อุปปีฬกรรม ทั้งแบบกุศลกรรมและอกุศลกรรม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย dalink, 25 ตุลาคม 2005.

  1. dalink

    dalink เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +2,436
    อุปปีฬกรรม<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    อุปปีฬกรรม นี้ย่อมทำหน้าที่เบียดเบียนซึ่งสุขและทุกข์อันกรรมอื่นให้บังเกิดอันกรรมอื่นให้อุบัติ แล้วตัดซึ่งสุขและทุกข์อันกรรมอื่นให้บังเกิด อันกรรมอื่นให้อุบัติ แล้วตัดซึ่งสุขและทุกข์อันกรรมอื่นให้บังเกิด มิได้ให้เพื่อจะให้ผลแก่กรรมอื่น ตัดเสียซึ่งผลกรรมอื่น แล้วให้ผลด้วยตนเอง<o:p></o:p>
    อุปปีฬกรรม นี้ย่อมทำหน้าที่เบียดเบียนกรรมอื่นที่มีสภาพตรงข้ามกับตน! เพื่อความเข้าใจดี ก่อนอื่นต้องทราบว่า อุปปีฬกรรมแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือฝ่ายกุศล กับฝ่ายอกุศล อุปปีฬกรรมฝ่ายอกุศลกรรมจะเข้าไปเบียดเบียนทำร้ายกุศลกรรม ซึ่งมีสภาพตรงกันข้ามกับตน คือ ในขณะที่กุศลกรรมความดีกำลังให้ผลเป็นความสุขความเจริญแก่สัตว์บุคคลอยู่นั้น หากว่าอุปปีฬกรรมฝ่ายอกุศลมีโอกาสแล้ว มนย่อมจะตรงดิ่งเข้าไปเบียดเบียนทำร้ายผลแห่งกุศลกรรมนั้น ทันที และในตรงกันข้ามด้วย ขณะที่อุปปฬีกรรมฝ่ายกุศลกรรมกำลังส่งผล อุปปีฬกรรมฝ่ายอกุศลก็เข้าไปเบียดเบียนทำร้ายผลแห่งอกุศลกรรมนั้นเช่นเดียวกัน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุนักขัตตลิจฉวี<o:p></o:p>
    อดีตกาลนานมาแล้ว ยังมีบุรุษผู้หนึ่งซึ่งมีเคหะสถานอยู่ใกล้พระวิหาร อันเป็นที่อยู่ของภิกษุสามเณรทั้งหลาย ใกล้ค่ำวันหนึ่ง ขณะที่บุรุษผู้นั้นกำลังอาบน้ำอยู่ที่ท่าหน้าบ้านของตน สามเณรน้อยน่ารักองค์หนึ่งขี่นาวาแล่นผ่านมา เขามีจิตคะนองคิดจะแกล้งสามเณรเล่น จึงเอามือวักน้ำสาดไปที่เรือ สามเณรก็หลบกายด้วยหมายจะมิให้ถูกกระแสธารา นาวาก็ล่มลงในทันที สามเณรน้อยกลัวแต่มรณภัย ก็รีบว่ายน้ำใจคอหาย ส่วนปาก็ตะโกนกล่าววาจาเป็ฯคำหยาบใส่หน้าบุรุษนั้น มนุษย์ผู้หวังจะแกล้งสามเณรน่ารักเล่นในตอนแรกก็บังเกิดความโกรธ จึงวิ่งเข้าไปตบที่หูสามเณรปกาดีนั้น เสีย 2-3 ที แล้วก็ช่วยยกสามเณรนั้น จากวารีขึ้นสู่ริมฝั่ง แล้วกลับบ้านด้วยอารณ์ขุ่นมัว<o:p></o:p>
    มนุษย์ผู้มีบ้านเกิดใกล้พระวิหารคนนั้น ครั้นดับขันธ์ตายไปแล้ว ก็ท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารเป็นเวลาช้านาน ครั้นมาถึงพุทธุปบาทกาลนี้ ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในหมู่ลิจฉวีกุมาร มีนามว่า สุนักขัตตลิจฉวี เมื่อเจริญวัยเติบใหญ่แล้ว ได้สดับตรับฟังพระสัทธรรมเทศนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐเกิดความเลื่อมใสในพระบวรพุทธศาสนา จึงขอบรรพชาบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ในสำนักองค์สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์ แล้วทูลขอพระกรรมฐานในส่วนสมถภาวนา เพื่อจักบำเพ็ญให้ได้บรรลุฌาณอภิญญาเสียก่อน แล้วจึงจักบำเพ็ญพระกรรมฐานในส่วนวิปัสสนาภาวนา เพื่อตัดอาสวะกิเลสได้สำเร็จเป็นอริยบุคคลต่อภายหลัง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตรัสบอกพระกรรมฐานในส่วนสมถภาวนา ในไม่ช้าสุนักขัตตลิจฉวีก็ได้สำเร็จฌาณ และได้บรรลุ ทิพพจักขุอภิญญา โดยรวดเร็วเพียงไม่กี่วัน ทั้งนี้ก็เพราะองค์สมเด็จพระบรม ศาสดาจารย์ได้ทรงประทานอุบายวิธีอันถูกต้องให้<o:p></o:p>
    เมื่อได้สำเร็จทิพพจุขอภิญญา มีดวงดาประดุจทิพย์สามารถที่จะแลเห็นสิ่งต่างๆ เช่น เทวโลกและพรหมโลกเป็นต้น อันนอกเหนือวิสัยของคนธรรมดาสามัญแล้ว สุนักขัตตลิจฉวีภิกษุใหม่ก็ดีใจนัก มีความเคารพเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นอันมาก หวังใจไว้ว่าจักปฏิบัติตามศาสนธรรมคำสอนอันวิเศษเป็นมหัศจรรย์นี้ให้ถึงที่สุด ตราบเท่าบรรลุถึงโลกุตรภูมิ แต่ในขณะนี้ตนใคร่จักได้บรรลุอภิญญาอันดับต่อไป คือ
     
  2. Forest_Sa

    Forest_Sa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +1,444
    ขอบคุณครับ เพิ่งรู้นะครับ
    ^_^ เคโต้
     

แชร์หน้านี้

Loading...