การเตรียมตัว เตรียมใจ ไปสู่ยุคภัยพิบัติ

นอนก่อนนะครับทุกท่าน มีโอกาสจะมาคุยด้วยต่อ
รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ พักผ่อนกันบ้างเด้อ...
catt3

 

ยิ่งอ่านยิ่งฮา

 

ไม่รู้จักคุณ Aunyasit เป็นการส่วนตัว ขอเป็นกำลังใจให้คุณ Aunyasit และขอบพระคุณที่ทำให้ดิฉันและเพื่อนๆมีส่วนร่วมในการทำบุญกับมูลนิธิพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ถึงแม้จะเป็นปัจจัยเพียงเล็กน้อย แต่ก็ทำให้ดิฉันและเพื่อนๆได้สะสมเสบียงบุญเพิ่มขึ้น เมื่อ2ปีก่อนดิฉันและเพื่อนๆได้มีโอกาสไปที่พุทธธรรมสถานพระพุทธเจ้า 5 พระองค์และไปที่วัดป่าสีดาฯ คิดว่าหากมีโอกาสดิฉันและเพื่อนๆจะไปอีกสักครั้ง ^ ^

 

เมื่อกี้แว่บไปอ่านคำเตือนของหลวงปู่อชิตะ ลับ ลวง พราง อย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น มันอาจจะมีอะไรที่เป็นมิติซ้อนมิติ บททดสอบจิตใจครั้งสำคัญ คุณจะผ่านหรือไม่ อยู่ที่การแสดงออกทาง กาย วาจา ใจ ของคุณนั่นเอง

 

เหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ขอทุกท่านตั้งอยู่ในความไม่ประมาทนะครับ ฝากรูปที่แสดงการเกิดแผ่นดินไหวที่อาจมีผลกระทบต่อประเทศไทยได้ให้ท่านพิจารณาครับ

ในรูปแสดงจุดที่เกิดแผ่นดินไหวจำนวนรวม ๗๓๑ ครั้ง ที่ระดับความแรงที่ ระดับ ๕ ถึง ระดับ ๑๐ ที่ความลึกจากพื้นดินจนถึงลึก ๒๐๐ กิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕

จากรูป จะเห็นความหนาแน่นอยู่บริเวณแผ่นเปลือกโลกที่เป็นวงแหวนแห่งไฟ ซึ่งถ้าเกิดเหตุรุนแรง จะต้องส่งผลต่อประเทศไทยด้วยไม่มากก็น้อย จะเห็นความลึกของแผ่นดินไหวที่ไม่มากนักคือ ประมาณไม่เกิน ๗๐ กิโลเมตร (จุดที่เป็น สีม่วง กับสีน้ำเงิน)

อ้างอิงที่มาข้อมูล IRIS Earthquake Browser

ถ้าอย่างไรทดลองใส่ตัวเลือกค่าต่างๆเพื่อพิจารณาดูนะครับ

 

อาจเป็นคนส่วนน้อย ที่เคยไปพุทธสถาน เคยเจอคุณอัญญาสิทธิ์ และ เคยได้รับลูกแก้ว
(แต่ไม่ได้เป็นสาวกนะ...เราก็เพิ่งมาอ่านกระทู้นี้ไม่นาน)

รู้สึกว่าท่านไม่ได้มีเจตนาหลอกลวงใดๆหรอกค่ะ และ ดูท่านเหน็ดเหนื่อยจริงๆ
ตอนเจอท่านในพิธี ท่านเหงื่อไหลไคลย้อย แต่ท่านก็มิได้ใส่ใจ
ขอลูกแก้ว ท่านก็เอามาให้ง่ายๆ พูดคุยด้วยก็ง่ายๆ ไม่มีพิธีรีตรอง

ถ้าเป็น 18 มงกุฏ... น่าจะสร้างภาพซะหน่อยนะ เราว่า

คนที่ไม่ได้รู้จักท่านเลย อย่าไปกล่าวหาท่านเต็มร้อยเลย
ถ้าท่านเป็นอย่างที่เราพูด ก็เสมอตัว
แต่...ถ้าท่านเป็นอริยบุคคล ...ความซวยจะมาเยือนท่านเอานา
(เราว่าไม่น่าเสี่ยง)

 

ขอโมทนากุศลจิตค่ะ

ดิฉันพอจะแชร์เรื่องราวที่สัมผัสมาด้วยตนเองได้บ้างเล็กน้อย เผื่อจะได้มีปิติ
ร่วมกัน

ดิฉันและครอบครัว พร้อมทั้งเพื่อน ได้ไปที่พุทธสถาน ตอนที่มีพิธี 3 ครั้งค่ะ
หลายคนในกระทู้นี้ได้ไปสัมผัสด้วยตนเอง ที่ได้ไปพบเจอกันที่โน่นหลายคน
พอจะเล่าให้ฟังได้บ้าง ดิฉันไม่ได้รู้จักใครในเว็บหรือรู้จักคุณอัญญาสิทธิ์มาก่อน
เลยค่ะ แต่ตลอดเวลาที่ได้พบเจอ (ดิฉันจะอยู่ในพิธีทั้งภาคเช้าและภาคกลางคืน)
ท่านน่านับถือมาก บรรกาศในงานเต็มไปด้วยปิติ คนที่จิตบุญหรือสัมผัสความ
ละเอียดได้ คงจะบอกได้ว่ามันไม่ใช่ปิติเพียงอิ่มใจที่ได้ทำบุญ แต่มันสัมผัส
ปิติของใจได้มากกว่านั้น ที่คุยกันหลายคนก็รู้สึกอย่างนี้ค่ะ

และเป็นที่ที่ทำบุญแล้วสบายใจค่ะ ไม่มีเสียงเรียกร้องเรี่ยไร บอกบุญใดๆ
ทั้งสิ้น มีแต่คำว่าให้ หลายครั้งที่ท่านมอบสิ่งมงคลให้ ท่านก็จะกล่าวว่า มอบ
ให้แก่ผู้ที่มา ให้แก่ผู้มาร่วมในพิธี ไม่เกี่ยวกับเขาจะทำบุญหรือไม่ สำคัญที่
ตัวมา มีอยู่ครั้งนึงท่านให้แจกสิ่งมงคลที่มีมูลค่ามากกว่าที่เราทำบุญกันซะ
ด้วยซ้ำ และดิฉันอยากจะบอกฝากคนที่ จุดชนวนสงสัย เรื่อง "หาเงินเข้า
บัญชี" เมื่อเห็นสิ่งที่ท่านสร้าง ท่านทำ รวมทั้งของที่ตระเตรียมเพื่อใช้ในพิธี
เห็นด้วยตาตนเองจะได้รู้ว่า เงินที่เราทำบุญ คือท่านเปิดโอกาสให้เรามีส่วน
ร่วมในบุญ เท่านั้น เทียบไม่ได้กับการจัดสร้างจัดทำซึ่งคงต้องใช้ปัจจัย
จำนวนที่มากมาย

หลายๆคนที่ไปสัมผัสด้วยตนเอง คงเห็นเป็นการไร้สาระที่จะมาถกเถียง
กับกลุ่มคนต่างๆ ที่เข้ามาจุดกระแสปรามาส ทั้งที่เจตนา (อันนี้ละไว้)
และไม่เจตนาแต่เอาความไม่รู้เพราะไม่ได้สัมผัสด้วยตนเอง มาตั้งประเด็น
และชวนกันสงสัย คงไม่มีคำอธิบายใดๆ มาแก้ความสงสัยให้แก่เขาเหล่านั้นได้

และการที่คุณอัญญาสิทธิ์จะเข้ามาตอบให้แก่ผู้ตั้งขอสงสัย หรือไม่ คงไม่
จำเป็นสำหรับ ผู้ที่ได้สัมผัสด้วยตนเองแล้วค่ะ ดิฉันคิดว่าท่านคงมีภาระกิจ
อันสำคัญมีคุณค่ามากกว่าการตามตอบข้อสังสัยอันมีอคติบ้าง อันเกิน
แก่การเข้าใจของคนบางคนบ้าง และคงอุเบกขาต่อวาทะกรรมทั้งหลาย

และไม่ใช่ทุกคนหรอกค่ะ ที่กลัวภัยพิบัติ หรือดิ้นรนหนีตาย อย่างที่ถูก
บุคคลที่บอกว่าเป็นชาวพุทธโดยแท้ ถากถางเอา ฝากไปถึงผู้มีแนว
คิดในทางนี้ว่า อย่าเพิ่งสบประมาทแก่ผู้ที่ไปทำบุญร่วมบุญในที่นี้
อย่างเหมารวม ท่านยังไม่เข้าใจสติในบุญ ถึงแม้บางท่านจะมีความวิตก
กังวลในเรื่องภัยมาก่อน แต่สติในบุญ การกลั่นจิตอย่างปราณีตในระหว่าง
การทำบุญ อันเป็นเพราะได้สัมผัสกระแสอันบริสุทธิ์แห่งเนื้อนาบุญนั้นๆ
มันมีขึ้นได้ หากท่านยังไม่เคยสัมผัสด้วยตนเอง เก็บคำปรามาสถึง สติ
ของผู้อื่นไว้ก่อนเถิด มิฉะนั้นมันจะเป็นวาทะกรรม ที่ย้อนไปขัดขวางสติ
ของตัวท่านเองในภายหลัง

และมิใช่ว่าใครจะเลือกบุญ บุญบางบุญก็เลือกคนที่อยู่ในข่ายบุญ
หรือมีวาสนาต่อบุญนั้นเหมือนกันค่ะ

ภัยพิบัติส่วนรวมยังไม่เกิด แต่ ภัยพิบัติส่วนตัว อย่าเพิ่งประมาท
รักษา กาย วาจา ใจ ของตนไว้ หากมัวก้าวล่วงดูหมิ่นบุญหรือสติของผู้อื่น
ธรรมะจะรักษาท่านได้อย่างไร

ดิฉันเพียงแต่ชี้แจงในส่วนที่สัมผัสมา มิได้ต้องการห้ามกรรม ห้ามกระแส
ปรามาสของผู้ใด เพราะเห็นว่า เขาก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของ
ตนเองอยู่แล้ว เราเองก็มีหน้าที่รับผิดชอบ กาย วาจา ใจของเราเหมือนกันค่ะ

โมทนาแก่ผู้มีจิต และสติ อันเป็นกุศลทุกๆ ท่านด้วยค่ะ

 

ประทุษร้ายผู้ไม่ประทุษร้าย ย่อมถึงทุกข์​

เรื่อง นายพรานสุนัข ชื่อ โกกะ (ว่าด้วย ประทุษร้ายผู้ไม่ประทุษร้าย ย่อมถึงทุกข์)

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภนายพราน(ผู้เลี้ยงสุนัข) ชื่อ โกกะ.นายพรานนี้ไปในป่า...ไม่ได้อะไรเลย เมื่อพบพระเถระคิดว่า"เราพบคนกาลกิณี....จึงไม่ได้อะไร."แล้วพูดว่า....เราจักให้สุนัขกัดพระนี้ พระเถระ อ้อนวอนว่า"อุบาสก อย่าทำอย่างนั้นเลย."...แล้วรีบขึ้นต้นไม้

นายพราน หาสุนัขมาล้อมต้นไม้........แล้วพูดว่า"แม้ท่านขึ้นต้นไม้...ก็ไม่พ้น."แล้วเอาลูกธนูแทงเท้าพระเถระ ท่านเสวยเวทนา จีวรของท่านหลุดลงมา คลุมร่างนายพราน พวกสุนัขเข้าไปในจีวร แล้วกัดนายพรานด้วยสำคัญว่าเป็นพระเถระ ครั้นพวกมันรู้ว่า........เรากัดกินเจ้าของจึงพากันหนีไป พระเถระ สงสัยในศีลของตน จึงไปกราบทูลพระศาสดา.

พระองค์ตรัสว่า"นายพรานนี้ ก็ประทุษร้ายผู้ไม่ประทุษร้าย แม้ในกาลก่อน."ดังนี้แล้วได้ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า

"โย อปฺปทุฎฺฐสฺส นรสฺส ทุสฺสติ
สุทฺธสฺส โปสสฺส อนงฺคณสฺส
ตเมว พาลํ ปจฺเจติ ปาปํ
สุขุโม รโช ปฏิวาตํว ขิตฺโต."

แปลว่า บุคคลใด ย่อมประทุษร้ายต่อนรชน ผู้ไม่ได้ประทุษร้าย
ผู้บริสุทธิ์ ผู้อันบุคคลพึงเลี้ยงดู ผู้ไม่มีกิเลสดุจเนิน
บาปย่อมกลับถึงบุคคลนั้น ผู้เป็นพาลนั่นเอง
เหมือนธุลีอันละเอียด ที่เขาซัดทวนลมฉะนั้น ดังนี้ ฯ

อธิบาย ในบทเหล่านั้น
บทว่า "อปฺปทุฏฺฐสฺส" ............ได้แก่ผู้ไม่ประทุษร้ายต่อตน หรือต่อสรรพสัตว์ ฯ
บทว่า "นรสฺส ".......................ได้แก่ สัตว์ ฯ
บทว่า "ทุสฺสติ" ..................ได้แก่ ย่อมผิด ฯ
บทว่า "สุทฺธสฺส".......ได้แก่ ผู้หาความผิดมิได้ ฯ
บทว่า "โปสฺส".......ก็เป็นชื่อของสัตว์ นั่นแหละ ฯ
บทว่า "อนงฺคณสฺส"...........ได้แก่ ผู้ไม่มีกิเลส ฯ
บทว่า "ปจฺเจติ" .............แปลว่า ย่อมกลับถึง ฯ

ความว่า ธุลีอันละเอียดที่บุคคลหนึ่งซัดไปแล้ว ด้วยความเป็นผู้ใคร่เพื่ออันประหารบุคคลผู้ยืนอยู่เหนือลม ย่อมกลับถึงบุรุษผู้ซัดไปนั่นเอง คือว่าย่อมตกไปเบื้องบนของบุคคลผู้ซัดไปนั่นเอง ฉันใดบุคคลเมื่อให้ประหาร ชื่อว่า ย่อมประทุษร้ายต่อบุคคลผู้ไม่ประทุษร้ายแล้ว บาปนั้นให้ผลอยู่ในปัจจุบันภพนี้ หรือในนรกเป็นต้นในภพหน้า ชื่อว่าย่อมกลับถึงบุคคลผู้เป็นพาลนั่นแหละ ด้วยสามารถแห่งวิบากทุกข์ฉันนั้น เหมือนกันแล ฯ

ในกาลจบเทศนา ภิกษุนั้นดำรงอยู่ในอรหัตตผล พระธรรมเทศนา ได้มีประโยชน์แม้แก่มหาชนผู้ประชุมกันดังนี้แลฯ จบเรื่องนายพรานสุนัขชื่อ โกกะ ฯ

บุคคลอาศัยนั่งนอนที่ร่มเงาของต้นไม้ใด ไม่ควรหักรานกิ่งของต้นไม้นั้น เพราะว่าการประทุษร้ายมิตร เป็นความเลวทราม. (เล่มที่ ๔๒ พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓)

ผู้ประทุษร้ายเขาข้างเดียว เขาไม่ทำตอบ ได้รับโทษ ๑๐ ประการ ดังนี้

๑. ประสบทุกขเวทนากล้าแข็ง
๒. ประสบหายนะความเสื่อม
๓. การแตกทำลายแห่งสรีระ(ตาย)
๔. อาพาธหนัก
๕. จิตฟุ้งซ่าน
๖. อุปสรรค เหตุขัดข้องจากผู้ใหญ่
๗. ถูกกล่าวหาร้ายแรง
๘. เสื่อมญาติ
๙. เสื่อมทรัพย์
๑๐. ไฟ หรือไฟป่าอาจไหม้บ้าน ผลที่ได้รับอันเป็นส่วนอนาคตคือ ตายแล้วย่อมเกิดในนรก

คัดลอกจากหนังสืออนุสรณ์งานบำเพ็ญกุศลศพ ครบ ๑ ปี พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (หลวงพ่อสาย อคฺควํโส) อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ต. ท่าขนุน อ. ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก www.watthakhanun.com

 

ก็แล้วทำไมคุณAunyasit ไม่มาเคลียรข้อสงสัยเล่า บร๊ะเจ้าโจ๊ก

 

บอกแล้วให้ สาธุ สาธุ สาธุ ได้อย่างเดียว

ห้ามวิจารณ์ท่านเทพ ห้ามสงสัย ห้ามติเตียน เพราะว่ามัน บาป บาป บาป บาป

แล้วจะเป็นกรรม กรรม กรรม กรรม ยังไม่เชื่อฟังกันอีก บาปนะเทอว์ แด่วบร๊ะเจ้าลงโทษนาาา (เฮ่อเขียนด้วยสำนวนแบบนี้ยังไม่เข้าใจอีกว่าประชด เฮ่อ....)

ว่าแต่ ท่านอาญาสิทธิ์ วันนี้วันที่ 25 พฤษภาคม 2555 ผมรอมาตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2555 ที่ีท่านบอก ทำไมวันฟ้าดับไม่มาสักที่ครับ รบกวนท่านมาแถลงการณ์ด้วยนะครับ ที่นั่นอินเตอร์เน็ตน่าจะเข้าถึง 3g ออนไลน์ผ่านมือถือ iphone หรือท่านที่ไปเจอท่าน รบกวนช่วยบอกท่านแวะมาตอบกระทู้ด้วยนะครับ เพราะว่าหลายท่านรอคำชี้แจงอยู่ กราบขอบคุณครับ

 

ถ้าอยากรู้ความจริง ก็อย่าใช้ตานอกมอง
ให้ใช้ตาใน(ตาปัญญา) มองเอา

เข้าสู่สภาวะที่ว่างเปล่า แล้วกำหนดจิตดู
ถ้ายึดติดในสมมตินี้ ยังไงก็ไม่มีทางรู้เป็นแน่

ผมขอยืนยันอีกครั้งนึง ว่าท่านของจริง

ถ้าคนที่สงสัยอยากรู้ว่าของจริงเป็นอย่างไร
ก็ทำให้จิตใจตัวเอง เป็นของจริง ก็จะมองเป็นผู้ที่เป็นของจริงออก

อย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น อย่าเชื่อในสิ่งที่หูได้ยิน อย่าเชื่อจากการฟังตามๆกันมา
ใช้จิต ที่เข้าสภาวะความสว่างแห่งบุญมอง ความว่างจากกิเลส พิจารณาดูนะครับ แล้วคุณจะได้คำตอบเอง

ปล.
บางครั้งอยู่ใกล้เหมือนอยู่ไกล บางครั้งอยู่ไกลเหมือนอยู่ใกล้?
มันคืออะไรหนอ?

 

กรรมเกิดจากการกระทำ
ของจริง ก็อย่าให้ชาวโลกเค้าเป็นบาปเพราะติเตียน
การชี้แจง พูดคุยเปิดเผยโปร่งใส่ ย่อมสร้างความเข้าใจกัน
ไม่มีใครไม่เคยทำผิด ขนาดตัวเราเองบางที..ยังเข้าใจตัวเองผิดๆ..เร้ย

 

คนดี คนจริง คนมีธรรมะ ไม่เคยหนีปัญหา หนีความผิด แม้ว่าตนเองจะทำผิดหรือไม่ก็ตาม
คนที่ไม่กล้าสู้หน้าคนอื่น อาจเป็นเพราะ มีความผิด หรือ ละอายแก่ใจ

ของจริง ต้องไม่นิ่งดูดาย ไม่หลบหน้าผู้คน ไม่เพียงแค่คนที่ต่อว่า ต้องการคำตอบ แต่ยังมีคนที่คล้อยตามท่าน กำลังเคว้งคว้างอยู่กลางทะเล ไร้หัวหลักหัวตอ ให้ยึดเหนี่ยว

ก้อแค่จะออกมา พูดอะไรบ้าง ยังไม่กล้า ก้อไม่เข้าใจ จะบอกว่าเลื่อนหรือยังไม่เกิดตอนนี้ ก้อคงไม่มีใครว่า เพราะคนที่นับถือท่าน น่าจะมากกว่าคนที่มาต่อว่า

หรือว่าท่านบอกเป็นนัยไว้ว่า หลัง 17 พค คอมพิวเตอร์หรือมือถือ คงใช้การไม่ได้

 

ก็ด้วยเหตุนี้หรือเปล่า คุณสิงหราชพล จึงได้พยามรวบรวมคำทำนายของ
คุณอัญญาสิทธิ์ โดยเปิดอีกกระทู้นึงขึ้นใช้ชื่อเกี่ยวกับวันฟ้าดับ โดยอ้าง
ว่ากระทำการรวบรวมเพื่อให้เป็นบุญกุศล อีกทั้งยังพยามนำสิ่งที่เจ้า
ของเรื่องขอร้องไว้ว่าไม่ควรนำไปไว้ที่อื่น (คือคำเทศน์ของปู่อชิตะ) ไป
แปะไว้ที่กระทู้ของคุณ

ดิฉันจึงเขียนถามไปในกระทู้ของคุณว่า หากบริสุทธิใจจริง ???? เพราะ
คิดไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า สาเหตุของการรวมรวมกระทู้ น่าจะเป็นการ quote
ให้ร้อนขึ้นเพื่อรอหลังวันที่ 20 มากกว่า อืม นึกไว้ไม่ผิด ไม่น่าไปห้าม
เลย น่าจะปล่อยไปเน๊อะ

คุณอัญญาสิทธิ์จะมาตอบหรือไม่ คงไม่สำคัญสำหรับผู้ที่ได้สัมผัสพุทธ
สถานพระเจ้าห้าพระองค์และได้ร่วมทำบุญในพิธีด้วยตัวเอง เพราะได้ประจักษ์อย่างซาบซึ้ง
แก่จิตใจตนเองแล้ว ส่วนผู้ที่ยังตั้งข้อสงสัย หากไม่มีโยโสนมัสสิการ ก็คงไม่มีใคร
หรือแม้แต่คุณอัญญาสิทธิ ให้คำตอบที่เพียงพอแก่จิตใจของท่านได้


ห้ามวิจารณ์ท่านเทพ ห้ามสงสัยห้ามติเตียน เพราะว่ามัน บาป บาป บาป บาป


อืม ไม่รู้จะห้ามไปทำไม ใครจะแสดงกาย วาจา ใจ อย่างไร
ก็รับผิดชอบ กาย วาจา ใจของท่านเอง ท่านรักษาธรรม
ธรรมก็รักษาท่าน ท่านล่วงกรรม กรรมก็เป็นของท่าน
หาใช่ของเจ้าของกระทู้ หรือของสาธุชนอื่นๆ ก็เปล่าเลย

 

ห้ามสงสัย คงห้ามไม่ได้หรอกครับ

ผมยึดถือ หลักความ(ไม่)เชื่อ 10 ประการ ของพระพุทธองค์ เป็นบรรทัดฐาน

ผมไม่ติดใจเรื่องเงิน การสร้างวัตถุ การทำบุญ เรื่องภัยพิบัติ จะเกิดหรือไม่

แต่ติดใจ ข้องใจว่า คำทำนาย และ ข้อมูลน้ำท่วมของแต่ละจังหวัด มาจากไหน จากความคิดของท่านเอง แต่งเอง หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง

แต่ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ท่านคงไม่บอกผิดพลาด หรือแม้แตเลื่อนเพราะท่านต้องรู้ล่วงหน้า ว่าอะไรจะเกิด เกิดเมื่อไร ท่านคงไม่กลับไปกลับมา จนทำให้มนุษย์ตาดำๆ สับสน เปลี่ยนตามไม่ทัน

ที่เขียนมา ผมไม่ได้ลบหลู่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ นะครับ แต่ผมเลือกเชื่อ ถ้าสิ่งนั้นสมควรเชื่อ

 

แถกันไปแถกันมา ฮ่าๆ

 

เห็นด้วยครับ

 

เรียนสมาชิกทุกท่านนะครับ
ขออนุญาติท่านเจ้าของกระทู้
กราบขออนุญาติครูบาอาจารย์ทุกท่าน ทุกพระองค์

หากท่านใด มีข้อสงสัย ข้อซักถาม โปรด สรุป ข้อสงสัยของท่านไว้ที่หน้ากระทู้ เป็นลำดับหัวข้อ

ตามมารยาท โปรดรอ ท่านเจ้าของกระทู้ มาพิจารณานะครับ

 

เป็นกำลังใจให้คุณอัญญาสิทธิ์ สำหรับการเตือนภัยต่าง ๆ รวมทั้งการเตรียมสถานที่รองรับญาติธรรมจากทั่วสารทิศซึ่งเป็นงานที่หนัก คนทั่วไปที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงจะไม่สามารถมารับภาระหน้าที่แบบนี้ได้ ภูมิรู้ ภูิมิธรรม คุณธรรมในใจแต่ละคน ถ้าเราประพฤติปฏิบัติไม่ถึง เราจะไม่มีวันรู้ได้ ยังมีอะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่มนุษย์อย่างเรายังไม่อาจเข้าถึงได้

 

ขอเรียนให้ทราบว่า ในวันที่ 5 /5/55 ผมได้ไปร่วมงาน เท่าที่สัมผัสมา พระพุทธรูปพระพุทุธเจ้า 5พระองค์ สวยมาก ลักษณะคล้ายๆกับ พระแก้วมรกตทั้ง 5 พระองค์ ตรงกลาง จะเป็นพระพุทธรูป พระพุทธชินราชสีขาว สวยงามมากจริงๆ
เริ่มต้นจาก ช่วงเช้าๆประมาณ8 โมงเศษๆ ก็ถวายพวงมาลัยที่เตรียมไปด้วย พอสายๆก็นำพระเครื่องใส่ในบาตรหินอ่อนเพื่อบรรจุใต้องค์พระ รวมทั้งนำแผ่นทองแดงที่เขียนชื่อ วันเดือนปีเกิด เพื่อนำไปบรรจุ แล้วก็ทำพิธีอันเชิญพระพุทธรูปแห่จากศาลาข้างหน้า แล้วเดินรอบพระเจ้าห้าพระองค์สามรอบบ ตอนทำพิธีท่านก็กล่าวด้วยเมตตาให้ทุกคนที่มาร่วมพิธีให้รอดพ้นจากภัยพิบัติด้วย
ถวายเพลพระเสร็จ ก็ร่วมกันรับประทานอาหาร คุณยายที่อยู่ข้างๆบ่นว่า คนที่รอดตายเหลือน้อยจัง นับดูไม่น่าจะถึงร้อย
ถัดมาก็ทำพิธีปล่อยเต่า กระทั้งท่านเรียกมารับแจกลูกแก้ว ท่านจะถามว่าครอบครัวมีกี่คน หรือไม่ก็จะเอากี่ลูก
ตั้งแต่เริ่มต้นงาน...จนกระทั่งผมกลับ ไม่เห็นมีการออกมาเรี่ยไร บางท่านจะบริจาคหากล่องบริจาคยังไม่เจอเลย
ผู้ที่ได้หรือเคยบริจาคไว้ ผมขออนุโมทนาสาธุกับทุกท่าน ด้วยใจบริสุทธิ์ ได้มากมายแน่นอน
ถ้าตรองดูว่า เราได้สร้างพุทธสถาน สร้างพระพุทธรูป แค่นี้ก็เกิดปิติแล้ว บุญอักขังอักโข
ส่วนภัยพิบัติจะเกิดหรือไม่นั้น ก็แค่ปัจจัยรอง แต่ที่แน่ๆทุกๆท่านได้มาสร้างบารมีในช่วงกึ่งพุทธกาล สาธุผู้ใจบุญทั้งหลาย