ไม่รู้จักกัน

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย อนัตตา, 4 มกราคม 2019.

  1. BENATO

    BENATO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,582
    ค่าพลัง:
    +1,917
    ธาตุ...มิได้ สูญหายไปไหน... แต่ปรับเปลี่ยนสมดุลใหม่ ตามสภาพแห่งปัจจัยที่อยู่อาศัยของธาตุนั้น..??

    .. :D:D
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2021
  2. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    เราเปรียบเทียบให้ผู้ที่ยังยึดอยู่กับเรา-เขา ดู เวลาสนทนากันจนเกิดความขัดแย้ง แล้วถือเอาอารมณ์มาเป็นจริงเป็นจัง กล่าวตำหนิติเตียนกัน อันมีเหตุมาจากความสำคัญมั่นหมาย

    จึงยกเรื่องธาตุไฟกับธาตุน้ำที่กระทบกัน เป็นการเตือนสติให้ระลึกว่าอันที่จริงแล้วก็มีแต่ธาตุ กรรมและวิบากเป็นเพียงอาการหนึ่งๆ หรือเป็นรูปหนึ่งๆ ที่มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป

    ขันธ์ห้ารวมกันเป็นนามรูป รูปหนึ่งรูป ประกอบด้วยขันธ์ห้าครบในหนึ่งรอบของวงจรปฏิจจสมุปปบาท อาศัยเหตุปัจจัยอันมีอวิชชาเป็นแกนนำ

    พอแระ พูดมากก็จะผิดมาก ฮาๆๆ
     
  3. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    เจโตวิมุตติและปัญญาวิมุตติ ก็เป็นเหมือนมือซ้ายกับมือขวา การปฏิบัติเพื่อหลุดพ้น ต้องมีทั้งเจโตฯคือมีสมาธิ และปัญญาฯ คือวิปัสสนา ถึงจะหลุดพ้นได้ เช่นเดียวกับเวลาที่เราทำอะไร ก็ต้องใช้ทั้งมือขวาและมือซ้าย แต่เราอาจจะถนัดมือขวามากกว่ามือซ้ายหรือมือซ้ายมากกว่ามือขวา เราเก่งทางด้านหนึ่ง แต่อีกท่านอาจจะเก่งในอีกด้านหนึ่ง
    .
    ถ้าเก่งทางด้านสมาธิกว่าทางด้านปัญญา ก็จะได้สมาธิง่ายแต่จะได้ปัญญาช้า ถ้าเก่งทางด้านปัญญา ก็อาจจะทำจิตให้สงบนิ่งด้วยการบริกรรมพุทโธๆไม่ได้ ต้องใช้ปัญญาทำจิตให้สงบ พิจารณาด้วยเหตุด้วยผล จนปล่อยวางเรื่องราวต่างๆได้ จิตจึงจะสงบตัวลง พอสงบแล้ว ก็ก้าวขึ้นสู่การพิจารณาขันธ์ ๕ พิจารณารูป เวทนาสัญญาสังขาร วิญญาณ ซึ่งเป็นการเจริญวิปัสสนาโดยตรง
    .
    แต่ช่วงที่พยายามทำให้จิตสงบ ก็ต้องตัดความผูกพันกับเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อความสงบก่อน เช่นคิดเรื่องลูก เรื่องภรรยา เรื่องสามี เรื่องงานเรื่องการต่างๆ ก็ต้องใช้ปัญญาเข้าไปสกัดจนปล่อยวางได้ เมื่อปล่อยวางแล้วจิตก็สงบตัวลง
    .
    พอออกจากความสงบแล้ว เราก็บังคับจิตให้คิดไปทางที่เราต้องการให้มันคิด คือพิจารณาการเกิดแก่เจ็บตาย พิจารณาอาการ ๓๒ ของร่างกายเป็นต้น นี่เป็นแนวทางของพวกปัญญาวิมุตติ จะใช้ปัญญาไปตลอดสาย
    .
    แต่พวกที่เป็นเจโตวิมุตติ ในเบื้องต้นจะบริกรรมพุทโธๆจนจิตรวมลงอย่างคุณแม่แก้วพอรวมลงแล้วไม่อยู่นิ่ง แต่ออกไปรับรู้เรื่องราวต่างๆ ก็จะติดอยู่ตรงนั้น จะไปไม่ถึงไหน ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์มาสอน ให้เลิกสนใจกับเรื่องต่างๆที่เกิดจากการนั่งสมาธิ ให้จิตสงบนิ่งจนกว่าจะถอนออกมาเอง แล้วค่อยออกพิจารณารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ พิจารณาอนิจจังทุกขังอนัตตาในขันธ์ ๕ ต่อไป
    .
    ในหนังสือมุตโตทัยของหลวงปู่มั่นก็แสดงไว้ว่า เจโตวิมุตติกับปัญญาวิมุตติเป็นของคู่กัน ไม่ได้แยกกันอย่างที่คนบางคนเข้าใจบางคนคิดว่าสามารถบรรลุวิมุตติได้ด้วยเจโตวิมุตติเพียงอย่างเดียวก็เหมือนพวกฤๅษีชีไพรที่ได้ฌานสมาบัติแต่ยังไม่ได้วิปัสสนา บางคนก็คิดว่าสามารถบรรลุวิมุตติความหลุดพ้นด้วยปัญญาวิมุตติเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องมีสมาธิก็ได้ อย่างนี้ก็ไม่ถูกเป็นการใช้ปัญญาทำจิตให้มีสมาธิก่อน ให้สงบให้ตั้งมั่นก่อน แล้วถึงค่อยไปพิจารณาขันธ์ ๕ ในลำดับต่อไป
    .
    เจโตวิมุตติกับปัญญาวิมุตติต้องไปด้วยกัน ศีลสมาธิปัญญาแยกกันไม่ได้ เพียงแต่การดำเนินอาจจะมีหนักเบาต่างกันไปตามวาสนาบารมี ตามความถนัดของแต่ละคน บางคนไม่เข้าใจ คิดว่ากำหนดรู้ไปเรื่อยๆแล้วก็ใช้ได้ ไม่เคยทำจิตให้สงบเลย ก็ได้แต่การเจริญสติให้รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ กำลังคิดอะไรอยู่ แต่เวลาเกิดความทุกข์ขึ้นมา เกิดความโลภขึ้นมา ความโกรธขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร รู้อยู่แต่ก็ดับไม่ได้ ต้องใช้ปัญญาเข้าไปดับ ต้องเห็นไตรลักษณ์ในสิ่งที่ทำให้โลภ ทำให้โกรธ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไตรลักษณ์หมด แต่เราไม่เห็นมัน พอเห็นเงินกองหนึ่งใจก็ร้อนไปหมด คิดว่าจะได้ความสุข ได้เงินมาแล้วจะมีความสุข แต่ไม่เห็นว่าเป็นความทุกข์ ทุกข์เพราะกระวนกระวาย ถ้าตัดใจได้ ไม่อยากได้แล้ว ความกระวนกระวายกระสับกระส่ายก็จะหายไป อยู่เฉยๆได้ จะได้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ได้มาก็เท่านั้น ความสุขไม่เพิ่มขึ้น มีแต่ความทุกข์ที่เพิ่มขึ้น
    .
    เพราะถ้ายังหลงก็จะไปยึดไปติด ไปรักไปหวงไปห่วง เวลาจากกันก็ร้องห่มร้องไห้เสียอกเสียใจ เป็นผลที่ได้จากการได้สิ่งต่างๆมา แต่ไม่คิดกันไม่พิจารณากัน ไม่เห็นกัน ทางของการหลุดพ้นจึงหนีไม่พ้น ศีลสมาธิปัญญา
    .
    คัดมาจากพระธรรมเทศนาเรื่อง
    +สมถะ วิปัสนา+
    วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
    พระจุลนายก
    (พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต)
    วัดญาณสังวราราม วรมหาวิหาร
    ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
     
  4. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
     
  5. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    (มีน้องมาสอบถาม ปรึกษาเรื่องทุกข์ทางใจ)

    จึงได้สนทนากัน เราก็เลยนำประสบการณ์ที่เคยประสบมา...เล่าให้เค้าฟัง.........

    มันไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก ถ้าเราเห็นความจริงจากการเพียรปฏิบัติ โดยยึดหลักของศีลธรรม ไม่อยากตายแล้วตกนรก ยังมีลมหายใจอยู่ เราสร้างเราทำได้ แต่ถ้าตายไปแล้วเราจะสร้างทำความดีไม่ได้อีก

    บางคนผ่านมันได้แล้วมีชีวิตใหม่ บางคนผ่านไม่ได้ก็เสียผู้เสียคน ฆ่าตัวตายก็มี ชีวิตเป็นของเรา เราเลือกที่จะลิขิตมันได้เอง

    สวดมนต์ นั่งสมาธิตลอด แต่เวลาออกจากสมาธิแล้ว ก็ถูกกิเลสลากไปเหมือนเดิม เหตุนี้จึงเกิดความสงสัยว่าทำอย่างไร ทุกข์จึงจะหายไปจริงๆ ได้คำตอบว่าต้องมีปัญญา ก็เพียรต่อไปโดยตั้งความหวังให้จิตเข้าถึงปัญญา

    เพราะเดิมๆ เราใช้ความคิด พอคิดได้เราก็มองว่านั่นคือปัญญา มันก็ถูก แต่ปัญญาชนิดนี้มันแก้ทุกข์ได้แค่ชั่วคราว มันเป็นสุตตมยปัญญากับจินตามยปัญญา ปัญญาสูงสุดของพระพุทธศาสนาคือภาวนามยปัญญา ปัญญานี้แก้ทุกข์เป็นสมุจเฉทได้ เพราะเป็นปัญญาที่เกิดขึ้นที่จิต ปัญญาที่เกิดจากภาวนาหรือที่เรียกว่าภาวนามยปัญญา คือปัญญาที่เข้าไปเห็นอริยสัจสี่

    ก่อนจะเห็นอริยสัจสี่ต้องเห็นไตรลักษณ์ก่อน ก่อนจะเห็นไตรลักษณ์ชัด ก็ต้องเห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ของสิ่งๆ หนึ่ง วนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    เวทนาเกิด ให้ดูเวทนา ดูการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป กำหนดจิตให้เป็นสมาธิ ด้วยการบริกรรมพุทโธกำกับลมหายใจไว้ อย่าได้ขาด ปฏิบัติอย่างนี้ตลอดเวลา แม้กระทั่งหลับก็ยังพุทโธ มันจะเห็นแต่เรื่องกายคือลมหายใจ สั่งสมไป จนวันหนึ่งที่อินทรีย์พละเต็ม ปัญญาที่แท้จริงก็เกิดขึ้น คราวนี้ปัญญาจะมาอบรมจิต จนจิตยอมรับความจริง พอจิตเห็นจริงตามปัญญา จิตจะสลัดทิ้งทุกข์และเหตุให้เกิดทุกข์ทั้งหมดเอง ระหว่างที่เรายังเพียรอยู่ ต้องพึ่งขันติบารมี วิริยะบารมี อธิษฐานบารมี...บารมีทั้ง 10 ทัศค่ะ

    สำหรับผู้ที่ต้องการพ้นทุกข์จริงๆ ต้องหาปัญญาให้พบก่อนนะ:D

    _/|\_ธรรมทานนี้ขอน้อมถวายเพื่อเป็นพุทธบูชา_/|\_
     
  6. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    การหมุนเวียนของธาตุ4 ไปดูได้ที่เรื่องห่วงโซ่อาหาร:D
     
  7. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ฮาๆๆๆ

     
  8. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    เรื่อง “ผู้เข้ารอบสุดท้าย”

    (คติธรรม พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรังสี)

    มนุษย์ปัจจุบันมี ๙ พันล้านคน เราก็ได้เข้ารอบมาเป็นคนไทย ในจำนวนคนไทยทั้งหมด เราก็มาอยุ่ในกลุ่มที่นับถือพุทธศาสนา แต่แม้ในกลุ่มผุ้นับถือพุทธศาสนาส่วนมากก็ไม่ได้สนใจในพุทธศาสนา บางคนไม่มีศรัทธาเลย ไม่เชื่อบุญ-บาป สมัยนี้ส่วนมาก ปฎิเสธกรรม และผลของกรรม

    แต่เราก็มาอยุ่ในกลุ่มคนที่เชื่อบุญ เชื่อบาป และในกลุ่มคนที่เชื่อบุญและบาป บางคนก็เพียงแต่ทำบุญให้ทาน ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า แต่ยังไม่เข้าถึงการรักษาศีล เขาก็ยังทำบาป ยังฆ่าสัตว์ ยังลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม โกหก ดื่มสุราเมรัย ทั้งๆที่รุ้บุญ-บาปมีจริง อย่างนี้ก็มี

    บางคนก็ดีกว่านั้น มีศีลด้วย รักษาศีล ๕ แต่ไม่สนใจธรรมะ ไม่เคยฟังธรรม แต่เราก็ได้มาอยุ่ในกลุ่มคนที่มีศีลและสนใจธรรมะ กลุ่มที่สนใจธรรมะ ชอบฟังธรรม ได้แต่ฟังแต่ไม่สนใจปฎิบัติก็มี

    โยมบางคนบางทีฟังธรรมออกอากาศทางวิทยุชื่นชม “โอ้ ดีเหลือเกิน ฟังดี” ถามว่าโยมได้ปฎิบัติหรือเปล่า ไม่ได้ปฎิบัติอย่างนี้ก็มี สนใจฟังแต่ไม่เจริญกรรมฐาน

    ส่วนเราก็ได้มาอยุ่ในกลุ่มของคนที่ได้ปฎิบัติกรรมฐานซึ่งมีอยุ่น้อยอยุ่แล้วในโลกนี้ ก็ยังมีคนสนใจแต่ยังไม่มีโอกาสปฎิบัติ เพราะภาระกิจการงาน มีครอบครัว มีอะไรต่ออะไรต้องรับผิดชอบ ไปไหนไม่ได้ จึงไม่ใช่ง่ายที่คนจะปลดภาระ การงานและครอบครัวมาสุ่การเก็บตัวปฎิบัติ

    ต้องมีบุญบารมีมากจึงจะผ่านเข้ารอบมาถึงระดับนี้ได้ ถือว่าเป็นการงานที่มีสาระที่สุดของชีวิต..ชีวิตที่อยุ่กับการเจริญสติ เดินอย่างมีสติ นั่งอย่างมีสติ เมื่อมีสติกำหนดลมหายใจนับเป็นลมหายใจที่มีคุณค่ามีสาระ เราหายใจทิ้งมามากแล้ว ขอให้พากันหายใจอย่างมีสติอย่างผู้รู้ เราเคยปล่อยจิตใจเลื่อนไหลไปตามเรื่อง ตามราวมามากแล้ว เรามาเริ่มดูจิต ดูใจ เราเคยเห็น ได้ยิน รุ้รส รุ้กลิ่นมามาก แต่ไม่เคยมีสติรู้ ได้ยินให้มีสติ รู้รสให้มีสติ รู้กลิ่นให้มีสติ ยืน เดิน นั่ง นอน คู้เหยียด เคลื่อนไหว อย่างมีสติ

    เป็นชีวิตที่มีสาระที่สุด มีประโยชน์ต่อชีวิตของเรามาก เป็นการสะสมเหตุปัจจัย แม้ว่าเรายังไม่บรรลุมรรคผลนิพพาน แต่นี้คือการสะสมเหตุปัจจัยต่อมรรคผลนิพพาน เป็นการขัดเกลาอยุ่ทุกขณะทุกวัน

    _/|\_ _/|\_ _/|\_
     
  9. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ของมันต้องมี;)

    ดูแลรักษาสุขภาพไปพร้อมๆ กับการเพิ่มภูมิต้านทานโรคให้กับตัวเองค่ะ:D
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    เมื่อก่อนเราชอบไปนั่งสมาธิที่สวนทิพย์ ฟังเทศน์ของหลวงปู่บุญฤทธิ์ เรื่องเต่าตาบอดขึ้นมาหายใจที่ผิวน้ำทุก 100 ปี มีโอกาศขึ้นมาหายใจในห่วงที่ผิวน้ำ เปรียบเทียบโอกาศในการเกิดเป็นมนุษย์ ทำให้เห็นว่า การเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากมาก

    พอมาต่อกับที่คุณ nouk นำมาโพสท์ ยิ่งทำให้เห็นว่ามีความยากขึ้นไปอีก ในการที่จะเลือกปฎิบัติธรรม ทำให้ฉุกใจคิด ว่า อะไรที่บังตา บังใจไว้
     
  11. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ลองทบทวนบารมี 10 ดูค่ะ
     
  12. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    เรานะมารู้จักวิปัสสนาจากหนังสือที่ท่านพุทธทาสเขียน อ่านแล้วเข้าใจ หนังสือชื่อ...วิปัสสนาลัดสั้น มารู้จักขันธ์5 ก็เพราะหนังสือเล่มนี้ อ่านที่ท่านเขียนแล้วเข้าใจ ทำตามได้ ท่านเขียนแบบสั้นๆ มีแต่เนื้อๆ

    วิปัสสนาลัดสั้น แค่ดูขันธ์ห้าว่าอะไรเกิด อะไรดับ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เห็นทันขันธ์ไหนก็ดูขันธ์นั้น เดิมๆ เลยไม่รู้จักขันธ์ห้า อะไรคือขันธ์ห้า ขันธ์ห้าคืออะไร ไม่เคยรู้จัก วิญญานหน้าตาเป็นยังไง ไม่รู้ รูป...อย่างไรคือรูป สัญญาคืออะไร สังขารคืออะไร ไม่รู้จักเลย แต่ความรู้สึกว่าสุข ทุกข์ นี่รู้จัก ท่านก็เรียกความรู้สึกสุข ทุกข์ นั้นว่าเวทนา

    อ่านจนจบ แล้วมาทำไว้ในใจนี่แหละ จับแต่เวทนา เพราะมันหยาบ จับง่าย บริกรรมว่า เวทนาหนอ เกิดหนอ ตั้งอยู่หนอ ดับหนอ ตอนนั้นรู้แค่ว่าการเจริญวิปัสสนาจะทำให้เกิดปัญญา ขอปัญญาก่อน เพราะปัญญานำพาให้พ้นทุกข์ได้ อย่างอื่นไม่สน ทำไว้ในใจอย่างนั้นไปเรื่อยๆ จับแต่เวทนาอย่างเดียว ผ่านไป 6 เดือนปรากฏผล เข้าถึงปัญญาจริงๆ จากเดิมโง่สุดๆ ค่อยๆเห็นธรรมต่างๆ เป็นขั้นเป็นตอน ธรรมปฏิบัตินี้ต้องจริงจัง มีสัจจะ ปฏิบัติแบบต่อเนื่อง เห็นผลจริง

    เรารู้จักอานาปา เราใช้อานาปาเป็นฐาน จากเดิมพุทโธกำกับลมหายใจอยู่แล้ว เราแค่เปลี่ยนคำบริกรรมมาเป็นเวทนาหนอ สติบอกเราว่าสุขหรือทุกข์ สติเกิดจากสัมมาสมาธิอยู่แล้ว แค่หนังสือเล่มเล็กๆ เล่มเดียว เรานำมาฝึกตน

    สมัยก่อนไม่มีคอม ไม่มีเทป ไม่มีซีดี มีแต่หนังสือ หนังสือก็ไม่ได้ซื้อเอง ครูอาจารย์ของพ่อเอามาอ่านแล้วทิ้งไว้ ท่านทิ้งไว้สามเล่ม นิพพาน วิปัสสนาลัดสั้น อีกเล่ม...รู้เท็จจริง ของท่านบ๋าวเอิง

    เวลาอ่านหนังสือ เราจะจุดเทียนเล่มหนึ่ง เพ่งมองแสงเทียนจนจิตนิ่งแล้วจึงอ่านหนังสือ เจตนาประทับคำสอนลงจิต เราฝึกระหว่างวันควบคู่ไปกับการทำกิจการงานประจำวัน เพราะมันเป็นการแยบคายไว้ในใจ ไม่มีใครรู้เห็น

    เวทนาเนี่ยเกิดขึ้นตลอดวัน ทุกวัน ถ้าจะเจริญเวทนานุปัสสนา ทำได้ตลอดเลย ใช้อานาปาเพื่อให้จิตไม่ซัดส่าย และมีสติกำหนดรู้เวทนา เริ่มจากหยาบๆ ไปก่อน จิตเค้าสะสมเอง

    :D:D:D
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • images.jpeg
      images.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      35.4 KB
      เปิดดู:
      27
  13. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    เมื่อก่อนเราก็ชอบอ่าน ท่านพุทธทาส เหมือนกัน
    เป็นหนังสือของน้องชาย เล่มหนาๆหลายเล่มเลย
    ตอนเราอ่านครั้งแรก ก็ชอบแล้ว อธิบายละเอียด
    แต่ก็งง บางเล่มอธิบาย อรูปฌานซะละเอียดยิบเลย แต่ท่านก็ไม่ได้บอกว่า อรูปฌาน
    ท่านเชี่ยวชาญสมาธิชัดๆ แต่เวลาเทศน์ มักเน้นไปอีกทาง
    และหนังสือส่วนมาก กลับเน้น โยนิโส และ อนุปัสสนา
     
  14. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    หนังสือของท่านพุทธทาสเราอ่านแค่สองเล่มเท่านั้นแหละ คือ วิปัสสนาลัดสั้นกับนิพพาน ส่วนเรื่องสมถะสมาธิเราไม่ได้สนใจหาอ่าน เพราะอย่างที่เคยเล่าไปแล้วว่าเราได้รูปฌาน4 ตั้งแต่บวชครั้งแรกตอน 10 ขวบ ครูบาอาจารย์ที่สอนเป็นพระป่าสายหลวงปู่มั่น ท่านเน้นเรื่องรูปฌาน และท่านได้พูดถึงวิปัสสนาว่า หากเรากลับไปบวชอีกท่านจะสอนวิปัสสนาให้ เพราะเราได้ฐานแล้ว แต่เพราะหลังจากกลับมาคราวนั้นก็ไม่มีโอกาสได้กลับไปบวชอีกเลย
     
  15. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
     
  16. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
     
  17. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
     
  18. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    "...ใจใดเห็นภัยในใจอันเดือดร้อน
    ใจนั้น จะรู้จักการลดผ่อนในเรื่องร้อนของใจ

    ใจใดไม่รู้จักรสของใจ
    ใจนั้น ก็ไม่รู้จักรสของธรรม

    ใจใดไม่รู้จักทางใจ
    ใจนั้น ก็ไม่รู้จักทางธรรม

    ใจใดไม่รู้จักพึ่งใจ
    ใจนั้น ก็ไม่รู้จักพึ่งธรรม

    ใจใดไม่รู้จักเหตุแห่งใจ
    ใจนั้น ก็ไม่รู้จักเหตุแห่งธรรม

    ใจใดไม่รู้จักดับเหตุแห่งใจ
    ใจนั้น ไม่รู้จักดับเหตุแห่งธรรม

    ใจใดไม่รู้จักหลุดพ้น
    ใจนั้น ก็ไม่รู้จักธรรมอันหลุดพ้น

    ใจใดไม่เคารพใจ
    ใจนั้น ก็ไม่เคารพธรรม

    ใจใดไม่รู้จักใจที่ควรปฏิบัติเคารพ
    ใจนั้น ก็ไม่รู้จักธรรมที่ควรปฏิบัติเคารพ

    ใจใดที่ไม่รู้จักสรรพใจ
    ใจนั้น ก็ไม่รู้จักสรรพธรรม

    ใจใดไม่รู้จักเอกใจในปัจจุบัน
    ใจนั้น ก็ไม่รู้จักเอกธรรมในปัจจุบัน

    พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
    วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร
    _/|\_ _/|\_ _/|\_
     
  19. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    "..ให้พิจารณาก้าวเข้าไป ถอยออกมา เป็น อนุโลม ปฏิโลม คือเข้าไปสงบในจิต แล้วถอยออกมาพิจารณากาย อย่าพิจารณากายอย่างเดียว หรือสงบที่จิตแต่อย่างเดียว

    พระโยคาวจรเจ้าพิจารณาอย่างนี้ชำนาญแล้ว หรือชำนาญอย่างยิ่งแล้ว คราวนี้แลเป็นส่วนที่จะเป็นเอง คือ จิต ย่อมจะรวมใหญ่.."

    #หลวงปู่มั่น_ภูริทัตโต
    #ที่มา_มุตโตทัย (๙. อุบายแห่งวิปัสสนา
    อันเป็นเครื่องถ่ายถอนกิเลส)
    ***************************
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    ขอฝากนิทานไว้สักเรื่อง
    นิมิตรไปว่า มีพญาครุฑ วรกายสีแดง สูงประมาณ 20 เมตร ยืนอยู่ที่สนามหลวง
    แล้วกลางปีก แล้วแหงนหน้าร้องไปบนฟ้า สักครู่ก็มี เหล่าพญาครุฑบินเต็มฟ้า

    แล้วเห็นภาพ พญานาค พ่นพิษใส่หน้า ผู้หญิงคางโตคนหนึ่ง

    สงสัยจะได้เวลาแล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...