เรื่องเด่น เมื่อ จิตที่เข้าถึงอุปจารสมาธิ และอาการต่างๆที่ปรากฏ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 26 กันยายน 2017.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,209
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,711
    หลวงพ่อ007-2 พลังจิต2.jpg

    “เมื่อ จิตที่เข้าถึงอุปจารสมาธิ และอาการต่างๆที่ปรากฏ “

    พระธรรมคำสอน…พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    “…จะพูดถึงอาการที่จะเข้าถึง อุปจารสมาธิ เมื่อท่านกำหนดรู้ลมหายใจเข้าหายใจออก จิตจะมีความสงบสงัดดีขึ้น จะมีความชุ่มชื่นมีความสบาย แต่ทว่าจะทรงอยู่นานก็หาไม่ อาจจะทรงอยู่ได้สัก ๑ นาที ๒ นาที ๓ นาทีในระยะต้นๆ แต่บางวันมันก็ทรงอยู่ได้ตั้งครึ่งชั่วโมง ตั้งชั่วโมง
    เหมือนกัน เอาแน่นอนอะไรไม่ได้
    ..เป็นอันว่าเมื่อจิตของท่านเริ่มมีความสุข มีความรื่นเริง จิตชุ่มชื่นหรรษา อาการของปีติ มี ๕ อย่าง ที่จะเรียกว่าอุปจารสมาธิ จิตที่เข้าถึงอุปจารสมาธิก็คือจิตมีปีติ แล้วก็จิตเข้าถึงสุข ถ้าเข้าถึงสุขก็เรียกว่าเต็มอุปจารสมาธิ อาการของปีติที่ควรแก่การพิจารณา ควรจะทราบนั่นก็คือ

    …อาการปีติที่ ๑ มีขนลุกซู่ซ่า ที่เรียกว่าขนพองสยองเกล้า ถ้าอาการอย่างนี้เกิดขึ้นก็จงอย่าสนใจกับร่างกาย ขนมันจะลุก ขนมันจะพอง ขนมันจะตั้งขึ้นสูง ขนมันจะต่ำก็ช่างมัน ไม่สนใจกับอาการทางร่างกายทั้งหมด พยายามสนใจกับอารมณ์ที่เราทรงไว้ ความจริงอาการอย่างนี้ผมพูดก็พูด เขียนก็เขียนมาแล้ว แต่ก็ยังมีนักปฏิบัติมากท่าน เมื่อกระทบกระทั่งกับเรื่องทางกายเกิดขึ้น มักจะถามกันบ่อยๆ แต่ว่าไม่ใช่คนในสำนัก เป็นคนนอกสำนัก เป็นเหตุให้รู้สึกว่ารำคาญ เพราะว่าสันดานของบุคคลที่จะเอาดีน่ะ เขาฟังกันครั้งเดียวหรือว่าดูครั้งเดียว อ่านครั้งเดียว เท่านี้พอ ไม่ต้องมานั่งจ้ำจี้จ้ำไชอะไรกัน
    ..อาการปีติที่ ๒ เมื่อมีอาการขนลุกขนพองสยองเกล้าเกิดขึ้นจิตจะเป็นสุข ตอนนี้ขอให้ท่านทั้งหลายมีความเข้าใจว่าจิตเราเริ่มเข้าอุปจารสมาธิ คือปีติ บางท่านอาการอย่างนี้ไม่ปรากฎ แต่ปรากฎอีกอย่างหนึ่ง คือ น้ำตาไหล เวลาเริ่มทำสมาธิ น้ำตาไหล บางทีใครพูดอะไรเป็นที่ชอบใจ ชื่นใจ ปลื้มใจ น้ำตาก็ไหล มันไหลจนกระทั่งบังคับไม่อยู่ นี่เป็นอาการของปีติที่ ๒
    …อาการของปีติที่ ๓ เวลาจิตเริ่มเป็นสมาธิ คำว่าเริ่มเป็นสมาธินี่ เอาแน่นอนอะไรไม่ได้ ถ้าคนที่มีอารมณ์คล่อง บางทีทำงานอยู่ นึกขึ้นมาอาการมันก็เกิดทันที เรียกว่า จิตเข้าถึงสมาธิเร็ว อาการที่ ๓ ของปีติก็คือร่างกายโยกไปโยกมา โยกไปข้างหน้าโยกข้างหลัง อย่างนี้เป็นอาการของปีติที่ ๓
    …อาการของปีติที่ ๔ มีอาการตัวสั่นเทิ้มคล้ายปลุกพระ หรือมีอาการบางครั้งตัวลอยขึ้นพ้นพื้นที่ ถ้าอาการอย่างนี้ปรากฏ ก็อย่าเพิ่งนึกว่าอาการของการเหาะมันจะมีขึ้น ยังไม่ใช่เหาะ เป็นเรื่องของปีติ
    …อาการของปีติที่ ๕ จะมีอาการซาบซ่าน ซู่ซ่าทางกาย คล้ายๆกับของในกายมันไหลออกไปหมด ตัวกายเบาโปร่ง จะมีความรู้สึกเหมือนกับตัวใหญ่ขึ้น หน้าใหญ่ขึ้น ตัวสูงขึ้น รู้สึกว่ามันซู่ซ่าแต่อารมณ์จิตสบาย อาการอย่างนี้เป็นอาการของปีติที่ ๕ เมื่ออาการของปีติที่ ๕ เกิดขึ้น ตอนนั้นอารมณ์จิตจะเป็นสุข ความสุขที่มีขึ้นเราจะบอกไม่ถูก ว่าความสุขนั้นมันจะมีอย่างไร อธิบายไม่ได้

    …ขึ้นชื่อว่าความสุขประเภทนี้ในชีวิตของเราจะไม่ปรากฎมีมาเลย มันเป็นความสุขสดชื่นปราศจากอามิสที่คิดถึง หมายความว่าไม่ใช่มีความชื่นใจเพราะได้ของมา อย่างนี้เขาเรียกว่าความสุขที่เกิดขึ้นจากนิรามิสสุข คือสุขไม่อิงอามิส มันเป็นความสุขผ่องใส สดชื่น มีความสบายเปรียบเทียบกับอะไรก็เปรียบเทียบไม่ได้
    …ถ้าอาการอย่างนี้มีขึ้น แสดงว่า จิตของท่านเข้าถึงอุปจารสมาธิอันดับที่สุด เป็นการเต็มขั้นกามาวจรสวรรค์ อย่าลืมว่า ขณิกสมาธิเป็นปัจจัยให้เกิดในกามาวจรสวรรค์ แล้วก็ถึง อุปจารสมาธิเต็มเป็นการเต็มที่จะขึ้นไปเกิดบนสวรรค์ได้ทุกชั้น ตามอัธยาศัย เรียกว่าเต็มกามาวจรสวรรค์ ถ้าเลยไปจากนี้ก็เป็นอาการของพรหม….”
    .
    .
    ******************************
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    วัดจันทาราม(ท่าซุง)อุทัยธานี
    ————————————
    ที่มาจาก…หนังสือ ธรรมปฏิบัติเล่ม ๒๐ หน้า ๘๖ – ๘๙..โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม(ท่าซุง) ตงน้ำซึม อ,เมือง จ. อุทัยธานี
    *********************************************



    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2017
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,437
    ค่าพลัง:
    +35,024
    ถ้าคิดไม่ออกว่าสภาวะนี้
    เป็นอย่างไร ให้ระลึกว่า ไม่ว่าจะสัมผัส
    แบบไหนก็ตาม อลังการงานสร้าง
    แค่ไหนก็ตาม ไม่ว่าแบบกลางวัน
    หรือแบบกลางคืน กรณีถ้าไปที่อื่น
    แล้วสภาพแวดล้อม เงียบๆ
    เราดูเฉยๆ แต่ไม่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์
    คิดปุ๊บกลับมาปั๊บ

    หรือกรณีอยู่กับที่เห็นกายตนเอง
    แต่ไม่ทั้งหมด หรือเห็นหมดแต่เงียบ
    หรือเห็นอะไรก็ตาม ที่เป็นนามธรรม

    คืออุปจาระฯหมด ยกเว้นมีแสงสว่างมากๆๆ
    แต่แสงไม่เย็น คือ ปฐมญาน
    สำหรับ จิตที่ทำงานได้
    แบบมีแสงนำ

    ปล ที่เล่ามาแค่กิริยาระดับ
    รากหญ้าที่เกิดได้ปกติของสมาธิครับ
    มีประโยชน์ ถ้ารู้จักวางอารมย์
    และมาเดินปัญญา ทำได้ ๓ ถึง ๔ ครั้ง
    จะตัดเรื่องนั้นถึงขั้นละเอียดได้

    และถ้ายึดติด ประกันได้ว่านอกจาก
    จะขวางการพัฒนาระดับสมาธิและจิตแล้ว
    จะหลงตัวเองได้อย่างคาดไม่ถึงครับ
    แม้จิตไม่ความสามารถทำอะไร
    หรือแสดงให้เป็นผลไม่ได้
    ก็จะหลงตัวเองได้ อย่างไม่น่าเชื่อครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...