เรื่องเด่น 10 อาการทางจิต สุดพิศวง!!

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 26 มกราคม 2017.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    FB_IMG_1485417127994.jpg

    ความแปลกประหลาดพิสดารในโลกนี้ยังมีอีกมากที่เราอาจไม่เคยรับรู้มาก่อน แม้แต่เรื่องของ “จิต” ของมนุษย์เราก็ยังมีความซับซ้อนและในบางคนก็มีความ “พิเศษ” ที่ต่างไปจากคนอื่น ทว่า…ความพิเศษของคนบางคนนั้นก็อาจแปลเป็นความผิดปกติหรือเป็น “อาการทางจิต” ได้…..เราจะพาไปรู้จักอาการทางจิตที่มาจากความผิดปกติต่างๆ จนเป็นเหตุให้เกิดอาการแปลกๆ ทั้ง 10 อาการเหล่านี้…….

    Synaesthesia หรือ ซินเนสทีเซีย คืออาการที่ประสาทสัมผัสตั้งแต่ 2 อย่างขึ้นไปเกิดการรับรู้พร้อมกันนั่นเอง บุคคลที่มีอาการแบบนี้จะมีอาการแตกต่างจากคนทั่วไปคือ เช่น บางคนมองตัวเลข (หรือตัวหนังสือ) เห็นเป็นสีต่างๆ เช่น เห็นตัวเลข 1 เป็นสีชมพู และจะเห็นแบบนี้ไปตลอดชั่วชีวิต (โดยสีของตัวเลขขึ้นอยู่กับคนแต่ละคน บางคนอาจเห็นเลข 1 เป็นสีอื่นก็ได้) ขณะที่บางคนฟังเสียงดนตรีจะรู้สึกเหมือนมีอะไรมาสัมผัสผิวหนัง ส่วนอีกคนลิ้นชิมรสชาติอาหาร กลับเห็นรูปร่างตามมาด้วย หรืออีกคนสัมผัสรสชาติต่างๆ เช่น เปรี้ยว เค็ม หวาน ได้จากตัวอักษรหรือตัวหนังสือ สาเหตุของอาการดังกล่าวนี้คาดว่าเกิดจากพันธุกรรม ที่โครงสร้างสมองผิดปกติมีการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทในสมองที่มีมากเกินพอดี ส่งผลให้การรับรู้ของประสาทสัมผัสต่าง ๆ ปะปนกัน

    Oniomania หรือ “โรคบ้าช้อปปิ้ง” เป็นอาการทางจิตอย่างหนึ่งที่ซื้อข้าวของแบบไม่บันยะบันยัง และมักซื้อของที่ตนไม่ต้องการ บางครั้งเหมือนขาดสติ ซื้อไปโดยไม่รู้ตัว บ่อยครั้งแสดงอาการเหมือนคนเสพยา เช่นถ้าไม่ได้ไปห้างจะมีอาการทุรนทุราย เครียด หงุดหงิด สาเหตุของโรคนี้มาจากกลไกธรรมชาติของมนุษย์ที่สร้างขึ้นมาป้องกัน โรคซึมเศร้า ซึ่งตอบสนองอาการนี้โดยการโหยหาของใหม่ๆ แค่เพียงได้เห็นของใหม่ ๆ ในห้าง หรือเวลามีโฆษณาของใหม่ ๆ ทางทีวี ก็จะโหยหาและอยากช้อปเพื่อมาบรรเทาอาการซึมเศร้า แต่พอเอาของกลับมาบ้านก็จะมีความรู้สึกผิดขึ้นมา จนเกิดเสียดายจึงยิ่งไปกระตุ้นความซึมเศร้า ทำให้เกิดอาการวนไปวนมาไม่จบสิ้น ส่วนวิธีการป้องกันโรคนี้คือ ต้องพยายามอยู่ให้ไกลจากแหล่งช้อปปิ้ง ไม่ควรพกเงิน ไม่พกบัตรเครดิต หาอะไรอย่างอื่นทำ เช่น ออกกำลังกาย ทำอาหาร ทำงานแฮนด์เมด เป็นต้น

    Trichotillomania “การถอนผมตัวเอง” เป็นภาวะผิดปกติทางจิต และเป็นนิสัยหรือพฤติกรรมที่ย้ำคิดย้ำทำ โดยการถอนผมบนศีรษะหรือขนตามตัว(ขนตา, ขนจมูก, ขนหน้าอก, ขนคิ้ว) เล่นโดยที่ไม่รู้ตัว ส่วนมากมักถอนขนในขณะทำกิจกรรมบางอย่างที่เพลินๆ เช่น ขณะนั่งอ่านหนังสือ อาการนี้พบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อายุที่พบโดยเฉลี่ยประมาณ 9 -13 ปี โดยสาเหตุเกิดจากสภาวะซึมเศร้าหรือความเครียดสะสม เมื่อได้ถอนผมหรือขนแล้วจะหายเครียด จนเกิดเป็นความเคยชิน โดยโรคนี้ถือว่าเป็นปัญหาทางจิต ควรปรึกษาจิตแพทย์โดยด่วน

    Piblokto เป็นปรากฏการณ์ที่พบในชาวเอสกิโมในแถบขั้วโลกที่มีอากาศหนาวเย็น โดยมักพบในหญิงชาวเอสกิโม มีอาการซึมเศร้า ตัวสั่น วิตกกังวล ร้องไห้ แผดร้องเหมือนสัตว์ป่า แล้วออกวิ่งไปในหิมะโดยไม่รู้สึกว่าหนาว จากนั้นกระโดดลงน้ำที่เย็นจัด และมักทำร้ายตัวเอง หรือทำร้ายผู้อื่น สับสน จำอะไรไม่ได้ สาเหตุมาจากวิตามินเอเป็นพิษ เนื่องจากอาหารพื้นเมืองของเอสกิโมนั้นมีแหล่งอุดมของวิตามินที่ทำให้เกิดพิษ เพราะส่วนมากมักเป็นเนื้อมากกว่าผัก เช่น เนื้อแมวน้ำ ตับปลาขั้วโลก ซึ่งอาหารเหล่านี้มีวิตามินสะสมเก็บเอาไว้ในร่างกายจนกลายเป็นพิษ

    Hybristophilia เป็นอาการทางจิตของคนที่หลงรักฆาตกรหรือคลั่งไคล้อาชญากรโรคจิต เป็นความคลั่งไคล้หลงใหลแบบอยากจะแต่งงานด้วย ปรากฏการณ์นี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Bonnie Clyde Syndrome โดยชื่อนี้มาจากเรื่องราวของ “บอนนี ปาร์คเกอร์ & ไคลด์ แบร์โรว์” ซึ่งบอนนี่คือ หญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งที่เกิดไปหลงรักไคลด์ อาชญกรตัวกลั่น จนบอนนี่ถึงกับทิ้งครอบครัวมาอยู่กับไคลด์เลยทีเดียว ซึ่งอาการแบบนี้พบได้ยาก แต่มีการพบว่า คนธรรมดาคนหนึ่งเมื่อเห็นการจับกุมฆาตกรฆ่าเด็กในทีวี คนๆ นั้นก็เกิดอยากมีเพศสัมพันธ์กับฆาตกรจนเขียนจดหมายไปหาฆาตกรในคุก เช่นกรณีของ นาง Carol Anne Boone ที่มีความประสงค์จะแต่งงานกับเท็ด บัดดี้ ฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าเฉพาะผู้หญิงมากกว่า 35 ราย (ปี ค.ศ.1946 –1989)

    Depersonalization บุคลิกวิปลาส หรือ “คนสองบุคลิกภาพ” เป็นอาการทางประสาทประเภทหนึ่ง ที่เกิดตัวตนและบุคลิกภาพขึ้นในจิตใจของบุคคล ทั้งที่บุคคลนั้นมีตัวตนและบุคลิกภาพของตัวเองอยู่แล้ว โดยสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่นั้นเป็นกระบวนการรู้จำซึ่งทำหน้าที่เป็นอิสระและแปลกแยกจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว บุคคลผู้นั้นจึงเสมือนกำลังนั่งมองการกระทำของตน แต่ไม่สามารถควบคุมการกระทำนั้นได้ เพราะรู้สึกว่าไม่ใช่การกระทำของตนแน่นอน แต่เป็นของใครก็ไม่รู้ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก และจำไม่ได้ เป็นต้น สาเหตุอาจมาจากหลายอย่างผสมกัน เช่น ความเครียด โรคย้ำคิดย้ำทำ วิตกกังวล ยาเสพย์ติดประเภทประสาทหลอน สภาวะนี้สามารถรักษาให้หายได้ อาจเป็นชั่วคราว หรือบางรายอาจเรื้อรังไปจนตาย

    Nymphomania นิมโฟมาเนียคือ โรคขาดผู้ชายไม่ได้ ผู้หญิงที่มีอาการนี้จะกระตุ้นให้พวกเธอมีความต้องการทางเพศสูงจนผิดปกติ ไม่สามารถควบคุมได้ จนเรียกได้ว่าคลั่งไคล้หรือบ้าคลั่ง แม้ว่าจะได้รับการตอบสนองทางเพศหลายครั้งแล้วก็ยังมีความต้องการอีก จึงมักจะเปลี่ยนคู่นอนบ่อยจนเข้าขั้น “สำส่อนทางเพศ” รวมไปถึงการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองหลายครั้งต่อวันด้วย ส่วนสาเหตุมาจากความผิดปกติของสมอง และมาจากการเสพย์สารเสพติดมากเกินไป โรคนี้ทำให้เกิดปัญหาชีวิตสมรสและครอบครัวแตกแยกในที่สุด ปี 2013 ผู้กำกับดัง ลาร์ส ฟอน ทริเยร์ (Lars Von Trier) เคยหยิบเอาอาการของโรคนิมโฟมาเนียมาสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อเดียวกันนี้ด้วย

    Jumping Frenchman of Maine Disorder เป็นโรคที่นายแพทย์จอร์จ มิลเลอร์ เบียร์ด ได้นิยามเป็นครั้งแรกเมื่อ ค.ศ.1878 เป็นอาการทางจิตชนิดหนึ่งที่หายาก และไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดจากความผิดปกติที่ระบบประสาทหรือทางจิตใจ โดยผู้ป่วยที่เขาพบนั้นเป็นชายชาวแคนาดาเชื้อสายฝรั่งเศส ผู้ป่วยจะมีอาการตอบสนองทันทีเมื่อถูกกระตุ้นจนไม่สามารถควบคุมได้ ตัวอย่างเช่น หากตะโกนเสียงดังๆ ออกคำสั่งให้ผู้ป่วยทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้ป่วยก็จะทำตามนั้น เช่น ตะโกนบอกให้โยนวัตถุหนึ่งในมือของเขา เขาก็จะโยนทิ้งโดยไม่ลังเล นอกจากนี้บ่อยครั้งพบว่า ผู้ป่วยมักพูดประโยคแปลกๆ ประโยคที่เป็นภาษาต่างประเทศ และจะพูดประโยคนั้นๆ ซ้ำไปซ้ำมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

    Coprolalia เป็นอาการทางจิตเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว หรือการแสดงท่าทาง หรือเปล่งเสียงบางอย่าง ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทันทีโดยไม่ได้ตั้งใจ และควบคุมตัวเองไม่ได้ เช่น ไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดคำหยาบคายลามก แต่ก็พูดคำลามกออกมาต่อหน้าคู่สนทนาอย่างฉับพลันทันที ผู้มีอาการนี้มักจะไม่รู้ตัวว่า พูดเรื่องนี้ไปเพื่ออะไร จนทำให้ผู้มีอาการรู้สึกอับอายขายหน้าต่อสาธารณะ เป็นเหตุให้ไม่อยากเข้าสังคมหรือมีกิจกรรมทางสังคมกับคนอื่นๆ นอกจากนั้นผู้มีอาการดังกล่าวยังชอบโทรศัพท์ขอร่วมเพศ หรือพูดคำอนาจารในที่สาธารณะอยู่บ่อยครั้ง โรคนี้พบในชายมากกว่าหญิง

    The Windigo Psychosis หรือ วินดีโก มาจากชื่อสัตว์ประหลาดในตำนานของชนเผ่าอินเดียนแดงในอเมริกาและแคนาดา ตำนานบอกไว้ว่า วินดิโกสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ สิงร่างได้ ชอบทำร้ายและกินเนื้อคน ต่อมาชื่อนี้ถูกนำไปตั้งเป็นชื่ออาการทางจิตในนาม The Windigo Psychosis โรคจิตชนิดหนึ่งที่จัดอยู่ในประเภท Depressive reaction โดยโรคนี้เกิดขึ้นครั้งแรกกับชาวอินเดียนแดงเผ่าแอลโกเลียน ในประเทศแคนาดา ผู้มีอาการจะมีความรู้สึกอยากกินเนื้อคน เพราะพวกเขาเชื่อว่าตนเองมีวิญญาณวินดีโกมาสิงสู่ ทำให้พวกเขาเกิดอาการซึมเศร้าและหลงผิดคิดว่า ตนเป็นสัตว์ร้ายและอยากกินเนื้อคนด้วยกัน ผู้มีอาการต้องได้รับการบำบัดรักษาอย่างเร่งด่วน

    เครดิต เฟสบุ้ค การเกิดเป็นทุกข์อย่างยิ่ง เดินทางสู่ความว่างแห่งปัญญา
     
  2. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    พึ่งรู้เจ้าเวนดิโก้ ไฟนอลเอาไปทำเป็นลิงมอนแถวหน้าสุสานกษัตริย์ไร้นิรนาม
     
  3. Chatreekain

    Chatreekain สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +22
    จิตคือคลื่นพลังงาน จิตเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน แต่สามารถเรียนรู้ เพราะคลื่นจิตมีความรู้สึกและมีความคิด คลื่นพลังงานของจิตสามารถตัดสินใจในการเลือก จะเอาสิ่งนี้หรือจะเอาสิ่งนั้น ทำให้เกิดการสร้างเหตุและการสร้างผลตามมาในการกระทำของจิต จึงทำให้จิตมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ คลื่นจิตเป็นสิ่งที่ไม่มีขอบเขต ไร้พรมแดนและกว้างใหญ่ไพศาล
    การเกิดและการตายของร่างเป็นสิ่งชั่วคราวเพื่อให้จิตได้มีการฝึกฝนและพัฒนาคุณภาพจิต
    ที่จริงแล้วไม่มีใครเกิดและก็ไม่มีใครตาย คลื่นจิตที่ไม่มีตัวตนสร้างรูปร่างกายภาพขึ้นมาเพียงชั่วคราว
    ความแปลกประหลาดพิสดารในโลกนี้ยังมีอีกมากที่เราอาจไม่เคยรับรู้มาก่อน แม้แต่เรื่องของ “จิต” ของมนุษย์เราก็ยังมีความซับซ้อนและในบางคนก็มีความ “พิเศษ” ที่ต่างไปจากคนอื่น ทว่า…ความพิเศษของคนบางคนนั้นก็อาจแปลเป็นความผิดปกติหรือเป็น “อาการทางจิต” ได้…..เราจะพาไปรู้จักอาการทางจิตที่มาจากความผิดปกติต่างๆ จนเป็นเหตุให้เกิดอาการแปลกๆ ทั้ง 10 อาการเหล่านี้…….

    1 Synaesthesia หรือ ซินเนสทีเซีย
    นอกจากนี้แล้วก็ยังมีซินเนสเตเซียอีกมากมายหลายแบบครับ บ้างสายภาพต่อผิดมาผสมกับสายเสียง ทำให้สามารถ มองเห็นเสียง หรือ ได้ยินภาพ แบบนี้ก็มี ผมคิดว่าไม่ต้องตกใจเรื่องโรคนี้ไม่ได้มีอันตรายอะไร จะว่าไปมันไม่ควรจะเรียกว่าเป็นโรคด้วยซ้ำ คิดซะว่าเป็นพรสวรรค์หรือเป็นความสามารถพิเศษเหนือมนุษย์ทั่วๆ ไปจะดีกว่านะครับ ที่ผ่านมา มีคนดังที่เป็นซินเนสเตเซียแล้วก็ประสบความสำเร็จอยู่มากมาย อย่างนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลชื่อ ริชาร์ด ไฟน์แมน ก็มีคนสันนิษฐานว่าเขามองเห็นตัวเลขเป็นสี เลยทำให้แก้สมการได้เก่ง ผลการวิจัยก็บอกเหมือนกันว่า คนที่เป็นซินเนสเตเซียจะจำเลขอย่างหมายเลขโทรศัพท์ได้ดีกว่า เพราะสามารถใช้สีที่เห็นเป็นเครื่องช่วยจำได้ด้วย คือเป็นประโยชน์มากกว่าโทษซะอีก หวังว่าข้อมูลจากผมคงช่วยคุณนุ่นได้บ้างนะครับ
    2 Oniomania หรือ “โรคบ้าช้อปปิ้ง
    อาการของภาวะ Oniomania นั้นผู้ที่ตกอยู่ในภาวะนี้จะมีอาการ ที่ช้อปแบบไม่บันยะบันยัง ซื้อของที่ตัวเองไม่ต้องการ บางครั้งเหมือนขาดสติ และถ้าหากไม่ได้ไปช้อปปิ้งจะมีอาการทุรนทุราย เครียด ซึ่งส่วนสาเหตุของโรคนี้ก็คือเป็นกลไกธรรมชาติของมนุษย์ที่ป้องกันโรคซึม เศร้า ซึ่งมนุษย์มีกลไกตอบสนองของการซึมเศร้า โดยการโหยหาของใหม่ๆ และแตกต่างจากเดิม โดยตอบสนองจากการได้เห็นของใหม่ๆ ในห้าง หรือเมื่อเวลามีโฆษณาของใหม่ๆ ทางทีวี และเพื่อมาบรรเทาอาการซึมเศร้านั้นๆ เลยซื้อแหลกแต่เมื่อเอาของกลับมาบ้าน ก็จะมีความรู้สึกผิด เมื่อได้ซื้อมาแล้วเกิดเสียดาย กระตุ้นความซึมเศร้า และวนไปวนมาเป็นแบบนี้อยู่เรื่อยๆ
    แต่ก็อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ อาการนี้ไม่ใช่อาการทางจิตแต่อย่างใดค่ะ แต่เป็นภาวะที่เกิดขึ้นจากแรงกระตุ้นภายนอก เช่น เห็นป้ายสินค้าลดราคา เห็นแหล่งช้อปปิ้งเปิดใหม่ หรือการอยากมีข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เหมือนคนอื่น รวมไปถึงความสุขที่เกิดขึ้นหลังจากที่ได้ซื้อของด้วย
    สำหรับการจัดการกับภาวะ Oniomania สามารถจัดการได้โดยหลังง่ายๆ คือ
    1.จัดเก็บของใช้เป็นประจำ ... วิธีนี้จะช่วยให้เรารู้ว่าของที่เราใช้อยู่ในมีปริมาณเท่าไหร่ ใกล้จะหมดหรือยัง หรือของใช้อยู่ในสภาพใด และจำเป็นต้องซื้อใหม่หรือยัง
    2. จัดเก็บของใช้ต่างๆ ให้เป็นหมวดหมู่ ... เพื่อช่วยทำให้เรารู้ว่า เสื้อผ้าหรือของใช้ในแต่ละหมวดหมู่นั้นมีอะไรบ้าง และรู้ว่ามีชิ้นไหนที่ใช้ได้อยู่หรือไม่ เพื่อลดจำนวนการซื้อลง และนำไปสู่การบริจาคต่อไป
    3. จดรายการของใช้ทุกครั้งก่อนไปซื้อ ... ในการซื้อของแต่ละครั้งนั้น ควรจดรายการสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ เพื่อตัดรายการสินค้าที่ไม่จำเป็นออกไป
    4. จำกัดวงเงิน ... เพื่อให้ลดปริมาณการซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่จำเป็นลง ซึ่งก็จะช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น
    5. นึกถึงความจน ... ให้ นึกไว้เสมอว่าถ้าเราใช้เงินตามใจโดยไม่จำกัดวงเงิน อาจทำให้ใช้เงินไปโดยเปล่าประโยชน์ และนำมาซึ่งการ เป็นหนี้สินได้ ดังนั้นก่อนจะซื้ออะไรควรจะคิดให้ดีๆ
    ถ้าจัดการกับภาวะ Oniomania แล้วทีนี้เราก็มาดูกันบ้างดีกว่าค่ะว่าสำหรับนักช้อปแล้ว มีหลักการช้อปยังไงบ้างไม่ให้เสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์
    1. ถ้าไปเจอของที่ถูกใจ แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรจะซื้อดีหรือเปล่า ให้ทิ้งระยะเวลาไว้ประมาณ 1 อาทิตย์ เพื่อพิจารณาก่อนว่าควรจะซื้อดีหรือไม่ และซื้อมาแล้วใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ถ้าหากคิดดูแล้วจำเป็นจริงๆ ซื้อมาใช้แล้วได้ประโยชน์ก็ตัดสินใจซื้อได้เลยค่ะ
    2. ก่อนจะซื้อสินค้าควรเปรียบเที่ยวราคาสินค้าจากหลายๆ ร้าน เพื่อให้ได้สินค้าราคาถูกค่ะ
    3. ก่อนซื้อของแต่ละชิ้นให้คิดให้รอบคอบก่อนว่า สิ่งของที่เรามีอยู่แล้วนั้นยังสามารถใช้งานได้หรือไม่ หรือเรามีความจำเป็นต้องซื้อของชิ้นใหม่รึเปล่าถ้ายังไม่จำเป็นมาก ก็ยังไม่ควรจะซื้อค่ะ
    4. ควรหาเพื่อนที่ไว้ใจได้และมีทักษะในการเลือกซื้อของ เพื่อช่วยในการตัดสินใจก่อนซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย (สิ่งที่สำคัญคือเพื่อนที่ไว้ใจต้องไม่ใช่เพื่อนบ้าช้อปนะคะ ไม่ใช่ไปช่วยให้ช้อปล่ะ!)
    5. ถ้าหากตัดสินใจซื้อของมาแล้ว จะต้องยอมรับให้ได้ว่าในเดือนนี้เรามีรายจ่ายเพิ่ม ทำให้ต้องประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันลง
    3 Trichotillomania “การถอนผมตัวเอง”
    คุณมีพฤติกรรมแบบนี้หรือไม่?
    พฤติกรรมการชอบดึง หรือถอนผมตัวเองเป็นประจำ เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่จะทำให้เส้นผมของคุณบางลงได้ ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว ถือว่าเป็นภาวะผิดปกติทางจิต และมีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่าโรค Trichotillomania นั่นเองค่ะ
    โรค Trichotillomania หรือโรค TTM เป็นอาการผิดปกติทางจิต ที่ผู้ป่วยมักจะชอบถอนผมตัวเองเป็นประจำ ซึ่งเป็นพฤติกรรมย้ำคิดย้ำทำ โดยผู้ป่วยจะถอนผมตัวเองในขณะที่ทำกิจกรรมอื่นเพลินๆ เช่น ดึงผมเล่นขณะที่อ่านหนังสือ ในขณะที่กำลังใช้ความคิด หรือ กำลังรู้สึกเครียด ผู้ป่วยมักจะทำโดยไม่รู้ตัว และเมื่อทำติดต่อกันเป็นเวลานาน จะส่งผลให้ผมเริ่มบางลง รากผมก็จะอ่อนแอจนผมร่วง และหัวล้านเป็นหย่อมได้ในที่สุด

    ในปัจจุบันยังไม่มีการระบุสาเหตุของโรคนี้อย่างแน่ชัดว่าเกิดจากอะไร แต่ได้มีการวิเคราะห์สาเหตุเบื้องต้นที่ทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว เช่น อาจเกิดจากความผิดปกติของสมองที่ทำให้ผู้ป่วยคนนั้นแสดงพฤติกรรมย้ำคิดย้ำทำออกมา หรือความเครียด ความวิตกกังวลที่เกิดจากโรคซึมเศร้า เป็นต้น
    สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการดังกล่าวควรรักษาด้วยการไปรับการปรึกษาจากจิตแพทย์ ซึ่งแพทย์จะพิจารณาให้ยาตามอาการรายบุคคล ที่สำคัญ ผู้ป่วยจะต้องเลิกพฤติกรรมการถอนผมตัวเอง ซึ่งหากใครที่เริ่มมีพฤติกรรมนี้ตั้งแต่วัยเด็กจะสามารถเลิกได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ และหลังจากที่ทำการรักษาอาการดังกล่าวแล้ว ก็ควรเริ่มบำรุงหนังศีรษะและรากผมให้กลับมาผลิตเส้นผมได้ตามปกติเหมือนเดิม

    ยังมีอีกหลายโรคเลยโรคแปลกๆเช่นโรคหลงตัวเอง
    สาเหตุของโรคหลงตัวเอง

    - ถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจ ทำผิดไม่เคยโดนดุโดนว่า ได้ในสิ่งที่อยากได้มาตลอด มีคนสนใจอยู่ตลอดเวลา

    - ไม่เคยได้รับความพ่ายแพ้ หรือมีคนยอมให้ชนะมาตลอดชีวิต

    - ถูกเลี้ยงดูอย่างเคร่งครัด และเข้มงวดมากเกินไป

    - ในทางกลับกัน อาจเติบโตในครอบครัวที่ไม่เคยดูแล ไม่เคยเหลียวแล จึงชอบที่เห็นเข้ามาสนใจ เข้ามาชื่นชม

    - ถูกกลั่นแกล้งตั้งแต่เป็นเด็ก ขาดเพื่อน ขาดคนเข้าใจ

    - ถูกทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรงตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ถูกปิดกั้นจากสังคม จนตัวเองต้องสร้างเกราะขึ้นมาปกป้องจิตใจอันบอบบางจากการทำร้ายจากคนอื่น ด้วยการให้กำลังใจตนเอง เพื่อชดเชยการขาดการยอมรับจากคนอื่น

    - เป็นคนหน้าตาดี หรือเก่ง มีความสามารถ แล้วหลงว่าไม่มีใครหน้าตาดี หรือเก่งเท่าตนเอง

    วิธีรักษาจากโรคหลงตัวเอง


    เนื่องจากเป็นอาการทางจิต ผู้ป่วยจึงต้องยอมรับตัวเองว่ามีความผิดปกติ พร้อมจะเปิดใจ และรับคำปรึกษาจากจิตแพทย์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนที่มีอาการหลงตัวเองจะเป็นโรคหลงตัวเองไปเสียทุกคน ต้องให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยว่ามีความผิดปกติมากถึงขั้นเป็นอาการทางจิตหรือไม่


    เราคงจะเคยเห็นคนที่ปลอมตัวเป็นคนอื่นโดนเป็นเฟซบุ๊คปลอม หรืออินสตาแกรมปลอมมาแล้ว นอกจากนี้ยังอาจจะเคยพบเจอคนที่ยอมโกหกทุกเรื่องราวในชีวิต สร้างตัวตนใหม่ขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง เพื่อที่จะปกปิดเรื่องราวในชีวิตของตนเองจริงๆ ขอให้ทราบเอาไว้ว่าคนเหล่านี้มีความเป็นไปได้ว่าจะมีอาการทางจิตที่เรียกว่า โรคหลงตัวเอง ดังนั้นหากพบว่าตัวเอง หรือคนรอบข้างมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ รีบพบแพทย์อย่างเร็วที่สุด ก่อนที่จะมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...