100 ปีมนต์เสน่ห์"พระราชวังสนามจันทร์"

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย paang, 31 มกราคม 2006.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,326
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ (ภาพโดย : วรนันทน์ ชัชวาลทิพากร)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ห่างจากพระปฐมเจดีย์ ในจังหวัดนครปฐมไปเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น เป็นที่ตั้งของ "พระราชวังสนามจันทร์" พระราชวังอีกแห่งหนึ่งที่มีความผูกพันกับพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เป็นอย่างมาก

    แม้จะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพนัก แต่การเดินทางไปยังเมืองนครปฐมในสมัยก่อนก็นับว่าค่อนข้างลำบาก แต่รัชกาลที่ 6 โปรดความร่มเย็นเป็นธรรมชาติ และความเป็นแหล่งศิลปวัฒนธรรม ศาสนาของเมืองนครปฐม พระองค์จึงโปรดให้สร้างพระราชวังขึ้นที่นี่ นอกจากนั้นอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรับวิกฤตการณ์ของประเทศอันอาจเกิดขึ้น เนื่องจากในขณะนั้นเป็นช่วงล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก พระองค์จึงทรงมีพระราชดำริให้สร้างพระราชวังไว้เป็นที่มั่นในเมืองที่ข้าศึกสามารถตามมาได้ยาก

    บริเวณที่สร้างพระราชวังสนามจันทร์นี้เป็นพระราชวังเก่าของกษัตริย์ในสมัยโบราณ เรียกว่าเนินปราสาท การก่อสร้างนี้มีหลวงพิทักษ์มานพ (น้อย ศิลปี ซึ่งต่อมาเลื่อนยศเป็นพระยาวิศุกรรม ศิลปประสิทธิ์) เป็นแม่งาน ใช้เวลาสร้างถึง 4 ปีด้วยกัน เมื่อเสร็จเรียบร้อยลงใน พ.ศ.2450 รัชกาลที่ 6 จึงพระราชทานนามให้ว่า "พระราชวังสนามจันทร์" ซึ่งประกอบไปด้วยพระที่นั่งและพระตำหนักต่างๆ อันมีชื่อคล้องจองกัน

    สำหรับพระที่นั่งที่สร้างขึ้นเป็นองค์แรกก็คือ "พระที่นั่งพิมานปฐม" อาคาร 2 ชั้นแบบตะวันตกแต่ดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพอากาศเมืองร้อน พระที่นั่งชั้นบนประกอบด้วยห้องบรรทม ห้องสรง ห้องบรรณาคม ห้องภูษา ห้องเสวย และหอพระ มีพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาและภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนัง ฝีมือของพระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) ที่งดงามมาก ใกล้ๆ กันนั้นคือ "พระที่นั่งอภิรมย์ฤดี" พระที่นั่งหลังย่อมติดกับพระที่นั่งพิมานปฐมออกไปทางทิศใต้ มีลักษณะเป็นตึก 2 ชั้นเช่นกัน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สะพานเชื่อมไปยังพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ (ภาพโดย : วรนันทน์ ชัชวาลทิพากร)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ พระที่นั่งโถงใหญ่ หน้าบันทิศเหนือเป็นรูปจำหลัก ท้าวอมรินทราธิราชประทานพร ประทับอยู่ในพิมานปราสาทสามยอด เพดานพระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ทาสีแดงเข้มปิดทองฉลุเป็นลายดาว พระองค์ทรงใช้เป็นที่สำหรับออกงานสโมสรสันนิบาต เสด็จออกขุนนาง ใช้เป็นที่ฝึกอบรมเสือป่า รวมทั้งเป็นสถานที่แสดงโขนละคร จนชาวบ้านเรียกติดปากว่า "โรงโขน"

    พระที่นั่งคู่แฝดของพระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ ก็คือพระที่นั่งวัชรีรมยา สร้างขึ้นภายหลัง เป็นพระที่นั่งทรงไทย 2 ชั้น มุงกระเบื้องเคลือบทำนองเดียวกับหลังคาพระที่นั่งในพระบรมมหาราชวัง มีคันทวย ช่อฟ้า ใบระกา นาคสะดุ้ง และหางหงส์งดงาม หน้าบันของพระที่นั่งทางด้านตะวันออก เป็นรูปช้างเอราวัณ บนหลังมีสัปคัปลายทองตามแบบช้างทรงกษัตราธิราช ข้างในเข็มวชิราวุธล้อมรอบด้วยลายกนกลงรักปิดทอง พื้นประดับกระจกสีน้ำเงิน พระที่นั่งองค์นี้ใช้เป็นที่ทรงงานและประทับเป็นบางครั้งคราว

    พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ อาคารสองชั้นทาสีไข่ไก่ หลังคามุงกระเบื้องสีแดง เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบเรอเนซองส์ของฝรั่งเศสกับอาคารแบบฮาล์ฟ ทิมเบอร์ของอังกฤษ ในช่วงปลายรัชกาล พระองค์โปรดประทับที่พระตำหนักแห่งนี้เป็นประจำ และทรงประกอบพระราชกรณียกิจต่างๆ เช่น ให้ราชทูตต่างประเทศเข้าเฝ้า และประทับทอดพระเนตรฟุตบอลระหว่างกรมเสือป่าม้าหลวงกับกรมเสือป่าพรานหลวง ณ สนามหญ้าหน้าพระตำหนัก

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ (ภาพโดย : อภินันท์ บัวหภักดี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> บริเวณหน้าพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ มีอนุสาวรีย์ย่าเหล สุนัขทรงเลี้ยงซึ่งมีความเฉลียวฉลาดและจงรักภักดีต่อรัชกาลที่ 6 เป็นอย่างยิ่ง จึงเป็นที่โปรดปรานของพระองค์ และเมื่อย่าเหลเสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุ รัชกาลที่ 6 จึงโปรดให้สร้างอนุสาวรีย์ขึ้นบริเวณนี้ และทรงพระราชนิพนธ์คำไว้อาลัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย

    พระตำหนักอีกหลังหนึ่งซึ่งสร้างขึ้นเป็นคู่กับพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ก็คือ พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ พระตำหนักไม้สองชั้นแบบตะวันตก มีเสาไม้กลมแกะสลักเป็นแบบนีโอ-คลาสสิก ระหว่างพระตำหนักสองหลังนี้มีทางเดินเชื่อมกัน ปัจจุบันเป็นที่จัดแสดงพระราชประวัติรัชกาลที่ 6 ตลอดจนการจำลองฉลองพระองค์ให้คนทั่วไปได้ชม

    นอกจากนั้นยังมีพระตำหนักทับแก้ว ตึกสองชั้นแบบฝรั่งซึ่งเคยเป็นที่ตั้งกองบัญชาการเสือป่า กองร้อยเสนาน้อยราบเบารักษาพระองค์ และพระตำหนักทับขวัญ เรือนไทยที่ประกอบด้วยกลุ่มเรือนแปดหลังเชื่อมกันด้วยนอกชาน ตัวเรือนทำด้วยไม้สักล้วนใช้วิธีเข้าไม้ตามวิธีสร้างเรือนไทยโบราณงดงามมาก

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระที่นั่งวัชรีรมยา (ภาพโดย : อภินันท์ บัวหภักดี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> งามอยู่คู่จังหวัดนครปฐม และในโอกาสนี้ ทางบริษัทเอปสัน (ประเทศไทย) ร่วมกับสำนักพระราชวัง จึงจัดโครงการประกวดภาพถ่ายชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในชื่อ "สืบสาน เสน่ห์ขลัง พระราชวังไทย ครั้งที่ 2 (พระราชวังสนามจันทร์)" เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองที่พระราชวังมีอายุครบ 100 ปี โดยมีแนวคิดในการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์และแผ่นดินไทย ที่อบอวลอยู่ในมนต์เสน่ห์ของพระราชวังสนามจันทร์

    เป็นเวลาเกือบร้อยปีแล้วที่พระราชวังสนามจันทร์ยังคงความงด
    โครงการนี้ได้ช่างภาพมืออาชีพ 3 ท่านมาร่วมเป็นช่างภาพกิตติมศักดิ์เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมการประกวดภาพถ่าย ได้แก่ อภินันท์ บัวหภักดี บรรณาธิการฝ่ายภาพอนุสาร อสท. วรนันทน์ ชัชวาลทิพากร นักถ่ายภาพประเภทท่องเที่ยวที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของสมาคมถ่ายภาพแห่งอเมริกา และจินดา วานิชพัฒนากูล นายกสมาคมถ่ายภาพกรุงเทพ ประจำปี 2546-47

    โดยอภินันท์ ได้กล่าวถึงความประทับใจเกี่ยวกับพระราชวังสนามจันทร์ว่า พระราชวังนี้เคยรุ่งเรืองในสมัยรัชกาลที่ 6 และทรุดโทรมลงไป แต่หลังจากนั้นก็มีการปรับปรุงโดยสำนักพระราชวัง จนกลับมาสวยงามอีกครั้ง เป็นสง่าแก่จังหวัดนครปฐม และเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่น่าท่องเที่ยว

    "นอกจากความสวยงาม ที่นี่ก็ยังมีความน่าสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ เสน่ห์อีกหนึ่งอย่างก็คือ อนุสาวรีย์ย่าเหล ซึ่งเป็นเรื่องราวของสุนัขตัวหนึ่งที่มีความจงรักภักดีและแสนรู้ และจะมีมุมอยู่มุมหนึ่งอยู่ทางด้านหลังของพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ซึ่งมีส่วนที่เชื่อมต่อกับพระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์เป็นเส้นนำสายตา เมื่อมองไปจะมีเงาสะท้อน ซึ่งทั้งเงา ทั้งเส้นสายตา ภาพสะท้อนและตัวพระราชวังเองที่มีความสวยงามอยู่แล้ว เมื่อมาประกอบกันทำให้เป็นภาพถ่ายที่มีองค์ประกอบครบถ้วน"

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระบรมราชานุสาวรีย์ของรัชกาลที่ 6 ภายในพระราชวังสนามจันทร์ (ภาพโดย : อภินันท์ บัวหภักดี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ทางด้าน วรนันทน์ กล่าวว่า ปกติชอบถ่ายภาพเกี่ยวกับประเพณี วัฒนธรรม โบราณสถาน ชีวิตผู้คน และที่พระราชวังสนามจันทร์นี้ก็มีครบหมด ไม่ว่าจะเป็นโบราณสถานที่สวยงาม ประเพณีวัฒนธรรม หรือชีวิตคน ส่วนความประทับใจนั้นยกให้พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ แต่ถ้าเรื่องถ่ายภาพสวยต้องยกให้พระตำหนักทับแก้ว ทับขวัญ ซึ่งเป็นงานสถาปัตยกรรมที่หาดูได้ยากในปัจจุบันอีกด้วย

    นอกจากนั้น อภินันท์ยังให้คำแนะนำกับผู้ที่ต้องการส่งภาพเข้าประกวดว่า "หัวใจของการถ่ายภาพสถาปัตยกรรมคือเรื่องความสวยงาม ยิ่งใหญ่ และความสง่างาม ต้องตอบโจทย์นี้ให้ได้ ต้องเลือกมุม มีความอดทนในการรอเวลาที่เหมาะสม ซึ่งทุกมุมหรือแม้กระทั่งมุมเล็กๆ ก็สามารถถ่ายให้สวยได้ แต่ไม่ใช่สักแต่ว่าถ่าย จะต้องหามุมที่สวยที่สุดที่สามารถสะท้อนให้เห็นได้ถึงความสวยงาม ความยิ่งใหญ่ ความสง่างามของตัวพระราชวังออกมาให้ได้"

    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    พระราชวังสนามจันทร์ อยู่ในอ.เมือง จ.นครปฐม เปิดให้เข้าชมเวลา 09.00-16.00 น. การส่งภาพเข้าประกวดในโครงการ "สืบสานเสน่ห์ขลัง พระราชวังไทย ครั้งที่ 2 (พระราชวังสนามจันทร์)" จะหมดเขตในวันที่ 15 ก.พ.นี้ ผู้ที่จะร่วมประกวด สามารถดูรายละเอียดการสมัครได้ที่ www.epson.co.th หรือสอบถามได้ที่พระราชวังสนามจันทร์ โทร.0-3424-4236 ถึง 7 บริษัทเอปสัน โทร.0-2670-0680 ต่อ 705, 706 บริษัทสยามพีอาร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด โทร.0-2693-7835 ถึง 8


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
     

แชร์หน้านี้

Loading...