เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 26 มิถุนายน 2024 at 17:49.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,532
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,347
    ค่าพลัง:
    +26,109
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2024 at 20:35
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,532
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,347
    ค่าพลัง:
    +26,109
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของไทย คือเป็นวันสุนทรภู่ สุนทรภู่นั้นถือว่าเป็นสุดยอดกวีสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ท่านหนึ่ง โดยเฉพาะกลอน ๘ หรือว่า "กลอนตลาด" ของท่านนั้นเป็นที่เลื่องลืออย่างยิ่ง

    ในพวกเราทั้งหลายรุ่นเก่า ๆ อย่างกระผม/อาตมภาพได้ร่ำเรียนมานั้น ก็มักจะมีการท่องอาขยานในวรรณคดีเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะ "พระอภัยมณี" ซึ่งต่างประเทศประทับใจมาก ถึงขนาดนำไปแปลเป็นภาษาของตนเพื่อสอนใจคน อย่างเช่นที่พระฤๅษีได้สอนสุดสาครว่า

    "แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์.........มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
    ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด........ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน"

    แต่ว่าในวันนี้กระผม/อาตมภาพไม่ได้กล่าวถึงสุนทรภู่ หากแต่กล่าวถึงเรื่องร้อนในวงการลูกศิษย์สายวัดท่าขนุน ก็คือการที่เดียร์ (กิตติภูมิ เอี่ยมสุข) ลูกชายของพ่อโหน่งสามช่า ทำตะกรุดมหาสะท้อน รุ่น ๕ เนื้อทองคำหล่นในร้านบะหมี่ แล้วมีผู้เก็บเอาไปได้ ทำให้ต้องลงสื่อโซเชียลเพื่อขอให้ผู้เก็บได้นำเอาตะกรุดหาสะท้อนมาคืน โดยให้รางวัลถึง ๑๐,๐๐๐ บาท แต่โอกาสที่จะได้คืนนั้นกระผม/อาตมภาพคาดว่ายากเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะไปลงว่ามีราคาประมาณ ๑๘๐,๐๐๐ บาท คนได้ยินก็คงจะไม่เอา ๑๘๐,๐๐๐๐ บาทมาแลกกับ ๑๐,๐๐๐ บาทค่อนข้างจะแน่..!

    แต่ที่น่าเกลียดกว่านั้นก็คือ มีผู้ฉวยโอกาสในการประกาศจำหน่ายตะกรุดมหาสะท้อน โดยมีทั้งตะกรุดทองคำ ตะกรุดเงิน ตะกรุดเนื้อตะกั่ว และตะกรุดเนื้อทองแดงด้วย กระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วก็แทบจะเป็นลม เนื่องเพราะว่า
    ความจริงตะกรุดมหาสะท้อนนั้นไม่มีอยู่ในโลก..!

    ครั้งแรกที่กระผม/อาตมภาพได้ยินในเรื่องของตะกรุดมหาสะท้อนนั้น เป็นกระดอนสะท้อนของหลวงปู่รุ่ง วัดท่ากระบือ ซึ่งหลวงปู่รุ่งนั้นจะให้ลูกศิษย์นำเอาไม้กระโดน ซึ่งใช้แทนคำพ้องว่ากระดอน และนำไม้กระท้อนหรือว่าไม้สะท้อน ทั้งสองอย่างมากลึงเป็นลูกสะกด หรือบางรายไม่มีเครื่องมือเครื่องไม้ในการกลึง ก็จะใช้มีดถากเกลาเอาแบบหยาบ ๆ แล้วนำไปให้หลวงปู่ท่านปลุกเสก มีอำนาจในการสะท้อนกลับ โดยที่มีวลีระบุผลการใช้งานว่า "คนทำมาสะท้อนตัวตาย สัตว์ทำมาสะท้อนสูญหาย ผีทำมาสะท้อนมลาย" เหล่านี้เป็นต้น
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,532
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,347
    ค่าพลัง:
    +26,109
    แล้วมาได้ยินอีกครั้งหนึ่งจากหลวงปู่ครูบาชุ่ม วัดวังมุย สหธรรมิกรูปสำคัญของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านกล่าวถึงตะกรุดกาสะท้อน คำนี้ต้องออกเสียงภาษาเหนือ "ก่าสะต้อน" คำว่า "ก่า" นี้ก็มีจากคำว่า "กั้งก่า" ที่แปลว่าปิดบัง ป้องกัน และ "สะต้อน" ก็คือสะท้อน ก็คือกระดอนกลับ ย้อนกลับ ซึ่งจะมีอานุภาพในลักษณะของการที่ผู้ใดกระทำมา ก็จะย้อนกลับไปหาเจ้าของเขาเช่นกัน

    แล้วตะกรุดมหาสะท้อนของสายวัดท่าซุงมีที่มาอย่างไร ? ก็มาจากการที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านเล่าถึงเรื่องที่ไปช่วยเหลือโยมคนหนึ่ง ซึ่งบ้านอยู่จังหวัดสมุทรสงคราม หลวงพ่อท่านไปบอกบุญให้ไปร่วมบุญในงานประจำปีวัดบางนมโค ส่วนใหญ่แล้วชาวสมุทรสงคราม - สมุทรสาครนั้น ก็มักจะนำเอาน้ำปลา หรือว่าปลาแห้งไปถวายในสมัยหลวงปู่ปานยังอยู่ยงดำรงขันธ์ ขนกันไปทีเป็นลำเรือ ๆ หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านจดจำได้ว่า บ้านไหนมีศรัทธาในวัดบางนมโค เมื่อสิ้นหลวงปู่ปานไปแล้ว ท่านก็ยังคงไปบอกบุญเวลามีงานประจำปีเป็นปกติ

    แต่ปรากฏว่าครั้งนั้นไปถึง ลูกสาวเจ้าของบ้านซึ่งอยู่ช่วงวัยรุ่น รูปร่างหน้าตางดงาม โดนคนทำไสยศาสตร์มา หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านเห็นดังนั้นก็ไม่สามารถที่จะปล่อยวางได้ จึงได้บอกกับท่านเจ้าของบ้านว่า
    ท่านศึกษาวิชามาอย่างหนึ่ง เป็นการทำตะกรุด แต่จำกัดด้วยวัสดุ ก็คือต้องเป็นวัสดุมีราคา มีค่า เช่นทองคำ นาก หรือว่าเงิน และน้ำหนักอย่างต่ำสุด ๑ บาท

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าของบ้านได้ยินว่ามีวิธีแก้ไขจึงได้รีบไปหาแผ่นทองคำมาให้หลวงพ่อท่านจารตะกรุด แล้วก็เอาไปแขวนคอให้ลูกสาว พยายามบอกลูกสาวให้ตั้งสติ ภาวนาคาถาย้อนกลับ ก็คือ "เมสัมมุกขา สัพพาหะระติ เตสัมมุกขา"

    ปรากฏว่าได้ผลดีเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าสิ่งที่เขาทำมานั้น ย้อนกลับไปหาชายหนุ่มผู้ตั้งใจกระทำไสยศาสตร์ครอบงำจิตใจของเด็กสาวผู้นี้ ทำให้ครอบครัวของเขาต้องเดือดร้อน เพราะว่าอยู่ ๆ ลูกชายก็มีอันเป็นไป จึงต้องนำลูกมากราบขอขมาให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ขอให้ท่านช่วยถอนของให้

    พวกกระผม/อาตมภาพในสมัยนั้นได้ยินก็เกิดอาการ "หูผึ่ง" ขึ้นมา คืออยากได้ แต่ด้วยความที่ว่าตอนช่วงนั้น เรื่องของการงานการเงินก็ไม่ได้คล่องตัวมากนัก จึงได้แต่รอระยะเวลาที่เหมาะสม รุ่นพี่ ๆ อย่างท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ท่านจึงได้ไปก่อน ซึ่งยังคงติดองค์ท่านมาอยู่จนทุกวันนี้
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,532
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,347
    ค่าพลัง:
    +26,109
    เมื่อถึงวาระสำคัญ กระผม/อาตมภาพไปช่วยดูแลพระเดชพระคุณหลวงปู่มหาอำพัน - พระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส ที่กุฏิ ต.๓ คณะเหนือ ปรากฏว่าตอนที่ไปรื้อบรรดาตู้โต๊ะต่าง ๆ เพื่อเก็บกวาดทำความสะอาดนั้นก็ไปเจอที่ใต้ตู้
    ปรากฏว่ามีแผ่นทองคำน้ำหนัก ๓ บาทหรือ ๔ บาทโดยประมาณ แล้วก็มีลายมือเขียนไว้ว่าบาทละ ๔๐๐..!

    ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีผู้ใดถวายหลวงปู่ท่านมาตั้งแต่ยุคนั้น ท่านเองเนื่องจากเป็นพระธรรมยุต ไม่สามารถที่จะจับต้องเงินทองได้ เมื่อไวยาวัจกรใส่ตู้เอาไว้ก็ทิ้งอยู่นั่นมา ไม่ทราบเหมือนกันว่านานกี่สิบปี เนื่องเพราะว่าตอนที่กระผม/อาตมภาพไปเจอเข้านั้น ทองคำบาทละ ๔,๒๐๐ บาทเข้าไปแล้ว..!

    เมื่อเห็นดังนั้น กระผม/อาตมภาพจึงนำไปกราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงปู่มหาอำพันว่า "ทองคำแบบนี้แหละครับ ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านทำตะกรุดมหาสะท้อน"
    ซึ่งคำว่า "มหาสะท้อน" นี้ กระผม/อาตมภาพเป็นผู้คิดขึ้นมาเอง เพื่อความเข้าใจทันทีของผู้รับฟัง พูดง่าย ๆ ว่าเป็นต้นบัญญัติคำว่ามหาสะท้อนเอง เพราะว่าสมัยนั้น ทางวัดท่าซุงเรียกว่าตะกรุดเม ฯ เพราะว่าเป็นตะกรุดที่ใช้ควบกับพระคาถาย้อนกลับ คือเมสัมมุกขา สัพพาหะระติ เตสัมมุกขา

    เมื่อได้ยินเช่นนั้น พระเดชพระคุณหลวงปู่มหาอำพันจึงให้ตัดแบ่งออกเป็น ๔ ชิ้น จึงคาดว่าน่าจะเป็นทองคำน้ำหนัก ๔ บาท แล้วก็ให้กระผม/อาตมภาพนำใส่พานไปกราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ว่าต้องการตะกรุดมหาสะท้อน เมื่อกระผม/อาตมภาพนำไปกราบเรียน พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านก็เมตตาจารตะกรุดให้
    บอกวิธีวางกำลังใจในการจารตะกรุด บอกวิธีในการจารยันต์องค์พระ แล้วสิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านสอนกระผม/อาตมภาพจารมา ก็ไม่เหมือนกับของคนอื่น

    ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่าพระระดับพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงนั้น ท่านคิดอะไรก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ดังนั้น..ตะกรุดมหาสะท้อนที่ท่านจารให้เจ้าคุณหลวงตาวัชรชัยนั้น เป็นรูปยันต์องค์พระพร้อมอุณาโลม แต่ที่ท่านจารให้กระผม/อาตมภาพนั้นเป็นยันต์สี่ ก็คือยันต์ที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีกากบาทไขว้กลาง ซึ่งต้องบังคับว่าเส้นไหนไขว้ขึ้น เส้นไหนไขว้ลง ต้องจารเส้นไหนก่อน แล้วก็มีองค์พระอยู่ในพื้นที่ว่างที่เหลือจากกากบาทแล้ว ๔ องค์ ปิดท้ายด้วยองค์พระองค์สุดท้ายองค์ที่ ๕ ตรงกลาง

    เมื่อกระผม/อาตมภาพนำไปเผยแพร่นั้นก็มีการถกเถียงกันกันดุเดือดมาก เนื่องเพราะว่าจากที่เขาเคยเห็นกัน ก็คือจารยันต์องค์พระองค์เดียว แบบที่ท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัยได้ไป หรือว่าจารยันต์องค์พระแค่ ๔ องค์ ตามช่องว่างระหว่างเส้นกากบาทเท่านั้น แต่กระผม/อาตมภาพกลับได้ยันต์องค์พระมา ๕ องค์ และโดนพระครูสมุห์ธรรพ์ณธร ธมฺมทินโน อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนในยุคนั้นทักท้วง
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,532
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,347
    ค่าพลัง:
    +26,109
    กระผม/อาตมภาพจึงต้องนำภาพที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อจารยันต์เอาไว้ให้ด้วยลายมือของท่านเองมาให้ดู ท่านถึงได้ยอมรับว่าตะกรุดมหาสะท้อนที่กระผม/อาตมภาพเรียนมานั้นมีพระพุทธรูปอยู่ ๕ องค์จริง ๆ ซึ่งก็เป็นที่ถูกอกถูกใจของกระผม/อาตมภาพมากเป็นพิเศษ เนื่องเพราะว่ายึดพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์เป็นหลักมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

    เมื่อศึกษาเรียนรู้แล้วก็ต้องทดลองทำดูว่าจะเกิดผลหรือไม่ ? กระผม/อาตมภาพทำตะกรุดมหาสะท้อน ครั้งแรกในปี ๒๕๓๒ เป็นจำนวน ๖๐ ดอกด้วยกัน เนื่องเพราะว่าตอนช่วงนั้นไปจ้างเขารีดแผ่นเงิน ก็ตกบาทละ ๒๕๐ บาท คือเขาคิดทั้งค่าเม็ดเงินและทั้งค่าแรงงานด้วย กระผม/อาตมภาพหาเงินได้แค่นั้น จึงไม่มีปัญญาที่จะทำมากมายไปกว่านั้น

    เมื่อจารมา ๖๐ ดอกแล้ว อยากจะเรียนถวายพระภิกษุ สามเณรของเรา และบอกกล่าวให้ญาติโยมทราบว่า ถ้าเราวางกำลังใจและภาวนาคาถานี้ได้ถูกต้อง ตะกรุดนี้เมื่อจารเสร็จ ม้วนแล้วสามารถใช้งานได้เลย ไม่ต้องปลุกเสกซ้ำ แต่กระผม/อาตมภาพด้วยความที่ตอนนั้นเป็น "มือใหม่หัดขับ" จึงนำไปเข้าพิธีพร ๓๐ ประการ ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านปลุกเสกวัตถุมงคลที่พระมหาวิหารแก้ว ๑๐๐ เมตรอีกรอบหนึ่ง แล้วค่อยแจกจ่ายให้กับบุคคลต่าง ๆ นำไปทดลองใช้งาน

    ปรากฏว่าหายเงียบไปเกือบทั้งหมด มีหลวงพ่อสมคิด (พระครูบวรกาญจนธรรม) ซึ่งตอนนั้นก็คือพระอธิการสมคิด อคฺควโรเท่านั้น ที่มารายงานผลว่าไล่ผีเด็ดขาดมาก ก็คือทำน้ำมนต์ไล่ผีแล้วพรมครั้งเดียว ผู้ที่โดนผีเข้าร้องกรี๊ด..หงายผลึ่ง..ผีออกเรียบร้อย..! แต่ตอนที่ญาติโยมเห็นแล้วศรัทธาแย่งน้ำมนต์กัน ไม่ทราบว่าโดนใคร "จิ๊ก" เอาตะกรุดมหาสะท้อนไปด้วย..!

    เมื่อเห็นว่ามีผลจริงดังนั้น เมื่อครั้งที่ออกจากวัดท่าซุงมาอยู่ที่วัดราษฎร์ประชุมชนาราม (วัดท่ามะขาม) ปี ๒๕๔๗ กระผม/อาตมภาพต้องการปัจจัยเพื่อนำมาบูรณปฏิสังขรณ์วัดท่ามะขามยุคนั้น จึงได้ทำตะกรุดมหาสะท้อนขึ้นมา ๕๐๐ ดอก เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นรุ่นที่ ๒ และเป็น ๕๐๐ ดอกที่ไม่สามารถจะม้วนให้เรียบร้อยได้ เพราะว่าสั่งรีดแผ่นเงินไปขนาด ๒ X ๕ นิ้ว แต่ว่าทางด้านร้านที่ทำนั้น ทำมาให้แค่ขนาด ๒ X ๓ นิ้วเท่านั้น จึงหนามาก จนไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งสามารถม้วนเป็นดอกตะกรุดได้
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,532
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,347
    ค่าพลัง:
    +26,109
    แม้แต่ขอให้พระครูน้อย (พระครูสังฆรักษ์วิฑูรย์ จนฺทวํโส) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ปัจจุบันคือเจ้าอาวาสวัดหนองบัว เมืองจะอีน ประเทศพม่า ซึ่งต้องถือว่าเป็นกรรมกร ใช้แรงงานมาหนักทั้งชีวิตก่อนที่จะบวช ปรากฏว่าพระครูน้อยสามารถที่จะม้วนให้บุบไปได้นิดเดียวเท่านั้น กระผม/อาตมภาพจึงต้องจารเองม้วนเอง ทำให้เป็นดอกที่ค่อนข้างจะอ้วน เพราะว่าไม่สามารถที่จะม้วนรีดให้เรียบลงไปได้ แล้วก็หมดไปในระยะเวลาอันรวดเร็ว

    เมื่อมาเป็นรองเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน กระผม/อาตมภาพได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดท่าขนุนอย่างขนานใหญ่ ทำให้ต้องหาปัจจัยในการบูรณปฏิสังขรณ์ ปี ๒๕๔๘ จึงได้สร้างตะกรุดมหาสะท้อนรุ่น ๓ ขึ้นมา ด้วยความไว้วางใจญาติโยมที่อาสาทำว่า เป็นเจ้าของโรงงานเอง แต่เมื่อสั่งทำไป ๑,๐๐๐ ดอก ปรากฏว่าออกมาหน้าตาดูไม่ได้ เป็นดอกตะกรุดที่ยาวประมาณ ๔ นิ้ว มีห่วงในตัว หน้าตายับเยินชนิดที่ถ้าเป็นกระผม/อาตมภาพเอง ก็ขว้างใส่หัวคนทำไปแล้ว..!

    แต่นี่เขามาถึงในลักษณะ "ผีถึงป่าช้า" คือจะปลุกเสกวัตถุมงคลตอน ๗ โมงครึ่ง เขามาถึงตอน ๖ โมงครึ่งโดยประมาณ มัดจำก็จ่ายไปเกินครึ่ง จึงต้องรับขึ้นมา ทำให้มีตะกรุดมหาสะท้อนรุ่นเดียวที่มีห่วงในตัว ใครก็ตามถ้าหากว่าจะใช้ตะกรุดรุ่นนี้ กรุณาติดห่วงเอาไว้ด้วย เพราะว่าน้ำหนัก ๑ บาทนั้นรวมห่วงด้วย ขอให้ทราบว่าตะกรุดรุ่น ๓ นี้ ถ้าหากว่าสวยงามแปลว่าของปลอม ต้องหน้าตาเฮงซวยห่วยแตกถึงจะเป็นของแท้..!

    ครั้นต่อมาเมื่อปี ๒๕๕๓ - ๒๕๕๔ - ๒๕๕๕ กระผม/อาตมภาพเป็นประธานในการจัดทอดกฐินให้กับสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี จึงได้ทำตะกรุดมหาสะท้อนทั้งเนื้อทองคำและเนื้อเงินขึ้นมาอีกรุ่น เพื่อให้ญาติโยมทั้งหลายได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพกองกฐิน ทั้ง ๓ ปีรวมกันแล้วได้ตะกรุดเนื้อทองคำ ๕๑ ดอก ตะกรุดเนื้อเงินรวม ๕๐๐ ดอก ก็เป็นอันว่าหมดเกลี้ยงเช่นกัน ถือว่าตะกรุดที่ทำใน ๓ ปีนี้เป็นรุ่นที่ ๔
     
  7. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,532
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,347
    ค่าพลัง:
    +26,109
    ครั้นมาถึงปี ๒๕๕๗ กระผม/อาตมภาพสร้างมีดหมอฝังตะกรุดเป็นรุ่นแรกและรุ่นสุดท้าย คือมีดหมอเพชรวุธ นอกจากจะฝังตะกรุดทองคำ นาก เงิน เพื่อที่จะทำลายอาถรรพ์แล้ว ที่ด้ามมีดยังมีการฝังตะกรุดมหาสะท้อนเอาไว้ด้วย ซึ่งในจำนวนมีดที่ทำทั้งหมดนั้นมีจำนวน ๑๒๐ เล่ม แต่ว่ามีพิเศษที่ฝังตะกรุดทองคำอยู่แค่ ๙ เล่มเท่านั้น มี ๑๑๑ เล่มฝังตะกรุดเนื้อเงิน

    เรียกได้ว่าตะกรุดมหาสะท้อนรุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษ เหตุที่เรียกว่าตะกรุดมหาสะท้อนรุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษ ไม่เรียกว่ารุ่นที่ ๕ ก็เพราะว่ากระผม/อาตมภาพจารโค้ดพิเศษไปต่างหาก เพื่อแยกให้ออกเผื่อว่ามีใครแคะตะกรุดออกจากด้ามมีดมาใช้งาน ถ้าแกะออกมาดูจะได้เห็นว่าเป็นรุ่นไหน

    แล้วมาปี ๒๕๕๘ กระผม/อาตมภาพสั่งให้ปั๊มตะกรุดมหาสะท้อนเนื้อทองคำจำนวน ๓๒๓ ดอก เนื้อเงิน ๑,๕๐๐ ดอก นำไปเข้าพิธีที่วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ถือว่าเป็นตะกรุดมหาสะท้อนรุ่นที่ ๕ ซึ่งที่ทิดเดียร์ หรือว่านายกิตติภูมิได้ไปนั้น เป็น ๑ ใน ๓๒๓ ดอก
    หลังจากนั้นแล้วการทำตะกรุดมหาสะท้อน กระผม/อาตมภาพก็โดนสั่งระงับ เพราะว่ามีผู้เอาไปใช้ในทางที่ผิด..!

    อันดับแรกเลยก็คือมีบุคคลจำนวนหนึ่ง ซึ่งไปหลงเชื่อผู้ที่เล่นไสยศาสตร์ นำเอาวันเดือนปีเกิดของตนเองไปให้ท่านเสริมดวง มารู้ทีหลังว่าเขาเล่นไสยศาสตร์อย่างเต็มระดับ ด้วยความที่กลัวว่าตนเองจะ "โดน" ก็เลยนัดหมายเพื่อนฝูงรวม ๕ คน ต่างคนต่างพกตะกรุดมหาสะท้อน แล้วภาวนาคาถาสะท้อนกลับ ผลปรากฏว่าหมอไสยศาสตร์ท่านนั้น ตายคาผ้าเหลืองไปเลย..!

    แล้วพอมาอีกระยะหนึ่ง ก็มีในลักษณะของบุคคลในผ้าเหลืองที่มุ่งร้ายต่อผู้อื่น แต่บุคคลที่ถูกมุ่งร้ายนั้นพอดีมีความสัมพันธ์กับกระผม/อาตมภาพอยู่บ้าง ลูกศิษย์ของท่านจึงนำเอาตะกรุดมหาสะท้อนไปให้ แล้วปรากฏว่าท่านภาวนาอย่างไรก็ไม่ทราบ ผู้ที่มุ่งร้ายนั้นก็เสียชีวิตทั้งผ้าเหลือง เป็นที่โด่งดังไปทั่วประเทศ..!
     
  8. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,532
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,347
    ค่าพลัง:
    +26,109
    กระผม/อาตมภาพเองจึงคิดว่า ถ้าหากว่าลูกศิษย์เอาไปใช้ผิดแบบนี้ ตัวกระผม/อาตมภาพจะมีโทษด้วยหรือไม่ ? เมื่อไปกราบเรียนถามครูบาอาจารย์ ตลอดจนพระท่าน ท่านบอกแล้วว่า เราไม่ได้ตั้งใจให้เขาเอาไปฆ่าคนอื่น ไม่ถือว่าเป็นโทษ

    แต่เนื่องจากว่าลูกศิษย์มีแล้วเอาไปใช้ในทางที่ผิด เพราะฉะนั้น..ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปให้เลิกทำตะกรุดมหาสะท้อน หลังจากนั้นไม่นานมา เมื่อตอนที่เข้ากรรมฐาน ๓ วันอยู่ระยะหนึ่ง ท่านก็เห็นว่ามีผู้ต้องการตะกรุดมหาสะท้อนกันมาก จึงอนุญาตให้ว่าวัตถุมงคลที่เป็นเนื้อเงินและน้ำหนักถึง ๑ บาทในพิธีนั้นให้มีอานุภาพเป็นมหาสะท้อนด้วย

    เมื่อกระผม/อาตมภาพเองพอเห็นว่า ระยะนี้มีตะกรุดมหาสะท้อนออกมามากมาย น้ำหนักไม่ถึงบ้าง วัสดุไม่ใช่ของมีค่าตามที่ศึกษามาจากครูบาอาจารย์ คือไม่ใช่ทองคำ ไม่ใช่นาก ไม่ใช่เงินบ้าง แล้วนำไปขายกันครึกครื้น โดยที่เอารูปจากเว็บไซต์วัดท่าขนุน ซึ่งกระผม/อาตมภาพลงรูปตะกรุดมหาสะท้อนไว้ไปอ้างอิง จึงต้องเดือดร้อนมาบอกกล่าวให้ทุกท่านได้ทราบว่า
    ถ้าตามสายพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงอย่างแท้จริงนั้น ไม่มีตะกรุดมหาสะท้อน มีแต่ตะกรุดเมฯ กับพระคาถาย้อนกลับ

    แต่กระผม/อาตมภาพเมื่อได้ยินเรื่องของวิชากระดอนสะท้อน ของหลวงปู่รุ่ง วัดท่ากระบือ และวิชาตะกรุดกาสะต้อน ของหลวงปู่ครูบาชุ่ม วัดวังมุย จึงบัญญัติศัพท์ให้เรียกง่าย ๆ ด้วยตนเองว่า
    "ตะกรุดมหาสะท้อน" และเป็นวัตถุมงคลที่กระผม/อาตมภาพทำมากรุ่นที่สุด ถ้าหากว่าไม่โดนระงับเสียก่อนก็น่าจะมีรุ่นที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ ออกมาอีก แต่ว่าโดนระงับไม่ให้สร้างไปแล้ว

    เมื่อเห็นว่ามีบุคคลเอาชื่อของกระผม/อาตมภาพไปหากินในลักษณะหลอกลวง ถ้าได้ของปลอมไป หรือว่าของที่น้ำหนักไม่ถึงไป ไม่มีอานุภาพในการสะท้อนกลับ แล้วท่านไปมั่นใจตนเอง ไปท้าทายให้หมอไสยศาสตร์ทำเข้า อาจจะเดือดร้อนมากกว่าที่คิด จึงต้องมาชี้แจงกันในวันนี้

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุ สามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๒๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...