อานิสงส์ของบุญสร้างสมเด็จองค์ปฐม ปิดทอง หน้าตัก 4 ศอก พร้อมวิหารแก้ว

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย มหาหินทร์, 19 มีนาคม 2006.

  1. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี สร้างสมเด็จองค์ปฐม ปิดทอง หน้าตัก 4 ศอก พร้อมวิหารแก้ว

    ณ บริเวณด้านหลังของวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ ลำพูน

    ในวันที่ 22 เมษายน 2549 เวลา 13.09 น.

    งานบุญนี้ เริ่มต้นจากการสร้างเจดีย์ปู่แก้วมาเมือง(สองพญาบูชาพระไตรรัตน์)

    ซึ่งเจดีย์ปู่แก้วมาเมือง กำลังดำเนินการก่อสร้างได้เกินกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ แล้ว ยังขาดเพียง ปัจจัยที่จะเป็นทุนในการดำเนินการปิดทองจังโก และปิดทอง ของตัวองค์เจดีย์

    ที่ด้านหน้าของเจดีย์(ทิศตะวันออก) พระคุณเจ้า พระตุดี โฆสิตธัมโม(ศิษย์ของหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา) มีความดำริว่า.. น่าที่จะมีพระพุทธรูปเป็นประธาน ที่ด้านหน้าพระเจดีย์ ก็เพียงแต่คิด ๆ ไว้ก่อน เพราะว่า ทุนทรัพย์ในการดำเนินงานยังไม่มี

    ก็บังเอิญกระผมได้รับทราบ และลองพูดคุยให้บรรดาเพื่อน ๆ พี่ ๆ รับฟัง ถึงความเป็นไปได้ที่จะทำการสร้างพระพุทธรูปประธาน(หน้าตัก 4 ศอก) ที่ด้านหน้าของพระเจดีย์องค์นี้

    คุณณรงค์ เพ็งลาภ และคุณพัชนี จันทร์แก้ว จากญี่ปุ่น พร้อมคณะฯ ได้รับทราบข่าวงานบุญนี้ เกิดความศรัทธาอย่างแรงกล้า ที่จะคิดสร้างพระพุทธรูปประธานองค์นี้

    โดยคิดสร้างเป็นสมเด็จองค์ปฐม หน้าตัก 4 ศอก ปิดทอง เป็นแบบเทปูนหล่อแบบ(แบบปูนสำเร็จรูป จากป้า/แม่ เนียร โรงหล่อพระปฐม ใกล้วัดท่าซุง)

    คุณณรงค์ เพ็งลาภ และคุณพัชนี จันทร์แก้ว จากญี่ปุ่น พร้อมคณะฯ ได้บริจาคทุนทรัพย์ เป็นจำนวนเงิน 200,000.- บาท (สองแสนบาท) ซึ่งขณะนี้ได้นำถวายไว้กับ พลวงพี่ตุดีฯไว้แล้ว เพื่อเป็นการเริ่มต้นงานการก่อสร้างสมเด็จองค์ปฐม พร้อมวิหารในครั้งนี้

    ซึ่งได้เริ่มงานการก่อสร้างแล้วตั้งแต่ฐานราก เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2549 จนถึงวันที่ 16 มีนาคม 2549 (ผมเดินทางกลับ) องค์พระฯ ได้ประกอบเสร็จแล้ว รอการตกแต่ง....

    แต่ก็ยังขาดปัจจัยในส่วนของการประดับบูชาสมเด็จองค์ปฐม และในส่วนของการก่อสร้างวิหารแก้ว อยู่อีกเป็นจำนวนพอสมควร

    จากความคิดเห็นของคุณณรงค์ฯ คุณพัชนีฯ และคณะฯ เห็นพ้องกันว่า ควรบอกข่าวบุญพิเศษ ที่มีอานิสงส์อันยิ่งใหญ่นี้ แก่หมู่ชน เพื่อที่จะได้แผ่ขยายบุญให้กว้างไกล

    จึงขอกราบเรียน / เรียนเชิญ ท่านผู้ศรัทธาที่มองเห็นถึงอานิสงส์ และผลบุญ ได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์ เพื่อน้อมถวายแด่องค์พระทศพลบรมครูพระศาสดา สมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดา ไว้ในพระพุทธศาสนา โดยทั่วถึงกัน

    ท่านที่ศรัทธาปสาทะ สามารถร่วมสร้างบุญ โดยการโอนเงินบุญของท่าน ที่บัญชีบุญ..

    [​IMG]

    บัญชีร่วมบุญ สร้างวิหารแก้ว สมเด็จองค์ปฐม บรมศาสดา

    ชื่อบัญชี พระตุดี โฆสิตธัมโม
    ธนาคาร กสิกรไทย สาขาลี้
    เลขที่บัญชีบุญ 347-2-31364-8

    ...................................................................................................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1 st BD 03.jpg
      1 st BD 03.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.2 KB
      เปิดดู:
      20,077
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2011
  2. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    บัญชีบุญ เริ่มต้น วันที่ 17 มีนาคม 2549
    ยอดเงินในบัญชีของวัด คงเหลือ 3,752.42 บาท

    บัญชี แจงรายละเอียดงานบุญ 30 ประการ และบุญอื่น ๆ
    ในงานบุญครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 4 รายการหลัก (ต่อไปจะเรียกว่า บัญชีที่ 1, 2, 3 และ 4) ดังนี้

    บัญชีที่ 1.
    1. เงินบุญรวมเพื่อสร้างเจดีย์ปู่แก้วมาเมือง และศาสนสถาน ยอดยกมา 3,752.42 บาท

    2. วันที่ 17 มี.ค. 49 ครอบครัว แสงวิทยเวช โดย คุณพี่น้อยฯ สุดใจ แสงวิทยเวช 500 บาท

    ยอดรวมในบัญชีนี้ เป็นเงิน 4252.42 บาท

    บัญชีที่ 2.
    บุญสร้างสมเด็จองค์ปฐม 4 ศอก พร้อมวิหารแก้ว
    5. วันที่ 20 มี.ค. 49 เงินโอนเข้าบัญชี 100 บาท เป็นเงินบุญ บัญชี 2. คุณ khomeraya

    6. วันที่ 20 มี.ค. 49 เงินโอนเข้าบัญชี 2,000 บาท เป็นเงินบุญ บัญชี 2. คุณ คุณ 4

    9. วันที่ 20 มี.ค. 49 เงินโอนเข้าบัญชี 10,000 บาท เป็นเงินบุญ บัญชี 2.คุณพัฒนา เอกพจน์

    12. วันที่ 21 มี.ค. 49 เงินโอนเข้าบัญชี 1,000 บาท เป็นเงินบุญบัญชี 2. คุณเพ็ญนภา จันทรอำพร (oyoyo554)

    13. วันที่ 21 มี.ค. 49 เงินโอนเข้าบัญชี 200 บาท เป็นเงินบุญบัญชี 2. คุณ nonglucp

    15. วันที่ 21 มี.ค. 49 เงินโอนเข้าบัญชี 510 บาท เป็นเงินบุญบัญชี 2. นพ. อาทิตย์ ปุณณุปูรต

    16. วันที่ 21 มี.ค. 49 เงินโอนเข้าบัญชี 2,500 บาท (แต่แยกออกเป็น 3 บัญชี) ครอบครัว ลิ่มสวัสดิ์ โดย คุณณัฏฐนันท์ฯ บัญชี 2. เป็นเงิน 500 บาท

    17. วันที่ 22 มี.ค. 49 เงินโอนเข้าบัญชี 500 บาท เป็นเงินบุญบัญชี 2 คุณพัชรวัฒน์ จิรพัชรอุดมเดช

    20. วันที่ 22 มี.ค. 49 เงินโอนเข้าบัญชี 500 บาท เป็นเงินบุญบัญชี 2. คุณพจน์ ใจใส (pchaisai)

    23. วันที่ 23 มี.ค. 49 เงินโอนเข้าบัญชี 500 บาท เป็นเงินบุญบัญชี 2. เป็นเงิน 150 บาท โดย คุณกฤษฎา อินทรพรอุดม

    ยอดรวมในบัญชีนี้ เป็นเงิน 14,960 บาท

    บัญชีที่ 3.
    บุญสร้างพระพุทธรูปบรรจุเจดีย์ ขนาดต่าง ๆ เพื่อบรรจุเจดีย์ปู่แก้วมาเมือง
    2. วันที่ 17 มี.ค. 49 ครอบครัว แสงวิทยเวช โดย คุณพี่น้อยฯ สุดใจ แสงวิทยเวช 15,000 บาท

    7. วันที่ 20 มี.ค. 49 เงินโอนเข้าบัญชี 10,000 บาท เป็นเงินบุญบัญชี 3คุณสุดใจ แสงวิทยเวช

    16. วันที่ 21 มี.ค. 49 เงินโอนเข้าบัญชี 2,500 บาท (แต่แยกออกเป็น 3 บัญชี) ครอบครัว ลิ่มสวัสดิ์ โดย คุณณัฏฐนันท์ฯ บัญชี 2. เป็นเงิน 1,200 บาท

    ยอดรวมในบัญชีนี้ เป็นเงิน 26,200 บาท

    บัญชีที่ 4.
    บุญรวม 30 ประการ (รายการที่เจ้าภาพ ไม่ระบุเจตนา จะถูกรวมอยู่ในบุญรวม 30 ประการนี้)

    8. วันที่ 20 มี.ค. 49 เงินโอนเข้าบัญชี 1,000 บาท เป็นเงินบุญ บัญชี 4. คุณอนุศักดิ์ ครรชิตกุล

    16. วันที่ 21 มี.ค. 49 เงินโอนเข้าบัญชี 2,500 บาท (แต่แยกออกเป็น 3 บัญชี) ครอบครัว ลิ่มสวัสดิ์ โดย คุณณัฏฐนันท์ฯ บัญชี 4. เป็นเงิน 800 บาท

    19. วันที่ 22 มี.ค. 49 เงินโอนเข้าบัญชี 1,000 บาท เป็นเงินบุญบัญชี 4. คุณKROEKKIAT WESARUTCHASAT

    23. วันที่ 23 มี.ค. 49 เงินโอนเข้าบัญชี 500 บาท เป็นเงินบุญบัญชี 4. เป็นเงิน 350 บาท โดย คุณกฤษฎา อินทรพรอุดม

    24. วันที่ 23 มี.ค. 49 เงินโอนเข้าบัญชี 1,000 บาท เป็นเงินบุญบัญชี 4. คุณศิริชัย พัดไสว และญาติ

    ยอดรวมในบัญชีนี้ เป็นเงิน 4,150 บาท

    จากสมุดธนาคาร เริ่มต้นเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2549 เงินบุญที่โอนเข้ามา ดังนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2007
  3. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ก่อนที่จะรายงานผลการดำเนินงานการสร้างพระ....

    อยากเรียนให้ทราบถึงอานิสงส์ การสร้างสมเด็จองค์ปฐม....

    โดยการคัดลอก จากหนังสือ ประวัติการสร้างสมเด็จองค์ปฐม
    ขององค์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

    ดังนี้....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2006
  4. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    คำปรารภ
    หลังจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระราชพรหมยาน ได้มรณภาพแล้ว ก็ยังมีท่านพุทธศาสนิกชนทั่วทุกภาค เดินทางมาชมพุทธสถาน อันเป็นผลงานของท่านที่ทั้งไว้ สร้างความประทบใจให้แก่ผู้ที่พบเห็นทั้งหลาย ต่างก็ชื่นชม ในความสวยสดงดงาม ของวัดท่าซุง เป็นอย่างมาก


    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อทุกท่านได้เหยียบย่างเข้ามาสู่ วิหารสมเด็จองค์ปฐม แล้ว ต่างก็ตื่นตะลึงในความวิจิตรพิศดาร ของพระพุทธปฏิมากร “สมเด็จองค์ปฐม” ที่มีเรือนแก้วทอแสงเป็นประกาย ตัดกับองค์พระที่เปล่งสีทองสุกปลั่ง เมื่อต้องกับแสงไฟแล้วไปกระทบกับกระจกเข้า ทำให้เกิดแสงสะท้อนระยิบระยับเป็นแก้วผสมทองไปรอบด้าน มองดูแล้วสวยงามยิ่งนัก


    แต่ก็เป็นปัญหาสำหรับท่านที่ยังไม่เคยมาวัด ไม่ทราบว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร อาตมาจึงขอรวบรวมเรื่องราวโดยเริ่มตั้งแต่หลวงพ่อทำพิธีเททองเมื่อวันที่15 มีนาคม 2535 แล้วทำพิธีอัญเชิญขึ้นไปประดิษฐานไว้บนวิหาร เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2535 ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา


    หลังจากหลวงพ่อมรณภาพเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม

    แล้วต่อมาในวันที่ 14 มีนาคม 2536 ซึ่งเป็นงานทำบุญประจำปี เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา ได้เป็นองค์ประธาน ในงานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ “สมเด็จองค์ปฐม” ท่านถึงกับชมว่า สร้างได้สวยงามมาก แล้วท่านได้บอกว่า….
    “พระองค์นี้มีลาภมากนะ…”


    เป็นอันว่า หนังสือเล่มนี้ได้เกิดขึ้น เพื่อสนองศรัทธาบรรดาญาติโยมทั้งหลาย สำหรับท่านที่ทราบมาก่อนแล้วคงไม่มีปัญหา แต่เผื่อท่านที่มาภายหลังอาจจะยังไม่ทราบเรื่องราว จึงขอน้อมนำคำของหลวงพ่อที่ได้เล่าไว้แล้ว โดยรักษาเจตนารมย์ของท่านไว้ว่า..
    “…หนังสือนี้ทำเพื่อแจกแก่ท่านที่มาทำบุญ ตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป ให้เปล่าไม่ได้ เกรงว่าจะรกบ้านท่าน สาระก็ไม่มีอะไร นอกจากบอกให้ทราบความเป็นมาของการก่อสร้าง พระพุทธรูปพระพุทธเจ้าองค์ปฐม และเจดีย์ดอกพุดตานประดับแก้วเท่านั้น…”


    ต่อไปนี้ขอเชิญท่านผู้อ่าน พบกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในการสร้าง “สมเด็จองค์ปฐม” โดยสรุปไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ คือสร้างเสร็จแล้วนั่นเอง

    จึงขอให้ทุกท่านที่ร่วมสร้างหรือร่วมอนุโมนาในภายหลังก็ตาม ได้ย้อนระลึกถึงเรื่องราวประวัติของการสร้างโดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านได้เล่าไว้ตั้งแต่สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2534


    พระชัยวัฒน์ อชิโต
    ผู้รวบรวม
    (26 เมษายน 2536)
     
  5. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ประวัติการสร้างสมเด็จองค์ปฐม
    (คัดลอกจากหนังสือ ประวัติการสร้างสมเด็จองค์ปฐม โดย.. องค์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน)


    ท่านสาธุชนทั้งหลาย ตอนนี้ก็มาพูดกันถึงเรื่อง สมเด็จองค์ปฐม สำหรับคำว่า “สมเด็จองค์ปฐม” ก็คือ พระพุทธเจ้าองค์แรก องค์แรก หรือองค์ที่หนึ่ง เรียกว่า “องค์ปฐม” การที่จะหล่อรูปสมเด็จองค์ปฐมก็มีอยู่ว่า.. นายแพทย์จรูญ ปิรยะวราภรณ์ เคยปรารภว่า หลวงพ่อเคยปรารภเรื่องสมเด็จองค์ปฐมเสมอ ทำไมจึงไม่หล่อรูป จึงคิดตั้งใจจะหล่อรูปท่านขึ้นมา


    ขอเล่าย้อนตอนหลังสักนิดหนึ่ง คือเมื่อประมาณ พ.ศ.2511 ตอนนั้นอาตมามาอยู่วัดท่าซุงแล้ว และ พล.อ.อ.อาทร โรจนวิภาต เวลานั้นเป็นนาวาอากาศเอก เป็นผู้บังคับกองฝึกโรงเรียนการบิน ที่นครราชสีมา ทราบว่าอาตมาป่วย จึงนิมนต์ไปพักที่นั่น

    ตอนกลางคืน สามีภรรยา ก็นั่งเจริญพระกรรมฐาน อาตมาเป็นคนแนะนำ ขณะที่แนะนำเขาอยู่ เมื่อเสร็จแล้วก็ทำสมาธิ

    ขณะที่ทำสมาธิ บรรดาท่านพุทธบริษัท สิ่งที่คาดไม่ถึงก็ปรากฏขึ้นนั่นคือเห็นเป็นพระพุทธเจ้าในปางนิพพาน ยืนสองแถวยาวเหยียดไปข้างหน้า แล้วก็พนมมือ


    จึงมีความรู้สึกในใจว่า บ่างทีอาจจะเป็นอุปาทานของเรา เพราะว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยก้มศีรษะให้ใคร แม้แต่บ้านเรือนเล็ก ๆ ที่หลังคาต่ำ ๆ ที่พระพุทธเจ้าเข้าไป หลังคาก็สูงขึ้น แต่เวลานี้เราเห็นพระพุทธเจ้า ยืนพนมมือ อุปาทาน คือกิเลสคงกินใจมาก

    เมื่อนึกเพียงเท่านี้ ก็เห็นภาพ หลวงพ่อปาน ปรากฏขึ้นข้าง ๆ ท่านบอกว่า “คุณ.. ไม่ใช่อุปาทาน ประเดี๋ยวพระพุทธเจ้าองค์ปฐมจะเสด็จมา”


    อีกประมาณสัก 5 นาที ปรากฏว่ามีพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งรูปร่างใหญ่โตมาก สูงมาก มาในรูปของปางนิพพาน เดินมาระหว่างช่องกลาง พระพุทธเจ้าทุก ๆ องค์ก้มศีรษะแสดงความเคารพเพราะพนมมืออยู่แล้ว พอท่านเดินมาถึงอาตมาท่านก็พูดว่า..


    “ข้าจะไปนั่งที่ไหนหว่า…ในเมื่อไม่มีที่นั่ง ข้าก็เอาหัวแกเป็นแท่นก็แล้วกัน” ก็เลยนั่งบนหัว แล้วท่านก็บอกว่า..


    “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ก่อนที่แกจะสอนกรรมฐานก็ดี จะพูดธรรมะก็ดี จะเทศน์ก็ดี บอกฉันก่อน ฉันให้พูดตอนไหน จะให้เทศน์ตอนไหน ให้ว่าตามนั้น”


    ก็เป็นความจริง บรรดาท่านพุทธบริษัท เวลาสอนกรรมฐานก็ดี เทศน์ก็ดี บางทีคิดว่า วันนี้จะพูดเรื่องอย่างนี้ แต่พอพูดเข้าจริง ๆ เรื่องนั้นไม่ได้พูด ไปพูดอีกจุดหนึ่ง อันนี้เป็นลีลาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ การเทศน์ของพระพุทธเจ้ามุ่งเฉพาะบุคคลสำคัญคนใดคนหนึ่ง ไม่ได้หวังคนทั่วไป คนจะนั่งสักหนึ่งพัน สองพัน ห้าพันก็ตาม ท่านจะดูจิตใจว่า บุคคลใดจะรับคำเทศนาของท่านได้ จะสามารถบรรลุมรรคผลได้ ท่านจะจี้จุดเฉพาะคนนั้น เอาจุดเด่น แต่ว่าคนที่มีความดีใกล้เคียงกันก็พลอยบรรลุมรรคผลไปตาม ๆ กัน


    อันนี้ก็เช่นเดียวกัน อาตมาเวลาเทศน์ หรือสอนกรรมฐาน ก็ไม่เคยได้พูดตามที่คิดไว้สักที อาจจะเป็นเพราะท่านดลใจ ถ้าจะถามว่า เป็นที่ชอบใจของคนทุกคนไหม ก็ขอตอบว่า ไม่แน่นัก ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าท่านอาจจะจี้จุดเฉพาะคนใดคนหนึ่ง แต่คนบางคนอาจจะไม่ถูกใจก็ได้ นี่เป็นเรื่องธรรมดา ก็จึงมาคิดว่าในเมื่อท่านมีพระคุณอย่างนี้ และก็เห็นเป็นปกติ จึงคิดจะหล่อรูปท่านขึ้นมา


    ทรงแสดงพระพุทธลักษณะ
    วันหนึ่งจึงอาราธนา เมื่อเจริญพระกรรมฐานเสร็จแล้ว ท่องเที่ยวไปที่ต่าง ๆ ตามความพอใจ เมื่อกลับมาถึงที่ก็คิดว่าสมเด็จองค์ปฐมจริง ๆ รูปร่างสมัยที่เป็นมนุษย์ ท่านเป็นอย่างไร ก็ขออาราธนา ขอต้องการพบท่าน ท่านก็มาปรากฏพระองค์ให้เห็น ทรวดทรงสวยมาก หน้าของท่านอิ่มเหมือนรูปไข่ แก้มอิ่ม ยิ้มน้อย ๆ ริมผีฝากไม่บุ๋ม ไม่เหมือนพระพุทธรูปที่เขาปั้นกัน พระพุทธรูปที่เขาปั้นกัน แก้มตอนปากบุ๋มลงไป ท่านบอกว่า..

    “รูปร่างของฉันจริง ๆ เป็นอย่างนี้ ในสมัยที่เป็นมนุษย์” และต่อมาก็เปลี่ยนรูป “รูปร่างของฉันสมัยนิพพานแล้ว เป็นอย่างนี้” ท่านก็เปลี่ยนให้ดู

    ก็ถามว่า ถ้าจะปั้นรูปของท่านจะให้ปั่นแบบไหน จะให้ปั้นแบบปางนิพพาน หรือแบบมนุษย์


    ท่านบอกว่า.. ปั้นอย่างนี้ก็แล้วกัน แล้วท่านก็นั่งทำภาพให้ดู เป็นเหมือนพระพุทธรูปปั้น แล้วก็มีเรือนแก้วเป็นพระพุทธชินราช รูปจริง ๆ ที่ให้ปั้นไม่เหมือนกับรูปจริง คือไม่เหมือนกับรูปที่เป็นมนุษย์ และก็ไม่เหมือนกับรูปที่นิพพาน แต่ว่าเป็นรูปที่ท่านต้องการ ท่านมาแสดงแบบนั้นอยู่ถึง 3 วันติด ๆ กัน มานั่งให้เห็น วันหนึ่งประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ดูจนละเอียด


    ก็คิดในใจว่าเราเป็นคนเห็น แต่ช่างเขาไม่ได้เห็น เขาอาจจะปั้นได้ไม่เหมือนก็ได้

    จึงขอบารมีของท่านบอกว่า เวลาที่ช่างเขาปั้นขอได้โปรดดลใจให้เป็นไปตามพระพุทธประสงค์ ท่านก็ยอมรับ

    จึงได้สั่งให้ นายประเสริฐ แก้วมณี ปั้นรูปขี้ผึ้งขึ้น บอกลักษณะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ในที่สุดเมื่อเขาปั้นเสร็จ เขาเอามาให้ดูเหมือนกับรูปที่ท่านแสดงจริง ๆ นี่ก็เป็นเรื่องอัศจรรย์


    และนายประเสริฐคนนี้ ก็เจริญกรรมฐานมโนมยิทธิได้ แกก็ทำอะไรตามกำลังใจที่แกได้มา อาตมาก็บอกว่า ก่อนจะปั้นให้จุดธูป จุดเทียน ก่อน อาราธนาบารมีของท่านก่อน ขอให้ท่านดลใจให้มือทำตามไปที่ท่านต้องการ ความจริงก็เป็นเช่นนั้น


    พระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จองค์ปฐม
    ทีนี้ก็มานั่งนึกอีกทีว่า เรามีพระพุทธรูปทุกองค์ในสถานที่สำคัญ เราก็บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ แต่พระบรมสารีริกธาตุโดยมากเป็นขององค์ปัจจุบัน สำหรับพระบรมสารีริกธาตุขององค์ปฐม จะหาได้ที่ไหน กำลังใจก็นั่งนึก คิดว่าเราจะทำอย่างไรจึงจะได้พระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จองค์ปฐม

    ก็คิดว่าเวลากาลนานมาแล้ว พระบรมสารีริกธาตุย่อมหาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถ้าหาไม่ได้ก็เอาขององค์ปัจจุบันบรรจุ เพราะถือว่าเป็นคนละขั้นตอน เป็นคนละองค์


    ต่อมาเมื่อขณะที่ท่องเที่ยวไปในที่ต่าง ๆ จบ ก่อนจะนอนก็ไป……ไอ้การไปนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท การทัศนาจรไปเมืองสวรรค์ก็ดี เมืองนรกก็ดี พรหมก็ดี มันเบื่อเต็มทีแล้ว… จืด! เวลานี้ ไม่ไปไหน ที่ไปจุดแรกคือ เทวสภา ไปที่ตรงนั้น ก็ไปไหว้ท่านผู้มีคุณตั้งแต่ชาติก่อนโน้นมาถึงชาติปัจจุบัน ที่ท่านเป็นครูบาอาจารย์บ้าง เป็นผู้มีคุณบ้าง เป็นบิดามารดาบ้าง เป็นต้น ไหว้ท่านแล้ว ท่านก็แนะนำบางอย่างที่ทำถูกบ้างผิดบ้าง ที่ไหนถูกท่านก็บอกว่าถูก ที่ผิดท่านก็บอกให้แก้ไข


    ก็เป็นอันว่า ไปอย่างนี้ทุกคืน หลังจากนั้นก็เข้า พระจุฬามณีเจดียสถาน ไปนมัสการพระพุทธเจ้าที่นั่น พระอรหันต์มีเยอะก็ไหว้ท่าน ออกจากระจุฬามณีเจดียสถานแล้วก็ไปนิพพาน ไปวิมานของสมเด็จองค์ปัจจุบันก่อน พระสมณโคดม ไปนมัสการท่านเสร็จ ถ้ามีอะไรที่ท่านจะบอก ท่านก็บอก ถ้าไม่มีอะไรที่ท่านจะบอก ท่านก็เฉย ก็นั่งสบาย ๆ ด้วยความชื่นใจ


    หลังจากนั้น ท่านก็สั่งให้ไปวิมานของเธอ ในเมื่อไปวิมานของอาตมาเอง ในที่นั้นจะพบพระอรหันต์มาก จะมีพระพุทธเจ้าหลาย ๆ พระองค์ มีองค์ปฐมเป็นประธาน ทรงให้โอวาทอยู่ทุกวัน เตือนทุกวัน มีอะไรผิด มีอะไรถูก มีอะไรควรทำ มีอะไรควรพูด ท่านจะแนะนำ


    เมื่อกลับมาแล้วก็นอน คิดว่าเราจะนอนให้หลับ พอกำลังจิตจะเริ่มเคลิ้ม ก็ได้ยินเสียงว่า..
    “พระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จองค์ปฐม เอามาให้แล้วนะ ว่างไว้ที่ตลับบนเตียงข้าง ๆ หัวนอน” ได้ยินเสียงชัดเจนแจ่มใสมาก เหมือนเสียงขององค์ปัจจุบัน


    จึงลุกขึ้นมาเปิดไฟฟ้า ปรากฏว่าที่ตรงนั้นไม่เคยวางตลับ มีแต่วางหนังสือสำหรับดูก่อนหลับ ก็มีตลับพลาสติก แบบปัจจุบันอยู่ลูกหนึ่ง ไปเปิดดูเห็น พระบรมสารีริกธาตุองค์โต 2 องค์ ก็ดีใจว่าเป็นขององค์ปฐม แน่ เพราะเราไม่เคยวางไว้ ก็เก็บไว้ในที่สักการบูชาเอาไว้บรรจุท่าน ต้นเหตุเป็นอย่างนี้นะ


    เกิดอัศจรรย์ตรงสถานที่สร้างมณฑป
    ต่อมาท่านก็บอกว่า จะทำมณฑปฉันที่ไหน ก็ถามท่านว่าสถานที่ไม่มีแล้ว ด้านหน้าวัดเต็มไปหมด ที่มองเห็นได้ไม่มี มีแต่หลังวัด หลังวัดก็ไม่สมควร ท่านก็บอกว่า.. มีที่สำคัญอยู่ที่หนึ่ง เวลานั้นกำลังป่วยมาก ก็พยายามให้พระขับรถไป ไปดูสถานที่ ค่อย ๆ ลงจากรถ เดินมันก็จะล้ม


    แต่ญาติโยมพุทธบริษัทไม่มีใครเข้าใจ เพราะเวลารับแขกเห็นท่าทางพูด ท่าทางแข็งแรง ความจริงไม่ใช่ เป็นกำลังพระท่านช่วย หลังจากรับแขกแล้วก็ป่วย อาเจียน ลุกไม่ขึ้น เดินไม่ไหว นี่เป็นอำนาจพุทธานุภาพ


    และสถานที่ตรงนั้น ท่านบอกว่าเอาตรงนี้ สถานที่ตรงนั้นมีความสำคัญ ท่านบอกว่ามีพระบรมสารีริกธาตุสำคัญมาก แต่ความจริงก็เป็นความจริง มีคนเห็นอยู่เสมอว่า มีดาวดวงใหญ่ขึ้นจากที่ตรงนั้น มีแสงสว่างมาก ลอยไปเหนือยอดไม้น้อย ๆ วนไปวนมาในวัด แล้วก็กลับที่เดิม


    มีคราวหนึ่ง มี พ.ต.พงษ์เทพฯ เธอมาอยู่เป็นเพื่อน เธอเห็นเข้า เธอก็นั่งรถกวดว่า ดาวดวงนี้จะลอยไปไหน เธอก็วิ่งตามไป วนไปวนมาอยู่พักก็กลับที่เดิม เธอก็มาบอกว่า เมื่อคืนนี้แปลกเห็นดวงดาวขึ้นจากแผ่นดิน ก็เลยบอกเธอว่า นั้นไม่ใช่ดวงดาว เป็นพระบรมสารีริกธาตุ ท่านให้สร้างมณฑปตรงนั้น จึงสั่ง ลุงชิด แก้วแดง เป็นนายช่างทำการก่อสร้าง


    วัสดุที่จะใช้สร้าง
    โดยเฉพาะเรือนแก้ว บรรดาทานพุทธบริษัท องค์ปฐมสร้างหน้าตัก 4 ศอก เป็นพระหล่อด้วยโลหะ แล้วก็ผสมทองคำ เฉพาะ “เพชร” ที่ประดับเรือนแก้ว หรือว่าผ้าทิพย์ เท่าที่เราเห็นมีราคา 770,000 บาทเศษ แต่ความจริงไม่ใช่เพชรจริง ๆ อย่าขโมยไปนะ ถ้าแกะมาหนึ่งเม็ด ราคาเต็มของเขาจะประมาณ 12-13 บาทเท่านั้นเอง


    ทีนี้ซื้อมาก เพื่อประดับเรือนแก้วให้สวย เพราะว่าคนใกล้จะตาย คืออาตมาเองใกล้จะตาย อายุครบอายุขัยแล้ว ครบอายุขัยก็เป็นอายุที่ควรตาย ก็ทำทิ้งทวน และก็มีคนช่วยมาก มีใครบ้างจะไปขอบัญชีเขามาดู ถ้าเขาคัดไว้ก็จะมาพิมพ์ท้ายหนังสือ มี พล.ต.ท.นายแพทย์สมศักดิ์ฯ กับคณะ ช่วยมา 1 ล้านบาท เท่าที่จำได้นะ นอกนั้นมีใครบ้างก็ไม่ทราบ องค์ปฐมนี้ช่วยกันมามาก


    สำหรับพื้น ทีแรกคิดว่าจะใช้แกรนิต หรืออะไรไม่ทราบมันสวย ๆ แต่ว่าพระท่านบอกว่า มันแข็งมาก ต้องสั่งให้เขาตัดให้พอดี ก็เลยล้มความตั้งใจ ก็พอพี พ.ท.นายแพทย์นพพร กลั่นสุภา พร้อมด้วย คณะชาวจังหวัดกาญจนบุรี


    พ.ท.นายแพทย์นพพรฯนี่ เป็นผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ กองพลที่ 9 สนใจเรื่องบุญกุศลมาก ได้ทำตาดำตาขาวของพระพุทธรูปหน้าตัก 4 ศอกมาถวาย ประมาณ 600 คู่เศษ และนำนิลก้อนเล็ก ๆ นำมาให้ทำพื้น ก็เลยตัดสิตใจว่า ในเมื่อมีผู้ศรัทธานำนิลมาให้ตั้ง 1 ตันกว่า เราก็ไม่ควรใช้อย่างอื่น ใช้ตัดพื้นด้วยนิล แทนที่จะเป็นหินขัด หรือว่าจะเป็นหินอ่อน จะเป็นแกรนิต ไม่เป็นแล้ว ใช้นิลเป็นพื้นขัด ถ้านิลไม่พอจริง ๆ ก็เอาอย่างอื่นผสม


    ก็รวมความว่า ความสำคัญเนื่องในการสร้างองค์ปฐม คือว่าคนไม่เคยคิด หรือว่าอาจจะคิดบ้างก็ไม่ทราบว่า พระพุทธเจ้าจริง ๆ ที่มีความลำบากมาก คือ “องค์ต้น” เพราะไม่เคยมีพระพุทธเจ้าเป็นครูมาก่อน ต้องลำบากบุกมาทั้ง ๆ ที่ไม่มีแบบ เป็นเหตุดลใจให้ตั้งใจคิดจะเป็นพระพุทธเจ้า ต้องใช้เวลาถึง 40 อสงไขยกัปเศษจึงจะได้บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ


    ถ้าถามว่า รู้ได้อย่างไร ก็ต้องขอตอบว่า ถามท่านซิ คนฟังหรือคนอ่านจะคิดไหมว่า พูดอย่างนี้เป็นคนบ้าหรือคนดี บางท่านจะบอกว่า พระพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว มีสภาพสูญ จะไปคุยกันได้อย่างไร ก็ขอตอบว่า ก็ต้องเป็นคนสูญเหมือนกัน ก็ท่านสูญไปแล้ว เราก็สูญบ้าง ถ้าสูญ กับสูญพบกัน ก็ต้องสองสูญ สองสูญ ก็มีสภาพกลมเหมือนกัน แต่โตเล็กกว่ากันเท่านั้น เมื่อสูญต่อสูญคุยกัน ก็รู้เรื่องกัน ถ้าท่านสูญ เรายังไม่สูญ เราก็คุยกับท่านไม่ได้


    ก็รวมความว่า อาตมาก็เป็นคนสูญ เพราะ
    1. สูญจากความเป็นหนุ่ม
    2. สูญจากความเป็นคนปกติ มีอาการป่วยไข้ไม่สบายเป็นปกติ
    3. สูญจากความเป็นคนที่คิดว่าไม่สูญ นั่นคือความหวังมีอย่างเดียว คิดว่าเราจะต้องตาย

    เวลานี้อายุ 75 ปีตามใบสุทธิเป็นอายุขัย ควรตายแล้ว ไหน ๆ จะตายก็ทำทิ้งทวนเฉพาะสมเด็จองค์ปฐม ราคาเท่าไรไม่ทราบ เฉพาะเพชรที่ประดับราคา 770,000 บาทเศษ แล้วก็มณฑปทั้งหมดก็จะบุแก้ว ปิดแก้วทั้งข้างนอกและข้างใน ให้คล้าย ๆ กับวิมานของท่าน ทำแบบคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือน เพราะวิมานของท่านสวยมาก


    เดี๋ยวจะถามว่า รู้ได้ยังไง ก็ตอบตามเดิมว่า คนสูญ ก็รู้อย่างคนสูญ ที่เขาบอกว่า นิพพานมีสภาพสูญ อาตมาขอย้อนว่า นิพพานมีสภาพไม่สูญ นิพพานจะสูญไปจากความชั่ว จะทรงไว้แต่ความดี ถ้าหากจะมีคนคัดค้านว่า ตายแล้วมีสภาพสูญ ก็ต้องตอบว่า เป็นเรื่องของท่าน ต่างคนต่างรู้ ต่างคนค่างมีความเห็นจะให้เหมือนกันไม่ได้


    ถ้าหากว่านิพพานมีสภาพสูญจริง ๆ
    ทำไมสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงกล่าวอ้างอิงถึงพระพุทธเจ้าองค์นั้น พระพุทธเจ้าองค์นี้ อย่างคำว่า
    สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง ท่านทั้งหลายจงอย่าทำความชั่วทุกอย่าง
    กุสะลัสสูปะสัมปะทา จงทำแต่ความดี
    สะจิตตะปริโยทะปะนัง จงทำใจให้ผ่องใสจากกิเลส
    เอตัง พุทธานะสาสะนัง พระพุทธเจ้าทุกองค์ตรัสอย่างนี้เหมือนกันหมด


    พระพุทธเจ้าท่านรู้ได้ยังไง ถ้านิพพานมีสภาพสูญ ทำไมจึงจะรู้ว่า พระพุทธเจ้าทุกองค์ตรัสอย่างนี้เหมือนกันหมด

    ก็แสดงว่า นิพพานมีสภาพไม่สูญ เฉพาะของคนไม่สูญ
    นิพพานมีสภาพสูญเฉพาะของคนที่สูญจากนิพพาน


    รวมความว่า บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย การหล่อรูปองค์ปฐมนี้ บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท นำทองมาถวายกันมากเป็นกรณีพิเศษ และการหล่อรูปนี้จะหล่อ วันที่ 15 มีนาคม 2535 มี สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา เป็นประธานจับสายสิญจน์ในการหล่อ


    ความจริงหลวงพ่อสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์นี่ บางท่านอาจจะไม่รู้
    “ท่านเป็นพระสูญเหมือนกัน” คือสูญจากการยึดตัว ยึดยศฐาบรรดาศักดิ์
    ท่านเป็นสมเด็จฯ ท่านไม่เคยแสดงองค์เป็นสมเด็จฯ เลย
    ไม่เคยถือเนื้อถือตัว ถือเป็นกันเองทุกอย่างกับทุกคนที่ไปหา ไม่มีมานะทิฐิ และมีความเข้าใจเรื่องของคน มีความเข้าใจในเรื่องของใจคน

    อย่าง พล.ต.ท.สมศักดิ์ สืบสงวน เคยไปกับ หมอลัดดาฯ ไปหาท่าน ท่านจำวัดอยู่บนกุฏิ ทั้งสองคนก็ไปคอย พอถึงเวลาท่านยังไม่ลงมา ทั้งสองคนก็บอกว่า ในเมื่อท่านจำวัดเราก็กลับเถอะ พูดเบา ๆ เท่านั้นแหละ เสียงกระแอมเปิดประตูหน้าต่าง แล้วท่านก็ลงมา


    อาตมาเคยปรึกษากับ มหาวิจิตร เรื่องที่จะทำบุญวันเกิดของท่าน ปรึกษากันที่ซอยสายลมว่า เราคิดจะทำอย่างนี้ และไปกราบเรียนให้ท่านทราบ ถ้าหากว่าอันไหนท่านตัด เราก็ตัดตามท่าน อันไหนท่านให้เติม เราก็เติมตามท่าน เสร็จแล้วก็ไปหาท่าน ท่านนั่งรอรับอยู่ ท่านยังไม่ขึ้นกุฏิ เมื่อกราบพอเงยหน้าขึ้นมา ท่านก็บอกว่า ปีหน้าจะให้ทำอะไรก็บอกนะ ทำตามทุกอย่างแหละ นั่งคุยกันที่ซอยสายลม ท่านอยู่ที่วัดสามพระยา ทำไมท่านจึงรู้


    ก็เป็นอันว่า สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์องค์นี้ มีความสำคัญมาก เป็นประธานการหล่อพระคราวไร ไม่เคยเสีย คราวหนึ่งลมแรงจัด ช่างบอกว่า ถ้าลมแรงแบบนี้ การเททองลำบาก ยังไง ๆ พระต้องเสียแน่ ต้องมีเว้า มีโหว่ มีแหว่ง แต่เธอก็พยายามทำไปด้วยความลำบากจนเสร็จ นี่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์จับสายสิญจน์นะ ช่างรีบไปทุบหุ่นไม่อยากให้คนอื่นเห็น คิดว่าถ้าเสียจะรีบเก็บ แต่ที่ไหนได้บรรดาท่านพุทธบริษัท พระทุกองค์เรียบร้อยเกือบไม่ต้องแต่ง ช่างดีใจจนน้ำตาไหล

    นี่ขอให้ท่านทั้งหลายจงมีความเข้าใจว่า สมเด็จพระพุทธโฆษาจาย์ วัดสามพระยา เป็นพระที่มีสภาพสูญเช่นเดียวกัน


    เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน ก็เล่าสู่กันฟังก็แค่นี้ ขอจบเพราะเวลาหมด เหลือเวลาประมาณครึ่งนาที ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผล จงมีแด่ท่านพุทธศาสนิกชนผู้รับฟังก็ตาม ผู้อ่านก็ตาม จงมีแต่ความสุข ปรารถนาสมหวัง รวยตลอดชาติ ทั้งชาตินี้และชาติหน้า

    ถ้าใครต้องการหวังนิพพาน ขอให้ได้นิพพานสมความปรารถนา

    ใครไม่อยากไปนิพพาน ก็ขอให้รวยตลอดทุกชาติ…สวัสดี
     
  6. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    สนทนาที่สายสม (เดือนกันยาย 2533)

    ผู้ถาม “ได้ข่าวว่าหลวงพ่อจะหล่อสมเด็จองค์ปฐมและสร้างมณฑปใกล้พระ 30 ศอกหรือครับ?”
    หลวงพ่อ “ที่ตรงนั้นแปลก รถแทรคเตอร์เคยเข้าไปดินแห้ง ๆ ฟรี ไปไม่ได้ พอเข้าไปถึงเครื่องติด ล้อหมุน แต่สายพานไม่เดิน และก็ยามปกติ เวลาพระบรมสารีริกธาตุเสด็จขึ้นจากที่นั้นบ่อย เห็นกันบ่อยครั้งมาก ก็เป็นว่าสร้างทับที่พระบรมสารีริกธาตุ

    เมื่อตอนขากลับขึ้นไป หมอจรูญฯ เขาขึ้นไป มีหมอหลายคนก็คุยกัน ถามว่าจะสร้างวิหารแบบไหน ก็เลยคิดจะสร้างวิหารแบบโบสถ์ใช่ไหม ท่านเลยตัดสินใจบอก เอาอย่างนี้ ก็แล้วกัน สร้างเหมือนหลังนี้ (มณฑปแก้วที่ข้างตึกรับแขก) เอาเหมือนหลังนี้ทุกอย่าง และหาที่ให้เสร็จในวัดนี้นะ และนั่งมองที่ว่าจะสร้างที่ไหนจะเหมาะ ท่านก็ชี้ให้”


    ผู้ถาม “คงจะเป็นองค์แรกของโลก”
    หลวงพ่อ “ใช่ ๆ ๆ เออ…ไม่มีใครเขาพูดถึงกันนะ อย่างเก่ง ๆ ก็ สมเด็จพุทธทีปังกร คือว่าสมเด็จพุทธทีปังกรนี่ พระพุทธเจ้าเราปรารถนาพุทธภูมิเป็นครั้งแรก
    แต่ว่าองค์ปฐมไกลกว่านั้นเยอะพระพุทธเจ้านี่มีหลายแสนองค์นะ ไม่ใช่มีองค์เดียว

    องค์ปฐมนี่ลำบากมาก

    ถามท่านว่าบำเพ็ญบารมีมาเท่าไหร่ บอกเขาบำเพ็ญบารมี 16 อสงไขย ฉัน 40 อสงไขยกว่า เพราะไม่มีตัวอย่าง

    ก็ถามท่านว่า ทำไมจึงคิดว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า
    ท่านบอก ไม่รู้ มันมีชาติหนึ่งคิดว่า คนเกิดมาแล้วมันมีทุกข์ ทำไงจึงหมดทุกข์ ทำไปมันก็ทำผิดบ้าง ถูกบ้างใช่ไหม…ใหม่ ๆ ต่อไปก็เข้าเขตถูก”


    ผู้ถาม “หลวงพ่อเคยมีความเกี่ยวพันกับพระองค์ท่านบ้างไหมครับ?”
    หลวงพ่อ “องค์ปฐมนี่ท่านเคยบอกว่า ฉันเคยเป็นลูกท่าน เคยเป็นลูกในสมัยที่ท่านยังไม่เป็นพระพุทธเจ้า นะ ในการก่อน ๆ นะ แล้วต่อมาในสมัยที่ท่านเป็นพระพุทธเจ้า ฉันก็ปรารถนา 16 อสงไขย อยากจะให้เก่งเหมือนพ่อ…” (หัวเราะ)

    (หลังจากสอนพระกรรมฐาน และลูกหลานสวดอิติปิโสถวาย 3 จบแล้ว ในขณะหลวงพ่อฟังสวด หลวงพ่อพนมมือนั่งนิ่งเป็นสมาธิ สวดจบแล้ว ท่านมีเรื่องเล่าให้ฟังอีกว่า..)


    สมเด็จองค์ปฐมท่านมาบอกว่า “เออ…ถ้าหล่อรูปฉันน่ะ เอาแก้วอย่างดี ติดที่นิ้วก้อยสักแก้ว ได้ไหม…นิ้วก้อยซ้าย?” เลยถามท่านว่า ถ้าบังเอิญเขาให้มากกว่านั้นละ “ก็ติดที่แท่นก็แล้วกัน”


    แก้วอย่างดี มันก็เพชร เอาแก้วอย่างดี ท่านบอกอย่างนั้น ถามว่าขโมยเขาไม่ลักหรือ “แกทำให้ดี ลักไม่ได้ ท้าวมหาราชมีมาก บีบคอแน่” ถ้ามากจริง ๆ ท่านบอกให้ติดที่ผ้าอะไร…ผ้าทิพย์


    ก็เป็นอันว่าท่านบอกว่า ถ้าบอกเขาว่าหนึ่งมันจะไม่เป็นหนึ่งเพราะองค์ปฐม ท่านเลยบอกเอางั้นก็แล้วกันนะ แก้วน่ะไม่ต้องดีนัก ราคาแพงมากเกิดไป เวลาขโมยลักไปจะเสียดาย เอาแก้วอย่างเลว ตูดขวดก็ได้…(หัวเราะ)


    บทผนวก
    หลวงพ่อเคยเล่าให้ฟังว่า สมเด็จองค์ปฐมทรงพระนามว่า “สมเด็จพระพุทธสิกขี” แต่พระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ผ่านไปแล้ว อาจจะมีชื่อซ้อกันก็ได้ โดยเฉพาะชื่อนี้มีด้วยกันถึง 5 พระองค์ จึงเรียกขานกันว่าเป็น “สมเด็จพระพุทธสิกขีที่ 1” พระองค์จึงทรงเป็นต้นพระวงศ์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ จึงสมควรยกย่องพระพุทธองค์ว่าทรงเป็น “สมเด็จองค์ปฐมบรมครู” อย่างแท้จริง


    ครั้งหนึ่ง พระพุทธองค์เสด็จมาเล่าให้หลวงพ่อฟังที่บ้านสายลมว่า สมัยที่พระองค์ทรงอุบัติในโลกมนุษย์ ในเวลานั้นคนมีอายุขัยประมาณ 8 หมื่นปี พระองค์เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์เพื่อพระชนมายุได้ 4 หมื่นปี หลังจากทรงผนวชแล้วเป็นเวลาอีก 2 หมื่นปี จึงได้ทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์แรกของโลก

    พระองค์ทรงสั่งสอนเวไนยสัตว์อีกประมาณ 2 หมื่นปี จึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน หลังจากทรงใช้เวลาอันยาวนานถึง 40 อสงไขย ในการบำเพ็ญพระบารมีเพื่อแสวงหาพระโพธิญาณดัวยพระองค์เอง ดังนี้


    อานิสงส์การสร้างสมเด็จองค์ปฐม
    หลวงพ่อ “ช่างมาถามเกี่ยวกับลักษณะองค์ปฐม อาตมาบอกสร้างแบบพระพุทธรูปธรรมดา แต่ต้องอ้วนหน่อยนะ คือมีเนื้อมากหน่วย ไม่ใช่อ้วนพุงพลุ้ยนะ และก็เวลาลงไปสอนกรรมฐาน เมื่อเสร็จแล้วเขาก็คุยกันเขาก็ถามปัญหา ถามไปถามมา เขาถามถึงพระพุทธเจ้าองค์ปฐมว่า ถ้าจะสร้างจะมีอานิสงส์ยังไง ลุงสองลุง นายบัญชี กับลุงพุฒิ ท่านมายืนอยู่นานแล้ว ท่านไม่มีโอกาสคุย เพราะอาตมาขึ้นไปคุยกับพระซะ


    ท่านบอกว่า การสร้างองค์ปฐมนี่ ท่านเปลี่ยนบัญชีใหม่ เอาบัญชีมาให้ดู บอก นี่…บัญชีเล่มนี้ (คือว่าเป็นอีกเล่มหนึ่งจากที่ที่จดธรรมดา) “บัญชีสีทอง” เป็นทองคำล้วนทั้งเล่มเลย ฉันอยากได้บัญชีเอามาขาย ท่านบอก.. ถ้าสร้างองค์ปฐมลงบัญชีเล่มนี้โดยเฉพาะ ก็แสดงว่าคนที่จะสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมได้นี่ ต้องเป็นคนมีบุญมาก…หรือไง?


    แต่ก็ไม่ได้หมายความต้องเงินมากนะ คือว่าโดยมากเราจะนึกไม่ถึงกันใช่ไหม เรานึกกันถึง พระกกุสันโธ พระโกนาคม พระพุทธกัสสป แต่ยังไม่เคยนึกถึงองค์ปฐม ส่วนใหญ่ไปนึกถึง พระศรีอาริย์ ยังไม่เป็นพระพุทธเจ้า ใช่ไหม นี่องค์นี้เป็นองค์แรก ก็คุยกันแล้ว


    ท่านบอกว่า การสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมทำได้ยาก คือว่าเป็นพระพุทธเจ้าต้นพระพุทธเจ้าทั้งหมด ใช่ไหม และการทำบุญเนื่องในการสร้างวิหารก็ดี สถานที่ก็ดี เอาของไปประดับก็ตาม ทีนี้อย่างคนมีเงินน้อย ๆ ใช่ไหม ก็มีสตางค์ไม่มาก เอาสตางค์ 9 สตางค์ 10 สตางค์ ไปใส่แท่น อย่างนี้ลงบัญชีสีทองหมด


    คือไม่หมายความต้องมีเงินมากเสมอไปนะ ที่เขามีน้อยๆ บาทสองบาท 10 สตางค์ 20 สตางค์ พวกนี้เอาไปใส่แท่นอย่างนี้ลงบัญชีทองหมด..


    ก็ถามว่า บัญชีสีทองหมายถึงอะไร
    ท่านบอก มันหมายถึงกลับไม่ได้ เพราะว่าพระพุทธเจ้าทุกองค์ต้องโมทนา หมด”


    ผู้ถาม “หลวงพ่อครับ การหล่อองค์ปฐมด้วยทองคำนี่อานิสงส์จะเหมือนกับหล่อพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน หรือว่าจะแตกต่างกันอย่างไรครับ ถ้าเป็นทองคำเหมือนกัน?”
    หลวงพ่อ “ก็มีอานิสงส์เหมือนกัน แต่ว่าต่างกันอยู่นิดหนึ่งที่ไปนิพพานเร็ว ไปนิพพานเร็วมาก เพราะเขาเข้า บัญชีสีทอง ไม่ใช่ตัวทอง บัญชีทั้งเล่มเป็นทอง ลงบัญชีเล่มนั้น”


    ผู้ถาม “หมายถึงเป็นเจ้าภาพหล่อองค์ปฐมนี่หรือครับ?”
    หลวงพ่อ “ใช่ ๆ ๆ จะทองคำก็ดี จะเป็นเงินก็ตาม…เหมือนกันลงบัญชีเล่มเดียวกัน”


    งานพิธีเททองหล่อรูปสมเด็จองค์ปฐม
    วันที่ 14 มีนาคม 2535 เวลา 18.00 น. หลวงพ่อทำพิธีบวงสรวง ที่ประรำพิธีเททองหน้าวิหาร 100 เมตร

    วันที่ 15 มีนาคม 2535 เวลา 08.00 น. หลวงพ่อทำพิธีบวงสรวงที่ปะรำพิธีเททองอีกครั้งหนึ่ง

    เสร็จแล้วเดินทางไปที่ศาลา 2 ไร่ เพื่อทำบุญประจำปีของท่าน ซึ่งมีพระเถรานุเถระและญาติโยมพุทธบริษัทเดินทางมากันมากมาย


    หลังจากเสร็จงานที่นั่นแล้ว หลวงพ่อจึงเดินทางไปที่วิหาร 100 เมตร ซึ่งมีญาติโยมไปนั่งรออยู่ในเต็นท์หน้าวิหาร ก่อนจะถึงเวลาเททอง มีญาติโยมพุทธบริษัทที่คอยทำบุญและถวายทองกับหลวงพ่อเป็นจำนวนมาก จนใกล้เวลาบ่าย 2 โมง ก็ดูทีท่าว่าจะยังถวายไม่เสร็จ ดร.ปริญญา จึงประกาศให้วิ่งเร็ว ๆ เข้า กลายเป็นวิ่งทำบุญไป สนุกไปอีกแบบ


    เวลา 14.00 น. เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา เป็นประธานพิธีเททอง โดยท่านนั่งอธิษฐานถือสายสิญจน์ภายในระเบียงวิหาร 100 เมตร

    ส่วนหลวงพ่อลงไปที่ปะรำพิธีเททองเอง ทองคำที่หลวงพ่อเทลงในเบ้าหล่อสมเด็จองค์ปฐม รวมทั้งสิ้น 78 กิโลกรัม นับว่ามากที่สุดตั้งแต่เททองมา

    และเจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านบอกว่า “พระองค์นี้บูชาให้ดีจะมีลาภมาก”


    ในขณะที่หลวงพ่อเททองยังไม่ทันเสร็จ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ขอกลับก่อน เมื่อหลวงพ่อเททองเสร็จแล้ว จึงขึ้นมาที่วิหาร 100 เมตรอีกครั้งหนึ่ง เพราะยังมีคนทำบุญกันอีก จนถึงเวลาบ่าย 3 โมงจึงขึ้นพัก


    รายรับ-รายจ่ายงานหล่อรูปสมเด็จองค์ปฐม
    รายรับ
    รับเงินเพื่อสร้างองค์ปฐมโดยตรง 3,682,136 บาท
    ถวายเพื่อใช้สอยส่วนองค์ 2,117,382 บาท
    ผาติกรรมสังฆทาน 1,951,570 บาท
    รวมรับทั้งสิ้น 7,751,088 บาท


    รายจ่าย
    ถวายพระที่นิมนต์มาในงานและพระในวัด 1,990,000 บาท
    ค่าหล่อองค์ปฐมร่วมทั้งค่าทองที่หล่อด้วย 250,000 บาท
    ค่าเบ้าหลอมทอง 14 เบ้า 53,900 บาท
    ค่าพนักงานรักษาความปลอดภัยและอย่างอื่น 17,500 บาท
    ค่าอาหารฟรีที่วัดจ่าย 100,000 บาท
    รวมจ่ายทั้งสิ้น 2,511,400 บาท

    ยอดรับ ยกมา 7,751,088 บาท
    คงเหลือจากงานทำบุญ 5,339,688 บาท


    รับก่อนงาน
    มีท่านผู้มีจิตศรัทธาสร้างองค์ปฐมก่อนงาน และส่งมาทางไปรษณีย์ รวมทั้งสิ้น 11,689,346 บาท


    จ่ายก่อนงาน
    (1) ค่าเพชรเทียมจากประเทศออสเตรีย 776,131 บาท
    (2) ค่าโคมไฟระย้า 1,800,000 บาท
    (3) เหลือจากนี้ก็จ่ายค่าก่อสร้างวิหาร เวลานี้วิหารยังไม่เสร็จ ยังขาดเครื่องประดับ เช่น ยอดช่อฟ้า หน้าบัน ประดับกระจกทั้งภายในและภายนอก ปูกระเบื้องชั้นล่าง ขัดนิลชั้นบน สร้างรูปองค์ปฐม
    ชั้นที่ 3 ประดับกระจกทั้งองค์ (ปางนิพพาน)

    ถ้าเงินเหลือ จะใช้ในงานสร้างวิหารพระศรีอาริย์ต่อไป วิหารพระศรีอาริย์นั้น ขณะนี้เริ่มก่อสร้างแล้ว


    เรื่องน่าหนักใจ
    งานก่อสร้างวิหารนี้ สร้าง 1 หลัง เท่ากับสร่าง 2 หลัง เพราะปูนซีเมนต์ขาด เคยได้โควต้าปูนเดือนละ 300 ตัน ถูกตัดเหลือ 30 ตัน ต้องหาซื้อตามท้องตลาด ต้องเพิ่มเงินขึ้นอีกตันละ 80 เปอร์เซ็นต์ วัสดุก่อสร้างอย่างอื่นก็ราคาสูงขึ้นทุกอย่าง ค่าแรงงานช่างก็ต้องเพิ่ม เดิมมีช่าง 300 คนเศษ เมื่อปูนหายาก ต้องตัดช่างออกเหลือ 40 คน งานสร้างจึงล่าช้า และต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายอีกเท่าตัว เป็นอันว่าสร้าง 1 หลังปัจจุบัน เท่ากับสร้าง 2 หลังก่อนหน้านี้ ค่าใช้จ่ายยังสรุปไม่ได้ เพราะยังสร้างไม่เสร็จ

    พระราชพรหมยาน
    9 เมษายน 2535


    หมายเหตุ : นิลขัดพื้น พ.ท.นายแพทย์นพพร กลั่นสุภา ร่วมกับญาติโยมชาวกาญจนบุรี ร่วมกันถวายมา 6 ตัน และขอแจ้งให้ทราบ ตามที่ได้ประกาศไว้ในธัมมวิโมกข์ว่า จะบรรจะพระบรมธาตุสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่หล่อแล้ววันกลางเดือน 6 คือวันวิสาขบูชา (16 พ.ค.2535)


    แต่ปรากฏว่าช่างมาขอร้องว่าทำไม่ทัน เพราะต้องทำแท่นและประดับเพชรเทียม ทั้งองค์พระที่หล่อก็ใหญ่ ประกอบไม่ทันจึงขอเลื่อนวันบรรจุพระบรมธาตุองค์ปฐม เป็นวันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2536 อาราธนา สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยาเป็นองค์บรรจุ จึงขอแจ้งมาให้ทราบทั่วกัน


    งานพิธีอัญเชิญพระพุทธรูป ขึ้นประดิษฐานบนแท่นภายในวิหารสมเด็จองค์ปฐม

    วันที่ 16 พฤษภาคม 2535 เป็นวันวิสาขบูชา หลวงพ่อได้กระทำพิธี 3 อย่างในวันเดียวกัน คือ


    ตอนเช้า เวลา 7.00 น. หลวงพ่อทำพิธีบวงสรวงที่วิหารสมเด็จองค์ปฐม หลังจากนั้นท่านได้เดินขึ้นไปบนวิหารเพื่ออัญเชิญพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม ขึ้นประดิษฐานบนแท่นภายในวิหาร เมื่อเห็นว่าช่างได้ยกระขึ้นบนแท่นเรียบร้อยแล้วท่านจึงเดินลงไปจากวิหาร ท่ามกลางผู้ที่มาร่วมพิธีมากมาย

    เวลา 08.00 น. หลวงพ่อแสดงพระธรรมเทศนา ที่ศาลาพระพินิจอักษร

    เวลา 09.00 น. หลวงพ่อเดินทางมาที่ศาลา 12 ไร่ และทำพิธีบวงสรวง เนื่องในงานพิธีสะเดาะเคราะห์

    เวลา 18.00 น. หลวงพ่อทำพิธีบวงสรวงที่วิหาร 100 เมตร เนื่องในพิธีพุทธาภิเษกพระคำข้าว มีดหมอชาตรี และวัตถุมงคลอื่น ๆ


    งานพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ในพระเกตุมาลาพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม
    งานนี้เป็นงานทำบุญประจำปีที่หลวงพ่อเคยจัดมา ถึงแม้ท่านจะมรณภาพไปแล้วก็ตาม ท่านพระครูปลัดอนันต์พทธญาโณ เจ้าอาวาสองค์ใหม่ พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ภายในวัดท่าซุง และญาติโยมพุทธบริษัท ได้ร่วมกันจัดงานเหมือนสมัยที่หลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ โดอาราธนาสมเด็จพระราชาคณะ รองสมเด็จพระราชาคณะ และพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จำนวน 64 รูป ฉันภัตตาหารเพลที่ศาลา 2 ไร่

    วันที่ 13 มีนาคม 2536 เป็นวันเริ่มงาน ทางวัดได้จัดเตรียมสถานที่ไว้ที่วิหาร 100 เมตร สำหรับญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย จะได้สรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองค์ปฐม (จำนวน 2 องค์ ที่เสด็จมาเองในห้องนอนหลวงพ่อ) ก่อนที่จะอัญเชิญไปบรรจุไว้ในพระเกตุมาลาพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม


    ทางด้านวิหารสมเด็จองค์ปฐม ก็มีการจัดเตรียมสถานที่เช่นกันโดยประดับธงและผูกผ้า และกางเต็นท์ไว้ข้าง ๆ วิหาร เพื่อญาติโยมทั้งหลาย ได้นั่งชมพิธีอยู่ด้านล่างทางโทรทัศน์วงจรปิด ส่วนชั้นล่างและชั้นบนของวิหาร ได้ทำความสะอาดอย่างรีบด่วน เพราะช่างเพิ่งจะทำองค์พระเสร็จ ส่วนช่างไฟฟ้าก็เพิ่งจะเสร็จเหมือนกัน เมื่อจัดโต๊ะหมู่เรียบร้อยแล้ว ก็เปิดไฟทั้งหมดภายในวิหาร


    ปรากฎว่าภาพที่ประจักษ์ต่อสายตาของบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทขณะนั้นแล้ว ต่างก็ร้องชื่นชมด้วยความปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่ง สมกับเวลาที่รอดคอยมานานแล้ว บางท่านที่เพิ่งเดินทางมาถึง เมื่อก้าวขึ้นไปพบบ้างก็ได้กว่าเป็นเสียงเดียวกันว่าสร้างได้วิจิตรตระการตายิ่ง บางคนคงจะเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ชื่นชม พร้อมกับหลวงพ่อเรา เหมือนกับที่ท่านยังมีชีวิตอยู่


    วันที่ 14 มีนาคม 2536 หลังจากฉันภัตตาหารและถวายเครื่องไทยทาน พระสงฆ์ให้พร เป็นเสร็จพิธี ที่ศาลา 2 ไร่ แล้วเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา เดินทางไปที่วิหาร 100 เมตร


    หลังจากญาติโดยมได้สรงน้ำพระบรมธาตุกันแล้ว เมื่อได้เวลาอันสมควร (เดิมจะเริ่มพิธีเวลา 14.00 น. แต่เจ้าประคุณสมเด็จฯ มีกิจนิมนต์ที่ จ.นครปฐม จำเป็นจะต้องเลื่อนเวลาให้เร็วขึ้นกว่าเดิม จึงต้องขออภัยญาติโยมในวันนั้นด้วย)


    ในเวลา 12.15 น. ท่านพระครูปลัดอนันต์พทธญาโณ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ได้อัญเชิญพระบมสารีริกธาติสมเด็จองค์ปฐมเพื่ออาราธนาเจ้าประคุณสมเด็จฯ บรรจุไว้ในผอบทองคำ ในขณะทำพิธีบรรจุนั้น พระสงฆ์จำนวน 9 รูปสวดชยันโต


    เมื่อบรรจุในผอบทองคำแล้ว จึงนำไปวางไว้ในเจดีย์แล้วอีกชั้นหนึ่ง เสร็จแล้วท่านเจ้าอาวาสพร้อมด้วยพระสงฆ์ และท่านสาธุชนทั้งหลาย ได้ร่วมขบวนแห่พระบรมสารีริกธาตุไปยังวิหารสมเด็จองค์ปฐม โดยมีวงโยธวาทิต โรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา นำขบวน


    เวลา 12.40 น. ขบวนแห่งไปถึงแล้ว พระสงฆ์ก็ขึ้นไปนั่งข้างในด้านซ้ายมือของวิหาร ส่วนญาติโยมนั่งอยู่ด้านตรงข้ามและนั่งรอกันแน่นวิหาร ก่อนที่ขบวนแห่จะมาถึงด้วยซ้ำไป ท่านที่มาภายหลัง จึงต้องไปนั่งอยู่ภายในเต็นท์ข้างวิหาร


    เวลา 12.45 น. เจ้าประคุณสมเด็จฯ เดินทางมาถึงวิหารสมเด็จองค์ปฐม ท่านเจ้าอาวาสส่งเทียนชนวนให้เจ้าประคุณสมเด็จฯ จุดธูปเทียนบูชาที่โต๊ะหมู่บูชา เมื่อกราบนมัสการแล้ว ท่านก็มานั่งเก้าอี้รับแขกที่จัดไว้ แล้วท่านก็พูดขึ้นว่า..
    “พระองค์นี้มีลาภมากนะ”

    และท่านกล่าชมอีกว่า..
    “สร้างได้สวยงามมาก เสียดายที่จะต้องรีบไป อยากจะอยู่นาน ๆ กว่านี้อีก ต่อไปคงจะมีโอกาสได้มาชมอีก”


    หลังจากนั้น พระชัยวัฒน์ อชิโต ได้อัญเชิญพระเกตุมาลาของพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพานทอง อันวางรอไว้อยู่ที่บนชั้นสูงสุดของโต๊ะหมู่บูชา


    เมื่อมาถีงแล้ว ท่านพระครูปลัดอนันต์กราบอาราธนาเจ้าประคุณสมเด็จฯ อัญเชิญผอบทองคำที่บรรจุพระบรมธาตุของสมเด็จองค์ปฐมจำนวน 2 องค์ บรรจุไว้ในผอบทองเหลืองก่อนแล้วจึงนำไปใส่ไว้ในพระเกตุมาลานั้น พระสงฆ์ 9 รูปสวดชยันโต


    เสร็จแล้วทานพระครูปลัดอนันต์ กราบอาราธนาเจ้าประคุณสมเด็จฯ ขึ้นไปสวมไว้บนพระเศียร ท่านแหงนดูบันไดที่เตรียมไว้ด้านหน้าองค์พระนั้นแล้ว ท่านบอกขึ้นไม่ไหว จึงมีบัญชาให้ท่านเจ้าอาวาสนำขึ้นไปแทน โดยท่านยกมือทั้งสองขึ้นพนมอธิษฐานเสียก่อน


    ในระหว่างเดินขึ้นไปขนบันไดนั้น พระชัยวัฒน์ฯ เป็นผู้อัญเชิญพานทองพระเกตุมาลา เพื่อให้ท่านพระครูปลัดอนันต์ฯได้ทำพิธีสวมไว้บนพระเศียร ขณะขึ้นไปสวมนั้น พระสงฆ์สวดชยันโตเป็นเสร็จพิธี


    เมื่อใกล้เวลา 13.00 น. อันเป็นเวลาที่ท่านจะต้องเดินทางกลับ พระสงฆ์วัดท่าซุงได้เข้ามากราบนมัสการเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ให้โอวาทสั้น ๆ ว่า ขอให้ช่ยยกันดูแลรักษาสมบัติของพระศาสนาไว้ให้ดีให้มีความสามัคคีต่อกัน ไว้ดังนี้


    พวกเราได้ฟังขณะนั้น แทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ปลื้มใจที่พระผู้ใหญ่ให้ความเมตตาปราณี ท่านมีความห่วงใยต่อวัดของเราจริง ๆ ถึงกับพลั้งปากออกไปเบา ๆ ว่า พวกเราจะพยายามช่วยกันรักษาไว้ด้วยชีวิตเลยครับ…!


    ก่อนจะกลับท่านก็บอกว่า ผมขอไปกราบพ่อก่อน แล้วท่านได้เข้าไปกราบยังหน้าโต๊ะหมู่บูชานั้น ในระหว่างที่ท่านเดินลงจากวิหาร บรรดาลูกหลานหลวงพ่อทั้งหลาย ต่างก็ถวายปัจจัยใส่ย่าม ตามธรรมเนียมที่เคยประพฤติมา จนกระทั่งท่านเดินไปถึงรถก็ยังทำบุญกันไม่ขาดสาย แล้วท่านได้มอบปัจจัยทั้งหมดให้เจ้าอาวาส เพื่อไว้ใช้จ่ายในงานนี้ต่อไป


    หลังจากเจ้าประคุณสมเด็จฯ กลับแล้ว ญาติโยมพุทธบริษัทและลูกหลานของหลวงพ่อ ต่างก็ทยอยขึ้นไปทำบุญและถวายเครื่องประดับ เช่น สร้อย แหวน ของมีค่าต่าง ๆ มากมาย โดยบรรจุไว้ในแท่นที่ประทับสมเด็จองค์ปฐม เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาไว้เป็นสมบัติของพระพุทธศาสนาต่อไป


    ทั้งนี้ เพราะทุกคนมุ่งหวังอานิสงส์ใหญ่ คือการไม่กลับมาเกิดอีกต่อไป ตามสิทธิ์ที่จะได้ใน “บัญชีทอง”

    และได้ทราบว่า พระศรีอาริย์ เคยมาบอกกับหลวงพ่อว่า..
    “คนของท่านเหลือไปถึงสมัยผม…ไม่ถึง 10 คนหรอก…! ส่วนที่ยังไปไม่ได้นั้น เพราะยังชอบเมาอยู่”

    ฉะนั้น พวกที่ไม่ชอบเมาคงจะสบายใจได้ จึงขอให้สมความปรารถนาทุก ๆ ท่านเทอญ…

    ขอเจริญพร!


    ก่อนที่จะจบ ขอย้ำเตือนความทรงจำของท่านทั้งหลายที่ร่วมกันสร้างพระพุทธรูปสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม พร้อมด้วยวิหารแก้วแห่งนี้ เพื่อถวายพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวาระมีพระชนมายุครบ 60 พรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2535
     
  7. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ขอบคุณสำหรับการที่คุณมหาหิน คุณณรงค์ คุณรัชนี และคณะฯ ได้เมตตาประชาสัมพันธ์งานบุญพิเศษนี้

    ผมเพิ่งทำบุญซื้อทองจังโก้ประดับองค์พระธาตุไปเมื่อวันที่ 16 ที่ผ่านมานี่เอง โดยโอนไปอีกบัญชีหนึ่ง และเพิ่งมาทราบว่ามีการสร้างสมเด็จองค์ปฐมด้วยก็จากคุณมหาหินนี่แหละ ผมก็ขอร่วมทำบุญด้วยแล้วกัน เดี๋ยวโอนเงินเมื่อไรจะมาโพสต์บอกอีกครั้งครับ

    ขอให้คุณมหาหิน คุณณรงค์ คุณรัชนี และคณะฯ เจริญในธรรม และสมปราถนาทุกประการ
     
  8. PCO

    PCO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +3,626
    ขอโมทนาในมหากุศลกับคุณณรงค์ เพ็งลาภ และคุณรัชนี จันทร์แก้ว พร้อมคณะฯ ที่ร่วมกันสร้างสมเด็จองค์ปฐมนี้และจะรีบส่งเงินมาร่วมสร้างนะครับและขอขอบคุณและโมทนากับคุณมหาหินที่นำข่าวมาบอกต่อๆกันทั้งยังนำประวัติต่างๆที่เกี่ยวกับสมเด็จองค์ปฐมที่ละเอียดมากรู้สึกว่าจะครบถ้วนไม่ตกหล่นเลยตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อบอกเล่าไว้ทุกประการมาเผยแพร่ ผมอ่านแล้วน้ำตามันไหลคิดถึงหลวงพ่อท่านในวันงานเททองหล่อสมเด็จองค์ปฐมที่วัดท่าซุงนั้นผมก็อยู่ในเหตุการด้วย และคิดว่าสักวันถ้าไม่ตายซะก่อนจะเป็นเจ้าภาพสร้างสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก4ศอกพร้อมปิดทองบ้าง นั่งพิมพ์อยู่นี้ก็สะท้อนใจเสียดายที่ไม่มีวาสนาได้สร้างเพื่อประดิษฐานไว้ที่วิหารน้ำน้อย ทั้งๆที่มีโอกาศได้ร่วมสร้างวิหารหลังใหม่และพึ่งแล้วเสร็จทำการฉลองไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2547 และเมื่อปี2548 ผมก็พึ่งมีโอกาสเป็นเจ้าภาพสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก 2 ศอกพร้อมปิดทองประดิษฐานไว้ที่ห้องพระกรรมฐานชั้นล่างของวิหารเสียดายหลายๆอย่างที่ตอนแรกในการออกแบบวิหารพวกเราไม่มีใครคิดที่จะสร้างสมเด็จองค์ปฐมท่าน เพราะคิดว่าเรามีพระพุทธรูปองค์เดิมที่ท่านพลเอก มนต์ชัย บำรุงพงษ์ ท่านเป็นเจ้าภาพสร้างไว้ในสมัยเมื่อสร้างวิหารครั้งแรกในปี2519อยู่แล้วพวกเราขณะนั้นจึงลืมที่จะสร้างท่านไป เมื่อต้นปี48 เมื่อคิดว่าจะสร้างสถานที่ก็ไม่อำนวยแล้วเพราะถ้าสร้าง 4 ศอก ก็นำเข้าประดิษฐานในวิหารไม่ได้เพราะประตูทางเข้าคับแคบจึงได้สร้าง แค่หน้าตัก2 ศอกแทนตอนนี้ก็เหลือการติดกระจกที่แท่นพระและติดกระจกที่ผนังด้านหลังขององค์พระจะพยายามทำให้คล้ายที่วัดท่าซุง พระพุทธรูปองค์นี้หลวงพี่พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณท่านเจ้าอาวาสวัดท่าซุง และหลวงพี่ชัยวัฒน์ อชิโต ทั้งสององค์ท่านได้ทำการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเป็นที่เรียบร้อยเมื่อเดือน สิงหาคม 2548 สำหรับความสำคัญและความเป็นมาของวิหารน้ำน้อยนี้ผมจะนำมาเล่าให้ฟังในวันหน้านะครับ
    ดีใจและขอโมทนากับทุกๆท่านอีกครั้งที่มีโอกาสได้สร้างสมเด็จองค์ปฐม
    ขอให้สมความปรารถนาทุก ๆ ท่านเทอญ
     
  9. Pattana

    Pattana ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2005
    โพสต์:
    12,931
    ค่าพลัง:
    +209,306
    ขอโมทนาในมหากุศลอันยิ่งใหญ่ที่ คุณณรงค์ เพ็งลาภ และคุณรัชนี จันทร์แก้ว รวมทั้งคุณพี่มหาหิน และคณะทั้งหมดทุกท่าน ที่ได้ร่วมกันสร้างสมเด็จองค์ปฐม และได้นำบุญมาบอกให้พวกเราได้ร่วมกัน ผมจึงขอร่วมทำบุญด้วยในครั้งนี้ 10,000 บาทครับ จะโอนให้ในวันที่ 20 /03/49 นะครับ (จริงๆแล้วต้นเดือนหน้าคาดว่าจะต้องใช้จ่ายเงินค่อนข้างเยอะ แต่เมื่อเห็นอย่างนี้ "อดไม่ไหวครับ" และขออานิสงค์ในผลบุญนี้โปรดดลบันดาลให้ข้าพเจ้าได้บรรลุตามความประสงค์ในปลายเดือนนี้ด้วยเถิด)
     
  10. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องราว ต้นตอ ของสมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดา....

    ที่องค์หลวงพ่อฯ ได้มีมหาเมตตา แนะนำ นำพา ให้ลูกหลาน และผู้ที่ศรัทธาทั้งหลาย
    สามารถสร้างกุศลกรรมอันยอดเยี่ยมที่สุด....

    ลูกขอกราบใต้บาทเท้าองค์หลวงพ่อฯ ผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ ล้นเหลือ....

    กราบ....
    กราบ....
    กราบ....
     
  11. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ที่นี้....
    มาดูความคืบหน้า ในการดำเนินการจัดสร้างสมเด็จองค์ปฐม
    ณ เจดีย์ปู่แก้วมาเมือง(สองพญาบูชาพระไตรรัตน์) กันบ้าง นะครับ....

    เริ่มต้นจาก.... การสร้างฐานราก....ขนแบบหล่อ.... แบบแท่นประทับ

    ต่อเนื่องกันไปเลยครับ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2006
  12. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    จากโรงหล่อพระ "พระปฐม" ช่างประเสริฐ์-ช่างเนียร ใกล้วัดท่าซุง อุทัยธานี....

    รถยก ขึ้นรถบรรทุก 6 ล้อ....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ขออนุญาติ ใช้กรอบนี้ ประชาสัมพันธ์ ให้แก่โรงหล่อพระ "พระปฐม"

    สำหรับท่านผู้ศรัทธาจะสร้างสมเด็จองค์ปฐม ขนาดหน้าตัก 4 ศอก(ตามภาพที่โพส)
    จะเป็นแบบปูนสำเร็จรูป(กลวง) เสริมเหล็ก ประกอบด้วย 4 ส่วนที่สำคัญ คือ....
    1.หน้าตัก 4 ศอก
    2.เอว
    3. อก และไหล่(แขน)
    4. เศียร
    พร้อมซุ้มเรือนแก้ว แขนทั้งสอง พระมาศก เกศ และผ้าทิพย์(ปูน) ครบชุด

    สามารถนำไปประกอบเสริมเหล็กเส้น เทปูนใส่
    ประกอบเป็นองค์ได้ง่าย ไม่ต้องรอการปั้น

    ราคา เพื่อเผยแผ่พระบารมี เพียง 12,500.- บาท

    ติดต่อได้ที่โรงงานโดยตรง นะครับ

    ป้า/แม่ เนียร โทร.01-0417824
     
  14. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ทีนี้ ก็เป็นงานฐานราก ครับ....

    ต้องมั่นคง แข็งแรง เพราะว่าน้ำหนักแท่นประทับ และองค์พระ
    รวมกันแล้วจะหนักมาก....

    พอดีที่นี่ มีศิลาแลงมาก ก็สะดวกหน่อย....
    ฐานเทคานถึง 3 คาน เพื่อรองรับน้ำหนักอย่างมั่นคง....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    พอเทพื้นเสร็จ ก็กลับมากรุงเทพฯ ไปวัดศาลพันท้ายนรสิงห์ฯ
    กราบแสดงมุทิตาจิต เนื่องในวันเกิด หลวงตาชลอฯ

    แล้วก็ขอยืมแบบสำหรับเทแท่นประทับ ไปที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม
    เพื่อสร้างแท่นประทับ สมเด็จองค์ปฐม.....

    วันที่ 7 มี.ค. ไปถึงเจดีย์ปู่แก้วมาเมือง....
    ปรากฎว่า เริ่มมีเสาวิหาร มาประกอบกับฐาน เพื่อสร้างแท่นประทับ แล้ว....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    งานการสร้างแท่นประทับ ดำเนินการทันที....
    ช่องที่ก่อเป็นกรอบสี่เหลี่ยม.. สำหรับบรรจุพระเครื่อง 5,000 องค์

    ที่ว่างด้านใน ใช้หินขนาดย่อม ๆ ประกอบเป็นโครงสร้าง ด้วย....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2006
  17. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    รูปแบบวิหารแก้ว ศิลปทางเหนือ....

    ที่พระคุณเจ้า ตุดีฯ สเก็ตภาพให้ดู....
    เป็นมณฑปแก้ว ต่างระดับ....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    วันที่ 9 มีนาคม 2549

    มีงานวางศิลาฤกษ์ 2 งาน(แผ่นศิลาฤกษ์ หลวงปู่วงศ์ฯ ท่านสร้างไว้) คือ....
    1. วิหารครอบรอยพระพุทธบาท 4 รอย จำลอง หลวงปู่วงศ์ฯได้สร้างไว้ในปี 2538
    2. ศิลาฤกษ์ ฐานประทับของสมเด็จองค์ปฐม พร้อมบรรจุพระเครื่อง ทั้งสองที่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    หลังจากพิธีวางศิลาฤกษ์แล้ว....

    หลวงพี่ตุดีฯ พร้อมคณะสงฆ์ สามเณร และญาติโยมผู้ศรัทธา เดินทางขึ้นดอย อู่แจ้ะ...
    เพื่อสร้างเจดีย์ ซึ่งเป็นการสร้างครอบเจดีย์ของดั้งเดิม....

    หลวงพี่ฯ บอกว่า หลวงปู่เคยกล่าวไว้ว่า....
    ดอยสุเทพ เป็นดอยพ่อ....
    ดอยที่อู่แจ้ะ นี้ นับได้ว่าเป็นดอยแม่ เลยทีเดียว....

    ความสูงก็ไม่แตกต่างกันเลย ขณะนี้ต้องเดินขึ้นอย่างเดียว(รถยังขึ้นไม่ถึง)
    ผม ได้เคยเดินทางไปแล้ว ในเที่ยวก่อนหน้านี้ (เที่ยวนี้ อยู่สร้างพระฯ ก่อน)

    ผมก็เลยเดินหน้าสร้างแท่นประทับ ต่อไป....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ช่วงนี้ เป็นการยกตักของพระพุทธรูปซึ่งหนักมาก....
    คน 10 คน ก็อาจจะช่วยกันยกได้ แต่ยกขึ้นที่สูง นี่อันตราย....

    จึงไปติดต่อหารถยก ก็ถือโอกาสให้ปูนเซ็ทตัว ให้แห้ง ให้ดีเสียก่อน
    ก็โชคดี วันรุ่งขึ้นก็ได้รถยกมา....

    ช่วงที่รถกำลังยก ลุ้นมาก เพราะต้องวางให้ตรงตำแหน่ง ไม่เช่นนั้น จะขยับได้ยาก
    เรียกว่า ลืมถ่ายรูปในห้วงเวลาที่กำลังยกอยู่ ไปเลย....

    มีภาพอีกที ก็ยกขึ้นเรียบร้อยแล้ว....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...