:-:อรุณรุ่ง ที่

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 14 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,491
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>14 กุมภาพันธ์ 2549 18:32 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ลูกหว้า


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เจดีย์จอมหมอกที่บริเวณพระราชวังเวียงผาคราง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ฉันสวัสดีเช้าวันใหม่ที่เมืองเชียงรุ้งด้วยน้ำเต้าหู้ร้อนๆกับหมั่นโถอุ่นๆจากตลาดเช้า อากาศรอบตัวเย็นจนควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากปากยามเอ่ยวลี ก่อนสองเท้าจะพาเราย่ำต๊อกๆเดินดูวิถีชีวิตและอาหารสด-แห้งที่วางขาย ที่นี่ผักดูสวยสดน่ากินเป็นยิ่งนัก จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าอาหารหลายมื้อที่ผ่านมาจะมีผัดผักที่แสนหวาน กรอบ อร่อย วางรวมกับอาหารหลายอย่างบนโต๊ะ ถึงแม้ว่าจะผัดผักจะเป็นอาหารที่แสนธรรมดา แต่น่าแปลกที่มักจะหมดเร็วกว่าทุกจาน

    หลังจากเติมพลังงานเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาไปประลองความเสียวกันที่เคเบิ้ลคาร์ข้ามน้ำโขงด้วยความสูงที่แม้มองลงไปขายังสั่น ทำให้ฉันผู้ซึ่งไม่เคยนั่งเคเบิ้ลคาร์มาก่อนรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก ใจหนึ่งก็สนุกแต่อีกใจก็หวั่นๆอยู่เหมือนกันว่าจะผ่านไปด้วยดีไหม อากาศเย็นๆพัดมาปะทะใบหน้า สายตาก็คอยมองลวดสลิงสลับกับทิวทัศน์เบื้องล่างแล้วใจมันออกอาการหวิวๆเหมือนจะเป็นลม แต่คนดีพระย่อมคุ้มครองฉันจึงไปถึงพระราชวังเวียงผาครางหรือปัจจุบันคือพิพิธภัณฑ์เจ้าชีวิต 12 ปันนาได้อย่างปลอดภัยหายกังวล


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=220 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=220>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เด็กน้อยนางหนึ่งกำลังรองน้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธ์เพื่อนำไปประพรมกระหม่อม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ฉันเดิมชมห้องจัดแสดงวิถีชีวิตและเครื่องใช้ไม้สอยรวมถึงเหรียญเงินตราต่างๆ ซึ่งถูกจัดแสดงแบ่งเป็นห้องๆทั้ง 8 ห้องด้วยความเพลิดเพลิน สังเกตว่าประเพณีบางอย่างก็คล้ายกับทางเหนือของไทยเรา อย่างเช่น สงกรานต์ การปล่อยโคม ฯลฯ เดินไปอีกหน่อยจะเจอกับห้องที่แสดงภาพชีวิตชาวไทลื้อในสมัยโบราณที่ชาวบ้านธรรมดาสามัญจะสร้างบ้านด้วยไม้ไผ่กับหญ้าคา นอกจากนี้ยังมีภาพถ่ายผู้ชายไทลื้อในสมัยโบราณที่นิยมสักทั่วทั้งตัว ว่ากันว่าหากไม่สัก ผู้หญิงจะไม่ชายตามองเลยทีเดียว ฉันว่าเวลาเข้าชมพิพิธภัณฑ์หากเราจินตนาการย้อนอดีตไปถึงยุคนั้นๆด้วย ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มอรรถรสในการชมพิพิธภัณฑ์ไม่ให้น่าเบื่อ

    หลังจากได้ทราบประวัติความเป็นมาของชาวไทลื้อพอหอมปากหอมคอแล้ว ฉันก็ออกเดิน เดิน และเดินไปเรื่อยๆ เห็นต้นไผ่น้อยใหญ่ที่ปลูกเรียงรายแล้วให้ความรู้สึกว่าเป็นเมืองจีนจริงๆ เดินมาได้ซักพักพอให้เหงื่อออกสักหน่อยก็จะเจอกับเจดีย์จอมทองตั้งตระหง่านท่ามกลางหมอกจางๆยามเช้า แต่ฉันก็ยังคงออกเดินต่อไปด้วยใจที่มุ่งมั่นจะไปบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งในอดีตเวลาในพระราชวังมีพระราชพิธีอะไรก็จะนำน้ำจากที่นี่ไปประกอบพิธี


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=320 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=320>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เจดีย์จอมทองงดงามในสายหมอกยามเช้า</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ฉันได้ยินเขาเล่ากันมาปากต่อปากถึงตำนานของบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ว่า ย้อนไปในสมัย 2,500 ปีก่อนโน้น มีชาวบ้านมาร้องฎีกาพระพุทธเจ้าว่าไม่มีน้ำกิน พระองค์เลยทรงเอาเหล็กแทงลงไปในดินตรงจุดที่เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ในปัจจุบัน ฉับพลันน้ำก็พวยพุ่งขึ้นมาและไม่มีวันเหือดแห้งอีกเลยนับแต่นั้น ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อนและแล้งปานใด

    “โอ้...น้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ช่างเย็นชื่นใจจริงๆ”ฉันคิดในใจ ความเหนื่อยที่เดินมาตลอดช่วงเช้าหายเป็นปลิดทิ้ง ฉันเห็นน้ำท่องเที่ยวหลายต่อหลายคนพากันเทน้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ใส่ขวดน้ำที่พกติดตัวมา ฉันก็เลยทำตามบ้างและสังเกตว่าน้ำที่นี่ใสสะอาด ไม่มีตะกอน แถมยังมีแต่จิตศรัทธราของผู้คนที่เชื่อในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ของบ่อน้ำแห่งนี้เข้าไปอีก ทำให้ขวดน้ำที่อยู่ในมือของฉันตอนนี้ดูจะทวีความพิเศษขึ้นอีกโข

    นั่งพักได้ซักครู่ก็ถึงเวลาที่จะต้องออกเดินต่อไปยังเจดีย์จอมหมอกที่เชื่อกันว่าเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระเศียรของพระพุทธเจ้า(กระดูกส่วนศีรษะ) หลังจากที่สักการะเจดีย์จอมหมอกแล้ว ฉันรู้มาว่าอันที่จริงยังมีเจดีย์จอมสิงห์และจอมสักแต่ถูกทำลายไปแล้วทำให้เศร้าใจยิ่งนัก แต่ไม่เป็นไรเพราะยังมีสะพานเชือกให้ประลองความเสียวกันอีกแล้ว ฮ่า ฮ่า


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=220 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=220>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หวาดเสียวเล็กๆกับสะพานเชือก</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ระหว่างทางที่จะไปสะพานเชือกนั้น ฉันก็คิดได้ว่าตั้งแต่เท้าเริ่มเหยียบแผ่นดินเมืองสิบสองปันนานี้ มีแต่เรื่องให้หวาดเสียวกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ว่าจะเป็นการนั่งเคเบิ้ลคาร์หรือกระเช้าลอยฟ้าครั้งแรกในชีวิต หรือจะเป็นการลุ้นระทึกกับสภาพห้องน้ำอันลือลั่นที่เมืองจีน ว่าหากย่างกรายเข้าไปแล้วจะเจอแจ็คพอตหรือไม่และถ้าหากเจอจะเป็นจำนวน(ก้อน)เท่าไร ยังไม่นับสะพานเชือกที่รอให้ลุ้นอยู่ข้างหน้าอีก แต่ไม่เป็นไรเพราะงานนี้สู้ตายอยู่แล้ว

    จากความคิดว่าจะหวาดเสียว กลับกลายเป็นความสนุกและลุ้นให้แต่ละคนที่เดินตามๆกันมานั้น ทรงตัวได้ไม่เอนเอียงไปตามน้ำหนักที่ซ้ายที ขวาที หลังจากตั้งสติและจับทิศทางได้ฉันก็สามารถเดินทรงตัวให้อยู่ตรงกลางๆสะพานเชือกได้ แล้วหลังจากนั้นก็รีบเดินลิ่วไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วทำให้ไปยืนอยู่ตรงปลายสะพานได้อย่างไม่ยากเย็น

    หลังจากที่ข้ามฟากมาได้แล้ว ฉันก็ได้ยินเสียงเจี๊ยก ๆ ดังระงมไปหมด ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะอาณาบริเวณแห่งนี้เป็นสวนลิงที่รวบรวมลิงหลายสายพันธุ์จากทั่วโลกมาจัดแสดงไว้ตามมุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลิงตัวจ้อยที่หน้าตาประหลาดจากแอฟริกาหรือจะเป็นชะนีน้อยห้อยโหนไปมาภายในกรงส่งเสียงร้อง ปั๋ว..ปั๋วไม่หยุดปาก แต่ที่ถือว่าเป็นพระเอกของสวนลิงเห็นจะเป็นเจ้าลิงเผือกที่ทั่วทั้งแผ่นดินจีน มีอยู่เพียงตัวเดียวในประเทศ เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องดูแลเป็นพิเศษ โดยให้มันอยู่ในกรงตัวเดียวเนื่องจากคู่ตะนาหงันของเจ้าลิงเผือกเพิ่งจะลาโลกไป ฉันเห็นมันนั่งเศร้าซึม โธ่..คงจะเหงา


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=220 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=220>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พ่อค้าชาวไทลือรอลูกค้ามาจับจ่ายซื้อของที่ตลาดเช้า</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ออกจากสวนลิงก็ต้องขึ้นเคเบิ้ลคาร์กลับเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ไม่กลัวเหมือนครั้งแรก ฉันจึงได้มีเวลาสัมผัสกับบรรยากาศมุมสูงอย่างเต็มตา ฉันรีบเก็บความประทับใจไว้ในความทรงจำ เพราะไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่ถึงจะมีโอกาสออกมาท่องโลกกว้างอย่างนี้อีก อย่างน้อยเมื่อเวลาเหนื่อยหรือท้อใจกับการแข่งขันในเมืองใหญ่ จะได้ไม่ลืมว่าเคยมีช่วงเวลาดีๆอย่างนี้อยู่เหมือนกัน

    สำหรับช่วงเย็นของวันเดียวกันนั้น หลังจากที่อิ่มอร่อยกับอาหารจีนที่หน้าตาคล้ายอาหารไทยบ้านเราแล้ว ฉันเลือกที่จะออกไปเดินเล่นในยามค่ำคืน ดูแสงสีของเมืองเชียงรุ้งก่อนที่จะอำลาในเช้าวันพรุ่งนี้ ตึกรามบ้านช่องที่ตั้งอยู่ในเมืองนั้นดูทันสมัย สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย นอกจากตึกจะสวยแล้วของที่เมืองจีนยังถูกอีกต่างหาก ยิ่งพวกพุทราอบแห้ง ,สาหร่ายอบแห้งหรือเสื้อผ้าสีสันสวยงามยิ่งดูน่าซื้อไปซะหมด แต่ช้าก่อน..สหายเอ๋ย หากซื้อทั้งหมดมีหวังกับเมืองไทยไปต้องกินแกลบแน่ๆ คิดได้ดังนั้นจึงเพลาๆมือในการหยิบของลงตะกร้า พร้อมกับคิดไปด้วยว่านิสัยการชอปนี่ไม่สามารถรักษาให้หายได้เลยจริงๆ แต่ทำอย่างไรได้ ก็ฉันเป็นสาวนักชอปนี่นา

    * * * * * * * * * *

    เมืองเชียงรุ้งเป็นเมืองหลวงของแคว้น 12 ปันนา มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ภาษาทางการคือภาษาจีนกลาง สกุลเงิน 1 หยวนประมาณ 5.5 บาท(ควรตรวจสอบค่าเงินอีกครั้งก่อนการเดินทาง) เวลาจะเร็วกว่าที่เมืองไทย 1 ชั่วโมง <O:p></O:p>

    <O:p></O:p>
    การเดินทางมีสายการบินที่ให้บริการจากกรุงเทพฯสู่เมืองเชียงรุ้ง ได้แก่ บางกอกแอร์เวย์ บินทุกวันอังคาร,พฤหัส,เสาร์ หรือหากเดินทางโดยเรือท่องเที่ยว ขึ้นที่ท่าเรือเชียงแสน จ.เชียงรายสู่เมืองเชียงรุ้ง ใช้เวลา 12 ชั่วโมง(ทวนน้ำ)แต่ให้บริการเฉพาะเช่าเหมาลำ ทั้งนี้ควรติดต่อบริษัททัวร์ที่ให้บริการ<O:p></O:p>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2006
  2. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,491
    ข่าวย้อนหลัง....(ที่เกี่ยวเนื่อง)

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อรุณรุ่งที่"เชียงรุ้ง" (1)</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>6 กุมภาพันธ์ 2549 18:14 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย : ลูกหว้า


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บ้านเรือนของชาวไทลื้อดูคล้ายกับบ้านเรือนทางภาคเหนือของไทย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ตั้งแต่เด็กจนโต เคยมีคนถามฉันหลายครั้งหลายคราว่ามีเชื้อจีนบ้างหรือเปล่า ฉันก็ต้องตอบไปตามตรงว่า "มี"แต่เป็นส่วนน้อย เพราะฉะนั้นช่วงชีวิตหนึ่งที่หนุ่มสาวหน้าตาตี๋ๆหมวยๆกำลังฮิต ฉันจึง(คิด)เข้าข้างตัวเองว่าเราก็หน้าตาอินเทรนด์เหมือนกันนะเนี่ย ฮ่า..ฮ่า

    ด้วยความที่บ้านเป็นคนไทย แต่มีเชื้อสายจีนอยู่เพียงน้อยนิด ฉันก็เลยไม่เคยได้ไหว้เจ้าหรือฉลองตรุษจีนอะไรกับใครเขา ยิ่งวัฒนธรรมจีนฉันยิ่งรู้แบบงูๆปลาๆ อาศัยว่ามีรุ่นน้องที่เป็นอาหมวยตัวจริงคอยอธิบายถึงวัฒนธรรมและความคิดของคนจีนให้ฉันได้เข้าใจ

    แต่นั่นก็เป็นเพียงคำบอกเล่าจากปากต่อปาก เพราะฉะนั้นฉันจึงดีใจมากที่บัตรเครดิตท่องเที่ยวธนาคารกรุงเทพ ชักชวนให้ร่วมเดินทางไปเยือนเมืองเชียงรุ้ง แคว้นสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ในประเทศจีน ฉันจึงตกปากรับคำแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดให้มากมาย


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เจดีย์สีทองเหลืองอร่ามที่วัดสวนมอน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>แรกที่เหยียบแผ่นดินจีน ฉันรู้สึกว่าสรรพสิ่งรอบตัวดูเปลี่ยนไป ทั้งภาษาพูด ตึกรามบ้านช่อง หรือแม้กระทั่งอากาศที่สูดเข้าปอดก็ดูไม่คุ้นเคย แต่กระนั้นก็ทำให้ฉันตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อตระหนักว่ากำลังยืนอยู่บนผืนแผ่นดินจีนอันยิ่งใหญ่ ฉันเคยดูภาพยนตร์จีนมาก็มาก อาหารจีนก็กินบ่อย แต่ก็ยังไม่ถือเป็นประสบการณ์ตรงเหมือนกับครั้งนี้ที่ฉันจะได้ใช้สัมผัสทั้ง 5 เรียนรู้วัฒนธรรมและชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเชียงรุ้ง หนึ่งในเมืองที่มีประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตที่น่าสนใจอีกเมืองหนึ่งของประเทศจีน

    "เชียงรุ้ง" หรือที่เดิมเรียกว่า"เชียงรุ่ง" (Jinhong)เป็นเมืองหลวงของแคว้นสิบสองปันนา ซึ่งเป็นอาณาจักรโบราณของชาวไทลื้อ(ไตลื้อ)ที่มีวิถีชีวิตและประเพณีบางอย่างคล้ายกับชาวบ้านในแถบภาคเหนือของประเทศไทย อีกทั้งภาษาบางคำก็ยังคล้ายกับคำเมืองในภาคเหนือด้วยเช่นกัน


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สาวชาวไทลื้อต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยรอยยิ้ม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าฉันจะรู้สึกอบอุ่นใจเพียงใดเมื่อได้มาเยือน "หมู่บ้านกาหลั่นป้า" ที่เป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมเก่าแก่ของพี่น้องไทลื้อ ซึ่งที่นี่จะอนุรักษ์บ้านเรือนและคงวิถีชีวิตไว้ให้นักท่องเที่ยวอย่างเราๆท่านๆได้ยลกัน ถึงแม้ว่าทุกอย่างจะดูเป็นการค้ามากไปหน่อยตามยุคสมัย อย่างเช่นการเร่ขายพวงมาลัยดอกไม้ให้นักท่องเที่ยวในราคาพวงละ 1 หยวน ที่แม่ค้าใส่ชุดพื้นเมืองต่างเข้ามารุมล้อมฉันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นไข่แดงก็มิปาน จริงอยู่ราคาพวงมาลัยดอกไม้ไม่ได้สูงมากมาย แต่ด้วยวิธีการขายอย่างนี้ก็ทำให้นักท่องเที่ยวขวัญหนีดีฝ่อได้เหมือนกัน

    ฉันเดินดูของที่ระลึกวางขายอยู่ทั่วไปตามหน้าบ้านแต่ละหลัง มีผู้หญิงชาวไทลื้อผมยาวคอยสื่อสารกับเราด้วยภาษาที่บางคำคล้ายกับคำเมือง แต่บางคำก็เป็นภาษาจีนที่คนไทยอย่างฉันไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการซื้อของแต่อย่างใด เพราะเราสื่อสารกันด้วยภาษาที่คลาสสิกที่สุดนั่นคือภาษามือ แต่ก็สนุกดีเหมือนกันเพราะอย่างน้อยก็มีเครื่องคิดเลขคอยช่วยเวลาต่อราคาสินค้า

    หลังจากที่เดินไปได้ซักพักก็มาถึงวัดสวนมอน จุดมุ่งหมายคือมาสักการะพระพุทธรูปในวัดไทลื้อแห่งนี้ แต่พอเดินเข้าประตูไม้ได้ไม่ทันไร ก็ต้องตะลึงกับเจดีย์สีทองเหลืองอร่ามสะท้อนแสงแดดยามบ่ายเป็นยิ่งนัก ฉันอดใจไม่ไหวหลังจากยกมือไหว้แล้วจึงต้องวานคนข้างๆให้ช่วยแชะ..แชะรูปเป็นที่ระลึกสักภาพสองภาพ หลังจากนั้นจึงเดินเข้าไปสักการะพระพุทธรูปตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เจดีย์ขาว(จำลอง)เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองเชียงรุ้ง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ฉันสังเกตว่าอาชีพยอดฮิตของที่นี่ นอกจากจะขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวแล้ว ยังนิยมตามถ่ายรูปนักท่องเที่ยวแล้วนำมาปริ๊นท์เป็นภาพสีขายในราคาแผ่นละ 5 หยวน ซึ่งก็ถือว่าเป็นอาชีพที่ไม่ต้องลงแรงอะไรมากมาย แถมได้ราคาดีเสียด้วย

    เสร็จจากหมู่บ้านกาหลั่นป้า ฉันออกเดินทางต่อไปยังสวนม่านทิง เพื่อไปเยี่ยมชมอนุสาวรีย์โจว เอินไหล ที่ในอดีตเคยเป็นนายกรัฐมนตรีของจีน ซึ่งชาวสิบสองปันนาถือว่าท่านเป็นวีรบุรุษที่พัฒนาเมืองนี้ให้น่าอยู่และรุ่งเรือง ส่งผลให้ประชาชนอยู่ดีกินดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม

    สำหรับอนุสาวรีย์โจว เอินไหล ที่นี่สร้างเป็นอิริยาบทที่ท่านสวมชุดพื้นเมืองกำลังเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ อย่างที่บอกว่าประเพณีบางอย่างของชาวไทลื้อจะคล้ายกับคนไทยเรา ที่นี่นอกจากจะมีประเพณีสงกรานต์แล้ว ยังมีการปล่อยโคมลอยโดยหางของโคมจะร้อยด้วยเชือกที่ผูกด้วยข้าวของเครื่องใช้หรืออาหารแห้ง โดยหวังว่าจะตกไปถึงผู้ยากไร้ซึ่งถือว่าเป็นการทำทานอย่างหนึ่ง

    สองขาพาฉันเดินไปเรื่อยๆ ซึ่งอันที่จริงแล้วสวนม่านทิงแห่งนี้ก็มิใช่เล็กๆ แต่แปลกที่ฉันไม่รู้สึกเหนื่อยหรือร้อนแต่อย่างใด คงจะเป็นเพราะต้นไม้น้อยใหญ่ที่รายล้อมอยู่โดยรอบ แสงแดดที่ว่าแรงแค่ไหนเจอกิ่งก้านสาขาที่แผ่ขยายเต็มท้องฟ้าแบบนี้ก็มีอันต้องหลบไปเหมือนกัน

    นอกจากอนุสาวรีย์โจว เอินไหลแล้ว สิ่งที่ถือว่าพิเศษในสวนม่านทิงแห่งนี้เห็นจะเป็นสวนนกยูง ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของชาวไทลื้อ ในสวนแห่งนี้มีนกยูงนับร้อยตัว ฉันไม่เคยเห็นนกยูงที่ไหนเยอะเท่าที่นี่มาก่อนจึงรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถเข้าไปได้ เนื่องจากทางการจีนเข้มงวดเรื่องไข้หวัดนกมาก สวนนกยูงในช่วงที่ฉันไปจึงต้องถูกปิดเป็นการชั่วคราว งานนี้ทำเอาฉันได้แต่มองลอดลูกกรงเข้าไปในใจนึกเสียดาย แต่เพื่อความปลอดภัยของชีวิตในภายหน้าได้เห็นนกยูงแค่นี้ก็นับว่าดีแล้ว


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>อนุสาวรีย์โจว เอินไหล อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศจีนที่ชาวเชียงรุ้งรักมากที่สุดคนหนึ่ง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เดินไปอีกสักพักจะเจอกับเจดีย์ขาวจำลอง ฉันไม่ค่อยมีความรู้ด้านสถาปัตยกรรมเท่าใดนัก จึงไม่แน่ใจว่าเจดีย์ที่เห็นตรงหน้าเป็นแบบใด แต่ที่แน่ใจคือเป็นเจดีย์ที่งดงามองค์หนึ่ง ฉับพลัน...ฉันนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ไปวัดป่าเจ ซึ่งเป็นวัดที่หลวงพ่อปากน้ำเป็นผู้ร่วมสร้างถวายเลย หลังจากที่เดินหายังไม่ทันเหนื่อยก็เจอะเจอกับเจดีย์แปดเหลี่ยมจำลอง ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1701 โดยเจดีย์แห่งนี้ฉันได้ยินคนพูดกันว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างไทยใหญ่และไทยพุทธ

    หลังจากเดินวนนับเหลี่ยมของเจดีย์จนมึนศีรษะแล้ว ฉันก็เข้าไปสักการะพระพุทธรูปที่อยู่ภายในวัดป่าเจแห่งนี้ นอกจากจะขอพรให้เดินทางปลอดภัยแล้ว ฉันยังถือโอกาสนั่งพักและซึมซับบรรยากาศรอบตัวก่อนจะเตรียมตัวกลับที่พักเพื่อพักผ่อนเอาแรงไว้สำหรับเที่ยวต่อในวันรุ่งขึ้น ซึ่งฉันจะมาเล่าให้ฟังถึงบรรยากาศการนั่งเคเบิ้ลคาร์ครั้งแรกในชีวิต ที่จะน่าตื่นเต้นแค่ไหนคงต้องตามอ่านกันต่อตอนหน้า...(อ่านต่อตอนหน้า)

    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
    เมืองเชียงรุ้งเป็นเมืองหลวงของแคว้นสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ภาษาทางการที่ใช้คือภาษาจีนกลาง ใช้สกุลเงินหยวน โดย 1 หยวนประมาณ 5 บาท ส่วนเวลาจะเร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง

    การเดินทางไปเชียงรุ้งมีสายการบินที่ให้บริการจากกรุงเทพฯสู่เมืองเชียงรุ้ง ได้แก่ บางกอกแอร์เวย์ส บินทุกวันอังคาร,พฤหัสฯ,เสาร์ หรือหากเดินทางโดยเรือท่องเที่ยว ขึ้นที่ท่าเรือเชียงแสน จ.เชียงรายสู่เมืองเชียงรุ้ง ใช้เวลา 12 ชั่วโมง(ทวนน้ำ)แต่เป็นการให้บริการเฉพาะเช่าเหมาลำ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...