แต่งธรรมะเองจะมีโทษไหม?

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย JFK888, 22 มิถุนายน 2006.

  1. JFK888

    JFK888 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +5
    <TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>ถ้าเราแต่งธรรมะขึ้นมาเองเพราะคิดว่าตัวเองเป็นผู้มีคุณวิเศษแล้วแต่งผิดๆ ไปสอนคนอื่น โดยที่คนฟังเขาเชื่อว่าพระพุทธเจ้าสอนมาอย่างนั้น จะมีโทษไหม??

    </TD></TR><TR align=right><TD>จากคุณ ผู้ใฝ่รู้ เมื่อวันที่ 14/6/2549 11:53:53 </TD></TR></TBODY></TABLE>




    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR bgColor=#000000><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width=600 border=0><TBODY><TR align=middle bgColor=#b2e57f><TD class=row1 bgColor=#ffffff height=54><TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>
    ข้อความที่ 1​

    ......หากธรรมนั้นเกิดจากการปฏิบัติ......ตามพระพุทธองค์
    ......แล้วนำมาเรียบเรียงให้หมู่คณะของตนได้เข้าใจ...ให้เป็นไปตาม ธัมมวินัย ไม่ถือว่าผิด
    ...........แต่เป็นหมื่นหัวขอธรรมก็ไม่ผิด...ถึงแม้จะไม่เอ่ยถึงพระพุทธองค์เลยก็ไม่ผิด
    .....ยกตัวอย่าง มีชาวต่างชาติคนหนึ่งเขยนหนังสือปรัชญามาเล่มหนึง อยู่ขอบเขตของ ศีล ๕ กรรมบท ๑๐ สอนคนให้ครองเรือนมีความสุข อย่างนี้ป็นต้น​

    .......แต่หากเป็นการคัดค้านในพระธรรมวินัย ย่อมผิดในฐานะ มิจฉาทิฏฐิ คือเห็นไม่ตรงกันพระพุทธองค์....ถือว่าผิด​

    ......ตัวอย่าเช่น มีพระพ่อ พระแม่ เป็นผู้สร้างพระนิพพานขึ้น ลูกทั้งหลายเคยอยู่บนพระนิพพานนี้มาแล้ว บังเอิญลุกๆทั้งหลายพลัดตกมาจากพระนิพพาน...ตอนนี้พ่อแม่ยกโทษให้หมดแล้ว มาเข้าพระนิพพานกันเถิด โปรดมารับแสงทิพย์กันเถิดจะไปพระนิพพาน....​

    ....สังโยขน์ ๑๐ อริยสัจจ์ ๔ ไม่ต้องไปทำกันเลยซิ​

    .......หรือ ผีไม่มี สวรรค์ไม่มี พรหม นิพพานไม่มี สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ.......



    </TD></TR><TR align=right><TD>จากคุณ คนเมืองบัว เมื่อวันที่ 14/6/2549 12:23:23 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://www.konmeungbua.com/webboard/







    หลักฐานที่ พุทธทาสสอนบิดเบือนพุทธดำรัส ลบหลู่ดูถูกดูหมิ่นปรามาสพระพุทธเจ้า

    แหล่งอ้างอิง พุทธทาสคอม



    พุทธทาสหาว่าพระพุทธเจ้าโกหก


    พุทธทาส:-พระสูตรทั้งหมดที่เกี่ยวกับเรื่องโอปาติกะ เป็นเรื่องโกหกทั้งหมด เมื่อพระพุทธเจ้าท่านสอนเกี่ยวกับเรื่องโอปาติกะนั้น ท่านก็โกหกประชาชนและภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย เพราะท่านจำเป็นต้อง "เอออวย"...เรื่อง ทาน ศีล สมาธิ ฤทธิ์ อภิญญา ชาตินี้ ชาติหน้า ภพต่างๆ ภูมิต่างๆ และทางที่กระทำแล้วให้ผลไปสู่ภพภูมิต่างๆ เทวดา พรหม สัตว์นรก เปรต อสุรกาย โลกนี้ โลกอื่น ผลของกรรมที่ไม่ให้ผลในชาตินี้...เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้า ท่านโกหกโลก โกหกประชาชน เพราะต้อง "เอออวย" ไปตามสังคมทั้งนั้น ถ้าใครจะเชื่อพระพุทธเจ้า ใครจะเชื่อพระไตรปิฏก ต้องคิดแบบท่านซะก่อน ถึงจะฉลาด เพราะคำสอนทั้งหมดของพระพุทธเจ้านั้น เชื่อไม่ได้


    บรรพต อ.:- คือ พุทธทาส พยายามสอนให้คนปฎิเสธ พุทธดำรัส ความจริงอย่าว่าแต่พระอริยเจ้าเลย แม้ชาวพุทธทั่วไปที่ไม่ได้ปฎิบัติธรรมก็ยังไม่มีใครกล้าล่วงเกินพระพุทธเจ้า เช่นลองเขียนคำว่า พระพุทธเจ้า แล้ววางไว้ รับรองว่าไม่มีใครกล้าเหยียบตัวหนังสือคำว่า พระพุทธเจ้า แต่นี่ พุทธทาส กลับกล้าสอนบิดเบือน ลบหลู่ดูถูกดูหมิ่นปรามาสพระพุทธเจ้าถึงขนาดนี้ โดยไม่มีใครว่าอะไร หรือเห็นว่าเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา สงสัยไหมว่าทำไม คณะสงฆ์ เถรสมาคมจึงยังให้มีการเผยแพร่คำสอนของ พุทธทาส ได้อยู่ อันนี้น่าศึกษาและตรวจสอบต่อไปนะครับ



    พุทธทาสตีความเพี้ยนสอนสัตว์เดียรฉานให้บรรลุนิพพาน


    พุทธทาส:-สำหรับสัตว์เดียรฉาน ก็คือสัตว์เดียรฉานที่ไม่มีความร้อน ความร้อนของสัตว์เดียรฉานก็คือความร้ายกาจที่เป็นอันตรายแก่มนุษย์ นี่เรียกว่าความร้อน ถ้าสัตว์เดียรฉานนั้นได้รับการฝึกดี จนเป็นสัตว์ที่ดีไม่มีอันตรายอีกต่อไป หมดพยศร้ายแล้ว เช่น ช้างป่า วัวป่า ที่เอามาฝึกจนหมดพยศร้ายแล้ว ก็เรียกว่ามัน นิพพาน

    สัตว์ป่าจับมาจากในป่า เช่น ป่า ช้างป่า อะไรป่านี่ มันดุร้ายเหลือประมาณ อันตรายเหลือประมาณ; เขาเอามาเข้าคอกเข้าที่ บังคับฝึกหัดไปจนสัตว์เหล่านั้นเชื่องเหมือนกับแมว จนช้างป่านั้นเชื่องเหมือนกับแมว ทำอะไรก็ได้; อย่างนี้ก็เรียกว่า มันนิพพาน

    บรรพต อ.:- คือ พุทธทาส เข้าใจพระนิพพานผิดๆ ตีความของแกไปเรื่อย ยังมีนิพพานอีกหลายรูปแบบที่แกตีความไว้ รวมทั้งที่เอามาจากพุทธดำรัสส่วนหนึ่ง อันนี้เราไม่ว่ากัน แต่ที่แน่ๆ พุทธดำรัส ถูกพุทธทาสทำลายป่นปี้ ถ้ายังได้รับการยอมรับ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ที่ผมพูดแบบนี้เพราะ ผมรู้จักพระนิพพานเป็นอย่างดี ระดับพุทธภูมิปัญญาธิกะเต็มขั้นชาติสุดท้ายลา เพื่อ ชาติ ศาสนาพุทธไทยเถรวาท และ พระมหากษัตริย์



    พระอภิธรรมเป็น ๑ ใน ๓ ของพระไตรปิฏก พุทธทาส ยังกล้าลบหลู่


    พุทธทาส:-ให้โกยอภิธรรมทิ้งไปให้หมด อภิธรรมตามที่รู้กันนั่นแหละ อภิธรรมปิฏก อภิธัมมัตถสังคหะ อภิธรรมอะไรก็ตาม ที่ระบุไปยังอภิธรรมเฟ้อนี้โกยทิ้งไปเสียให้หมด
    บางสูตรก็ตัดออกไปหมดเลย บางสูตรก็ต้องตัดออกไปบางส่วน บางสูตรก็ตัดออกไปราว 40%


    บรรพต อ.:-พระสูตรนี้ผมเจอโดยปาฎิหาริย์ อยู่ๆก็ก็เปิดเจอขึ้นมาเอง สงสัยพระท่านทำให้

    ผู้คัดค้านพระอภิธรรมชื่อว่า ทำลายชินจักร
    "บุคคลเมื่อคัดค้านพระอภิธรรม ชื่อว่า ย่อมให้การประหารในชินจักรนี้ ย่อมคัดค้านพระสัพพัญญุตญาณ ย่อมหมิ่นเวสารัชชญาณของพระศาสดา ย่อมขัดแย้งบริษัทผู้ต้องการฟังย่อมผูกเครื่องกั้นอริยมรรค จักปรากฏในเภทกรวัตถุ ๑๘ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นผู้ควรแก่อุกเขปนิยกรรม นิยสกรรม ตัชชนียกรรม เพราะทำกรรมนั้น จึงควรส่งเธอไปว่า เจ้าจงไป จงเป็นคนกินเดนเลี้ยงชีพเถิด ดังนี้ "
    พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล มหามกุฏราชวิทยาลัย
    ในพระบรมราชูปถัมภ์ เล่มที่ 75 อภิธรรมปิฎก หน้า 60-63 อรรถกถาธรรมสังคณี



    คนบ้าก็คือนิพพานของพุทธทาส เพราะจิตว่างมั๊ง!

    พุทธทาส:-แม้คนโง่ไม่รู้จักพระนิพพานเอาเสียเลย เขาก็ยังลงไปกินไปอาบในสระแห่งนิพพานนั้นได้โดยไม่รู้สึกตัว ข้อนี้ก็เพราะว่า พระนิพพานเป็นธรรมชาติที่มีอยู่ในที่ทั่วไป


    บรรพต อ.:-คนฉลาดมีปัญญายังต้องใช้เวลาในการบำเพ็ญบารมีนับชาติไม่ถ้วน ผมคิดว่า พุทธทาส คงเข้าใจว่าเวลาใดที่จิตว่างนั่นก็คือพระนิพพาน ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่งยวด แกคิดว่าคนโง่ก็มีขณะที่จิตว่างได้มั๊ง! ที่จริงจิตที่ว่างนั้นเป็นวิญญาณความรู้สึกของใจเป็นขันธ์ ๕ น่ะน้องเอ๊ย!



    พุทธทาสคิดว่าเวลาที่ไม่มีความโกรธคือนิพพาน

    พุทธทาส:-ทุกคนไม่ใช่ว่าจะมีกิเลสเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา มันมีเวลาที่กิเลสไม่เกิด หรือว่า กิเลสมันดับไปเองตามธรรมดา มันก็ต้องมีความเย็นในความหมายของนิพพาน ฉะนั้น จึงพูดได้เต็มปากว่า นิพพานนั้นมีสำหรับทุกคน


    บรรพต อ.:-อริยมรรคมีองค์ ๘ เท่านั้นที่เป็นเหตุให้บรรลุพระนิพพานได้ พุทธทาสก็นำพุทธดำรัส ตรงๆในอริมรรคมาสอนเหมือนกัน เพื่อกันท่าไม่ให้คนอื่นโจมตี แต่นิพพานของแกมันเยอะจัด ถ้าเราสนใจอ่านก็จะพบความผิดปกติที่แกชอบบิดเบือนไปเรื่อย เช่นบทข้างบนนี้ แกไม่รู้จักพระนิพพาน เลยตีความมั่วไปเรื่อย ที่จริง เวลาที่คนเราไม่มีความโกรธน่ะ มันคือ ความหลง แต่แกคิดว่าเป็นนิพพานไปฉิบ (หาย)



    พุทธทาสตีความวิจิกิจฉาว่าเป็นความสงสัยโดยทั่วไป

    พุทธทาส:-บางทีจะวิจิกิจฉาว่า พ่อแม่นี้จะรักเราจริงหรือไม่? ก็ดื้อไว้ก่อนดีกว่า เผื่อพ่อแม่ไม่ได้รักเราจริง. นี่มันมีได้สารพัดอย่าง ความลังเลไม่แน่ใจลงไปในทุกสิ่ง ที่หวังว่ามันจะมีประโยชน์, หรือจะปลอดภัย, มันยังลังเลสงสัย. ฉะนั้น เรามีความหวาดผวาได้เมื่อไรก็ได้ ถ้ามันแสดงออกมาให้เห็นสักนิดหนึ่ง ว่ามันเป็นอันตรายหรือมันไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้. วิจิกิจฉาจึงเป็นสิ่งที่ทรมานใจอยู่ในส่วนลึกใต้สำนึก

    บรรพต อ.:-วิจิกิจฉา คือ ลังเลสงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น แต่พุทธทาสแกสงสัยทุกอย่างที่ขวางหน้าแม้ พุทธดำรัส แกยังสงสัย แล้วก็วิจารณ์พระพุทธเจ้า แบบไม่กลัวบาปบุญคุณโทษเลย ก็แน่ล่ะสิ! เพราะแกสอนว่าตายแล้วสูญนี่ ตอนมีชีวิตอยู่จะทำชั่วยังไงก็ได้ เพราะตายแล้วก็จบ ไม่มีผลหลังความตาย ไม่เชื่อลองเข้าไปอ่านดู แกยังสงสัยอย่างอื่นอีกเยอะแยะ!



    สมัยก่อนคอมมิวนิสต์เขากลัวพระเครื่องเลยต้องโจมตีหน่อย


    พุทธทาส:-เอาพระเครื่องมาแขวนคอ มันก็คุ้มครองได้หมด, ไม่มีความทุกข์. นี่ความคิดของเรามันมีเพียงเท่านั้น คือ โง่, แล้วเราก็ไม่อาจจะรู้ว่า พระพุทธเจ้าคือใคร, แล้วพระพุทธรูปที่เป็นสัญญลักษณ์ของพระพุทธเจ้านั้นคือใคร, ก็เราเอามาแขวนไว้เพราะว่ามีคนบอกว่าคุ้มครองได้, คุ้มครองได้; อย่างนี้ ยังเป็น สีลัพพตปรามาส

    บรรพต อ.:-พระเครื่องก็คือ พุทธานุสสติ สังฆานุสสติ พระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสว่า เป็นธรรมให้บรรลุพระนิพพาน สีลัพพตปรามาส น่ะ! คือ ไม่นับถือศีลพรตอย่างอื่น นอกจาก พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่พระเครื่องก็คือ พุทธานุสสติ ธรรมมานุสสติ สังฆานุสสติ ผมไม่เข้าใจว่าพุทธทาส แกเอานโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์มาใช้ทำไม ผมจึงว่า พุทธทาสแกไม่รู้เรื่องสังโยชน ๑๐ เลย ตีความบิดเบือนพระพุทธดำรัสไปเรื่อย



    พุทธทาสสอนให้ไม่เกิด แต่ปฎิเสธการเวียนว่ายตายเกิด

    พุทธทาส:-ถ้าจะเกี่ยงให้ บำเพ็ญบารมี หมื่นชาติ แสนชาติก็ได้ เพราะว่า เกิดตัว ในอารมณ์ ครั้งหนึ่ง เรียกว่า ชาติหนึ่ง เดือนหนึ่ง อาจเกิดได้หลายร้อย ปีหนึ่งอาจเกิดได้หลายพัน หลายหมื่น ยี่สิบสามสิบปี ก็เกิดได้หลายแสน พอแล้ว, พอแล้ว อย่าให้มันมากกว่านั้นเลย มันควรจะเข็ดหลาบแล้ว. นี้ บำเพ็ญบารมีกัน หมื่นชาติ แสนชาติ ได้ก่อนแต่ที่จะ เข้าโลง มันก็ไม่ค้านกันดอก.
    หลักที่เขาว่า ให้บำเพ็ญบารมี หมื่นชาติ แสนชาติ เสียก่อน จึงจะนิพพาน; ของเราปฏิบัติได้อย่างนี้, แต่ของเขา มันจะเหลวคว้าง. เขาต้องรอ เข้าโลงแล้ว หมื่นครั้ง แสนครั้ง เดี๋ยวก็ ลืมหมด ขี้เกียจพูดกัน เข้าโลง ตั้งแสนครั้ง: เราไม่ทันจะ เข้าโลงสักที เรามีการเกิดตาย แห่งตัวนี้ ตั้งแสนครั้ง เหมือนกัน.

    บรรพต อ.:- "พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ใช้เวลาในการบำเพ็ญบารมี ๔ อสงไขยกำไลแสนกัปล์" คือพุทธทาสแกไม่เชื่อ พุทธดำรัส ที่สอนเกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิดว่ามีจริง อย่างนี้ก็ไม่รู้ว่าแกจะปฎิบัติ และสอนคนอื่นให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดไปทำไม งง!



    พุทธทาสปรามาสพระพุทธเจ้าอย่างแรง เพราะไม่เชื่อเรื่องตายแล้วเกิด

    พุทธทาส:-คนโง่ ย่อมคิดไกลเกินไป จนไม่มีประโยชน์ "คนโง่ก็ไปคิดเอา สิบเบี้ยไกลมือ, คนฉลาดก็ไปคิดเอา หนึ่งเบี้ย สองเบี้ย ใกล้มือ" นี้เป็นคำพูดพื้นบ้าน, ซึ่งดูเหมือนจะมีอยู่ทั่วไป ว่า คนโง่คิดไกลอย่างนี้ เพราะฉะนั้น ชาติหน้าของคนโง่ จะต้องอยู่ไกล หลังจากตายไปแล้ว อยู่เสมอ แต่ชาติหน้า ของคนฉลาด ต้องอยู่ที่นี่ และเดี๋ยวนี้ ติดต่อกันไปทีเดียว จึงสามารถ ป้องกันมันได้ คนโง่จะเอาเรื่องเหตุ ไว้ที่ชาติอื่น, เอาผลไว้ที่ชาติอื่น, แล้วมันจะทำกัน ได้อย่างไร, เช่นว่าเดี๋ยวนี้ เราจะมีความทุกข์ เราต้องการ จะตัดต้นเหตุ ของความทุกข์, แล้วเราเอาเหตุ ของความทุกข์ ไปไว้ที่ชาติอื่น คือ ชาติทึ่แล้วมา อย่างนี้ มันจะตัดต้นเหตุ ของความทุกข์ ได้อย่างไร นี่พูดถึง ชาติ ของร่างกาย

    มันต้องอยู่ในชาติ ทางร่างกายเดียวกันนี้, ทั้งเหตุและผล เราจึงจะสามารถ ตัดต้นเหตุ แห่งความทุกข์นั้นได้ และได้รับผล เป็นความไม่ทุกข์ได้ สิ่งต่างๆ ต้องอยู่ในวิสัย ที่เราจะเกี่ยวข้องได้ จัดการได้ มันจึงจะเป็นประโยชน์, ถ้าเอาไปไว้กันเสีย คนละชาติแล้ว มันแทบจะ ไม่มีประโยชน์อะไร และในบางกรณี มันทำไม่ได้ เหมือนกับที่ เราจะดับทุกข์ ของชาตินี้ แต่เหตุของมัน อยู่ที่ ชาติก่อนโน้นแล้ว จะไปดับได้อย่างไร.



    บรรพต อ.:-คือพุทธทาสแกไม่เชื่อว่าชาติก่อนชาติหน้ามีจริง แกไม่รู้ว่าการที่ พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ได้จะต้อง ระลึกชาติได้เสียก่อน เพราะถ้าระลึกชาติไม่ได้ก็จะไม่รู้ว่า มีการเวียนว่ายตายเกิด จึงเกิดความเชื่อที่ขัดต่อพระพุทะดำรัส อย่างพุทธทาส นี้แลฯ ดู พุทธดำรัสดีกว่านะ



    พุทธดำรัส:-ดูก่อนวัจฉะ ชนที่กล่าวอย่างนี้ว่า พระสมณโคดมเป็นสัพพัญญู มีปกติเห็นธรรมทั้งปวง ทรงปฏิญาณญาณทัสสนะไม่มีส่วนเหลือว่า เมื่อเราเดินไปก็ดี หยุดอยู่ก็ดี หลับก็ดี ตื่นก็ดี ญาณทัสสนะปรากฏแล้วเสมอติดต่อกันไปดังนี้ ไม่เป็นอันกล่าวตามคำที่เรากล่าวแล้วและชื่อว่ากล่าวตู่เราด้วยคำที่ไม่มี ไม่เป็นจริง

    ดูก่อนวัจฉะ เมื่อบุคคลพยากรณ์ว่า พระสมณโคดมเป็นเตวิชชะ (ผู้ได้วิชชา ๓ ) ดังนี้แล เป็นอันกล่าวตามคำที่เรากล่าวแล้ว ชื่อว่าไม่กล่าวตู่เราด้วยคำไม่เป็นจริง ชื่อว่าพยากรณ์ถูกสมควรแก่ธรรม....

    ดูก่อนวัจฉะ ก็เราเพียงต้องการเท่านั้น ย่อมจะระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติบ้าง..... ตลอดสังวัฎวิวัฎกัปเป็นอันมาก ในภพโน้นเรามีชื่อย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้วได้ไปเกิดในภพโน้น... เราย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุเทศด้วยประการฉะนี้


    ดูก่อนวัจฉะ ก็เราเพียงต้องการเท่านั้น ย่อมจะเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติกำลังอุบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดีตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ซึ่งเป็นไปตามกรรมว่าสัตว์เหล่านี้ประกอบด้วยกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ติเตียน พระอริยเจ้า เป็นมิจฉาทิฐิ ยึดถือการกระทำด้วยอำนาจมิฉาทิฐิ เขาเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ส่วนสัตว์เหล่านี้ ประกอบด้วยกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นสัมมทิฐิ..... เบื้องหน้า แต่ตายเพราะกายแตก เข้าถึงสุคติ โลกสวรรค์


    ดูก่อนวัจฉะ เมื่อบุคคลพยากรณ์ว่า พระสมณโคดมเป็นเตวิชชะ เป็นอันกล่าวตามคำที่เรากล่าวแล้ว ชื่อว่าไม่กล่าวตู่เราด้วยคำไม่เป็นจริง

    จูฬวัจฉโคคตสูตร



    พุทธทาสกล่าวตู่หาว่าพระพุทธเจ้าตรัสอย่างนั้นอย่างนี้

    พุทธทาส:-มีอยู่ในพระไตรปิฎก บางแห่ง พระพุทธเจ้าตรัสว่า เรื่องเทวดานี้ เขาพูดกันอย่าง เอิกเกริก ทั่วไปอยู่แล้ว เสียเวลา ที่จะไปฝืน ความรู้สึกของเขา; แล้วเราเอง ก็ต้องการ อีกอย่างหนึ่ง ต่างหาก สิ่งที่ต้องการ ไม่ได้เป็นอันเดียวกับ ที่ต้องการให้เขา หลงใหลในสวรรค์ ไม่จำเป็นที่จะต้อง อธิบายเรื่อง นรก สวรรค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะ พิสูจน์กัน เดี๋ยวนั้น ไม่ได้. ถ้าหากว่า ผู้นั้นจะมี ปาฏิหาริย์มาก ถึงกับ บังคับจิตผู้คน หรือ กลุ่มประชาชน ให้เห็นนรก เห็นสวรรค์ ด้วยอำนาจจิต ได้อย่างแท้จริง; ซึ่งสวรรค์ และนรก จะจริง ไม่จริง ไม่ทราบ; แต่ว่า สามารถบังคับ ด้วยปาฏิหาริย์ ให้พากันเห็นชัดเจน แท้จริง จนมีความเชื่อ อย่างนี้ก็ทำได้; พระพุทธเจ้า ท่านก็ทำได้ เป็นของง่ายๆ แต่ท่านก็ไม่ประสงค์ จะทำอย่างนั้น;

    บรรพต อ.:-อันนี้พุทธทาสสอนส่อเสียด หลวงพ่อองค์หนึ่งที่ในหลวงทรงโปรด และสอนมโนมยิทธิ ไปท่องเที่ยวสวรรค์นรกได้ แล้วกล่าวตู่พระพุทะเจ้าอีกว่า พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระไตรปิฏก ทั้งๆที่พุทธทาสเอง ก็ปฎิเสธพระไตรปิฏก เอ ตกลงแกจะเอายังไงแน่ ดูพุทธดำรัสดีกว่าครับ ว่าพระพุทะเจ้าสอน มโนมยิทธิไว้นะครับ พุทธทาสมั่วอีกแล้ว


    ทำไมพระสาวกจึงเคารพพระศาสดา

    พุทธดำรัส:- ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว ย่อมนิรมิตกายอื่นจากกายนี้ มีรูปเกิดแต่ใจ มีอวัยวะน้อยใหญ่ครบถ้วน มีอินทรีย์ไม่บกพร่อง..... เปรียบเหมือนบุรุษจะพึงชักไส้ออกจากหญ้าปล้อง ...... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่


    ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว ย่อมได้บรรลุอิทธิวิธีหลายประการ....... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่

    ดูก่อนอุทายี อีกประการหนึ่ง เราได้บอกปฏิปทาแก่สาวกทั้งหลายแล้วสาวกทั้งหลายของเราปฏิบัติตามแล้ว ย่อมได้ยินเสียงสองชนิด คือเสียงทิพย์ และเสียงมนุษย์....... ย่อมกำหนดรู้ใจของสัตว์อื่น ของบุคคลอื่นด้วยใจ..... ย่อมระลึกชาติก่อนได้เป็นอันมาก....... ย่อมเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติ กำลังอุปบัติ..... ย่อมทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะสิ้นไป ....... สาวกของเราเป็นอันมาก จึงได้บรรลุบารมีอันเป็นที่สุดแห่งอภิญญาอยู่


    ดูก่อนอุทายี ธรรมห้าประการนี้แล เป็นเหตุให้สาวกทั้งหลายของเราสักการะ เคารพ นับถือ บูชาแล้วพึ่งเราอยู่
    มหาสกุลุทายิสูตร




    พุทธทาสกล่าวหาว่า พุทธดำรัสในพระไตรปิฏกมันพลัดหลงมา

    พุทธทาส:-ส่วนตอนเรื่อง นรก สวรรค์ อะไรนั้น เป็นตอนที่ ไม่ใช่ใจความ ของพุทธศาสนา เขาเชื่อกัน อยู่อย่างนั้นแล้ว เขาทำกัน อยู่อย่างนั้นแล้ว ก่อนพระองค์เกิด ถ้าไปตู่เรื่องนี้ มาว่าเป็น พุทธศาสนา ก็เรยกว่า ไม่ยุติธรรม พระพุทธเจ้า ท่านไม่ขี้ตู่ อย่างนั้น เรื่องของท่าน จึงมีแต่เรื่อง โลกุตตระ คือ อริยสัจจ์ เป็นพื้น. เพราะฉะนั้น จึงเห็นได้ว่า เรื่องสวรรค์ หรือ นรก นี้ ไม่ใช่ ประเด็นของพุทธศาสนา แต่มันพลัดมาอยู่ใน คำของ พระพุทธเจ้า

    บรรพต อ.:-คือว่า พุทธดำรัสใดที่พุทธทาสแกชอบ แล้วเอามาสอนทำลายพุทธดำรัสส่วนอื่นๆได้ เช่น กาลามาส๖ร แกก็บอกว่า นี่แหละ พุทะดำรัสแท้ๆ แต่ถ้าพุทธดำรัส ส่วนใดเป็นคำสอนของหลวงปู่หลวงพ่อที่ในหลวงทรงโปรด สังเกตุดูนะ พุทธทาสแกก็บอกว่าไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่รู้แกเอาคำสอนอะไรเป็นหลัก พระพุทธเจ้าทรงสอนตั้ง ๘,๔๐๐๐ พระธรรมขันธ์ แต่แกจะเอา แค่ตัวกูของกู โดยไม่เอาขั้นตอนการปฎิบัติมาทำลายพระสูตรอื่นๆ

    นรกมีจริง
    ปัญหา มีบางคนยืนยันว่า นรกสวรรค์ไม่มี พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสไว้ในพระไตรปิฎก ดังนี้ ข้อนี้เป็นความจริงเพียงใด ?

    พุทธดำรัส:-ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนพาลนั้นนั่นแลประพฤติทุจริต ทางกาย ทางวาจา ทางใจแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทุกข์โทมนัสที่บุรุษถูกแทงด้วยหอกสามร้อยเล่มเป็นเหตุ กำลังเสวยอยู่นั้นเปรียบเทียบทุกข์ของนรก ยังไม่ถึงแม้ความคณนา ยังไม่ถึงแม้ส่วนแห่งเสี้ยว ยังไม่ถึงแม้การเทียบกันได้

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหล่านายนิรยบาลจะให้คนพาลนั้นกระทำเหตุชื่อการจำ ๕ ประการคือ ตรึงตะปูเหล็กแดงที่มือข้างที่ ๑ ข้างที่ ๒ ที่เท้าข้างที่ ๑ ข้างที่ ๒ และที่ทรวงอกตรงกลาง คนพาลนั้นจะเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า....... และยังไม่ตายตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด

    เหล่านายนิรยบาล จะจับคนพาลนั้นขึงพืดแล้วเอาผึ่งถาก คนพาลนั้นจะเสวยเทวทนาอันเป็นทุกข์กล้า......

    เหล่านายนิรยบาล จะจับคนพาลนั้น เอาเท้าขึ้นข้างบน เอาหัวลงข้างล่าง แล้วถากด้วยพร้า คนพาลนั้นจะเสวยเทวทนาอันเป็นทุกข์กล้า......

    เหล่านายนิรยบาล จะเอาพาลนั้นเทียมรถ แล้วให้วิ่งกลับไปกลับมาบนแผ่นดินที่มีไฟติดทั่ว ลุกโพลง โชติช่วง คนพาลนั้นจะเสวยเทวทนาอันเป็นทุกข์กล้า......

    เหล่านายนิรยบาล จะให้คนพาลนั้นปีนขึ้นปีนลง ซึ่งภูเขาถ่านเพลิงลูกใหญ่ ที่มีไฟติดทั่วลุกโพลง โชติช่วง คนพาลนั้นจะเสวยเทวทนาอันเป็นทุกข์กล้า......

    เหล่านายนิรยบาล จะจับคนพาลนั้น เอาเท้าขึ้นข้างบน เอาหัวลงข้างล่าง แล้วพุ่งลงไปในหม้อทองแดงที่ร้อน มีไฟติดทั่ง ลุกโพลง โชติช่วง คนพาลนั้นจะเดือนเป็นฟองอยู่ในหม้อทองแดงนั้น เมื่อเขาเดือดเป็นฟองอยู่ จะพล่านขึ้นข้างบนครั้งหนึ่งบ้าง พล่านลงข้างล่างครั้งหนึ่งบ้าง พล่านไปด้านขวาครั้งหนึ่งบ้าง พล่านลงข้างล่างครั้งหนึ่งบ้าง จะเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบอยู่ในหม้อทองแดงนั้น และยังไม่ตายตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหล่านายนิรยบาล จะจับโยนคนพาลนั้นเข้าไปในมหานรก ก็มหานรกนั่นแล มีสี่มุมสี่ประตู แบ่งไว้โดยส่วนเท่ากัน มีกำแพงเหล็กล้อมรอบ ครอบไว้ด้วยแผ่นเหล็ก พื้นของนรกใหญ่นั้น ล้วนแล้วด้วยเหล็ก ลุกโพลง ประกอบด้วยไฟแผ่ไปตลอดร้อยโยชน์รอบด้น ประดิษฐานอยู่ทุกเมื่อ”
    พาลปัณฑิตสูตร



    เทวดาก็บรรลุมรรคผลได้

    ปัญหา มีบางท่านกล่าวว่า มนุษย์เท่านั้นสามารถปฏิบัติเพื่อบรรลุมรรคผลได้ เทวดาไม่สามารถ เพราะเห็นที่เสวยสุขอันเป็นทิพย์อย่างเดียว จริงหรือไม่ ?

    พุทธดำรัส:-ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน.... เวทัลละ ธรรมเหล่านั้นเธอฟังเสมอ ๆ คล่องปาก เพ่งพิจารณาด้วยใจ และกาย ตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ


    ต่อมา เธอมีสติเหลงลืมถึงแก่มรณะ ย่อมไปบังเกิดในเทพนิกายหมู่ใดหมู่หนึ่ง เมื่อเธอมีความสุขอยู่ในภพนั้น บทแห่งธรรมทั้งหลายย่อมปรากฏแก่เธอ สติบังเกิดขึ้นช้า แต่สัตว์นั้นย่อมบรรลุคุณวิเศษเร็วพลัน


    อีกประการหนึ่ง... บทแห่งธรรมย่อมไม่ปรากฏแก่เธอ แต่ภิกษุผู้มีฤทธิ์ มีความชำนาญทางจิต แสดงธรรมแก่เทพบริษัท เธอตรึกตรองจนเห็นว่า ในกาลก่อน เราได้ประพฤติพรหมจรรย์ในธรรมวินัยใด นี้คือธรรมวินัยนั้น สติบังเกิดขึ้นช้า แต่สัตว์นั้นย่อมบรรลุคุณวิเศษเร็วพลัน.... ดุจบุรุษผู้ฉลาดในเสียงกลอง เขาเดินทางไกล เมื่อได้ยินเสียงกลอง ไม่มีความสงสัยหรือเคลือบแคลงว่า นั่นเสียงกลองหรือไม่ใช่....


    อีกประการหนึ่ง... บทแห่งธรรมทั้งหลายย่อมไม่ปรากฏแก่เธอ ผู้มีความสุขอยู่ในภพนั้นเลย ทั้งภิกษุผู้มีฤทธิ์ ก็ไม่ได้แสดงธรรมในเทพบริษัท แต่เทพบุตรย่อมแสดงธรรมในเทพบริษัท เธอคิดได้ดังนี้ว่า นี้คือ นี้คือธรรมวินัยนั้น สติบังเกิดขึ้นช้า แต่สัตว์นั้นย่อมบรรลุคุณวิเศษเร็วพลัน.... ดุจบุรุษผู้ฉลาดในเสียงสังข์ สติบังเกิดขึ้นช้า เดินทางไกลได้ยินเสียงสังข์เข้า ไม่พึงมีความเคลือบแคลงสงสัย ว่านั่นเสียงสังข์หรือไม่ใช่....

    มหาวรรคที่ ๕


    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  2. บัตร สนเท่ห์

    บัตร สนเท่ห์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +3
    ร้องเรียนเถระสมาคมครับ พุทธทาสสอนทำลายความมั่นคงของชาติ คือพระพุทธศสนา ครับ

    คำสอนของพุทธทาสเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ คือพระพุทธศาสนาครับ

    กล่าวหาว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมดนั้นเชื่อไม่ได้
    พุทธทาส:-พระสูตรทั้งหมดที่เกี่ยวกับเรื่องโอปาติกะ เป็นเรื่องโกหกทั้งหมด เมื่อพระพุทธเจ้าท่านสอนเกี่ยวกับเรื่องโอปาติกะนั้น ท่านก็โกหกประชาชนและภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย เพราะท่านจำเป็นต้อง "เอออวย"...เรื่อง ทาน ศีล สมาธิ ฤทธิ์ อภิญญา ชาตินี้ ชาติหน้า ภพต่างๆ ภูมิต่างๆ และทางที่กระทำแล้วให้ผลไปสู่ภพภูมิต่างๆ เทวดา พรหม สัตว์นรก เปรต อสุรกาย โลกนี้ โลกอื่น ผลของกรรมที่ไม่ให้ผลในชาตินี้...เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้า ท่านโกหกโลก โกหกประชาชน เพราะต้อง "เอออวย" ไปตามสังคมทั้งนั้น ถ้าใครจะเชื่อพระพุทธเจ้า ใครจะเชื่อพระไตรปิฏก ต้องคิดแบบท่านซะก่อน ถึงจะฉลาด เพราะคำสอนทั้งหมดของพระพุทธเจ้านั้น เชื่อไม่ได้


    สอนสัตว์เดียรฉานให้เป็นพระอรหันต์หน้าตาเฉย

    พุทธทาส:-สำหรับสัตว์เดียรฉาน ก็คือสัตว์เดียรฉานที่ไม่มีความร้อน ความร้อนของสัตว์เดียรฉานก็คือความร้ายกาจที่เป็นอันตรายแก่มนุษย์ นี่เรียกว่าความร้อน ถ้าสัตว์เดียรฉานนั้นได้รับการฝึกดี จนเป็นสัตว์ที่ดีไม่มีอันตรายอีกต่อไป หมดพยศร้ายแล้ว เช่น ช้างป่า วัวป่า ที่เอามาฝึกจนหมดพยศร้ายแล้ว ก็เรียกว่ามัน นิพพาน

    สัตว์ป่าจับมาจากในป่า เช่น ป่า ช้างป่า อะไรป่านี่ มันดุร้ายเหลือประมาณ อันตรายเหลือประมาณ; เขาเอามาเข้าคอกเข้าที่ บังคับฝึกหัดไปจนสัตว์เหล่านั้นเชื่องเหมือนกับแมว จนช้างป่านั้นเชื่องเหมือนกับแมว ทำอะไรก็ได้; อย่างนี้ก็เรียกว่า มันนิพพาน

    สอนทำลายพระอภิธรรม และพระสูตรต่างๆมากมาย

    พุทธทาส:-ให้โกยอภิธรรมทิ้งไปให้หมด อภิธรรมตามที่รู้กันนั่นแหละ อภิธรรมปิฏก อภิธัมมัตถสังคหะ อภิธรรมอะไรก็ตาม ที่ระบุไปยังอภิธรรมเฟ้อนี้โกยทิ้งไปเสียให้หมด
    บางสูตรก็ตัดออกไปหมดเลย บางสูตรก็ต้องตัดออกไปบางส่วน บางสูตรก็ตัดออกไปราว 40%

    ผู้คัดค้านพระอภิธรรมชื่อว่า ทำลายชินจักร

    "บุคคลเมื่อคัดค้านพระอภิธรรม ชื่อว่า ย่อมให้การประหารในชินจักรนี้ ย่อมคัดค้านพระสัพพัญญุตญาณ ย่อมหมิ่นเวสารัชชญาณของพระศาสดา ย่อมขัดแย้งบริษัทผู้ต้องการฟังย่อมผูกเครื่องกั้นอริยมรรค จักปรากฏในเภทกรวัตถุ ๑๘ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นผู้ควรแก่อุกเขปนิยกรรม นิยสกรรม ตัชชนียกรรม เพราะทำกรรมนั้น จึงควรส่งเธอไปว่า เจ้าจงไป จงเป็นคนกินเดนเลี้ยงชีพเถิด ดังนี้ "

    พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล มหามกุฏราชวิทยาลัย
    ในพระบรมราชูปถัมภ์ เล่มที่ 75 อภิธรรมปิฎก หน้า 60-63 อรรถกถาธรรมสังคณี

    คนที่ลบไม่ให้เขาร้องเรียนเพื่อรักษาปกป้องความมั่นคงของชาตินี่น่าสงสัยว่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติด้วย บาปกรรมนะครับท่าน
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  3. บรรพต อ.

    บรรพต อ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    342
    ค่าพลัง:
    +306
    เชิญชาวพุทธร่วมลงซื่อร้องเรียนที่พุทธทาสสอนย่ำยีลบหลู่ดูถูกดูหมิ่นปรามาสพระพุทธเจ้า

    เชิญชาวพุทธร่วมลงซื่อร้องเรียนที่พุทธทาสสอนย่ำยีลบหลู่ดูถูกดูหมิ่นปรามาสพระพุทธเจ้า

    คำสอนของพุทธทาสเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ คือพระพุทธศาสนาครับ

    กล่าวหาว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมดนั้นเชื่อไม่ได้
    พุทธทาส:-พระสูตรทั้งหมดที่เกี่ยวกับเรื่องโอปาติกะ เป็นเรื่องโกหกทั้งหมด เมื่อพระพุทธเจ้าท่านสอนเกี่ยวกับเรื่องโอปาติกะนั้น ท่านก็โกหกประชาชนและภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย เพราะท่านจำเป็นต้อง "เอออวย"...เรื่อง ทาน ศีล สมาธิ ฤทธิ์ อภิญญา ชาตินี้ ชาติหน้า ภพต่างๆ ภูมิต่างๆ และทางที่กระทำแล้วให้ผลไปสู่ภพภูมิต่างๆ เทวดา พรหม สัตว์นรก เปรต อสุรกาย โลกนี้ โลกอื่น ผลของกรรมที่ไม่ให้ผลในชาตินี้...เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้า ท่านโกหกโลก โกหกประชาชน เพราะต้อง "เอออวย" ไปตามสังคมทั้งนั้น ถ้าใครจะเชื่อพระพุทธเจ้า ใครจะเชื่อพระไตรปิฏก ต้องคิดแบบท่านซะก่อน ถึงจะฉลาด เพราะคำสอนทั้งหมดของพระพุทธเจ้านั้น เชื่อไม่ได้


    สอนสัตว์เดียรฉานให้เป็นพระอรหันต์หน้าตาเฉย

    พุทธทาส:-สำหรับสัตว์เดียรฉาน ก็คือสัตว์เดียรฉานที่ไม่มีความร้อน ความร้อนของสัตว์เดียรฉานก็คือความร้ายกาจที่เป็นอันตรายแก่มนุษย์ นี่เรียกว่าความร้อน ถ้าสัตว์เดียรฉานนั้นได้รับการฝึกดี จนเป็นสัตว์ที่ดีไม่มีอันตรายอีกต่อไป หมดพยศร้ายแล้ว เช่น ช้างป่า วัวป่า ที่เอามาฝึกจนหมดพยศร้ายแล้ว ก็เรียกว่ามัน นิพพาน

    สัตว์ป่าจับมาจากในป่า เช่น ป่า ช้างป่า อะไรป่านี่ มันดุร้ายเหลือประมาณ อันตรายเหลือประมาณ; เขาเอามาเข้าคอกเข้าที่ บังคับฝึกหัดไปจนสัตว์เหล่านั้นเชื่องเหมือนกับแมว จนช้างป่านั้นเชื่องเหมือนกับแมว ทำอะไรก็ได้; อย่างนี้ก็เรียกว่า มันนิพพาน

    สอนทำลายพระอภิธรรม และพระสูตรต่างๆมากมาย

    พุทธทาส:-ให้โกยอภิธรรมทิ้งไปให้หมด อภิธรรมตามที่รู้กันนั่นแหละ อภิธรรมปิฏก อภิธัมมัตถสังคหะ อภิธรรมอะไรก็ตาม ที่ระบุไปยังอภิธรรมเฟ้อนี้โกยทิ้งไปเสียให้หมด
    บางสูตรก็ตัดออกไปหมดเลย บางสูตรก็ต้องตัดออกไปบางส่วน บางสูตรก็ตัดออกไปราว 40%

    ผู้คัดค้านพระอภิธรรมชื่อว่า ทำลายชินจักร

    "บุคคลเมื่อคัดค้านพระอภิธรรม ชื่อว่า ย่อมให้การประหารในชินจักรนี้ ย่อมคัดค้านพระสัพพัญญุตญาณ ย่อมหมิ่นเวสารัชชญาณของพระศาสดา ย่อมขัดแย้งบริษัทผู้ต้องการฟังย่อมผูกเครื่องกั้นอริยมรรค จักปรากฏในเภทกรวัตถุ ๑๘ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นผู้ควรแก่อุกเขปนิยกรรม นิยสกรรม ตัชชนียกรรม เพราะทำกรรมนั้น จึงควรส่งเธอไปว่า เจ้าจงไป จงเป็นคนกินเดนเลี้ยงชีพเถิด ดังนี้ "

    พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล มหามกุฏราชวิทยาลัย
    ในพระบรมราชูปถัมภ์ เล่มที่ 75 อภิธรรมปิฎก หน้า 60-63 อรรถกถาธรรมสังคณี

    คนที่ลบไม่ให้เขาร้องเรียนเพื่อรักษาปกป้องความมั่นคงของชาตินี่น่าสงสัยว่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติด้วย บาปกรรมนะครับท่าน
     
  4. บรรพต อ.

    บรรพต อ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    342
    ค่าพลัง:
    +306
    ร้องเรียนเถระสมาคมครับ พุทธทาสสอนทำลายความมั่นคงของชาติ คือพระพุทธศสนา ครับ

    ร้องเรียนเถระสมาคมครับ พุทธทาสสอนทำลายความมั่นคงของชาติ คือพระพุทธศสนา ครับ

    คำสอนของพุทธทาสเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ คือพระพุทธศาสนาครับ

    กล่าวหาว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมดนั้นเชื่อไม่ได้
    พุทธทาส:-พระสูตรทั้งหมดที่เกี่ยวกับเรื่องโอปาติกะ เป็นเรื่องโกหกทั้งหมด เมื่อพระพุทธเจ้าท่านสอนเกี่ยวกับเรื่องโอปาติกะนั้น ท่านก็โกหกประชาชนและภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย เพราะท่านจำเป็นต้อง "เอออวย"...เรื่อง ทาน ศีล สมาธิ ฤทธิ์ อภิญญา ชาตินี้ ชาติหน้า ภพต่างๆ ภูมิต่างๆ และทางที่กระทำแล้วให้ผลไปสู่ภพภูมิต่างๆ เทวดา พรหม สัตว์นรก เปรต อสุรกาย โลกนี้ โลกอื่น ผลของกรรมที่ไม่ให้ผลในชาตินี้...เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้า ท่านโกหกโลก โกหกประชาชน เพราะต้อง "เอออวย" ไปตามสังคมทั้งนั้น ถ้าใครจะเชื่อพระพุทธเจ้า ใครจะเชื่อพระไตรปิฏก ต้องคิดแบบท่านซะก่อน ถึงจะฉลาด เพราะคำสอนทั้งหมดของพระพุทธเจ้านั้น เชื่อไม่ได้


    สอนสัตว์เดียรฉานให้เป็นพระอรหันต์หน้าตาเฉย

    พุทธทาส:-สำหรับสัตว์เดียรฉาน ก็คือสัตว์เดียรฉานที่ไม่มีความร้อน ความร้อนของสัตว์เดียรฉานก็คือความร้ายกาจที่เป็นอันตรายแก่มนุษย์ นี่เรียกว่าความร้อน ถ้าสัตว์เดียรฉานนั้นได้รับการฝึกดี จนเป็นสัตว์ที่ดีไม่มีอันตรายอีกต่อไป หมดพยศร้ายแล้ว เช่น ช้างป่า วัวป่า ที่เอามาฝึกจนหมดพยศร้ายแล้ว ก็เรียกว่ามัน นิพพาน

    สัตว์ป่าจับมาจากในป่า เช่น ป่า ช้างป่า อะไรป่านี่ มันดุร้ายเหลือประมาณ อันตรายเหลือประมาณ; เขาเอามาเข้าคอกเข้าที่ บังคับฝึกหัดไปจนสัตว์เหล่านั้นเชื่องเหมือนกับแมว จนช้างป่านั้นเชื่องเหมือนกับแมว ทำอะไรก็ได้; อย่างนี้ก็เรียกว่า มันนิพพาน

    สอนทำลายพระอภิธรรม และพระสูตรต่างๆมากมาย

    พุทธทาส:-ให้โกยอภิธรรมทิ้งไปให้หมด อภิธรรมตามที่รู้กันนั่นแหละ อภิธรรมปิฏก อภิธัมมัตถสังคหะ อภิธรรมอะไรก็ตาม ที่ระบุไปยังอภิธรรมเฟ้อนี้โกยทิ้งไปเสียให้หมด
    บางสูตรก็ตัดออกไปหมดเลย บางสูตรก็ต้องตัดออกไปบางส่วน บางสูตรก็ตัดออกไปราว 40%

    ผู้คัดค้านพระอภิธรรมชื่อว่า ทำลายชินจักร

    "บุคคลเมื่อคัดค้านพระอภิธรรม ชื่อว่า ย่อมให้การประหารในชินจักรนี้ ย่อมคัดค้านพระสัพพัญญุตญาณ ย่อมหมิ่นเวสารัชชญาณของพระศาสดา ย่อมขัดแย้งบริษัทผู้ต้องการฟังย่อมผูกเครื่องกั้นอริยมรรค จักปรากฏในเภทกรวัตถุ ๑๘ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นผู้ควรแก่อุกเขปนิยกรรม นิยสกรรม ตัชชนียกรรม เพราะทำกรรมนั้น จึงควรส่งเธอไปว่า เจ้าจงไป จงเป็นคนกินเดนเลี้ยงชีพเถิด ดังนี้ "

    พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล มหามกุฏราชวิทยาลัย
    ในพระบรมราชูปถัมภ์ เล่มที่ 75 อภิธรรมปิฎก หน้า 60-63 อรรถกถาธรรมสังคณี

    คนที่ลบไม่ให้เขาร้องเรียนเพื่อรักษาปกป้องความมั่นคงของชาตินี่น่าสงสัยว่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติด้วย บาปกรรมนะครับท่าน
    <!-- / message --><!-- sig -->
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  5. yut2u

    yut2u เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +464
    ธรรมะของพระพุทธองค์
    ต้องพิจารณาด้วยจิตของเราโดยโยบิโสนมสิการ
    คือพิจารณาโดยอุบายอันแยบคาย
    ต้องตั้งสติ มีสมาธิ เกิดปัญญา
    ต้องมีจิตบริสุทธ์ มีเจตนาสะอาด
    จึงจะเข้าใจธรรมะของพระพุทธองค์ได้

    พระราชอุดมมงคล(หลวงพ่ออุตตมะ)
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  6. Sonny

    Sonny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +156
    จริงๆแล้วคำสอนของท่านพุทธทาสนั้นไม่ได้บิดเบือนหรอกครับ...

    เพียงแต่มีลูกศิษย์ของท่านบางคนได้อ่านหรือได้ฟังแล้วไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้เนื่องจากการบรรยายธรรมของท่านพุทธทาสมักจะใช้คำศัพท์ที่ค่อนข้างเข้าใจยาก และกล่าวอย่างลึกซึ้งแยบคาย

    ผู้ฟังถ้าไม่พิจารณาให้ดีแล้ว ย่อมจะมีความเห็นผิดหรือมิจฉาทิฐฐิได้โดยง่าย

    เรื่องการกล่าวหาคำสอนของท่านพุทธทาสมีมานานแล้วครับ...

    ถ้าท่านอยากจะรู้ว่าบิดเบือนจริงหรือไม่ ผมขอแนะนำให้ลองปฏิบัติดูจนเห็นผลจริงแล้วลองกลับมาอ่านคำสอนของท่านอีกครั้ง จะพบว่าท่านไม่ได้สอนผิดพลาดไปเลย เพียงแต่ตัวเรานี่เองที่ตีความผิดแล้วพาลไปโทษท่านอาจารย์เข้า...

    ป.ล.เรื่องการเข้าใจผิดนี้ สามารถหาอ่านได้เพิ่มเติมจากกระทู้เก่าๆของเวบลานธรรมเสวนาครับ (เฉพาะผู้ที่นิยมปริยัติแต่ไม่ชอบปฏิบัติ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...