เกาะชายจีวรขึ้นสวรรค์

ในห้อง 'งานบวช' ตั้งกระทู้โดย paang, 2 กันยายน 2007.

แท็ก: แก้ไข
  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,326
    [​IMG]

    สวรรค์ ในบางมิติหมายถึงสิ่งที่ดีงาม ความสุขสมหวังในชีวิตในชีวิตประจำวัน นรก ก็คือ สภาวะจิตที่ตกต่ำเศร้าหมอง หรือความรู้สึกเป็นทุกข์ ผิดหวัง จึงมีคำพูดว่า "สวรรค์ในอก นรกในใจ"

    การตีความ สวรรค์ หรือ นรก ในมิตินี้ มีพุทธวจนะรับรองว่าเป็นได้ มีได้ พูดง่ายๆ ว่า คุณจะแปลสวรรค์ คือความสวยงาม เพลิดเพลินใจ ในสิ่งที่ได้เห็นได้ประสบ หรือสภาวะจิตที่มีความสุข สมหวัง ไม่เศร้าโศกเศร้าหมอง หรือตีความนรกว่า ภาพแห่งความทุกข์ยาก เดือดร้อน

    ยากจน ทุกข์ทรมาน ที่ประสบพบเห็นในชีวิตประจำวัน หรือสภาวะจิตที่มีความทุกข์โศกเศร้าสร้อย หมดหวัง ก็ย่อมมีสิทธิตีความได้

    สมัยหนึ่งพวกยุวกษัตริย์ลิจฉวี แห่งพระนครไพศาลี จำนวนหนึ่ง นั่งรถม้าที่ประดับประดาอย่างสวยงาม แต่ละองค์ก็ทรงพัสตราภรณ์สวยสดงาม พากันไปเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อกราบทูลอาราธนาพระองค์ไปเสวยภัตตาหารที่ตำหนักของตน

    สวนทางกับนางอัมพปาลีคณิกา ที่คุ้นเคยสนิทสนมกันมาก่อน ที่เพิ่งจะกลับจากเฝ้าพระพุทธเจ้า พอรู้ว่านางได้กราบทูลอาราธนาพระพุทธองค์ก่อนแล้ว จึงต่อรองขอให้สละสิทธิ์ โดยเสนอเงินจำนวนแสนกหาปณะ นางปฏิเสธกล่าวว่า ถึงจะมอบเมืองไพศาลีให้ทั้งเมือง นางก็ไม่ยอมสละสิทธิ์ เพราะพระพุทธองค์มีพระมหากรุณารับนิมนต์นางแล้ว

    พวกยุวกษัตริย์จึงนั่งรถม้าไปเฝ้าพระพุทธองค์ ด้วยหวังว่า พระองค์ทรงอาจจะเปลี่ยนพระทัยมารับนิมนต์พวกตน ขณะนั้นพระพุทธองค์ประทับท่ามกลางภิกษุสงฆ์จำนวนมาก ทอดพระเนตรเห็นยุวกษัตริย์เหล่านั้น จึงตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า

    "ภิกษุทั้งหลาย ถ้าใครไม่เคยรู้ว่าสวรรค์เป็นอย่างไร ให้ดูกษัตริย์ลิจฉวีนี้เป็นตัวอย่าง" ความหมายของพระพุทธองค์ก็คือ พวกกษัตริย์หนุ่มเหล่านี้ มีความสนุกเพลิดเพลิน ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่งกายด้วยถนิมพิมพาภรณ์หรูหราสวยงาม ดุจดังเทพบนสรวงสวรรค์มิมีผิด

    นี่คือสภาวะที่เรียกว่า "สวรรค์ในอก" ดังคติไทยโบราณ

    ในบาลีสังยุตตนิกาย (ส่วนหนึ่งแห่งพระไตรปิฎก) พระองค์ตรัสถึง "สวรรค์คือผัสสะหก (ฉผัสสายตนิกสวรรค์) นรกคือผัสสะหก (ฉผัสสายตนิกนรก) คือสัมผัสที่น่าใคร่น่ายินดีทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่ทำให้จิตใจของปุถุชนเพลิดเพลิน ลุ่มหลง และสัมผัสทางตาหูเป็นต้นที่ไม่น่าชอบใจ ไม่ก่อให้เกิดความเพลิดเพลินยินดี

    นี่ก็คือสวรรค์ หรือนรก ที่รับรู้ได้ด้วยตาหูเป็นต้น

    สรุปแล้วคำพูดโบราณที่ว่า "สวรรค์ในอก นรกในใจ" นั้นเป็นจริง

    ใจของเราเป็นสุข หรือเป็นทุกข์ เราก็รู้เองด้วยตัวของเรา รู้เต็มอกว่าใจเราเป็นอย่างไร ว่าอย่างนั้นเถอะ

    ความเชื่อเช่นนี้ มีมิติที่ลึกๆ แฝงอยู่ด้วย คือ ถ้าเชื่อว่ามีสวรรค์ มีนรก ที่เป็นภพเป็นภูมิจริงหลังตายแล้ว ก็ไม่ขัดแย้งกัน

    เมื่อคุณขึ้นสวรรค์ หรือลงนรกได้ในชีวิตประจำวัน คุณตายไปก็จะไปสวรรค์หรือลงนรกที่เป็นภพเป็นภูมิซึ่งมีลักษณะอย่างนั้นจริงๆ

    ผมเกริ่นเรื่องนรกสวรรค์มายืดยาว เพียงเพื่อโยงเข้าหา "แนวคิด" ของคนไทยโบราณว่า การได้มีโอกาสบวชให้ลูกชายเป็นพระในพระศาสนานั้น ทำให้พ่อแม่ได้ขึ้นสวรรค์ เพราะเหตุนี้จึงมีคำพูดว่า "เกาะชายจีวรขึ้นสวรรค์"

    แต่เขียนไปเขียนมา ดูเหมือนยังเชื่อมเหตุเชื่อมผลไม่สนิท เข้าทำนอง "พูดคนละเรื่องเดียวกัน" ประมาณนั้น

    แฟนๆ คอลัมน์ "รื่นร่มรมเยศ" ทุกท่านครับ ผมมีข่าวที่น่ารื่นร่มรมยามาแจ้งให้ทราบ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานราชการต่างๆ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จะทำพิธีบวชสามเณร ในระหว่างปิดเทอม ระหว่างวันที่ 14 ถึง 28 ตุลาคม 2550 โดยคัดเลือกเด็กนักเรียนระดับมัธยมปีที่ 1-2 จำนวน 84,000 คน เพื่อบวชถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัว ในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในปี 2550 นี้ ด้วยความอนุเคราะห์ให้การบวชและอบรม โดยมหาเถรสมาคม เพื่อให้สามเณรผู้บวชเข้ามาได้มีความรู้

    ในพระพุทธศาสนา และเป็นเยาวชนที่มีคุณธรรมอันจะเป็นกำลังของชาติและพระศาสนาในอนาคต

    ทางรัฐสภาได้นิมนต์เจ้าคณะจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนาทั่วประเทศ มารับทราบรายละเอียดของการดำเนินการโดยกรรมการฝ่ายต่างๆ เพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ในวันศุกร์ที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา ถึงวันนี้คงมีการประชาสัมพันธ์แจ้งข่าวตามสื่อต่างๆ บ้างแล้ว

    แปดหมื่นสี่พันคน เฉพาะเครื่องบวช บาตรจีวรบริขารที่จำเป็น แปดหมื่นสี่พันชุดไม่น้อยนะครับ มีการคำนวณอย่างประหยัดที่สุด ก็ตก 3,500 บาทต่อหัว ทั้งหมดก็ตก 300,000,000 (สามร้อยล้านบาท) จึงต้องขอความร่วมมือช่วยกันบริจาครับเป็นเจ้าภาพคนละรูปสองรูปตามศรัทธา โดยส่งเงินเข้าบัญชีธนาคาร

    ชื่อบัญชี "การบรรพชาสามเณรแปดหมื่นสี่พันรูปเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล" ดังนี้ครับ

    ธนาคารกรุงเทพ สาขาสำนักงาน ก.พ. เลขที่บัญชี 201-0-54929-9

    ธนาคารทหารไทย สาขาสำนักงานใหญ่ เลขที่บัญชี 001-7-92555-3

    ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเทเวศร์ เลขบัญชี 020-2-63278-4

    ธนาคารกสิกรไทย สาขานางเลิ้ง เลขที่บัญชี 062-2-39155-4

    ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาสำนักพระรามที่ 3 เลขที่บัญชี 777-1-44520-9

    ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยรัฐสภา เลขที่บัญชี 089-0-03577-6

    หรือสอบถามรายละเอียดที่ Call Center รัฐสภา 0-2244-1777-8 โทรสาร 0-2244-1779, กลุ่มงานการเงินรัฐสภา 0-2244-1578 โทรสาร 0-2244-21547

    พ่อแม่ของสามเณร ตลอดถึงญาติมิตร และประชาชนผู้มีจิตศรัทธา นับว่าได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพการบวชสามเณรครั้งนี้ และได้ถวายพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา โปรดร่วมกันอนุโมทนายินดีด้วยครับ

    ถ้าใช้สำนวนชาวบ้านก็ว่า "พ่อแม่ได้เกาะชายจีวรลูกชายขึ้นสวรรค์" ในความหมายหลวมๆ คือได้บุญจากการบวชเณรลูกชาย ตายไปมีสุคติเป็นที่ไปในเบื้องหน้า

    ในความหมายที่แท้ในแง่ธรรมะก็คือ เมื่อลูกชายบวช พ่อแม่ไม่เคยไปวัด หรือไปเป็นครั้งคราว ก็มีโอกาสเข้าวัดฟังธรรมบ่อยขึ้น ทำบุญบ่อยขึ้น ได้เรียนรู้คำสอนมากขึ้น

    นับว่าได้บุญ (คือความดีงาม) อย่างที่ไม่เคยได้มาก่อน แสดงว่าชีวิตนี้ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะได้อาศัยการบวชของลูกชายแท้ๆ

    อย่างนี้จะไม่เรียกว่า "เกาะ" ชายจีวรลูกได้อย่างไร

    ตัวสามเณรเองได้รับการฝึกฝนอบรม ได้เรียนรู้พระพุทธศาสนา มีความรู้ความประพฤติดีขึ้น ก็เรียกว่าตัวเองได้ขึ้น "สวรรค์" แล้ว

    ยิ่งได้อุทิศพระราชกุศลที่พึงมีทั้งหมด ถวายพระเจ้าอยู่หัวพระผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ของเราด้วย ย่อมนำมาซึ่งปีติโสมนัสทั่วหน้ากัน ยิ่งกว่าได้ขึ้นสวรรค์เสียอีก

    สามเณรรุ่นนี้เป็นสามเณรที่มีบุญเป็นพิเศษ ใครได้มีลูกมาบวชในโอกาสมหามงคลนี้ จะจารึกเป็นอนุสรณ์ของตนเองและวงศ์ตระกูลสืบไปชั่วกาลนาน

    จีวรที่ครองก็เป็นจีวรพระราชทานด้วย



    ที่มา @ มติชน
    โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก
     
  2. ถนอม021

    ถนอม021 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,098
    ค่าพลัง:
    +3,163
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

    ถนอม สุพัตรา ถกนธ์ พร้อมครอบครัวและญาติมิตร
     

แชร์หน้านี้

Loading...