><กระทู้ใหม่(4) วัตถุมงคลดีพิธีใหญ่สภาพสวย หลากหลายสายราคาเบา (สรุปรายการ น.1) ><

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์ปิยธโร, 5 มกราคม 2017.

  1. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,068
    ค่าพลัง:
    +6,449
    ขอจองครับ
     
  2. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,712
    ค่าพลัง:
    +14,083




    $$$$$ ปิดรายการแล้วครับผม $$$$$





    2601.มหากาพย์พิธีเหนือโลก นิมิตร อ.ไพศาล แสงไชย พระรอดปลอดภัย
    เจตนาสร้างบริสุทธิ์ ครูบาอินโท และพระสงฆ์จากเทวโลก อธิษฐานจิตมหาพิธี 9ราตรี

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ

    kyclpk-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg kycc4q-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg kycuqs-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg
    พระรอดปลอดภัย(หลัง อ.) พระอาจารย์อินทร ปัญยาวัฑฒโน วัดสันป่ายางหลวง จังหวัดลำพูน ดำเนินการจัดสร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2532 เนื้อดินสังเวชนียสถานและดินที่วังหัวกวงซึ่งเป็นดินสร้างพระของเมืองลำพูนแต่โบราณกาลมาผสม ผงยา,ผงว่าน,มวลสารต่าง ๆ ในสมัยที่ท่าน เดินธุดงค์ปฏิบัติธรรมไปในสถานที่ต่างๆ ,ใบลานจารอักขระธรรมของวัดที่หักชำรุด เอามาบดทำมวลสาร

    ประวัติพระรอด
    คนส่วนใหญ่มากเมื่อพูดถึงเมืองลำพูน มักจะเล่าสู่กันฟังถึงความวิจิตรสายงามของพระธาตุภุญชัย อันตั้งเด่นตระหง่านเป็นพันปี เท่าอายุของนครหริภุญชัยหรือลำพูน ในปัจจุบัน เช่น พระเจดีย์วัดจามเทวีและกู่บรรจุอัฎฐิพระแม่จามเทวี ปฐมกษัตริย์ของหริภุญชัย ตลอดจนพระวัดวาอารามต่างๆ อีกหลายแห่ง ซึ่งล้วนแต่มีประวัติอันยาวนานคู่บ้านคุ่เมือง

    วัดที่รู้จักกันดีในบรรดาพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ เพราะเป็นที่บรรจุพระเครื่องสำคัญเป็นอันที่รู้จัก และเป็นที่นิยมกันทั่วไปนับได้ว่าเป็นลัญญสักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองลำพูน คือ วัดพระคงฤาษี ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของตัวเมืองลำพูน เป็นที่ประดิษฐานบรรจุพระคง หรือเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่าพระลำพูนดำ หรือ ลำพูนแดง แล้วแต่สีของพระ อีกวัดหนึ่งคือวัดมหาวัน ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเมืองลำพูน เป็นวัดที่ประดิษฐานบรรจุพระเครื่องสำคัญ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขว้าง ทั้งคนในเมืองลำพูน และคนทุกภาคทุกจังหวัดของประเทศไทย ต่างก็พยายามเสาะแสวงหามาไว้บูชาพกพาติดตัวเพื่อพึ่งพลังอิทธิฤทธิ์ ให้แคล้วคลาดจากภยันอันตรายทั้งหลายทั้งปวงอันอาจจะประสบเข้ากับตนเอง และด้วยอำนาจพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณอันบรรจุไว้ในองค์พระรอดนี้ ได้ช่วยให้ผู้ที่บูชากราบไหว้อยู่เสมอ ให้แคล้วคลาดหลุดพ้นจากเหตุการณ์อันตรายได้โดยปลอดภัยราวกับปาฎิหาริย์ มานับครั้งไม่ถ้วน มีหลักฐานบุคคลที่ประสบเหตุการณ์พอที่จะสอบถามได้อยู่มาก

    เหตุที่พระรอดเป็นพระเครื่องที่ทรงไว้ ซึ่งอิทธิปาฎิหาริย์อันยิ่งใหญ่ดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั้นเป็นเพราะ
    1. ผู้สร้างพระรอด (รวมทั้งพระคง และพระลือ) สร้างขึ้นมาด้วยจิตอันบริสุทธิ์ ประกอบด้วยเมตตาธรรมเป็นที่ตั้ง หวังให้บุคคลผู้มีไว้ครอบครอง และบูชาอยู่เป็นนิจ ได้รับความร่มเย็นเป็นสุข รอดพ้นจากภยันตรายทั้งหลายทั้งปวงที่จะมาเบียดเบียนชีวิต ทั้งนี้ โดยไม่หวังผลเป็นอามิสไดๆ ทั้งสิ้น
    2. นอกจะมีไว้เพื่อปกป้องประชาชนแล้ว ท่านผู้สร้าง ยังมุ่งหวังเพื่อจะให้คุ้มครองบ้านเมืองให้แคล้วคลาดปราศจากภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง ดังนั้นการสร้างก็อธิฐานไปในทางข่มศัตราวุธและอำนายให้เกิดความแคล้วคลาด (รายละเอียดการสร้างพระรอด โปรดหาอ่านได้จากหนังสือ)

    เหตุการณ์มหัศจรรย์
    ในระยะที่ทางคณะผู้จัดสร้างพระรอด กำลังดำเนินงานกันอยู่นี้ คุณไพศาล แสนไชย ผู้สามารถติดต่อกับเทวโลกได้ และนรกได้ ทำหน้าที่ทูตจากเทวโลกและนรกโลกมาเป็นเวลานานแล้ว ได้นำข่าวจากเทวโลกมาแจ้งให้แก่พระอาจารย์อินทรว่า การสร้างพระรอดครั้งนี้ทางพระสงฆ์ที่อยู่บนเทวโลก ท่านก็ได้ทราบแล้วและทุกท่านที่ทราบ เช่น ท่านครูบาคัณธา คัณธาโล ครูบาสรีวิชัย หลวงพ่อโอภาสี ก็ขอร่วมอนุโมทนา ในเจตนารมณ์อันเป็นบุญเป็นกุศลนี้ และแจ้งด้วยว่าในวันพุทธาภิเกพระนั้น ทุกท่านก็จะลงมาร่วมด้วยพร้อมกับพระสงฆ์อีกหลายรูปที่อยู่บนเทวโลก ในโอกาสนี้ท่านครูบาคัณธา คัณธาโลก สั่งมาว่าขอหัยสาธุเจ้าอินทร ไปบอกกล่าวแก่เทวดาผู้รักษา ดอยไซและขอดินที่ดอยไซมาร่วมผสมทำพระรอดด้วย เพราะเทวดาท่านนี้ในอดีตสมัยพระนางจามเทวีท่านชื่อ ขุนเจ้าคำบุญ เคยร่วมสร้างพระรอดโดยเป็นเจ้าพิธีในการทำทุกขั้นตอน ส่วนท่านพญาพิงคราช ก็กำชับมาว่าอย่าลืมเอาว่านเพชรหลีกมาผสมด้วย จะทำให้พระรอดนี้มีอิทธิทางแคล้วคลาดหลีก พ้นจากอันตราย หลวงพ่อโอภาสี ได้ขอให้ครูบาคัณธา นำท่านไปพบกับหลวงปู่บุญ หรือพระพุทธวิถีนายก วัดกลางบางแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นอาจารย์ของท่านเมื่อยังทรงสังขารอยู่ในมนุษย์โลก แต่ขณะนี้ได้มาสถิตอยู่บนพรหมโลก ท่านมีความรู้เรื่องการสร้างพระเครื่องดีมากเมื่อพบกันแล้วโดยไม่ต้องแจ้งความจำนง หลวงปู่กล่าวออกมาทันทีที่คณะของครูบาคัณธา ไปถึงว่า

    เริ่มดำเนินงาน
    การดำเนินการสร้างพระรอดในครั้งนี้ พระอาจารย์อินทร ปัญยาวัฑฒโน และบรรดาผู้ร่วมงานได้ตกลงจะจะปฏิบัติตามแบบฉบับเดิมของพระแม่เจ้าจามเทวีได้ปฏิบัติมา ซึ่งองค์พระแม่เจ้าได้เล่าเรื่องการสร้างพระรอด พระคง พระลือ อย่างละเอียดผ่านคุณไพศาล แสนไชย และได้จัดพิมพ์เป็นรูปเล่มเรื่อง
    การอธิษฐานจิตแผ่เมตตาให้แก่แบบพิมพ์พระ
    แบบพิมพ์พระรอดนี้ ได้จ้างผู้ที่มีความรู้เรื่องพระรอดและเคยแกะต้นแบบพระรอดมาแล้วจนชำนาญ เป็นผู้แกะต้นแบบจัดทำพิมพ์พระให้แต่ก่อนที่จะนำแบบพิมพ์ทั้งหมดมาทำการพิมพ์พระ ท่านอาจารย์อินทร ได้นำเอาแบบพิมพ์เหล่านั้น ไปขอความเมตตาจากครูบาสังฆะที่มากด้วยพรรษา และเปี่ยมด้วยบารมีธรรมช่วยแผ่พลังจิตอธิษฐาน เพื่อให้พระรอดทุกองค์ที่กดออกจากแบบพิมพ์นั้น ทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ ครูบาสังฆะที่พระอาจารย์อินทร ได้ไปขอความเมตตาจากพระคุณท่าน คือ
    1. ครูบาอินตา อินทปัญโญ วัดห้วยไว อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน
    2. ครูบาอิ่นแก้ว วัดวาลุการาม (ป่าแงะ) อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
    3. ครูบาคำตั๋น อารามดอย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
    4. พระครูวรวุฒิคุณ (ครูบาอินทร) วัดฟ้าหลั่ง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ แล้วได้ฝากแบบพิมพ์ทั้งหมด ไว้กับท่านครูบาอิน อินโทเป็นเวลา5 วัน กับ 5 คืน เพื่อขอรับบารมีจากครูบา

    การกดพิมพ์พระ
    พระรอดวัดสันป่ายางหลวง ได้ฤกษ์ลงมือกดพิมพ์พระตามแบบโหราจารย์ภาคเหนือ ในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2532 ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 3 เหนือ ยามเช้า พระเณรในวัดสันป่ายางหลวงและคณะศรัธธาผู้ร่วมสร้างพระรอด ได้ช่วยกันนำวัตถุมงคลทุดอย่าง ที่ต้องใช้ในการกดพิมพ์พระรอด เช่น ดินผสม ผงยา และผงว่าน ที่จะนำมาคลุกดินอีกครั้งหนึ่งก่อนการกดพิมพ์พระรอด น้ำทิพย์ที่นำมาผสมดินให้อ่อนนิ่ม ทั้งหมดได้นำมารวมไว้กลางพระอุโบสถ แล้ววางรูปพระเกจิอาจารย์สำคัญๆ อันเป็นที่รู้จักและเคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศไว้รอบๆ กองวัตถุมงคลนั้น เพื่ออธิษฐานของความเมตตาจากพระคุณท่าน ช่วยแผ่พลังบารมีมาปกป้องคุ้มครองพร้อมกับร่วมประจุพลังลงในวัตถุมงคลนั้นด้วย พระสงฆ์ภายในวัดสันป่ายางหลวง อันมีพระอาจารย์อินทร ปัญญาวัฑฒโน เจ้าอาวาสเป็นประธาน ได้ร่วมกันสวดชยันโต ประพรมน้ำทิพย์ซึ่งนำมาทำน้ำพระพุทธมนต์ลงไปตามวัตถุมงคลเสร็จแล้วจึงลงมือกดพิมพ์พระ โดยพระอาจารย์อินทร เริ่มประเดิมเป็นองค์แรกพิมพ์ละองค์ทุกๆ พิมพ์ การสร้างพระครั้งนี้ ท่านพระอาจารย์อินทร ได้ตั้งใจไว้ว่าจะทำให้ได้ แปดหมื่นสี่พันองค์ เท่ากับจำนวนพระธรรมขันธ์ และเท่ากับจำนวนที่พระนางจามเทวีได้เคยสร้างไว้ครั้งแรก

    การอาบว่านยา
    การอาบว่านยาเริ่มตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2532 ไปจนถึงวันที่ 5 มกราคม 2533 รวมเวลา 9 วัน เริ่มด้วยพิธีการด้วยการเทศน์หนึ่งกันฑ์พระสงฑ์สวดชัยมงคลคาถา อุบาสกพิธีกรรมร่วมกับพระเณร ช่วยกันนำรพะลงอาบแช่น้ำว่านยา เป็นเวลาพอสมควร ให้เนื้อพระดูดซับเอาน้ำว่ายาไว้ แล้วนำขึ้นผึ่งบนแท่นที่ปูลาดด้วยผ้าเหลืองภายในปริมณฑล พระสงฑ์สวดชยันโตแล้วคลุมทับด้วยดอกไม้นานาชนิด ประพรมด้วยน้ำมนต์ น้ำอบน้ำหอม ทำพิธีเช่นนี้ติดต่อกันทุกเช้าเวลา 09.09 น. เป็นต้นไป จนถึงวันครบกำหนดคือ วันที่ 5 มกราคม 2533 และในตอนกลางคืนทุกคืน ได้รวมพระรอดกองไว้แล้วพระสงฑ์ภายในวัด สวดชัยมงคลคาถาเป็นประจำจนเสร็จพิธีอาบว่านยา หลังจากนั้นวันสุดท้ายคือ วันที่ 5 มกราคม 2533 ได้นำพระรอดทั้งหมดมาประพรมและคลุกด้วยน้ำมันมนต์ อันประกอบด้วยน้ำมันงา , น้ำมันจันทน์ , น้ำมันมะพร้าว , น้ำมันมะกอก , น้ำมันละหุ่ง , น้ำมันหมื้อ , ชมด , ผงจันทร์เทศ , และกฤษณา น้ำมันนี้ได้เก็บไว้ในโบสถ์ และทำพิธีสวดด้วยธรรมจักร ทุกวันพระตลอดพรรษา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 จนกระทั่งเนื้อพระดูดซับเอาน้ำมันมนต์ฉ่ำทั่วองค์พระแล้ว จึงนำออกผึ่งให้แห้ง พอพระรอดทั้งหมดแห้งพอดี ก็ลำเลียงเข้าสู่บริเวณพิธีที่จะทำพิธีอธิฐานจิตแผ่เมตตาต่อไป

    การอธิฐานจิตแผ่เมตตา
    เมื่อขั้นตอนทั้งหลายผ่านพ้นไป และได้สำเร็จเป็นองค์พระตามที่ต้องการแล้ว พิธีสำคัญยิ่งคือพิธีพุทธาภิเษก หรือการอธิฐานจิตแผ่เมตตาประจุไว้ในองค์พระ สถานที่ประกอบพิธีกรรมภายในโบสถ์ วัดสันป่ายางหลวง ด้วยเห็นว่า โบสถ์นั้น เป็นสถานที่ของสงฑ์โดยเฉพาะการทำพิธีกรรมของสงฑ์ เช่น การอุปสมบท การปลงอาบัติ ฟังพระปาฏิโมกข์ ก็ทำได้เอาเฉพาะในโบสถ์เท่านั้น ดังนั้น โบสถ์จึงเป็นสถานที่หมดจดสะอาดปราศจากสิ่งเลวร้ายและมลทิน

    การจัดสถานที่ได้จัดเอาบรรดาศาสตราวุธทุกชนิดเท่าที่จะจัดหาได้บางอย่างก็ต้องใช้ของสมมุติแทนสิ่งมีพิษทั้งหลาย เช่น บรรดายาพิษทั้งหลายที่ชาวบ้านใช้กัน สัตว์มีพิษ และดุร้าย เช่น งูพิษ ตะเข็บ ตะขาบ ฯลฯ เสือ สิงโต กระทิง ควายป่า ช้าง ฯลฯ สัตว์ร้ายเหล่านี้ต้องใช้ของประดิษฐ์แทนของจริง ของทั้งหมดจัดนำมาเพื่อข่มพิษร้ายโดยจัดวางไว้ใต้แท่นที่วางพระแล้วปูทับด้วยผ้าขาวโรยทับด้วยดอกไม้อันมีดอกพุธ ดอกมะลิ และดอกไม้หอมอื่นๆ อีกมาก หมายถึงการลดความเลวร้ายลงและเปลี่ยนจากร้ายให้กลายเป็นดีในที่สุด ชั้นบนเป็นชั้นที่จัดวางพระรอดที่จะนำมาเข้าพิธีอธิฐานจิตแผ่เมตตา ปูลาดด้วยผ้าขาวแล้วจึงวางเกลี่ยพระลงบนชั้นนั้น ประพรมด้วยน้ำอบ น้ำหอมจนทั่วกองพระ แล้วปูทับด้วยผ้าขาวอีกชั้นหนึ่ง ชั้นบนสุดก็โรยด้วยดอกไม้อันเป็นมงคล และมีกลิ่นหอม การโรยดอกไม้ชั้นนี้ ได้โรยทับขึ้นไปทุกคืน ตลอดระยะเวลา 9 คืน
    พิธีสำคัญนี้ได้ฤกษ์เริ่มพิธีในวันที่ 6 มกราคม 2533 ตรงกับวันเสาร์ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 4 เหนือ ไปจนถึงวันที่ 14 มกราคม 2533 พิธีเริ่มตั้งแต่เวลา 19.00 น. ไปจนถึงเที่ยงคืน หลังเที่ยงคืนไปแล้ว ก็ยังคงเปิดโบสถ์จุดเทียนชัยไว้ แล้วกล่าว อัญเชิญเทพเทวาทั้งหลาย และพระสงฑ์จากพรหมโลก เทวโลก ขอให้มาร่วมแผ่เมตตาและอนุโมทนาในกองกุศลนี้ด้วย พิธีกรรมนี้ทำติดต่อกันไปรวมเวลาได้ 9 คืน ในพิธีอธิฐานจิตครั้งนี้ ทางวัดได้นำพระพุทธรูปขนาดหน้าตักกว้าง 9 นิ้ว จำนวน 205 องค์ พระพุทธรูปใหญ่ปางสมาธิ ขนาดหน้าตักกว้าง 69 นิ้ว 1 องค์ พระพุทธรูป ยืนปางห้ามมารสูง 4 ศอก 1 องค์ พระพุทธรูปปางประธานพรแบบอินเดีย ขนาดหน้าตักกว้าง 39 นิ้ว 2 องค์ เข้าร่วมพิธีด้วย พระเกจิอาจารย์หรือครูบาสังฆะ ที่นิมนต์มาร่วมในพิธีอธิฐานจิตครั้งนี้ทั้งหมด 32 รูป ส่วนมากจะมีอายุ 70 พรรษาขึ้นไป และได้บำเพ็ญจิตภาวนาสั่งสมบารมีมาตลอด แม้บางองค์จะมีอายุพรรษาน้อยกว่านั้น แต่ก็เป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และสั่งสมบุญบารมีด้วยการบำเพ็ญจิตเรื่อยๆมาไม่ขาดสาย นับได้ว่าเป็นบุญอย่างยิ่งของคณะผู้ดำเนินการสร้างพระ ที่ได้รับความเมตตาอย่างสูงจากพระคุณเจ้าทุกรูป บางองค์ แม้จะสูงอายุสังขารร่างกายก็ทรุดโทรมตามปกติไม่รับนิมนต์ที่ไหนไกลๆ แต่ก็ยินดีมาร่วมพิธีกรรมครั้งนี้โดยเฉพาะ

    รายนามพระสงฆ์ที่มาร่วมพิธีอธิฐานจิตแผ่เมตตา
    วันที่ 6 มกราคม 2533
    1. พระมหาเจติยารักษ์ วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร แสดงธรรม “ไชยะสังคะหะ “ เริ่มพิธีกรรม
    2. ครูบาดวงจันทร์ จันวโร วัดป่าเส้า อ.เมือง ลำพูน
    3. ครูบาปั๋นคำ วัดสวนลำไย อ.เมือง ลำพูน
    4. พระมหาบุญช่วย วัดสวนลำไย อ.เมือง ลำพูน

    วันที่ 7 มกราคม 2533
    1. ครูบาสิงห์แก้ว สิริวิชโย วัดป่าขาม อ.เมือง ลำพูน
    2. พระครูสุทธิธรรมสุนทร วัดบ้านหลุก อ.เมือง ลำพูน
    3. ครูบาอินตา ธนักขันโธ วัดวังทอง อ.เมือง ลำพูน
    4. ครูบาต่วน อริยวังโส วัดหนองปลาขอ อ.เมือง ลำพูน

    วันที่ 8 มกราคม 2533
    1. พระครูสังวรญาณ วัดพระเจ้าสะเลียมหวาน อ.บ้านโฮ่ง ลำพูน
    2. พระครูรัตนวงศ์วิวัฒน์ วัดห้วยแทง อ.บ้านโฮ่ง ลำพูน
    3. พระครูศิรินันทคุณ วัดช้างค้ำ อ.ป่าซาง ลำพูน
    4. ครูบาซอน ธันมชโย วัดดอนหลวง อ.ป่าซาง ลำพูน

    วันที่ 9 มกราคม 2533
    1. พระครูชยาลังการ วัดทาดอยแช่ อ.แม่ทา ลำพูน
    2. พระครูรัตนวงศ์วิวัฒน์ วัดปทุมสราราม อ.ป่าชาง ลำพูน
    3. ครุบาจันทร์ จันทวังโส วัดสันเจดีย์ริมปิง อ.เมือง ลำพูน
    4. ครูบาสุจินดา สุมังคโส วัดม่วงชุม อ.พาน เชียงราย

    วันที่ 10 มกราคม 2533
    1. พระครูชยาลังการ วัดทาดอยแช่ อ.แม่ทา ลำพูน
    2. พระครูรัตนวงศ์วิวัฒน์ วัดประทุมสราราม อ.ป่าซาง ลำพูน
    3. ครูบาจันทร์ จันทวังโส วัดสันเจดีย์ริมปิง อ.เมือง ลำพูน
    4. ครูบาสุจินดา สุมังคโล วัดม่วงชุม อ.พาน เชียงราย

    วันที่ 10 มกราคม 2533
    1. ครูสิงหวิชัย สิริวิชโย วัดฟ้าฮ่าม อ.เมือง เชียงใหม่
    2. ครูบาอินตา อินทปัญโญ วัดห้วยไซ อ.เมือง ลำพูน
    3. ครูบาแสง วัดล้อมก่องข้าว อ.สันกำแพง เชียงใหม่
    4. พระครูพิทักษ์ปัจจันตเขต วัดพระชินธาตุดอยตุง อ.แม่สาย เชียงราย

    วันที่ 11 มกราคม 2533
    1. พระครูคันธวงศ์วิวัฒน์ วัดหนองผำ อ.ป่าซาง ลำพูน
    2. ครูบาสม โสภโน วัดเจดีย์สามยอด อ.ป่าซาง ลำพูน
    3. ครูตุ่น ปัญญาวิลาโส วัดบ้านล้อง อ.ป่าซาง ลำพูน

    วันที่ 12 มกราคม 2533
    1. พระครูญาณภิรัต วัดป่าเจริญธรรม อ.สันป่าตอง เชียงใหม่
    2. พระครูศรียูรมงคล วัดทุ่งแป้ง อ.สันป่าตอง เชียงใหม่
    3. พระครูบวรสุขบท วัดป่าซางน้อย อ.ป่าซาง ลำพูน

    วันที่ 13 มรกราคม 2533
    1. พระครูวรวุฒิคุณ วัดฟ้าหลั่ง อ.จอมทอง เชียงใหม่
    2. พระครูธรรมภาณี วัดดอยชัย อ.สันป่าตอง เชียงใหม่
    3. พระครูญาณภิรัต วัดป่าเจริญธรรม อ.สันป่าตอง เชียงใหม่

    วันที่ 14 มกราคม 2533
    1. พระครูสุขบทบริหาร วัดห้างฉัตร อ.ห้างฉัตร ลำปาง
    2. พระครูโถมมณียคุณ วัดบ้านเป้า อ.ห้างฉัตร ลำปาง
    3.พระครูรัตนาคม วัดพระธาตุเสด็จอ.เมือง ลำปาง
    4.พระครูรักขิตคุณ วัดม่อนพญาแช่ อ.เมือง ลำปาง
    นอกจากพระเถระที่นิมนต์มาแล้ว ทุกคืนพระสงฆ์ภายในวัดสันป่ายางหลวงอันประกอบด้วย
    1.พระปลัดอินทร ปัญญาวัฑฒโน เจ้าอาวาส
    2.พระมหาเจริญ ชุตินธโร
    3.พระอุทัย อภิญญาโณ
    4.พระชัยพร สิริปัญโญ
    5.พระคัชเชน โชติธัมโม
    ได้ร่วมพิธีอธิฐานจิตแผ่เมตตา กับพระเถระเป็นประจำทุกคืน ตั้งแต่คืนเริ่มต้นจนถึงคืนสุดท้าย พระภิกษุรูปอื่นที่ไม่เข้าร่วมพิธีอธิฐานจิตแผ่เมตตา ก็เข้าไปสวดพระคาถาพุทธาภิเษก ร่วมกันกับสามเณร ตั้งแต่เริ่มพิธีจนจบพิธีกรรมทุกๆ คืน

    พระสงฆ์จากเทวโลก พรหมโลกที่มาร่วมอธิฐานจิตแผ่เมตตา ทุกคืน หลังจากพิธีกรรมทางมนุษย์โลกจบสิ้นแล้วเวลาตั้งแต่ 24.00 น.เป็นต้นไป ได้มีพระสงฆ์จากพรหมโลก เทวโลก มาร่วมอธิฐานจิตแผ่เมตตาต่อไปอีก จนถึงเวลา 05.00
    พระสงฆ์จากเทวโลก พรหมโลก ที่มาร่วมอธิฐานจิตแผ่เมตตา พระรอดปลอดภัย

    วันที่ 6 มกราคม 2533
    1.ครูบาคัณธา คัณธาโล วัดเมืองสร้อย ตาก
    2.ครูบาศรีวิชัย วัดบ้างปาง ลี้ ลำพูน
    3.ครูบาบุญทา วัดสันป่ายางหลวง ลำพูน
    4.ครูบาอภัยสะระทะ วัดฝานหิน เชียงใหม่

    วันที่ 7 มกราคม 2533
    1.ครูบาอุปาละ วัดดอยเต (บ้านทา)ลำพูน
    2.หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน นครศรีธรรมราช
    3.หลวงพ่อสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ชุมพร
    4.หลวงปู่เขียว วัดหลงบน นครศรีธรรมราช

    วันที่ 8 มกราคม 2533
    1.หลวงพ่อยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดใน อยุธยา
    2.หลวงพ่อปาน วัดคลองด่วน สมุทรปราการ
    3.หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยา
    4.หลวงปู่รอด วัดทุ่งศรีเมือง อุบล

    วันที่ 9 มกราคม 2533
    1.สมเด็จลูน ประเทศลาว
    2.หลวงพ่อโอภาสี วัดบางมด
    3.หลวงปู่บุญ นครปฐม
    4.หลวงปู่สงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ชุมพร

    วันที่ 10 มกราคม 2533
    1.ครูบาสุริยะ วัดเท้าบุญเรือง เชียงใหม่
    2.ครูบาเถิ้ม วัดแสนฝาง เชียงใหม่
    3.ครูบาอินทรจักร วัดป่าลานห้วยยาบ ลำพูน
    4.ครูบาอุปาละ วัดดอยแต (บ้านทา) ลำพูน

    วันที่ 11 มกราคม 2533
    1.หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา
    2.หลวงพ่อหมุน วัดเขาตะแคงตะวันตก พัทลุง
    3.หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน ปราจีน
    4.ครูบาอุปาละ วัดดอยแต (บ้านทา) ลำพูน

    วันที่ 12 มกราคม 2533
    1.หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง นครปฐม
    2.หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม นครปฐม
    3.ครูบาอ้าย อินทรปัญโญ วัดสะปุ๋งน้อย (ป่าซาง) ลำพูน

    วันที่ 13 มกราคม 2533
    1.ครูบาดง ชวโน วัดดงเหนือ แพร่
    2.ครูบาแก้ว อินทรจักโก วัดเขื่อนคำลือ แพร่
    3.พระครูเนกขัมมะวิสุทธิ์ วัดดอนตัน น่าน
    4.ครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง ลำพูน

    วันที่ 14 มกราคม 2533
    1.ครุบาคำแสน วัดสวนดอก เชียงใหม่
    2.ครูบาคำแสน วัดป่าดอนมูล เชียงใหม่
    3.หลวงปู่คำปัน วัดสันโป่ง เชียงใหม่
    4.หลวงปู่ภู วัดอินทร์วิหาร กรุงเทพ

    พระมหาเถระที่มีชื่อประจำวันนี้ ท่านจะมาร่วมอธิฐานจิต ตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึง 5โมงเช้า ตามรายการ นอกจากนี้ยังมีพระเถระอีกนับร้อยรูปจากพรหมโลก ผลัดเปลี่ยนเวียนกันมาร่วมอธิฐานจิต องค์ละประมาณ10-15 นาที แล้วกลับ ตลอดระยะเวลาพิธีอธิฐานจิต ตั้งแต่วันเริ่มต้นจนวันสุดท้าย แต่ไม่อาจจะนำรายนามท่านมาลงได้ทั้งหมด เพราะมีจำนวนมากและบางองค์คุณไพศาล ก็ไม่รู้จัก
    ในคืนเริ่มต้นและคืนสุดท้ายของพิธีกรรม พระแม่เจ้าจามเทวี ได้เสด็จมาร่วมอนุโมทนา และแผ่เมตตาด้วยแต่อยู่ภายนอกโบสถ์ พระแม่เจ้าได้ตรัสกับไพศาลว่า พระรอดปลอดภัยนี้ดีเท่ากับพระรอดในสมัยที่แม่หม่อน(พระแม่จามเทวี)สร้างสามารถปราบแป๊ (ชนะ)ภูตผี เงือกหงอน ได้ด้วย ใครมีบูชาก็จะอยู่เย็นเป็นสุข จำเริญรุ่งเรือง แม่หม่อนขออนุโมทนากับผู้ใดก็ตามที่ได้ไว้บูชาทุกผู้ทุกคน ขอให้เคารพนบยำอย่าได้เหยียบย่ำข้ามกลายเป็นอันขาด(นี่คือคำยืนยันจากดวงพระวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของพระนางจามเทวี)

    ในปีพุทธศักราช 2529 พระอาจารย์อินทรปัญญาวัฑฒโน (พระครูปัญญาธรรมวัฒน์) ได้สร้างพระอุโบสถหลังใหม่แทนหลังเก่าซึ่งชำรุด ในปีนั้นท่านได้พิจารณาว่า ในงานฉลองอุโบสถหลังใหม่จะเอาอะไรเป็นที่ระลึกแก่ญาติโยมตลอดจน พุทธบริษัทที่ได้ร่วมกันสร้างพระอุโบสถ

    ในคืนวันหนึ่งท่านนั่งสมาธิและได้เห็นรูปพระรอดปรากฏขึ้นในนิมิตนั้น รุ่งเช้าหลังจากฉันภัตตาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านได้คำนึงถึงนิมิตนั้น ท่านได้พิจารณาว่า ถ้าสร้างพระรอดเลียนแบบของเก่าก็จะไม่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง อีกทั้งจะกลายเป็นว่ารูปแบบซ้ำกันเหมือนเลียนแบบของเดิม ท่านจึงเอาสัญญาลักษณ์ อ. ซึ่งเป็นตัวอักขระสำคัญที่ทุกคนจะต้องใช้ตัว อ. นี้ รวมเข้าไปในชื่อของทุกคน คือ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ โอม ซึ่งเป็นอักขระนะโม มี 9 ตัว เท่ากับโลกุตระธรรมของพระสัมมาสัมมาพุทธเจ้า อีกทั้งเป็นชื่อของท่านด้วย พระอาจารย์อินทรปัญญาวัฑฒโนจึงได้รวบรวมมวลสารต่าง ๆ ในสมัยที่ท่าน เดินธุดงค์ปฏิบัติธรรมไปในสถานที่ต่าง ๆ ใบลานจารอักขระธรรมของวัดที่หักชำรุด เอามาบดรวมกันเพื่อทำผงพระรอด ผสมกับดินสังเวชนียสถานและดินที่วังหัวกวงซึ่งเป็นดินสร้างพระของเมืองลำพูนแต่โบราณกาลมา ได้สร้างพระรอดหลัง อ. ขึ้นจนสำเร็จและทำพิธีพุทธาภิเษก โดยได้นิมนต์พระสงฆ์คณาจารย์แห่งเมืองลำพูนมาทำพิธีพุทธาภิเษก เป็นเวลาหนึ่งเดือนกับเก้าวันเก้าคืน และได้แจกให้ญาติโยมในพิธีฉลองพระอุโบสถหลังใหม่

    หลังจากที่ญาติโยมได้รับแจกพระกันไปโดยทั่วถึงแล้ว เกิดปรากฏการณ์อภินิหารแก่ผู้ที่ได้รับแจกไป ดังนี้

    เรื่องที่หนึ่ง ตำรวจถูกยิง
    นายดาบตำรวจวิสูตร ประจำสถานีตำรวจภูธรแม่ทา จังหวัดลำพูน ถูกยิงด้านหลังขณะเข้าจับกุมยาบ้า หมดสติไป
    สองวัน ในวันที่สามจึงพื้นคืนสติเหมือนคนนอนหลับ ไม่ปรากฏแผลตามร่างกายแต่อย่างใด

    เรื่องที่สอง คนจะคลอดบุตร
    นางนภาภรณ์ บ้านกอม่วง อำเภอเมือง ลำพูน ตั้งครรภ์ เลยกำหนดคลอดมาเป็นเวลานานพอสมควร ญาติจึงนำส่งโรงพยาบาลแมคคอมิค ผลกาตรวจปรากฏว่าเด็กขวางลำตัว ขณะเตรียมตัวรอเจ้าห้องผ่าตัด แม่ของนางนภาภรณ์ได้ระลึกถึงพระรอดหลัง อ.ได้ เพราะได้ยินท่านอาจารย์พูดว่า ถ้าใครมีปัญหาอะไรที่สาหัส ให้เอาพระรอดตั้งสัจจะอธิษฐาน ทำน้ำพระพุทธมนต์ น้ำไปดื่ม กิน อาบ โดยเอาพระรอดแก่วงลงไปในน้ำเพื่อทำน้ำพระพุทธมนต์ มารดาของนางนภาภรณ์ก็ทำเช่นนั้น เพราะพระรอดได้ผ่านการอาบน้ำว่าน ๑๐๘ ชนิดและน้ำมันมนต์ผ่านการทำพิธีมาเรียบร้อยแล้ว แม่ของนางนภาภรณ์จึงนำน้ำมนต์นั้นมาให้นางนภาภรณ์ดื่ม กิน ลูบหัว ลูกหน้า ลูบท้องของนางนภาภรณ์ ปรากฏเป็นที่อัศจรรย์ว่า ลูกของนางนภาภรณ์คลอดออกมาอย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด

    เรื่องที่สาม อุบัติเหตุรถชน
    นายสวัสดิ์ สันตติภัค คนบ้านพระคงฤาษี ในเมืองลำพูน อายุ ๖๐ ปีถูกรถกระบะชนกลางลำตัวขณะขับขี่จักรยานสองล้อตัดหน้ารถ เพราะไม่เห็นรถกระบะด้วยสายตาไม่ดี รถกระบะชนเต็มที่ ปรากฏว่า ขาหัก ๓ ท่อน โดยไม่มีบาดแผลอื่นใด หมดสติ ไปรู้สึกตัวที่โรงพยาบาล พอรู้สึกตัวก็คลำหาพระรอดหลังอ. ยกมือท่วมหัวพรางนึกในใจว่า รอดตายพระบารมีพระรอดหลังอ.คุ้มครอง หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ยังโดนรถมอเตอร์ไซด์ชนอีก ๒ ครั้ง แต่ก็รอดมาได้โดยไม่เป็นอะไร

    เรื่องที่สี่ พระรอดช่วยคนฟันปลอมติดคอ
    นายบุญชื่น บ้านต้นเหียว อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ รับประทานอาหารเสร็จในวันหนึ่งแล้วลุกมาบ้วนปาก ขณะกรั้วคอล้างปาก ฟันปลอมที่ใส่อยู่ประจำเกิดหลุดออกจากเหงือกที่ยึดอยู่ แล้วไหลลงไปติดอยู่ที่หลอดลม เจ็บปวดสุดแสนสาหัส ทำอย่างไรก็ไม่อาจสามารถเอาออกมาได้ ภรรยาจึงนำส่งโรงพยาบาลมหาราช เชียงใหม่ แพทย์ได้ทำการ x - ray ผลปรากฏว่าฟันปลอมไปติดค้างอยู่ที่หลอดลม หมอลงความเห็นว่าต้องผ่าตัดลำคอเพื่อเอาฟันปลอมออกมา ในขณะที่กำลังรอการผ่าตัด นายบุญชื่นได้รับความทรมานอย่างสุดแสนสาหัส จึงลงความเห็นให้ผ่าตัดด่วน ขณะที่รอหมอภรรยานายบุญชื่นซึ่งแขวนพระรอดหลังอ.ไว้ นึกขึ้นมาได้ จึงเดินไปเอาน้ำจากที่ดื่มน้ำบริการของโรงพยาบาลมหาราช แล้วนำพระรอดหลังอ. มาอธิษฐานว่า “ถ้าพระรอดแน่จริง ศักดิ์สิทธิ์จริง ของให้ฟันปลอมของนายบุญชื่นหลุดออกมาโดยปาฏิหารย์” ภรรยาจึงนำพระรอดหลังอ.แก่วงลงไปในน้ำเพื่อทำน้ำพระพุทธมนต์ แล้วให้นายบุญชื่นอธิษฐานดื่ม ประมาณครู่หนึ่งหลังจากที่นายบุญชื่อดื่มน้ำเข้าไปแล้ว มีอาการคลื่นไส้ อยากอาเจียรอย่างรุนแรง นายบุญชื่นจึงเดินไปที่ถังขยะ ด้วยความทุรนทุรายแล้วอาเจียรออกมาอย่างหนัก ปรากฏว่า ฟันปลอมได้หลุดมากับการอาเจียรในครั้งนั้นโดยอัศจรรย์ นายบุญชื่นได้หยิบเอาฟันปลอมมาทั้งน้ำหูน้ำตา แล้วนำออกมาเพ่งดู ขณะนั้นพอดีกับพยาบาลเรียกให้ไปเข้าห้องผ่าตัด นายบุญชื่นจึงเดินไปหาพร้อมกับยื่นฟันปลอมให้พยาบาลที่จะนำเข้าห้องผ่าตัดดู แล้วบอกว่า “ผมไม่ผ่าแล้ว ฟันผมหลุดออกมาแล้ว” พยาบาลมองดูดด้วยความงุนงงว่ามันหลุดออกมาได้อย่างไร? จึงถามนายบุญชื่นว่ามันหลุดออกมาได้อย่างไร? ภรรยาจึงเล่าเรื่องเอาพระรอดหลังอ.ทำน้ำมนต์ให้พยาบาลฟัง เรื่องนี้เป็นที่ฮือฮาและเล่าขานกันมากในโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่

    เรื่องที่ห้า ตำรวจได้ลาภ
    รตต.รัตน์ บุญชู ประจำกองกำกับการตำรวจภูธร จว.ลำพูน เป็นผู้มีความศรัทธาในตัวพระอาจารย์อินทรเป็นอย่างยิ่ง ตอนพักกลางวันของทุกวัน หลังจากรับประทานอาหารแล้วก็จะมาไหว้พระสวดมนต์ แล้วนั่งสมาธิภาวนาเป็นประจำทุกวัน วันหนึ่ง ได้ยินกิตติศัพท์พระรอดหลังอ. จึงมาขอต่อท่านอาจารย์ ไป ๑ องค์ จึงนำไปใส่กรอบติดตัว ในขณะที่รับพระไปนั้น ตั้งสัตย์อธิษฐานว่า ขอให้ได้เลื่อนยศภายในเร็ววัน ต่อมาอีก๒ อาทิตย์ รตต.รัตน์ ได้มาที่วัดเพื่อถวายสังฆทาน แล้วบอกท่านอาจารย์ว่า “ ใครว่าพระรอดหลังอ. รอดจากจากโชคจากลาภ ผมไม่เชื่อเด็ดขาด ท่านอาจารย์ครับ วันนี้ผมได้เลื่อนเป็นรตท.แล้วครับ”

    เรื่องที่หก พระธาตุเสด็จอยู่ในกรอบพระรอด
    นายถวิล ท้าวรอม (ร้านถวิลท้าวรอม) บ้านป่าซาง ได้มาช่วยกดพิมพ์พระรอดหลัง อ. ได้นำพระรอดหลังอ.ที่พระอาจารย์อินทรเป็นผู้กดเอง ใส่กรอบแขวนติดตัวไว้ อุปนิสัยของนายถวิลเป็นใจบุญสุนทานหมั่นปฏิบัติภาวนาเป็นประจำทุกวัน หลังจากนั้นไม่นาน พระธาตุได้เสด็จมาอยู่ในกรอบกับองค์พระรอดหลังอ. เป็นที่น่าอัศจรรย์ (เมื่อมองดูจะเห็นแต่เศียรพระรอดหลังอ. ส่วนองค์พระมองไม่เห็น เห็นแต่พระธาตุ)

    เรื่องที่เจ็ด แสงเลเซอร์ยิงไม่เข้า
    คุณวิภา องค์มหัสมงคล ผู้พิพากษาศาลสมทบจังหวัดนนทบุรี ได้บูชาพระรอดหลังอ.ทองคำไป ๑ องค์ วันหนึ่งได้ไปที่โรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจรักษาต้อกระจก หมอนัดวันให้มาทำการรักษา เมื่อถึงวันนัดก่อนออกจากบ้าน คุณวิภาได้ยกพระขึ้นจบพร้อมกับอธิฐานขอบารมีพระรอดหลังอ.คุ้มครอง อย่าได้มีอันตรายใดใดต่อดวงตาเลย ที่โรงพยาบาล หมอทำการรักษาโดยการยิงแสงเลเซ่อร์เพื่อรักษาต้อกระจก พอเริ่มทำการรักษา หมอยิงเลเซ่อร์ ๒ - ๓ ครั้ง ปรากฏว่าเครื่องยิงหยุดการทำงาน เป็นที่อัศจรรย์ หมอได้ตรวจสอบเครื่องยิ่งเลเซ่อร์ก็ไม่พบสิ่งผิดปรกติแต่อย่างใด
    หมอจึงถามคุณวิภาว่า “คุณแขวนพระอะไรไว้?”
    คุณวิภาตอบว่า “แขวนพระรอดหลังอ. และได้อธิษฐานก่อนออกจากบ้านมาพบหมอ” สร้างความงุนงงให้กับวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นอย่างยิ่ง!!

    เรื่องที่แปด รถชนที่มาเลเซีย
    มิสเตอร์กูบูเซ็ง เจ้าของบริษัท ประเทศมาเลเซีย ได้ส่งจดหมายเป็นภาษาอังกฤษถึงท่านอาจารย์อินทรว่า มารดาของมิสเตอร์กูบูเซ็งไปออกกำลังกายตอนเช้าที่ Park หลังจากเสร็จกิจกรรมแล้วได้ขี่จักรยานสองล้อเพื่อเดินทางกลับบ้าน ขณะเดินทางกลับบ้านถูกรถยนต์ชนอย่างแรง ด้วยแรงกระแทก มารดาของมิสเตอร์กูบูเซ็งกระเด็นไปไกลหลายตลบเป็นที่น่าอัศจรรย์ว่า ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด มารดาของมิสเตอร์กูบูเซ็งจึงให้มิสเตอร์เซ็งเขียนจดหมายเล่าเรื่องประสบการณ์เหลือเชื่อให้ทางวัดสันป่ายางหลวงได้ทราบ พร้อมทั้งขอบคุณบารมีพระรอดหลังอ. ที่ช่วยให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ

    ปาฏิหารณ์ที่เกิดจากมีมากมายหลายเรื่องหลายประการจนไม่สามารถนำมากล่าวได้หมด ผู้ที่นำไปบูชาแล้วเท่านั้นจึงได้พบความอัศจรรย์และปาฏิหารย์ต่าง ๆ ของพระรอดหลัง อ

    ข้อความทั้งหมดนี้คัดลอกมาจากหนังสือ แม่หม่อนเล่าและย้อนอดีตวัดสันป่ายางหลวง จากนิมิตของคุณ ไพศาล แสนไชย เรียบเรียงโดย คุณ ประสิทธิ์ เพชรรักษ์ ทั้งหมด
    ....เพื่อเป็นการเผยแพร่ข้อมูบให้ทุกท่านได้ทราบถึงพระรอดซึ่งทรงคุณค่าและได้รับการรับรองจากดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของพระแม่จามเทวี(แม่หม่อนหรือคุณทวด)ว่ามีคุณเปรียบดังพระรอดที่ท่านได้สร้างไว้เมื่อ 2000 กว่าปีมาแล้วครับ


    สภาพสวยผิวหิ้งเดิมเก่าเก็บ พุทธคุณหายห่วง นี้แหละครับของดีราคาเยาว์ เนื้อดีพิมพ์ดีของท่านที่ทุกคนสามารถมีไว้ในครอบครองได้ แบ่งให้บูชา 444 บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)

    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com
    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • XUyfFP.jpg
      XUyfFP.jpg
      ขนาดไฟล์:
      363.4 KB
      เปิดดู:
      374
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2023
  3. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,712
    ค่าพลัง:
    +14,083
    2602.เมตตาคงกระพันชาตรี เหรียญวังหน้าพระยาเสือ(๓)
    ลป.โต๊ะ,ลพ.สุด,ลพ.อุตตมะ,ลพ.สมภพ,ลพ.แช่ม,ครูบาพรมหมจักร ร่วมปลุกเสกมหาพิธี

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    XqFSja.jpg

    เหรียญกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท วังหน้าในรัชกาลที่ 1 ผู้ทรงเป็นแม่ทัพใหญ่ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กทม. เนื้อทองแดงรมน้ำตาล ดำเนินการจัดสร้างเมื่อปี พ.ศ.2521 เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสจัดสร้างพระอนุสาวรีย์กรมพระราชวังบวรองค์ใหญ่ ณ วัดมหาธาตุฯ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ

    พระเกจิอาจารย์ที่ร่วมอธิฐานจิตปลุกเสก ได้แก่
    1. หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    2. หลวงพ่อสุด วัดกาหลง
    3. หลวงปู่เก๋ วัดปากน้ำ
    4. หลวงปู่คอน วัดชัยพฤษมาลา
    5. หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม
    6. หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม
    7. หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง
    8. หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิตร
    9. หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์
    10.หลวงพ่อวัดพระพุทธบาทตากผ้า
    11.หลวงพ่ออินทจักร วัดน้ำบ่อหลวง
    12.หลวงพ่อสมภพ วัดสาลีโข ฯลฯ

    พุทธคุณ
    - เด่นด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี และเมตตมหานิยม ตำรวจทหารหลายคนพบ ประสบการณ์แคล้วคลาด คงกระพันยิงไม่เข้า


    ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก
    - https://www.komchadluek.net/amulet/515839



    สภาพสวยเดิมๆเก่าเก็บ ของดีราคาเบา พุทธคุณล้นฟ้าราคาสบายกระเป๋า แบ่งให้บูชา 270 บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)




    (คุณJae จองแล้วครับ)





    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com
    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2022
  4. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,712
    ค่าพลัง:
    +14,083
    2603.เล็กดีรสโต ลดถอน ทอนกรรม ทำน้ำมนต์(๒)
    พระรอดตานใช้ตานแทน ครูบาชัยวงศา,ครูบาอินโท อธิษฐานจิตมหาพิธี

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    unzlwt-jpg-jpg-jpg.jpg

    uup4gg-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg
    พระรอดตานใช้ตานแทน ครั้งที่8 พระดชพระคุณหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จังหวัดลำพูน เนื้อผงมหาพุทธคุณ ดำเนินการจัดสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 8 เมษายน ปีพ.ศ.2543 พระในพิธีตานใช้ตานแทน หลวงปู่บอกว่า ลดถอน ทอนกรรม ทำน้ำมนต์ได้

    พิธีตานใช้ ตานแทน ครั้งที่8
    - พระรอดตานใช้ ตานแทน เป็นพระรอด รุ่นสุดท้ายในพิธีตานใช้ตานแทน ครั้งที่ 8 พ.ศ.2543 ที่ยิ่งใหญ่ หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา ให้ศิษย์ไปนิมนต์ หลวงปู่ครูบาอิน อินโท วัดฟ้าหลั่ง มาเป็นประธานในพิธีด้วย
    - เป็นประเพณีนี้เคยได้จัดอย่างยิ่งใหญ่ในสมัย นักบุญ แห่งล้านนา ครูบาเจ้าศรีวิชัย สืบต่อมาในสมัยหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
    - เป็นวิธีการที่ทำให้คนได้ตระหนักถึงและกระทำ คุณความดีกุศล กรรมใหญ่ เพื่อทดแทนอกุศลกรรมเก่าที่หนักและแรงกว่าในอดีต เพื่อให้คนในสังคมเชื่อในเรื่อง ผลแห่งกรรม
    - ในพิธีจะมีการถวายทานเพื่อใช้หนี้กรรมเก่าทั้งในอดีตชาติและปัจจุบัน มีการอุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย และขออโหสิกรรมต่อพระรัตนตรัย ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต่อผู้มีพระคุณ และต่อบุคคลต่าง ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา และเกี่ยวข้องกับตัวเรา อันที่เราอาจเคย กระทำการอันใดโดยประมาทพลาดพลั้ง ผิดพลาด ไม่สมควร โดยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ทั้งต่อหน้า หรือลับหลัง รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี ซึ่งอาจเป็นกรรมต่อกัน
    - ดังนั้น จึงสมควรที่จะขอขมากรรม ขอโทษ ขออภัยต่อกันโดยกระทำต่อหน้าพระรัตนตรัย โดยมีพระพุทธรูปเป็นตัวแทน พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และคณะสงฆ์ที่มาร่วมกันในพิธี ให้ทานได้เป็นพยานรับรู้ในพิธี
    - ผู้ที่เข้าร่วมพิธีในจะได้รับอานิสงฆ์อย่างมาก สามารถบรรเทาเวรกรรมได้ จากการอโหสิกรรม
    - พระรอดตานใช้ตานแทนนี้ จึงเชื่อว่ามีพุทธานุภาพ บรรเทาเวรกรรม จากกฎแห่งกรรมให้เบาบางได้
    -อานุภาพปรากฎให้หนังสือธรรมปกิณกะ และเกี่ยวโยงกับยันต์ห้ามมหายักษ์ (ยันต์กันยักษ์)ด้วย

    พระรอดตานแทน ตานใช้ ของพระดชพระคุณหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา
    วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จังหวัดลำพูน หลวงปู่เป็นพระโพธิสัตว์ที่บารมีเต็มเปี่ยม
    *****พระรอดรุ่นนี้มากด้วยประสบการณ์อย่างมาก มีอิทธิพลังของพุทธคุณมาก
    ด้วยปาฏิหาริย์สร้างเมื่อ พ.ศ.2543 คุ้มครองผู้ได้ครอบครอง ท่านอธิฐานจิตให้พระรอด
    มีคุณวิเศษพร้อมทุกด้าน ขอเพียงระลึกคุณพระรัตนตรัย..นึกถึงหลวงปู่ รับรองดีทุกด้าน
    เป็นรุ่นที่น่าสะสมอย่างมาก


    พุทคุณของพระรอด :
    - บรรเทาเวรกรรม จากกฎแห่งกรรมให้เบาบางได้ เน้นเมตตามหานิยม อยู่ยงคงกระพัน อุดมด้วยโภคทรัพย์ ร่ำรวยทรัพย์ เด่นทางแคล้วคลาด คุ้มภัย

    สภาพสวยเดิมๆผิวหิ้งเก่าเก็บ ลดถอน ทอนกรรม ทำน้ำมนต์ได้ พิมพ์คมชัดลึก ของดีราคาเบาพุทธคุณครอบครบ เมตตามหานิยม อยู่ยงคงกระพัน อุดมด้วยโภคทรัพย์ แบ่งให้บูชา 299 บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)




    (คุณthavornsiripat จองแล้วครับ)



    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com

    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2022
  5. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,712
    ค่าพลัง:
    +14,083
    2604.ช่อกรรมการหายาก 1ใน19ช่อ(๑) พระเศรษฐีนวโกฏิเทพประทานทรัพย์
    หลวงปู่คำบุ วัดกุดชมพู ทายาทพุทธาคมสายตรง ลป.รอด แห่งวัดทุ่งศรีเมือง


    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    hwxpnv-jpg.jpg

    hwmprq-jpg.jpg

    พระเศรษฐีนวโกฏิเทพประทานทรัพย์ รุ่นสุดยอดจริงๆครอบจักรวาล หล่อโบราณ ช่อกรรมการ(ตัดแบ่งภายหลัง) หลวงปู่คำบุ วัดกุดชมพู อำเภอพิบูลย์มังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี เนื้อสัตตโลหะผสมชนวนโบราณเก่า จำนวนการสร้างเพียง 19ช่อ ดำเนินการจัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2553

    ชนวนศักดิ์สิทธิ์
    - มวลสารกระกริ่งเก่าและรูปหล่อพระเกจิอาจารย์ดัง
    - มวลสารแผ่นจาร ทองเก่าแผ่นจารจากเกจิอาจารย์ดังทั่วปณะเทศ อาทิ เช่น หลวงปู่นาม แห่งเมืองสุพรรณ หลวงปู่ดี หลวงปู่รวย หลวงพ่อเพิ่ม หลวงพ่อพูล พระอาจารเสนาะ ครูบาทันใจ พระมหาสุรศักดิ์ , พระอาจารย์ติ๋ว พระอธิการใจ พระอาจารย์ชำนาญ พระอาจารแหว๋ว พระอาจาร์สำราญ และยังมีอีกมากมาย ฯลฯ

    โดยได้ทำการเสกมาตลอดระยะเวลาที่เก็บมวลสารมา และได้รับเมตตาจากพระเกจิย์ดังจากทั่วสารทิศเข้าร่วมหล่อพระเศรษฐีนวโกฏิครั้งนี้ ทางคณะกรรมการจัดสร้างได้ตระเวนเสกแผ่นชนวนแผ่นจารตามประสงค์ทุกอย่าง จึงได้นำมาหลอมเป็นวัตถุมงคลอันล้ำค่า

    วาระการพุทธาภิเษก
    - ได้ทำการเดินสายพุทธภิเษกจากพระเกจิอาจารย์ดังทั่วประเทศ ใช้เวลาเป็นปี ๆ
    ด้วยฤกษ์การเสก 9 วันเสาร์ 9 วันอังคาร 9 วันพระขึ้น 15 ค่ำ 9 วันพระแรม 15 ค่ำ

    อานิสงส์การบูชา
    เชื่อว่าจะอำนวยลาภผลโภคทรัพย์ ร่ำรวยมั่งมีทรัพย์ จักเป็นผู้มีอำนาจบารมี ยังผลให้เป็นผู้ที่เจริญในโภคทรัพย์ เงินทอง การงานต่างๆ สิ่งที่พึงปรารถนาพึงสำเร็จก้าวหน้ามั่นคงมั่งมีตลอดกาล และปกปักรักษาให้บ้านเรือนร่มเย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรือง ป้องกันภยันตรายสิ่งไม่ดีไม่งามต่างๆ และเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ ทุกภพ ทุกชาติไป



    ประวัติหลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภู จ.อุบลราชธานี
    " หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต" เป็นพระสงฆ์ที่เล่าขานกันว่าทรงคุณพุทธาคมเข้มขลัง แห่งวัดกุดชมภู ต.กุดชมภู อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ท่านเป็นศิษย์สายตรงของพระครูวิโรจน์รัตโนมล (หลวงปู่รอด นันตโร) แห่งวัดทุ่งศรีเมือง และอดีตเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี พระเกจิอาจารย์ผู้มีความเข้มขลังมีพลังจิตสูง

    ประวัติหลวงปู่คำบุ ชาติภูมิ หลวงปู่คำบุถือกำเนิดเกิด ณ บ้านกุดชมภู เมื่อวันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2465 ตรงกับวันจันทร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ปีจอ เกิดในตระกูล คำงาม โยมบิดา-มารดา ชื่อนายสาและนางหอม คำงาม ครอบครัวทำนาทำสวน หลวงปู่คำบุ ปัจจุบันท่านอายุ 86 ปี มีชื่อ-นามสกุลเดิมว่า คำบุ คำงาม ท่านเป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 6 คน กาลต่อมาท่านเจริญวัยขึ้น มีอายุอันสมควร บิดามารดาได้ให้บรรพชาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดกุดชมภู โดยมี พระครูญาณวิสุทธิคุณ (กอง) วัดตากโพธิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ภายหลังบวชท่านได้มีโอกาสเดินทางไปกราบไหว้ พระครูวิโรจน์รัตโนมล (หลวงปู่รอด นันตโร) วัดทุ่งศรีเมือง เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานีและได้รับความเมตตาโอบอ้อมอารีจากหลวงปู่รอดเป็นอย่างยิ่ง

    อุปนิสัยของสามเณรคำบุ เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้จึงมีโอกาสได้พบกับพระอาจารย์รอด วัดบ้านม่วง ผู้เป็นศิษย์อุปัฏฐากหลวงปู่รอด นันตโร แห่งวัดทุ่งศรีเมือง ด้วยเหตุนี้พระอาจารย์รอดจึงได้อยู่รับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่รอดจวบจนท่านได้ มรณภาพลง พระอาจารย์รอดก็กลับมาพำนักพักที่วัดบ้านม่วงตามเดิม กล่าวสำหรับพระอาจารย์รอด วัดบ้านม่วง ท่านเป็นพระที่มีวิทยาคมแก่กล้า พระอาจารย์รอดเป็นคนบ้านเดียวกันกับสามเณรคำบุ (สมัยบวชเณร) จึงมีความคุ้นเคยกันมาก่อน ด้วยความที่สามเณรคำบุเป็นผู้มีนิสัยสงบเรียบร้อย ใจเย็นมีเหตุมีผล เหตุนี้เองพระอาจารย์รอด จึงได้ถ่ายทอดวิทยาคมคาถาต่างๆ ที่ได้ร่ำเรียนมาแก่สามเณรคำบุตั้งแต่นั้นเรื่อยมา จวบจนถึงวัยอุปสมบทเป็นพระภิกษุ จึงอุปสมบท เมื่อปี พ.ศ.2486 ได้รับฉายาว่า "คุตตจิตโต" มีพระครูสาธุธรรมจารี (สา) วัดดอนจิก เป็นพระอุปัชฌาย์

    ครั้นบวชเป็นพระแล้ว หลวงปู่คำบุท่านยังคงแวะเวียนไปร่ำเรียนสรรพวิชาเวทมนตร์คาถาอาคมต่างๆ กับพระอาจารย์รอด ที่วัดบ้านม่วงอยู่เป็นประจำ ได้ศึกษาศาสตร์วิชาต่างๆ จากตำรา จนมีความชำนาญแตกฉานจึงออกเดินธุดงค์เพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ หลวงปู่คำบุได้มีโอกาสร่ำเรียนวิชาวิปัสสนากรรมฐานและวิทยาคมจากพระอาจารย์ที่มีความ ชำนาญด้านพระคาถาต่างๆหลายรูปจนวิชาแกร่งกล้า จึงได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่ วัดกุดชมภูจนถึงปัจจุบัน มีเรื่องน่าสนใจอยู่ตอนหนึ่ง เนื่องจากพระอาจารย์รอดท่านเป็นพระที่ร้อนวิชาชอบลองวิชาอยู่เสมอ เมื่อร่ำเรียนวิชาอาคมแขนงใดได้ก็จะนำมาทดสอบหรือทดลองวิชานั้นอยู่เป็นประจำ มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านได้สำเร็จวิชาหุงสีผึ้งมหาเสน่ห์ แล้วทำการทดลองปรากฏว่าบรรดาญาติโยมทั้งหญิงและชายแห่เข้ามาที่วัดเพื่อมาขอ สีผึ้งมหาเสน่ห์จากท่านอย่างมากมาย จนไม่มีเวลาประกอบกิจสงฆ์อันใดได้ ท่านจึงย้ายมาอยู่กับพระภิกษุคำบุ ที่วัดกุดชมภูและได้เขียนตำราเพื่อมอบให้กับพระภิกษุคำบุไว้ศึกษาเล่าเรียน สืบต่อไป
    พระภิกษุคำบุได้ศึกษาศาสตร์วิชาต่างๆ จากตำราจนมีความชำนาญแตกฉาน จึงออกเดินจารึกธุดงค์เพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ ได้มีโอกาสร่ำเรียนสายวิชาวิปัสสนากรรมฐานและวิทยาคมต่างๆ ในสายของท่านสำเร็จลุน แห่งวัดเวิ่นไชย เมืองปาเซ นครจำปาสัก พระผู้ทรงอภิญญา นอกจากการศึกษาวิชาทางด้านวิปัสสนากรรมฐานแล้ว สรรพวิชาอาคมทุกแขนง หลวงปู่คำบุท่านก็มีความชำนาญและได้หมั่นศึกษาฝึกฝนอยู่เป็นประจำ ตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ ปัจจุบัน หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต วัดกุดชมภู มีอายุถึง 86 ปี แต่ยังคงให้ความเมตตาศิษยานุศิษย์อย่างสม่ำเสมอ ในทุกวันอังคาร เสาร์ และอาทิตย์ ท่านจะประกอบพิธีลงเหล็กจารอักขระธรรมอักษรลาว ลงบนแผ่นหลังของบรรดาลูกศิษย์ที่เดินทางมาจากสถานที่ต่างๆ ด้วยความเมตตา

    การจารอักขระธรรมลงแผ่นหลังของหลวงปู่คำบุ ถือเป็นกุศโลบายทางธรรมเพื่อบ่งบอกถึง "ความประมาทเป็นบ่อเกิดแห่งความตายหรือความหายนะ" ดังนั้นควรตั้งมั่นไม่ให้อยู่ในความประมาท ที่สำคัญถ้าท่านได้จารอักขระธรรมได้ครบถึง 7 ครั้ง ว่ากันว่าอักขระธรรมจะฝังลึกถึงกระดูกและถ้าประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งของครูบาอาจารย์อย่างเคร่งครัดแล้ว จะอยู่ยงคงทน ต่อศาสตราวุธทั้งปวง สำหรับพระเครื่อง-วัตถุมงคลของหลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต วัดกุดชมภู ที่สร้างขึ้นมานั้นมีมากมายหลายรุ่น ส่วนใหญ่มักได้รับความนิยมจากนักสะสม โดยรุ่นล่าสุด "เมตตา โภคทรัพย์ กลับดวง" ปัจจัยสมทบทุนหล่อเนื้อนาบุญหลวงปู่คำบุ ร่วมสร้างวิหารธรรมเจดีย์ศรีชมภู ฤกษ์มงคลผสมสูตรหล่อเม็ดนวโลหะ เมื่อวันอังคารขึ้น 1 ค่ำ เดือน 11 วันที่ 30 กันยายน 2551 เททองเบ้าทุบ ตั้งแต่วันอาทิตย์ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 12 ที่ 9 พ.ย.2551 เวลา 11.59 น. อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวครั้งที่ 1 เมื่อวันพุธขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 วันที่ 12 พ.ย.2551 เวลา 19.19 น. " หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต"อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว ครั้งที่ 2 วันอาทิตย์แรม 11 ค่ำ เดือน 12 วันที่ 23 พ.ย.2551 เวลา 19.19 น. ข่าวพระเครื่อง

    พระครูพิบูลนวกิจ หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต วัดกุดชมภู มรภาพด้วยอาการสงบ ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา14:51 นาที ณ.โรงพยาบาลศิริราช สิริอายุได้91ปี คณะศิษยานุศิษย์จะเคลื่อนสรีระสังขารหลวงปู่ออกจากโรงพยาบาลศิริราชในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 09.00 น. ไปยังวัดวิหารเจดีย์ศรีชมพู (วัดกุดชมภู) อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี

    คอลัมน์ อริยะโลกที่ 6
    อนุชา ทรงศิริหน้า 31 ที่มาหนังสือพิมพ์ข่าวสด



    สภาพสวยเดิมเก่าเก็บไม่ได้ใช้ ไม่หักไม่ซ่อม ช่อกรรมการหายากมากสร้างน้อย ของดีพุทธคุณล้นฟ้าราคหลักร้อย แบ่งให้บูชา 270 บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)





    (คุณshaj จองแล้วครับ)






    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com

    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2022
  6. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,068
    ค่าพลัง:
    +6,449
    ขอจองครับ
     
  7. thavornsiripat

    thavornsiripat สิ่งใดไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มี เป็นธรรมดา เช่นนั้นเอง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    2,069
    ค่าพลัง:
    +13,915
    จอง

     
  8. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,712
    ค่าพลัง:
    +14,083
    2605.ของดีพิธีใหญ่(๑) พระกริ่งโสฬส วัดราชประดิษฐ์ ในหลวงเสด็จทรงสุหร่าย
    ลป.ดู่,ลป.ทิม,ลต.มหาบัว,ลพ.มุ่ย ร่วมอธิษฐานจิตมหาพิธี

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    upa1bl-jpg.jpg

    thumb-9b77_573dd925-jpg-jpg-jpg.jpg thumb-bc86_573dd925-jpg-jpg-jpg.jpg thumb-789d_573dd925-jpg-jpg-jpg.jpg
    พระกริ่งโสฬส "มปร." วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร กทม. เนื้อทองเหลืองรมดำบรรุกริ่ง จัดสร้างขึ้นระหว่างวันที่ 16-26 พฤศจิกายน พ.ศ.2515

    วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง 3 ประการคือ
    (1) สมโภชพระอารามหลวงที่มีอายุครบ 108 ปี
    (2) สมโภช “พระนิรันตราย” องค์ประจำวัดซึ่งรัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานประจำวัดธรรมยุตตามพระราชประสงค์ของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ สมเด็จพระบรมชนกนาถ ซึ่งองค์ของวัดราชประดิษฐ์ฯ
    (3) จัดสร้าง “พระนิรันตราย” (ขนาดบูชา) พร้อม “พระกริ่งนิรันตราย” และ “พระกริ่งสมเด็จพระสังฆราช (สา)” หรือ “พระกริ่งโสฬส รุ่น 2” (รุ่น แรกสร้างเมื่อครั้งจัดงานสมโภชครบ 100 ปีวัด พ.ศ. 2507) นอกจากนั้นยังมี “เหรียญนิรันตราย” อีก 2 แบบคือ “พัดยศ” หรือ “เจริญยศ” และแบบ “เสมา” หรือ “เจริญลาภ” รวมทั้ง “พระกริ่งนิรันตรายขนาดเล็ก” และ “พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4” พร้อม “ล็อกเกตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” ขณะทรงถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแก่ “สมเด็จพระมหาวีรวงศ์” เพื่อให้พุทธศาสนิกชนนำไปสักการบูชาโดยรายได้นำบูรณ ปฏิสังขรณ์วัดราชประดิษฐ์ฯ ที่ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา

    ประวัติการจัดสร้างพระกริ่งโสฬส
    สำหรับการจัดสร้างวัตถุมงคลนั้นทางคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วย
    สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ทิม) เมื่อครั้งยังดำรงสมณศักดิ์ พระธรรมปาโมกข์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ พลเอกประภาส จารุเสถียร รองหัวหน้าคณะปฏิวัติในขณะนั้นเป็นประธานฝ่ายฆราวาส
    โดยกราบบังคมทูลอัญเชิญ เชิญเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงเสด็จฯ เททองหล่อพระนิรันตราย (ขนาดบูชา) เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2515 จำนวน 908 องค์ ตามจำนวนสั่งจองจากนั้นจึงนำทองชนวนที่เหลือจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเททองไปจัดสร้าง พระกริ่งนิรันตราย ทั้งพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก, พระกริ่งสมเด็จพระสังฆราชสา (กริ่งโสฬส) และ เหรียญพระนิรันตราย ทั้งสองแบบ ดังกล่าวข้างต้นอย่างละ 50,000 องค์ เท่ากันยกเว้น พระบรมรูปรัชกาลที่ 4ประทับยืนแบบเดียวกับองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ใน ปราสาทพระจอมเกล้า (ปราสาททรงพระปรางค์) สร้างจำนวน 108 องค์ และ ล็อกเกต จำนวนหลักร้อยเช่นกันซึ่งหลังการสร้างวัตถุมงคลเสร็จแล้วได้จัดทำ พิธีพุทธาภิเษกและมังคลาภิเษก ภายใน พระวิหารหลวงวัดราชประดิษฐ์ฯ ระหว่างวันที่ 16-26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 รวม 9 วัน 9 คืน ซึ่งตรงกับช่วงวันสถาปนาวัดพอดี
    โดยนิมนต์พระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณในขณะนั้น ทั่วพระราชอาณาจักร เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษก คืนละ 12 รูป รวมทั้งหมด 108 รูป เท่ากับอายุของวัดราชประดิษฐ์ฯ ทุกประการ

    รายนามพระคณาจารย์ที่ทรงวิทยาคุณได้แก่
    1.พระสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธ ประธานจุดเทียนชัย
    2.หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค
    3.หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    4.หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
    5.หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
    6.หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด
    7.หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกองเพล
    8.หลวงปู่เทศก์ วัดหินหมากเป้ง
    9.หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
    10.หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
    11.หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ
    12.พระอาจารย์วัน วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม
    13.หลวงพ่อโชติ (ระลึกชาติ) วัดตะโน
    14.หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง
    15.หลวงพ่อสุด วัดกาหลง
    16.หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง
    17.หลวงพ่อหลิว วัดไร่แตงทอง
    18.หลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช
    19.หลวงปู่จันทร์ วัดเลยหลง
    20.หลวพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
    21.หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์
    22.หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม
    23.หลวงพ่อรวย วัดตะโก
    24.หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    25.หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า เป็นต้น
    นอกจากนี้ยังมีพระคณาจารย์สายวิปัสสนาทั้ง 4 ภาค ร่วมนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสกเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน โดยผลัดกันวันละ 12 รูป อีกหนึ่งพิธีที่ครูบาอาจารย์หลายสายเข้าร่วมพิธี แผ่เมตตาอธิฐานจิต

    สภาพสวยผิวเดิมๆ พิมพ์คมชัดลึก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จด้วยพระองค์เอง แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วว่าไม่ธรรมดาจริงๆ แบ่งให้บูชา 1,200 บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)




    (คุณJae จองแล้วครับ)







    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com
    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2022
  9. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,712
    ค่าพลัง:
    +14,083



    $$$$$$ ปิดรายการแล้วครับ $$$$$$






    2606.สมปรารถนากันนิวเคลียร์(New6) เหรียญพระพิฆเนศร์
    หลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน พระอรหันต์เจ้าผู้สำเร็จวิชารัตนจักร

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ

    เหรียญพระพิฆเนศร์ เทพแห่งความสำเร็จ หลวงปู่ชื้น พุทธสโร วัดญาณเสน จ.อยุธยา เนื้อทองทิพย์ ตอกโค้ดกำกับ จำนวนการสร้าง 233 เหรียญ ดำเนินการจัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2546 โดยคณะชมรมศิษย์เก่าดนตรีไทย ร่วมกับทางคณะศิษย์ขอร่วมสร้างไว้เพื่อบูชากันในกลุ่มลูกศิษย์ทางชมรม จึงมีจำนวนสร้างไม่มากนัก

    จำนวนการสร้าง
    - เหรียญเนื้อทองคำ 9 เหรียญ
    - เหรียญเงินลงยา 159 เหรียญ โดยแบ่งออกมีทั้งหมด 3 สี คือ ลงยาสีเขียว 39 เหรียญ, ลงยาสีน้ำเงิน 50 เหรียญ, ลงยาสีแดง 70 เหรียญ
    - เหรียญเนื้อทองแดงเนื้อทองฝาบาตรและเนื้อทองทิพย์สร้างรวม 699 เหรียญ ( เนื้อละ 233 เหรียญเท่านั้น )


    พุทธคุณ
    - วัตถุมงคลที่หลวงปู่ชื้นอธิษฐานจิต ท่านประกาศไว้ว่า สามารถป้องกันได้ถึงจรวดปรมณู และรังสี และเปี่ยมด้วยพุทธคุณในทางเมตตามหานิยม แคล้วคลาด และเจริญก้าวหน้า

    คำอาราธนาพระเครื่อง
    ให้อาราธนาว่าดังนี้ ข้าพเจ้าขอพระบารมีคุณ
    พระพุทโธ พระธัมโม พระสังโฆ เป็นที่พึ่ง......... หรือ
    พุทธัง ฤทธิ ธัมมัง ฤทธิ สังฆัง ฤทธิ ชัยยะมังคะลัง
    เอหิ พุทธัง เอหิ ธัมมัง เอหิ สังฆัง เอหิ จิตตัง มะมะ เอหิ


    ให้ท่านอาราธนาทุกเช้าค่ำแล้วท่านจะสำเร็จตามความปรารถนาตามที่ท่านอธิษฐาน

    ประวัติโดยย่อหลวงปู่ชื้น พุทธสโร
    หลวงปู่ชื้น พุทธสโร มีนามเดิมว่า "ชื้น" เกิดเมื่อวันพุธ เดือน 4 ปีมะแม ตรงกับวันที่ 18 มีนาคม 2450 เป็นบุตรของนายจัน และนางหงิม นามสกุล “ยอดฉิม” เป็นชาวหมู่บ้านไฝต่ำ อ.หนองแค จ.สระบุรี โดยครอบครัวได้ประกอบอาชีพด้านกสิกรรม เบื้องต้นได้ศึกษาเล่าเรียนที่ วัดเกาะลอย ซึ่งอยู่ในหมู่บ้าน เมื่ออายุได้ 15 ปี ก็บรรพชาเป็นสามเณร จนถึงอายุ 18 ปี จึงลาสิกขาบทออกมาช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนาอยู่ประมาณ 3 ปี

    ชีวิตสมณะ การแสวงหาธรรม และปฏิปทา
    หลวงปู่ได้อุปสมบท ณ วัดเกาะลอย ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2470 โดยมีหลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ จ.สระบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการมาด วัดหนองแคเก่า เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการทองดี วัดเกาะลอย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “พุทธสโร” ท่านเป็นพระที่ขยันหมั่นเพียรในการเรียนพระปริยัติธรรม จนกระทั่งพรรษาที่ 3 จึงสอบได้นักธรรมตรี ก่อนที่จะตัดสินใจเลิกเรียนทางด้านนี้ แล้วเบนเข็มทิศไปหาความรู้ทางด้านไสยศาสตร์วิชาอาคมจากครูบาอาจารย์วัดเกาะลอย ซึ่งทั้งวิชาไสยเวทย์และแพทย์แผนโบราณ เมื่อมีความรู้รักษาตนเองได้ จึงออกธุดงค์บำเพ็ญเพียรเสาะหาพระเกจิอาจารย์เพื่อร่ำเรียนวิชาอาคมอย่างต่อเนื่อง ได้ออกเดินทางจากจังหวัดสระบุรีเรื่อยมาจนถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และมาหยุดจำพรรษาที่วัดญาณเสนในปัจจุบันนี้

    ณ อารามแห่งนี้ ท่านได้ศึกษาวิชาไสยศาสตร์ โหราศาสตร์และวิชาเล่นแร่แปรธาตุกับพระอาจารย์สาย หรือขุนโจรย่ามแดงในอดีต ได้อยู่จำพรรษาตั้งแต่นั้นมา โดยพึงพอใจกับวิชาความรู้ที่ช่วยสงเคราะห์ญาติโยมที่มาให้ท่านช่วยปัดเป่า บรรเทาความเดือดร้อนอยู่หลายปีด้วยกัน ช่วงเวลานั้นชื่อเสียงของพระอาจารย์สายและพระอาจารย์ชื้นเป็นที่ร่ำลือถึงความเข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าใครจะเป็นอะไรมาท่านทั้งสองจะช่วยสงเคราะห์ได้หมด ชื่อเสียงขจรไกลถึงกรุงเทพฯ ซึ่งขณะนั้นได้มีเศรษฐีผู้หนึ่งได้เกิดเป็นโรคเหน็บชา รักษาอย่างไรก็ไม่หาย ยาไทยยาเทศกี่ขนานก็เอาไม่อยู่ เมื่อล่วงรู้เกียรติศักดิ์ของหลวงพ่อชื้น จึงเดินทางมาให้ท่านรักษา ท่านเสกไพรไปให้ทานปรากฏว่าหายเป็นปลิดทิ้ง เขาจึงกราบเรียนท่านไปจำพรรษาอยู่ที่วัดแค นางเลิ้ง (วัดสุนทรธรรมทาน) กรุงเทพฯ พร้อมถวายตัวเป็นโยมอุปัฎฐาก แต่เมื่อท่านไปปรึกษากับพระอาจารย์สาย ได้รับเหตุผลและแง่คิดมากมาย จนทำให้ต้องบอกปฏิเสธไป ต่อมาพระอาจารย์สายได้ลาสิกขาบทออกไป ทำให้หลวงปู่ชื้นต้องอยู่อย่างลำพังต้อนรับญาติโยมที่นับวันจะมากขึ้นทุกวัน จึงเริ่มเบื่อหน่ายในวิชาไสยศาสตร์และคาถาอาคม ทำให้ร่างกายและจิตใจของท่านเกิดความร้อนรุ่ม

    ประกอบกับมีข่าวเกี่ยวกับพระภิกษุรูปหนึ่งมาปลักกลดอยู่ที่หน้าวัดกุฎีทอง มีญาติโยมขึ้นกันมากมาย ปฏิปทาของพระอาจารย์รูปนั้นเป็นที่โจษขานกันมากโดยในวันพระจะไม่พูดกับใครเลยและจะไม่ฉันอาหารใดๆทั้งสิ้น ส่วนวันธรรมดาก็จะพูดน้อยมาก อัฐบริขารก็จะมีเพียงกลด จีวรและรองเท้าเก่าๆ ส่วนในย่ามก็มีเพียงกะลาสำหรับเป็นภาชนะใส่ข้าวและช้อนที่ทำจากกะลาเท่านั้น มารู้ภายหลังว่าพระอาจารย์รูปนั้นคือ “พระอาจารย์เสน เตชธัมโม ธุดงค์มาจาก อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา หลวงปู่ชื้นจึงไม่รีรอที่จะเข้าไปใกล้ชิด เพื่อสัมผัสและพิสูจน์ตามคำโจษขานนั้น และได้รับคำทักท้วงว่า “ท่านเดินผิดทางแล้ว” พระอาจารย์เสนย้ำอยู่อย่างนี้หลายครั้งหลายหน จนท่านนำคำพูดนั้นมาทบทวน และค่อยใช้สติสมาธิพิจารณาถึงความหมาย จนกระทั่งพบข้อเท็จจริงแห่งสัจธรรม ทั้งสองท่านก็ปรารถณาเป็นศิษย์-อาจารย์กัน ทบทวนศีล พระธรรมวินัยต่างๆ โดยหลวงปู่ชื้นได้นำตำราไสยศาสตร์วิชาอาคมต่างๆที่เล้าเรียนมาตั้งแต่ต้นเผาทิ้งจนหมดสิ้น จึงกลับมาปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดกับพระอาจารย์เสน พร้อมทั้งนิมนต์ให้ผู้เป็นอาจารย์มาจำพรรษาที่วัดญาณเสน จากปฏิปทาที่เปลี่ยนแปลงไปของท่าน จึงมีเสียงครหาไปในทางไม่สู้ดี แต่ท่านก็ไม่สนใจยังคงมุ่งหน้าที่จะมุ่งปฏิบัติต่อไปจนถึงขั้นอุกฤษฎ์ใต้ต้นโพธิ์ข้างโบสถ์เป็นเวลา 1 เดือน ด้วยการนั่งสมาธิตลอดเวลา ยกเว้น เวลาฉัน ปัสสาวะและขับถ่ายเท่านั้น ชั่วเวลาเพียง 24 วัน จากการเริ่มปฏิบัติท่านก็สำเร็จสุดยอดวิชา“รัตนจักร” พร้อมกันนั้นท่านก็ถูกร้องเรียนไปทางคณะสงฆ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้พิจารณาในปฏิปทาที่เพี้ยนๆเป็นต้นว่า ชอบอยู่อย่างสมถะ สันโดษ ข้างของที่ญาติโยมนำมาถวาย ใครจะหยิบอย่างไรก็ไม่ห้ามปราม หมู หมา กา ไก่ ฯลฯ จะมาอยู่ในวัดสร้างความสกปรกอย่างไรท่านก็วางเฉยไม่ดำเนินการใดๆทั้งสิ้น จึงมีมติให้ปลดท่านจากการเป็นเจ้าอาวาส หลวงปู่ชื้นท่านก็มิได้อนาทรร้อนใจใดๆทั้งสิ้น เพียงขอทางคณะสงฆ์ว่า การตั้งเจ้าอาวาสให้ตั้งจากพระที่มาจากวัดญาณเสนเท่านั้น ในความรู้สึกของชาวบ้านและญาติโยมทั่วไปก็ยังคงเคารพนับถือหลวงปู่ชื้นไม่มีเสื่อมคลาย ในวัตถุมงคลของหลวงปู่ชื้นที่ผ่านการอธิษฐานจิตจากท่าน หลวงปู่จะอัญเชิญพระรัตนจักรมาสถิตในวัตถุมงคลนั้นๆเสมอ

    หลวงปู่ชื้น พุทฺธสโร มรณภาพอย่างสงบในวัย 97 ปี ภายในกุฏิตึกทรงธรรม ต่อหน้าลูกศิษย์จำนวนมากที่เฝ้าดูแลใกล้ชิด หลังจากอาพาธมานานด้วยโรคประจำตัวหลายโรคด้วยกัน เมื่อ 17 มิ.ย. 2546

    เล่นแร่แปรธาตุ
    ในสมัยนั้นบรรดาเกจิอาจารย์นิยมเล่นแร่แปรธาตุ โดยนำโลหะต่างชนิดกันมาผสมกัน เพื่อให้เป็นทองคำให้เป็นแร่ธาตุกายสิทธิ์ผสมโลหะ 5 อย่าง 7 อย่าง 9 อย่าง ออกมาเป็นสัตตโลหะ นวโลหะ อย่างเช่น หอกของหลายชุมพล ปลายหอกทำด้วยสัตตโลหะ ใครที่ว่าเหนียว เมื่อเจอโลหะผสมก็เปื่อยเป็นเนื้อต้มทีเดียว หลวงพ่อชื้น ท่านก็ลองวิชาของท่านเหมือนกัน นำโลหะมาผสมได้เนื้อเหลืองทางทองคำก็มี เนื้อเหลือบใสแดงขาวก็มี ท่านเรียกโลหะของท่านว่า เนื้อลูกแก้ว ท่านผสมไว้มากมายใต้ถุนกุฏิ เมื่อใครมาขอท่านก็หลอมเป็นลูกอมเล็ก ๆ ให้พกติดตัว ผู้ที่ได้ไปก็แคล้วคลาดภัยอันตรายต่าง ๆ ถ้าวันใดว่าง ๆ ท่านก็จะให้ศิษย์ไปหาตะปูสังฆวานรตามเจดีย์ร้างเก่า ๆ มาหลอมรีดเป็นตะกรุด ผู้ได้ไปก็มีความคงกระพันชาตรี มหาอุด หยุดลูกปืน จนท่านทำให้แทบไม่หวาดไหว

    พระธุดงค์มาสอนธรรมะเพื่อความหลุดพ้น
    ต้นปี พ.ศ. 2500 มีพระธุดงค์รูปหนึ่งได้ธุดงค์ผ่านมาที่วัดญาณเสน พบกับ หลวงพ่อชื้นเข้าโดยบังเอิญ ท่านอาจารย์ทั้งสองเกิดถูกอัธยาศัยกัน จึงได้สนทนาธรรมกับผู้ศึกษาธรรมย่อมรู้ญาณซึ่งกันและกัน เพียงสนทนากันไม่กี่ประโยคก็ทราบได้ว่ามีความรู้เพียงใด บำเพ็ญเพียร มามากเพียงใด

    อาจารย์ต้องการศิษย์….ศิษย์ต้องการอาจารย์
    พระธุดงค์เปรยขึ้นมาว่า ที่ท่านชื้นได้ร่ำเรียนวิชามานั้น ยังยึดมั่นถือมั่นอยู่ในวัตถุ ต้องปล่อยปละละวาง ละความโลภ โกรธ หลง ทั้งปวง พร้อมทั้งแนะนำธรรมะ และข้อปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นอีกหลายข้อ ตามแนวทางของพระพุทธองค์หลวงพ่อชื้น จึงได้กราบขอเป็นศิษย์ พระธุดงค์รูปนั้นก็มิได้ปฏิเสธ และพูดว่า “นับเป็นกุศลของอาตมาที่จะได้ช่วยให้ผู้มีบุญวาสนาอยู่แล้วได้สำเร็จมรรคผล” นับแต่วันนั้นมาพระภิกษุทั้ง 2 รูป ก็ได้ทบทวนศีล 227 ข้อ พระธรรมวินัยต่าง ๆ ภายในพระอุโบสถ ครั้นยามค่ำคืนก็พากันนั่งสมาธิอยู่โคนต้นโพธิ์ ภายในวัดญาณเสน โดยที่หลวงพ่อชื้นจะภาวนาพระคาถาต่าง ๆ ไปด้วย และลงท้ายด้วยภาวนา นัตถิเม มีพระธุดงค์รูปนั้น ได้นั่งสมาธิคุมไปด้วย

    ความสำเร็จ
    จนกระทั่งเวลาได้ผ่านไป 2 เดือน กับอีก 27 วัน หลวงพ่อชื้น ท่านก็ยังไม่ได้อะไร เพียงแต่ว่าจิตใจสบายและสงบขึ้น และในคืนวันที่ 27 นั้นตอนใกล้รุ่งที่โคนต้นโพธิ์ หลวงพ่อชื้น ท่านได้ยินเสียงเหมือนคนหว่านทรายมารอบ ๆ ตัวท่าน จึงลืมตาถาม พระธุดงค์ พี่เลี้ยงว่า “นั่นเสียงอะไร” พระธุดงค์ จึงตอบว่า “ผีประจำต้นโพธิ์มันจะเข้าต้นไม้ มันไล่ท่านแล้ว” คืนต่อมาหลวงพ่อชื้น จึงขอเข้ามานั่งสมาธิอยู่ในโบสถ์ จะได้ไม่ไปรบกวนเจ้าที่เจ้าทาง หลังจากนั่งในพระอุโบสถคืนที่ 3 ใกล้รุ่ง หลวงพ่อชื้น ก็นิมิตเห็น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่งสมาธิลอยมา ถึง 3 พระองค์ และพระธรรมจักร เปล่งรัศมีโชติช่วง หมุนอยู่ระหว่างกลาง องค์พระทั้ง 3 พระองค์ เมื่อหลวงพ่อชื้นถอนสมาธิก็บังเกิดความสว่างขึ้นภายในดวงใจ เต็มไปด้วยความปิติ จะนึกสิ่งใดต้องการรู้สิ่งใดก็มีคำตอบขึ้นมาเสร็จ ท่านจึงได้เล่านิมิตให้พระธุดงค์ฟัง พระธุดงค์รูปนั้นท่านก็บอก ว่า “อาตมาหมดหน้าที่แล้ว อาตมาจะกลับไปที่บ้านเกิดของอาตมา ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดโบสถ์ อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา”

    พระอาจารย์มรณภาพ
    หลังจากวันนั้นแล้วพระธุดงค์องค์นั้นก็ธุดงค์กลับ แม้หลวงพ่อชื้นจะอ้อนวอนให้อยู่ต่อ เพื่อจะได้สนองคุณดูแลเมื่อยามแก่เฒ่า หลวงพ่อชื้น เล่าว่า พระธุดงค์องค์นี้ ชื่อ หลวงพ่อเสน เตชะธัมโม เป็นชาวโคราช อำเภอสูงเนิน มาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เล็ก ๆ กับพระยาท่านหนึ่ง ต่อมาได้อุปสมบทที่วัดบรมนิวาส ได้เล่าเรียนพระปริยัตธรรม วิปัสสนากรรมฐานอยู่กับ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) จนกระทั่งมีความคงแก่เรียน จึงได้ออกรุกขมูลธุดงค์หาความวิเวกไปตามสถานที่ต่าง ๆ จนกระทั่งบำเพ็ญเพียรถึงขั้นสูงสุดหลวงพ่อชื้น เล่าว่า ท่านได้ส่งกระแสจิตถึงกันอยู่เสมอ เพียงแต่นึกถึงกัน ก็สนทนากันได้แล้ว และหลังจากนั้นอีก 5 ปี พระอาจารย์เสน เตชะธัมโม ก็มรณภาพ ในท่านั่งสมาธิอยู่บนภูเขาแห่งหนึ่ง ในอำเภอสูงเนิน เมื่อหลวงพ่อชื้นทราบข่าว ก็ขึ้นไปทันที กว่าจะหาศพพบ ก็เป็นเวลา 7 วัน ปรากฏว่านั่งมรณภาพในขณะสมาธบำเพ็ญเพียรอยู่ในซอกหิน ศพไม่เน่าเปื่อยเหมือนคนหลับธรรมดา สัตว์ป่า หรือ มด แมลง ก็มิได้มาไต่ตอมหลวงพ่อชื้น ท่านก็ได้ช่วยทำการฌาปนกิจอย่างสมเกียรติ แล้วจึงเดินทางกลับ

    - หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา ยังบอกว่า "ถ้าข้าไม่อยู่แล้ว ให้ไปกราบพี่ชื้น วัดญาณเสน"

    - หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา ยังได้บอกศิษย์ว่า ให้ไปทำบุญกับหลวงปู่ชื้น จ.อยุธยา

    - หลวงปู่พรหมา เขมจาโร ยังให้ลูกศิษย์ที่เป็นฤาษี มาเก็บพระหลวงปู่ชื้น

    - หลวงปู่แหวน วัดดอกแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ ยังเคยเอ็ดเอากับชาวอยุธยาว่า "ใกล้เกลือกินด่าง" หมายความว่า ชาวอยุธยาผู้นั้นเดินผ่านวัดหลวงปู่ชื้นกลับไม่รู้ว่ามีเพชรแท้อยู่หน้าบ้านตัวเอง แต่กลับไปกราบหลวงปู่แหวน ซึ่งห่างไปตั้งหลายร้อยกิโล

    - ผมเคยถามท่านด้วยตัวเองว่า พระของหลวงปู่กันนิวเคลียร์ได้ใช่ไหมครับ (เคยได้ยินมาก่อนหน้านี้) ท่านตอบว่า "ได้" และบอกอีกว่า นิวเคลียร์เป็นพลังทางโลกจะสู้พลังทางธรรมไม่ได้!

    สภาพสวยเดิมใหม่กริ๊บพร้อมกล่องเดิมๆ เก็บเก็บไม่ผ่านการบูชา พิมพ์คมโค้ดชัดลึก พุทธคุณครอบครบ แบ่งให้บูชา 345 บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)

    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com
    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • XommfV.jpg
      XommfV.jpg
      ขนาดไฟล์:
      454.8 KB
      เปิดดู:
      254
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2023
  10. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,712
    ค่าพลัง:
    +14,083
    2607.สุดยอดมวลสารเส้นพระเจ้า(๑) พระสมเด็จปรกโพธิ์ รัชกาลที่9
    ลป.สี,ลพ.แดง,ลพ.กวย,ลป.ทิม,ลป.ดู่,ลป.ฝั้น,ลพ.เอีย มหาพิธีพุทธาภิเษก

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    XDHiGg.jpg


    v1p8uj-jpg-jpg.jpg

    พระสมเด็จปรกโพธิ์ รัชกาลที่9 วัดพระมหาธาตุ จังหวัดเพชรบุรี เนื้อผงมหาพุทธคุณ ผสมเส้นพระเจ้า พระราชทาน(พระเกศา) หลังยันต์โต๊ะกัง ดำเนินการจัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2508 ออกในปี พ.ศ.2512

    มวลสารศักดิ์สิทธิ์
    - เส้นพระเจ้าของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
    - ผงหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์ ที่ท่านลบไว้สมัยที่จำพรรษาที่วัดปากทะเล เพชรบุรี
    - ผงพระสมเด็จวัดบางขุนพรหม กรุปี 2500 ของสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี
    - ได้รับมอบผงพุทธคุณพระอาจารย์ชื่อดังมากมาย อาทิเช่น ผงพุทธคุณหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ ผงพุทธคุณหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ผงพุทธคุณหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีเป็นต้น

    พระสมเด็จปรกโพธิ์ รัชกาลที่9 วัดพระมหาธาตุ สร้างตามสูตรพระสมเด็จบางขุนพรหม ปี 2509 โดยพระครูบริหารคุณวัตร (หลวงพ่อชม) อดีตเจ้าอาวาสวัดบางขุนพรหมถวายมวลสารให้หลายปี๊บ สร้างเป็น 2 พิมพ์ คือพิมพ์พระสมเด็จและพิมพ์พระสมเด็จปรกโพธิ์ ประกอบด้วยพิมพ์พระสมเด็จ 4 บล็อก และพิมพ์สมเด็จปกโพธิ์อีก 3 บล็อก

    พิธีพุทธาภิเษก
    ณ. พระอุโบสถ วัดพระมหาธาตุ เพชรบุรี จัดว่ายิ่งใหญ่นัก เป็นการชุมนุนพระเกจิชื่อดัง อาทิ
    - หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ
    - หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
    - หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม
    - หลวงพ่อทบ วัดชนแดน
    - หลวงปู่ฝั้น วัดป่าอุดมสมพร
    - หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง
    - หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล
    - หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน
    - หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    - หลวงพ่อเขียว วัดทรงหลบน
    - หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    - หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
    - หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
    - หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร
    - หลวงพ่อผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขต
    - หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่
    - หลวงปู่ทิม วัดพระขาว
    - หลวงปู่ทิม วัดช้างไห้
    - หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาค
    - หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
    - หลวงพ่อท้วม วัดเขาโบสถ์
    - หลวงพ่อพาน วัดโป่งกะสัง
    - หลวงพ่อตัด วัดชายนา
    - หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง
    - หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว
    - หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
    - หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว
    - พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง
    - พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน
    - พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา
    - พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว เป็นต้น

    พระสมเด็จและพระสมเด็จปรกโพธิ์ รัชกาลที่9 จึงเป็นพระสมเด็จที่เพียบพร้อมด้วย พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ และทรงไว้ซึ่งพระบารมี เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักบริหาร นักธุรกิจ ข้าราชการ พ่อค้า และประชาชนโดยทั่วไป



    สภาพสวยเดิมพิมพ์คมชัดลึก สุดยอดมวลสารมหาพิธีใหญ่ แบ่งให้บูชา 550 บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)




    (คุณshaj จองแล้วครับ)





    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com
    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2022
  11. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,068
    ค่าพลัง:
    +6,449
    ขอจองครับ
     
  12. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,502
    ค่าพลัง:
    +30,845
    หวัดดีครับ.jpg
     
  13. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,712
    ค่าพลัง:
    +14,083
    2608.กระเทือนทั้งสามแดนโลกธาตุ(ใหญ่ใบลาน๒) หลวงปู่ทวดรุ่นโพธิญาณมหามงคล9
    หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด เมตตาอธิษฐานจิต 2วาระ

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    6gmj-jpg.jpg

    ntrels-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg

    1eef9c5f35927033d9cbacbc467e20df-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg

    e4372c285d3415217c06bfd1cd0a20f8-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg

    พระผงหลวงปู่ทวด รุ่นโพธิญาณมหามงคล 9 พิมพ์ใหญ่ เนื้อสีดำแก่ผงใบลาน สร้างจากเนื้อว่านมงคล 108 ผสมผงครูบาอาจารย์เกษา โรยด้วยผงตะไบชนวนโลหะเก่า ฝังแผ่นโค๊ตทองเหลืองรูปดอกบัว 1 โค้ด ดำเนินการจัดสร้างขี้นเมื่อปี พ.ศ.2542 โดยหลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก วัดป่าวิเวกธรรม อ.เมือง จังหวัดขอนแก่น พิมพ์ใหญ่เนื้อดำ 1โค้ด จำนวนสร้าง 8,150องค์

    *** ในส่วนของข้อมูลที่หลวงตาอธิษฐานจิตให้ตามที่มีข้อมูลแพร่หลายอย่างกว้างขวางหรือไม่ ผมconfirm ว่าหลวงตาอธิษฐานจิตให้อย่างเต็มเปี่ยม เนื่องจากได้มีโอกาสมาอยู่ขอนแก่น และได้มีโอกาสพบกับคณะกรรมการวัดป่าวิแวกธรรมในสมัยนั้นอายุ70กว่าปีแล้ว ท่านเล่าให้ฟังว่าหลวงตาท่านมาหาหลวงปู่บุญเพ็งแบบเป็นการภายในบ่อยเป็นประจำ และท่านได้อธิษฐานจิตให้มีพยานรู้เห็นหลายท่าน " ได้รับฟังอย่างนี้ด้วยตัวเองผมหมดข้อกังขาทุกประการในมงคลวัตถุรุ่นนี้ และหวังพึ่งพุทธคุณได้อย่างสนิทใจครับ " *** เจตนาการสร้างบริสุทธิ์เพื่อการบุญทั้งสิ้นนะครับ ถ้าไม่มีงานบุญปกติหลวงปู่ไม่ดำริสร้างพระเครื่องอยู่แล้วครับ

    วัตถุประสงค์ :
    - เพื่อหาปัจจัยสมทบทุนสร้างศาลากลางน้ำ และซ่อมแซมพระอุโบสถที่ชำรุดของ วัดป่าวิเวกธรรม


    มงคลวัตถุที่จัดสร้าง
    - พระผงหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ รุ่นโพธิญาณ9
    - เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่บุญเพ็ง วัดป่าวิเวกธรรม
    - พระพุทธชินราช วัดป่ากู่ทอง รุ่น2


    วาระการเมตตาอธิษฐานจิต
    - โดยหลวงปู่บุญเพ็งได้นิมนต์องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปัณโณ อธิฐานจิต 2วาระ ณ วัดป่าวิเวกธรรม อ.เมือง จังหวัดขอนแก่น
    ครั้งที่1 : วันที่ 28 กรกฎาคม 2542 (วันเข้าพรรษา)
    ครั้งที่2 : วันที่ 19 กันยายน 2542 (วันที่ 9 เดือน 9 ปี 99 )


    - เมตตาอธิษฐานจิตตามอัธยาศัยโดย หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโกณ ณ. วัดป่าวิเวกธรรม อ.เมือง จังหวัดขอนแก่น

    การจัดสร้างพระพุทธชินราช วัดป่ากู่ทอง รุ่น2
    - หลังจากหลวงตาเททองหล่อพระประธานจะมีเนื้อชนวนล้นที่เกินมาจากเบ้า หลวงปู่ให้นำไปผสมทองแดง แล้วนำไปทำรุ่นสองเพื่อให้แตกต่างจึงอุดฐาน พร้อมนำสายสิญจ์ที่หลวงตาฯจับมาตัดแบ่งแล้วอุดครับ แต่ร่นนี้หลวงตาฯก็รับทราบครับ เพราะหลวงตาฯมาที่วัดหลวงปู่


    โดยในช่วงนั้นมีคนนำพระหลวงปู่ทวดโพธิญาณ ทำมาถวาย หลวงปู่ท่านเลยห่อผ้าขาวล้อมสายสิญจ์ และห่อผ้ารวมกับชินราชรุ่นสอง พอหลวงตาฯมาที่วัดพอดีเห็นห่อผ้าเด็มไปหมดเลยถามว่าคืออะไร หลวงปู่ท่านก็ตอบว่าพระจะนำไปแจกงานวันครบรอบวันเกิด หลวงตาฯก็ไม่ว่าอะไร พร้อมตรงไปกราบพระที่โต๊ะหมู่และมีสายสิญจ์ล้อมจากพระประธานไปที่กองผ้าอยู่

    หลวงตาฯท่านก็กราบสามครั้ง แล้วบอกว่าที่เรากราบสามครั้งนี้กระเทือนทั้งสามแดนโลกธาตุ แล้วหลวงตาฯก็ไม่พูดอะไรต่อ ดังนั้นชินราชรุ่นสอง พร้อมพระหลวงปู่ทวดรุ่นโพธิญาณ จึงเป็นพระที่หลวงตาฯรับรู้เช่นกันครับ

    และในเรื่องสร้างพระของหลวงปู่บุญเพ็งนี้ เคยมีคนนำไปฟ้องหลวงตาฯว่าหลวงปู่บุญเพ็ง โดยหวังว่าหลวงตาฯจะดุหลวงปู่แต่ปรากฎว่า หลวงตาท่านพูดว่า "เป็นจริต วาสนา ของตาเพ็งเค้า เค้าชอบแบบนั้นก็ให้เค้าทำเถอะ เค้ามีเจตนาดี"

    สรุปมงคลวัตถุนี้ล้วนมีความศักดิ์สิทธิ์และดีทุกทาง ทั้งเนื้อมวลสารในการจัดสร้าง บวกกับพ่อแม่ครูอาจารย์ที่อธิษฐานจิตให้ทั้ง2องค์ คือองค์หลวงตามหาบัว และหลวงปู่บุญเพ็ง เป็นพระอริยะเจ้าผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ซึ่งหายากยิ่งนักที่จะได้พบปรากฏการณ์เช่นนี้ โดยปกติแล้วองค์หลวงตามหาบัวท่านไม่ใช่จะอธิษฐานจิตให้ง่ายๆนะครับ

    สภาพสวยเดิม เก่าเก็บไม่ผ่านการบูชา เจตนาการสร้างบริสุทธิ์เพื่อการบุญทั้งสิ้นนะครับ ถ้าไม่มีงานบุญปกติหลวงปู่ไม่ดำริสร้างพระเครื่องอยู่แล้วครับ พุทธคุณครอบครบ เป็นศิริมงคลแก่บรรดาลูกศิษย์เพื่อหวังพึ่งพระพุทธคุณได้อย่างสนิทใจ แบ่งให้บูชา 450 บาท(พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)

    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com
    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
  14. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,712
    ค่าพลัง:
    +14,083
    2609.สุดยอดมวลสารเส้นพระเจ้า(๓) พระสมเด็จปรกโพธิ์ รัชกาลที่9
    ลป.สี,ลพ.แดง,ลพ.กวย,ลป.ทิม,ลป.ดู่,ลป.ฝั้น,ลพ.เอีย มหาพิธีพุทธาภิเษก

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    XsXOEb.jpg

    v1p8uj-jpg-jpg-jpg.jpg

    พระสมเด็จปรกโพธิ์ รัชกาลที่9 วัดพระมหาธาตุ จังหวัดเพชรบุรี เนื้อผงมหาพุทธคุณ ผสมเส้นพระเจ้า พระราชทาน(พระเกศา) หลังยันต์โต๊ะกัง ดำเนินการจัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2508 ออกในปี พ.ศ.2512

    มวลสารศักดิ์สิทธิ์
    - เส้นพระเจ้าของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
    - ผงหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์ ที่ท่านลบไว้สมัยที่จำพรรษาที่วัดปากทะเล เพชรบุรี
    - ผงพระสมเด็จวัดบางขุนพรหม กรุปี 2500 ของสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี
    - ได้รับมอบผงพุทธคุณพระอาจารย์ชื่อดังมากมาย อาทิเช่น ผงพุทธคุณหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ ผงพุทธคุณหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ผงพุทธคุณหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีเป็นต้น

    พระสมเด็จปรกโพธิ์ รัชกาลที่9 วัดพระมหาธาตุ สร้างตามสูตรพระสมเด็จบางขุนพรหม ปี 2509 โดยพระครูบริหารคุณวัตร (หลวงพ่อชม) อดีตเจ้าอาวาสวัดบางขุนพรหมถวายมวลสารให้หลายปี๊บ สร้างเป็น 2 พิมพ์ คือพิมพ์พระสมเด็จและพิมพ์พระสมเด็จปรกโพธิ์ ประกอบด้วยพิมพ์พระสมเด็จ 4 บล็อก และพิมพ์สมเด็จปกโพธิ์อีก 3 บล็อก

    พิธีพุทธาภิเษก
    ณ. พระอุโบสถ วัดพระมหาธาตุ เพชรบุรี จัดว่ายิ่งใหญ่นัก เป็นการชุมนุนพระเกจิชื่อดัง อาทิ
    - หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ
    - หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
    - หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม
    - หลวงพ่อทบ วัดชนแดน
    - หลวงปู่ฝั้น วัดป่าอุดมสมพร
    - หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง
    - หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล
    - หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน
    - หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    - หลวงพ่อเขียว วัดทรงหลบน
    - หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    - หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
    - หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
    - หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร
    - หลวงพ่อผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขต
    - หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่
    - หลวงปู่ทิม วัดพระขาว
    - หลวงปู่ทิม วัดช้างไห้
    - หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาค
    - หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
    - หลวงพ่อท้วม วัดเขาโบสถ์
    - หลวงพ่อพาน วัดโป่งกะสัง
    - หลวงพ่อตัด วัดชายนา
    - หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง
    - หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว
    - หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
    - หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว
    - พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง
    - พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน
    - พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา
    - พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว เป็นต้น

    พระสมเด็จและพระสมเด็จปรกโพธิ์ รัชกาลที่9 จึงเป็นพระสมเด็จที่เพียบพร้อมด้วย พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ และทรงไว้ซึ่งพระบารมี เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักบริหาร นักธุรกิจ ข้าราชการ พ่อค้า และประชาชนโดยทั่วไป



    สภาพสวยเดิมพิมพ์คมชัดลึก สุดยอดมวลสารมหาพิธีใหญ่ แบ่งให้บูชา 550 บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)




    (คุณJae จองแล้วครับ)






    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com
    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2022
  15. สิริพงษ์

    สิริพงษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2017
    โพสต์:
    312
    ค่าพลัง:
    +327
    จองครับ
     
  16. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,712
    ค่าพลัง:
    +14,083


    -jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg
     
  17. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,712
    ค่าพลัง:
    +14,083
    2610.ช่อกรรมการหายาก 1ใน19ช่อ(๒) พระเศรษฐีนวโกฏิเทพประทานทรัพย์
    หลวงปู่คำบุ วัดกุดชมพู ทายาทพุทธาคมสายตรง ลป.รอด แห่งวัดทุ่งศรีเมือง


    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    X2iG2D.jpg


    hwmprq-jpg-jpg.jpg
    พระเศรษฐีนวโกฏิเทพประทานทรัพย์ รุ่นสุดยอดจริงๆครอบจักรวาล หล่อโบราณ ช่อกรรมการ(ตัดแบ่งภายหลัง) หลวงปู่คำบุ วัดกุดชมพู อำเภอพิบูลย์มังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี เนื้อสัตตโลหะผสมชนวนโบราณเก่า จำนวนการสร้างเพียง 19ช่อ ดำเนินการจัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2553

    ชนวนศักดิ์สิทธิ์
    - มวลสารกระกริ่งเก่าและรูปหล่อพระเกจิอาจารย์ดัง
    - มวลสารแผ่นจาร ทองเก่าแผ่นจารจากเกจิอาจารย์ดังทั่วปณะเทศ อาทิ เช่น หลวงปู่นาม แห่งเมืองสุพรรณ หลวงปู่ดี หลวงปู่รวย หลวงพ่อเพิ่ม หลวงพ่อพูล พระอาจารเสนาะ ครูบาทันใจ พระมหาสุรศักดิ์ , พระอาจารย์ติ๋ว พระอธิการใจ พระอาจารย์ชำนาญ พระอาจารแหว๋ว พระอาจาร์สำราญ และยังมีอีกมากมาย ฯลฯ

    โดยได้ทำการเสกมาตลอดระยะเวลาที่เก็บมวลสารมา และได้รับเมตตาจากพระเกจิย์ดังจากทั่วสารทิศเข้าร่วมหล่อพระเศรษฐีนวโกฏิครั้งนี้ ทางคณะกรรมการจัดสร้างได้ตระเวนเสกแผ่นชนวนแผ่นจารตามประสงค์ทุกอย่าง จึงได้นำมาหลอมเป็นวัตถุมงคลอันล้ำค่า

    วาระการพุทธาภิเษก
    - ได้ทำการเดินสายพุทธภิเษกจากพระเกจิอาจารย์ดังทั่วประเทศ ใช้เวลาเป็นปี ๆ
    ด้วยฤกษ์การเสก 9 วันเสาร์ 9 วันอังคาร 9 วันพระขึ้น 15 ค่ำ 9 วันพระแรม 15 ค่ำ

    อานิสงส์การบูชา
    เชื่อว่าจะอำนวยลาภผลโภคทรัพย์ ร่ำรวยมั่งมีทรัพย์ จักเป็นผู้มีอำนาจบารมี ยังผลให้เป็นผู้ที่เจริญในโภคทรัพย์ เงินทอง การงานต่างๆ สิ่งที่พึงปรารถนาพึงสำเร็จก้าวหน้ามั่นคงมั่งมีตลอดกาล และปกปักรักษาให้บ้านเรือนร่มเย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรือง ป้องกันภยันตรายสิ่งไม่ดีไม่งามต่างๆ และเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ ทุกภพ ทุกชาติไป



    ประวัติหลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภู จ.อุบลราชธานี
    " หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต" เป็นพระสงฆ์ที่เล่าขานกันว่าทรงคุณพุทธาคมเข้มขลัง แห่งวัดกุดชมภู ต.กุดชมภู อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ท่านเป็นศิษย์สายตรงของพระครูวิโรจน์รัตโนมล (หลวงปู่รอด นันตโร) แห่งวัดทุ่งศรีเมือง และอดีตเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี พระเกจิอาจารย์ผู้มีความเข้มขลังมีพลังจิตสูง

    ประวัติหลวงปู่คำบุ ชาติภูมิ หลวงปู่คำบุถือกำเนิดเกิด ณ บ้านกุดชมภู เมื่อวันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2465 ตรงกับวันจันทร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ปีจอ เกิดในตระกูล คำงาม โยมบิดา-มารดา ชื่อนายสาและนางหอม คำงาม ครอบครัวทำนาทำสวน หลวงปู่คำบุ ปัจจุบันท่านอายุ 86 ปี มีชื่อ-นามสกุลเดิมว่า คำบุ คำงาม ท่านเป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 6 คน กาลต่อมาท่านเจริญวัยขึ้น มีอายุอันสมควร บิดามารดาได้ให้บรรพชาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดกุดชมภู โดยมี พระครูญาณวิสุทธิคุณ (กอง) วัดตากโพธิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ภายหลังบวชท่านได้มีโอกาสเดินทางไปกราบไหว้ พระครูวิโรจน์รัตโนมล (หลวงปู่รอด นันตโร) วัดทุ่งศรีเมือง เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานีและได้รับความเมตตาโอบอ้อมอารีจากหลวงปู่รอดเป็นอย่างยิ่ง

    อุปนิสัยของสามเณรคำบุ เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้จึงมีโอกาสได้พบกับพระอาจารย์รอด วัดบ้านม่วง ผู้เป็นศิษย์อุปัฏฐากหลวงปู่รอด นันตโร แห่งวัดทุ่งศรีเมือง ด้วยเหตุนี้พระอาจารย์รอดจึงได้อยู่รับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่รอดจวบจนท่านได้ มรณภาพลง พระอาจารย์รอดก็กลับมาพำนักพักที่วัดบ้านม่วงตามเดิม กล่าวสำหรับพระอาจารย์รอด วัดบ้านม่วง ท่านเป็นพระที่มีวิทยาคมแก่กล้า พระอาจารย์รอดเป็นคนบ้านเดียวกันกับสามเณรคำบุ (สมัยบวชเณร) จึงมีความคุ้นเคยกันมาก่อน ด้วยความที่สามเณรคำบุเป็นผู้มีนิสัยสงบเรียบร้อย ใจเย็นมีเหตุมีผล เหตุนี้เองพระอาจารย์รอด จึงได้ถ่ายทอดวิทยาคมคาถาต่างๆ ที่ได้ร่ำเรียนมาแก่สามเณรคำบุตั้งแต่นั้นเรื่อยมา จวบจนถึงวัยอุปสมบทเป็นพระภิกษุ จึงอุปสมบท เมื่อปี พ.ศ.2486 ได้รับฉายาว่า "คุตตจิตโต" มีพระครูสาธุธรรมจารี (สา) วัดดอนจิก เป็นพระอุปัชฌาย์

    ครั้นบวชเป็นพระแล้ว หลวงปู่คำบุท่านยังคงแวะเวียนไปร่ำเรียนสรรพวิชาเวทมนตร์คาถาอาคมต่างๆ กับพระอาจารย์รอด ที่วัดบ้านม่วงอยู่เป็นประจำ ได้ศึกษาศาสตร์วิชาต่างๆ จากตำรา จนมีความชำนาญแตกฉานจึงออกเดินธุดงค์เพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ หลวงปู่คำบุได้มีโอกาสร่ำเรียนวิชาวิปัสสนากรรมฐานและวิทยาคมจากพระอาจารย์ที่มีความ ชำนาญด้านพระคาถาต่างๆหลายรูปจนวิชาแกร่งกล้า จึงได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่ วัดกุดชมภูจนถึงปัจจุบัน มีเรื่องน่าสนใจอยู่ตอนหนึ่ง เนื่องจากพระอาจารย์รอดท่านเป็นพระที่ร้อนวิชาชอบลองวิชาอยู่เสมอ เมื่อร่ำเรียนวิชาอาคมแขนงใดได้ก็จะนำมาทดสอบหรือทดลองวิชานั้นอยู่เป็นประจำ มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านได้สำเร็จวิชาหุงสีผึ้งมหาเสน่ห์ แล้วทำการทดลองปรากฏว่าบรรดาญาติโยมทั้งหญิงและชายแห่เข้ามาที่วัดเพื่อมาขอ สีผึ้งมหาเสน่ห์จากท่านอย่างมากมาย จนไม่มีเวลาประกอบกิจสงฆ์อันใดได้ ท่านจึงย้ายมาอยู่กับพระภิกษุคำบุ ที่วัดกุดชมภูและได้เขียนตำราเพื่อมอบให้กับพระภิกษุคำบุไว้ศึกษาเล่าเรียน สืบต่อไป
    พระภิกษุคำบุได้ศึกษาศาสตร์วิชาต่างๆ จากตำราจนมีความชำนาญแตกฉาน จึงออกเดินจารึกธุดงค์เพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ ได้มีโอกาสร่ำเรียนสายวิชาวิปัสสนากรรมฐานและวิทยาคมต่างๆ ในสายของท่านสำเร็จลุน แห่งวัดเวิ่นไชย เมืองปาเซ นครจำปาสัก พระผู้ทรงอภิญญา นอกจากการศึกษาวิชาทางด้านวิปัสสนากรรมฐานแล้ว สรรพวิชาอาคมทุกแขนง หลวงปู่คำบุท่านก็มีความชำนาญและได้หมั่นศึกษาฝึกฝนอยู่เป็นประจำ ตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ ปัจจุบัน หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต วัดกุดชมภู มีอายุถึง 86 ปี แต่ยังคงให้ความเมตตาศิษยานุศิษย์อย่างสม่ำเสมอ ในทุกวันอังคาร เสาร์ และอาทิตย์ ท่านจะประกอบพิธีลงเหล็กจารอักขระธรรมอักษรลาว ลงบนแผ่นหลังของบรรดาลูกศิษย์ที่เดินทางมาจากสถานที่ต่างๆ ด้วยความเมตตา

    การจารอักขระธรรมลงแผ่นหลังของหลวงปู่คำบุ ถือเป็นกุศโลบายทางธรรมเพื่อบ่งบอกถึง "ความประมาทเป็นบ่อเกิดแห่งความตายหรือความหายนะ" ดังนั้นควรตั้งมั่นไม่ให้อยู่ในความประมาท ที่สำคัญถ้าท่านได้จารอักขระธรรมได้ครบถึง 7 ครั้ง ว่ากันว่าอักขระธรรมจะฝังลึกถึงกระดูกและถ้าประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งของครูบาอาจารย์อย่างเคร่งครัดแล้ว จะอยู่ยงคงทน ต่อศาสตราวุธทั้งปวง สำหรับพระเครื่อง-วัตถุมงคลของหลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต วัดกุดชมภู ที่สร้างขึ้นมานั้นมีมากมายหลายรุ่น ส่วนใหญ่มักได้รับความนิยมจากนักสะสม โดยรุ่นล่าสุด "เมตตา โภคทรัพย์ กลับดวง" ปัจจัยสมทบทุนหล่อเนื้อนาบุญหลวงปู่คำบุ ร่วมสร้างวิหารธรรมเจดีย์ศรีชมภู ฤกษ์มงคลผสมสูตรหล่อเม็ดนวโลหะ เมื่อวันอังคารขึ้น 1 ค่ำ เดือน 11 วันที่ 30 กันยายน 2551 เททองเบ้าทุบ ตั้งแต่วันอาทิตย์ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 12 ที่ 9 พ.ย.2551 เวลา 11.59 น. อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวครั้งที่ 1 เมื่อวันพุธขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 วันที่ 12 พ.ย.2551 เวลา 19.19 น. " หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต"อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว ครั้งที่ 2 วันอาทิตย์แรม 11 ค่ำ เดือน 12 วันที่ 23 พ.ย.2551 เวลา 19.19 น. ข่าวพระเครื่อง

    พระครูพิบูลนวกิจ หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต วัดกุดชมภู มรภาพด้วยอาการสงบ ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา14:51 นาที ณ.โรงพยาบาลศิริราช สิริอายุได้91ปี คณะศิษยานุศิษย์จะเคลื่อนสรีระสังขารหลวงปู่ออกจากโรงพยาบาลศิริราชในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 09.00 น. ไปยังวัดวิหารเจดีย์ศรีชมพู (วัดกุดชมภู) อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี

    คอลัมน์ อริยะโลกที่ 6
    อนุชา ทรงศิริหน้า 31 ที่มาหนังสือพิมพ์ข่าวสด



    สภาพสวยเดิมเก่าเก็บไม่ได้ใช้ ไม่หักไม่ซ่อม ช่อกรรมการหายากมากสร้างน้อย ของดีพุทธคุณล้นฟ้าราคหลักร้อย แบ่งให้บูชา 270 บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)

    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com

    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
  18. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,712
    ค่าพลัง:
    +14,083



    $$$$$ ปิดรายการแล้วครับผม $$$$$




    2611.ของดีนิตยสารสายสิญจน์ ชนวนเข้มเสกขลัง(๒)
    เหรียญพระพุทธชินสีห์ ลป.ดู่,ลพ.จรัล,ลพ.ตาบ,ลป.คร่ำ ปลุกเสกประจุพลัง

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ

    เหรียญพระพุทธชินสีห์ เนื้อโลหะผสมชนวนแผ่นยันต์มากมาย รมน้ำตาล จัดสร้างโดย นิตยสารสายสิญจน์ ดำเนินการจัดสร้างขึ้นเมื่อ ปีพ.ศ.2529 เพื่อเป็นสมนาคุณแจกให้แก่ผู้อ่าน

    เนื้อโลหะหลากหลายวรรณะ พื้นผิวขรุขระนิดๆ ตามสูตรเนื้อชนวนที่นำมาหลอม แล้วถึงจะนำมารีดเป็นเเผ่นโลหะสำหรับปั้มเป็นเหรียญ ดูเข้มขลังไปอีกแบบ

    แล้วได้ขอความเมตตาจากพระเถราจารย์จำนวน 7 รูปอธิษฐานจิตปลุกเสก ดังรายนามต่อไปนี้
    1)พระพุทธวรญาณ วัดกวิศราราม ลพบุรี เมื่อครั้งยังเป็น พระธรรมญาณมุนี
    2)หลวงพ่อจรัล วัดอัมพวัน สิงห์บุรี
    3)หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา
    4)หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า ระยอง
    5)หลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง สระบุรี
    6)หลวงพ่อเฮ็น วัดดอนทอง สระบุรี
    7)หลวงพ่อสนิท วัดพระเชตุพน กทม.


    ข้อมูลจาก สวนขลัง



    สภาพหิ้งเก่าเก็บ พุทธคุณคงไม่ต้องบรรยายแล้วหละครับประสบการณ์สูง เมตตา โชคลาภ เจริญโภคทรัพย์ดีนักแล แบ่งให้บูชา 444 บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)

    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com
    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • X6Sy22.jpg
      X6Sy22.jpg
      ขนาดไฟล์:
      344.5 KB
      เปิดดู:
      395
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2024
  19. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,712
    ค่าพลัง:
    +14,083
    2612.ผิวหิ้งเก่าเก็บของดีที่ถูกลืม ลป.หมุน เสก 9วัน9คืน
    พระสมเด็จทรงเครื่อง วัดช้าง ลป.หมุน,ลป.ลมัย,ลป.ทอง อธิษฐานจิตมหาพิธี

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    Xn1RS2.jpg

    พระสมเด็จทรงเครื่อง พระครูธวัชภัทราภรณ์(ธงชัย) หรือ อาจารย์ต๊ะ อดีตเจ้าอาวาสลำดับที่9 วัดช้าง จังหวัดนครนายก ( ท่านเป็นผู้สืบทอดตำนานการสร้าง “พระกริ่งใหญ่ วัดช้าง” อันลือลั่น จากท่านอาจารย์นิรันดร์(อ.หนู) แดงวิจิตร อาจารย์ต๊ะท่านเป็นพระหลานชายของ อ.หนู และ มีเกี่ยวพันเป็นอย่างดีกับทางวัดสุทัศน์) พระอาจารย์ต๊ะรูปนี้ไม่ธรรมดานะครับ ท่านเป็นผู้คงแก่เรียน ท่านศึกษาสรรพวิชามากมายหลายแขนง เรียกได้ว่าใครอยกาเจอของจริงๆ ต้องท่านเลย และที่สำคัญท่านละสังขารไป 5ปีสรีระไม่เน่าไม่เปื่อย

    เนื้อผงพุทธคุณ หลัง ปั๊มโค้ดตัวหนังสืออักษร (วัดช้าง ) ดำเนินการจัดสร้างขึ้น เมื่อปีพ.ศ.2544 นำเข้าพิธีไหว้ครู ที่วัดสุทัศน์เทพวราราม กทม.



    พิธีพุทธาภิเษก
    วาระที่ : 1
    - หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน อธิฐานปลุกเสกก่อนงานพิธีไหว้ครู วัดสุทัศน์เทพวราราม 9 วัน 9 คืน


    วาระที่ : 2
    - ประกอบพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ พิธีไหว้ครู วัดสุทัศน์เทพวราราม
    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2544 อธิษฐานจิตปลุกเสก โดย


    1. หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน อายุ 107 ปี พระปรมาจารย์อมตะมหาเถระ 5 แผ่นดิน
    2. หลวงปู่ลมัย ฐิตมโน อายุ 102 ปี สำนักสงฆ์สวนสมุนไพร เพชรบูรณ์ พระผู้เชี่ยวชาญในกสิณสมาบัติ และวิชาปรอท เล่นแร่แปรธาตุ
    3.หลวงปู่ทอง อายุ 96 ปี วัดจักรวรรดิ กทม. สหธรรมิกร่วมสมัยกับหลวงปู่หมุน ผู้เคยทดลองวิชาอาคมในยุคอินโดจีน

    พระเครื่องรุ่นนี้ ท่านเจ้าคุณ วัดสุทัศน์ เตรียมไว้แจกแก่ผู้ที่มาร่วมงานพิธีไหว้ครูในครั้งนี้

    ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก
    - เว็บไซต์สายตรง พระเครื่องหลวงปู่หมุน
    - https://tnews.teenee.com/weird/8472.html
    - https://www.komchadluek.net/amulet/152400



    พระครูธวัชภัทราภรณ์(อ.ต๊ะ)
    พระครูธวัชภัทราภรณ์(ธงชัย) หรือ อาจารย์ต๊ะ อดีตเจ้าอาวาสวัดช้าง ท่านเป็นผู้สืบทอดตำนานการสร้าง “พระกริ่งใหญ่ วัดช้าง” อันลือลั่น เป็นที่รู้จักกันดีในวงการผู้ที่นิยมพระกริ่งในเมืองไทย ทั้งนี้พระกริ่งวัดช้างถือเป็นพระกริ่งที่มีความเป็นมาเกี่ยวพันกับท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช(แพ) วัดสุทัศน์เทพวราราม อดีตพระเถระผู้เรื่องวิทยาคมอีก รูปหนึ่งของชาวอำเภอบ้านนา นครนายก

    ประวัติพอสังเขป
    พระอาจารย์ต๊ะ วัดช้าง บ้านนา เมื่อสมัยท่านเป็น เลขารองเจ้าคณะอำเภอบ้านนา ในสมัยที่ พระครูภัทรกิจโกศล (ภู) ท่านได้ศึกษาท่องจำตำราของท่านอาจารย์เทพ สาริกาบุตร วันหนึ่งในขณะที่อยู่ในโบสถท่านก็ได้ท่องมนต์ของอาจารย์เทพ สาริกาบุตรอยู่นั้น หลวงพ่อภูท่านได้เดินมาในโบสถ์ท่านได้ยิน อาจารย์ต๊ะกำลังท่องมนต์อยู่นั้น หลวงพ่อภูท่านบอกให้ไปหาที่กุฏิท่านหลังจากทำวัตรเย็นเสร็จแล้ว อาจารย์ต๊ะก็ได้ไปพบตามที่นัดหม ายไว้ หลวงพ่อภูท่านก็ให้ไปหยิบใบพลูมา 1 ใบ แล้วท่านก็ถาม อาจารย์ต๊ะว่าจะเอาเปรี้ยวหรือเอาหวาน อาจารย์ต๊ะท่านตอบว่าเอาหวาน หลวงพ่อภูท่านก็เอาใบพลูมาฉีกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ท่านหยิบส่วนแรก แล้วเสกลงในส่วนนั้น ส่งให้ อาจารย์ต๊ะ ท่านเคี้ยว ปรากฏว่ารสชาติออกมาหวาน แล้วท่านก็เสกลงที่ใบพลูส่วนที่เหลือแล้วให้ อาจารย์ต๊ะเคี้ยวปรากฏว่ารสเปรี้ยว ด้วยเหตุนั้นมาทำให้อาจารย์ต๊ะท่านเกิดความตั้งใจขอเรียนวิชากับ หลวงพ่อภูมาโดยตลอดทุกวันหลังทำวัตรเย็นเสร็จ จนสามารถสืบทอดสรรพวิชาจากหลวงพ่อภูมาอย่างมากมายทั้งทางตรงและทางอ้อม

    หลังจากนั้นต่อมาท่านติดตาม หลวงพ่อภูไปนั่งปรก พุทธาพิเษกวัตถุมงคลตามวัดวาอารามต่างๆที่ได้รับนิมนต์ ในยุคสมัยนั้น จนท่านอาจารย์ต๊ะได้มีโอกาสไปพบกับ หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ ผู้โด่งดังแห่งยุคในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระนารายณ์ พระบุตร – ลบ หนุมาน ราชสีห์ ท่านก็ไปขอศึกษาร่ำเรียนวิชา พระนารายณ์ หนุมาน และวิชาสักยันต์ จากหลวงพ่อมาโดยตรง และนอกเหนือจากนั้นท่านร่ำเรียนวิชา เสกปลัดขิกจาก ปู่พาน ศิษย์ฆราวาสคนเดียวของหลวงพ่อเกิด วัดสะพาน ตำรานี้เป็นตำราของหลวงพ่อเหลือวัดสาวชะโงก

    ต่อมาท่านเดินทางไปเรียนวิชา ทำตะกรุดหน้าผากเสือ และเสกเสือ จาก หลวงพ่อขวัญ วัดอรุณ ฯ ท่านได้เรียนมาจากหลวงปู่นาค และฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ
    หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา ตามให้ท่านไปเรียนกับท่าน (เจ้าตำหรับ 5 ม)
    หลวงพ่อทองใบ วัดสายไหม ท่านไปเรียน วิชาทำน้ำมนต์ เสกนะ หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ ท่านก็ไปฝากตัวเป็นศิษย์ และต่อมา อาจารย์นิรันดร์ แดงวิจิตร ผู้เป็นตาเคยเรียก อาจารย์ต๊ะท่านไปอาบน้ำมนต์ครอบครูวิชาและตำราเทพระกริ่ง ให้เมื่อ ลอยกระทงปี 36 และปี 40 หลังจากนั่งปรกวัดสุทัศน์เทพวรารามเสร็จแล้ว

    และได้เรียนตำราเสกช้าง เพิ่มเติมจากตำราเก่าของวัดช้าง จาก หลวงพ่อฉาบ วัดคลองจันทร์ จังหวัดชัยนาถ
    อีกทั้งท่านได้ร่ำเรียนวิชาลงตะกรุดบังปืนใบลานจากหลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ ราชบุรี พระเกจิอาจารย์แห่งลุ่มแม้น้ำแม่กลอง จากหลวงพ่อมาโดยตรงอีกมายมาย และไปมาหาสู่เป็นประจำ หลวงพ่อสง่าท่านรักและเมตตา อาจารย์ต๊ะเป็นอย่างมาก ที่มีงานพุทธาพิเษกพระกริ่งของทางวัดช้างครั้งใด หลวงพ่อท่านจะเมตตามานั่งปรกให้ทุกครั้ง
    ท่านไปศึกษาโหราศาสตร์ กับพระมหาณัฐพงษ์ ฐิตปญฺโญ วัดชำนิหัตถการ (วัดสามง่าม) เชิงสะพานยศเส ปทุมวัน กรุงเทพฯ

    และคาดว่าท่านยังศึกษาวิชาต่าง ๆ จากพระเกจิอาจารย์อื่น ๆ อีกมากมาย ที่มิได้กล่าวมาข้างต้น
    จากหลักฐานรูปถ่ายพิธีปลุกเสกพระกริ่งของท่านไม่ว่ารุ่นใดในอดีต พระเถระคณาจารย์ที่ท่านให้ความเคารพนับถือ ที่นอกเหนือจากที่กล่าวมานั้น โดยมี หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม นครปฐม หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ หลวงพ่อถนอม วัดสุทัศน์ พระอาจารย์สาท (โม่ง) ธรรมโชติ วัดขนอนเหนือ ศิษย์และมีศักดิ์เป็นหลานชายแท้ ๆ ของหลวงพ่อพรห์ม วัดขนอนเหนือ และพระเถระสายสำนักวัดสุทัศน์เทพวราราม อีก หลาย ๆ รูป ด้วยกัน ที่มิได้เอ่ยนาม ก็เป็นพระเถระคณาจารย์ที่ท่านให้ความเคารพนับถือ และกราบอาราธนามานั่งปรกในมณฑลพิธีพระกริ่งวัดช้างของท่าน
    นับว่าเป็นที่น่าเสียดายที่ท่านมาด่วนจากไป เนื่องจากสุขภาพร่างกายท่าน มีโรคประจำตัวแทรกซ้อนมากมาย ทั้งเบาหวาน ความดัน ก่อนการเดินทางแพทย์ประจำตัวของท่านตรวจรักษาโรคประจำตัว และกำชับว่าไม่อยากให้เดินทางในช่วงนี้ แต่เนื่องจากอุปนิสัยของพระอาจารย์ท่านมักเป็นคนดื้อรั้น ไม่อยากผิดคำพูดที่รับปากว่าจะไป และท่านก็ไม่ได้นำยาที่ฉันประจำ ติดไปจึงทำให้ท่านมิอาจทนกับความทุกข์ทรมานในร่างกายของท่านได้ ท่านระสังขารไปอย่างรวดเร็วโดยที่คณะศิษย์ยานุศิษย์ของท่านทุกคนมิทันตั้งตัว อย่างไรก็ตามสิ่งที่ท่านหลงเหลือไว้ก็เป็นคุณความดี และหลวงพ่อดำศักดิ์สิทธิ์ ที่ท่านตั้งใจจัดสร้างขึ้นมาให้ชาวอำเภอบ้านนา ได้กราบไหว้บูชา อยู่ทุกวันนี้

    ท่านพระครูธวัชภัทราภรณ์ หรือพระอาจารย์ต๊ะ เข้าดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดช้างลำดับ ที่ ๙ หลังจากที่พระจารย์ต๊ะ เข้ารับตำแหน่งแล้ว ก็ได้ดำริที่จะให้มีการจัดสร้างพระกริ่งใหญ่ของวัดช้าง ขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่มีเคยการจัดสร้างพระกริ่งใหญ่วัดช้างขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งการสร้างพระกริ่งใหญ่วัดช้างในครั้งนั้น เกิดขึ้นโดยท่านอาจารย์นิรันดร์ แดงวิจิตร หรืออาจารย์หนู ได้กราบทูลขอท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช(แพ) ให้มีการสถาปนา จัดสร้างพระกริ่งวัดช้างขึ้นมา เพื่อหารายได้มาใช้ในการก่อสร้างโรงเรียนวัดช้าง ซึ่งองค์สมเด็จพระสังฆราช(แพ) ก็ทรงพระเมตตา ประทานอนุญาต ตามคำกราบทูลขอ และได้ดำเนินจัดสร้างขึ้น โดยกำหนดให้มีการเททองหล่อพระกริ่ง ขึ้นในวันเพ็ญกลางเดือนสิบสอง ปีพุทธศักราช ๒๔๘๔ ซึ่งตรงวันประสูติของสมเด็จพระสังฆราช(แพ) และทรงเสด็จพระดำเนินมาเป็นองค์ประธานในพิธี ณ พระอุโบสถวัดสุทัศน์ฯ อีกด้วย

    การจัดสร้างพระกริ่งใหญ่วัดช้าง ขึ้นอีกในครั้งนี้ แต่เดิมพระอาจารย์ต๊ะดำริที่จะจัดสร้างรูปหล่อจำลององค์หลวงพ่อดำซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยของวัดสุทัศน์ฯ ให้ประดิษฐานอยู่ที่วัดช้างเพื่อให้ประชาชนโดยทั่วไปได้กราบไว้บูชา การจัดสร้างองค์หลวงพ่อดำนั้น อาจารย์ต๊ะ ได้ให้ช่างออกแบบขยายใหญ่ ขนาดหน้าตัก ๙ ศอก สูง ๑๓ ศอก แต่การจัดสร้างมีอุปสรรคมากมาย เริ่มตั้งแต่การปั้นหุ่นพระ ก็ต้องปั้นแล้วปั้นอีก เป็นเวลานานถึง ๒ ปีจึงสามารถปั้นจนแล้วเสร็จ แล้วจึงได้ทำพิธีเททองหล่อองค์หลวงพ่อดำ ซึ่งต่อมาพระเดชพระคุณพระวิสุทธาธิบดี เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ ประทานพระนามว่า “หลวงพ่อพระพุทธมหามุณีศรีวรเขตนายก สาธกสรรพมงคลมหาชนอภิปูชะนี”

    เมื่อหลวงพ่อดำ สร้างแล้วเสร็จ ก็มีปัญหาตามมาเนื่องจากหลวงพ่อดำเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการสร้างวิหารครอบ แต่ยังขาดทุนทรัพย์อีกเป็นจำนวนมากในการก่อสร้าง พระอาจารย์ต๊ะจึงได้ตั้งจิตอธิฐานขอให้พบกับผู้มีบุญมีจิตศรัทธามาร่วมสร้างบุญกับท่าน

    แล้วท่านก็สมความปรารถนา เมื่ออาจารย์ต๊ะได้พบกับพระวิสุทธาธิบดี เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ จึงได้ปรึกษาหารือถึงการก่อสร้างวิหารครอบหลวงพ่อดำ ซึ่งเป็นช่วงที่ทางวัดสุทัศน์ฯ กำลังจะจัดสร้างพระกริ่งจักรพรรดิ เพื่อฉลองชนมายุ ๗๑ พรรษาของพระวิสุทธาธิบดี พระอาจารย์ต๊ะจึงได้ถวายตำราและแนะนำให้พระเดชพระคุณเจ้าอาวาสวัดสุทัศน์เทพวราราม ได้ทำการเฉลิมพระนามพระพุทธเจ้า เพิ่มจากเดิมในสมัยกรมหลวงมรุพงษ์ศิริพัฒน์ รวมเป็น ๖๗๒ พระนาม ทั้งยังรับอาสาเป็น-านในการจาร “พระนามแดง” ( เป็นภาบาลีขอม) ลงในใต้ฐานองค์พระกริ่งจักรพรรดิ

    นอกจากนี้ยังได้ถวายมณฑลพิธีวัดช้างให้เป็นสถานที่เททองหล่อพระกริ่งจักรพรรดิ อีกทั้งพระอาจารย์ต๊ะ ยังได้ถวายชนวนมวลสาร แร่ธาตุของพระกริ่งรุ่นเก่าของวัดสุทัศน์ ที่ท่านอาจารย์หนู ผู้เป็นคุณตาเก็บรักษาไว้ ให้นำไปหล่อเป็นพระกริ่งจักรพรรดิ ซึ่งมีทั้งชนวนก้าน ชนวนแผ่นและชนวนเม็ด จำนวนเป็นกระสอบๆ

    จนถึงวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ พุทธศักราช ๒๕๔๔ ณ ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช(แพ) คณะ ๖ วัดสุทัศน์เทพวราราม ซึ่งเป็นวันไหว้ครูของท่านอาจารย์นิรันดร์(หนู) ซึ่งในวันนั้นตรงกับวันสถาปนาพระกริ่งวัดช้าง (พ.ศ.๒๔๘๔) ซึ่งเป็นรุ่นแรก และยังตรงกับวันประสูติของสมเด็จพระสังราช(แพ) อีกด้วย โดยในวันนั้นพระวิสุทธาธิบดี ได้มีเมตตาอนุญาตให้พระอาจารย์จัดสร้างพระกริ่งวัดช้าง ขึ้นมาอีก ๑ รุ่น รวมทั้งมอบต้นแบบพิมพ์พระกริ่งใหญ่ ให้กับพระอาจารย์ต๊ะ และท่านอาจารย์หนูไปจัดสร้างพระกริ่งใหญ่วัดช้าง โดยมีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ
    ๑.เพื่อเป็นอนุสรณ์ครบรอบ ๖๐ ปี ที่อาจารย์นิรันดร์(หนู)ได้ทูลขอท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช(แพ) ให้มีการสถาปนาพระกริ่งวัดช้างขึ้น ณ.วัดสุทัศน์เทพวราราม พุทธศักราช ๒๔๘๔
    ๒. เพื่อมอบเป็นพุทธานุสรณ์ให้แก่พุทธศาสนิกชนที่ร่วมทำบุญ สนับสนุนการสร้างพระพุทธรูปใหญ่และวิหาร วัดช้าง
    ๓. เพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนา
    ในค่ำคืนวันนั้นพระครูวัชภัทราภรณ์ หรือพระอาจาร์ต๊ะและพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคม ได้ร่วมกันการจารแผ่นพระยันต์ ๑๐๘ เพื่อเตรียมไว้ในการทำพิธีเททองหล่อพระกริ่งใหญ่วัดช้าง และมีพิธีพุทธาภิเษกน้ำทิพย์มนต์ ที่พระวิสุทธาธิบดีได้จัดถวายน้ำสรงรูปเหมือนท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช(แพ) ณ พระอุโบสถวันสุทัศน์เทพวราราม หลังเสร็จพิธี ได้มีการแจกน้ำทิพย์มนต์ในคืนศิวาราตรีนั้นให้แก่พุทธศาสนิกชนที่มาร่วมในพิธีกันเป็นจำนวนมากอีกด้วย

    จากนั้นในวันที่ ๒๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๕ ตรงกับวันเสาร์ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ ปีมะเส็ง มงคลฤกษ์ ๑๘.๕๕ น.ได้ประกอบพิธีเททองหล่อพระกริ่งใหญ่วัดช้าง โดยทำพิธีเททองหล่อร่วมกับพิธีเททองหล่อพระกริ่งจักรพรรดิและเททองหล่อพระพุทธรูปใหญ่องค์หลวงพ่อดำ(ส่วนพระเกศ) ซึ่งมีพระเดชพระคุณพระวิสุทธาธิบดี เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์เทพวราราม เป็นองค์ประธานในพิธี

    เมื่อทำการเททองหล่อพระกริ่งใหญ่วัดช้างเรียบร้อยแล้ว จึงได้ทำการประกอบพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ ๒-๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๕ โดยพระวิสุทธาธิบดี เป็นองค์ประธาน มีพระเถรานุเถระผู้ทรงวิทยาคมร่วมพิธีจำนวนมาก ซึ่งพระกริ่งใหญ่วัดช้างรุ่นนี้ได้ทำการบรรจุเกศาและผงพุทธคุณของพระเดชพระคุณพระวิสุทธาธิบดีไว้ทุกองค์ มีจำนวนทั้งสิ้น ๒๕๔๕ องค์ แบ่งเป็นแบบก้นถ้วย ๕๖๐ องค์ และก้นเรียบ ๑๙๘๕ องค์
    หลังจากเสร็จพิธีพุทธาภิเษก แล้วมีการเปิดให้ประชาชนบูชา ปรากฏว่าได้มีคลื่นประชาชนจำนวนมาก ต่างหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศเพื่อเช่าบูชาพระกริ่งใหญ่ จนบริเวณวัดและบริเวณใกล้เคียงเนืองแน่นไปด้วยศาสนิกชน นับเป็นเหตุการณ์สำคัญอีกครั้งหนึ่งที่ได้มีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของวัดช้าง

    เมื่อองค์จำลองพระพุทธรูปใหญ่(หลวงพ่อดำ)ได้มีการหล่อเสร็จสมบูรณ์ จากเงินรายได้ในการให้บูชาพระกริ่งใหญ่วัดช้าง อันถือเป็นความภาคภูมิใจและเป็นวาระอันเป็นมหากุศลอย่างยิ่งของพระอาจารย์ต๊ะ หรือ พระครูธวัชภัทราภรณ์ ที่ได้ตั้งมั่นในการดำเนินการจัดสร้าง จึงเป็นเสมือนการยกภูเขาออกจากอก จนท่านถึงกับเคยเอ่ยปากกับคนใกล้ชิดว่า “ภาระเสร็จแล้ว สบายแล้ว จะไปแล้ว จะไปพักผ่อนแล้ว ” ซึ่งหลังจากที่ท่านพระอาจารย์ปรารภเพียงไม่กี่วัน คือวันที่ ๒๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕ ท่านก็เดินทางไปอย่างสงบด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลัน สิริรวมอายุได้ ๓๔ ปี โดยทิ้งผลงานและคุณงามความดีไว้ให้ลูกศิษย์ลูกหาได้กราบไหว้มาจนปัจจุบันนี้

    เมื่อท่านพระอาจารย์ต๊ะมรณภาพลงแล้ว คณะกรรมการวัดช้างและลูกศิยษ์ที่เคารพนับถือ จึงได้ตกลงร่วมกันให้เก็บสังขารของท่านบรรจุไว้ในโลงศพ แล้วทำพิธีสวดพระอภิธรรมติดต่อกันตลอดมา เป็นเวลานานเกือบ ๕ ปี และมีกำหนดพระราชทานเพลิงศพในวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ แต่ก่อนจะถึงกำหนดวันพระราชทานเพลิง คือวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ คณะกรรมการและลูกศิษย์ของท่านจึงได้ทำพิธีเปิดโลงศพของท่าน แล้วทุกคนก็ต้องตกตะลึง เมื่อพบว่าสังขารของพระอาจารย์ต๊ะที่นอนสงบนิ่งอยู่ในโลงมานานกว่า ๔ ปี กลับไม่เน่าเปื่อย หรือมีกลิ่นเหม็น ร่างของท่านเพียงแค่แห้งไปเท่านั้น

    ท่านพระครูโสภณนาคกิจ อาจารย์เดช เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน จึงได้นำแผนทองคำเปลวมาปิดที่ใบหน้าของพระอาจารย์ต๊ะ และเปิดให้ประชาชนเข้ามาสักการะบูชา เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป บรรดาผู้ที่เคารพนับถือต่างเดินทางมากราบสังขารของท่านกันเป็นจำนวนมาก

    ซึ่งทางวัดก็ได้จัดให้ประชาชนเข้ามากราบไหว้เป็นเวลา ๑ วัน รุ่งขึ้นวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ เวลา ๑๖.๐๐ น.จึงได้ประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพท่านพระครูธวัชภัทราภรณ์ ท่ามกลางประชาชนผู้มีจิตเคารพศรัทธาในองค์พระอาจารย์มาร่วมในพิธีนับหมื่นคน
    ข้อมูล พระครูโสภณนาคกิจ อ.เดช



    สภาพผิวหิ้งเก่าเก็บ พิมพ์คมชัดลึก ของดีราคาเยาว์ พุทธคุณล้นฟ้าราคาหลักร้อย แบ่งให้บูชา 350 บาท(พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)




    (คุณshaj จองแล้วครับ)





    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com

    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2022
  20. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,712
    ค่าพลัง:
    +14,083
    2613.ยอดของดีของพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ
    พระสมเด็จ หลวงพ่อสร้อยบาตรโต พุทธคุณครอบจักรวาล

    คลิ้กเพื่อชมรูปใหญ่ครับ
    Xn15w9.jpg

    พระสมเด็จ หลวงพ่อสร้อย วิจาโร วัดเขาแก้ว (หลวงพ่อบาตรโต) จังหวัดสระบุรี เนื้อดินผสมผงพุทธคุณ จัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2503 หลวงพ่อสร้อย วิจาโร คือพระอรหันต์อีกหนึ่งรูปในนั้น ท่านมีฤทธิ์ไม่ด้อยไปกว่าใครเลย เพียงแต่ว่าปฎิปทาของท่านคือ ซ่อนตัวหลบเร้นซุกซ่อน เปรียบเหมือนช้างเผือกในป่าใหญ่ ไม่ได้ยุ่งสุงสิงกับใคร หากใครหาพระที่มีพลังวิเศษ พลังศักดิ์สิทธิ์ พระของหลวงพ่อสร้อยเนี่ยแน่นอน ท่านเสกเดี่ยว ประจุจนท่านมั่นใจ ท่านจึงแจกแก่ศิษย์ และท่านว่าการสร้างพระแต่ละอย่างแจกใครก็ตาม จะเสกส่งเดชทำเล่นไม่ได้ เสียชื่อครูบาอาจารย์ เพราะคนที่จะมาเป็นครูบาอาจารย์ คนที่เป็นลูกศิษย์เค้าเคารพนับถือคือมอบกายถวายชีวิตแขวนพระท่านด้วยความเคารพนับถือและศรัทธา หากทำไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์จริงไม่ขลังจริงเค้าเอาไปแขวนเอาไปตายเป็นอะไรไปท่านก็ว่าจะเป็นบาป ของของท่านเชื่อได้จริงขอให้มั่นใจได้ว่า ศักดิ์สิทธิ์จริงทำจริง ดีจริง ทั้งนอกและใจ เจตนาก็บริสุทธิ์

    หลวงพ่อสร้อย ... พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ
    เล่าโดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

    เคยพบพระองค์หนึ่งในสมัยปัจจุบันนี้ คือ พ.ศ. ๒๕๐๔ - ๒๕๐๕ ต่อกัน
    พระรูปนั้นมีชื่อว่า "พระสร้อย"
    ท่านบอกว่า ท่านเป็นชาวจังหวัดสระบุรี ไม่เคยเรียนหนังสือมาก่อนเลย
    แม้หนังสือไทยนี้ ปกติท่านก็อ่านไม่ออก

    ท่านว่าเมื่อท่านอายุได้ ๗ ปี มีพระในถ้ำเขตสระบุรีท่านหนึ่ง ไปเยี่ยมโยมท่านที่บ้าน
    เมื่อพระรูปนั้นจะกลับถ้ำ ได้ออกปากชวนท่านไปอยู่ด้วย
    ท่านก็ขออนุญาตโยมหญิง - ชายจะไปอยู่กับพระรูปนั้น
    โยมทั้งสองก็อนุญาตด้วยความเต็มใจ

    ท่านเล่าให้ฟังว่า
    เมื่อไปอยู่กับพระรูปนั้นก็ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ
    เพราะในถ้ำนั้นมีพระอยู่ ๒ - ๓ รูป
    ท่านบิณฑบาตกลับมาแล้ว ท่านฉันจังหันเสร็จ
    ต่างก็บูชาพระ แล้วนั่งภาวนากันตลอดวันตลอดคืน ไม่ใคร่มีเวลาพูดคุยกัน
    ท่านก็สอนให้ท่านอาจารย์สร้อยภาวนาด้วย ทำอยู่อย่างนั้นจนครบบวช
    พระที่ท่านพาไปก็พาออกมาบวชที่บ้าน บวชแล้วก็พากลับมาอยู่ถ้ำ นั่งภาวนาตามเดิม

    ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓ - ๒๕๐๔ ท่านป่วย
    ได้เดินธุดงค์มาปักกลดอยู่ที่บางกะปิ พระนคร
    ใครจะนิมนต์ท่านเข้าไปในชายคาบ้าน ท่านไม่ยอมเข้า
    ต่อมาพลเรือตรีสนิท เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือไปพบเข้า มีความเลื่อมใส
    นิมนต์ให้มารักษาตัวที่กรมแพทย์ทหารเรือ ให้พักอยู่ที่ตึก ๑ เป็นตึกคนไข้พิเศษ
    อาจารย์สร้อยนี่เป็น ... พระพิเศษ

    ปฏิปทาของท่านอาจารย์สร้อย ที่มาอยู่ที่กรมแพทย์ทหารเรือก็คือ
    ตอนเช้า ท่านจะต้องออกบิณฑบาตทุกวัน ท่านมีบาตรของท่านมาลูกหนึ่ง
    ไปยืนเอาบาตรแขวนไว้ ที่ต้นมะฮ็อกกานี
    ข้างประตูเข้ากรมแพทย์ทหารเรือ เวลาเข้าไป ไอ้ต้นนี้มันจะอยู่ซ้ายมือ ชิดประตู ต้นใหญ่มาก
    ยืนหลับตาประเดี๋ยว ... ก็เอาบาตรมา
    ตามปกตินายทหารประจำตึก เขาจะเก็บบาตรไว้
    แล้วเขาจะเช็ดจะขัดจะถูเป็นอย่างดี พอเช้าท่านจะมาเอา
    เขาตรวจดูว่า ไม่มีอะไรเขาก็ส่งมาให้
    เวลาท่านเอาบาตรไปแขวน ... ท่านก็ยืนหลับตา
    คนเขาผ่านไปผ่านมา มันไม่ใช่ป่านี่ คนเดินกันไขว่เทียว

    ตอนเช้า ทุกคนก็เห็นว่า ... ท่านยืนหลับตาเฉยๆ บาตรก็แขวนที่กิ่งมะฮ็อกกานี
    สักประเดี๋ยวหนึ่งท่านก็กลับ สะพายบาตรกลับไป ส่งให้นายทหารหัวหน้าตึก
    ก็ปรากฏว่า ... มีข้าว ประมาณ ๒ - ๓ ทัพพี
    แล้วมีดอกไม้แปลกๆ ๑ ดอกทุกวัน ดอกใหญ่เกือบจะเต็มบาตร
    แต่ไม่รู้ว่าดอกอะไร ไม่มีใครรู้จัก ... เป็นแบบนั้นทุกวัน

    สำหรับท่าน อาจารย์สร้อย ปรากฏภายหลังว่า ... รู้ภาษาได้ทุกภาษา
    มีนายทหารมาพูดแบบนั้น แล้วพูดถึงปฏิปทาบางอย่างของท่าน
    ดู ๆ แล้วคล้ายจะ ... ไม่ใช่พระธรรมดา
    ที่ว่า ... ไม่ใช่พระธรรมดา คือ คิดว่าพระองค์นี้จะเป็น "พระอริยเจ้า"
    เวลานั่งพูดคุยกับใคร ท่านไม่ได้นั่งหลับตาปี๋ ทำท่าเป็นคนเคร่งครัดมัธยัสถ์ไม่ใช่ยังงั้น
    แสดงตัวเป็นกันเองตามปกติ พูดแบบกันเองธรรมดาๆ
    แต่ว่าทรมานเอานายทหารไม่กินเหล้าไปหลายคน

    ฉันสงสัยเหลือเกินละว่า พระองค์นี้จะเป็น ... "พระอริยเจ้า"
    สำหรับ พระอริยเจ้า มีอยู่ ๔ ประเภทด้วยกัน
    ว่ากันเฉพาะ พระอรหันต์ คือมี
    - สุขวิปัสสโก
    - เตวิชโช ( วิชชา ๓)
    - ฉฬภิญโญ (อภิญญา ๖)
    - ปฏิสัมภิทัปปัตโต (ปฏิสัมภิทาญาณ)

    สำหรับพระอริยเจ้าที่เป็น ... พระสุขวิปัสสโก
    ประเภทนี้ ไม่มีบทบาทอะไรทั้งหมด
    หมายความว่า ละกิเลสได้แบบเงียบๆ
    ผีสางเทวดา ... ท่านก็ไม่เห็น
    นรกสวรรค์ ... ท่านก็ไม่เห็น
    แต่ว่า จิตสงัดจากกิเลส

    สำหรับท่าน "เตวิชโช"
    อันนี้ได้ ทิพยจักขุญาณ กับ ปุพเพนิวาสนุสติญาณ คือว่า
    สามารถจะเห็นผี เห็นเทวดา เห็นสวรรค์ เห็นนรก เห็นพรหมโลก เห็นนิพพาน ได้ตามอัธยาศัย
    แล้วก็สามารถระลึกชาติได้ ชาติของตัวเองเคยเป็นอะไรมาบ้างรู้หมด

    ต่อไปก็ "ฉฬภิญโญ" (อภิญญา ๖) อันนี้ ... แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้
    สำหรับ "ปฏิสัมภิทัปปัตโต" ก็แสดงได้อย่างกับท่านอภิญญา ๖
    แต่มีกรณีพิเศษโดยเฉพาะ เอาอย่างที่แปลกที่สุดคือ
    รู้ภาษาทุกภาษาโดยไม่ต้องเรียน นี่ก็ว่ากันอย่างย่อๆ
    รู้ภาษาทุกภาษาทั้งหมดโดยไม่ต้องเรียน
    ภาษาคน ภาษาสัตว์ ... รู้หมด

    ทีนี้สำหรับ "หลวงพ่อสร้อย" องค์นี้
    อาตมาสงสัยว่า จะเป็น พระอรหันต์ ขั้นปฏิสัมภิทัปปัตโต
    ก็เลยบอกบรรดาท่านนายทหารว่า เอายังงี้ก็แล้วกัน
    สำหรับพระอรหันต์มี ๔ แบบ สำหรับแบบอื่นเราจะพิสูจน์ได้ด้วยการทดลองอย่างอื่น
    แต่องค์นี้ฉันสงสัยว่เป็น ปฏิสัมภิทาญาณ

    ลองดูนะ ไม่แน่นัก ถามว่าพวกคุณนี่น่ะพูดภาษาอะไรได้บ้าง เอาภาษาที่ถนัด
    บางคนก็บอกว่า ภาษาอังกฤษผมเก่ง
    บางคนบอกว่า ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน
    ภาษาจีน เพราะเคยเป็นลูกจีน
    แล้วก็ภาษาแขก บังเอิญมีนายทหารแขกอยู่คนหนึ่ง พูดภาษาแขกเร็วปรื๋อ
    เรียกว่าได้กันหลายๆ ภาษา
    เมื่อได้กันแล้วซักซ้อมกันดีแล้ว ก็ส่งเข้าไปทีละคน
    คนไหนถนัดภาษาอะไร เข้าไปหาท่าน
    พูดภาษาแบบนั้น พูดภาษาที่ตนถนัด
    พอเขาเข้าไปพูด จะเป็น ... ภาษาอะไรก็ตาม
    หลวงพ่อสร้อย ... ตอบภาษานั้นได้อย่างชัดเจน
    คล้ายๆ กับเป็นเจ้าของภาษาเอง ทุกภาษา
    ในที่สุด พวกนายทหารถามว่า หลวงพ่อเรียนมาจากไหน
    ท่านบอกว่า ท่านไม่ได้เรียน
    อยู่ในถ้ำนั่น ... เจริญสมาธิมันเกิดความรู้สึกขึ้นเอง
    เขาถามว่า ในเมื่อเขาพูดภาษาอื่น หลวงพ่อมีความรู้สึกยังไง
    ท่านก็บอกว่า มีความรู้สึกเหมือนเขาพูดภาษาไทย
    เวลาที่จะตอบไปก็เหมือนกัน
    มีความรู้สึกว่า ... ตอบเป็นภาษาไทย
    นี่แหละท่านผู้ฟัง

    สำหรับ ท่านอาจารย์สร้อย ... มีกรณีพิเศษ แปลกแบบนี้
    แล้วต่อมาพวกนายทหารแจ้งให้ทราบว่า ท่านกำหนดเวลาตาย
    ท่านบอกว่า ใครจะเอาอะไรก็เอา ท่านจะตายเดือนนั้นเดือนนี้
    ถ้าจะต้องการอะไร ให้ไปหาท่านก่อน
    คนที่ไปก็ได้ของดีพิเศษมาทุกคน คือว่า
    มีคำสั่งมอบหมายสมบัติชิ้นสำคัญนั่นก็คือ
    ให้รู้จักเป็นคนมีจิตเมตตา ให้มีเมตตาเป็นปกติ มีกรุณา มีมุทิตา มีอุเบกขา
    แล้วก็มีการให้ทานการสงเคราะห์ รู้จักรักษาศีล
    สำหรับศีลอย่าให้ขาดตลอดชีวิต
    แล้วให้รู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะตาย

    นี่สมบัติชิ้นสุดท้าย ... ที่ "หลวงพ่อสร้อย" มอบให้แก่บรรดานายทหารที่มีความเคารพในท่าน
    และเมื่อพวกนายทหารได้รับมาแล้ว ก็มาบอกให้อาตมาทราบ
    อาตมาก็บอกว่า ... นั่นเป็นของดีที่สุด
    ที่คุณจะไปเอาพระ เอาตะกรุด อะไรนั่นก็ดีเหมือนกัน
    ถ้าหากพวกคุณแขวนพระไว้แต่คุณประพฤติตัวเป็นโจร พระท่านก็ไม่เอาด้วย
    เพราะหากว่าพระเป็นโจร พระก็ศีลขาด
    ถ้าหากว่า คุณเอาพระแขวนคอไว้แล้ว ... ใจคุณเป็นพระ
    หรือว่าคุณไม่มีพระแขวนคอ แต่ว่า ... ใจคุณเป็นพระ
    ถึงแม้ว่าร่างกายคุณเป็นฆราวาส แต่ "ใจคุณเป็นพระ" แล้ว
    ก็ชื่อว่า คุณเป็นพระทั้งตัว พระนี่แปลว่า ผู้ประเสริฐ


    สภาพสวยเดิมพระเนื้อดินกดพมิพ์โบราณ มีกดไม่ติดบ้างตามขอบตามมุมครับ พระไม่ช้ำเก่าเก็บไม่ได้ใช้ครับ พุทธคุณหายห่วง เมตตาค้าขาย โชคลาภมหานิยมดีนักแล แบ่งให้บูชา 440บาท (พร้อมจัดส่ง EMS อย่างดีครับ)




    (คุณMATHS จองแล้วครับ)






    คุณวิทมน สุ่มเกิด ธ.กรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัสอุตรดิตถ์ เลขที่ 6000088418
    โทร.086-0441367, Engineer0206nu@gmail.com
    *** ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และอุดหนุนผมครับ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2022

แชร์หน้านี้

Loading...