เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 10 พฤษภาคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,225
    ค่าพลัง:
    +25,920
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔


     
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,225
    ค่าพลัง:
    +25,920
    ขอโอกาสพระเถรานุเถระ น้องสามเณร ตลอดจนญาติโยม ทั้งที่อยู่ที่นี่และอยู่ทางบ้าน
    วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ ทางวัดท่าขนุนเตรียมวัสดุสิ่งของต่าง ๆ สำหรับโรงพยาบาลสนามแข่งกับเวลา เหตุที่แข่งกับเวลา เพราะว่าวันนี้นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี สั่งปิดบ้านอีต่อง คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้าไป จนถึงวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ยกเว้นเจ้าหน้าที่ควบคุมโรค ตำรวจ ทหาร หรือบุคคลที่เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคเห็นว่าจำเป็นต้องเข้าไป แต่ต้องได้รับอนุญาต แล้วบรรดากลุ่มเสี่ยงติดเชื้่อไวรัสโควิด-๑๙ ที่ได้รับการ "สวอป" มา ๒๐๐ กว่าราย น่าจะติดเชื้อไปเกิน ๑๐ เปอร์เซ็นต์ เพราะว่ามีประมาณ ๒๔ ราย..!
    เพราะฉะนั้น...ในส่วนนี้ความจำเป็นของโรงพยาบาลสนามวัดท่าขนุน จะเห็นอย่างเด่นชัดว่าได้ใช้แน่ ประกอบกับการที่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาลูกศิษย์ลูกหาต่าง ๆ อย่างพระ ดร.จิตศิลป์ เหมรํสี ถวายเงินสดมาช่วย ๒๐๐,๐๐๐ บาท พระครูปฐมสาธุวัฒน์ ช่วยเตียงพยาบาล ๑๐ หลัง วีลแชร์ ๓ คัน และเครื่องช่วยหายใจ ๒ ชุด พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. ช่วยเครื่องซักผ้า ๒ เครื่อง เพราะว่าคนป่วยติเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ซักผ้ารวมกับคนอื่นไม่ได้ ส่วนผมเองก็สั่งซื้อหน้ากากอนามัย N๙๕ เพิ่มเติมขึ้นมา เพราะว่าสามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้ดีที่สุด
    คราวนี้ในส่วนที่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาลูกศิษย์ลูกหานั้น จะว่าไปแล้วเป็นทั้งความสืบเนื่องกันในฐานะที่เป็นอาจารย์กับศิษย์อย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งก็คือ ท่านทั้งหลายเหล่านี้เป็นคนทำงานเพื่องานจริง ๆ สำหรับตัวผมเองแล้ว ถ้าคนทำงานได้ ผมจะไม่ดูว่าเขาเป็นพระเก่าพระใหม่ จะไม่ดูว่าเป็นพวกใคร แต่จะจับใส่ลงไปในงานที่เหมาะสมทันที..!
    ขณะที่คนอื่นนั้นไม่ใช่ คนอื่นเขาจะดูก่อนว่าพวกกูหรือเปล่า ? ช่วยอะไรกูได้บ้าง ? ซึ่งเรื่องนี้ผมเห็นว่าทำให้ประเทศชาติของเราพัฒนาช้ามาก โดยเฉพาะถ้าเกิดในวงการสงฆ์ ก็ทำให้วงการสงฆ์เสื่อมเร็วมาก เพราะว่ากลายเป็นการเล่นพวกเล่นพ้อง ซึ่งไม่น่าจะเป็นวิสัยของบุคคลที่บวชเข้ามาเพื่อละกิเลส อย่างพระครูปฐมสาธุวัฒน์หรือท่านอาจารย์เทพ หลายคนไม่คบด้วย บอกว่าท่านโฉ่งฉ่าง เอะอะโวยวาย ผมกลับเห็นว่าท่านอาจารย์เทพเป็นคนจริงใจ และทำงานเพื่องาน
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,225
    ค่าพลัง:
    +25,920
    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ขึ้นอยู่กับกิเลสในใจของเราครับ คนเรากำลังใจมีแค่ไหน ก็คิดแค่นั้น พูดแค่นั้น ทำแค่นั้น ถ้ายังตำหนิติเตียนผู้อื่น ก็แปลว่ากิเลสตัวเองยังท่วมหัว เพราะยังเห็นว่ากูดีกว่า ต่อให้ไม่พูดคำว่า "ดีกว่า" แม้แต่คำเดียว ก็ยังคงเป็น "กูดีกว่า" ไม่อย่างนั้นจะไม่เห็นว่าคนอื่นผิดอย่างนั้น คนอื่นเลวอย่างนี้..!
    ซึ่งพวกท่านทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสามเณร หรือฆราวาส ส่วนใหญ่แล้วเป็นนักปฏิบัติธรรม ต้องรู้เท่าทันกิเลส อย่าให้กิเลสชักจูงเราไปนาน ไม่อย่างนั้นแล้ว หนทางในวัฏสงสารนี้จะยาวไกลยิ่งนัก
    ถามว่าทำไมผมรู้ ? เพราะว่าผมเป็นมาก่อน สมัยก่อนผมแบกกิเลสเต็มหัวเลยครับ แม้กระทั่งคำว่า "หลวงพ่อ" นอกจากหลวงพ่อฤๅษีฯ ผมเรียกคนอื่นไม่ได้ ท่านอาจจะคิดว่าเป็นการเคารพครูบาอาจารย์ แต่ผมพิจารณาแล้วว่า เป็นตัวกูของกูเต็ม ๆ เลย เป็นทั้งสักกายทิฐิ เป็นทั้งอติมานะ
    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเรายังทำไม่ถึง กระผมหรืออาตมภาพพูดไป ท่านทั้งหลายก็อาจจะยังไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึง แต่ถ้าหากว่าทำถึงเมื่อไร จะอ๋อ..เข้าใจทันทีว่า สิ่งที่ผมพูดนี้หมายถึงอะไร เพียงแต่ว่าท่านทั้งหลายต้องเตือนตนเองอยู่เสมอ อัตตนา โจทยัตตานัง เพราะว่าคนที่รักเราจริงหายาก คนที่รักเราจริงจนกล้าตักเตือนเรามีน้อยมาก ส่วนใหญ่แล้วเขารักตัวเอง กลัวว่าจะกระทบกระทั่งกับเรา กลัวว่าเราจะไม่พอใจ กลัวว่าพูดไปแล้วจะกลายเป็นศัตรูกับเรา เขาก็จะไม่พูด จะไม่เตือน
    ดังนั้น..ท่านก็จะไม่มีกระจกที่จะสะท้อนเห็นความประพฤติที่ผิดพลาดของตนเอง เพราะว่าปรโตโฆสะ คือเสียงสะท้อนจากภายนอกไม่มี ท่านต้องใช้ปัญญาตะเกียกตะกายค้นหาเอาเองว่าตัวเองผิดตรงไหน แล้วค่อยมาแก้ไข ซึ่งบางทีก็กลายเป็นเนิ่นช้า
    เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า บางทีกิเลสเรายังท่วมหัวอยู่ พอคนอื่นเตือนแล้วเรารับไม่ได้ ป้องกันตัวเองทันทีด้วยการเถียง อย่าบอกว่าคุณอธิบาย ไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายครับ ถ้าเรารู้ว่าเราผิดก็ "ครับ" แล้วแก้ไข...จบเลย เสียเวลาไปอธิบาย เพราะว่าเรารักหน้าตัวเอง ไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่าเราทำผิดทำพลาด นั่นคือสักกายทิฐิครับ ตัวกูของกูเต็ม ๆ เลย..!
    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่ต้องระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา ก็คือความคิดที่ว่า "กูดีกว่า" หรือ "กูดีแล้ว" ถ้าลักษณะอย่างนี้ท่านจะเป็นน้ำล้นแก้ว อะไรก็เติมไม่ลง
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,225
    ค่าพลัง:
    +25,920
    ช่วงที่ผมเรียนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ได้รับความชื่นชมจากครูบาอาจารย์มาก ว่าเป็นพระเถระที่อ่อนน้อมถ่อมตน ตั้งใจศึกษาเพื่อความรู้จริง ๆ ตรงนี้มีบันทึกของครูบาอาจารย์ยืนยันได้ แม้กระทั่งที่ท่านอาจารย์ ดร.มนตรา เลี่ยวเส็ง เขียนไว้ แล้วมีผู้เอาไปลงอยู่ในเว็บวัดท่าขนุนก็มี
    เพราะผมคิดอยู่เสมอว่า ทุกคนคือครูของผม ต่อให้ไม่ได้สั่งสอนผมโดยตรง แต่ความคิด คำพูด และการกระทำของท่านก็สอนผมอยู่ในตัว ถ้าผมดูแล้วว่าสิ่งนี้ผมไม่ยินดี ไม่ชอบใจ ผมก็จะไม่ทำสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น แบบนั้นกับคนอื่น ถ้าท่านคิด ท่านพูด ท่านทำ แล้วผมยินดี ผมชอบใจ ผมก็จะพยายามทำสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นกับคนอื่น

    เพราะฉะนั้น..บางท่านจะเป็นครูบาอาจารย์โดยที่ไม่รู้ตัว อย่าว่าแต่ครูบาอาจารย์ที่ต้องสั่งสอนผมตามหน้าที่ เพราะได้รับการมอบหมายมาในแต่ละชั่วโมงการศึกษา ในเมื่อเราแบกกิเลสท่วมหัว คนที่รักตัวเองจะไม่กล้าเตือนเรา ยกเว้นคนที่รักเรามากกว่าตัวเอง เขาถึงจะกล้าตักเตือน แต่ก็เสี่ยงกับการเสียเพื่อน เพราะถ้ารับไม่ได้ เราก็อาจจะทะเลาะกันใหญ่โตไปเลย
    ดังนั้น..ในส่วนที่ผมทำมาจนกระทั่งปัจจุบัน ผมไม่เคยมองข้ามคุณค่าของใคร คนเรามีคุณค่า มีความรู้ความสามารถอยู่ทุกคน ไม่ช้าก็เร็ว เขาจะได้แสดงคุณค่าและความสามารถตรงนั้นออกมา เพียงแต่ว่างานบางอย่างรอไม่ได้ ดังนั้น..รีบแสดงคุณค่าของเราออกมาก่อน ก่อนที่จะไม่มีโอกาสแสดง เพราะว่าความตายไม่มีนิมิต ไม่มีเครื่องหมาย โดยเฉพาะเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ บางคนติดเชื้อ ไม่ออกอาการอะไรเลย สบายดีทุกประการ แต่พอแพร่ระบาดมาถึงเรา อาจจะตายภายในไม่กี่วัน..!
    ในเมื่อชีวิตเป็นของไม่แน่ ทุกวันนี้ที่ผมทำงาน ผมก็แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด พรุ่งนี้จะมีหรือไม่ ผมไม่ใส่ใจแล้ว ถ้าผมทำวันนี้ได้ดีที่สุด แหงนหน้าก็ไม่อายฟ้า ก้มหน้าก็ไม่อายดิน ถึงอยู่ต่อไปคนก็เกรงใจ ถ้าจะจากไป คนก็อาลัยคิดถึง

    ชีวิตคนเรา ถ้าทำได้แค่นี้ เพียงพอแล้วครับ ไม่ต้องไปรอรับการยอมรับจากคนอื่น ไม่ต้องไปหาที่หาทางยืนในสังคมให้เหนื่อย ยืนบนตีนตัวเองครับ..! แล้วทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด คุณค่าของเราจะปรากฏออกมา แล้วในที่สุด คนรอบข้างเขาจะยอมรับเราเองครับ

    ก็ขอเรียนถวายทุกท่านและเจริญพรแก่ญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2021
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...