ของสะสมส่วนตัว ดูเล่นๆ เพลิน

มิกล้ารับคำเปรียบเทียบครับ พูดตามหลักฐานที่ปรากฏ...แหะๆ

 

ไปเที่ยวหัวหิน..ตั้งแต่วันจันทร์..กลับคืนวันพฤหัส
แอบเข้าร้านเน๊ต..บ้าง
คืนนี้..จะแวบเข้ามา

 

เข้าชม และแอบอ่านกระทู้นี้ ประมาณ 3 วัน ตั้งแต่้หน้าแรก จนหน้าสุดท้ายนี้
ได้ความรู้ในเรื่องเครื่องราง โดยไม่ปิดบังกันเลย ...... ต้องขอบคุณทุก ๆ ท่านที่มีน้ำใจแบ่งปันความรู้ให้กับคนไม่รู้ครับ โดยเฉพาะท่าน visutto (ท่านเชียร์) ท่าน Jin ท่าน แอนตี้ฯ ท่าน vptech และอีกหลายท่านที่นำเครื่องรางของชอบมาแบ่งปันกันชมครับ...... ขอเป็นสมาชิกในกระทู้นี้ด้วย ไว้จะโพสเครือ่งราง มาสอบถามครับ.... เยี่ยมจริง ๆ กระทู้นี้

 

อีกสองดอกครับของหลวงปู่เอี่ยมกับหลวงปู่ศุข หลวงปู่ศุขเป็นลักน้ำเกลี้ยง แบบดอกอุปฌาย์ก๋ง ไม่ดีไม่เป็นไรของทุกชิ้นคืนได้เงินครบ

 

คุณแอนตี้ครับตะกรุดหลวงพ่อพิธที่ผมลงไปนั้นเป็นทองเหลืองเนื้อทองฝาบาตรครับ ผิวมันเก่าออกแบบเดียวกลับภาพที่คุณลงแหละครับเพียงแต่ของผมมีอั่วครับ

 

ดอกเเรกผมไม่ชอบครับพี่

ดอกหลังน่าจะดี เเต่ผมไม่ตีเป็นปู่ศุขครับ

ฟังพี่ท่านอื่นด้วยนะครับ

 

แหวนพิรอด

พึ่งได้มา..รบกวนหน่อยครับ ขนาดกว้างวัดได้ 3 ซม. รอบใน 1.3 ซม. เล็กกระทัดรัดนิ้วก้อยยังสวมไม่ได้ เคยเห็นแต่วงใหญ่ๆ วงเล็กมีสำนักใดทำไว้บ้าง เจ้าของเดิมเลยว่าเป็นหลวงปู่ยิ้มแต่ผู้ขายว่าเป็นหลวงพ่อม่วง น้ำหนักเบาๆไม่แน่ใจว่าเนื้อในทำจากกระดาษสารึป่าว แล้วท่านทั้งหลายว่าอย่างไรครับ

 

เรื่องดูตะกรุดค่อนข้างตียาก ผมเคยเอาตะกรุดหลายดอกไปให้เซียนเครื่องรางบนพันทิพย์ดู

เค้ายังไม่ดูให้เลยครับบอกเล่นยาก บางทีได้แท้แต่ไม่รู้ที่ รู้ที่แต่ดูยาก ไรแบบนี้

ผมเองก็ไม่ชำนาญนัก เพราะมีเซียนช่วยดูให้ตลอด

เลยไม่เก่งกับเค้าสักที อิอิ

 

รูปทรงแบบนี้ต้องตีล.พ.ม่วง วัดบ้านทวนครับ

แหวนพิรอดที่วงการนิยมเล่นหา มีไม่กี่สำนักนัก พอแยกแยะออกได้ว่าเป็นของอาจารย์ท่านไหน

เช่น

ทรงปลีสูง ต้องล.พ.ยิ้ม




ทรงปั้นปิดตา ต้องหมอน้อย



ทรงเก้ายอด ต้องหลวงพ่อหรุ่น



หลวงป่ทอง วัดราชโยธา



ประมาณนี้ครับผม

 

เยี่ยมไปเลย...:VO:VO:VO...ขอบคุณมากครับคุณแอนตี้ สำหรับข้อมูลดีๆ

 

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->แอนตี้ ญ สวมเขา<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2103972", true); </SCRIPT>
ยอดเยี่ยม

ข้อสังเกตุเพิมเติม
แหวนพิรอดของหลวงปู่ยิ้ม จะเป็นด้ายสายสิญจ์จุ่มรักอมน้ำตาลแดง
ทรงปลีสูง นิยมเรียกขานว่า ทรงถันพระอุมา ราคาเล่นหาแพงกว่าหลวงพ่อม่วง
สภาพสวยหมื่นเศษ

แหวนพิรอดของหลวงพ่อม่วง จะเป็นผ้าดิบลงรักสีออกดำ สภาพสวยพันแก่ๆ

 

กระทู้นี้สุดยอดจริงๆครับ

ได้รู้อะไรอีกเยอะแยะเลยครับพี่ๆ

 

แหวนพิรอดหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน

พี่พระอนิจจังโชว์แหวนพิรอด ผมนึกขึ้นได้ว่ามีเก็บเหมือนกันอยู่ 2-3 วง

วงนี้เป็นของ หลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน สภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ผ่านการใช้มาบ้าง ทำให้ดูง่าย รักแดงผิวเปิดให้เห็นเชือกด้านใน

ถ่ายมาให้พิจารณากันหลายมุมครับผม









แหวนพิรอดหลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน

แหวนพิรอด ของพระครูสิงคิคุณธาดา (หลวงพ่อม่วง จันทสโร) วัดบ้านทวน จ.กาญจนบุรี เป็นเครื่องรางที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสุดยอดของเค รื่องราง ที่นักสะสมเครื่องรางต่างก็ใฝ่ฝันที่จะได้มาไว้ในครอบครอง เพราะคนที่มีก็ต่างหวงแหนเป็นอย่างยิ่ง

แหวนพิรอดของหลวงพ่อม่วง สร้างจากตำราโบราณ เมื่อใครอยากจะได้ก็จะไปขอให้ท่านเมตตาทำให้ ท่านก็จะพิจารณาทำให้เป็นรายบุคคลไป เวลาท่านทำเสร็จแล้ว ก็จะทดสอบความขลังโดยการโยนมงคลแขน หรือแหวนพิรอดวงนั้นเข้ากองไฟ วงใดที่ไหม้ไฟถือว่ายังไม่ได้ที่ก็จะต้องทำให้ใหม่ ถ้าวงใดไม่ไหม้ไฟก็ถือเป็นอันใช้ได้ ท่านก็จะมอบให้แก่ผู้ที่มาขอไป ซึ่งบางคนกว่าจะได้ต้องรอนานหลายเดือน จนกว่าท่านจะมีเวลาทำให้ คนที่ได้นำไปใช้ก็มีประสบการณ์ จึงมีผู้นิยมเสาะหากันมาก


มีคำขวัญว่า “ของดีของขลังของเมืองกาญจน์ก็มีลูกอมวัดหนองบัว แหวนพิรอดวัดบ้านทวน” ซึ่งดีทางคงกระพันชาตรี เวลาแจกเอาใส่เตาไฟ ไฟไม่ไหม้ จึงหยิบมาแจก นับว่าใช้อาคมกล้ามาก

อันตำราทำแหวนพิรอดถักนี้เป็นของโบราณ สืบแต่แผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมัยนั้นในราชสำนักมีอาจารย์ฆราวาสชื่อดัง ๒ คน คือ พระวิชาจารย์มนตรี(อาจารย์ชาตรี) กับหลวงราชปรีชาหาญ(อาจารย์พิรอด) อาจารย์ ๒ คนนี้เคยไปกับ พระวิสูตรสุนทร(ปาน)หรือโกษาปาน ถึงประเทศฝรั่งเศส และได้ลองวิชาอาคมให้พระเจ้าหลุยส์ ประเทสฝรั่งเศสเป็นที่พอพระทัยมาก ได้รับรางวัลกลับเมืองไทยมากมาย

หลวงพ่อม่วง(พระครูสิงคิคุณธาดา) บำรุงศาสนกิจมาด้วยความเรียบร้อย ท่านไม่เคยเจ็บป่วยออดแอด แต่พอชรามากก็หนีกฎธรรมดาไม่พ้น ได้ถึงมรณภาพด้วยโรคชรา สิริอายุได้ ๘๙ ปี ได้ทิ้งคุณงามความดีไว้เป็นที่ร่ำลือมาจนทุกวันนี้.


ข้อมูลจากเวปพี่อัญ



----------------------------------------------------



ประวัติแหวนพิรอด

ข้อมูล มล เชือกคาด



แหวนพิรอด เครื่องรางของขลังที่คนโบราณนิยมกันว่าเป็นมงคลอีกอย่างหนึ่งก็คือ "แหวนพิรอด" ในปัจจุบันนี้ค่อนข้างหายาก และอาจารย์ที่ทำดูจะหายากตามไปด้วย นับเป็นวัฒนธรรมเครื่องรางโบราณอีกชนิดหนึ่งที่กำลังจะหายไปกับยุคโลกาภิวัฒน์ หรือยุคเทคโนโลยี //

แหวนพิรอดว่ามีสองชนิด =>> ตามตำราไสยศาสตร์นั้นบอกเล่าเรื่องราวของ แหวนพิรอดว่ามีสองชนิด คือชนิดเล็กใช้สวมนิ้ว ชนิดใหญ่ใช้สวมแขน ซึ่งมักเรียกว่า ?สนับแขนพิรอด? (ชนิดนี้บางทีทำด้วยโลหะผสมก็มี ตรงหัวทำเป็นเหมือนหัวแหวนพิรอด) ซึ่งสนับแขนนี้เดิมยังใช้เป็นอาวุธของนักมวยในการกอดปล้ำที่เข้าวงใน เพราะแหวนแขนที่ทำจากด้ายดิบหากลงรักจะแข็งและคม ซึ่งใช้ถูกับผิวหนังนักมวยฝ่ายตรงข้ามทำให้เจ็บและไม่อยากเข้าต่อสู้ด้วยการกอดปล้ำ เป็นการจำกัดรูปมวยฝ่ายตรงข้ามเรียกว่าพาให้เขาเข้าทางมวยฝ่ายเรา ซึ่งทำให้ได้เปรียบในเชิงการต่อสู้ ในปัจจุบันจะพบเห็นในการแข่งขันชกมวยไทย แต่ปัจจุบันคงเป็นแค่เครื่องรางอย่างหนึ่งเท่านั้น //


วัสดุที่ใช้ทำแหวนพิรอด =>> วัสดุที่ใช้ทำแหวนพิรอดโดยมากทำด้วยผ้าบังสุกูล / ผ้ามัดตราสังข์ / ผ้าห่อศพ / กระดาษว่าว กับถักด้วยเชือก ตำนานแหวนพิรอดเมื่อย้อนยุคไปเมื่อสักเกือบศตวรรษนั้น แหวนพิรอดของหลวงพ่อม่วง วัดประดู่ทรงธรรม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีชื่อมากขนาด พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ (รัชกาลที่๕) // ได้ทรงกล่าวถึงอาจารย์ที่สร้างแหวนพิรอดที่ขึ้นชื่อลือชาในสมัยที่พระองค์ประสพพบเห็น โดยทรงพระราชนิพนธ์บันทึกไว้นี้สองท่านคือ รูปหนึ่งคือเจ้าอธิการเฮง วัดเขาดิน เป็นอาจารย์ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ได้นำแหวนพิรอดมาถวายพระเจ้าลูกเธอที่ตามเสด็จ ได้ทรงวิจารณ์ไว้ว่า "เอาแหวนถักพิรอดมาแจกแหวนนั้นทำนองเดียวกับขรัวม่วงวัดประดู่ แต่ขรัวม่วงถักด้วยกระดาษลงรักนี่ถักด้วยด้ายทำเรียบร้อยดี" ซึ่งพอจะคะเนได้ว่าพระเถระทั้งสองรูปน่าจะเป็นเกจิอาจารย์ของเมืองกรุงเก่า(อยุธยา) //


ยันต์ลงแหวนพิรอด =>> เมื่อจะต้องทำลงยันต์แหวนพิรอดในกระดาษยันต์นี้ประกอบด้วยรูปพระภควัม หรือเลขยันต์ตามแต่พระเกจิอาจารย์แต่ละสายจะกำหนดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้จะเห็นว่าเป็นกลเม็ดเด็ดพรายตามแต่สำนักใดจะสร้างขึ้น // โดยมีความเชื่อกันอยู่อย่างหนึ่งถึงวิธีการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องรางแหวนพิรอด ที่สร้างขึ้นว่ามีอิทธิคุณถึงขั้นหรือยัง คือ =>> "เมื่อทำเสร็จแล้วให้ทดลองเอาไฟเผาดู ถ้าไม่ไหม้ก็ใช้ได้" // พระอาจารย์ผู้สร้างจึงจะนำมาตกแต่งเพื่อความมั่นคงทนทานและสวยงาม อันแหวนพิรอดนั้น โดยมากมักจะลงรักเพื่อป้องกันความชื้นซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้แหวนผุง่ายไม่คงทน //


ในตำราไสยศาสตร์นั้นยังระบุอธิบายวิธีใช้ไว้ว่า =>> ถ้าจะเข้าสู้รบทำสงคราม ให้ถือแหวนกระดาษนี้แล้วบริกรรมด้วย "มะอะอุฯ" และถ้าจะให้เป็นตบะเดชะในสงคราม ทำให้ข้าศึกครั่นคร้าม ให้บริกรรมด้วยคาถา "โอม ยาวะ พะกาสะตรีนิสิเหฯ" // ว่ากันว่าไม่แต่เพียงศึกมนุษย์ถึงศึกเทวดามาก็ไม่ต้องกลัว ซึ่งคงเป็นแบบเรื่องราวของ ?ลอร์ดออฟเดอะริงค์?อย่างไทยๆ เรา //

 

สวัสดีครับพี่เชียร สบายดีนะครับ

หายไปหลายวันเลย แอบซุ่มเก็บของอะไรบ้างมาโชว์น้องๆบ้างสิครับ ^^

 

ขอบคุณอีกครั้งค้าบ...:z3..กับข้อมูลที่มีคุณค่าน่าจดจำ แหวนของคุณแอนตี้ดูคลาสสิคจริงๆและมันส์ตา..denceedenceedencee...มันส์ใจมากๆเลย
อนุโมทนาด้วยค้าบบ...

 

กรุณาช่วยพิจาณาเบี้ยแก้ให้หน่อยครับ..... เป็นเบี้ยแก้ของสำนักไหน อาจารย์ี่ไหนครับ หรือว่าเก๊ ครับ

 

เบี้ยแก้หลวงปู่รอด วัดนางโรงครับ เอกลักษณ์พิมพ์มาตราฐาน

สภาพใช้เปิดให้เห็นผ้าที่หุ้มตัวเบี้ยก่อนถักเชือกลงรัก ไม่ผิดสำนักแน่ครับแบบนี้

ถ้าสายวัดกลางจะหุ้มตะกั่วที่ตัวเบี้ย รูปทรงคล้ายจานบิน

เบี้ยตัวนี้ เห็นรักแล้วไม่ค่อยชอบครับผม

 

อีกรายการหนึ่งครับ ตะกรุดหนังเสือ หรือ หนังหน้าผากเสือ รึเปล่าก็ไม่ทราบ
เห็นว่าเก่า แห้งดี แถมรักแตกร่อน และสีแดง ..... ไม่ทราบว่าเป็นของสำันักใด หรือ ว่าอาจารย์ใดครับ..... เป็นของหลวงปู่นาค วัดอรุณหรือเปล่า...

 

ขอบคุณมากครับ....... สำหรับรักที่ติดเชือกนั้น เป็นรักออกสีดำ ม่วงเก่าแห้ง น่าจะถูกใช้มาอย่างหนัก ..... เคยแบ่งเพื่อนไปตัวหนึ่งสภาพคล้ายแบบนี้ เพื่อน เอาไปผ่าเชือกออก พบว่าใต้เชือกเป็นเนื้อตะกั่วออกสีดำคล้ำหุ้มทั้งตัว รอยจารเหมือนทางสายวัดกลางบางแก้ว .... เป็นข้อมูลเพิ่มเติมครับ

 

เบี้ยกับตะกรุดหน้าผากเสือ
ไม่ชอบครับ

ด้วยความเคารพ