ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    หลักปฏิบัติในการบวชอยู่ที่บ้าน (บวชใจ)

    หลักปฏิบัติในการบวชอยู่ที่บ้าน

    การบวชอยู่ที่บ้านนั้น ก็ต้องอาศัยหลักธรรมะ ที่เป็นเนื้อแท้
    หรือเป็นตัวแท้ของพระพุทธศาสนาที่มีอยู่เป็นหลักชัดเจนตายตัว
    ในที่นี้ จะเลือกเอามาสักหมวดหนึ่ง สำหรับยึดเป็นหลักปฏิบัติ
    คือหมวดธรรมที่มีชื่อว่า อินทรีย์ทั้ง 5 คือ
    สัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา
    5 อย่างนี้ แต่ละอย่างเรียกว่า อินทรีย์ คำว่าอินทรีย์ แปลว่า สำคัญ
    ตัวการสำคัญ หลักสำคัญ หัวข้อสำคัญ

    ธรรมะทั้ง 5 ข้อนี้ จะมีอยู่ในการปฏิบัติทั่วไป จะทำสมาธิหรือ
    เจริญภาวนาอย่างไร ก็ต้องทำให้มีอินทรีย์ครบทั้ง 5

    1. มีสัทธา-เชื่อในธรรม เป็นเครื่องดับทุกข์
    ข้อแรก คือ สัทธา แปลว่า ความเชื่อ บวชอยู่ที่บ้าน ก็มีความเชื่อ
    ในธรรมะนั้นๆถึงที่สุด เชื่อในอะไร ? ถ้าถามว่า เชื่อในอะไร ก็คือ
    เชื่อในธรรมที่เป็นเครื่องดับทุกข์ ที่รู้กันทั่วไป ก็เช่น ศีล สมาธิ ปัญญา
    หรือ อริยอัฏฐังคิกมรรค มีองค์ 8 นี้ เป็นธรรมที่ดับทุกข์
    เราได้ศึกษาแล้ว เห็นแล้ว มีความเชื่อ ว่าธรรมเหล่านี้ดับทุกข์ได้จริง
    หรือว่าธรรมเหล่านี้เป็นที่พึ่งได้จริง เชื่อลงไปเสียทีหนึ่งก่อน
    แล้วก็เชื่ออีกทีหนึ่ง คือเชื่อตัวเอง ว่าตัวเองนี่สามารถที่จะปฏิบัติธรรมเหล่านั้น
    ในเนื้อในตัวของตนมีความถูกต้องเหมาะสม ที่จะประพฤติปฏิบัติธรรมะเหล่านั้น
    รวมกันเป็น 2 เชื่อ : เชื่อในสิ่งที่จะประพฤติปฏิบัติว่าดับทุกข์ได้
    แล้วก็เชื่อมั่นว่า ตัวเองมีคุณธรรมที่จะดับทุกข์เหล่านั้นได้อย่างเพียงพอ
    นี่ มีศรัทธาอย่างนี้ แล้วก็อยู่ที่บ้าน บวชอยู่ที่บ้าน มันก็จะเกิดกำลังเกิดอำนาจ
    ในการที่จะปฏิบัติธรรมเหล่านั้นอย่างเสมอต้นเสมอปลาย มีศรัทธา
    เชื่อมั่นในสิ่งที่ตนถือเอาเป็นที่พึ่ง คือการปฏิบัติหรือหลักธรรมคำสอน
    แล้วก็เชื่อมั่นว่าตัวเองทำได้ เราทำได้ ไม่เหลือวิสัย เราทำได้
    แล้วก็ปล่อยให้ทำไปด้วยความศรัทธา

    2.มีวิริยะ คือความกล้าหาญ ความพากเพียร ความบากบั่น
    สนุกสนานในการทำพอใจในการทำ เป็นสุขเสียเมื่อกำลังทำ
    ไม่ต้องรอต่อผลงานได้มา กำลังทำอยู่มันก็พอใจและเป็นสุข
    อิ่มอยู่ด้วยความสุข ได้ความสุขโดยไม่ต้องเสียเงิน

    3.มีสติ เฝ้าระวังรักษาป้องกัน ไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้น
    ในความคิดความนึกหรือในการกระทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
    เมื่อมีผัสสะทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายและทางใจเอง

    4.มีสมาธิ คือ จิตแน่วแน่ต่อพระนิพพานเป็นอารมณ์ อยู่ตลอดเวลา
    ตลอดเวลาทุกลมหายใจเข้าออก มีจุดมุ่งมั่นต่อพระนิพพาน
    เรียกว่า มีเอกัคคตา จิตมุ่งพระนิพพานอยู่ตลอดเวลา
    แล้วก็ทำทุกอย่างที่รักษาจิตชนิดนั้นไว้ ก็คือแบบสมาธิวิธีต่างๆ
    มันจะต่างกันอย่างไร มันก็อยู่ที่มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ทั้งนั้น
    คือมีความหลุดพ้นจากความทุกข์เป็นอารมณ์ด้วยกันทั้งนั้น

    5.มีปัญญา มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา คือความรู้อย่างถูกต้องชัดเจน
    ในสิ่งที่ต้องกระทำหรือควรกระทำ อย่าให้ความอยาก เช่น กิเลสตัณหา
    เพื่อตัวฉัน-ของฉัน เข้ามาแทรกแซง นั้นมันจะทำให้เสียหมด นี่เรียกว่า
    ทำงานทุกชนิดด้วยจิตว่าง ยกผลงานให้ความว่างทุกอย่างสิ้น
    กินอาหารของความว่างอย่างพระกิน ตายเสร็จสิ้นแล้วในตัวแต่หัวที
    ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องหรือจบชีวิต จนถึงขั้นสุดท้าย ไม่มีตัวฉัน-ไม่มีของฉัน
    มันจะทำให้ไม่มีความทุกข์ ไม่มีปัญหาอะไร มีจิตที่บริสุทธิ์ อยู่ด้วยปัญญา
    และความสุขสงบ ใครเห็นด้วยก็ลองดู

    บวชอยู่ที่บ้าน ที่ชะเง้อหาบวชที่วัด บวชในป่านั้น บางทีจะเป็นความเขลา
    ลำบากมากกว่าคนที่บวชอยู่ที่บ้านก็ได้ ระวังให้ดีด้วย ถ้ามีความตั้งใจจริง
    ระมัดระวังจริง บวชอยู่ที่บ้าน จะได้ผลมากกว่าบวชอยู่ที่วัดหรือในป่า
    ก็ยังเป็นไปได้ เพราะว่าการบวชอยู่ที่วัดหรือในป่า มันยังเหลวไหลอยู่ทั่วๆไป
    มันยังไม่สำเร็จประโยชน์เต็มตามความหมายที่ควรจะได้เลย

    สรุปก็คือ บวชอยู่ที่บ้าน : เว้นจากสิ่งที่ควรเว้นโดยประการทั้งปวง
    อยู่ที่บ้าน แล้วก็ประพฤติหน้าที่ที่ควรประพฤติปฏิบัติอย่างดีที่สุด
    อย่างเต็มกำลัง เต็มสติปัญญาสามารถอย่างดีที่สุด ในหน้าที่ของตนๆ
    แล้วก็เป็นสุขอยู่กับการทำหน้าที่ ไม่มีกิเลสตัณหาที่จะหวังผลอย่างนั้นอย่างนี้
    มาสนองกิเลส ไม่ได้หมายความว่า ให้สึกไปอยู่ที่บ้านกันเสียให้หมด
    แต่หมายความว่า แม้อยู่ที่บ้านก็อย่าน้อยใจ อย่าเสียใจ แม้อยู่ที่บ้าน
    ก็สามารถที่จะทำได้ดีที่สุด ที่บ้านนั้นเอง เพราะคนที่อยู่บ้านมันยังมีมากกว่า
    คนที่อยู่ที่วัด คนเหล่านั้นไม่ควรจะเสียประโยชน์อะไร ควรจะได้ประโยชน์
    ทุกอย่างทุกประการ เท่าที่พุทธบริษัทในพระพุทธศาสนาจะพึงได้

    FROM : ธรรมะจากสวนโมกข์
     
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    นาฬิกาชีวิต

    เจริญสุขท่านผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ท่านทั้งหลายมารวมกันทั้งใหม่และเก่า เพื่อรับฟังโอวาทในโอกาสกราบนมัสการลา จะมาอยู่ ๓ วัน หรือ ๗ วันก็ตาม การปฏิบัติ ธรรมแล้วแต่บุญวาสนาของท่านผู้ใด แต่ก็มีจุดมุ่งหมายปลายทางกับจุดมุ่งหมายเริ่มต้นไม่เหมือนกัน บางคน ร้อยละ ๖๐เข้ามาเพื่อแสวงบุญกุศล แจาก็ไม่ทราบว่าบุญกุศลจะช่วยเราได้อย่างไร ร้อยละ ๘๐ มาบวชชีพราหมณ์ ต้องการจะรับศีลและนุ่งขาวห่มขาว และมาอยู่เฉยๆ สวดมนต์บ้างไม่สวดมนต์บ้าง ฟังเทศน์บ้างไม่ฟังเทศน์บ้าง เขาคิดว่าได้บุญแล้ว ร้อยละ ๑๐ นั้น ตั้งใจถวายชีวิตต่อพระพุทธศาสนา ต้องการใช้ชีวิตให้มีค่ามากในปัจฉิมวัย ยอมตายในพระพุทธศาสนา ปฏิบัติโดยเข้มงวดกวดขัน แสวงบุญอย่างแท้จริง ต้องการมีความสุขในบั้นปลายของชีวิต ที่ต้องตายจากโลกไปสู่สัมปรายภพ

    ----------------
    คัดลอกบางส่วนจากหนังสือ กรรมฐานแก้กรรมเล่ม ๓



    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=4794
     
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    พระคุณบิดามารดา

    พ่อแม่ก็แก่เฒ่า
    จำจากเจ้าไม่อยู่นาน
    จะพบจะพ้องพาน
    เพียงเสี้ยววารของวันวาน
    ใจจริงไม่อยากพราก
    เพราะยังอยากเห็นลูกหลาน
    แต่ชีพมิทนนาน
    ย่อมร้าวรานสลายไป

    ขอเถิดถ้าสงสาร
    อย่ากล่าวขานให้ซ้ำใจ
    คนแก่ชะแรวัย
    ผิดเผลอไผลเป็นแน่นอน
    ไม่รักก็ไม่ว่า
    เพียงเมตตาช่วยอาทร
    ให้กินและให้นอน
    คลายทุกข์ผ่อนพอสุขใจ

    เมื่อยามเจ้าโกรธขึ้ง
    ให้นึกถึงเมื่อเยาว์วัย
    ร้องไห้ยามป่วยไข้
    ได้ใครเล่าเฝ้าปลอบปรน
    เฝ้าเลี้ยงจนเติบใหญ่
    แม้เหนื่อยกายก็ยอมทน
    หวังเพียงจะได้ยล
    เติบโตจนสง่างาม

    ขอโทษถ้าทำผิด
    ขอให้คิดทุกทุกยาม
    ใจแท้มีแต่ความ
    หวังติดตามช่วยอวยชัย
    ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่ง
    มีหรือหวังอยู่นานได้
    วันหนึ่งคงล้มไป
    ทิ้งฝั่งไว้ให้วังเวง

    ภาพประกอบนำมาจาก (ขออภัยเจ้าของภาพ)

     
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    สมเด็จพระญาณสังวร
    สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก


    รับสั่งว่า

    ถ้าจะถือว่ามีวันแห่งความรัก ก็ต้องถือวันมาฆบูชา
    วันที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศความรักอันบริสุทธิ์สูงส่ง

    วันมาฆบูชา - วันแห่งความรัก

    วันที่พระจันทร์เต็มดวง เสวยมาฆฤกษ์ ในเดือนสาม
    วันแห่งความรัก อันสูงส่งบริสุทธิ์ ในพระพุทธศาสนา

    ด้วยทรงมีความรักบริสุทธิ์สูงส่ง ไม่มีเสมอเหมือนพระพุทธองค์จึงทรงแผ่พระมหากรุณาได้กว้างใหญ่ไพศาลไม่มีขอบเขต ทั้งแก่พรหมเทพ มนุษย์สัตว์ ปรากฏแจ้งชัดในพระโอวาทปาติโมกข์ ที่ทรงแสดงในวันมาฆบูชา

    พึงไม่ทำบาปทั้งปวง
    พึงทำกุศลให้ถึงพร้อม
    พึงรักษาจิตของตนให้ผ่องใส


    บาปย่อมก่อให้เกิดทุกข์โทษภัยแก่ผู้ทำและผู้อื่น
    พระพุทธองค์จึงทรงเตือนไม่ให้ทำ

    กุศลย่อมเป็นคุณแก่ผู้ทำและผู้อื่น
    พระพุทธองค์จึงทรงเตือนให้ทำ

    จิตผ่องใส่คือจิตที่ไกลได้จากกิเลสโกรธหลง ที่มีอยู่เต็มโลก
    ย่อมให้ความสุขสงบอย่างยิ่งจนถึงเป็นบรมสุข
    พระพุทธองค์จึงทรงเตือนให้รักษาจิตของตน


    : แสงส่องใจ มาฆบูชา ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๕
    : สมเด็พระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

     
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER>
    มาฆมาศสมัยพระพุทธกาล

    พระจันทร์สว่างกระจ่างพนานต์........ณ คืนเพ็ญ

    องค์พระพุทธเจ้าแสดงประเด็น

    พระธัมมะปาฏิโมกขเป็น.................ประถมวาร

    เหล่าพระอรหันต์นมัสการ

    สดับพระธรรมพระทรงประทาน..........ประจักษ์ใจ

    สืบพระศาสนาสถิตใน

    สกลพิภพลุกาลสมัย..........................สมิทธิ์ผล

    แก่นพระพุทธศาสน์อุบัติดล

    มนุษย์แสวงวิถีกุศล..........................กระจ่างมวล

    นำสกลสงบเพาะสันติอวล

    ละชั่วประพฤติกุศลกระบวน..............วิถีธรรม


    เพ็ญณ มาฆมาศลุรอบฉนำ

    ปวารณาจะน้อมและนำ....................จะทำดี

    ตามพระสอนพระพุทธศาสน์วิถี

    ลดละกิเลสขจัดกลี.............................ตลอดไป


    (อีทิสังฉันท์๒๐)
     
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    เหตุการณ์ถัดจากวันมาฆบูชา
    โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

    วันอาทิตย์ที่ผ่านมา รับเชิญไปปาฐกถา ณ บริเวณท้องสนามหลวง เนื่องในวันมาฆบูชา รับด้วยความเกรงใจ เพราะไม่แน่ใจว่าจะพูดได้หรือไม่ ด้วยผมไม่สบาย กำลังป่วยเป็นโรค
     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    วันนี้วันมาฆะ เช้าและกลางวัน ทำบุญ ทำกุศล กลางคืน จะสวดมนต์ นั่งสมาธิ กะว่าจะพาครอบครัวไปกราบหลวงพ่อหล่ำ วัดสามัคคีธรรม บางเขน พี่ใหญ่บอกว่า นี่ล่ะเว้ย พระขลังแห่งเมืองกรุง ไม่ต้องไปหาพระที่อื่นให้ยาก เลยนำบทความนี้มาลงให้อ่านกัน

    <TABLE class=Article_Detail cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=PagePreviousNext noWrap></TD><TD class=PagePreviousNext noWrap align=right></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ตะกรุดใต้น้ำหลวงพ่อหล่ำ ทำแบบไฮเทคย่อส่วนบริกรรมในอ่างน้ำ
    <TABLE style="PADDING-RIGHT: 15px; PADDING-LEFT: 20px; PADDING-BOTTOM: 50px" cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD class=Article_Detail>
    [​IMG]
    เหนือฟ้า ใต้บาดาล
    ตะกรุดใต้น้ำหลวงพ่อหล่ำ ทำแบบไฮเทคย่อส่วนบริกรรมในอ่างน้ำ

    [​IMG]ตะกรุด......หรือ "กะตุด" จะใช้โลหะทองคำหรือเงิน หรือทองแดง นากหรือดีบุก หรือแม้แต่ใบลาน ก็นำ มาทำตะกรุดได้ แล้วจึง จารึกยันต์พุทธคุณ ต่างๆ เช่น.....
    ...ยันต์ตรีนิสิงเห เพื่อผลทางปราบภูตผีปีศาจ ยันต์ท้าวเวสสุวัณ เพื่อผลทางปราบอมนุษย์ ยันต์นกคุ้ม เพื่อคุ้มครองป้องกันภัยที่จะมาสู่เคหสถาน ยันต์พระสิวลี เพื่ออานิสงส์ทางลาภผล ยันต์แม่นางกวัก เพื่อเรียกคนเข้าร้าน ยันต์พระแม่โพสพ เพื่อผลทางการเกษตร และอื่นๆอีกตามแต่ต้องการในพลัง
    ซึ่ง ในการสร้างตะกรุดนี้ ทำได้ทั้งอาจารย์ที่เป็นฆราวาสที่แกร่งกล้าอาคม และ ภิกษุสงฆ์ที่เป็นเกจิอาจารย์ ส่วนของใครจะมีพลังขนาดไหนนั้นก็แล้วแต่
    เมื่อลงอักขระแล้วก็จะม้วนให้เป็นแท่งกลม ข้างในกลวง จึงค่อย นำเข้าไปปลุกเสกตามอุปเท่ห์พิธี ก็แล้วแต่ว่าเกจิอาจารย์ท่านไหนจะมีพิธีกรรมแบบไหนอย่างใด....
    O O O
    [​IMG]อย่างเช่น ตะกรุดใต้น้ำ ของ หลวงพ่อหล่ำ วัด สามัคคีธรรม ก็มีวิธีการทำไปอีกแบบหนึ่ง โดย การสร้าง นั้นจะหาพื้นที่น้ำที่สงบๆ ไม่มีคนพลุกพล่าน แล้วหลวงพ่อจะนำเอาแผ่นโลหะ แล้วดำลงไปใต้น้ำ
    ใน ช่วงที่ดำอยู่นั้นก็จะทำการจาร เขียนยันต์ ใส่บนแผ่นโลหะ จนแล้วเสร็จ ซึ่งจะดำลงผุดขึ้นมากี่ครั้ง ก็แล้วแต่ เมื่อจารแล้วก็จะทำการม้วน แผ่นโลหะ ให้เป็นตะกรุด ซึ่งก็จะลงไปม้วนในน้ำอีก
    เมื่อเป็นตะกรุดแล้ว หลวงพ่อหล่ำก็จะดำน้ำลงไปบริกรรมคาถาปลุกเสกอีกที (ส่วนจะนานเท่าใดก็แล้วแต่) ถือว่าเป็นการแล้วเสร็จ
    การสร้างที่ยากเย็น (อยู่ในน้ำ) เช่นนี้ ผู้คนทั้งหลายจึงพากันศรัทธาว่าขลัง และเชื่อว่า ตะกรุดใต้น้ำของหลวงพ่อหล่ำนั้นมีพลังในด้านเมตตามหานิยม มีโชคลาภ และ อยู่ยงคงกระพัน
    ในปัจจุบัน แม้ว่าโลกจะเข้าสู่ยุคไฮเทคแล้ว ตะกรุดยังเป็นที่นิยมกันในกลุ่มของนักเล่นของขลัง
    ใช่เฉพาะคนไทยเท่านั้นที่ศรัทธาเลื่อมใสตะกรุดหลวงพ่อหล่ำ คน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง ไต้หวัน กลุ่มหนึ่งศรัทธาในเรื่องนี้ บ่อยครั้งที่พากัน เดินทางมาเอาตะกรุดหลวงพ่อหล่ำ วัดสามัคคีธรรม ซึ่งก็มีได้สมใจบ้าง ผิดหวังบ้าง เนื่องจากของไม่มี
    O O O
    หลวงพ่อหล่ำ สิริธัมโม อายุ 75 ปี 55 พรรษา เป็นคนไทยเชื้อสายจีน เกิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี เริ่มเรียนภาษาขอมกับ อาจารย์ ฉัตร ผาสุโภ ตั้งแต่เด็กๆ เมื่อเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ก็ได้ ศึกษาไสยศาสตร์จากเกจิอาจารย์หลายท่าน
    [​IMG]
    อย่างเช่น หลวงปู่พาน นนทตา เพื่อนรุ่นน้องของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และเป็นผู้ ถ่ายทอดศาสตร์การทำตะกรุดใต้น้ำให้กับหลวงพ่อ หล่ำ นอกจากนั้น ยัง เป็นศิษย์ก้นกุฏิของหลวงพ่อครื้น วัดสังโฆ พระอภิญญาแห่งสุพรรณบุรี
    เมื่อได้ข้อมูล ในเบื้องต้น "เหนือฟ้า ใต้บาดาล" จึง ตามไปที่วัดสามัคคีธรรม ถนนลาดพร้าว ซอย 64 เพื่อพบกับ "คนต้นข่าว" คือ หลวงพ่อหล่ำ
    วันนั้นเป็น คืนวันแรม 14 ค่ำ เดือน 10 ถือว่า เป็นวันโกนก่อนเดือนดับ เป็นคืนที่จะมีการปลุกเสกตะกรุดใต้น้ำของหลวงพ่อหล่ำ ถือว่าได้จังหวะ "เหนือฟ้าฯ" จึงรอจนเวลา 3 ยามจึงได้ฤกษ์ในการทำพิธีเสกตะกรุดใต้น้ำ...... แต่ว่าครั้งนี้ผิดกับครั้งก่อนๆที่เคยทำ คือแทนที่จะลงไปดำน้ำในบึงใหญ่
    ก็เพียงแต่ เอาตะกรุดประมาณ 1,000 กว่าดอก ใส่ แช่น้ำไว้ในอ่างเคลือบ นำไปตั้งอยู่ตรงหน้าเครื่องบวงสรวงเทพยดาเท่านั้น
    เมื่อทำพิธีกรรม หลวงพ่อหล่ำ ก็เข้ามานั่งตรงหน้าอ่างสวดมนต์แล้ว บริกรรมคาถานั้น ในช่วงนั้น ผู้สังเกตการณ์ได้ย่องเข้าไปทางด้านหลังหลวงพ่อผู้ทำพิธี ชะโงกไปดูที่อ่าง เห็นตะกรุดประมาณ 8-9 ดอก ค่อยๆลอยตามแนวตั้งอยู่ระดับปริ่มๆน้ำ กระเพื่อมไปกระเพื่อมมาอยู่ประมาณ 2-3 นาที
    แล้ว ผู้สังเกตการณ์ก็กวักมือเรียกช่างภาพให้มาถ่ายรูป เท่านั้นแหละ ตะกรุดก็ค่อยๆจมดิ่งลงไปที่ก้นอ่าง (สร้างความแปลกใจให้กับผู้ที่เข้าดู และสังเกตการณ์ในครั้งนี้ไม่น้อย)...ใช้เวลาในการทำพิธีประมาณ 1 ชั่วโมง
    จากนั้น หลวงพ่อหล่ำก็ให้ศิษยานุศิษย์โกยเอาตะกรุดในอ่างใส่พาน แล้วบอกว่าจะนำบริกรรมอีกทีหนึ่งในกุฏิของท่าน จึงจะจ่ายแจกกันไปได้...
    ส่วนเรื่องที่ตะกรุดมันลอยปริ่มน้ำนั้น หลวงพ่อหล่ำบอกไม่รู้ ก็ในช่วงที่บริกรรมคาถานั้นหลับตาจึงไม่เห็นอะไร ท่านบอกอย่างนั้น
    แล้ว หลวงพ่อหล่ำ ก็บอกกับศิษยานุศิษย์ที่ไปร่วมในพิธีกรรมว่า วันนี้ใช้พลังไปมาก มีอาการอ่อนล้า จึงขอตัวเข้ากุฏิแล้วปิดเงียบ
    O O O
    [​IMG]คุณสมยศ จันทร์เทศ เป็นคนจังหวัดเชียงใหม่ บอกว่า....ตะกรุดใต้น้ำของหลวงพ่อ มาดังฮือฮาเอาเมื่อครั้ง สงครามลาวปี 2515 ซึ่งตอนนั้นผู้ที่มีตะกรุด หลวงพ่อหล่ำ เมื่อโดนยิงจะเหมือนกับยิงตอ กระสุนจะไม่ระคายผิว จะเป็นก็แผลเพียงถลอกเท่านั้น ทหารทั้งหลา จึงแห่กันมาขอ...จากนั้นใครๆ ก็รู้จักตะกรุดหลวงพ่อหล่ำ
    หลวงพ่อหล่ำทำตะกรุดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2497 โดยจะทำทีละน้อยๆเพียง 100 กว่าดอกเท่านั้น ซึ่งจะไปหาที่สงบๆทำ อย่างเช่นที่ น้ำตกพลิ้ว น้ำตกกระทิง ต่อมาสถานที่เหล่านั้นมีคนไปเที่ยวพลุกพล่าน จึงย้ายที่ไปทำที่หนองน้ำอื่นๆ
    ครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2534 ได้ทำหนองน้ำเขา สะบก ตอนนั้นอายุมากพอสมควร พอจะดำน้ำลงไปทำ ดำไม่ลงตัวลอยขึ้น จึงได้ให้ศิษย์เอาเสาคอนกรีตมาตอก แล้วหลวงพ่อหล่ำก็กอดเสาลงไปทำพิธีใต้น้ำ การทำในช่วงปีนั้นลำบากมาก เนื่องจากหลวงพ่ออยู่ในวัยชรา ตั้งแต่วันนั้นมาหลวงพ่อหยุดสร้างตะกรุด
    มา ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งล่าสุด หลวงพ่อหล่ำทนแรงรบเร้าจากศิษย์ชาวต่างประ-เทศไม่ไหว จึงได้ทำพิธีกรรม ทำตะกรุดใต้น้ำขึ้นและทำมากกว่าทุกครั้ง แต่ว่าเอามาทำกันบนบกโดยให้ตะกรุดแช่น้ำในอ่าง (เพราะอายุ 75 ปีแล้ว สังขารเริ่มโรย จะดำน้ำคงไม่ไหว)
    ก็ไม่รู้ว่า.....ในอดีตที่ใช้บึงหรืออ่างเก็บน้ำที่มีน้ำเป็นพลังที่ท่วมท้น และทำจำนวนน้อย แล้วมาครั้งนี้ ใช้น้ำเพียงปริ่มอ่างเคลือบที่เล็กกว่าบึงหรือหนองน้ำเป็นล้านๆเท่า และก็มีตะกรุดจำนวนมากกว่าทุกครั้ง...
    เลยเกิดความฉงนว่า...ความขลังของตะกรุดรุ่นนี้ (ถือว่าเป็นครั้งล่าสุด) จะย่อส่วนลงตามพลังน้ำหรือไม่ จึงคงไว้ให้เป็นปริศนา...!!!
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พอตกหัวค่ำจะได้มา "หัดทำ" ตามที่พระอาจารย์ และพี่ใหญ่สั่งสอน มาดูประโยชน์ของการ "หัดทำ" ดีกว่า


    <CENTER>ประสาทวิทยาศาสตร์ของการนั่งสมาธิ (Neuroscience of Meditation)

    </CENTER>
    [​IMG]



    ประสาทวิทยาศาสตร์ของการนั่งสมาธิ (Neuroscience of Meditation)

    เมื่อองค์ดาไลลามะขึ้นบนเวทีในการประชุมประจำปีของสมาคมประสาทวิทยาศาสตร์ (Neuroscience 2005) ผู้ร่วมงานหลายคนสงสัยว่า
    ผู้นำศาสนาพุทธจะกล่าวอะไรเกี่ยวกับประสาทวิทยาศาสตร์ ศาสนาอันเก่าแก่และประสาทวิทยาศาสตร์สมัยใหม่นี้มีอะไรที่เหมือนกันอย่างนั้นหรือ?

    อย่างไรก็ตาม ในตอนท้ายของการปาฐกถา พวกเขาเข้าใจในสิ่งที่ผู้นำทางศาสนาและนักประสาทวิทยาศาสตร์รู้อยู่แล้วคือ นอกเหนือจากความ
    แตกต่างทางหลักการบางอย่างแล้ว จุดมุ่งหมายของศาสนาทางตะวันออกและประสาทวิทยาศาสตร์ทางตะวันตกต่างมีอุดมการณ์ร่วมกัน


    "ถึงแม้ว่าศาสนาพุทธอันเก่าแก่และวิทยาศาสตร์สมัยใหม่จะเกิดมาจากรากฐานทางประวัติศาสตร์ ภูมิปัญญา และวัฒนธรรมที่แตก
    ต่างกัน แต่โดยแก่นแท้แล้ว ทั้งสองอย่างมีสิ่งสำคัญที่เหมือนกันมากมายโดยเฉพาะในเรื่องมุมมองด้านปรัชญาและหลักการพื้นฐาน"

    องค์ดาไลลามะกล่าว

    สิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือความพยายามในการเข้าใจ เยียวยารักษา และเพิ่มประสิทธิภาพจิตใจมนุษย์คือ พุทธศาสนิกชนจะอาศัยการ
    ไตร่ตรองสิ่งๆ นั้นอย่างมีระบบและนักวิทยาศาสตร์ก็อาศัยการศึกษาและการทดลองที่เป็นขั้นตอน จะเห็นได้ชัดว่าเอกสารทางวิทยาศาสตร์
    ได้ตรวจวัดถึงผลเชิงบวกที่สนับสนุนการนั่งสมาธิ (meditation) ว่าเป็นวิธีที่ค่อนข้างง่ายสำหรับมนุษย์เพื่อค้นหาและจัดการกับการเปลี่ยน
    แปลงอย่างรวดเร็วของสังคมที่ทำให้เกิดความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าได้

    วงการประสาทวิทยาศาสตร์ได้ตีพิมพ์เอกสารเกี่ยวกับสมองสามารถเปลี่ยนแปลงเพื่อตอบสนองกับประสบการณ์ทางร่างกายและข้อมูลที่รับมา
    จากโลกภายนอก ปรากฏการณ์นี้เรียกว่าความยืดหยุ่นของระบบประสาท (neuroplasticity) ดังนั้น มันไม่แปลกที่นักวิทยาศาสตร์จะสงสัยว่า
    สมองสามารถเปลี่ยนแปลงเพื่อตอบสนองต่อสัญญาณจิตภายในหรือไม่ การนั่งสมาธิของพระพุทธศาสนาได้เปิดโอกาสให้เหล่านักวิทยาศาสตร์
    ตรวจหาพลังของจิตและความสนใจในการเปลี่ยนพฤติกรรมด้านร่างกายของสมอง


    การนั่งสมาธิหมายถึงขั้นตอนหรือวิธีปฏิบัติเพื่อเพ่งความสนใจหรือสติภายในใจ รากฐานของสมาธิสามารถย้อนกลับไปเมื่อมนุษย์ได้ไตร่ตรอง
    โลกรอบตัวพวกเขา แต่รูปแบบการทำสมาธิเริ่มขึ้น 1,000 ปีก่อนพร้อมกับพิธีกรรมทางศาสนาและทางความเชื่อเรื่องผีสาง


    [​IMG]

    ตามประวัติศาสตร์แล้ว การนั่งสมาธิถูกใช้เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายทางจิตวิญญาณที่สูงขึ้น ในปัจจุบัน การนั่งสมาธิเกิดขึ้นในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก
    โดยมีจุดประสงค์มากมายไม่ใช่แค่ด้านศาสนาเพียงอย่างเดียว จุดประสงค์เหล่านี้ยังรวมถึงการเพิ่มสมรรถภาพด้านจิตใจที่ช่วยเพิ่มความสามารถ
    ของจิตใจในการเพ่งพินิจ เพิ่มอารมณ์เชิงบวก ลดความวิตกกังวล และความเครียด บรรเทาความเจ็บปวด และช่วยให้สุขภาพร่างกายดีขึ้นอีกด้วย
    ในปัจจุบัน ผู้คนหลายล้านคนรวมถึงชาวอเมริกากว่า 10 ล้าน

    คนฝึกการนั่งสมาธิบางประเภทอยู่ ประเภทสมาธิที่งานวิจัยมุ่งเน้นมากที่สุดคือ

    การนั่งสมาธิแบบควบคุมจิต (transcendental meditation) ซึ่งผู้ฝึกจะเพ่งจิตไปที่คำ เสียง หรือวลีซ้ำเดิม


    และการนั่งสมาธิตามแบบพุทธศาสนา (Buddhist technique of mindfulness meditation) ทั้งแบบดั้งเดิมและแบบอเมริกา


    ในการฝึกนั่งสมาธิตามแบบพุทธศาสนาบางแบบ ผู้ฝึกจะเพ่งความสนใจไปยังลมหายใจเพื่อให้เกิดสติและรับรู้ถึงสิ่งเร้าในตอนนั้นๆ กระบวนการนี้
    ทำให้ผู้ปฏิบัติมีความสมดุลและการควบคุมทางอารมณ์ที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจมาก

    หลักของการฝึกนั่งสมาธิมีหลักอยู่ 2 อย่างคือการให้ความสนใจหรือมีสติให้อยู่ด้านหนึ่ง

    และให้การกำหนดและการปรับอารมณ์อยู่อีกด้านหนึ่ง

    "ทั้งสองอย่างนี้ ฉันรู้สึกว่ามันมีศักยภาพมากสำหรับงานวิจัยร่วมระหว่างประสาทวิทยาศาสตร์และพระพุทธศาสนา" องค์ดาไลลามะกล่าว


    การศึกษาที่เผยแพร่อย่างกว้างขวางในตอนนี้ได้เปรียบเทียบกิจกรรมสมองของผู้ฝึกนั่งสมาธิแบบพุทธศาสนาระยะยาวที่ได้นั่งสมาธิไปแล้ว
    มากกว่า 10,000 ชั่วโมงกับกิจกรรมสมองของอาสาสมัครที่อายุเท่ากันและสุขภาพดีที่ไม่เคยฝึกนั่งสมาธิมาก่อนแต่ทุกคนได้เรียนรู้วิธีฝึกสมาธิ
    ก่อนการทดลอง นักวิทยาศาสตร์ให้ผู้ถูกทดลองอยู่ในสมาธิหลายครั้งสลับการพัก

    ประเภทของการนั่งสมาธิที่แต่ละกลุ่มใช้จะเกี่ยวข้องกับการสร้างความรู้สึกเมตตาและความกรุณาต่อทุกสิ่งโดยปราศจากการคิดถึงบุคคลหรือสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะ ช่วงก่อน ระหว่าง และช่วงหลังการฝึกสมาธิ นักวิจัยได้บันทึกคลื่นแกมม่า (gamma band) ซึ่งเป็นสัญญาณสมองที่เกี่ยวข้องกับ


    [​IMG]


    กิจกรรมของจิตใจที่เพิ่มขึ้นเช่นความสนใจ การเรียนรู้ และการรับรู้อย่างมีสติ พวกเขายืนยันว่าพระสงฆ์มีระดับคลื่นแกมม่ามากกว่าคนที่ไม่ได้ฝึก
    ซึ่งบ่งบอกว่าการฝึกนั่งสมาธิระยะยาวอาจจะเปลี่ยนแปลงภาวะสมองพื้นฐานได้ นักวิจัยเห็นพ้องว่าการศึกษานี้แสดงถึงจุดเริ่มต้นและต้องมีการ
    ศึกษาอีกมากเพื่อตรวจสอบผลทางสมองและพฤติกรรมหลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้


    งานวิจัยอื่นๆ ได้ตรวจสอบพระธิเบต 76 รูปที่ได้ฝึกนั่งสมาธิมาเป็นระยเวลา 5-54 ปี


    จากการใช้การทดสอบภาพลวงตาที่เรียกว่า perceptual rivalry นักวิจัยค้นพบหลักฐานว่าการนั่งสมาธิสามารถเพิ่มทักษะด้านความสนใจ
    และความสามารถในการปรับจิตใจให้เป็นปกติได้ นักวิจัยกล่าวว่าผลการทดลองสนับสนุนข้ออ้างที่ว่าการฝึกนั่งสมาธิมีผลกับสภาพจิตใจ
    ของแต่ละคนได้อย่างแท้จริงและสามารถตรวจวัดได้


    พระทิเบตที่เชี่ยวชาญในการนั่งสมาธิสามารถกำจัดสิ่งเชิงลบ (โดยเฉพาะอารมณ์และความเจ็บปวด) โดยการเพิ่มคลื่นสมองที่เรียกว่าคลื่นแกม
    ม่าที่สามารถตรวจวัดได้ในห้องทดลอง ริชาร์ด เดวิดสัน (Richard Davidson) แห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซินเมดิสันทดสอบพระแปดรูป
    (กราฟบน) ในช่วงนั่งสมาธิ พระทิเบตเหล่านี้สามารถเพิ่มคลื่นแกมม่าเป็นสองเท่า (ดอกจันสีดำ) หรือสามเท่า (ดอกจันสีส้ม)

    จากช่วงพักได้ รูปด้านล่างแสดงถึงพื้นที่สมองที่เกิดคลื่นแกมม่า อาสาสมัครแปดคนที่เพิ่งเรียนรู้ถึงวิธีนั่งสมาธิถือเป็นกลุ่มควบคุม (รูปล่างซ้าย)
    แสดงให้เห็นว่ามีคลื่นแกมม่าเกิดขึ้นได้น้อยมากเมื่อเทียบกับพระทิเบต (รูปล่างขวา)


    ตามการค้นพบในปัจจุบัน การนั่งสมาธิยังสามารถเปลี่ยนโครงสร้างและหน้าที่ของสมองได้อีกด้วย หนึ่งในการศึกษาจำนวนมาก

    นักวิจัยแห่งโรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ดได้ใช้การถ่ายภาพแม่เหล็กกำทอน (magnetic resonance imaging, MRI)

    กับสมองของคนจำนวน 15 คนที่ไม่เคยฝึกนั่งสมาธิมาก่อนกับคนที่ฝึกนั่งสมาธิแบบพุทธศาสนาจำนวน 20 คน พวกเขาค้นพบว่าพื้นที่สมองที่
    เกี่ยวข้องกับความสนใจและประมวลผลทางการรับสัมผัสในคนที่ฝึกนั่งสมาธิจะหนากว่าคนไม่ฝึกนั่งสมาธิ

    นักวิทยาศาสตร์ยังสงสัยอยู่ว่านี่เป็นผลจากการฝึกนั่งสมาธิหรือเป็นการคล้อยตามการฝึกในช่วงแรกกันแน่ ความหนาขึ้นที่เห็นได้ชัดเจน
    จะพบได้ในคนนั่งสมาธิที่อายุมากในส่วนเปลือกสมองชั้นนอก (outer cortex)

    ที่เชื่อกันว่าเกี่ยวข้องกับการประมวลผลด้านอารมณ์และการรับรู้ให้สมบูรณ์ขึ้นสิ่งนี้

    (รวมกับการสังเกตการเพิ่มขึ้นของความหนาของเปลือกสมองตามระยะเวลาที่ผู้ฝึกใช้)

    บ่งชี้ว่าการฝึกนั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมออาจจะช่วยลดการบางลงของพื้นที่สมองที่มีความสำคัญในการรับรู้และการประมวลผลด้านอารมณ์ตามอายุที่มากขึ้น


    ขณะที่ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการถ่ายภาพช่วยให้นักวิจัยจำแนกพื้นที่สมองที่ถูกกระตุ้นมากที่สุดในช่วงการนั่งสมาธิได้นั้น การศึกษาอื่น
    มากมายได้แสดงถึงประสิทธิภาพของการนำเอาการนั่งสมาธิมาเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาโรคความดันสูง โรคเกี่ยวกับการกิน ภาวะซึมเศร้า
    และความเจ็บปวดเรื้อรังอีกด้วย นอกจากนี้ กลุ่มนักวิจัยกลุ่มหนึ่งแห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซินค้นพบว่ามีความเกี่ยวข้องกันระหว่างการนั่งสมาธิ
    และการเพิ่มขึ้นของภูมิคุ้มกัน


    ขณะที่การศึกษาในปัจจุบันได้ให้ภาพรวมของการนั่งสมาธิอยู่นั้น การทดลองต่อๆ ไปจะช่วยให้รายละเอียดในเรื่องจิตใจของเรามีอิทธิพลต่อ
    ร่างกายเราอย่างไรให้มีความสมบูรณ์มากขึ้นตัวอย่างเช่น การศึกษาอันใหม่จะตรวจสอบว่าการฝึกนั่งสมาธิอย่างจริงจังเป็นเวลานานสามารถช่วย
    ให้ความสามารถในการกระตุ้นความสนใจและอารมณ์ของคนๆ หนึ่งให้ดีขึ้นได้อย่างไร งานวิจัยใหม่อื่นๆ จะตรวจสอบว่าการนั่งสมาธิสามารถ
    ทดแทนการนอนหลับได้หรือไม่ รวมถึงเทคนิคการลดความเครียดและการฝึกจิตอย่างการนั่งสมาธินี้สามารถช่วยเพิ่มและป้องกันการลดลงด้าน
    การรับรู้ที่มักเกิดขึ้นเมื่อคนเราอายุมากขึ้นได้จริงหรือไม่อีกด้วย


    บางทีการทดลองเหล่านี้และอื่นๆ จะช่วยให้สิ่งที่สืบทอดกันมานานหลายพันปีนี้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคมสมัยใหม่ที่ดูเหมือนห่างไกลจากความเงียบ
    และความสงบก็เป็นได้

    --------------------------------------------------------------------------------

    แปลและเรียบเรียงจาก: "Neuroscience of Meditation".

    2006 Annual Report: Navigation A Changing Landscape. Society for Neuroscience (SfN): pp. 12-16.

    บทความนี้คัดลอกมาจากการโพสท์ของคุณสันโดษ จากห้องจิตวิทยาและสุขภาพ ในพลังจิตนี้ครับ
     
  9. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ไปๆ มาๆ ไม่ได้ไปหาหลวงพ่อหล่ำ แต่ไปวัดเล่งเน่ยยี 2 หรือมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ ที่นนทบุรีแทน เป็นการไปครั้งแรก ยอมรับเลยว่าอลังการ ล้านเจ็ดสิบเอ็ดแสนจริงๆ ลองดูภาพจากเวบทีลิงค์มาให้ดูซิ ลากยาวมาเลย ใครไปวัดนี้ไม่มีกล้อง อย่าไปเลย เสียดาย ตอนนี้ทางวัดกำลังเปิดให้ปิดทองลูกนิมิตอยู่ ใครอยากทำบุญมีเลือกให้ทำเพียบซื้อที่ ซื้อกระเบื้อง ซื้อเทียนลอยเคราะห์ บูชาโชคลาภ ใครเกิดปีชงไม่ต้องไปเยาวราช ไปวัดนี้แทนก็แล้วกันสถานที่จอดรถกว้างขวาง ส่วนของขลังในตู้ สำหรับคนปีชง ถามเจ้าหน้าที่เฝ้าตู้ บอกทำพิธีมาจากวัดใหญ่ที่เยาวราช โดยเชิญเทพเจ้าทั้งแปดลงมาทำให้ ร้อยบาทเอง สวยดีครับ ด้านหลังเป็น 12 ราศรี เห็นว่าแขวนแล้วแก้เคล็ดด้วย

    วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์


    วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ หรือวัดเล่งเนยยี่ นนทบุรี ตั้งอยู่ ตำบลโสนน้อย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เดิมเป็นโรงเจขนาดเล็ก มีพื้นที่ 2 ไร่เศษ ที่ชาวบ้านบางบัวทองให้ความศรัทธามาเนิ่นนาน ต่อมาคณะสงฆ์จีนนิกาย มีปณิธานจะพัฒนาที่ส่วนนี้ ให้เป็นวัดที่สมบูรณ์ เพื่อที่จะสร้างเป็นวัดเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เนื่องในวโรกาสเถลิงถวัลย์ ครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี
    ปัจจุบันวัดบรมราชากาญจนาภิเษกฯ มีเนื้อที่ทั้งหมด 12 ไร่ โดยคณะสงฆ์จีนนิกายได้มอบหมายให้พระเดชพระคุณพระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยาภรณ์ (ท่านเจ้าคุณเย็นเชี้ยว) ดำเนินการก่อสร้างและพระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร เป็นประธานที่ปรึกษา พร้อมทั้งพุทธบริษัทไทย-จีนร่วมกันสร้างถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ เนื่องในวโรกาสอันเป็นมหามงคลสมัยปีกาญจนาภิเษก ทางวัดมังกรกมลาวาส ได้กราบทูลเชิญสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก สมเด็จองค์ประธานวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชานุญาตให้สร้างวัดและพระราชทาน นามว่า“วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์”
    ...อ่านประวัติของวัดไปพอสังเขปแล้ว โบว์ก็จะพาไปชมวัดกันนะคะ ^^
    v
    [​IMG]
    สวยตั้งแต่ประตูเข้า
    v
    [​IMG]
    มังกรสวยจริงๆ
    v
    [​IMG]
    วัดจะแบ่งออกเป็น 4 ชั้นนะคะ นี่เป็นชั้นที่ 1 ค่ะ

    v
    [​IMG]
    พระสังกัจจายน์ (ไม่รู้เขียนถูกเปล่า)
    v
    [​IMG]
    จำชื่อไม่ได้อ่า แฮ่ = =
    v
    [​IMG]
    จำไม่ได้เช่นกัน แต่สวยมากเลยแต่ละองค์
    v
    [​IMG]
    จำชื่อไม่ได้เหมือนกัน - -" จำได้แต่ว่ามีพิณคู่ใจ
    v
    [​IMG]
    จำชื่อไม่ได้อีกแล้ว (คือจำชื่อได้ไม่กี่องค์น่ะค่ะ)
    v
    [​IMG]
    ชั้น 2
    [​IMG]
    มีเทียนไว้ให้นำไปถวายเต็มเลย
    v
    [​IMG]
    ทองอร่าม
    v
    [​IMG]
    สวยๆ
    v
    [​IMG]
    นี่ก็สวย
    v
    [​IMG]
    แปลงผักหลังรั้วนั่นเป็นระเบียบจริงๆเลย
    v
    [​IMG]
    อารมณ์ศิลป์มาซะงั้น ก็ถ่ายมั่วๆไป
    v
    [​IMG]
    สวยดีเหมือนกันแฮะ
    v
    [​IMG]

    ชอบรูปนี้มากๆ
    v
    [​IMG]
    ชั้น 3-4
    v
    [​IMG]
    โอว เจ้าแม่กวนอิมพันมือ
    v
    [​IMG]
    วัดจำลองค่ะ
    [​IMG]
    ถ่ายรวมๆซะหน่อย
    v
    [​IMG]
    ขึ้นมาชั้นที่ 4 ก็จะพบกับหมื่นพุทธสุขาวดีพุทธเกษตร
    v
    [​IMG]
    ซึ่งถือว่าเป็นชั้นไคลแม็กซ์เลยก็ว่าได้
    v
    [​IMG]
    เพราะว่าอลังการจริงๆ
    v
    [​IMG]
    ลงมาชั้นไหนก็ไม่รู้ - - ก็จะมาเจอกับบ่อน้ำ ที่มีพระองค์ใหญ่ๆเล็กๆนั่งสมาธิอยู่
    v
    [​IMG]
    ชื่นชมองค์นี้เป็นพิเศษ น่ารักอะ 555
    v
    [​IMG]
    แล้วก็มาเจอกับพระอีก 2 องค์
    v
    [​IMG]
    ก่อนกลับถ่ายสวนข้างวัดซะหน่อย

     
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ได้เห็นคำถาม-คำตอบ ในประเด็นนี้แล้วน่าสนใจเลยนำมาให้ศึกษากัน สำหรับผู้ปฏิบัติสมาธิ ทั้งนอกสายและในสายของท่านหลวงพ่อฤาษีฯ ส่วนผมด้านมโนยิทธินั้นมีความรู้แค่หางอึ่ง อีกทั้งจริตยังไม่เข้าถึง นะ มะ พะ ทะ เลยได้แค่เป็นสื่อกลาง หากท่านใดสนใจดูแล้วเอาปัญญาพิจารณาเอาเองว่าจริงหรือไม่ ส่วนช่วงท้ายน่าจะเป็นการโต้เถียงกันมากกว่าเพราะมีผู้ถามมา อย่าไปสนใจในเรื่องนี้ จับประเด็นที่เกิดประโยชน์มาพิจารณาเห็นจะข้อมูลนี่ถามกันมาเมื่อ สี่ปีที่แล้วครับ แต่ผมเห็นว่าใครที่ภาวนาพุทโธก็ดี หรืออะไรอื่นก็ดี รู้ไว้ใช่ว่าครับ ที่สำคัญก็คือครูอาจารย์บอกว่าวิชชานี้ เป็นของจริงซะด้วยซี...สำเร็จแน่ และเป็นจริงดั่งคำสอน หากผู้ฝึกไม่หลงไปซะก่อน และมีครูอาจารย์ที่สำเร็จแล้วในวิชชานี้มาสอนอย่างถูกวิธี

    วิชชามโนมยิทธิของหลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นการสอนคนให้ติดนิมิตใช่หรือไม่ ดูแบบคำตอบเดียว

    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ มงกุฎเพชร

    ผมขออธิบายเริ่มแรกก่อน การปฏิบัตินั้นพุทธเจ้าแบ่งออกเป็นอัชฌาสัย4สายหลักๆด้วยกันเพราะอัชฌาศัยการปฎิบัติต่างกันคือ
    1.สุขวิปัสโก คือสามารถทรงฌาณได้เป็นพระอรหันต์ได้แม่สามารถมีทิพยจักญาน ไม่สามารถแสดงฤทธิได้ แต่ก็อาจจะเห็นพวกที่เป็นทิพยืได้เมื่อทนรงอารมณ์อุปจารสมาธิ
    2.เตวิชโช วิชชา3 1.สามารถระลึกชาติได้ 2.รู้การเกิดการตายของสัตว์ 3.ทำกิเลศให้สิ้น ซึ่งจะได้ตั้งเอากสินตั้งเพื่อฝึกทิพยจักขุญาน ในวิสุทธิมรรคมีบอก
    3.ฉฬภิษโญ มีอภิษญา 6 แสดงฤทธ์ได้ ซึ่งจะครอบคลุมเนื้อหาของเตวิชโชด้วย
    4.ปฏิสัมภิทัปปัตโต ต้องฝึกอรูปฌาน สำหรับคนที่ต้องการความฉลาด ปฏิภาณ ยกตัวอย่างพระมหากัจจายนะ

    จะเห็นว่าการฝึกจริงๆต้องแล้วแต่อัชฌาศัยของบุคคลจะว่ากันไม่ได้เลยเพราะสุดท้ายก็ต้องมีอาสวขยญาน คือทำกิเลศให้สิ้นไปทุกอัชฌาศัย
    ครานี้คำว่ามโนมยิทธิ นี้คืออะไร มโนมยิทธินี้หมายถึงฤทธิทางใจ เป็นหนึ่งในวิชชา 8 ประการขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านทรงสอนผู้สำเร็จสามารถเนรมิตรกายในกายได้หรือถอดจิตออกท่องเที่ยวไปยังภพภูมิต่างๆได้โดยปกติแล้วต้องได้ฌาน 4 แล้วลดกำลังมาอธิษฐานในอุปจารสมาธิ แต่ก็สามารถใช้อธิษฐานตอนอุปจารสมาธิเลยก็ได้โดยใช้กำลังของวิชชา 3 ซึ่งจะเบากว่าขึ้นต้นด้วยฌาน4 แต่วิธีที่หลวงพ่อสอนนี่เป็นารฝึกสำหรับผู้ที่เคยได้แล้วมาในอดีตชาติ(ในวิสุทธิมรรคกล่าวไว้สำหรับผู้ที่เคยทำมาในอดีตชาติถ้าชาตินี้เพียงได้เห็นแสงลอดมาเท่านั้นก็สามารถมีทิพยจักขุญานได้) ถ้าไม่เคยได้นี่ฝึกไม่ได้ต้องไปเริ่มกสินใหม่เลย

    ครานี้ไม่ว่าจะฌาน4 ก็ตามหรืออุปจารสมาธิในแบบของกำลังของวิชชา3ก็ตามต้องใช้กสินเป็นตัวตั้งต้นเพื่อฝึกทิพยจักขุญานไปในตัว ซึ่งกสินที่จะทำให้เกิดทิพยจักขญานที่เป็นสายตรงก็คือ อาโลกสิน (กสินแสงสว่างซึ่งมีเขียนวิธิฝึกไว้ในวิสุทธิมรรคชัดเจนไปดูและศึกษาเอา )เรียกสั้นๆจับนิมิตที่คุณบอกว่ามันคืออุปภาคนิมิตนั่นแหละแต่จริงแล้วเป็นนิมิตขององค์กสิน---เพียงแต่หลวงพ่อท่านให้จับภาพพระพุทธรูปให้เป็นแก้วใสแทน เพราะ

    1.นอกจากจะได้ผลของกสินแล้ว ยังเป็นพุทธานุสติกรรมฐานอีกต่อหนึ่ง
    2.พอทรงตัวดีแล้วหรือสำเร็จแล้วผู้นั้นสามารถจะท่องเที่ยวไปยังพบต่างๆไปดูนรก เพื่อไร เพื่อไห้เกรงกลัวต่อบาป ดูสวรรค์ดูพรหมโลกเพื่อไรเพื่อให้หมั่นทำความดีให้จิตเบิกบานติดในความดีและบุญกุศล เป็นเทวตานุสติกรรมฐานอีกต่อหนึ่ง

    และการที่จะเห็นชัดไม่ชัดนั้นตรงความเป็นจริงรึปล่าวไม่นั้นอยู่ที่กำลังของทิพยจักขุญานที่ฝึกมา+กับวิปัสนาญานการพิจารณาในร่างกายด้วยที่หลวงพ่อท่านสอนอยู่เสมอว่าร่างกายไม่ใช่ของเราเราไม่มีในร่างกายร่างกายไม่มีในเรา (ไปหาดูน่ะคับ(เรื่องวิปัสนานี่หลวงพ่อสอนเยอะมากแต่คุณไม่รู้เพราะคุณไม่เคยจะค้นหา)การที่หลวงปู่มั่นและหลวงปู่ดุลย์ นั่นหมายถึงนิมิต ย้ำนิมิตคือภาพที่เกิดจากจิตปรุงแต่ง แต่ผลที่ได้จากทิพยจักขุญานและมโนมยิทธิ "ไม่ใช่นิมิต" นิมิตคือสิ่งที่จับเป็นกสินในตอนต้นเพื่อให้จิตเป็นสมาธิเท่านั้นนะคับซึ่งกสินจัดเป็นนิมิตที่จำเป็นต้องรักษา(ไปดูวิสุทธิมรรคมาเถอะนะ) เอาง่ายๆเลยพระอนุรุทธนี่ เอตทัคคะด้าน ทิพยจักขุญาน ถามหน่อยสิ่งที่ท่านรู้ท่านเห็นที่ท่านเป็นคุณธรรมตรงนี้ เป็นการติดนิมิตหรือ และพระโมคคัลลาร์นี้ไปดาวดึงส์ใช้หัวแม่โป้เท้าสกิดปราสาทของพระอินทร์นี่ เป็นการติดนิมิตหรือ และยังมีเอตทัคคะด้านเนรมิตกายในกาย(มโนมยิทธิ)อีกเนี่ย พระพุทธเจ้าตั้งยกย่องคนติดนิมิตมาเป็นหรือ และการที่พุทธเจ้าไปโปรดท้าวพกาพรหมบนพรหมโลกนี่เป็นนิมิตงั้นหรือ และท้ายที่สุดพระพุทธเจ้าหรือพระอนุรุทธ พระโมคคัลลา เหล่านี้มิได้สำเร็จอรหันต์ตัดกิเลสเป้นสมุทเฉจประหารหรอกหรือ

    และการที่คุณบอกว่าการ"ที่มนุษย์เราซึ่งยังไม่สามารถละกิเลสได้จะสามารถถอดจิตแล้วไปนิพพานขึ้นไปหาพุทธเจ้า ได้ ทั้งที่พระนิพพานก็มีอธิบายไว้อย่างละเอียดว่าเป็นดินแดนที่ผู้มีกิเลสมิอาจล่วงไป ถ้ายังงั้นคนที่ถอดจิตถอดวิญญาณได้ก็คงบรรลุอรหันต์หมดทุกคน"

    ตอบว่า การที่ทรงมโนมยิทธินั้นจิตจะมีความเป็นทิพย์มากน้อยตามกำลังของวิปัสนาญานที่แต่ละบุคคลมีการที่จะเห็นพระนิพพานหรือขึ้นไปได้นั้นต้องทำวิปัสนาญานจนถึงที่เขาเรียกว่าโคตรภูญาน และเป็นอัชฌาศัยเตวิโชขึ้นไปถึงจะมีสิทธิดูรู้ไม่งั้นไม่ได้ ไปได้แต่อยู่ไม่ได้คุณเข้าใจไหมการจะอยู่มันต้องตัดกิเลสให้ได้ต้องมาวิปัสนาการขึ้นไปก้เพื่อกำลังใจเพราะกำลังใจสำคัญตัดได้ไม่ได้อยู่ที่ใจจุดเดียวและการที่เขาถามพุทธเจ้านั้นแล้วทำนายน่ะเข้าทำจริงป่าวคุณก็ไม่รู้ที่นี่พวกขี้โม้มันเยอะนะเยอะมากคุณควรใช้วิจารณญานเพราะบางคนก็เอาความรู้ที่หลวงพ่อให้ไปโอ้อวดซึ่งไม่ใช่จุดประสงค์ขององหลวงพ่อเลย
    และ ถามว่าทำไมต้องโคตรภูญานถึงจะพอรู้ได้ก็ เพราะเป็นตัวที่ต้องใช้วิปัสนาจนอารมณ์นี้รักปรารถนาพระนิพพาน แต่ยังไม่ถึงความเป็นอริยะเจ้าคืออยู่ระหว่างโลกียฌานกับโลกุตรฌาน เป็นไงไม่รู้แหละไปฝึกเองขี้เกียจอธิบาย หรือไม่ถ้าอยากรู้สายนี้เขาปฏิบัติยังไงไปหาซื้อคู่มือปฏิบัติกรรมฐานของหลวงพ่อมาอ่านแล้วจะทราบว่าจริงๆแล้วมันเป็นยังไงและการที่หลวงพ่อสอนมโนมยิทธินี้เพื่อให้ศาสนิกชนไม่สงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้าว่าสวรรค์มีจริง นรกมีจริง บาปมี บุญมีและจะได้ไม่สงสัยความดีของพระรัตนตรัยซึ่งขะช่วยให้ตัดสังโยชน์เพื่อโสดาบันได้ง่ายขึ้น(องค์สังโยชน์ของโสดาบันมีไรบ้างคุณไปดูเอาเอง)ถามว่าทำไมต้องโคตรภูญาน เพราะเป็นตัวที่ต้องใช้วิปัสนาจนอารมณ์นี้รักปรารถนาพระนิพพาน แต่ยังไม่ถึงความเป็นอริยะเจ้าคืออยู่ระหว่างโลกียฌานกับโลกุตรฌาน เป็นไงไม่รู้แหละไปฝึกเองขี้เกียจอธิบาย หรือไม่ถ้าอยากรู้สายนี้เขาปฏิบัติยังไงไปหาซื้อคู่มือปฏิบัติกรรมฐานของหลวงพ่อมาอ่านแล้วจะทราบว่าจริงๆแล้วมันเป็นยังไงถ้าคุณใจกว้างพอ

    และการที่คุณบอกว่า"สมาธิขั้น ถอดจิตถอดวิญญาณน่ะเป็นแค่สมาธิขั้น อุปจาระเท่านั้นเอง ถ้าไปบอกคนอื่นว่าได้ ฌาน1ฌาน2-3-4 คนที่รู้จริงๆๆเขาจะหัวเราะเยาะให้ ลองศึกษาคำว่าฌานให้ดี ว่าแปลว่าอะไร ฌานแปลว่า การเพ่งอยู่"

    ก็ขอตอบว่าใช่อุปจารจริงดังที่ได้อธิบายในเบื้องต้น แต่การที่จะหัวเราะนั้นผมมากกว่าที่จะหัวเราะคุณ เพราะอะไรเพราะคุณไม่รู้จัมโนมยิทธิคือไรน่ะสิ ไปอ่านวิสุทธิมรรคมาซะนะทีหน้าที่หลังก่อนจะมาโพสน์ และขอบอกให้ความรู้ไว้หน่อยนึงว่าไม่ว่าจะเป็นฤทธิหรืออะไรก็แล้วแต่ต้องมาอธิฐานที่อุปจารนี่ทั้งนั้นนะคุณถ้าทำอารมณ์หนักไปจนเป็นฌานนี่ขอบอกว่าเงียบกริบ และคำว่าแค่อุปจารสมาธิน่ะคุณทำให้มันทรงตัวซะก่อนเถอะนะแล้วค่อยมาฝอยเรื่องฌานกันต่อไป (กลับไปปฏิบัติมาซะ)อันนี้ผู้ฝึกขอหลวงพ่อรู้ทุกคน(ที่ฝึกกันจริงๆ)
    และการที่คุณบอกว่าเห็นเทวดานางฟ้านั้นอาจจะเป็นนิมิก็ได้ที่อารมณ์คุณมันเกิดฟุ้งขึ้นมาหรืออาจจะบังเอิญไปเจอะอุปจารสมาธิเข้าเลยทำให้เห้นภาพเทวดาหรือพวกทิพย์แต่ขอบอกไว้อย่างว่าที่คุณละนะดีแล้วเพราะถ้าเกิดเป็นอย่างข้อสองจริงซึ่งหมายถึงอาจจะไม่ใช่นิมิตซึ่งมันไม่ตรงอัชฌาศัยคุณซึ่งเป็นสุขวิปัสโกคือไม่ต้องการทิพยจักขุญานอยู่แล้วก็ควรละซะไปฝึกตามแนวทางของคุณจะดีกว่าเพราะถนัดกว่าและการที่คุณบอกว่า
    "จิตขั้นที่พูดคุยกับเทวดาได้ก็อยู่ในขั้นแค่ อุปจารเท่านั้นเอง "
    ขอตอบว่าก็จริงอีกและ พวกได้มโนมยิทธนี่เขาไม่ได้ใช้กำลังฌานกันนะคุฯไปเอามาจากไหนไปดูมาให้ดีๆคุณก่อนจะมาวิจารร์น่ะ
    อีกอย่างการที่นักปฎิบัติจะพบพุทธเจ้าได้หรือไม่นั้นคุณเคยได้ยินคำนี้มั้ยคับ
    "พระพุทธเจ้าท่านเพียงไม่มีร่างเหลืออยู่เท่านั้น พระบารมีและคุณธรรมยังอยู่ ทรงเสด็จไปสอนด้วยพระพุทธบารมีได้"สมเด็จพระญาณสังวร
    สมเด็จพระสังฆราช
    และที่มโนมยิทธเขาเข้าพบกันก็เพราะพุทธบารมีอันนี้ แหละที่พบจะว่าเป็นฉัพพรรณรังศีก็ว่าได้ เพราะถือเป็นพุทธบารมีโดยแท้
    และหนังสือหลวงปู่มั่นน่ะบ้านผมมีเยอะเลยคุณแล้วก็ยังมีพระธาตุของหลวงปู่มั่นด้วยแต่คุณล่ะแค่มีหนังสือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำเกี่ยวกับการปฏิบัติซักเล่มนึงมีรึปล่าวคับ รู้น่ะหรือวิจารณ์อะไรต้องรู้ให้แท้และจริงรู้ทั้งเขาและเรา
    ส่วนตัวเองต่างคนต่างสายปฏิบัติครูบาอาจารย์แต่ละคนย่อมทีวิธีการสอนที่แตกต่างกันไป อันนี้ผมจึงไม่กล้าวิจารณืใครเลยหรือท่านใดเลยเพราะผมกลัวปรามาศไม่อยากลงอเวจีของหลวงพ่อนี่วิปัสนาก็บอกแล้วท่านสอนมากโดยเฉพาะสักยทิฐินี่และก็อื่นๆอีกมากมายที่ท่านให้ควบไป เพราะฉะนั้นเรื่องวิปัสนาสายนี้ไม่ใช่วิปัสนูแน่นอนคุณไม่ต้องห่วงหรอก ไปศึกาของคุณมาให้ดีเถอะ
    อีกประการ อันนี้ไม่ได้เปรียบเทียบนะคับเพียงแต่บอกให้รู้เฉยๆ หลวงปู่มั่น หลวงปู่ดุลย์ กระดูกเป็นพระธาตุ แต่ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำนั้น ร่างกายไม่เน่าไม่เปื่อย(ซึ่งต้องเป็นพระอรหันต์อธิษฐานจิตไว้ก่อนนิพพานเท่านั้น)แถมไม่ว่าจะเป็นผม ชานหมากของหลวงพ่อกลายเป็นพระธาตุหมด ร่างกายของท่านก็มีพระธาตุงอกหรือผุดขึ้นมาพูดได้ว่าเกือบหัวจรดปลายเท้าเลยทีเดียว เชื่อไม่เชื่อไปพิสูจน์กันเองที่วัดท่าซุงนะคับ ซึ่งผ่านมา10กว่าปีแล้วที่ท่านละสังขาร ซึ่งวันที่2 ต.ค.นี้เป็นวันคล้ายวันเกิดท่าน
    สรุป.. รู้อะไรก่อนมาวิจารณ์เราต้องรู้เขารู้เราว่าแท้จริงเขาเป็นไงเราเป็นไงพุทธเจ้าตรัสไว้มีมั้ยวิสุทธิมรรคมีรึปล่าว ไม่รู้จริงแล้วอย่าเพิ่งฟันธงวิปัสนูวิปัสนาปดูเอาเองศึกามาให้ละเอียดก่อนวิจารณื และควรทำใจเป็นอุเบกขาเสียก่อนอื่นทั้งหมด

    อนุโมทนา (bb-flower (b-green)
    http://palungjit.org/showpost.php?p=116196&postcount=9
     
  11. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
     
  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    จากรูปข้างต้นของการบริจาคเครื่องดูดเสมหะในเดือนธันวาคม 2551 โดยทุนนิธิฯ ได้บริจาคผ่านหลวงปู่แฟ๊บ วัดป่าดงหวาย สกลนคร เพื่อนำไปมอบต่อยังโรงพยาบาลนาหว้า นครพนม เพิ่งได้รับรูปมาครับ เป็นรูปที่คุณสุขสันต์ จนท.ของหอผู้ป่วยสงฆ์อาพาธ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น นำไปมอบให้ท่าน เมื่อปลายเดือนมกราคม ที่ผ่านมาครับ

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    มาดูพระราชกรณียกิจทรงผนวช 15 วันของในหลวงต่อกันครับ


    พระราชกรณียกิจในวันที่ 8 แห่งการทรงพระผนวช
    วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม 2499
    รับแขก ทรงยืนคอยพระสงฆ์อื่น ๆ แล้วจังเสด็จออกทรงรับบิณฑบาต วันนี้ฝนตกตั้งแต่เช้า และลงพรำ ๆ ไม่ขาดสาย จึงต้องรับบิณฑบาตภายในพระตำหนัก เมื่อทรงรับแล้วก็ทรงพระดำเนินเข้าไปประทับพระเก้าอี้ ทรงอุ้มบาตรไว้ เมื่อพระภิกษุสงฆ์รูปอื่นๆ รับบิณฑบาตหมดแล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินกลับ ระหว่างประทับพัก ที่บนพระเก้าอี้ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับสมเด็จพระราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอด้วย
    ในตอนเย็น เสด็จลงพระตำหนักเพชรโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระเถระ (ชั้นราชขึ้นไป) และบรรพชิตจีน ญวน เฝ้าถวายอนุโมทนา และถวายพระพร
    พิธีการมีดังนี้ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงทรงคมพระรูปสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ทรงคมพระเถระ แล้วประทับพระเก้าอี้หน้าพระแทนสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ สมเด็จพระวันรัต สังฆนายก อ่านคำถวายพระพรในนามพระเถรานุเถระแห่งคณะสงฆ์ไทย และบรรพชิตจีน ญวน ดังนี้
    ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสถวายพระพร
     
  14. พระวรากรณ์

    พระวรากรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    278
    ค่าพลัง:
    +109
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    ธุลีในใจ


    [​IMG]

    ทั้งราคะ โทสะ โมหะร้าย
    สิ้นทั้งหลาย นอนเนื่องมา อย่าไหลหลง
    ความไม่รู้ ในจิตใจ จึงดำรงค์
    ยึดมั่นคง เป็นตัญหา อุปาทาน

    อันธุลี ที่ไม่เห็น เป็นกลุ่นก้อน
    แต่มันนอน เนื่องไว้ ในสังขาร
    ละเอียดอ่อน มากมาย สุดประมาณ
    ไม่พบพาน เห็นได้ ด้วยดวงตา

    ต้องปัญญา รู้แจ้ง แทงตลอด
    เข้าถึงยอด แก่นธรรม นำญาณกล้า
    จึงจักเห็น กิเลสได้ ในอุรา
    เขี่ยจากตา เคยมืดบอด ตลอดแล

    ก็มีเพียง ทางสาย สมณะ
    ที่อาสวะ ดับดิ้น ขาดสิ้นแท้
    ถอนตัณหา กระทั่งราก จากดวงแด
    หมดสิ้นแท้ ภพชาติ ขาดวัฏฏา


    ราคะเรากล่าวว่าเป็นธุลี
    มิได้กล่าวละอองว่าเป็นธุลี
    คำว่าธุลีเป็นชื่อของราคะ
    บัณฑิตทั้งหลายนั้นละธุลีนี้แล้ว
    ย่อมอยู่ในศาสนาแห่งพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลี

    โทสะเรากล่าวว่าเป็นธุลี
    มิได้กล่าวละอองว่าเป็นธุลี
    คำว่าธุลีเป็นชื่อของโทสะ
    บัณฑิตทั้งหลายนั้นละธุลีนี้แล้ว
    ย่อมอยู่ในศสานาแห่งพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลี

    โมหะเรากล่าวว่าเป็นธุลี
    มิได้กล่าวละอองว่าเป็นธุลี
    คำว่าธุลีเป็นชื่อของโมหะ
    บัณฑิตทั้งหลายนั้นละธุลีนี้แล้ว
    ย่อมอยู่ในศาสนาแห่งพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลี


    บทกวีจาก เภสิชัญญา

    http://www.dhammathai.org/kaveedhamma/view.php?No=2315
     
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    มนุษย์


    อันมนุษย์นี่หนอพอแยกได้
    มีร่างไซร้ธาตุสี่มาผสม
    ดั่งจับปั้นดินน้ำและไฟลม
    ต่างเกลียวกลมเป็นรูปร่างอย่างพอดี

    มีแต่ร่างยังหาใช่มนุษย์ไม่
    ส่วนจิตใจวิญญานขานชื่อผี
    ต้องสิงสู่ในร่างจึงจะมี
    ชีวิตที่เรียกว่าคนใช่กลไก

    จะดีงามทรามชั่วตัวตนสร้าง
    แต่ผู้วางแผนการนั้นรู้ไหม
    คือวิญญานรับรู้หรือจิตใจ
    นำชี้ให้ทำตามความคิดตน

    จิตนำกายว่ายวนในสังสาร์
    ทรมานแหวกว่ายด้วยสับสน
    ช่างลำบากจริงแท้เกิดเป็นคน
    จำทุกข์ทนเดินทางอย่างเอกา

    แม้รักชอบชิงชังดังที่เห็น
    นั่นเพราะเป็นเหตุต้นผลกรรมหนา
    เพราะต่างคนวนเวียนเกิดตายมา
    ไม่รู้ว่าเกาะเกี่ยวกันเป็นฉันใด

    เราคนเดียวโลดแล่นในแผ่นพื้น
    ทุกวันคืนระวังอย่าหวั่นไหว
    ชีวิตคนที่เห็นและเป็นไป
    เพราะปล่อยใจตามเหตุกิเลสมาร.


    <TABLE height=400 align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    จะดีงามทรามชั่วตัวตนสร้าง
    แต่ผู้วางแผนการนั้นรู้ไหม
    คือวิญญานรับรู้หรือจิตใจ
    นำชี้ให้ทำตามความคิดตน

    จะดีงาม ทรามชั่ว ใช่ตัวสร้าง
    "กรรม"ที่ทำ นำวาง ไม่สับสน
    เพราะสรรพสัตว์ ล้วนมีกรรม เป็นของตน
    กุศลดล อกุศลค้ำ นำเกิดกาย

    ชนกกรรม นำเกิด เลิศหรือต่ำ
    กุศลกรรม อกุศล ดลเป็นสาย
    ให้เกิดภพ ก่อชาติ มิคลาดคลาย
    สมบัติกลาย วิบัติซ้ำ นำเกิดมา

    แม้รักชอบชิงชังดังที่เห็น
    นั่นเพราะเป็นเหตุต้นผลกรรมหนา
    เพราะต่างคนวนเวียนเกิดตายมา
    ไม่รู้ว่าเกาะเกี่ยวกันเป็นฉันใด

    การรัก ชอบ ชิง ชัง ดังที่เห็น
    สัญญาเป็น ตัวจดจำ นำอนุสัย
    วิญญาณนั้น ก็รู้แจ้ง ตามกันไป
    ปัญญาให้ รู้ชัดไว้ ในเรื่องราว

    นามขันธ์ ทั้งสี่ นี้กระทำ
    ผสานกรรม ล้ำลึก ตรึกสืบสาว
    อยู่ในจิต ว่ายเวียนไป ในทุกคราว
    กุศลพราว อกุศลพร่อง เข้าคล้องกรรม
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    [๕๘๐] สุภมาณพ โตเทยยบุตร พอนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
    ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรหนอแล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้พวกมนุษย์
    ที่เกิดเป็นมนุษย์อยู่ปรากฏความเลวและความประณีต คือ

    มนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏ มีอายุสั้น มีอายุยืน มีโรคมาก มีโรคน้อย
    มีผิวพรรณทราม มีผิวพรรณงาม มีศักดาน้อย มีศักดามาก
    มีโภคะน้อย มีโภคะมาก เกิดในสกุลต่ำ เกิดในสกุลสูง ไร้ปัญญา มีปัญญา


    ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรหนอแลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย
    ให้พวกมนุษย์ที่เกิดเป็นมนุษย์อยู่ ปรากฏความเลวและความประณีต ฯ



    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรมาณพ
    สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม
    มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
    กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้ ฯ



    จากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖
    มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ จูฬกัมมวิภังคสูตร



    บทความและบทกลอนพร้อมพระสูตรข้างต้น
    รังสรรค์โดยป้ากันนา และหิ่งห้อยน้อยใน
    http://www.dhammathai.org/kaveedhamma/view.php?No=2305
     
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พึงแผ่พรหมวิหาร ๔ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
    ในวันหนึ่ง ๓ เวลา คือ เช้า เที่ยง และเย็นโดยวิธีแผ่ดังนี้


    ***
    ๑. แผ่เมตตาแก่ตนก่อนว่า
     
  18. BD

    BD เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +419
    ไม่ต้องประกาศทำบุญที่มีพระให้บูชาทางเวปพลังจิตก็ได้ครับ แต่ประกาศให้ไปทำบุญบูชาพระในวันทำบุญที่ร.พ.สงฆ์ก็น่าจะได้นะครับ
     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    สำหรับท่านที่มาใหม่ หากอยากทำความรู้จักกับทุนนิธิฯ เรามีบทคัดย่อไว้ให้ศึกษา และหากมีความกรุณาที่จะทำบุญให้แก่พระสงฆ์ที่อาพาธตาม รพ.ต่างๆ ก็แล้วแต่กำลังใจแต่ละท่านครับ

    สารบัญ
    1-20 | 21-40 | 41-60 | 61-80 | 81-100 | 101-110

    หน้า : 1 บทนำ
    หน้า : 2 จุดเริ่มต้นและแนวทางการดำเนินงาน
    หน้า : 3 ความคืบหน้าและยอดเงินบริจาค ณ เดือน ธันวาคม 2550
    หน้า : 4 พี่ใหญ่ฝากมา...
    หน้า : 5 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน ธันวาคม 2550 #1
    หน้า : 6 ความรู้ปู่ให้มา..พระสมเด็จกรุบางน้ำชน (ปีระกาป่วงใหญ่)
    หน้า : 7 ความรู้ปู่ให้มา..พระสมเด็จปูนสอ "สมเด็จอัศนี"
    หน้า : 8 พระท่าดอกแก้วที่ อ.ประถม อาจสาครสร้าง
    หน้า : 9 ความคืบหน้าและยอดเงินบริจาค ณ เดือน มกราคม 2551
    หน้า : 10 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน มกราคม 2551 #2
    หน้า : 11 ความคืบหน้าและยอดเงินบริจาค ณ เดือน กุมภาพันธ์ 2551
    หน้า : 12 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน กุมภาพันธ์ 2551 #3
    หน้า : 13 การไหว้ 5 ครั้ง (ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ญาณวรเถร ) วัดเทพศิรินทราวาส
    หน้า : 14 แจ้งกำหนดการร่วมทำบุญเดือน มีนาคม
    หน้า : 15 ภาพพระโลกอุดรที่เรียกว่า "กรุเก่า"
    หน้า : 16 ใบเสร็จรับเงินที่ไปทำบุญมาเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม 2551
    หน้า : 17 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน มีนาคม 2551 #4
    หน้า : 18 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน มีนาคม 2551 #4 หน้า 2
    หน้า : 20 "กระดูก 300 ท่อน" สุดยอดธรรมจากหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร
    หน้า : 21 ย้อนหลังกลับมาคุยถึงเรื่อง พระกำลังใจ 2

    หน้า : 22 ชนวนที่ใช้ในการสร้างพระกำลังใจ 2 หน้าที่ 1
    หน้า : 23 ชนวนที่ใช้ในการสร้างพระกำลังใจ 2 หน้าที่ 2
    หน้า : 24 สรุปยอดเงินบริจาคที่ Update ยอดเมื่อวันนี้ 10 เมษายน 2551
    หน้า : 25 ใบโมทนาบัตรเมื่อคราวไปทำบุญเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2551
    หน้า : 26 สรุปรายการพระที่นำมามอบให้เป็นสำหรับผู้ร่วมทำบุญกับทุนนิธิ ฯ
    หน้า : 27 บรรยากาศแบบไทย ๆ ณ บ้านอาจารย์ประถม อาจสาคร ร่วมกับ คณะกรรมการทุนนิธิฯ
    หน้า : 28 พระอีกรุ่นหนึ่งที่เป็นพระที่ อ.ประถมฯ สร้างไว้...
    หน้า : 29 คำบอกเล่าเกี่ยวกับกิจกรรมทำบุญครั้งที่ 5 ของทุนนิธิฯ...จากประธานทุนนิธิฯ
    หน้า : 30 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน เมษายน 2551 #5
    หน้า : 31 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน เมษายน 2551 #5-2
    หน้า : 32 รูปขณะที่ทางประธานทุนนิธิฯและคณะกรรมการได้นำกระเช้า ไปกราบเยี่ยมอาการผ่าตัดต้อที่ตาของ อาจารย์ประถม ที่บ้าน
    หน้า : 34 ประชาสัมพันธ์ งานบุญที่ รพ.สงฆ์ ครั้งที่ 6/51
    หน้า : 35 รายละเอียด ก่อนเริ่มการทำบุญ ในวันอาทิตย์ที่ 25/5/2551
    หน้า : 36 รายงานการถอนเงินออกมาเพื่อทำบุญ และ สรุปยอดเงินบริจาคที่ Update ยอดเมื่อ 27/05/08
    หน้า : 37 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน พฤษภาคม 2551 #6 หน้าที่ 1
    หน้า : 38 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน พฤษภาคม 2551 #6 หน้าที่ 2
    หน้า : 39 แจ้งข่าว หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร วัดถ้ำเขาประทุน ชลบุรี ได้มรณภาพแล้วด้วยอาการสงบ
    หน้า : 40 แจ้งข่าวเรื่องการทำบุญ รพ.สงฆ์ ในวันที่ ๒๒/๐๖/๒๕๕๑
    หน้า : 41 ขอประชาสัมพันธ์กิจกรรมของทุนนิธิฯ วันที่ 22 มิ.ย (ครั้งที่ 7)
    หน้า : 42 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน มิถุนายน 2551 #7 หน้าที่ 1

    หน้า : 43 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน มิถุนายน 2551 #7 หน้าที่ 2
    หน้า : 44 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน มิถุนายน 2551 #7 หน้าที่ 3
    หน้า : 45 ประธานทุนนิธิฯ แจ้งยอดการทำบุญในครังที่ 7 นี้ และใบเสร็จแจ้งการทำบุญ ร่วมโมทนาบุญด้วยกันครับ
    หน้า : 46 พระนาคปรกมหาลาภ
    หน้า : 47 ประชาสัมพันธ์กิจกรรมสำหรับงานบุญประจำเดือนกรกฎาคม 2551
    หน้า : 48 หลักฐานการโอนเงินเข้ากองทุนของหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี และ กองทุนสงฆ์อาพาธ รพ. 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ์ จ.อุบลฯ
    หน้า : 49 ใบโมทนาบัตรที่ทางโรงพยาบาลสงฆ์ และของทาง รพ.50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ จ.อุบลส่งมาให้ทางทุนนิธิฯทั้งของเดือน พฤษภาคมและเดือนมิถุนายน
    หน้า : 50 การเบิก-จ่ายในงานบุญ ๒๗/๐๗/๒๕๕๑
    หน้า : 51 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน กรกฏาคม 2551 #8 หน้าที่ 1
    หน้า : 52 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน กรกฏาคม 2551 #8 หน้าที่ 2
    หน้า : 53 พระพิมพ์สมเด็จเจ้าคุณกรมท่า พิมพ์ปรกโพธิ์
    หน้า : 54 ซื้อผ้ามัสสลิน ถวายเพื่อใช้เป็นเครื่องบริขารให้แก่พระสงฆ์อาพาธ ณ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น
    หน้า : 55 ปุจฉา - วิสัชนา
    หน้า : 56 สมเด็จเจ้าคุณกรมท่าพิมพ์ใหญ่และสมเด็จปัญจสิริรุ่นแรกเนื้อเก่าสวยๆ #1
    หน้า : 57 สมเด็จเจ้าคุณกรมท่าพิมพ์ใหญ่และสมเด็จปัญจสิริรุ่นแรกเนื้อเก่าสวยๆ #2
    หน้า : 58 สมเด็จเจ้าคุณกรมท่าพิมพ์ใหญ่และสมเด็จปัญจสิริรุ่นแรกเนื้อเก่าสวยๆ #3
    หน้า : 59 สมเด็จเจ้าคุณกรมท่าพิมพ์ใหญ่และสมเด็จปัญจสิริรุ่นแรกเนื้อเก่าสวยๆ #4
    หน้า : 60 สมเด็จเจ้าคุณกรมท่าพิมพ์ใหญ่และสมเด็จปัญจสิริรุ่นแรกเนื้อเก่าสวยๆ #5
    หน้า : 61 ใบโมทนาบัตรของเดือน กรกฎาคม+ยอดเงินที่เบิกออกมาใช้ในการทำบุญกับทาง รพ.สงฆ์ ในวันที่ 24 สิงหาคม 2551
    หน้า : 62 ภาพของผ้ามัสลินที่ได้จากการบริจาคของทุนนิธิ ฯ ไปใช้หอสงฆ์ที่ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น

    หน้า : 65 พระกรุวังหน้าบางส่วน
    หน้า : 66 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน สิงหาคม 2551 #1
    หน้า : 67 แจงรายละเอียดการทำบุญเดือนสิงหาคม 2551
    หน้า : 68 ปิดท้ายงานบุญเดือนสิงหาคม 2551
    หน้า : 69 พระพิมพ์เจ้าสัว....
    หน้า : 70 พระกรุโลกอุดร
    หน้า : 71 พระกรุโลกอุดร พิมพ์ปิดตา อรหัง
    หน้า : 72 พระสารีริกธาตุของพระพุทธปัจเจกพุทธเจ้า
    หน้า : 73 พระสกุลวังหน้า
    หน้า : 74 พระพิมพ์สกุลวังหน้า
    หน้า : 75 พระพิมพ์สกุลวังหน้า.. ต่อ
    หน้า : 76 พระพิมพ์ของบรมครูพระเทพโลกอุดร
    หน้า : 77 แจ้งข่าวเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานขั้นต่อไปของทุนนิธิ
    หน้า : 78 ทางทุนนิธิฯตั้งใจจะแจกพระให้ในเดือนนี้นั้นก็ขอเรียนชี้แจงดังนี้นะครับ
    หน้า : 79 ภาพพระ ๒๔๐๘ เพื่อการศึกษา
    หน้า : 80 ภาพของการรักษาผู้ป่วยของ รพ.สงขลานครินทร์ ที่เราเตรียมส่งเงินไปช่วยเหลือ
    หน้า : 81 ภาพพระ ๒๔๐๘ เพื่อการศึกษา (๒)
    หน้า : 82 ใบโมทนาบัตรของโรงพยาบาล 5 พรรษา มหาวชิราลงกรณ และโรงพยาบาล ศรีนครินทร์ มาให้ได้ร่วมกันโมทนาในบุญ
    หน้า : 83 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน กันยายน 2551 #10 หน้าที่ 1
    หน้า : 84 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน กันยายน 2551 #10 หน้าที่ 2

    หน้า : 85 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน กันยายน 2551 #10 หน้าที่ 3
    หน้า : 86 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน กันยายน 2551 #10 หน้าที่ 4
    หน้า : 87 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน กันยายน 2551 #10 หน้าที่ 5
    หน้า : 88 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน กันยายน 2551 #10 หน้าที่ 6
    หน้า : 89 รายนามท่านที่บริจาคเงินสมทบเข้าทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2551
    หน้า : 90 ร่วมทำบุญให้กับ รพ.แม่สอด จ.ตาก (รพ.ชายแดน)
    หน้า : 91 นำใบโอนเงินมาร่วมโมทนาบุญกับทาง ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร
    หน้า : 92 ใบอนุโมทนาบัตรที่ได้รับจากโรงพยาบาลต่าง ๆ ครับ โมทนาสาธุ
    หน้า : 93 การประชุมคณะกรรมการทุนนิธิฯ
    หน้า : 94 ภาพการทำบุญ รพ.สงฆ์ วันที่ 19 ตุลาคม 2551
    หน้า : 95 ภาพพระสมเด็จที่ระลึกในงานศพของคุณพ่อพี่พันวฤทธิ์
    หน้า : 96 รายงานยอดเงินที่ถอนไปทำบุญในเดือนนี้และใบขอบคุณและโมทนาบัตรของโรงพยาบาลต่างๆครับ
    หน้า : 97 สรุปผลการประชุม ๒๖-๑๐-๒๕๕๑ และแจ้งวันร่วมทำบุญในเดือน พฤษจิกายน ๒๕๕๑
    หน้า : 98 รายงานยอดเงินเมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2551 ที่ผ่านมา
    หน้า : 99 สรุปยอดบริจาคผ้าห่มให้กับโรงพยาบาลสงฆ์ที่อำเภอปัว โรงพยาบาลที่สกลนคร ของหลวงปู่แฟ๊บ และ โรงพยาบาลที่อำเภอแม่สอด
    หน้า : 100 ภาพหลวงปู่แฟ๊บ สุภัทโท วัดป่าดงหวาย
    หน้า : 101 รูปบรรยากาศการพบปะของลูกศิษย์และอาจารย์ ณ บ้านอาจารย์ประถม
    หน้า : 102 รูปบรรยากาศการพบปะของลูกศิษย์และอาจารย์ ณ บ้านอาจารย์ประถม ต่อ....
    หน้า : 103 ประชาสัมพันธ์เรื่องด่วนควรค่าแก่การโมทนาและสาธุบุญให้ผู้ที่บริจาคเข้าบัญชีทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธฯ
    หน้า : 104 หลักฐานการโอนเงิน และใบตอบรับ โมทนาบัตรของโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่ทางทุนนิธิฯได้ส่งเงินไปช่วย

    หน้า : 105 มีรูปมาฝากจากแม่สอด ที่เราบริจาคเพื่อซื้อผ้าห่มให้กับ สงฆ์อาพาธและไว้ใช้ที่ รพ.แม่สอด ครับ
    หน้า : 106 รูปกิจกรรมทำบุญ ครบบรอบ ๑ ปี ของทุนนิธิ ธันวาคม ๒๕๕๑ #๑๒ หน้าที่ ๑
    หน้า : 107 รูปกิจกรรมทำบุญ ครบบรอบ ๑ ปี ของทุนนิธิ ธันวาคม ๒๕๕๑ #๑๒ หน้าที่ ๒
    หน้า : 108 รูปกิจกรรมทำบุญ ครบบรอบ ๑ ปี ของทุนนิธิ ธันวาคม ๒๕๕๑ #๑๒ หน้าที่ ๓
    หน้า : 109 รายงานสรุปผลารดำเนินการของทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร
    หน้า : 110 พระดีที่น่ากราบไหว้
    หน้า : 111 แจ้งวันทำบุญ ในเดือนมกราคม ๒๕๕๒
    หน้า : 112 สรุปยอดเงินสำหรับเตรียมการบริจาคในวันอาทิตย์ที่ 18 มกราคมนี้
    หน้า : 113 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน มกราคม 2552 #13 หน้าที่ 1
    หน้า : 114 ภาพการทำบุญของ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ประจำเดือน มกราคม 2552 #13 หน้าที่ 2
    <INPUT id=cur_content type=hidden value=1 name=cur_content>





    http://www.vcharkarn.com/vblog/34941
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    งานบุญในเดือนนี้จะมีกิจกรรมประจำเดือนที่ รพ.สงฆ์ในวันอาทิตย์ที่ 22/2/52 ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติม ขออีกนิดนึง หลังจากวันอาทิตย์นี้ ประชุมกันแล้ว ก็จะมาแจ้งให้ทราบ แต่ที่แน่ๆ ก็คือหลังจากที่ทำบุญเสร็จ ก็จะมีการเดินทางไปกราบพระอริยสงฆ์แน่นอน จะ อยุธยา หรือ ปากช่องก็ว่ากันอีกที ค่ารถปรับอากาศขนาดเล็ก รวมค่าอาหารซักประมาณ 400.- เหลืออีกซัก 7 ที่มั๊ง ใครอยากไปบอกมา งานนี้นำโดยพี่ใหญ่ แต่ที่แน่ๆ บนรถมีพระแจกให้ด้วยเอ้อ..ส่วนที่งานบุญที่ รพ.สงฆ์ก็ไม่น้อยหน้า ถึงเวลาท่านแล้ว นำมาแจกให้ฟรี ท่านละองค์ เอ้า ใครอยากรวยเป็นเจ้าสัว ไปทำบุญกันเร็วที่ รพ.สงฆ์ ไปช่วยกันถวายสังฆทานอาหาร ไปรับบุญกัน ที่แจกให้น๊ะพระไม่มีราคา แต่ถ้าแขวนท่านแล้วก็จะรู้เอง แม้แต่ผมเอง ยังให้คุณแม่แขวนเดี่ยวท่านเลยล่ะ จะบอกให้

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    ข้อมูลเดิมจากหน้ากระทู้เก่า นำมาเล่าใหม่

    ที่นี้ไม่มีลับลวงพราง รู้ข้อมูลดีๆมา จะเปิดให้เพื่อนฟัง จะได้พระดีราคาถูก พระที่บางคนว่าเป็น พระมือผี แต่ผมว่าสวยมาก ถ้าเช็คอิทธิคุณได้จะรู้ว่าแรงดีทันสมเด็จโตเสก ดูและจดจำไว้นะครับ 20 บาท มีพระกันมากๆแล้วอย่าลืมไหว้พระ สวดมนต์ ถือศีล ภาวนาด้วย มีเวลาว่างก็ออกไป ใส่บาตร ทำบุญถวายสังฆทานหรือบริจาคสร้างวัด วิหาร เจดีย์ ทำให้ครบเป็นนิจ เป็นประจำครับ ชาตินี้ชาติหน้าจะได้ไม่พร่องเรื่องใด ทั้งทางโลก และ ทางธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...