ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,777
    ค่าพลัง:
    +16,086
    การบริจาคประจำเดือน ก.ค.64 ของ รพ.ภูมิภาคทั้ง 8 แห่ง ดังนี้
    - รพ.เชียงแสน จ.เชียงราย 4,000.-บาท
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว จ.น่าน 4,000.-บาท
    - รพ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน 6,000.-บาท
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย จ.เลย 6,000.-บาท
    - รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ 4,000.-บาท (ผ่านมูลนิธิ รพ.สวนดอก)
    - รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 5,000.-บาท (ผ่านมูลนิธิ ลป.เทสก์)
    - รพ.50 พรรษาฯ จ.อุบล 4,000.-บาท
    - รพ.ปัตตานี จ.ปัตตานี 4,000.-บาท
    รวม 37,000.-บาท

    พันวฤทธิ์
    6/8/64
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. rung847

    rung847 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    812
    ค่าพลัง:
    +3,404
    ร่วมบุญครับสาธุๆทุกประการ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. THANARATH 2010

    THANARATH 2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +1,721
    ผมขอร่วมบุญฝากกระแสกับ "ศ. ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร" เพื่อบริจาคเงินบำรุงโรงพยาบาลสงฆ์และโรงพยาบาลอื่นๆ เพื่อประโยชน์ในการรักษาพยาบาลภิกษุสงฆ์หรือสามเณรอาพาธ (23-08-21 โอน 300 บ.) อนุโมทนา สาธุ ครับ
     
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,777
    ค่าพลัง:
    +16,086
    ประมาณการ การบริจาคประจำเดือน ส.ค.64 ของ รพ.ภูมิภาคทั้ง 8 แห่ง ดังนี้

    - รพ.เชียงแสน จ.เชียงราย 4,000.-บาท
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว จ.น่าน 4,000.-บาท
    - รพ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน 6,000.-บาท
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย จ.เลย 6,000.-บาท
    - รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ 4,000.-บาท (ผ่านมูลนิธิ รพ.สวนดอก)
    - รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 5,000.-บาท (ผ่านมูลนิธิ ลป.เทสก์)
    - รพ.50 พรรษาฯ จ.อุบล 4,000.-บาท
    - รพ.ปัตตานี จ.ปัตตานี 4,000.-บาท

    รวม 37,000.-บาท

    โดยผมและกรรมการของทุนนิธิฯ จะได้ดำเนินการเบิกเงินจากบัญชีเพื่อเตรียมการไปบริจาคต่อไปในสัปดาห์หน้าครับ

    พันวฤทธิ์
    31/8/64

    ผมได้ดำเนินการโอนปัจจัยบริจาคไปยัง รพ.ต่างๆ แล้วในวันนี้ ขออนุโมทนากับทุกท่านอีกครั้งนึงครับ

    ด้วยความเคารพ

    พันวฤทธิ์
    9/9/64
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2021
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,777
    ค่าพลัง:
    +16,086
    ❖ คำครู คำสอนหลวงปู่หงษ์ ครูบาอาจารย์สอนว่า ก่อนนอนให้กราบไหว้ คุณพระศรีรัตนตรัย แล้วกราบหมอน ยามตื่น ให้กราบไหว้ อย่าเนรคุณ แม้หมอนที่หนุนหัวนอน ให้ตั้งตนไว้บนความกตัญญูรู้คุณสิ่งที่ให้ประโยชน์อาศัย ก่อนออกจากบ้านยกมือไหว้รำลึกถึง คุณพ่อ, แม่, ครูบาอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้คุณพระคุ้มครอง ลูกออกไปร่ำเรียน ทำกิจการค้า หาอยู่หากิน ให้เจอแต่คนดี ค้าขายดี มีแต่คนรักใคร่ช่วยเหลือ อันตรายอย่าได้มาแพ้วพาน แล้วจึงไป … พอยามตกเย็นกลับมาถึง ก็ให้ยกมือไหว้อีกครา … บอกกล่าวว่าลูกกลับมาแล้วโดยสะดวก ปลอดภัย ไม่ใช่กราบๆ
    ก็ลุกจากไป ไม่บอกกล่าว หากมีภัยครูบาอาจารย์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไซร้ ได้แต่ยืนดู เพราะไม่หวังพึงหรือร้องขอ ก็ปล่อยไปตามยถากรรม ...

    #พระโพธิสัตว์แดนอีสานใต้ ...
    หลวงปู่หงษ์_พรหมปัญโญ
    ------------------------------------------------------------------
    จดหมายเหตุพระเกจิ
    ❀❀❀❀❀❀❀❀
    ❀#ขอขอบคุณที่กดไลท์กดแชร์❀
    ❀#เพื่อเผยแผ่บารมีเป็นสังฆบูชา❀
    ❀#เทิดทูนเกียรติคุณครูบาอาจารย์❀
    #กราบสักการะพระเถราจารย์ผู้ทรงอภิญญา
    ❀#จดหมายเหตุพระเกจิ❀
     
  6. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    908
    ค่าพลัง:
    +4,280
    สรุปรายชื่อทำบุญ เดือน สิงหาคมคม พศ 2564_Page_1.png สรุปรายชื่อทำบุญ เดือน สิงหาคมคม พศ 2564_Page_2.png สรุปรายชื่อทำบุญ เดือน สิงหาคมคม พศ 2564_Page_3.png
     
  7. sitprogpo

    sitprogpo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +357
    ร่วมอนุโมทนาและร่วมทำบุญ 200 บาท กับทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ ด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2021
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,777
    ค่าพลัง:
    +16,086
    ประวัติพระสมเด็จเขียว (สมเด็จปีระกา) หรือสมเด็จกรุวัดบางน้ำชน

    พระสมเด็จ ตระกูลนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ "สมเด็จปีระกา" ,"สมเด็จปีระกาป่วงใหญ่" "สมเด็จเขียว"
    เมื่อเกิดโรคป่วงหรืออหิวาห์ตกโรคขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2416 หลังจากที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ(โต)ถึงแก่ชีพิตักษัย(มรณภาพ)เมื่อปี พ.ศ.2415แล้วโรคป่วงหรืออหิวาห์ตกโรคได้คร่าชีวิตผู้คนไปจำนวนมากมายเป็นหมื่นคนโรคนี้ระบาดอยู่ถึง 30 วัน นับเป็นโศกนาฏกรรมที่รุนแรงจนต้องลงบันทึกในประวัตศาสตร์
    เมื่อปีระกา พ.ศ.2416 เกิดโรคอหิวาต์(โรคป่วง) ครั้งใหญ่ ผู้คนล้มตายกันมาก กล่าวในจดหมายเหตุบัญชีน้ำฝนของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ (เล่ม3) ดังนี้
    "ระกาความไข้ คนตายนับได้ เกือบใกล้สี่พัน เบาน้อยกว่าเก่า หาเท่าลดกันมะโรงก่อนนั้น แสนหนึ่งบัญชี เขาจดหมายไว้ในสมุดปูนมีมากกว่าดังนี้เป็นไป
    (เดือน 8 ข้างขึ้น)

    เกิดไข้ในวัดม้วย วันละคน
    ตั้งแต่สองค่ำดล หกเว้น
    ศิษย์พระวอดวายชนม์ ถึงสี่ เทียวนา
    บางพวกไกลโรคเร้น ชีพตั้ง ยังเหลือ
    จบเสร็จเผด็จสิ้น ปีระกา
    โรคป่วงเกิดมีมา ทั่วดาน
    น้ำน้อยไม่เข้านา เสียมาก เทียวแฮ
    ในทุ่งรวงข้าวม้าน ไค่กล้า นาเสีย"

    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ(โต)ได้มาเข้าฝันชาวบ้านบางช้างให้เอาพระพิมพ์ของท่านทำน้ำมนต์ดื่มกินเพื่อแก้โรคร้ายซึ่ง เมื่อคนกินแล้ว หายข่าวแพร่สะพัดเข้าพระกรรณ พระพุทธเจ้าหลวง
    กล่าวกันว่า ในคราวนั้นสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ทรงพระราชทานแจกสมเด็จ (ชนิดปรกเมล็ดโพธิ์ ที่เรียกกันว่า "สมเด็จเขียว")จึงทรงนำพระสมเด็จที่ทรงเก็บไว้ แจกข้าราชการเป็นการใหญ่ ทำให้โรคระบาดสงบลงอย่างรวดเร็ว ว่าคนเป็นอันมากได้รอดตายเพราะพระสมเด็จนั้น จึงเกิดกิตติศัพท์เลื่องลือกันแพร่หลายสืบมา
    “ พระสมเด็จเขียว ” หรือ “ พระสมเด็จปีระกา ” ที่ประชาชนโดยทั่วไปเรียกเป็นชื่อและกล่าวขานถึง นั่นคือพระสมเด็จวัดระฆังที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ท่านได้จัดสร้างไว้ ส่วนพระสมเด็จชุดนี้จะสร้างที่วัดระฆัง หรือ วัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) ก็มิอาจทราบได้ แต่ถ้าให้วิเคราะห์ก็น่าจะสร้างที่วัดระฆังและนำไปบรรจุกรุที่วัดพระแก้ววังหน้า เพราะในเวลานั้น (ปี พ.ศ. ๒๔๐๘ – ๒๔๑๒) เจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค) เจ้าคุณกรมท่าในสมัยรัชกาลที่ ๔ เจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) เจ้าคุณกรมท่าในสมัยรัชกาลที่ ๕ อันเป็นตำแหน่งที่ประชาชนในสมัยนั้นเรียกขาน (แต่ตำแหน่งทางราชการที่แท้จริงทั้งเจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค) และเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) คือตำแหน่งเสนาบดีกรมคลังซึ่งในขณะนั้นดูแลกรมท่าด้วย เพิ่งมาแยกใน ปี พ.ศ. ๒๔๑๘ เป็นกระทรวงการต่างประเทศ) และกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญสถานมงคล (วังหน้า) ได้ร่วมกันสร้างพระสมเด็จวัดพระแก้ว แต่ที่น่าแปลกก็เพราะว่ามีพระสมเด็จสกุลนี้ส่วนหนึ่งถูกเก็บไว้ในวิหารน้อยที่วัดระฆังฯ ด้วยเช่นกัน พระสมเด็จเขียวชุดนี้จะมีพุทธศิลป์ เนื้อมวลสารถึงยุคคือ องค์พระสวยงามได้สัดส่วนพบทั้งแบบพิมพ์สมัยใหม่ และแบบพิมพ์โบราณของวัดระฆัง คือพิมพ์ชิ้นเดียว และพิมพ์สองชิ้นแบบถอดยก ส่วนเนื้อมวลสารมีความละเอียดแก่ปูนแข็งแกร่งแต่หนึกนุ่มดูซึ้งเมื่อผ่านการใช้ในระยะเวลาหนึ่ง (บางท่านอาจคิดว่าเป็นพระสมเด็จบางขุนพรหม) สีขององค์พระออกเป็นสีเขียวเข้ม และสีเขียวก้านมะลิ อันเนื่องมาจากการสร้างที่มีการพัฒนาทรงพิมพ์เนื้อมวลสาร แต่กลับปรากฏคราบไขสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญประการหนึ่งของพระสมเด็จวัดระฆัง ส่วนที่มาของสีเขียวนั้น ในสมัยยุคแรกๆก็ได้มีการสร้างพระสมเด็จวัดระฆังที่มีวรรณะสีเขียวเหมือนกันแต่ต่างกันตรงสีที่ใช้นั้นมาจากพืช โดยการใช้ต้นตำลึง และต้นคระไคร้นำมาคั้นจนได้น้ำสีเขียวนำมาผสมกับส่วนผสมตามสูตร สร้างเป็นพระสมเด็จวรรณะสีเขียวซึ่งสามารถนำมาแช่ทำน้ำมนต์รักษาโรคได้ โดยเฉพาะโรคอหิวา (โรคห่า) จากนั้นก็จะมีการสร้างจากหินลับมีดโกนที่สึกกร่อนจากการลับมีดที่ใช้ปลงผมพระ นำมาย่อยสลายด้วยการตำบดให้ละเอียดจัดสร้างเป็นพระสมเด็จวัดระฆังเนื้อหินลับมีดโกนขึ้น พระชุดนี้ (พระสมเด็จเขียว หรือ พระสมเด็จปีระกา) มีทั้งหมดหกพิมพ์ ได้แก่ พิมพ์ประธาน พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์ปรกโพธิ์ (ปรกโพธิ์เม็ดและปรกโพธิ์บาย) พิมพ์สังฆาฏิ (มีหูและไม่มีหู) พิมพ์ฐานคู่ และพิมพ์ฐานแซม จำนวนการสร้างประมาณหนึ่งหมื่นองค์
    เหตุแห่งความเลื่อมใสศรัทธาของประชาชนเป็นอย่างยิ่งต่อพระสมเด็จชุดนี้ก็เมื่อครั้งเกิด อหิวา หรือโรคห่าระบาดใหญ่ ในวันเสาร์ เดือน ๗ ปี พ.ศ. ๒๔๑๖ ในสมัยต้นรัชกาลที่ ๕ เกิดระบาดนานถึง ๓๐ วัน มีผู้คนล้มตาย เป็นอันมากไม่ว่าเจ้าไม่ว่านาย บ่าวไพร่ และประชาชนโดยทั่วไป ตามพระราชพงศาวดารบันทึกไว้ว่ามีคนตายด้วยโรคนี้เป็นจำนวนถึงหลายหมื่นคน จนมีเรื่องเล่ากันว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ได้ไปเข้าฝันประชาชนให้อาราธนาพระสมเด็จฯมาทำน้ำมนต์ดื่มกิน และด้วยความศักดิ์สิทธิ์ผู้ที่ดื่มน้ำมนต์นี้หายจากโรคอหิวาได้อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง จึงมีชาวบ้านจากทั่วทุกสารทิศมาที่วัดระฆังเป็นจำนวนมาก พระสมเด็จที่ถูกเก็บไว้ที่วิหารน้อยจำนวนหลายพันองค์ถูกแจกจ่ายให้กับประชาชนโดยทั่วไปจนหมด จึงเกิดการซื้อขายขึ้นกล่าวกันว่าราคาขายในขณะนั้นเพียงองค์ละหนึ่งถึงสามตำลึงเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีอาจารย์และผู้รู้อีกหลายท่านได้เขียนไว้ในหนังสือหลายเล่ม รวมทั้งกล่าวด้วยประสบการณ์ว่าหลังจากที่โรคอหิวานี้สงบลง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้มอบพระสมเด็จชุดนี้จำนวนหนึ่งให้แก่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ ประชาชนโดยทั่วไปเพื่อไว้ป้องกันโรค และอีกส่วนหนึ่งนำไปบรรจุกรุไว้ที่วัดบางน้ำชน เขตธนบุรี กรุงเทพฯ นี่คือที่มาของพระสมเด็จเขียวที่แสดงอิทธิคุณ และพุทธคุณในทางรักษาโรคภัยไข้เจ็บ
    อีกข้อมูลที่ได้มาจาก อ.ประถม อาจสาคร
    พระสมเด็จกรุบางน้ำชน (ปีระกาป่วงใหญ่) นี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ "สมเด็จปีระกา" ,"สมเด็จปีระกาป่วงใหญ่" ,"สมเด็จเขียว" , "สมเด็จกรุบางน้ำชน" เป็นพระสมเด็จที่สร้างขึ้นที่วัดบวรสถานสุทธาวาส(วัดพระแก้ววังหน้า)และทันท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ(โต)ปลุกเสกและที่ถือว่าเป็นรุ่นพี่สมเด็จกรุบางขุนพรหมเพราะสร้างก่อน
    อหิวาตกโรคเป็นโรคระบาดร้ายแรงชนิดหนึ่ง คนสมัยก่อนหาสมุฏฐานไม่ได้เข้าใจกันว่าผีห่ากินตายกันจนหยุดไปเอง ปรากฏประวัติว่าสมัยแผ่นดินพระเจ้าอู่ทองเกิดโรคห่าลง คนตายจนเมืองอู่ทองร้าง ตำนานอำเภอสัตหีบว่า พระเจ้าอู่ทองหนีภัยผีห่ามาทางทะเลจนถึงชายทะเลฝั่งตะวันออก เรือนั้นบรรทุกหีบขนาดใหญ่มาถึง 7 ใบ พระเจ้าอู่ทองลงซ่อนตัวในหีบเพื่อหนีผีห่า เมื่อโรคห่าซาลงแล้วเสด็จกลับไปสร้างเมืองอยุธยาเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.1893 และในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์เกิดการแพร่ระบาดของโรคห่าถึง 3 ครั้ง คือในสมัย ร.2 ร.3 และในสมัย ร.5 เรื่องของสมเด็จปีระกาป่วงใหญ่สมัย ร.5 โรคอหิวาต์เกิดการระบาดขึ้นในวันแรก ณ วันเสาร์แรม 11 ค่ำ เดือน 7 ปี พ.ศ. 2416 ถึงวันอาทิตย์แรม 11 ค่ำ เดือน 8 อหิวาต์ก็สงบ เป็นอยู่ประมาณ 30 วัน ผู้คนล้มตายกันเป็นจำนวนหมื่น เจ้าประคุณสมเด็จมาเข้าฝันคนเรือและคนตามบ้านให้นำพระพิมพ์ของท่านทำน้ำมนต์มาดื่มกินแก้โรคอหิวาต์ หลังจากนั้นโรคอหิวาต์ก็หายภายใน 7 วัน นับว่า เป็นการ์ช่วยเหลือประชาราษฏร์ไว้มิใช่น้อย ในหลวง ร.5 ทรงบรรลุนิติภาวะในปีนั้น ทรงนำพระพิมพ์สมเด็จที่เหลือจากการบรรจุกรุที่วัดบางน้ำชนจำนวนหนึ่ง ทรงพระราชทานแก่ประชาราษฏร์และข้าราชการในสำนัก

    พระพิมพ์สมเด็จดังกล่าวนี้ได้จัดการสร้างและเสกที่วัดบวรสถานสุทธาวาสหรือวัดพระแก้ววังหน้า มิได้สร้างจากวัดระฆัง มีอยู่หลายพิมพ้ด้วยกันที่แพร่หลายมากก็คือ พิมพ์ปรกโพธิ์เม็ด ชาวบ้านชาวเมืองในสมัยนั้น พากันกล่าวขานว่า "พระสมเด็จปีระกา" หรือ "พระสมเด็จเขียว" อันเนื่องมาจากพระพิมพ์สมเด็จนี้ปรากฏวรรณะสีเขียวอ่อนๆ ทรงพิมพ์กระเดียดไปทางพระสมเด็จกรุวัดใหม่อมตรสหรือวัดบางขุนพรหม ส่วนที่ฝากกรุก็มีอยู่บ้าง แต่ก็เป็นจำนวนน้อยและยังพบซ่อนอยู่บนเพดานโบสถ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ก็มีอยู่ ที่พบมากก็คือการแตกกรุของเจดีย์วัดบางน้ำชนใกล้สะพานกรุงเทพฯ เป็นพระสมเด็จแท้ คราบกรุพอสวย ไม่หนาเหมือนพระสมเด็จบางขุนพรหมกรุใหม่ เนื้อพระแห้งสนิทหากใช้แขวนตามธรรมชาติไม่เลี่ยมปิด ผิวเนื้อพรจะหนึกนุ่มผู้ที่ไม่จัดเจนเคยเสนอราคาให้จำนวนเงินเป็นล้าน แต่เจ้าของพระไม่ยอมออกตัวเพราะได้รับประสบการณ์มาแล้ว บางคนเอาตราวัดบางขุนพรหมปลอมมาประทับด้านหลัง หลอกลวงว่าเป็นพระสมเด็จบางขุนพรหมกรุใหม่
    พระสมเด็จชุดนี้ปัจจุบันหายากมาก ในวงการไม่ค่อยให้ความสนใจและอาจตีเป็นพระไม่แท้ดังเช่นพระสมเด็จพิมพ์อื่นๆอีกหลายร้อยพิมพ์ ตรงนี้ถือเป็นโอกาสของพวกเราที่เคารพบูชาสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ด้วยจิตบูชาหาใช่การใช้ราคาเป็นสรณะ ทำให้เรามีโอกาสได้ครอบครองพระสมเด็จได้ง่ายขึ้น...

    จากข้อเขียนของ อ.ประถม อาจสาคร ในหนังสือวิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จเจ้าคุณกรมท่า

    ปล.ปัจจุบันนี้พระพิมพ์สมเด็จกรุนี้ราคายังไม่แพงแค่หลักพันต้น แต่กระแสพลังงานเหลือร้าย ก็ผู้เสกองค์เดียวกับพระหลักสิบล้านร้อยล้าน แขวนแล้วไปเหนือล่องใต้สบายใจหายห่วงครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2021
  9. THANARATH 2010

    THANARATH 2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +1,721
    ผมขอร่วมบุญฝากกระแสกับ "ศ. ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร" เพื่อบริจาคเงินบำรุงโรงพยาบาลสงฆ์และโรงพยาบาลอื่นๆ เพื่อประโยชน์ในการรักษาพยาบาลภิกษุสงฆ์หรือสามเณรอาพาธ (9-9-21 โอน 300 บ.) อนุโมทนา สาธุ ครับ
     
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,777
    ค่าพลัง:
    +16,086
    ประมาณการ การบริจาคประจำเดือน ก.ย.64 ของ รพ.ภูมิภาคทั้ง 8 แห่ง ดังนี้

    - รพ.เชียงแสน จ.เชียงราย 4,000.-บาท
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว จ.น่าน 4,000.-บาท
    - รพ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน 6,000.-บาท
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย จ.เลย 6,000.-บาท
    - รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ 4,000.-บาท (ผ่านมูลนิธิ รพ.สวนดอก)
    - รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 5,000.-บาท (ผ่านมูลนิธิ ลป.เทสก์)
    - รพ.50 พรรษาฯ จ.อุบล 4,000.-บาท
    - รพ.ปัตตานี จ.ปัตตานี 4,000.-บาท

    รวม 37,000.-บาท

    พันวฤทธิ์
    30/9/64
     
  11. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    908
    ค่าพลัง:
    +4,280
    สรุปรายชื่อทำบุญ เดือน กันยายน พศ 2564  ใหม่_Page_1.png สรุปรายชื่อทำบุญ เดือน กันยายน พศ 2564  ใหม่_Page_2.png สรุปรายชื่อทำบุญ เดือน กันยายน พศ 2564  ใหม่_Page_3.png
     
  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,777
    ค่าพลัง:
    +16,086
    ผมได้ดำเนินการโอนปัจจัยบริจาคไปยัง รพ.ต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขออนุโมทนากับทุกท่านอีกครั้งนึงที่ได้บริจาคปัจจัยผ่านบัญชีทุนนิธิฯ นี้มาครับ

    ด้วยความเคารพ


    พันวฤทธิ์
    11/10/64
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,777
    ค่าพลัง:
    +16,086
    เทวดาประจำตัวของเรา คือใคร...
    ทุกคนล้วนมีเทวดาประจำตัว
    ยามพบวิกฤติของชีวิต
    มักจะพบหนทางเล็กๆ ที่ทำให้หลุดพ้นมาได้
    นั่นเพราะท่านชี้แนะทางตามบุญเรานั่นเอง

    หากจะพูดว่าเทวดาประจำตัว
    ท่านคือ “เจ้ากรรมนายเวร”
    ของเราอีกแบบหนึ่งก็คงไม่ผิด

    ท่านคือ คนที่เรามีบ่วงกรรมผูกพันกัน
    เป็นเจ้ากรรมนายเวรฝ่ายดี
    ที่คอยดูแล ดลใจ ช่วยเหลือ

    อาจเป็นบรรพบุรุษของเรา
    พ่อแม่เราทั้งในภพนี้และหลายๆ ภพที่ผ่านมา
    เป็นพี่น้อง ลูก ญาติที่รักเรา
    ปรารถนาดีต่อเราสุดหัวใจ

    เวลาที่เราทุกข์แสนสาหัส
    เวลาที่เรานึกว่าไม่รอดแล้ว
    แต่แล้ว จู่ๆ เราเหมือนถูกดันออกพบความสว่าง
    นั่นเป็นเพราะท่านชี้ทางให้เรา
    ซึ่งก็ต้องเป็นไปตามบุญกรรมของเราด้วย

    อย่างไรเสียทุกคนยังคงต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรม
    ไม่มีใครเหนือกรรมของตนได้
    กรรมดีหรือกรรมชั่วก็เป็นไปตามนั้น

    เทวดาท่านอาจจะมีส่วนช่วยเหลือ
    ก็แค่เพียงชี้ทางสว่างให้
    แต่เราจะไปตามนั้นหรือไม่ก็ยังต้องอยู่ที่เรา

    หากมีจิตมีบุญเป็นพื้นฐาน
    ย่อมเชื่อมต่อจิตกับท่านได้ง่าย
    เห็นช่องทางหลุดพ้นกรรม
    และนำตนเองหลุดพ้นได้

    ครูบาอาจารย์ท่านจะแนะนำเสมอว่า
    เมื่อสร้างบุญครั้งใดให้อุทิศให้เทวดาประจำตัวด้วย
    เวลาจะสร้างบุญ สวดมนต์ ทำสมาธิเจริญภาวนา
    เชิญท่านมาร่วมอนุโมทนาบุญด้วย

    ทำเถิด วันหนึ่งที่เราลำบาก
    ท่านจะมาช่วยให้พ้นภัย...

    ธ.ธรรมรักษ์
    สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ, การให้ธรรมะเป็นทาน
    ย่อมชนะการให้ทั้งปวง
     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,777
    ค่าพลัง:
    +16,086
    ประมาณการ การบริจาคประจำเดือน พ.ย.64 ของ รพ.ภูมิภาคทั้ง 8 แห่ง ดังนี้

    - รพ.เชียงแสน จ.เชียงราย 4,000.-บาท
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว จ.น่าน 4,000.-บาท
    - รพ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน 6,000.-บาท
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย จ.เลย 6,000.-บาท
    - รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ 4,000.-บาท (ผ่านมูลนิธิ รพ.สวนดอก)
    - รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 5,000.-บาท (ผ่านมูลนิธิ ลป.เทสก์)
    - รพ.50 พรรษาฯ จ.อุบล 4,000.-บาท
    - รพ.ปัตตานี จ.ปัตตานี 4,000.-บาท

    รวม 37,000.-บาท

    พันวฤทธิ์
    29/10/64
     
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,777
    ค่าพลัง:
    +16,086
    ความดีหรือบุญกุศลเปรียบเหมือน แสงไฟ...

    ผู้ที่ทำบุญกุศลอยู่อย่างสม่ำเสมอเพียงพอ
    แม้จะเหมือนไม่ได้รับผลของความดี
    และบางครั้งก็เหมือนทำดีไม่ได้ดี ทำดีได้ชั่วเสียด้วยซ้ำ
    เช่นนี้ก็เหมือนจุดไฟในท่ามกลางแสงสว่างยามกลางวัน
    ย่อมไม่ได้ประโยชน์ จากแสงสว่างนั้น

    แต่ถ้าตกค่ำมีความมืดมาบดบังแสงสว่างนั้นย่อมปรากฏ
    ขจัดความมืดให้สิ้นไป สามารถแลเห็นอะไรๆ ได้
    เห็นอันตรายที่อาจมีอยู่ได้
    จึงย่อมสามารถหลีกพ้นอันตรายเสียได้

    ส่วนผู้ไม่มีแสงสว่างอยู่กับตน เช่นไม่มีเทียนจุดอยู่
    เมื่อถึงยามกลางคืนมีความมืดมิด ย่อมไม่อาจขจัดความมืดได้
    ไม่อาจเห็นอันตรายได้ ไม่อาจหลีกพ้นอันตรายได้

    ผู้ทำความดีเหมือนผู้มีแสงสว่างอยู่กับตัว ไปถึงที่มืดคับขัน
    ย่อมสามารถดำรงตนอยู่ได้ด้วยดีพอสมควรกับความดีที่ทำอยู่

    ตรงกันข้ามกับผู้ไม่ได้ทำความดีซึ่งเหมือนกับผู้ไม่มีแสงสว่างอยู่กับตัว
    ขณะยังอยู่ในที่สว่าง อยู่ในความสว่างก็ไม่ได้รับความเดือดร้อน
    แต่เมื่อใดตกไปอยู่ในที่มืดคือที่คับขันย่อมไม่สามารถดำรงตนอยู่ได้อย่างสวัสดี ภัยอันตรายมาถึงก็ไม่รู้ไม่เห็น ไม่อาจหลีกพ้น คนทำดีไว้เสมอกับคนไม่ทำดีแตกต่างกันเช่นนี้ประการหนึ่ง

    สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
    วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร
    Credit ๑๐๐ พระชันษา สมเด็จพระสังฆราช
     
  16. ทวีศุข

    ทวีศุข Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +271
    ร่วมบุญ 100 บาทครับ อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ สาธุ โอน 1/11/64 เวลา 10.11 น.
     
  17. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    908
    ค่าพลัง:
    +4,280
    สรุปรายชื่อทำบุญสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2564_Page_1.png

    สรุปรายชื่อทำบุญสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2564_Page_2.png

    สรุปรายชื่อทำบุญสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2564_Page_3.png
     
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,777
    ค่าพลัง:
    +16,086
    รายงานการบริจาคประจำเดือน ต.ค.64 ของ รพ.ภูมิภาคทั้ง 8 แห่ง

    - รพ.เชียงแสน จ.เชียงราย 4,000.-
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว จ.น่าน 4,000.-
    - รพ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน 6,000.-
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย จ.เลย 6,000.-
    - รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ 4,000.-(ผ่านมูลนิธิ รพ.สวนดอก)
    - รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 5,000 (ผ่านมูลนิธิ ลป.เทสก์)
    - รพ.50 พรรษาฯ จ.อุบล 4,000.-
    - รพ.ปัตตานี จ.ปัตตานี 4,000.-

    รวม 37,000.-



    ปล.เดือนนี้ผมได้โอนเงินสับสนจาก รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น จำนวนเงิน 5,000- เบิ้ลไปยัง รพ.สวนดอก ดังนั้น ในเดือนหน้า จึงจะปรับยอดคืนไปยัง รพ.ศรีนครินทร์และตัดยอดโอนของ รพ.สวนดอก ออกไป 4,000-ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. rung847

    rung847 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    812
    ค่าพลัง:
    +3,404
    สาธุๆๆครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,777
    ค่าพลัง:
    +16,086
    ประมาณการ การบริจาคประจำเดือน พ.ย.64 ของ รพ.ภูมิภาคทั้ง 8 แห่ง

    - รพ.เชียงแสน จ.เชียงราย 4,000.-
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว จ.น่าน 4,000.-
    - รพ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน 6,000.-
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย จ.เลย 6,000.-
    - รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ .-(ผ่านมูลนิธิ รพ.สวนดอก) งดบริจาคเนื่องจากนำเงินของ รพ.ศรีนครินทร์ บริจาคเกินไปในเดือนที่แล้ว
    - รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 9,000 (ผ่านมูลนิธิ ลป.เทสก์)บริจาคเพิ่มเนื่องจากเดือนที่แล้วบริจาคผิดพลาดไปยัง รพ.มหาราช
    - รพ.50 พรรษาฯ จ.อุบล 4,000.-
    - รพ.ปัตตานี จ.ปัตตานี 4,000.-

    รวม 37,000.-

    พันวฤทธิ์
    30/11/64
     
  21. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,777
    ค่าพลัง:
    +16,086
    หลวงพ่อตัดท่านสอนดี ลองตั้งใจอ่านดูน่ะครับ

    ”อยากจนให้เลี้ยงพระ...อยาก รวยให้เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย...อยากสุขสบายให้เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่”

    คำสอนของหลวงพ่อตัด ปวโร (ท่านเจ้าคุณพระพุทธวิริยากร) อดีตเจ้าอาวาสวัดชายนา อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี

    ทำไมเลี้ยงพระเราต้องจนด้วยครับ ท่านก็ไขข้อสงสัยให้กระจ่างว่า...มึงรู้มั้ย ไอ้พระหลายๆรูปน่ะ มีเงินฝากในธนาคาร มีเก็บไว้ในกุฏิ มีทรัพย์สินต่างๆตั้งเท่าไหร่ คนแห่แหนเอาเงินไปให้ ทั้งที่อยู่ดีมีสุขนอนสบายในห้องแอร์ อยู่ดีกินดียิ่งกว่าคนที่เอาเงินไปให้อีก เอาเงินมาซื้อควายเลี้ยง มึงยังจะรวยเสียกว่าเอาเงินไปให้พระซะอีก ถ้าอยากสุขสบายให้ดูแลพระในบ้านให้ดี พ่อกับแม่นั้นสำคัญที่สุด ถ้าเลี้ยงกายไม่ได้ก็ให้เลี้ยงใจ ...การเลี้ยงกายก็คือให้ท่านอยู่ดีกินดี มีอะไรดีๆ ก็สรรหาให้ท่านกินท่านอยู่ แต่ถ้าเงินไม่มากเลี้ยงกายไม่ไหวก็ให้เลี้ยงใจแทน การเลี้ยงใจก็คือการทำให้พ่อแม่สุขสบายใจ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ท่าน ไม่นำเรื่องปวดหัวมาให้ท่าน แต่ถ้าเลี้ยงกายไม่ได้แสดงว่ามึงเสียชาติเกิด ถ้ามึงคิดจะคบใคร อยากสมาคมกับใคร มึงลองสังเกตุคนๆ นั้นให้ดีๆ ถ้ามันเอาใจใส่พ่อแม่ มันดีแสดงว่ามันใช้ได้ แต่ถ้ามันละเลยหลงลืมพ่อแม่ มึงอย่าได้เอาตัวเข้าไปคลุก มันเปลืองตัว ก็ขนาดพ่อแม่มัน มันยังไม่รักไม่เอาใจใส่ นับประสาอะไรกับมึงล่ะ..."มีพระน้อยมากที่จะสอนแบบนี้ส่วนมากชวนทำบุญบริจาค


    ขอกราบแทบเท้าท่านหลวงพ่อตัดที่ได้เทศน์เตือนสติเราครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...