เรื่องเด่น เกิดมา “สวย - รวย” ไม่เท่ากัน? พระพุทธเจ้าตรัสไว้ การกระทำ ๒ อย่าง จำแนกรูปร่างหน้าตาและฐานะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 9 พฤษภาคม 2018.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647
    tnews_1525866694_8917.jpg

    ไขข้อสงสัย? ทำกรรมใดไว้ จึงเกิดมา “สวย - รวย” ไม่เท่ากัน? พระพุทธเจ้าตรัสไว้ การกระทำ ๒ อย่าง ที่จำแนกรูปร่างหน้าตาและฐานะ?

    กรรมหรือการกระทำเป็นเครื่องจัดสรรให้มนุษย์เกิดมามีสภาพที่แตกต่างกันไป ทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะ ชาติตระกูล ชีวิตความเป็นอยู่ และอื่นๆอีกมาก โดยเฉพาะกรรมในอดีตชาติที่เราไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าเคยทำอะไรไว้บ้าง จึงส่งผลให้มารับกรรมในปัจจุบัน ในที่นี้ จะขอกล่าวถึง คนที่ประกอบกรรมมาแตกต่างกัน อันเป็นสิ่งจำแนกทำให้มีรูปร่างหน้าตาสวยงามต่างกัน และมีฐานะร่ำรวย ยากจน ต่างกันไป

    %E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%204.jpg
    โดยพระพุทธเจ้าได้ตรัสไขข้อสงสัยในเรื่องนี้ แก่พระนางมัลลิกาเทวี ปรากฏใน พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต มีรายละเอียดังต่อไปนี้

    [๑๙๗] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตะวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล พระนางมัลลิกาเทวีเสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ทรงถวายอภิวาทแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า

    ข้าแต่ พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้มาตุคามบางคนในโลกนี้ มีผิวพรรณทราม รูปชั่ว ไม่น่าดู ยากจนขัดสนทรัพย์สมบัติและต่ำศักดิ์

    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้มาตุคามบางคนในโลกนี้ มีผิวพรรณทราม รูปชั่ว ไม่น่าดู แต่เป็นคนมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมากและสูงศักดิ์

    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้มาตุคามบางคนในโลกนี้ มีรูปงาม น่าดู น่าชม ประกอบด้วยความเป็นผู้มีผิวพรรณอันงามยิ่งนัก แต่เป็นคนยากจน ขัดสนทรัพย์สมบัติ และต่ำศักดิ์

    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้มาตุคามบางคนในโลกนี้ มีรูปงาม น่าดูน่าเลื่อมใส ประกอบด้วยความเป็นผู้มีผิวพรรณงามยิ่งนัก ทั้งเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมากและสูงศักดิ์ ฯ

    %E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%205(1).jpg
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    ดูกรพระนางมัลลิกา มาตุคามบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มักโกรธ มากไปด้วยความแค้นใจ ถูกว่าแม้เล็กน้อยก็ขัดเคือง ฉุนเฉียว กระฟัดกระเฟียด กระด้างกระเดื่อง แสดงความโกรธความขัดเคืองและความไม่พอใจให้ปรากฏ เป็นผู้ไม่ให้ทาน คือ ข้าว น้ำ ยวดยาน ระเบียบ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และประทีปโคมไฟ แก่สมณะหรือพราหมณ์และเป็นผู้มีใจริษยาในลาภ สักการะ ความเคารพ ความนับถือ การไหว้และการบูชาของผู้อื่น เกียดกันตัดรอน ผูกความริษยา ถ้ามาตุคามนั้นจุติจากอัตภาพนั้นมาสู่ความเป็นอย่างนี้ กลับมาเกิดในชาติใดๆ ย่อมเป็นผู้มีผิวพรรณทรามรูปชั่ว ไม่น่าดู ทั้งเป็นคนยากจน ขัดสนทรัพย์สมบัติและต่ำศักดิ์ ฯ

    ดูกรพระนางมัลลิกา มาตุคามบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มักโกรธ มากไปด้วยความแค้นใจ ถูกว่าแม้เล็กน้อยก็ขัดเคือง ฉุนเฉียว กระฟัดกระเฟียดกระด้างกระเดื่อง แสดงความโกรธความขัดเคือง และความไม่พอใจให้ปรากฏแต่เขาเป็นผู้ให้ทาน คือ ข้าว น้ำ ผ้า ยวดยาน ระเบียบ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และประทีปโคมไฟ แก่สมณะหรือพราหมณ์และไม่เป็นผู้มีใจริษยาในลาภ สักการะ ความเคารพ ความนับถือ การไหว้และบูชาของผู้อื่น ไม่เกียดกัน ไม่ตัดรอน ไม่ผูกความริษยา ถ้ามาตุคามนั้นจุติจากอัตภาพนั้นมาสู่ความเป็นอย่างนี้ กลับมาเกิดในชาติใดๆ ย่อมเป็นผู้มีผิวพรรณทราม รูปชั่ว ไม่น่าดู แต่เป็นคนมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมากและสูงศักดิ์ ฯ

    ดูกรพระนางมัลลิกา มาตุคามบางคนในโลกนี้ ไม่เป็นผู้มักโกรธ ไม่มากไปด้วยความคับแค้นใจ ถูกว่าแม้มากก็ไม่ขัดเคือง ไม่ฉุนเฉียว ไม่กระฟัดกระเฟียด ไม่กระด้างกระเดื่อง ไม่แสดงความโกรธความขัดเคืองและความไม่พอใจให้ปรากฏ แต่เป็นผู้ไม่ให้ทาน คือ ข้าว น้ำ ผ้า ยวดยาน ระเบียบ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และประทีปโคมไฟแก่สมณะ หรือพราหมณ์ และเป็นผู้มีใจริษยาในลาภ สักการะ ความเคารพความนับถือ การไหว้และการบูชาของผู้อื่น เกียดกัน ตัดรอน ผูกความริษยาถ้ามาตุคามนั้นจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ กลับมาเกิดในชาติใดๆ ย่อมเป็นผู้มีรูปงาม น่าดู น่าชม ประกอบด้วยความเป็นผู้มีผิวพรรณงามยิ่งนัก แต่เป็นคนเข็ญใจ ยากจน ขัดสนและต่ำศักดิ์ ฯ

    ดูกรพระนางมัลลิกา มาตุคามบางคนในโลกนี้ ไม่เป็นผู้มักโกรธไม่มากไปด้วยความคับแค้นใจ ถูกว่าแม้มากก็ไม่ขัดเคือง ไม่ฉุนเฉียว ไม่กระฟัดกระเฟียด ไม่กระด้างกระเดื่อง ไม่แสดงความโกรธความขัดเคืองและความไม่พอใจให้ปรากฏ เป็นผู้ให้ทาน คือ ข้าว น้ำ ผ้า ยวดยาน ระเบียบ ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และประทีปโคมไฟ แก่สมณะหรือพราหมณ์

    และไม่เป็นผู้มีใจริษยาในลาภ สักการะ ความเคารพ ความนับถือ การไหว้ และบูชาของผู้อื่น ไม่เกียดกัน ไม่ตัดรอน ไม่ผูกความริษยา ถ้ามาตุคามนั้นจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ กลับมาเกิดในชาติใดๆ ย่อมเป็นผู้มีรูปงาม น่าดู น่าชม ประกอบด้วยความเป็นผู้มีผิวพรรณงามยิ่งนัก ทั้งเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมากและสูงศักดิ์ ฯ

    ดูกรพระนางมัลลิกา นี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้มาตุคามบางคนในโลกนี้ มีผิวพรรณทราม รูปชั่ว ไม่น่าดู ทั้งเป็นคนเข็ญใจ ยากจนขัดสนและต่ำศักดิ์ อนึ่ง นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้มาตุคามบางคนในโลกนี้มีผิวพรรณทราม รูปชั่วไม่น่าดู แต่เป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมาก และสูงศักดิ์ นี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้มาตุคามบางคนในโลกนี้มีรูปงาม น่าดู น่าชม ประกอบด้วยความเป็นผู้มีผิวพรรณงามยิ่งนัก แต่เป็นคนเข็ญใจ ยากจน ขัดสนและต่ำศักดิ์ อนึ่ง นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้มาตุคามบางคนในโลกนี้มีรูปงาม น่าดู น่าชม ประกอบด้วยความเป็นผู้มีผิวพรรณงามยิ่งนัก ทั้งเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมากและสูงศักดิ์ ฯ

    (ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ >>> http://84000.org/tipitaka/read/?21/197)

    ***หมายเหตุ.. มาตุคาม แปลว่า ผู้หญิง***

    สรุปใจความสำคัญดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้คือ

    ๑.ผู้หญิงที่เกิดมารูปร่างหน้าตาไม่ดี ผิวพรรณไม่ดี ฐานะยากจน ต่ำศักดิ์ เพราะในอดีตเป็นคนมักโกรธ ฉุนเฉียว ถูกต่อว่าก็โกรธ แสดงความไม่พอใจให้ปรากฏ และไม่ชอบให้ทาน

    ๒.ผู้หญิงที่เกิดมามีรูปร่างหน้าตาดี ผิวพรรณดี แต่ฐานะไม่ดี เกิดในตระกูลต่ำ เพราะในอดีต เป็นคนไม่มักโกรธ จึงทำให้เกิดมาสวย แต่ไม่ชอบให้ทาน จึงเกิดมามีฐานะยากจน

    ๓.ผู้หญิงที่เกิดมารูปร่างหน้าตาไม่ดี ผิวพรรณไม่ดี แต่รวย ก็เพราะในอดีต เป็นผู้มักโกรธ แต่ชอบให้ทาน จึงทำให้เกิดมาเป็นคนรวย มีฐานะดี เป็นคนสูงศักดิ์

    ๔.ผู้หญิงที่เกิดมารูปร่างหน้าตาดี ผิวพรรณดี และร่ำรวย ก็เพราะในอดีตเป็นคนไม่มักโกรธ และชอบให้ทาน

    ฉะนั้นหากใครที่ปรารถนาเกิดชาติไหนๆก็สวยและรวยมาก ต้องให้ทานอยู่เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ตระหนี่ถี่เหนียว ซึ่งเป็นการสร้างกรรมดีประการหนึ่ง และต้องเป็นผู้ไม่มักโกรธ ใครต่อว่าอย่างไรก็จงควบคุมอารมณ์ให้ได้ ให้ความโกรธอยู่ในใจให้สั้นที่สุด ซึ่งเป็นกรรมทางใจในฝ่ายดี เพราะการระงับความโกรธได้ย่อมทำให้จิตใจผ่องใส ส่งผลถึงหน้าตาผิวพรรณให้ผุดผ่องนั่นเอง

    %E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%202.jpg

    อ้างอิงข้อมูลจาก: พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๓ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต http://84000.org/tipitaka/read/?21/197

    เครดิตภาพ : วัดป่าโนนวิเวก , Napapawn

    เรียบเรียงโดย นภาพร เครือชัยสุ

    --------------------------------
    ขอบคุณที่มา
    http://www.tnews.co.th/index.php/contents/449746
     
  2. mrmos

    mrmos Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +1,095
  3. ตนบุญ

    ตนบุญ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +8
    ขอบคุณบทความดีๆครับ
     
  4. เอิร์ลเกรย์

    เอิร์ลเกรย์ มัฌชิมาปฏิปทา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2020
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +86
    ๔. ความโกรธเกิดขึ้นแล้วดับไป แม้จะเบาบางหากไม่ข่มด้วยฌาณสามารถดับเชื้อได้ไหมคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...