เสียงธรรม เข้าใจธรรมดาของโลก / หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

ในห้อง 'ธรรมเทศนาทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 4 กรกฎาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    รู้โลกแจ่มแจ้งจิตก็วางโลก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช

    สติธรรม
    Jul 11, 2022
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    ใจที่อยากพ้นโลกจะมีความพากเพียร :: หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 14 ส.ค. 2565

    Dhamma.com
    Aug 13, 2022
    ใจที่อยากพ้นโลกจะมีความพากเพียร :: หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 14 ส.ค. 2565
    พระมหากัสสปะท่านเคยตั้งข้อสังเกต ท่านพูดกับพระพุทธเจ้า ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมสมัยต้นพุทธกาลที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ๆ สอนธรรมะ พระอรหันต์มีมาก พระวินัยมีน้อย มาช่วงหลังๆ พระวินัยมีมากขึ้นๆ พระอรหันต์มีน้อยลงๆ ฉะนั้นความเป็นโลกของวัดต่างๆ มีมาตั้งแต่พุทธกาลแล้ว พวกอินทรีย์แก่กล้ามาพบพระพุทธเจ้า ฟังธรรม แล้วก็พวกนี้แสวงหาความพ้นทุกข์อยู่แล้ว อย่างพวกปัญจวัคคีย์ เขาอุตส่าห์บำเพ็ญตบะ บำเพ็ญโน้นบำเพ็ญนี้ เป็นนักบวชอยู่แล้ว อยากพ้นทุกข์ แต่ไม่รู้ทาง พอพระพุทธเจ้าชี้ทางให้ แต่ละองค์ก็ไปลิ่วเลย เพราะท่านเหล่านี้ท่านอยากพ้นทุกข์อยู่แล้ว พวกชฎิล 1 พันรูป มีหัวหน้าชื่ออุรุเวลกัสสปะ นทีกัสสปะ คยากัสสปะ พันองค์ ท่านก็เป็นนักบวช ท่านอยากพ้นทุกข์อยู่แล้วแต่ไม่รู้วิธีพ้นทุกข์ ใช้วิธีบูชาไฟเอา นั่งดูไฟไป ศาสนา Zoroastrian มีมานานแล้ว ก่อนพระพุทธเจ้าอีก บูชาไฟ คนเหล่านี้อยากพ้นทุกข์ พวกพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ 250 องค์ ท่านเป็นนักบวชชนิดปริพาชก พวกนี้ก็แสวงหาความพ้นทุกข์ ฉะนั้นในยุคต้นพุทธกาล คนที่แสวงหาความพ้นทุกข์เยอะ พระพุทธเจ้าท่านมุ่งเข้ามาที่คนกลุ่มนี้ก่อน ฉะนั้นบรรลุพระอรหันต์กันในเวลาอันรวดเร็ว ปรารถนาความพ้นทุกข์อยู่แล้วล่ะ พอรู้วิธีที่จะพ้นทุกข์คือทางสายกลาง ท่านก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

    หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
    วัดสวนสันติธรรม 14 สิงหาคม 2565

     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    รู้จักคำว่าหยุดเสียบ้าง :: หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 28 ส.ค. 2565

    Dhamma.com
    51,453 views Aug 29, 2022
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    06/02/2022 วางขันธ์ 5 เป็นลำดับไป (Let Go of the Five Aggregates Step by Step)

    Dhamma.com
    วางขันธ์ 5 เป็นลำดับไป :: หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 6 ก.พ. 2565

    ถ้าเราภาวนาเป็นเราจะรู้ การเรียงลำดับของพระพุทธเจ้านี้มีขั้นมีตอน เรียงขันธ์ ของที่หยาบที่สุดคือรูป แล้วก็ถึงนามธรรม นามธรรมก็มีส่วนที่หยาบ ส่วนที่ละเอียด เวทนาหยาบที่สุดเลย ดูง่าย ในนามธรรมทั้งหลาย เราค่อยๆ เรียนจากของหยาบที่สุดคือรูป มาเวทนา สัญญา สังขาร เราก็ค่อยแยกๆๆๆ ไปจนถึงตัวจิต เห็นรูปเห็นนามเป็นไตรลักษณ์นั่นล่ะ แล้วก็วางเป็นลำดับๆ ไป มันวางรูปได้ก่อน ตรงที่เห็นรูปไม่ใช่เรายังเป็นปุถุชนอยู่ ตรงที่เห็นรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณไม่ใช่เรา นั่นล่ะเป็นพระโสดาบัน ตรงที่เห็นความจริงว่ารูปไม่ควรยึดถือ เพราะมันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา นั้นล่ะได้พระอนาคามี ตรงที่วางจิตได้ หมดความยึดถือจิต มันก็เห็นจิตเองก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ตรงนั้นล่ะเป็นพระอรหันต์ วางขันธ์ได้สิ้นเชิง
    หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
    วัดสวนสันติธรรม
    6 กุมภาพันธ์ 2565
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    “นิวรณ์ 5” หรือตัวป่วนทั้ง 5 ขึ้นมาเหล่าใหม่ให้เข้าใจง่ายขึ้นดังนี้
    (1) ความอยาก (กามฉันทะ) หมายถึง ความอยากได้ของที่ปรารถนา พึงพอใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสที่ชอบ อยู่นิ่งกับอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งไม่ได้ ไม่พอใจกับสิ่งที่มีอยู่เรื่อยไป
    (2) ความโกรธ (พยาบาท) หมายถึง ความกลัดกลุ้ม ความไม่พอใจ เกลียดชัง หงุดหงิด เห็นอะไรก็ขัดใจไปหมด ใจเย็นได้ยาก
    (3) ความเหงา เซ็งหรือซึม (ถีนมิทธะ) หมายถึง อาการเซ็งๆ ซึมๆ แยกเป็นทางกายกับใจ อาการทางกาย คืออาการเซื่องซึม ง่วง อืดอาด มึนๆ อาการทางใจ คือความหดหู่ ห่อเหี่ยว ท้อแท้ เหงาและหงอย อาการทั้ง 2 อย่างทำให้ขาดความเพียรพยายาม

    (4) ความฟุ้งซ่าน วุ่นวายใจ (อุทธัจจกุกกุจจะ) หมายถึง ความฟุ้งซ่าน รำคาญ กระสับกระส่าย ใจมันวิ่งพล่าน ไม่หยุดนิ่ง คิดเห็นอะไรจึงไม่ชัดเจน ขณะที่ความวุ่นวายใจ คือการรู้สึกว่ามีอะไรทำให้ใจมันรำคาญ ระแวง กลุ้มกังวล ทั้ง 2 อย่างทำให้ “จิต” หมุนไปมาไม่รู้จักหยุด
    (5) ความลังเลสงสัย (วิจิกิจฉา) หมายถึง ความสงสัยไม่แน่ใจกับเรื่องต่างๆ ที่เขาว่าดีมีคุณค่า (ให้คุณค่ากับเรื่องดีๆ ไม่ได้) ไม่รู้จะเชื่อตามดีหรือไม่ ไม่รู้จะปฏิบัติตามดีหรือเปล่า ต้องตกอยู่บนทางแยกอยู่ตลอดเวลา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2023
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    ดับทุกข์ที่ตัวเหตุ :: หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 4 กันยายน 2565

    Dhamma.com
    Sep 3, 2022
    ดับทุกข์ที่ตัวเหตุ :: หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 4 กันยายน 2565


    ชาวพุทธเราเอาชนะความอยากด้วยปัญญา พระพุทธเจ้าท่านมองลงไปต่อ ว่าความอยากมันมาจากอะไร หลักของเราชาวพุทธ เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น จะมองไปว่า ต้นตอ ต้นเหตุของปัญหาคืออะไร แล้วเราก็ไปแก้ที่ต้นเหตุ นี่เป็นวิธีการของชาวพุทธ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏขึ้นมาเป็นผล มันก็ต้องมีเหตุ ชาวพุทธเราเวลามีปัญหา เราจะมองไปที่ต้นเหตุของปัญหา อะไรเป็นเหตุ แล้วไปแก้ที่เหตุ สิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุ ถ้าเหตุดับ สิ่งนั้นก็ดับ นี่เป็นธรรมะสำคัญ พื้นฐานเลยของเราชาวพุทธ การที่จะดับผล เราดับที่ตัวผลไม่ได้ พระพุทธเจ้าก็สอนอะไรเป็นเหตุของมัน แล้วก็สอนความดับ คือดับเหตุของมันนั่นล่ะ ถ้าเราดับเหตุของทุกข์ได้ ความทุกข์มันก็ดับ ฉะนั้นเราต้องดับที่ตัวเหตุ นี่คำสอนของพระพุทธเจ้า

    หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
    วัดสวนสันติธรรม
    4 กันยายน 2565
     
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    อุบายของครูบาอาจารย์ :: หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 17 กันยายน 2565

    Dhamma.com
    Sep 16, 2022

    อุบายของครูบาอาจารย์ :: หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 17 กันยายน 2565
    บางคนภาวนาแล้วก็เห็นโลกพระนิพพาน อันนั้นเป็นนิมิต บางท่านท่านเข้าใจความจริง อย่างบางองค์ท่านภาวนาดี แต่ท่านชอบพูดถึงโลกนิพพาน อันนั้นเป็นอุบายให้เราอยากได้นิพพานไปก่อน แล้วพอเราเจริญสติปัฏฐานมากๆ เราไม่ยึดรูป ไม่ยึดนาม ก็รู้จักนิพพานตัวจริงได้ เป็นอุบายของท่านบางองค์ พระพุทธเจ้าท่านบอกตรงไปตรงมาที่สุดเลย แล้วพวกเรารับไม่ค่อยได้ ท่านบอก “นิพพานไม่มีดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่มีอากาศ ไม่มีช่องว่าง ไม่มีวิญญาณ ไม่มีความไม่มีอะไรเลย ไม่มีพระอาทิตย์ ไม่มีพระจันทร์ ไม่มีกลางวัน ไม่มีกลางคืน” ฟังแล้วไม่น่าอยู่เลย กลางวันก็ไม่มี กลางคืนก็ไม่มี มันอยู่ใน Twilight Zone หรืออย่างไร มันคิดแต่จะอยู่ มันไม่เคยรู้จักสิ่งซึ่งเหนือรูปธรรมนามธรรมขึ้นไป พอฟังแล้วมันรับไม่ได้ ครูบาอาจารย์รุ่นหลังๆ ก็เลยหลอกๆ เอา สร้างอะไรที่ปลุกเร้าให้ก้าวไปข้างหน้า อย่างทำวัตถุมงคลมาเพื่อให้เรารักษาศีล เพื่อให้เรานั่งสมาธิ แล้วก็สอนโน่นสอนนี่ เห็นนรก เห็นสวรรค์ เพื่อเราจะได้ไม่ได้ทำผิดศีล เป็นอุบายมากมาย ถ้าเรามัวแต่ติดอุบาย เราก็ไปไหนไม่ได้หรอก แหวกอุบายไม่ออก ถ้าแหวกออกก็จะเข้าใจร้อง โอ๊ย สติปัญญาครูบาอาจารย์ไม่ธรรมดา สอนคนโง่ๆ อย่างเราให้ก้าวหน้าขึ้นมาได้ ด้วยอุบายวิธีของท่านมากมาย แต่พอเราเข้าใจแล้ว มันมีวิธีที่ลัดสั้นที่สุดเลย ไม่เห็นจะต้องอ้อมค้อมมาไกลแสนไกล ลัดสั้นเลยก็คือเรียนรู้เข้ามาที่จิตเลย กุศลเกิดที่จิต อกุศลเกิดที่จิต มรรคผลเกิดที่จิต ไม่ได้เกิดที่อื่นหรอก มรรคผลไม่ได้เกิดที่ดิน น้ำ ไฟ ลม กุศลไม่ได้เกิดที่ดิน น้ำ ไฟ ลม อกุศลก็ไม่ได้เกิดที่ดิน น้ำ ไฟ ลม มันเกิดที่จิตนี้ล่ะ ฉะนั้นถ้าเราภาวนา สุดท้ายมันจะตัดตรงเข้ามาที่จิต
    หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
    วัดสวนสันติธรรม

    17 กันยายน 2565
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    หลวงพ่อปราโมทย์ แสดงธรรม ณ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 20 มี.ค. 2559

    Dhamma.com
    Mar 30, 2016
     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    ความอยากเป็นเจ้านายตัวร้ายกาจ :: หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 11 กันยายน 2565

    Dhamma.com
    Sep 10, 2022
    ความอยากเป็นเจ้านายตัวร้ายกาจ ::

    หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 11 กันยายน 2565
    ความอยากมันเป็นเจ้านายที่มองไม่เห็นตัว มันบงการให้จิตใจของเราวิ่งพล่านๆ ไปตลอดเวลา เป็นตัวร้ายกาจมาก จิตใจของเรานั้นตกเป็นทาสของตัณหามาแต่ไหนแต่ไร คือตกเป็นทาสความอยาก แต่เราไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น บางคนถึงขนาดอหังการ บอกว่าฉันนี่ไม่มีใครมาสั่งฉันได้เลย ฉันเป็นอิสระอย่างแท้จริง มีอำนาจในตัวเอง มีเงิน มีทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีใครมีอำนาจเหนือฉันได้หรอก ในมุมมองของนักปฏิบัติ สิ่งที่มีอำนาจเหนือจิตใจของคนทั้งหลายคือตัวตัณหา มันสั่งเราตลอดเวลา เราสังเกตตัวเองเรียนรู้ตัวเองเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ความอยากเกิดขึ้น ความทุกข์จะเกิดขึ้นเสมอ ตัณหาเป็นผู้สร้างภพ ภพไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ทุกข์ทั้งสิ้น ฉะนั้นสิ่งที่ตัณหามันสร้างขึ้นมาคือทุกข์นั่นเอง ความอยาก ไม่ว่าเล็กน้อยแค่ไหนเกิดขึ้น ความทุกข์เกิดขึ้นทุกที ยิ่งความอยากรุนแรง โอกาสที่ความทุกข์จะรุนแรงก็มาก ความอยากรุนแรงก็ดิ้นๆๆ อย่างแรง ถ้าความอยากเบาบาง โอกาสที่จะเกิดความทุกข์ มันก็เบาบางลง ไม่มีความอยาก ก็ไม่มีโอกาสที่จะเกิดความทุกข์ทางจิตใจ ตัณหาทำให้เราเกิดความทุกข์ทางใจ แต่ทางร่างกายมันเกิดมาแล้ว มันเป็นวิบาก แก้ไม่ได้แล้ว มันมีร่างกายอยู่ ร่างกายนี้ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย อันนี้แก้ไม่ได้ อย่างไรก็ต้องแก่ อย่างไรก็ต้องเจ็บ อย่างไรก็ต้องตาย การที่เราเจริญวิปัสสนากรรมฐาน คอยมาดูกายมาดูใจบ่อยๆ เพื่อให้จิตมันยอมรับความจริงของกายของใจได้ ถ้าจิตมันยอมรับความจริงได้ ว่ามันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ มันเป็นอนัตตา อะไรเกิดขึ้นกับกาย อะไรเกิดขึ้นกับใจ มันจะไม่ทุกข์หรอก เพราะตัณหามันไม่เกิด
    หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
    วัดสวนสันติธรรม
    11 กันยายน 2565
     
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    รู้ตัวทั่วพร้อม :: หลวงพ่อปราโมทย์ วันที่ ๗ เม.ย. ๒๕๖๑ (610407A ซีดี ๗๕)

    Dhamma.com
    May 11, 2018
    ขณะนี้ร่างกายเราหายใจอยู่ รู้สึกไหม รู้สึกมันทั้งตัว เห็นตัวนี้กำลังหายใจอยู่ ดูสบายๆ ตัวนี้หายใจออกก็รู้ ตัวนี้หายใจเข้าก็รู้ ดูไปสบายๆ รู้มันทั้งตัว รู้ตัวทั่วพร้อม ไม่ใช่รู้แต่ลม หรือจะดูอิริยาบถ ๔ ยืน เดิน นั่ง นอน ก็เห็นทั้งตัว ยืน เดิน นั่ง นอน อย่างขณะนี้ ทั้งตัวเรานั่งอยู่ รู้สึกไหม ขณะนี้นั่งอยู่ รู้สึกไหม รู้สึกยากไหมว่านั่ง ไม่เห็นจะยากอะไรเลย นั่งอยู่ก็รู้ว่านั่งอยู่ พระพุทธเจ้าสอนง่ายๆ "ภิกษุทั้งหลาย เมื่อนั่งอยู่ ให้รู้ชัดว่านั่งอยู่" รู้ชัดๆ รู้สบายๆ รู้อย่างถูกต้อง ว่าตัวที่นั่งอยู่มันเป็นรูป มันนั่ง ใจเราเป็นคนดู มันจะมีใจที่เป็นคนดูขึ้นมา เราจะฝึกจนได้ใจที่เป็นคนดู คือใจที่เป็นพุทโธ ผู้รู้นั่นเอง ผู้รู้ รู้อะไร รู้รูป รู้นาม

    -- พระธรรมเทศนาหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม
    วันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๑
    ไฟล์ 610407A ซีดีแผ่นที่ ๗๕
     
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    22/08/2020 ธรรมะของพระพุทธเจ้าชัดเจนแจ่มแจ้ง (The Buddha’s Dhamma is clear and lucid)

    Dhamma.com
    Aug 21, 2020
    ธรรมะของพระพุทธเจ้าชัดเจนแจ่มแจ้ง :: หลวงพ่อปราโมทย์ 22 ส.ค. 2563 (ไฟล์ 630822 ซีดี 87)

    พระพุทธเจ้ามีสัพพัญญุตญาณ มีญาณทัศนะครอบคลุมหมดแล้ว สิ่งที่ท่านเลือกมาสอนเรา ไม่ใช่ธรรมะทั้งหมดที่ท่านรู้ แต่ท่านเลือกมาสอนเราเท่าที่จำเป็น ที่มีประโยชน์ ที่เราทำได้ ฉะนั้นสิ่งที่ท่านเลือกมาให้แล้วนั้น เราก็เรียนตามพวกนี้ ง่ายดี ถ้าอาจารย์รุ่นหลังเลือกมาให้เรา มันจะสับสนวุ่นวาย อย่างบางอาจารย์เขาบอกให้เราไปขอขมา แก้กรรมโน้นแก้กรรมนี้ แล้วจะภาวนาดี แค่เชื่อว่าคนนั้นเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเรา ก็ต้องฟังคนอื่นแล้ว ฟังคนอื่นเขาบอก คนนี้ล่ะเจ้ากรรมนายเวรของเรา ชาวพุทธเราไม่มีอย่างนั้น ธรรมะของพระพุทธเจ้าชัดเจนแจ่มแจ้ง ไม่มีความกำกวม ถ้ายังมีกำกวม ใช่เหรอๆ ไม่ใช่ของพระพุทธเจ้าแล้ว ธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่มีความกำกวม ยกตัวอย่าง ถ้าเรามีอบายมุข กินเหล้า กินยาเสพติด เที่ยวเตร่เฮฮาปาร์ตี้ทุกคืน เพลิดเพลินดู เดี๋ยวนี้ดูซีรีส์ ดูทีไรก็ดูโต้รุ่งเลย อย่างนี้มันเจริญได้ไหม ในทางธรรมไม่มีทางเจริญหรอก มันเป็นทางเสื่อม มันเจริญไม่ได้ มันเป็นอบายมุข ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน ดูการละเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร เกียจคร้านในการงาน นี่คือพระพุทธเจ้าบอกว่าเป็นทางเสื่อม ลองไปทำแล้วให้เจริญดู มันทำได้ไหม มันทำไม่ได้ สิ่งที่ท่านสอนมันตรงไปตรงมาที่สุดเลย (2) ธรรมะของพระพุทธเจ้านี่ชัดเจน เช่น ถ้าเรามีตัณหา เราจะต้องทุกข์ทางใจ ถ้ามีตัณหาเมื่อไร ใจต้องทุกข์ทันทีเลย อันนี้ไม่มีใครเถียงได้ ถ้าเรามีศีล สมาธิ ปัญญา ถึงจุดหนึ่งโลกุตตรธรรมก็ปรากฏขึ้น เกิดมรรคเกิดผลขึ้นมา… เราดูให้ดีเถอะ ทุกครั้งที่มีความอยาก ใจจะมีความทุกข์ จริงหรือไม่จริง ไปพิสูจน์ด้วยตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่ ก็แสดงว่าพระพุทธเจ้าไม่ใช่สัพพัญญูแล้ว พระพุทธเจ้าสอนผิดแน่นอนแล้ว แต่เรากล้าท้า ไปทำให้ถูกเถอะ แล้วอย่างไรเถียงพระพุทธเจ้าไม่ออกหรอก ศิโรราบกับพระพุทธเจ้าเลย
    -- หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
    วัดสวนสันติธรรม
    22 สิงหาคม 2563

    ไฟล์ 630822 ซีดีแผ่นที่ 87
     
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    วิธีพ้นจากความปรุงแต่ง :: หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 1 ตุลาคม 2565

    Dhamma.com
    Oct 2, 2022
    การพัฒนาศีลก็คือความปรุงแต่งที่ดี การพัฒนาสมาธิก็คือความปรุงแต่งที่ดี การพัฒนาก็คือความปรุงแต่งที่ดี พัฒนาปัญญาเป็นความปรุงแต่งที่ดี ทั้งหมดนี้เป็นความปรุงแต่งทั้งสิ้น แต่ต้องปรุงแต่ง ถ้าเราไม่ปรุงแต่งศีล สมาธิ ปัญญา จิตมันก็ปรุงแต่งความชั่ว เพราะมันเคยชินที่จะชั่ว ฉะนั้นเราพัฒนา ทำไปเรื่อยๆ

    ศีล สมาธิ ปัญญา ไม่ใช่เป้าหมาย ศีล สมาธิ ปัญญา ก็เป็นความปรุงแต่ง เพราะฉะนั้นเราไม่ได้เอาความปรุงแต่งมาเป็นจุดหมายปลายทาง จุดหมายปลายทางของเราพ้นจากความปรุงแต่ง คือตัววิสังขาร ตัวนิพพาน ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นเครื่องมือ เป็นความปรุงแต่งชนิดที่เป็นเครื่องมือ ในการล้มล้างกิเลสออกจากจิตใจของเรา เพราะฉะนั้นเราต้องฝึก วิธีปรุงแต่งปัญญาทำอย่างไร ให้มีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง จิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลางมันได้มาจากการที่เราฝึกสมาธิ จิตมันตั้งมั่นไม่โคลงเคลง แล้วก็ต้องฝึกเรื่อยๆ เห็นสภาวะทั้งหลายเกิดดับหมุนเวียนเปลี่ยนแปลง เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวดี เดี๋ยวชั่ว พอฝึกไปเรื่อยๆ ต่อไปมันจะเป็นกลาง มันจะเห็นว่าสุขมันก็ของชั่วคราว ทุกข์มันก็ของชั่วคราว ดีมันก็ของชั่วคราว ชั่วมันก็ของชั่วคราว เพราะฉะนั้นสุขกับทุกข์มันก็เสมอกันด้วยความเป็นไตรลักษณ์ มันเป็นของชั่วคราวเหมือนกัน เราก็จะไม่หิวความสุข ไม่เกลียดความทุกข์ ดีกับชั่วมันก็เสมอกัน มันเป็นของชั่วคราว สุดท้ายปัญญาที่เป็นโลกุตตระมันจะเกิดขึ้น

    หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 1 ตุลาคม 2565
     
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช /แก้มิจฉาทิฏฐิด้วยวิปัสสนา 31 ธ ค 2564

    นายสยาม เมืองใหม่
    Oct 5, 2022
    CR. Dhamma.com
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    สะสมการเห็นถูก :: หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 2 ตุลาคม 2565

    Dhamma.com
    Oct 4, 2022
    สะสมการเห็นถูก :: หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 2 ตุลาคม 2565
    เราทำกรรมฐานสักอย่างหนึ่ง พอจิตเคลื่อนแล้วรู้ๆ อย่างนั้นก็ได้ แล้วต่อไปจิตมันจะค่อยๆ มีพลัง ทรงตัวขึ้นมา พอจิตมันทรงตัวขึ้นมาได้แล้ว หัดแยกขันธ์ๆ ไป พอมันแยกขันธ์ได้ มันจะเห็นแต่ละขันธ์ ในขันธ์หนึ่งก็มีสภาวะหลากหลาย อย่างสังขารขันธ์มีตั้งเยอะแยะ ตั้ง 50 อย่าง เราไม่ต้องเรียนทั้งหมด เราเรียนเท่าที่มี ต่อไปเราก็จะเห็นแต่ละตัวๆ แต่ละสภาวะเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไปทั้งสิ้น เราต้องการจะมาเห็นตรงนี้ เราไม่ได้ต้องการเห็นว่าราคะไม่เที่ยงแต่โทสะมันเที่ยง ไม่ใช่ ทุกตัวเหมือนกันหมดเลย สุขหรือทุกข์ก็เสมอกันด้วยความเป็นไตรลักษณ์ กุศลหรืออกุศลก็เสมอกันด้วยความเป็นไตรลักษณ์ ดูให้มันเห็นไตรลักษณ์ ย้ำ ขีดเส้นใต้คำว่าเห็น ไม่ใช่คิด ต้องเห็นเอา

    ฉะนั้นวิปัสสนา วิปัสสนะก็คือ วิ แปลว่าแจ้ง ปัสสนะ คือการเห็น ต้องเห็นเอา คิดเอาไม่ได้ เพ่งเอาก็ไม่ได้ ต้องเห็นเอา เราเห็นอะไร เช่น เราเห็นราคะมันเกิดขึ้น ราคะมันตั้งอยู่ ราคะมันดับไป อย่างนี้เรียกว่าเราเห็น ถ้าเราคิดว่า เอ๊ะ ตอนนี้จิตเรามีราคะ หรือมีโทสะ อันนี้ไม่เรียกว่าเห็น ยังหลงอยู่ในโลกของความคิด พอเราสะสมการเห็นถูกไปเรื่อยๆ เราสะสมการเห็นถูกบ่อยๆๆ เห็นไตรลักษณ์ อะไรเกิดขึ้นก็เห็นไตรลักษณ์ๆ ต่อไปถึงจุดหนึ่งจิตมันสรุปเอง สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นดับ แล้วทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ทั้งสิ้นเลย
    หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
    วัดสวนสันติธรรม
    2 ตุลาคม 2565
     
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    บุญกิริยาวัตถุ 10 :: หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 15 ตุลาคม 2565

    Dhamma.com
    Oct 14, 2022

    บุญกิริยาวัตถุ 10 :: หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
    15 ตุลาคม 2565
    ไม่ว่าเราทำอะไร ทำบุญ ไปดูบุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ แล้วก็ไปสำรวจใจลงไปอีกชั้นหนึ่ง สิ่งที่เราทำบุญนั้น เราทำไปแล้วสติเราดีไหม ทำไปแล้วกุศลเราเจริญขึ้นหรือเปล่า ลดละกิเลสไหม หรือว่าทำไปแล้วพอกพูนกิเลส พอกพูนความเห็นแก่ตัว อย่างนั้นไม่ทำเสียดีกว่า เพราะฉะนั้นสำรวจตัวเอง เราจะทำบุญ ทำทาน ทำด้วยความฉลาด ทำแล้วก็จิตใจต้องเจริญขึ้น ต้องมีสติ ต้องมีจิตใจที่มั่นคง มีสมาธิ รู้เหตุรู้ผล อะไรควร อะไรไม่ควร เราถึงจะเป็นชาวพุทธที่แท้จริง ไม่อย่างนั้นเราก็เป็นพุทธแต่เปลือก เอาสิ่งที่หลวงพ่อสอนนี้ไปดำรงชีวิตจริงๆ เถอะ ความดีมีตั้งเยอะตั้งแยะ ไปทำเสีย แล้วทำอย่างฉลาด ทำแล้วยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น

    หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
    วัดสวนสันติธรรม
    15 ตุลาคม 2565
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2022
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    หลักสูตรสู่มรรคผลนิพพาน :: หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 8 ตุลาคม 2565

    Dhamma.com
    Oct 7, 2022

    หลักสูตรสู่มรรคผลนิพพาน ::
    หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 8 ตุลาคม 2565
    งานพัฒนาจิตมี 3 งาน อันที่หนึ่งฝึกจิตใจให้อยู่กับเนื้อกับตัว อันที่สองแยกขันธ์ให้ได้ อันที่สามเห็นขันธ์แต่ละขันธ์ เห็นสภาวะแต่ละสภาวะตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ ดูซ้ำแล้วซ้ำอีก ดูสิมันจะโง่จนไม่ได้มรรคได้ผลเชียวหรือ ถ้าทำแบบนี้ไม่ได้ ชาตินี้ไม่ได้ชาติต่อไปก็ง่ายๆ แล้ว ไม่ใช่ทุกคนจะได้ หลวงพ่อไม่ได้ชี้ขาดว่าทุกคนจะต้องได้ในชาตินี้ แต่ถ้าเราทำไม่เลิก แล้วเราไม่ได้มีวิบากอะไรรุนแรง วันหนึ่งเราก็ต้องได้ เพราะฉะนั้นทำ 3 ข้อนี้ให้ได้ คืองานพัฒนาจิต ถ้าพูดเทียบกับปริยัติ อันแรกก็คือ การพัฒนาสัมมาสมาธิขึ้นมา งานที่สองคือ การเจริญปัญญาเบื้องต้น อันที่สามคือ การเจริญให้เกิดวิปัสสนาปัญญา โสดาบันไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ใช่เรื่องยากเลย รักษาศีล 5 ให้ดี แล้วก็ทำอย่างที่หลวงพ่อบอก ฝึกจิตใจให้มันรู้เนื้อรู้ตัวไว้ แล้วก็แยกขันธ์ กายส่วนกาย จิตส่วนจิต เป็นคนละส่วน เห็นแค่ว่าเป็นคนละส่วน กายก็อย่างหนึ่ง จิตก็อย่างหนึ่ง ไม่ได้ถอดจิตออกจากร่าง อยู่ด้วยกันแต่เป็นคนละอัน ค่อยๆ ฝึก โอกาสที่จะได้มรรคได้ผลในชีวิตนี้ โสดาบันไม่ใช่ยากอะไรนักหนาหรอก ทำให้ถูก ทำให้พอ อดทน ทำแล้วก็ขี้เกียจ ไม่ได้หรอก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 8 ตุลาคม 2565

    อันที่หนึ่งฝึกจิตใจให้อยู่กับเนื้อกับตัว อันที่สองแยกขันธ์ให้ได้ อันที่สามเห็นขันธ์แต่ละขันธ์ เห็นสภาวะแต่ละสภาวะตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ ดูซ้ำแล้วซ้ำอีก ดูสิมันจะโง่จนไม่ได้มรรคได้ผลเชียวหรือ ถ้าทำแบบนี้ไม่ได้ ชาตินี้ไม่ได้ชาติต่อไปก็ง่ายๆ แล้ว ไม่ใช่ทุกคนจะได้ หลวงพ่อไม่ได้ชี้ขาดว่าทุกคนจะต้องได้ในชาตินี้ แต่ถ้าเราทำไม่เลิก แล้วเราไม่ได้มีวิบากอะไรรุนแรง วันหนึ่งเราก็ต้องได้ เพราะฉะนั้นทำ 3 ข้อนี้ให้ได้ คืองานพัฒนาจิต ถ้าพูดเทียบกับปริยัติ อันแรกก็คือ การพัฒนาสัมมาสมาธิขึ้นมา งานที่สองคือ การเจริญปัญญาเบื้องต้น อันที่สามคือ การเจริญให้เกิดวิปัสสนาปัญญา โสดาบันไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ใช่เรื่องยากเลย รักษาศีล 5 ให้ดี แล้วก็ทำอย่างที่หลวงพ่อบอก ฝึกจิตใจให้มันรู้เนื้อรู้ตัวไว้ แล้วก็แยกขันธ์ กายส่วนกาย จิตส่วนจิต เป็นคนละส่วน เห็นแค่ว่าเป็นคนละส่วน กายก็อย่างหนึ่ง จิตก็อย่างหนึ่ง ไม่ได้ถอดจิตออกจากร่าง อยู่ด้วยกันแต่เป็นคนละอัน ค่อยๆ ฝึก โอกาสที่จะได้มรรคได้ผลในชีวิตนี้ โสดาบันไม่ใช่ยากอะไรนักหนาหรอก ทำให้ถูก ทำให้พอ อดทน ทำแล้วก็ขี้เกียจ ไม่ได้หรอก
    หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
    วัดสวนสันติธรรม

    8 ตุลาคม 2565
     
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    อย่าหลงกับดักของมาร 10 กันยายน 2565 หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช

    สติธรรม
    Sep 12, 2022
     
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,636
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    ขันธ์5เป็นที่รองรับความทุกข์ หลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชโช 9ตุลาคม2565

    สติธรรม
    Oct 14, 2022
     

แชร์หน้านี้

Loading...