เมื่อกายป่วย กำลังใจตก ประสบเคราะห์กรรม อย่าโทษว่าพระไม่คุ้มครอง นั่นเป็นกรรมของเราเอง

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 19 กรกฎาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,653
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,257
    ค่าพลัง:
    +25,974
    3C806DF0-8EC1-450A-A417-AE14DC07467F.jpeg

    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ คนรอบข้างช่วงนี้ ไม่ว่าจะใกล้หรือว่าไกล ก็มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ หลายราย อย่างเช่นว่าลูกอ้อย (ศัลยา จันทร์อุ่ย) ลูกเจนนี่ (เมธาวี เหลืองถาวรกุล) เป็นต้น ตลอดจนกระทั่งญาติโยมที่รู้จักคุ้นเคยอีกหลายราย ก็แจ้งมาว่าติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แล้ว ทั้ง ๆ ที่ ๕ ระลอกแรกนั้น ไม่ปรากฏว่าติดเชื้อเลย แต่มาระลอกนี้กลับติดเชื้อเข้าไปได้

    ตรงจุดนี้อยากจะให้ทุกท่านระมัดระวังกำลังใจของเราเอาไว้ด้วย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น เมื่อร่างกายไม่ดี ถ้ากำลังใจไม่เข้มแข็งจริง ๆ ก็มักจะฟุ้งซ่าน แล้วก็อาจจะทำให้เรากลายเป็นมิจฉาทิฎฐิไปได้..!

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะไปคิดว่า ทำไมพระถึงไม่คุ้มครองป้องกันเรา ? โดยที่ลืมไปว่า แต่ละท่านแต่ละคนนั้น มีวาระกรรมของตนเองที่ทำเอาไว้แต่ปางก่อน เมื่อถึงเวลาวาระกรรมนั้นมาสนอง ก็ทำให้เราจะต้องประสบพบกับสิ่งที่ไม่ชอบใจ ไม่ว่าจะเป็นการตกต่ำ การเจ็บไข้ได้ป่วย หรือว่าการที่สูญเสียทรัพย์สินสิ่งของ เป็นต้น

    แล้วกิเลสก็มักจะชักนำให้เราคิดไปในแต่ด้านที่แย่ ๆ ทำให้กำลังใจของเราห่างไกลความดีออกไปมาก ยิ่งห่างไกลออกไปเท่าไร ก็ยิ่งจะโดน กิเลส ตัณหา อุปาทาน และอกุศกรรมต่าง ๆ ชักนำให้ห่างไกลจากพระรัตนตรัย และห่างไกลจากความดีออกไปทุกที

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าบรรดามารทั้งหลายนั้น โดยเฉพาะกิเลสมารเขารอเราอยู่ ถึงเวลามีโอกาสเมื่อไร เขาก็จะลงมือแบบไม่ยั้ง เมื่อเราเองถ้าหากว่าประมาท ขาดสติแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจจะสูญเสียกำลังใจที่ยึดมั่นในคุณพระรัตนตรัยไปอย่างน่าเสียดายยิ่ง

    จะยกตัวอย่างก็คือว่า มีญาติโยมหลายท่าน สมัยที่เป็นฆราวาสกินเหล้าเมาหัวราน้ำ นอนตากน้ำค้างทั้งคืนก็ไม่เป็นอะไร แต่พอบวชเข้ามาเป็นพระแล้ว ถึงเวลาตั้งหน้าตั้งตารักษาศีล ปฏิบัติธรรม ก็เจ็บโน่นป่วยนี่อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งฟุ้งซ่านคิดไปว่า เพราะมาทำความดีเช่นนี้ถึงทำให้เจ็บไข้ได้ป่วย ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย แล้วก็สึกหาลาเพศไปเมาหัวราน้ำเหมือนเดิม

    น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านทั้งหลายเลี้ยวเข้ามาในทางที่ถูกแล้ว แต่ว่าสู้มายาของกิเลสไม่ได้ เพราะว่าขาดสมาธิ ขาดปัญญาที่จะมาสนับสนุนช่วยเหลือในระดับที่พอเพียง จึงทำให้กำลังใจตก แล้วกิเลสก็พาฟุ้งซ่านจนกระทั่งเสียหายใหญ่โต บางท่านที่กระผม/อาตมภาพรู้จักมา ห่างวัดไปเป็นเวลา ๑๐ กว่า ๒๐ ปีแล้วก็ยังเลี้ยวกลับมาไม่ได้เลย เพราะว่ามีความเข้าใจผิดตรงนี้

    ส่วนบางท่านนั้นก็ใช้วิธีภาวนาพระคาถาเงินล้าน แล้วก็ไปลงทุนในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนทำกิจการก็ดี ลงทุนในส่วนของทรัพย์สินสิ่งของอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสังหาริมทรัพย์หรือว่าอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนกระทั่งกองทุนของธนาคารต่าง ๆ แม้กระทั่งลงทุนในตลาดหุ้น

    ที่น่ากลัวที่สุดก็คือลงทุนในจำพวกคริปโตเคอเรนซี ซึ่งเป็นสิ่งมายา จับต้องไม่ได้เลย โดยที่พยายามภาวนาให้มากเข้าไว้ ถึงระดับเป็นล้าน ๆ จบ เมื่อสั่งสมได้แล้วก็ไปทุ่มเทลงทุน

    พอได้กำไร ก็ไปบอกกล่าวให้พรรคพวกเพื่อนฝูง ญาติพี่น้องของท่านให้มาลงทุนร่วมกัน ระยะแรกพอทุกคนทำไปได้ผลดี ก็ทุ่มเทลงทุนหนักเข้าไปอีก แล้วอยู่ ๆ หุ้นก็ตก กองทุนก็ล้ม เหรียญคริปโตที่ราคาดี ๆ ก็ตกลงมา จนกระทั่งบางเหรียญถึงขนาดติดลบก็มี..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านทั้งหลายก็ไม่ได้คำนึงว่า ตัวเราเองนั้นสร้างความดีความชั่วมาสลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ไม่ได้ทำความดีด้วยความต่อเนื่อง จึงทำให้กระแสบุญขาดช่วงลง แล้วกระแสกรรมเข้ามาสนองแทน ท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็ไปคิดฟุ้งซ่าน ตลอดจนกระทั่งบ่นว่าโวยวายกันในกลุ่มของตนเองว่า เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าพระไม่ช่วยเรา ทั้ง ๆ ที่ตั้งหน้าตั้งตาภาวนาสะสมกันมาเป็นแสนเป็นล้านจบ

    โดยที่ท่านทั้งหลายไม่ได้คำนึงว่า การภาวนาของท่านนั้นวางกำลังใจผิด...นี่เป็นประการแรก ก็คือภาวนาเพราะอยากมี อยากได้ อยากเป็น โดยเฉพาะอยากรวย อยากเจริญรุ่งเรือง ไม่ได้วางกำลังใจให้อยู่ในระดับที่ว่า เรามีหน้าที่ภาวนา ผลจะเกิดอย่างไรก็ช่าง ในเมื่ออันดับแรก เราวางกำลังใจผิดในการภาวนา ผลก็ย่อมไม่สามารถที่จะเกิดได้อย่างเต็มที่

    ประการที่สองก็คือ ท่านทั้งหลายเหล่านั้นลืมไปว่าตนเองสร้างความดีความชั่วมา อย่างชนิดที่ "ดีก็ดีไม่ทั่ว ชั่วก็ชั่วไม่หมด" สลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันอยู่ในลักษณะ "ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน"

    เมื่อถึงเวลาความชั่วหรือว่ากรรมชั่วเข้ามาสนอง แทนที่เราจะมีปัญญาสำนึกในจุดนี้ แล้วพยายามที่จะพากเพียรสร้างความดีต่อไป แบบอนาถปิณฑิกเศรษฐี ที่สูญเสียทรัพย์สินทั้งหมดไป จนกลายเป็นคนยากจน แต่ท่านก็ยังตั้งหน้าตั้งตาสร้างสมความดีอยู่ตลอดโดยที่ไม่ได้ละเว้น แม้กระทั่งคนในครอบครัวกล่าวตักเตือนท่านก็ไม่ฟัง เทวดาที่รักษาฉัตรเศรษฐีอยู่ตำหนิ ท่านก็ไม่ฟัง ซ้ำยังขับไล่เทวดาไปด้วยว่า เทวดาที่มีกำลังใจเป็นมิจฉาทิฏฐิเช่นนี้ท่านไม่คบด้วย

    ในเมื่อท่านสร้างความดีอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งวาระบุญกุศลย้อนกลับมาสนอง รวมกับบุญปัจจุบันที่ท่านทำอยู่แบบไม่ขาดสาย ก็ทำให้ทรัพย์สินสิ่งของทั้งหลายของท่านนั้นกลับคืนมา ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีดังเดิม

    ในเมื่อตัวเราไม่ได้สร้างความดีมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้ภาวนาพระคาถาเงินล้านด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ โดยเฉพาะไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาสร้างความดีต่อไปโดยที่ไม่หวั่นไหว ก็ทำให้กำลังใจของท่านทั้งหลายเหล่านั้นตกลง แล้วก็พาตัวห่างไกลจากวัด ห่างไกลจากความดีไปอย่างน่าเสียดาย

    ตอนกำลังใจของเราตกนั้น ต่อให้เทวดา หรือพระอินทร์มาองค์เขียว ๆ อยู่ตรงหน้า บอกกล่าวอะไรมาเราก็ไม่ฟัง เพราะว่าเรามัวแต่ไปหลงเสียดายอยู่กับตัวเลขที่เป็นอากาศธาตุ ก็คือกองทุนต่าง ๆ ซึ่งตัวเลขทั้งหลายเหล่านั้นมีขึ้นมีตกเป็นปกติ จนกว่าท่านทั้งหลายจะถอนเอากองทุน หรือว่าถอนผลกำไรของเราออกมาเป็นตัวเงินในบัญชี หรือว่าเป็นเงินสด จึงจะนับได้ว่าเป็นของเราอย่างแท้จริง

    ในเมื่อท่านทั้งหลายกระทำความดีแบบไม่บริสุทธิ์ มีความชั่วในกาลก่อนมาร่วมสนอง มี กิเลส ตัณหา อุปาทาน อกุศลกรรมต่าง ๆ มาซ้ำเติม ก็ทำให้ท่านห่างไกลจากความดี แล้วยังไม่ได้กระทำความดีอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

    เมื่อตัวท่านทั้งหลายหลุดห่างจากความดีไป ถ้าไม่มีกำลังใจในการที่จะว่ายทวนกระแสโลกอย่างพากเพียรจริงจัง ชนิดที่ทุ่มเทแบบเอาชีวิตเข้าแลก ท่านทั้งหลายอาจจะห่างไกลความดีออกไปหลายปี หรือหลายสิบปี อย่างที่พรรคพวกเพื่อนฝูง และญาติโยมหลายคนที่กระผม/อาตมภาพรู้จักดี ที่ห่างไกลความดีออกไปอย่างน่าเสียดาย ซ้ำยังไปคิดปรามาสพระรัตนตรัยให้เป็นโทษหนักแก่ตัวเองเข้าไปอีก ว่าทำไมพระรัตนตรัยถึงไม่ช่วย ทั้ง ๆ ที่ท่านทั้งหลายทุ่มเทอย่างจริงจังแล้วในการภาวนา

    แต่ลืมไปว่าการภาวนาของเรานั้นวางกำลังใจผิด เป็นไปโดยหาความบริสุทธิ์อย่างแท้จริงไม่ได้ เป็นการนำเอาความโลภขึ้นหน้า ตัณหานำทาง เมื่อถึงเวลาเกิดความผิดความพลาดขึ้นมา เรายังไปโยนให้เป็นความผิดของพระรัตนตรัยอีกด้วย..!

    กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่แผ่เมตตาให้ วางอุเบกขาที่ประกอบไปด้วยความเมตตา กรุณา หวังว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นจะรู้ตัว และพากเพียรพยายามที่จะทวนกระแสโลกทั้งหลายกลับมาอีกวาระหนึ่ง

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ที่เกิดขึ้น เมื่อกิเลส ตัณหา อุปาทาน อกุศลกรรมได้โอกาสแล้ว ก็จะรุมกระทืบซ้ำเราอย่างไม่ปรานี ถ้าไม่ใช่บุคคลที่อดทน อดกลั้น มีสัจจะความจริงจัง ทำสิ่งที่เป็นความดีชนิดที่เอาชีวิตเข้าแลก ก็มักจะเอาตัวไม่รอด โดนกิเลสลากจูงจมูกไปไกลจากความดี อาจจะหลายเดือน หลายปี หลายชาติ และหลายกัปหลายกัลป์ก็เป็นได้ จึงได้แต่คอยเอาใจช่วยอยู่ห่าง ๆ

    เพราะว่าพระพุทธศาสนาของเรานั้น ต้องยอมรับกฎของกรรม เราถึงจะเข้าถึงความดีต่าง ๆ ได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่ศาสนาที่สนับสนุนให้บุคคลที่ขอร้องแล้วได้รับผลดีต่าง ๆ ไปเหมือนอย่างที่ศาสนาอื่นเข้าใจผิด และไปร้องขอ แต่ว่าศาสนาของเรานั้น ต้องประกอบเหตุให้สมบูรณ์ ผลถึงจะเกิดแก่เราท่านทั้งหลายได้

    จึงได้แต่หวังว่าท่านทั้งหลายจะประกอบเหตุให้สมควรแก่กาล แล้วผลดีทั้งหลายกลับมาสนองท่านทั้งหลายอีกวาระหนึ่ง ทำให้ท่านหายจากการเป็นมิจฉาทิฎฐิ หันกลับเข้ามายึดคุณพระรัตนตรัยโดยสมบูรณ์อีกวาระหนึ่ง
    .....................................

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...