เรื่องเด่น อาหารเรปฎิกูลสัญญา (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 29 ตุลาคม 2017.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,209
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,711
    อาหารเรปฎิกูลสัญญา.jpg

    อาหารเรปฎิกูลสัญญา



    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกมีความถนัดและพิจารณา “อาหารเรปฎิกูลสัญญา” เป็นประจำ ก่อนทานอาหารทุกครั้งต้องพิจารณาเสียก่อน แล้วจึงค่อยรับประทาน ตอนพิจารณาก็เห็นเป็นซากสกปรก เลอะเทอะสะอิดสะเอียนมาก พาลทำให้กินไม่ได้ผ่ายผอมลงทุกวัน ๆ จึงใคร่ถามหลวงพ่อว่า วิธีพิจารณาฉบับของหลวงพ่อ บริโภคได้โดยไม่สะอิดสะเอียนนั้น หลวงพ่อพิจารณาแบบไหนเจ้าคะ ?
    หลวงพ่อ พิจารณาเป็น “อาหาเรปฎิกูลสัญญา” แล้วนะ ต่อไปฉันก็ภาวนา “กินหนอ ๆ” มันเลอะเทอะกูกินก็มึง กูจะกินเสียอย่าง คือพิจารณาเป็น “ อาหาเรปฎิกูลสัญญา ” คือของทุกอย่างเกิดจากของสกปรก มีความสกปรก อาหารของสัตว์ก็สกปรก ร่างกายของสัตว์ก็สกปรก แต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ร่างกายของเราก็สกปรก เมื่อของสกปรกกับสกปรกอยู่ด้วยกันก็ช่างมันปะไร ถืออุเบกขา กินดะเลย คือ ว่าอย่าเห็นเฉพาะเวลานั้นซิ เวลานั้นเขาพิจารณาให้เห็น ไห้เกิดเป็น “ นิพพิทาญาณ”
    “นิพพิทาญาณ” หมายถึง ความเบื่อหน่าย เห็นร่างกายสกปรก หลังจากนั้นต้องใช้ พิจารณาแบบนั้นต้องใช้ “ สังขารุเปกขาญาณ ” เข้าควบคุม อารมณ์ใจวางเฉย มันสกปรกแล้วก็ไม่เป็นไร เราเกิดมาแล้วก็ต้องพบกับความสกปรก ต่อไปชาติหน้าความสกปรกจะไม่มีกับเราอีก เราตายเราไปนิพพาน คิดอย่างนั้นนะ
    (อีกรายหนึ่งถามว่า)
    ผู้ถาม หลวงพ่อค่ะ พิจารณา “อาหาเรปฎิกูลสัญญา” บ่อย ๆ แล้วมีความคิดไม่อยากทานข้าวค่ะ
    หลวงพ่อ ดีมากไม่เปลืองสตังค์มันแฟบ เมื่อใช้ “อาหารเรปฎิกูลสัญญา” บ่อย ๆ ไม่อยากข้าว ดี! แบงก์มันแฟบกินน้อย ๆ ดี แบงก์มันแฟบ แต่ตัวไม่แฟบซิ แต่เรื่องที่กินได้ไม่ได้ไม่เกี่ยวกันนะ ไม่เกี่ยวกับวิปัสสนาญาณ มันเกี่ยวกับร่างกายเราเอง แต่ว่าถ้าจิตเป็นธรรมปีติมันก็อิ่ม มันอิ่มของมันเอง ไม่ตัวอิ่มมันมีอยู่แล้ว ใช่ไหม ปีตินั้นไปอิ่ม อิ่มโดยธรรมชาตินั้นมันอิ่มจริง ๆ
    ไอ้อาหารการบริโภคจะน้อย แต่พระนี่ พระธุดงค์เขาฉันเวลาเดียวเขาอยู่ได้ยังไง ฉันเวลาเดียว ก็มีอยู่องค์อยู่พิจิตร ท่านก็ไม่ธุดงค์ ท่านอยู่วัด ฉันเรียนกับท่านก็ไม่ให้เรียน ตอนนั้นฉันยังหนุ่มอยู่ เป็นพระแล้วนะ ไปหาท่านอาหารนี่ท่านไม่ฉันเลย ฉันแต่น้ำ น้ำก็ฉันแบบธรรมดา แต่ทำงานทุกอย่าง เวลานั้นปลูกศาลาขุดหลุมเสา แบกเสา แบกอื่น ๆ ก็ทำเหมือนกับพระทุกองค์ ก็สงสัยบอก “ หลวงพ่อขอเรียนบ้าง” ท่านบอกว่า “อย่าเรียนเลย ชาวบ้านเขาจะเสียกำลังใจ”
    นิมนต์ไปฉันก็ได้เแต่สวดมนต์ฉันไม่ได้ แต่ความจริงท่านให้เรียนก็ได้ ฉันคิดว่าถ้าวิชานี้เป็นสาธารณะถ้าเรียนกันได้ ฉันแจกทุกคน แล้วรวยบรรลัยเลย ไอ้พวกนี้ถ้าลองไม่กินแล้วรวยบรรลัยเลย ใช่ไหม เรื่องเล็ก ๆ เงินเดือน ๆ ละ ๑๐๐ บาท ยังพอใช้เลย ใช่ไหม ก็ถ้าเรายุ่งอยู่ ยุ่งกินนะ นั้นวิชาความรู้นั้นต้องเฉพาะตัวของท่าน องค์นั้นอ้วนนะไม่ใช่ผอม อ้วน! ผิวพรรณดี
    ต่อมาฉันต้องเข้าป่า ตอนที่ฉันเข้าป่าจึงเห็นการคล่องตัวก็เลยนึกออก ว่าท่านอยู่ด้วยธรรมปีติ ต้องเก่งมาก ใช่ไหม เก่ง ! ไม่ใช่เก่งน้อยนะ การอยู่ด้วยธรรมปีติในสถานที่ปกติไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะมีการเคลื่อนไหว เพราะมีการทำงานเสมอ ใช่ไหม ไม่ใช่ไปนั่งเฉย ๆ เดินไปเดินมาแบบจงกรมเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก อันนี้เป็นปกติของคนธรรมดา ต้องถือว่าธรรมปีติ ก็เหมือน นิโรธสมบัติ



    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     

แชร์หน้านี้

Loading...