขาปกป้องประชาชนของเขา. ผมยังคงแบ่งแยกจากผู้หลงทางคนนี้เพราะว่า เขาแสดงออกว่าเป็นส่วนหนึ่งของผมจากผู้ที่ผมยังคงแบ่งแยก.

    Compassion was needed for this task. I had to have compassion for myself before I could have compassion for the Lost One. However, the longer I remained within this hologram, the more attached I was becoming to it. I was beginning to feel like the Lost One, rather than like my SELF.

    ความเห็นอกเห็นใจเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับงานนี้. ผมจำเป็นต้องมีความเห็นอกเห็นใจต่อตัวเอง ก่อนที่ผมจะสามารถเห็นอกเห็นใจต่อผู้หลงทางคนนี้. อย่างไรก็ตาม, ยิ่งผมอยู่ในโฮโลแกรมนานมากขึ้นเท่าใด, ผมก็ถูกดึงดูดมากขึ้นให้กลายเป็นมัน. ผมเริ่มรู้สึกเหมือนผู้หลงทาง, มากกว่าที่จะรู้สึกว่าเป็นตัวผม.

    Perhaps, this man was a component of my Multidimensional SELF. Since my roots are Arcturian, perhaps I was actually this Lost One in another reality? I was expecting this One to surrender to the transition and release the fight, but I was fighting surrendering into him. I took a few deep breaths to relax into my Core, my Spark of Spirit, to align with the ONE.

    บางที, ผู้ชายคนนี้จะเป็นองค์ประกอบหนึ่งของตัวตนหลากมิติของผม. เนื่องจากต้นกำเนิดของผมเป็นชาวอาร์คทูเรี่ยน, บางทีจริงๆแล้วผมอาจเป็นผู้หลงทางคนนี้ในความเป็นจริงอื่น? ผมกำลังคาดหวังให้เขายอมที่จะเปลี่ยนแปลงและปลดปล่อยการสู้รบ, แต่ผมกำลังสู้รบอยู่รอบๆภายในตัวเขา. ผมสูดลมหายใจลึกๆเพื่อผ่อนคลายเข้าสู่แก่นของผม, ประกายแสงแห่งวิญญาณของผม, เพื่อปรับให้เข้ากับเขา.

    I felt the ONE within me and remembered that I was the creator of my reality. I could say that the Arcturian put me in this hologram, but then I would not be the creator. In fact, the Arcturian only took me to the Holosuite in which this hologram was playing. However, this was a Hologram coming from the Mothership’s Oversoul, and I could easily access my seventh dimensional consciousness to go here.

    ผมรู้สึกถึงสิ่งหนึ่งภายในตัวผมและจำได้ว่า ผมคือผู้สร้างความเป็นจริงของตัวผม. ผมสามารถพูดได้ว่าชาวอาร์คทูเรี่ยนนำผมมาในโฮโลแกรมนี้, แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้เป็นผู้สร้าง. อันที่จริง, ชาวอาร์คทูเรี่ยนเพียงแค่นำผมมาที่ห้องสามมิติที่โฮโลแกรมนี้กำลังเล่นอยู่. อย่างไรก็ตาม, นี่เป็นโฮโลแกรมที่กำลังมาจากวิญญาณระดับสูงของยานแม่, และผมสามารถเข้าถึงความตระหนักรู้มิติที่เจ็ดของผมได้อย่างง่ายดายเพื่อมาที่นี่.

    However, once in the hologram, I became so swept up with the fight that I forgot how I got here. Then, I chose to enter the fight. I felt the “call to battle” that had been my primary response for myriad lives. The Arcturian had taught me to surrender into every situation with unconditional love. Therefore, I no longer needed to respond or react with fear and anger. Therefore, I chose to bravely step into the battleground and fill it with unconditional love.

    อย่างไรก็ตาม, เมื่ออยู่ในโฮโลแกรม, ผมกลายเป็นถูกกวาดด้วยการสู้รบ ซึ่งผมได้ลืมวิธีที่มาที่นี่. จากนั้นผมเลือกที่จะเข้าสู่การสู้รบ. ผมรู้สึกถึง ”เสียงเรียกร้องสู่สงคราม” ที่เป็นการตอบสนองหลักของผมมานับชาติไม่ถ้วน. ชาวอาร์คทูเรี่ยนสอนผมให้ยอมเข้าสู่สถานะใดๆด้วยความรักที่ไม่มีเงื่อนไข. ดังนั้น, ผมจึงไม่จำเป็นต้องตอบสนองหรือมีปฏิกิริยาอีกต่อไปกับความกลัวและความโกรธ. ดังนั้น, ผมเลือกที่จะก้าวเข้าไปอย่างกล้าหาญสู่สนามรบแล้วเติมมันด้วยความรักที่ไม่มีเงื่อนไข.

    I unconditionally loved, unconditionally forgave and unconditionally accepted the warrior that I had been. I felt these higher frequency energies move into myself, into the Lost One I inhabited and into all the other Lost Ones. People slowly released their unconscious reaction of fear of the unknown and looked around with curiosity and even hope.

    ผมรักอย่างไม่มีเงื่อนไข, ให้อภัยอย่างไม่มีเงื่อนไข และยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไขต่อนักรบที่ผมเคยเป็น. ผมรู้สึกว่าพลังงานความถี่สูงเหล่านี้เคลื่อนที่เข้าสู่ตัวผม, เข้าสู่ผู้หลงทางที่ผมอาศัยอยู่และเข้าสู่ผู้หลงทางคนอื่นๆ. ประชาชนค่อยๆปลดปล่อยการมีปฏิกิริยาโดยไม่รู้ตัวของพวกเขา ในความกลัว ในความไม่รู้ และมองไปรอบๆด้วยความอยากรู้และแม้แต่ความหวัง.

    They did not know how to identify unconditional love, but it calmed them and made them feel safe. The fear of death was gradually replaced by a feeling of acceptance. Meanwhile, I was experiencing these same reactions inside myself. It did not matter if I send unconditional love to another or to myself. Unconditional love travels a circular path and returns to the sender.

    พวกเขาไม่รู้ว่าจะแยกแยะความรักที่ไม่มีเงื่อนไขได้อย่างไร, แต่มันทำให้พวกเขาสงบและทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัย. การกลัวความตายค่อยๆถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกของการยอมรับ. ในขณะที่, ผมกำลังมีประสบการณ์กับปฏิกิริยาเหล่านี้ภายในตนเอง. มันไม่ใช่สาระถ้าหากผมส่งความรักที่ไม่มีเงื่อนไขสู่ผู้อื่นหรือสู่ตัวเอง. ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขเดินทางเป็นวงกลมและย้อนกลับไปสู่ผู้ส่ง.

    People were putting down their weapons and looking for the source of the unconditional. On the other hand, some tried to run away, likely because they could not believe they deserved this feeling. It was toward those Lost Ones that I focused my unconditional forgiveness. This forgiveness is what they needed to accept, so that they would not run from the love. The energy field of unconditional forgiveness moved through them. Gradually they began to forgive themselves, which encouraged them to forgive others, as well.

    ประชาชนวางอาวุธของพวกเขาและมองหาที่มาของความรักที่ไม่มีเงื่อนไข. ในอีกด้านหนึ่ง, บางคนพยายามที่จะวิ่งหนี, คล้ายกับเพราะว่าพวกเขาไม่สามารถเชื่อว่าพวกเขาสมควรได้รับความรู้สึกนี้. ผมจดจ่อการให้อภัยที่ไม่มีเงื่อนไขของผมไปยังเหล่าผู้หลงทาง. การให้อภัยนี้คือสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องยอมรับ, เพื่อไม่ทำให้พวกเขาวิ่งหนีออกจากความรัก. สนามพลังของการให้อภัยที่ไม่มีเงื่อนไขเคลื่อนที่ผ่านพวกเขา. อย่างค่อยเป็นค่อยไปพวกเขาเริ่มให้อภัยตัวเอง, ซึ่งเป็นกำลังใจให้พวกเขาให้อภัยผู้อื่น, เช่นกัน.

    But, there were those who could not accept the unconditional love or the unconditional forgiveness. It was on these ones that I focused my unconditional acceptance. This energy field allowed them to accept that they were not ready to forgive or love themselves. Hence, they could not forgive or love others.

    แต่ยังมีเหล่าผู้ที่ไม่สามารถยอมรับความรักที่ไม่มีเงื่อนไขหรือการให้อภัยที่ไม่มีเงื่อนไขได้. คนเหล่านี้ที่ผมเพ่งการยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไขให้. สนามพลังนี้จะอนุญาตให้พวกเขายอมรับว่า พวกเขายังไม่มีความพร้อมที่จะให้อภัยและรักตัวเอง. ดังนั้น, พวกเขาจึงไม่สามารถให้อภัยหรือรักผู้อื่น.

    I was fully merged with the Lost One now, and found he was able to accept into his consciousness much of what I knew. Hence, as one person, we walked to each of the ones who could not accept the love or forgiveness and told them we accepted their choice. We then addressed the entire group and the One I was inhabiting said,

    ผมรวมเข้ากับผู้หลงทางได้อย่างเต็มที่แล้วในขณะนี้, และพบว่าเขาสามารถยอมรับเข้าสู่ความตระหนักรู้ของเขามากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่ผมรู้. ดังนั้น, ในฐานะบุคคลคนเดียวกัน, พวกเราเดินไปที่แต่ละคนผู้ซึ่งไม่สามารถยอมรับความรักหรือการให้อภัย และบอกพวกเขาว่าพวกเรายอมรับการเลือกของพวกเขา. จากนั้นพวกเราระบุไปที่ทั้งกลุ่ม และผู้ที่ผมอาศัยอยู่ก็พูดขึ้นว่า,

    “We have become lost in our battle and forgot what we were fighting for. We were fighting for a chance to be happy. This chance is right HERE NOW! All we need DO is to stop fighting and accept the unconditional love. If we can forgive ourselves, we can forgive everyone and everything that we have perceived as an enemy. Also, if we can accept ourselves, we can accept everyone who makes a choice that is different from our own.

    พวกเราพ่ายแพ้ในสงครามและลืมสิ่งที่พวกเราสู้รบเพื่อให้ได้มา. พวกเราสู้รบเพื่อโอกาสที่จะมีความสุข. โอกาสนี้อยู่ที่นี่แล้วในขณะนี้! สิ่งที่พวกเราจำเป็นต้องทำทั้งหมดก็คือ หยุดสู้รบและยอมรับความรักที่ไม่มีเงื่อนไข. ถ้าหากพวกเราให้อภัยตัวพวกเราเอง, พวกเราจะสามารถให้อภัยทุกๆคนและทุกๆสิ่ง ที่พวกเรารับรู้ว่าเป็นศัตรูของพวกเรา. เช่นกัน, ถ้าหากพวกเราสามารถยอมรับตัวของพวกเรา, พวกเราสามารถยอมรับทุกๆคนที่เลือกทางเลือกที่แตกต่างจากพวกเรา.

    “This message swirled on an energy form of expanding light that moved through the hearts and minds of all who could accept it. The light grew so strong that even the ones who could not love and forgive themselves began to waver in their decision to remain separate and in fear. The Lost One’s Leader spoke again.

    ข้อความนี้หมุนวนในรูปของพลังงานของการขยายแสงสว่าง ที่เคลื่อนที่ผ่านหัวใจและจิตใจของผู้ที่สามารถยอมรับมันได้ทั้งหมด. แสงสว่างเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง แม้แต่เหล่าผู้ที่ไม่สามารถรักและให้อภัยตัวเองก็เริ่มหวั่นไหวในการตัดสินใจของพวกเขา ที่จะยังอยู่ในการแบ่งแยกและความกลัว. ผู้นำของผู้หลงทางพูดอีกครั้ง.

    “You do NOT need to deserve this Light. You do NOT need to improve yourself or become better to receive this Light. This Light is the frequency of unconditional love. Hence, there are NO conditions. This unconditional love is there for you to receive or reject. It is your choice.

    คุณไม่จำเป็นต้องคู่ควรกับแสงสว่างนี้. คุณไม่จำเป็นต้องปรับปรุงตัวเอง หรือดีกว่านี้เพื่อที่จะรับแสงสว่าง. แสงสว่างนี้เป็นความถี่ของความรักที่ไม่มีเงื่อนไข. ดังนั้น, มันไม่มีเงื่อนไข. ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขนี้อยู่ที่นี่เพื่อให้คุณมารับหรือปฏิเสธ. มันเป็นทางเลือกของคุณ.

    “I tell you this now because this reality is closing. There will no longer be a world at this frequency in which you can participate. Therefore, let go of what you have believed to be real and surrender to the FEELING of unconditional love. You do not need to understand what is happening, but you do have the right to make a choice. You also have the right to allow a higher expression of your SELF to make this choice.

    ผมบอกคุณในสิ่งนี้ในขณะนี้เพราะว่าความเป็นจริงนี้กำลังจะจบลง. มันจะไม่มีโลกที่ความถี่นี้อีกต่อไปที่คุณสามารถมีส่วนร่วม. ดังนั้น, ขอเชิญออกจากสิ่งที่พวกเราเชื่อว่าเป็นความจริง และยอมให้กับความรู้สึกของความรักที่ไม่มีเงื่อนไข. คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น, แต่คุณมีสิทธิ์ที่จะเลือก. เช่นกันคุณมีสิทธิ์ที่จะอนุญาตให้ตัวตนที่สูงกว่าของคุณเป็นผู้เลือก.

    “I know you all, and I know how we became lost in fear and anger. We all have free entrance into a possible reality in which the fear that stole our inner love does NOT exist. Darkness does not exist in these higher worlds. Hence, when we move through these energy fields, the parts of our self that we have deemed as dark will fall away.

    ผมรู้จักพวกคุณทั้งหมด, และผมรู้ว่าพวกเราหลงทางอยู่ในความกลัวและความโกรธได้อย่างไร. พวกเราทั้งหมดมีอิสระในการเข้าสู่ความเป็นไปได้ของความเป็นจริง ที่ความกลัวที่ขโมยความรักในภายในจะไม่มีอยู่. ความมืดจะไม่มีอยู่ในโลกระดับสูงเหล่านี้. ดังนั้น, เมื่อพวกเราเคลื่อนที่ผ่านสนามพลังเหล่านี้, ส่วนของพวกเราที่พวกเราถือว่าเป็นความมืดจะร่วงหล่นไป.

    “We are NOT the pain that created the fear and darkness. We ARE the unconditional love that still remains hidden in the Core of our true SELF. You don’t have to believe me. Just surrender to the Light and Love, and it will encompass your Being. I hope that you make the choice, for if you do, you can remain conscious of your true SELF and BE your Core SELF who became hidden in the fear.”

    พวกเราไม่ใช่ความเจ็บปวดที่สร้างความกลัวและความมืด. พวกเราคือความรักที่ไม่มีเงื่อนไขที่ยังคงหลบซ่อนอยู่ในแก่นของตัวตนที่แท้จริงของพวกเรา. คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อผม. เพียงแค่ยอมให้แสงสว่างและความรัก, แล้วมันจะโอบล้อมคุณ. ผมหวังว่าคุณจะตัดสินใจ, สำหรับสิ่งที่คุณทำ, คุณสามารถคงความตระหนักรู้ของตัวตนที่แท้จริงของคุณ และเป็นแก่นของตัวตนของคุณที่หลบซ่อนอยู่ในความกลัว.

    With his final worlds, more and more people surrendered to the energy field of unconditional love. As they surrendered, their bodies began to expand and take on more light. However, the Leader with whom I had totally merged went to each person still lost in fear and reassured them that they could change. They could surrender, not to the enemy of fear, but to the love of life.

    ด้วยโลกที่จบลงของเขา, ผู้คนมากขึ้นมากขึ้นยอมให้กับสนามพลังของความรักที่ไม่มีเงื่อนไข. เมื่อพวกเขายอม, ร่างกายของพวกเขาเริ่มขยายและรับแสงสว่างมากขึ้น. อย่างไรก็ตาม, ผู้นำที่ผมรวมเข้าอย่างเต็มที่ก็เดินไปที่บุคคลที่ยังคงหลงทางอยู่ในความกลัวและให้ความมั่นใจกับพวกเขาว่าพวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงได้. พวกเขาสามารถยอมได้, ไม่ต้องเป็นศัตรูของความกลัว, แต่ให้รักชีวิต.

    Thus, more and more of them took the risk to believe that they, too, could surrender to the energy of unconditional love. When the rest ran away, persistently holding on to their fear and mistrust, the Leader of the Lost Ones surrendered to the light, and I was released from the Hologram.

    ดังนั้น, พวกเขามากขึ้นและมากขึ้นยอมเสี่ยงที่จะเชื่อว่าพวกเขา, เช่นกัน, สามารถยอมให้กับพลังงานของความรักที่ไม่มีเงื่อนไข. ในขณะที่พวกที่เหลือวิ่งหนีไป, พยายามรักษาความกลัวและความหวาดระแวงของพวกเขา, ผู้นำของผู้หลงทางยอมให้กับแสงสว่าง, และผมก็ถูกปลดปล่อยออกจากโฮโลแกรม.

    Arcturus had ascended and so had my inner warrior.

    ดาวอาร์คทูรัสยกระดับแล้วและตัวตนนักรบในภายในของผมก็เช่นกัน.


    ด้วยรักที่ไม่มีเงื่อนไข ขอบคุณครับ
    (ตอนต่อไปข้อความที่ 6606 หน้าที่ 331)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2012
  17. philosophi

    philosophi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +1,896
    รักไม่มีเงื่อนไข ต้องกระโดดไปมิติที่5ซ่ะก่อน ใช่ป่าว?.(สงสัยน่ะจ๊ะ)
     
  18. Happy_Me

    Happy_Me เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +314
    ขอแชร์ ด้วยคนนะคะ
    ของเราเป็นประสบการณ์ทางความฝันค่ะ
    เพิ่งฝันเมื่อคืนนี้เองค่ะ

    เราฝันเห็นแฟนเก่า มาขออโหสิกรรมค่ะ เค้าดูเศร้ามาก และพยายามจะไถ่บาปตัวเองด้วยการมาขอคืนดีและจะขอทำตัวเป็นแฟนที่ดี
    แต่เรารู้สึกอึดอัดที่พบเค้าค่ะ เราก็เลยเดินหนีมา แล้วเราก็ตื่น..

    จากนั้น เราก็นึกในใจว่า ขออโหสิกรรม และ ยกโทษในสิ่งที่เค้าเคยทำกับเราไว้ และขอให้เขามีความสุข อยู่ๆ น้ำตาก็ไหลเองเลยค่ะ

    แล้วเราก็นอนต่อ..

    เราฝันเห็นพระสงฆ์ (ซึ่งเป็นญาติเรา และท่านได้มรณภาพไปแล้วหลายปี)
    เข้ามาหาทางความฝัน และสอบถามสารทุกข์ สุกดิบ
    พร้อมกับมอบพระเครื่องให้เรา 1 องค์ แล้วท่านก็จากไป

    เราตื่นขึ้น แล้วก็นอนต่อ..

    ครั้งนี้เราได้รับข้อความสื่อสารจากพระพุทธเจ้่าค่ะ (ในจิตสำนึกบอกว่าเป็นองค์ที่ 4)
    ท่านส่งข้อความมาให้เรา 2 ข้อความ ความยาวประมาณ 2 บรรทัดต่อข้อความ
    น่าเสียดาย ที่ข้อความแรก เราจำไม่ได้ค่ะ T_T
    แต่พอจำได้ในข้อความที่ 2 ท่านบอกว่า "จะมีการกลับมาครั้งที่ 2 และการกลับมาครั้งนี้จะกลับมาปลุก"
    พร้อมกับท่านมอบความรู้ ความเข้าใจให้เรา 1 เรื่อง เกี่ยวกับ พระบิดา พระุบุตร พระจิต และ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    ท่านบอกว่าทั้ง 2 อย่างนี้คือสิ่งเดียวกัน แต่ต่างกันที่อยู่คนละศาสนาค่ะ
     
  19. salocha

    salocha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +275
    ฝันของคุณอลังการมาก ๆ เลย :)

    และก็ตรงกันกับข้อมูลที่เรารับรู้มานะ

    ฝันที่ Buddhha บอกคุณว่า

    "จะมีการกลับมาครั้งที่ 2 และการกลับมาครั้งนี้จะกลับมาปลุก"

    คำว่า กลับมาครั้งที่ 2 หมายถึง การอวตารลงมาอีกครั้งของท่าน ๆ หนึ่ง

    ที่เกินความคาดหมายของมนุษยชาติ

    ทีแรกที่รู้... เราเองยังอยากสลบเหมือด คือ ข้อมูลนี้...เกินความคาดหมายเกินกว่าที่น่าจะเป็นไปได้น่ะ และใช้เวลานานพอสมควรจึงพอเข้าใจในข้อมูลที่ได้ได้รับรู้

    แต่ก็ไม่อาจพูดอะไรได้มากกว่านี้ เป็นเรื่องที่เมื่อถึงเวลาของใคร คนนั้นก็จะเข้าใจได้เอง

    ฮืมมม.... ช่วงที่ว่ากันว่ามีการเปลี่ยนมิติหรือเปลี่ยนยุคกระมัง คือ จังหวะเวลาแห่งการเปิดเผย

    และท่านมาเพื่อปลุกจริง ๆ ด้วย

    ปลุกให้ตื่นออกจากความหลับไหล

    เพื่อพบกับความสว่างไสว (i)(i)(i)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2012
  20. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากท่านซาลูซ่า แห่ง The Galactic Federation

    ผู้รับสาส์น : Mike Quinsey
    ที่มา : Galactic Channelings - English


    SaLuSa, December 19, 2012

    You are receiving many different opinions as to the significance of the 21st. December alignment. One thing is certain however, you will all experience the frequency change to a greater or lesser degree. It cannot pass without affecting you, but those who are anticipating it and taking part in it will have the greater awareness. The long term effects will show that many changes took place, but that it took time for these to surface. What should be evident is that the mass human consciousness received a great boost of energy, resulting in an expanded vision of the future. Also, that with it has come the realization that creation is the result of your projections, of your desires and intentions. With more Light than ever before having been grounded upon Earth, you need to be positive and careful where you focus your thoughts.

    คุณกำลังได้รับทางเลือกมากมายที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญของการจัดแนววันที่ 21 ธันวาคม. อย่างไรก็ตามมีสิ่งหนึ่งที่แน่นอน, คุณทั้งหมดจะมีประสบการณ์ของการเปลี่ยนแปลงของคลื่นความถี่ไม่มากก็น้อย. มันไม่สามารถผ่านไปโดยไม่มีผลกระทบต่อคุณ, แต่เหล่าผู้ที่คาดการณ์ไว้และมีส่วนร่วมในมันจะมีความรับรู้ที่ใหญ่ขึ้น. ผลกระทบในระยะยาวจะแสดงให้เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้น, แต่มันจะใช้เวลาสำหรับสิ่งเหล่านี้เผยโฉม. สิ่งที่ควรจะเห็นได้ชัดก็คือความตระหนักรู้มวลรวมของมนุษย์จะได้รับการส่งเสริมจากพลังงานอย่างมาก, มีผลให้เกิดการขยายวิสัยทัศน์ของอนาคต. เช่นกัน, นั่นจะมากับความตระหนักที่ว่าการสร้างมีผลมาจากการฉายของคุณ, ของความปรารถนาและความมุ่งหมายของคุณ. ด้วยแสงสว่างมากขึ้นกว่าที่เคยลงมาสู่โลก, คุณจำเป็นต้องมีความเป็นบวกและระมัดระวังสิ่งที่คุณสนใจและความคิดของคุณ.

    You will soon experience an heightened awareness by noting changes around you. They may be subtle but there will be a sense of relief and a happier mood of expression, with more people than usual. It will also be apparent by a more outgoing approach to life, and friendliness, and notice that a new calmness exists, and less stressful situations encountered. In other words a new peace has settled upon Earth, that will bring an end to chaos, conflict and wars. You have set the stage and we will help you achieve your dreams, as so much needs changing to bring you into the New Age. You are now at the beginning of a wonderful time of satisfaction and happiness.

    ในไม่นานคุณจะมีประสบการณ์ของการรับรู้ที่สูงขึ้นโดยไม่มีสิ่งใดรอบตัวคุณเปลี่ยนแปลง. พวกเขาอาจบอกไม่ถูก แต่จะมีความรู้สึกของการบรรเทาและอารมณ์ความสุขของการแสดงออก, กับผู้คนมากมายกว่าที่เคย. มันจะเห็นได้ชัดโดยสิ่งต่างๆภายนอกเข้ามาสู่ชีวิตมากขึ้น, และมิตรภาพ, และสังเกตถึงการดำรงอยู่ของความสงบใหม่ๆ, และมีความเครียดน้อยลงในสถานการณ์ที่เผชิญหน้า. พูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่าสันติภาพใหม่ได้ก่อตัวขึ้นบนโลก, นั่นจะนำมาซึ่งจุดจบของความวุ่นวาย, ความขัดแย้ง และสงคราม. คุณได้ตั้งระดับและพวกเราจะช่วยเหลือคุณให้บรรลุถึงความฝันของคุณ, มีการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นมากมายที่จะนำคุณเข้าสู่ยุคใหม่. ขณะนี้คุณอยู่ที่จุดเริ่มต้นของเวลาที่น่าอัศจรรย์ของความพึงพอใจและความสุข.

    We know that you will be focusing upon how you should prepare for what is coming, and you know that it is beneficial to be settled in your mind, and on the day if possible find a place where you can be in peace and completely relax. The energies will peak at 11.11am but continue afterwards and you may register these for quite some time. Again as with 12.12. your immediate impression is likely to be your most powerful, but take note of your changes in the days following. All told it would be surprising if you felt nothing at all, but that could arise from being unable to determine what is normal, or the result of the alignment. Do not doubt your feelings as you are far more sensitive to changes than you give yourself credit for.

    พวกเรารู้ว่าคุณจะเพ่งความสนใจอยู่กับวิธีการที่คุณเตรียมตัวสำหรับสิ่งที่กำลังมาถึง, และคุณรู้ว่ามันเป็นประโยชน์ที่จะตั้งหลักในจิตใจของคุณ, และวันหนึ่งถ้าหากเป็นไปได้จะค้นพบสถานที่ที่คุณสามารถอยู่ในความสุขและผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์. พลังงานจะสูงสุดในเวลา 11.11 โมงเช้า แต่ต่อเนื่องไปหลังจากนั้น และคุณอาจจะรับมันค่อนข้างเป็นบางเวลา. อีกครั้งในเวลา 12.12 โมง ความประทับใจในทันทีทันใดของคุณจะคล้ายกับเป็นพลังอำนาจสูงสุดของคุณ, แต่ให้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของคุณในวันต่อๆมา. สิ่งที่บอกทั้งหมดจะเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจถ้าหากคุณยังไม่รู้สึกใดๆทั้งสิ้น, แต่สิ่งนั้นอาจจะมาจากการไม่สามารถจะแยกแยะได้ว่าอะไรที่เป็นปกติ, หรือเป็นผลลัพธ์ของการจัดแนว. อย่าสงสัยความรู้สึกของคุณ ซึ่งคุณอยู่ไกลเกินกว่าความรู้สึกของการเปลี่ยนแปลง ให้ตัวคุณได้รับความดีความชอบสำหรับสิ่งนี้.

    Dear Ones, these end times are what you have been waiting for, and they will not disappoint you. Knowing that duality is at an end will lift you into another dimension, and enable you to cast away your links to the lower vibrations. You will move from lives of uncertainty, problems and stress, to one of great happiness and a joyous future of peace and contentment. It cannot be held back, and those who were part of the Illuminati will no longer have any power to do so, or influence the outcome.

    ที่รักทั้งหลาย, เวลาสุดท้ายนี้คือสิ่งที่คุณกำลังรอคอย, และมันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง. ให้รู้ว่าทวิภาวะได้มาถึงจุดจบแล้ว และจะยกระดับคุณขึ้นสู่มิติอื่น, และให้คุณออกห่างจากการเชื่อมโยงกับความถี่ระดับต่ำ. คุณจะย้ายออกจากชีวิตที่ไม่แน่นอน, ปัญหา และความเครียด, ไปสู่ความสุขที่ยิ่งใหญ่และอนาคตที่เพลิดเพลินของสันติภาพและความพึงพอใจ. มันจะไม่ถูกเหนี่ยวรั้ง, และเหล่าสมาชิกของกลุ่มอิลูมินาติจะไม่มีพลังอำนาจที่จะทำสิ่งนั้นได้อีกต่อไป, หรือมีอิทธิพลต่อผลลัพธ์.

    I am SaLuSa from Sirius, and will be watching your progress very intently. We want you to have your experiences without any further influence from us for the time being. The Galactic Federation are so pleased with your victory for the Light, and wish you every enjoyment in the immediate days.

    I am SaLuSa from Sirius, และจะเฝ้ามองความก้าวหน้าของคุณอย่างตั้งใจ. พวกเราต้องการให้คุณมีประสบการณ์โดยปราศจากการมีอิทธิพลจากพวกเรามากเกินไปสำหรับเวลานี้. สมาพันธ์แกแลกติกมีความยินดีกับชัยชนะของคุณสำหรับแสงสว่าง, และปรารถนาให้คุณมีความสุขทุกๆสิ่งในวันเหล่านั้น.

    Thank you SaLuSa.
    Mike Quinsey

    ด้วยรักที่ไม่มีเงื่อนไข ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...