เรื่อง....ปลาหมึก

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 20 มกราคม 2006.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,024
    กรุณาอย่าได้แปลกใจนะครับที่เห็นคอลัมน์กินไปอ้วกไปมีติดต่อกัน 2 ฉบับซ้อน ทั้งที่ตามธรรมดา จะเจอเรื่องอ้วกแบบนี้เดือนละฉบับเท่านั้น สาเหตุที่ต้องกระหน่ำแบบซ้อนๆ อย่างนี้ก็เนื่องจากมีแฟนๆ ท่านผู้อ่านสนใจไต่ถามกันมาเยอะมาก นอกจากนี้ยังมีจดหมายเข้ามาถึงผมแบบกองพะเนินเทินทึก และแต่ละฉบับน่าอ้วกทั้งนั้นเสียด้วยซี ผมก็เลยคิดว่า ถ้ามีการสลับ ขยับขยายให้มากขึ้น แฟนๆ ก็จะได้อ่านเรื่องดีๆ มีประโยชน์ต่อตนเองมากขึ้นตามไปด้วย และคุณดำรงก็จะได้แจกเสื้อมากขึ้นเช่นกัน<o =""></o> ไหนๆ รวยแล้วแจกชาวบ้านมากหน่อยก็คงไม่เป็นไร แหะๆ ต่อไปเวลาไปไหนมาไหนจะได้พบแต่คนใส่เสื้อ “คส.คส.” เยอะๆ ยังไงล่ะครับ<o =""></o>
    คิดยังไง ท่านผู้อ่านก็ได้ประโยชน์แน่ๆ ผมก็เลยหยิบจดหมายแฟนๆ นำมาลงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ครับ<o =""></o>
    และฉบ ับนี้เราจะมาอ้วกเรื่องปลาหมึกกัน<o =""></o>
    คิดว่าทุกท่านคงรู้จักปลาหมึกดีนะครับ<o =""></o>
    แต่คงมีไม่กี่ท่านเท่านั้นที่รู้ว่า ความจริงแล้ว ปลาหมึกไม่ใช่ปลา แต่เป็นสัตว์ประเภทหอยครับ<o =""></o>
    “เฮ้ย จริงเหรอ”<o =""></o>
    จริงครับ<o =""></o>
    หากจะเรียกให้ถูกต้อง ท่านผู้รู้ให้เรียกว่า หมึก เฉยๆ ไม่ต้องมีคำว่า ปลา นำหน้า แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ชาวบ้านเรียกปลาหมึกกันจนติดปากแล้ว ผมเองก็เรียกจนติดปากเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ถึงมันจะเป็นพวกหอย แต่ก็ขอเรียกปลาหมึกตามถนัดละกัน ส่วนความจริงที่บอกว่า มันเป็นหอยนั้นก็เป็นอันรับรู้อยู่ในใจแล้วกัน<o =""></o>
    ; “เหลือเชื่อจริงๆ ฟ่ะที่มันกลายเป็นหอยไปได้” บางท่านอาจบอกอย่างนี้<o =""></o>
    อันที่จริงมันก็เป็นหอยมาแต่ไหนไรแล้วครับ ใครที่เรียนมัธยมคงจำได้ว่าเราเรียนเรื่องอาณาจักรพืช อาณาจักรสัตว์นั้น คุณครูท่านจะให้ท่องชื่อไฟลั่มต่างๆ ว่าสัตว์ชนิดไหนอยู่ไฟลั่มอะไร ซึ่งคาดว่าเราท่านทั้งหลายต่างก็เคยเรียนมาแล้วทั้งนั้น เพียงแต่พอกาลเวลาผ่านไป เราก็ลืมกันหมดเท่านั้นเอ<o =""></o>ง
    “แต่ตูเพิ่งรู้นี่แหละฟ่ะ” บางท่านอาจสารภาพ<o =""></o>
    ก็ไม่เป็นไรครับ จะรู้เมื่อตะกี้หรือรู้ เมื่อไหร่เราก็เจี๊ยะปลาหมึกกันมานานแล้ว และบางท่านอาจโปรดปรานเป็นพิเศษด้วย เพราะเคี้ยวหนึบๆ อร่อยดี คือ กินมาจนเกือบจะเกลี้ยงอ่าวไทยอยู่แล้วครับ แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นสัตว์ประเภทไหนและมีชีวิตอยู่อย่างไรเท่านั้นเอ<o =""></o>ง
    เรื่องราวของปลาหมึกนั้นน่าสนใจมาก ผมเองก็ชอบอ่านจากที่โน่นที่นี่ และดูหนัง สารคดีบ่อยๆ เมื่อเร็วๆ นี้ก็เปิดเว็บไซต์ไปพบบทความของคุณเจิดจินดา โชติยะปุตตะซึ่งเคยเขียนเอาไว้ในวารสารการประมง ปีที่ 54 ฉบับที่ 2 เดือนมีนาคม-เมษายน ปี 2544 เห็นว่ามีเนื้อหาน่าสนใจมาก เลยอยากจะขอยกข้อความบางตอนมาให้แฟนๆ “คส.คส.” ได้อ่านกันครับ<o =""></o>
    เป็นบทความทางวิชาการ มีภาษาปะกิดปนอยู่บ้างเล็กน้อย ใครอ่านไม่ออกก็ไม่ต้องไปสนใจหรอก เพราะผมเองก็อ่านไม่ออกเหมือนกัน แต่เนื้อหาภาษาไทยให้ความรู้เรื่องของปลาหมึกดีมาก ผมเลยอยากจะให้อ่านกันครับ โดยเฉพาะปลาหมึกแคระที่พบในประเทศไทยนั้น ผมว่าเป็นความรู้ที่ดีทีเดียว<o =""></o>
    “รู้ป่าวว่าทำไมเจอหมึกแคระในเมืองไทย”<o =""></o>
    ไม่รู้ครับ<o =""></o>
    “เพราะเราจับตัวใหญ่ไปกินหมด เลยเหลือแต่ตัวเล็กๆ”<o =""></o>
    ท่านพูดซะเลอะเชียว ผมว่าลองอ่านของจริงดูดีกว่าครับ<o =""></o>
    <o =""></o>

    “ปลาหมึก” ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ปลา แต่ความหมายในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน 2525 ให้ความหมายว่า “ชื่อสัตว์น้ำไม่มีกระดูกสันหลังที่มีขา ซึ่งเรียกว่า หนวด อยู่ที่บริเวณหัว อาศัยอยู่ในทะเลมีถุงบรรจุน้ำสีดำอย่างหมึกสำหรับพ่นเพื่อพรางตัว มีหลายสกุล..และ หมึกก็เรียก”<o =""></o> แต่เมื่อกล่าวถึงสัตว์น้ำชนิดนี้โดยรวมทั่วไปไม่ควรตัดคำเรียกเพียงแค่ “หมึก” เพราะอาจทำให้เข้าใจผิด ไม่สื่อถึงสัตว์น้ำ ชนิดนี้ ความหมายอาจกลายเป็นอื่นได้ แต่น่าจะใช้ได้เมื่อมีชนิดของปลาหมึกมาต่อท้ายคำ เช่น “หมึกกล้วย” “หมึกกระดอง” และ “หมึกสาย” เป็นต้น<o =""></o>
    ในนวนิยายต่างประเทศที่กล่าวถึง สัตว์ร้ายขนาดใหญ่จากท้องทะเลต่างๆ นั้น ได้แต่งให้ปลาหมึกยักษ์เป็นผู้ร้ายอยู่เสมอมาช้านานแล้ว นวนิยายคลาสสิกเรื่องที่มี ชื่อเสียงรู้จักกันทั่วโลก และได้สร้างภาพยนตร์ด้วย คือ เรื่อง “ใต้ทะเลสองหมื่นโยชน์” (Twenty Thousand Leagues Under The Sea) ของ Jules Verne ใน ค.ศ.1870 ซึ่ง Walt Disneys ได้สร้างเป็นภาพยนตร์เมื่อปี 1954 นอกจากนี้ยังมีเรื่อง “Moby Dick” ของ Herman Melville และยังมีอยู่เรื่อยๆ อีกหลายเรื่อง ตลอดมาจนถึง “The Beast” ของ Peter Benchley ที่กล่าวว่าสัตว์ร้ายขนาดใหญ่จากทะเลเป็นพวกปลาหมึกขนาดยาวถึง 100 ฟุต ครอบครองทะเลแถบเบอร์มิวดา กินคนเป็น อาหารกลางวันจำนวนมาก โดยปลาหมึกมักจะถูกกล่าวหา หรืออุปโลกน์เป็นสัตว์ร้ายจากทะเลก้เนื่องมาจากขนาดที่ใหญ่โตที่ได้มีผู้เคยพบเห็น แต่โดย ทั่วไปแล้ว ปลาหมึกที่มนุษย์ใช้บริโภค จะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก<o =""></o>
    ปลาหมึก จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับหอย เป็นพวก Mollusks แต่ปลาหมึกจัดอยู่ใน Class Cephalopoda ซึ่งมาจากภาษากรีก แปลว่า “สัตว์หัว-เท้า” (head-footed animals) ประกอบด้วยกลุ่มปลาหมึกต่างๆ เช่น ปลาหมึกกล้วย (Squid) กลุ่มปลาหมึกกระดอง (Cuttlefish) กลุ่มปลาหมึกสาย (Octopus) และหอยงวงช้าง (Nautilus) เป็นต้น<o =""></o>
    ปกติ ปลาหมึกจัดเป็นสัตว์น้ำที่มีการเจริญเติบโตเร็ว อายุสั้น ขนาดจะมีตั้งแต่ขนาดเล็ก 1 ซม. ได้แก่ ปลาหมึกแคระซึ่งชนิดที่พบในประเทศไทยเล็กที่สุดในโลก คือ Idiosepius thailandicus Chotiyaputta,Okutani and Chaitiamvong 1991 จนถึงขนาดใหญ่ 20 เมตร คือ Architeuthis spp. (Giant squid) ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มปลาหมึก รวมทั้งในบรรดาสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง สำหรับกลุ่ม Squid จะมีลักษณะภายนอกประกอบด้วยส่วนสำคัญ 6 ประการ คือ<o =""></o>
    1.ลำตัว (mantle) ทรงกระบอกยาว มีอวัยวะอยู่ภายใน<o =""></o>
    2.หัวสั้น มีตาขนาดใหญ่<spa nstyle="MSO-BIDI-FONT-FAMILY: New?? ?Angsana><FONT size=5><STRONG><FONT face=" angsana="" new=""> 3.แขน (arm) 8 อัน ประกอบด้วยปุ่มดูด (Suckers) หรือตะขอ (Hooks)<o =""></o></spa>
    4.ปาก ล้อมรอบด้วยแขน ประกอบด้วยจงอยปากที่แข็งแรง (beak)<o =""></o>
    5.หนวดจับ (tentacle) ยาว 1 คู่ ส่วนปลายมีปุ่มดูด<o =""></o>
    6.ท่อน้ำ (funnel) ออกจากลำตัวอยู่ใต้ส่วนหัว<o =""></o>
    ปลาหมึกยักษ์ (Giant squid) จัดอยู่ใน Family Architeuthibae Pfeffer,1900 มีเพียง Genus เดียว คือ Architeuthis Steenstrup,1856 มาจากภาษากรีก มีความหมายว่า “ruling or chief squid” (Jappetus Steenstrup) ศึกษา Architeuthis dux เป็น Type specimen) โดยมีขนาดใหญ่ที่สุดถึงประมาณ 20 เมตร (overall length) น้ำหนักประมาณ 500 กก. ที่พบส่วนใหญ่มีขนาด 10-15 เมตร ปุ่มดูดบนแขนมีขนาดเฉลี่ยประมาณ 2.5 ซม. ซึ่งปุ่มดูดอันใหญ่ที่สุดบนหนวดจะมีขนาดถึง 5-5.5 ซม. ปลาหม ึกยักษ์นี้ มักพบในลักษณะที่ตายแล้วถูกซัดเกยฝั่ง หรือพบชิ้นส่วนในท้องปลาวาฬพวก Sperm whale และจากอวนลากน้ำลึก สำหรับการแพร่กระจาย พบทั่วไปรอบโลก คือ บริเวณมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ได้แก่ บริเวณประเทศนอร์เวย์, ไอซ์แลนด์, เดนมาร์ก จากลาบราดอร์ถึงอ่าวเม็กซิโกในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ จากทะเลแบร์ริ่ง ถึงญี่ปุ่น, ฮาวาย, แคลิฟอร์เนีย สำหรับทางมหาสมุทรซีกโลกใต้ พบบริเวณอาร์เจนตินา, แอฟริกาใต้, ทาสมาเนีย และนิวซีแลนด์ จะอยู่ในน้ำลึก 200-1,000 เมตร การดำรงชีพ จัดเป็นแบบกึ่งผิวน้ำและกลางน้ำ (Epipelagic and Mesopelagic) ความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับปลาหมึกยักษ์นี้จะได้จากการศึกษาชิ้นส่วนซากของมันที่พบหรือจากปลาวาฬที่กินมันเป็นอาหารและอื่นๆ โดยนักวิจัยต่างๆ ได้เริ่มศึกษาอย่างจริงจัง เมื่อประมาณ 20 ปีมานี้เอง<o =""></o>
    นี่เป็นข้อความที่ผมยกมาให้อ่านเพียงบางตอน แต่คงทำให้ผู้อ่านรู้จักเรื่องราวของปลาหมึกดีขึ้นนะครับ<o =""></o>
    ปลาหมึกในบ้านเรานั้น นับวันจะตัวเล็กลงทุกๆ ที ทั้งนี้เนื่องจากเราบริโภคกันแบบ “ชิบหายวายป่วง” ขออภัยที่ใช้คำนี้ เพราะไม่มีคำใดเหมาะสมเท่า<o =""></o>
    ที่ต้องพูดอย่างนี้ก็เนื่องจาก เราไม่มีแผนใดๆ ในการใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่า ประมาณว่า ต่างคนต่างทำ ใครจับได้ก็จับเอา โดยไม่มีกติกาใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้ปลาหมึกแทบจะสูญพันธุ์ในไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้วล่ะครับ เพราะปลาหมึกน้อยใหญ่ เราจะจับไม่ให้เหลือ ปลาหมึกไข่ก็จับมาเกลี้ยง ตัวไหนรอดตายไปไข่และฝังเป็นตัวเล็กๆ เท่าปลายก้อย เราก็ยังอุตส่าห์ตามไปจับมันมาตากแห้ง เพื่อทอดกินกับข้าวต้ม<o =""></o>
    คือ ทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ก็ไม่มีรอด ว่างั้นเถอะ<o =""></o>
    จึงเชื่อว่า อีกไม่นาน ปลาหมึกในทะเลไทยคงไม่เหลือครับ<o =""></o>
    นอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่น่ากลัวอีกอย่างหนึ่งสำหรับปลาหมึกในทะเลไทย คือ มีการพบว่า ปลาหมึกที่จับมาได้นั้น มีทั้งตะกั่วและสารปรอทในตัวอยู่เยอะมาก <o =""></o>
    เยอะถึงระดับเป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้!<o =""></o>
    นี่หากเป็นฝรั่ง เขาไม่กล้ากินนะครับ แต่คนไทยเสียอย่าง อะไรเราก็ไม่กลัวทั้งนั้นแหละ จึงมีผู้บริโภคปลาหมึกกันเป็นปกติ ทั้งๆ ที่รู้ว่าปลาหมึกบ้านเรามีสารปนเปื้อน และสารตกค้างอยู่ในตัวสูงมาก<o =""></o>
    “แล้วมันมาจากไหนฟะ”<o =""></o>
    ก็มาจากมนุษย์นี่แหละครับที่ทำให้น้ำทะเลสกปรก เราปล่อยสิ่งเป็นพิษลงทะเล สัตว์ทะเลกินเข้าไป แล้วเราก็ไปจับสัตว์ทะเลมาบริโภคอีกที อีแบบนี้ สารพิษก็เลยย้อนกลับคืนมาหาตัวเอง<o =""></o>
    มนุษย์ก่อสารพิษเอาไว้ สุดท้ายก็ต้องตายด้วยสิ่งที่ตนทำ<o =""></o>
    กงกรรมกงเกวียนครับ ท่านผู้อ่าน<o =""></o>
    “งั้นตูกินปลาหมึกซึ่งจับมาจากที่อื่น จะเป็นไรมั้ย?”<o =""></o>
    อาจจะเป็นและอาจไม่เป็นครับ<o =""></o>
    หากแหล่งจับมีน้ำสะอาดก็ไม่เป็นไร<o =""></o>
    แต่ถึงจะไม่มีสารตกค้างอย่างในอ่าวไทย ปลาหมึกก็เป็นอะไรที่ไม่น่ากินอยู่ดีโดยเฉพาะท่านที่มีอายุมากแล้ว เพราะในปลาหมึกมีโคเลสเตอรอลสูงมาก หากกินบ่อยๆ จะทำไขมันในเส้นเลือดสูง ไม่นานก็อุดตันเส้นเลือดจนท่านเดี้ยง หรือไม่ก็เป็นโรคหัวใจ เด๊ดสะมอเร่<o =""></o>
    “อะไรฟะ ไม่มีดีเลยเรอะ?”<o =""></o>
    บอกตรงๆ ว่า อาหารชนิดนี้มีโทษค่อนข้างมาก แต่ที่ยังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายก็เนื่องจากมีรสชาติดี และอร่อยมาก ผมเองก็ชอบ เมื่อก่อนนี้มีรถเข็นขายหน้าบ้านทุกเย็น ผมต้องซื้อหม่ำเป็นประจำเลย ตอนหลังไปวัดไขมันในเส้นเลือดก็ถึงกับร้องจ๊ากต้องเลิกกินอย่างเด็ดขาด<o =""></o>
    แต่นานๆ ทีก็มีการชะแว้บไปหม่ำบ้าง โดยเฉพาะหมึกไข่ตัวโตๆ ย่างให้เหลืองเข้ม แล้วจิ้มน้ำจิ้มรสเด็ด หือ...ตายก็ตายวะ!<o =""></o>
    เพราะความอร่อยนี่เองทำให้ผมเลิกเด็ดขาดไม่ได้ และเชื่อว่าผู้อ่านไม่น้อยที่รู้เรื่องโทษของอาหารชนิดนี้ดี แต่ก็ตัดใจไม่ไหว เนื่องจากมันอร่อยมาก อย่างที่ผมบอกไปแล้ว<o =""></o>
    นานๆ กินทีคงไม่เป็นไรครับ<o =""></o>
    ส่วนใครที่กินกระหน่ำแบบทุกวันอันนี้ต้องเพลาๆ ลงหน่อยนะครับ ยิ่งท่านอายุมากเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องตัดใจมากขึ้นเท่านั้น เพราะมันมีผลต่อสุขภาพมากจริงๆ<o =""></o>
    “อาทิตย์ละครั้งเป็นไง”<o =""></o>
    พอไหวครับ<o =""></o>
    แต่ก็นั่นแหละ ต้องดูร้านบริโภคให้ดีด้วยนะครับ เพราะเดี๋ยวนี้มีสารตกค้างอยู่ในปลาหมึกเยอะมาก มีทั้งที่ตกค้างโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจครับ<o =""></o>
    ไม่ตั้งใจคือ พวกตะกั่วและปรอทที่ติดอยู่ในตัวปลาหมึกมาจากทะเลแล้ว โคเลสเตอรอลก็ติดมากับตัวปลาหมึกแบบเบ็ดเสร็จเหมือนกัน อันนี้เราเลี่ยงไม่ได้เลย แต่ยังมีสารพิษอีกประเภทหนึ่งซึ่งติดมาโดยความตั้งใจของพ่อค้า อันนี้น่ากลัวมาก เช่น การแช่ฟอร์มาลีนให้อาหารสดดูน่ากินหรือฉีดยาฆ่าแมลงเพื่อไม่ให้แมลงไต่ตอม<o =""></o>
    พิษชนิดนี้อยู่ในระดับหัวกะโหลกไขว้เลยนะครับ<o =""></o>
    บรื๋อ<o =""></o>
    เท่านั้นยังไม่พอ บางร้านซื้อมาแล้วยังเพิ่มสารฆ่ามนุษย์ลงไปอีกด้วยความตั้งใจครับ<o =""></o>
    มีแฟนๆ ส่งเมลมาเล่าให้ผมอ่านว่า บางร้านเขาล้างปลาหมึกด้วยน้ำยาขัดห้องน้ำ เพื่อให้ดูขาวสะอาด น่ากิน พวกน้ำหมึกดำๆ จากปลาจะถูกกัดจนเกลี้ยงเหลือเพียงความขาวฟู น่าหม่ำ<o =""></o>
    ก็ขนาดคราบห้องน้ำดำๆ ยังขัดจนเกลี้ยง พี่แกเล่นเอามากัดปลาหมึก เนื้อก็เลยขาวจั๊วะน่าเจี๊ยะน่ะซี<o =""></o>
    โห คิดออกได้ไงเนี่ย<o =""></o>
    และคนเล่ายังเจาะจงมาด้วยว่า ไปเห็นกับตาที่ร้านเนื้อย่างเกาหลีประเภทอิ่มละ 79 บาทนั่นแหละครับ<o =""></o>
    จ๊าก!<o =""></o>
    ร้านที่ไม่ได้ทำก็อย่าโกรธผมนะครับ ท่านทำดีของท่านอยู่แล้ว ความดีย่อมประจักษ์อย่างแน่นอน แต่ร้านที่มักง่าย ชอบใช้เครื่องทุ่นแรงโดยไม่คำนึงถึงความเป็นตายของลูกค้าก็อยากจะเตือนว่า เลิกเสียเถอะครับ ยังไม่สายเกินไปหรอก<o =""></o>
    “อ่านเรื่องของสูแล้วชักหนาววุ้ย”<o =""></o>
    ผมเองก็หนาวเหมือนกันครับ เพราะจะกินปลาหมึกแต่ละครั้งนั้นมันเสี่ยงหลายเด้งเหลือเกิน เด้งแรกเป็นโคเลสเตอรอลจากเนื้อปลาหมึกเอง เด้งที่สองเป็นสารปนเปื้อนจากท้องทะเล เด้งที่สามเป็นยาฆ่าแมลงหรือยาดองศพจากตลาด และเด้งที่สี่มาเจอยาล้างห้องน้ำจากร้านขาย<o =""></o>
    เจอสี่เด้งอย่างนี้ไม่ตายก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วล่ะครับท่านผู้อ่าน<o =""></o>
    เพราะฉะนั้น ใครที่ชอบปลาหมึกจึงต้องหยุดตรองสักนิด เพราะไม่เช่นนั้นท่านอาจเจอเด้งที่ห้าอีกต่อก็ได้<o =""></o>
    เด้งนี้คุณแม่ลูกหนึ่ง จากปราจีนบุรีเป็นผู้เล่ามาว่าไปเจอเรื่องอ้วกแตกจากปลาหมึกเข้าด้วยตัวเอง<o =""></o>
    เดือนนี้ปราจีนบุรีมาแรงครับ เพราะมีเรื่องอ้วกลงในคอลัมน์ของผม 2 ฉบับติดต่อกัน ทั้งคู่อยู่คนละอำเภอ และใช้นามแฝงไปคนละอย่าง<o =""></o>
    คุณแม่ลูกหนึ่งเนี่ย อยู่ที่ อ.เมือง และเป็นคนชอบทานปลาหมึกย่างรสแซบมาก จนกระทั่งวันหนึ่งเจอดีเข้า ถึงได้หยุดหม่ำ<o =""></o>
    ที่ อ.เมืองนั้น เธอบอกว่า จะมีตลาดคลองถมทุกๆ วันเสาร์ตั้งแต่ 4 โมง เย็นถึง 4 ทุ่ม เป็นตลาดขายของถูกที่ชาวบ้านนิยมไปเดินกันมาก เพราะนอกจากจะซื้อของใช้ในราคาถูกกว่าห้างแล้ว อาหารต่างๆ ก็มีให้หม่ำเยอะมาก เธอเล่าว่าในบรรดาอาหารทั้งหลายนั้นไม่มีอะไรถูกใจเท่าหมึกย่างและน้ำจิ้มรสแซบ<o =""></o>
    ลูกสาวก็ชอบมากเหมือนกัน<o =""></o>
    เจ้าประจำคือร้านใกล้ทางเข้าลานจอดรถ คนขายเป็นผู้ชาย!<o =""></o>
    ใบ้ให้แค่นี้เธอก็บอกว่า กลัวคนขายจะตามฆ่าแย่อยู่แล้ว จึงเอาเป็นว่า ร้านนี้แหละ ย่างปลาหมึกได้เหลือง น่าเจี๊ยะมาก เธอก็เลยซื้อเป็นประจำ และอร่อยเป็นประจำ<o =""></o>
    จนกระทั่งวันหนึ่ง<o =""></o>
    วันนั้นคนเดินเยอะมาก เธอจึงลัดเข้าด้านหลังเพื่อจะได้ไม่ต้องเบียดกับใคร ผ่านไปทางรถกระบะของพ่อค้าขายปลาหมึกก็พบถาดปลาหมึกที่เสียบไม้รอย่างตั้งอยู่ในรถพร้อมสุนัขขนปุยตัวหนึ่ง<o =""></o>
    มัวแต่ขายปลาเลยเอาหมามาใส่กระบะรถไว้กับถาดปลาหมึก ว่างั้นเถอะครับ<o =""></o>
    แบบนี้ก็สนุกน่ะซี เพราะเจ้าหมาขนปุยตัวนั้นเดินย่ำไปย่ำมาบนถาดปลาหมึก นอกจากนั้นก็มีการเลียกินแก้เซ็ง และเมื่อไม่มีใครสนใจอีกก็เคี้ยวปลาหมึกในไม้เสียบแหว่งเป็นชิ้นๆ ด้วย<o =""></o>
    ทั้งเท้าย่ำ<o =""></o>
    ทั้งขนร่วง<o =""></o>
    ทั้งเลียและแทะ<o =""></o>
    ฉี่ใส่ด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้<o =""></o>
    <spanlang ="THstyle=&quot;mso-bidi-font-family:" new="" ?angsana=""><s pan="" style=""> แล้วพ่อค้าก็ยกถาดนั้นมาให้ท่านทาน<o =""></o></s></spanlang>
    <s pan="" style=""> ทั้งเหลือง ทั้งหนึบ แถมขนหมาและน้ำลายหมามาให้อีกต่างหาก อีแบบนี้ไม่อร่อยก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วล่ะครับ ใครผ่านไปตลาดคลองถมแถวๆ ปราจีนบุรีก็ลองแวะชิมดูได้นะครับ ส่วนผม แค่จินตนาการเท่านั้นก็ไม่ไหวแล้วครับ<o =""></o></s>
    <s pan="" style=""> อ้วกกก<o =""></o></s>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2006

แชร์หน้านี้

Loading...