ห้องพระเครื่อง "ศิลป์พระ๙" พระเครื่องทั่วไทย

รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับพี่

 

386.เหรียญหลวงพ่อพวง วัดพระนอนสาริการาม ปี 2501 จ.เพชรบุรี ((( จองแล้ว )))
รุ่น 2 สภาพสวยมาก

หลวงพ่อพวง วัดพระนอน พระเกจิผู้ทรงเวทย์ ของเมืองเพชร เนิ่นนานมาแล้ว ตำนานยอดพระเกจิในยุค 2500 ของเมืองเพชรนั้นไม่เคยมีชื่อ หลวงพ่อพวง แห่งวัดพระนอนหลุดไปจากโผ ท่านเป็นผู้สืบทอดวิชา ของสายหลวงพ่อกุน วัดพระนอน แก่กล้าในวิชาญาณสมบัติชั้นสูงลึกซึ้ง ลูกศิษย์ต่างให้ขนานนามว่า "ผู้เชี่ยวชาญญาณไสยเวทย์" ท่านมักจะไปวิปัสนาในถ้ำช้างเผือก เขาลูกเดียวกับเขาบันไดอิฐ วัตถุมงคลของท่าน มีประสบการณ์มากมายทั้งคงกระพันชาตรี แคล้วคราด มหาอุตต์ เหรียญรุ่นแรกของท่านสวยๆหลายๆหมื่น รุ่นสอง อายุใกล้เคียงกับรุ่นแรก สร้างน้อยมากเหมือนกัน ราคายังพอจับต้องได้ครับ

สำหรับเหรียญรุ่น 3 นั้น พระอาจารย์ที่ผมเคารพ เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อพวง เคยนำเหรียญท่านมาแจก และมีประสบการณ์มากมาย ครั้งหนึ่งพระอาจารย์ท่านทำพระกริ่ง นำเหรียญหลวงพ่อพวง รุ่น 3 หลอมเป็นชนวนลงไปด้วย แต่กลับไม่หลอมละลาย ต้องขออาราธนาขออนุญาต เหรียญจึงหลอมละลายได้

​

 

387.เหรียญพระอาจารย์ตั๊กฮี้ วัดเทพพุทธาราม ปี 2480 จ.ชลบุรี ((( บูชา 8,500 บาท ))) ปิดรายการ
ประวัติศาสตร์เหรียญพระคณาจารย์จีนของประเทศไทย
องค์นี้กะไหร่ทองสวยแชมป์

เหรียญพระอาจารย์ตั๊กฮี้ เป็นเหรียญประสบการณ์ ที่นักนิยมสะสมพระเครื่องในจังหวัดชลบุรี ต่างศรัทธานับถือ ไม่เฉพาะคนไทยเชื้อสายจีน แม้แต่ นักนิยมพระเครื่องก็นิยมบูชา จนมีราคาค่างวดที่ไม่ธรรมดา อีกทั้ง เป็นเหรียญยุคเก่าหายาก จึงเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในแถบชลบุรีและจังหวัดข้างเคียง ในยุคสมัยปัจจุบัน พระเครื่องสายจีน โดยเฉพาะสายพระอาจารย์โพธิ์แจ้ง ได้รับความนิยมแพร่หลายอย่างมากมายทำให้นักสะสมพระเครื่องสายท่านอาจารย์โพธิ์แจ้ง หันมาสนใจเหรียญรุ่นนี้ไปด้วย ถือได้ว่าท่านอาจารย์ตั๊กฮี้ เป็นพระอาจารย์ปู่ ของท่านเลยก็ว่าได้ เหรียญรุ่นแรกนี้ไม่ทันท่านแต่สันนิษฐานว่าพระอาจารย์เชี่ยงหงีและบรรดาลูกศิษย์ท่านสร้างขึ้นเพื่อบูชาคุณ เท่าที่ทราบถือเป็นเหรียญคณาจารย์จีนนิกายที่เก่าที่สุดเท่าที่เห็นมา เท่าที่พบเจอสร้างเฉพาะเหรียยเนื้อทองแดงปรากฎ ผิวไฟ กะไหร่ทอง

​

พระอาจารย์เจ้าตั๊กฮี้ ท่านได้บรรพชา ณ สำนักวัดมังกรกมลาวาส โดยมีพระอาจารย์จีนวังสมาธิวัตร (กวยหงอ)เจ้าคณะใหญ่จีนนิกายแห่งประเทศไทย รูปที่สอง เป็นพระอุปัชฌาย์ และศึกษาธรรม ณ วัดมังกรกมาลาวาส ครั้นญาติพี่น้องในเมืองไทยของท่านทราบว่าได้ออกบวชที่ประเทศไทย จึงได้ส่งข่าวให้ภรรยาของท่านที่เมืองจีนทราบ ภรรยาของท่านจึงได้เดินทางมาเมืองไทยเพื่ออ้อนวอนร้องขอนิมนต์ท่านกลับมาตุภูมิ ท่านทนการอ้อนวอนไม่ได้จึงจำต้องกลับสู่มาตุภูมิ แต่ท่านก็ไม่หวั่นไหวด้วยโลกธรรมใดๆ แต่กลับเพิ่มทวีการบำเพ็ญสมณธรรมอย่างเคร่งครัด โดยบำเพ็ญภาวนาในคอกโค สมาทานธุดงควัตรต่างๆ เพื่อให้สำเร็จเป็นตบะธรรมเผากิเลส ฝ่ายภรรยาของท่านนั้นมักมากวนท่านอยู่เนืองๆ เช่น จัดอาหารถวายท่านแต่ได้แทรกชิ้นเนื้อสัตว์ในอาหารชนิดนั้นด้วย โดยหวังจะให้ท่านเลิกมังสวิรัติ แต่ท่านก็เลือกฉันเฉพาะที่พวกเป็นพืชผัก บางคราวก็ถึงกับยอมอดฉันแต่กากใบชาแทน ด้วยอานุภาพแห่งสมาธิภาวนาและสัจจะที่แรงกล้าของท่าน ทำให้ท่านมีวรรณะผุดผ่องใครที่เข้าใกล้ก็ได้รสธรรมจากท่านด้วย จนภรรยาของท่านได้สติจึงได้กราบขมาโทษจากท่านและขอบำเพ็ญพรตถือศีลกินเจตามท่านด้วย ครั้นเมื่อท่านได้เดินทางกลับสู่ประเทศไทย เพื่อบำเพ็ญสมณธรรม พระอาจารย์กวยหงอ เห็นความเคร่งครัดของท่าน จึงได้มอบหมายให้ท่านเป็นผู้แสดงธรรมแก่สาธุชนทั้งชาวไทย-ชาวจีน ประจำ ณ สำนักเต๊กฮวยตึ๊ง จังหวัดเพชรบุรี

ต่อมาพระอาจารย์ตั๊กฮี้ ได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดจีนประชาสโมสร (เล่งฮกยี่) และนับเป็นอดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 3 ณ ที่วัดแห่งนี้ท่านอาจารย์ได้รับศิษยานุศิษย์เพื่อบรรพชาจำนวนกว่า 30 รูป และมีศิษย์ที่สำคัญรูปหนึ่งฉายา “เซี่ยงหงี” ต่อมาท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร เป็นอดีตเจ้าคณะใหญ่จีนนิกายรูปที่ 5 พระอาจารย์ตั๊กฮี้ได้ครองวัดอยู่ระยะหนึ่ง จึงออกจาริกแสดงธรรมโปรดชาวพุทธตามจังหวัดต่างๆ เรื่อยมาจนถึงจึงหวัดชลบุรี

ต่อมาท่านได้จาริกแสดงธรรมมาถึงจังหวัดชลบุรี และได้แสดงธรรมะ พุทธศาสนิกชนต่างพากันเลื่อมใสปฏิปทาวัตรปฏิบัติของท่าน ในครั้งนั้นมีทายกทายิกาผู้ใจบุญหลายคนได้ถวายที่ดิน เช่น นางถั่ง, นายเผือด, นางถมยา เพื่อให้ท่านได้สร้างวัดเพื่อจำพรรษา และตั้งชื่อเป็นภาษาจีนว่าวัด “เซียนฮุดยี่” ต่อมาจึงตั้งชื่อเป็นภาษาไทยว่า “วัดเทพพุทธาราม” โดยมีเหตุผลของการตั้งชื่อวัดนี้ เพื่อเป็นอนุสรณ์ว่าเดิมก่อนที่ท่านจะบวชได้ถือลัทธิเต๋า ซึ่งมีอุดมคติสำเร็จเป็นเซียนหรือเทพเจ้า และต่อมาท่านได้บรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา ซึ่งมีอุดมคติสำเร็จพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ท่านจึงนำชื่อมาผสมกันว่าวัด “เซียนฮุดยี่ หรือ วัดเทพพุทธาราม” ส่วนทางวัดจีนประชาสโมสร จังหวัดฉะเชิงเทรานั้น ท่านได้มอบหมายให้พระอาจารย์เซี่ยงหงี ซึ่งเป็นศิษย์ให้ดูแลต่อมาจึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสภายหลัง ช่วงบั้นปลายชีวิตของท่านพระอาจารย์ตั๊กฮี้ ท่านได้เกิดเจ็บป่วยเนื่องจากความชราภาพ พระอาจารย์เซียงหงี เจ้าอาวาสวัดจีนประชาสโมสร เห็นว่าท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพพุทธาราม ไม่มีลูกศิษย์ดูแลท่านอย่างใกล้ชิด จึงได้เดินทางมานิมนต์ท่านกลับวัดจีนประชาสโมสรเพื่อจะทำการรักษาอาการเจ็บป่วย และจะได้ดูแลท่านอย่างใกล้ชิด ต่อมาไม่นานท่านได้ถึงแก่กาลดับขันธ์ ขณะ ที่ท่านใกล้จะดับขันธ์ท่านกำหนดรู้เวลาดับขันธ์ของท่านเอง จึงได้ลุกขึ้นนั่งเข้าสมาบัติมีสติสัมปัชชัญญะตั้งอยู่ในอารมณ์พระกัมมัฏฐาน แล้วกระทำกาลกิริยาลงด้วยอาการสงบ ด้วยอานุภาพของสมาธิพละที่อบรมปฏิบัติมา ยังให้สรีระสังขารของท่านมิได้เน่าเปื่อยผุพังอย่างน่าอัศจรรย์ ณ วัดจีนประชาสโมสร หลังจากนั้น มาท่านพระอาจารย์เซียงหงี เจ้าอาวาสวัดจีนประชาสโมสร ได้ทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสและดูแลวัดเทพพุทธาราม ระยะหนึ่ง ภายหลังท่านพระอาจารย์เซียงหงี ได้รับการสถาปณาเป็น พระอาจารย์จีนวังสมาธิวัตร เจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย องค์ที่5 จึงได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดมังกรกมาลาวาส ที่เยาวราช โดยมีพระภิกษุเซี่ยงกุ่ย เซี่ยงกี่ มาดูแลชั่วคราว ต่อมาท่านได้ขอลาออกจากตำแหน่ง วัดจึงได้เสื่อมโทรมลงไปชั่วขณะหนึ่ง

จนมาถึงยุคพระเดชพระคุณพระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตรฯ (โพธิ์แจ้งมหาเถระ) อดีตเจ้าคณะใหญ่สงฆ์จีนนิกายรูปที่ 6 จึงได้รับภาระหน้าที่ และได้ขอประทานกราบเรียนเสนอ สมเด็จพระสังฆนายก ในสมัยนั้นเพื่ออนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการสงฆ์ขึ้นดูแลวัด โดยมีหลวงจีนธรรมนันท์จีนประพัทธ์(อี่เม้ง) เป็นประธาน พระภิกษุเย็นเส็ก เป็นรองประธานรับหน้าที่ดูแลควบคุมกิจการต่างๆ ของวัดและมีพระภิกษุเย็นสู่ พระภิกษุเย็นเทียน พระภิกษุเซี่ยงกุ่ย เป็นกรรมการ ต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช 2505 ทางวัดได้สร้างวิหารพระบูรพาจารย์ กุฏิเจ้าอาวาส กุฏิสงฆ์ 16 ห้อง หอธรรม หอฉัน หอต้อนรับอาคันตุกะเรียบร้อยแล้ว ยังคงมีแต่พระเจดีย์อุโบสถประจำวัดที่จะดำเนินการสร้างให้สำเร็จต่อไป

​

 

387.เหรียญพระอาจารย์ตั๊กฮี้ วัดเทพพุทธาราม ปี 2480 จ.ชลบุรี ((( บูชา 8,500 บาท ))) ปิดรายการ

 

374.พระขุนแผน หลวงพ่อแทน วัดธรรมเสน ปี 2506 จ.ราชบุรี ((( บูชา *** บาท ))) "ปิดรายการ"
พระสวยมาก

 

388.พระรูปเหมือนหลวงพ่อลบ วัดตรังคภูมิ ปี 2505 จ.ตรัง ((( บูชา 550 บาท))) "จอง">>>พี่พุทโธ ภควา

หลวงพ่อรุ่ง วัดตรังภูมิ ปลุกเสก
เป็นพระที่ค่อนข้างหายากในสายหลวงพ่อรุ่ง วัดตรังคภูมิ สร้างเป็นรูปท่านอาจารย์ของท่าน (หลวงพ่อลบ ทวิสุวรรณ) เจ้าอาวาสองค์ก่อน เป็นพระเครื่องยุคแรกๆของท่าน พุทธคุณก็ไม่แตกต่างกับพระเครื่องพิมพ์อื่นหรือรุ่นอื่น พระเครื่องท่านทุกรุ่นไม่ว่าจะเก่า-กลาง-ใหม่เน้นเรื่องแคล้วคราด และ ยังเป็นโภคทรัพย์ ค้าขายโชคลาภดีมากๆ และ ชีวิตในหน้าที่การงานเจริญรุ่งเรือง เพราะหลวงพ่อรุ่งท่านสำเร็จวิชา "พิชัยสมบัติ" ของสายเขาอ้อ ซึ่งหาได้ยากมากๆครับในยุคนั้นที่จะสำเร็จด้านนี้ หลวงพ่อรุ่งท่านเป็นพระที่เมตตาสูง พระเครื่องท่านทุกรุ่นแม้จะเป็นพิมพ์หลวงพ่อทวด จะต้องมีพุทธคุณที่ส่งผลด้านโภคทรัพย์ เป็นหลักอยู่ด้วยเสมอ ในบรรดานักนิยมพระเครื่องสายใต้นั้น ไม่ว่ารุ่นเล็กรุ่นใหญ่ต่างมีพระเครื่องท่านบูชาเสมอ รุ่นพี่ผมห้อยเหรียญเม็ดแตงท่านปี 2538 ราคาหลักร้อยเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ตัดตลับทองอย่างดี ถามว่าทำไมถึงห้อยเหรียญหลักร้อยแต่ทำทองอย่างดี รุ่นพี่ท่านนั้นแจ้งว่าบูชาแล้วรุ่ง ได้อาศัยบารมีพุทธคุณพระเครื่องของท่านจนมีเงินมีทองขึ้นมา นับว่าพระเครื่องท่านเป็นของดีราคาย่อมเยาว์ครับ

​

 

389.พระสมเด็จสัพพัญญู พระอาจารย์โพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมนฯ กทม. ((( บูชา 2,800 บาท ))) "ปิดรายการแล้ว"
เนื้อหายาก สีเหลือง

พระสมเด็จสัพพัญญู ของท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้ง นั้น เป็นพระที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง มีราคาค่างวดมากกว่าสมัยก่อนมาก สำหรับองค์นี้ เป็นเนื้อสีเหลืองเนื้อหาแก่มวลสารจัดจ้าน พุทธคุณลูกศิษย์ให้การยอมรับวงกว้างว่า ครบเครื่อง ทั้งโชคลาภ เจริญรุ่งเรือง แคล้วคราดปลอดภัย องค์นี้ให้บูชาราคาย่อมเยาว์ แท้ดูง่าย

​

 

390.พระหลวงพ่อนั่ง วัดสามพระยา ปี 2482 กรุงเทพฯ ((( จองแล้ว )))
สภาพสวยมาก

พระผงหลวงพ่อนั่ง วัดสามพระยาวรวิหาร พระนครฯ เป็นวัตถุมงคลเนื้อผงของวัดสามพระยาฯที่สร้างขึ้นในปี 2482 ได้จำลองเอาแบบองค์หลวงพ่อนั่งหรือพระนั่งอุ้มบาตร มาสร้างเป็นพระเครื่องเนื้อผงปูน โดยมวลสารสำคัญที่นำมาสร้างนั้นก็มาจากเนื้อผงปูนพอกองค์พระในคราวที่ซ่อมแซมองค์หลวงพ่อนอน ตามประวัติว่า ในขณะนั้นพระพุทธรูปพระนอนซึ่งสร้างจากปูนปั้นเก่าแก่ ได้ชำรุดเสียหายไปตามกาลเวลา ซึ่งเป็นพระพุทธรูปโบราณ มีอภินิหารมากมายมานานโดยมีพระครูวินัยธรเรศ(หลวงพ่อหมอ) วัดสามพระยา ร่วมกับพระปริยัติโสภน(หลวงพ่อฟื้น ชุตินธโร) ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ โดยขั้นตอนการซ่อมแซมนั้นจะต้องกระเทาะเอาปูนเก่าออก แล้วจึงซ่อมทับ ผงปูนเก่าจากองค์พระนอน จึงได้นำมาใช้เป็นมวลสารมงคลในการจัดสร้างพระเครื่องในครั้งนั้น ประวัติในส่วนของการสร้างวัตถุมงคลวัดสามพระยา กล่าวถึงพิธีการจัดสร้างไว้คร่าวๆดังนี้ 1.การตำผงพระตรงกับวันเสาร์แรม10ค่ำ เดือน9ตรงกับวันที่ 9 กันยายน 2482 เริ่มตั้งแต่พิธีตำปูนที่กะเทาะร่อนจากพระนอน พิธีบริกรรม พิธีพิมพ์พระ พิธีปลุกเสกพระ เฉพาะพิธีตำปูนก็จัดยิ่งใหญ่มีการสวดมงคลคาถาและทำอยู่นานหลายวันในพระอุโบสถของวัดสามพระยา พระเกจิที่ลงมือตำปูนด้วยตนเองก็มีหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงดำเนินการ กว่าจะตำปูนได้หมดและกดพระได้จำนวนหนึ่งขันสาคร (ประมาณ 3-4000 องค์)ใช้เวลา33วัน 2.การเตรียมมวลสาร ครั้นถึงวันเสาร์ แรม 2ค่ำ เดือน 10 ตรงกับวันที่30 กันยายน 2482จึงได้ทำพิธีบริกรรมเสกปูน โดยอาราธนาพระศรีสัจญาณมุนี(สนธิ์) ยติธโร วัดสุทัศน์ฯ และได้นำผงของสมเด็จสังฆราชแพฯมาร่วมในพิธีเสกปูนนี้ด้วย 3.การพิมพ์พระโหรกำหนดฤกษ์ไว้ คือ วันเสาร์แรม 9 ค่ำ เดือน 10 ตรงกับวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม 2482เวลา 14.42น. เป็นปฐมฤกษ์แห่งการพิมพ์พระที่สำคัญได้มีการจัดเครื่องสักการะบูชาก่อนทำพิธีพิมพ์พระ ใช้เวลาถึง 33 วันจึงแล้วเสร็จ 4.การปลุกเสกพระ วันพฤหัสบดี แรม 14 ค่ำเดือน 10 ตรงกับวันที่ 12 ตุลาคม 2482 จึงได้จัดทำพิธีพุทธาภิเษกฯ ได้จัดรวบรวมพระที่พิมพ์ไว้ดีแล้วนั้น ลงในบาตรพระและขันสาครใหญ่ ยกขึ้นประดิษฐานไว้เหนือโต๊ะรองดาดด้วยผ้าขาว จัดเครื่องสักการะบูชาเหมือนวันพิธีพิมพ์พระ แต่ได้มีการจัดเครื่องสักการะบูชาเพิ่มที่เตียงพระสวดขึ้นใหม่รวม2ที่และเมื่อพระสงฆ์ 9 รูป คือ 1.ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ วัดสระเกศ 2.พระศรีสัจญาณมุนี วัดสุทัศน์ 3.พระปลัดมา วัดราชบุรณะ 4.พระสมุห์เฉื่อย วัดสังเวช 6.พระใบฏีกาสุด วัดสามพระยา กับพระสงฆ์วัดสระเกศ ครั้นพระพิธีธรรมสวดคาถาพุทธาภิเศกอีก 4 รูป มาพร้อมกันแล้ว จึงเริ่มเจริญพระพุทธมนต์ ครั้นเจริญพระพุทธมนต์จบแล้ว ถวายเครื่องไทยธรรม พระสงฆ์อนุโมทนา รายนามพระเกจิคณาจารย์ผู้มาร่วมพิธีนั่งปรกปลุกเสกในครั้งนี้ได้แก่ 1.หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ กาญจนบุรี 2.หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ชลบุรี 3.หลวงพ่อแป๊ะ วัดพลับ ธนบุรี(อาอาจารย์กรรมฐานใหญ่ วัดพลับ) 4.หลวงพ่อช่วง วัดบางแพรกใต้ นนทบุรี 5.หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง นนทบุรี 6.พระปลัดมา วัดราชบูรณะ พระนคร 7.หลวงพ่อเช๊ก วัดทองธรรมชาติ ธนบุรี 8.หลวงพ่อแดง วัดใหญ่ ชลบุรี 9.พระครูวินัยธรเรศ วัดสามพระยา ฯลฯ

​

 

389.พระสมเด็จสัพพัญญู พระอาจารย์โพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมนฯ กทม. ((( บูชา 2,800 บาท ))) "ปิดรายการแล้ว"
เนื้อหายาก สีเหลือง

 

จอง 3 รายการครับ
376.พระศรีอริยเมตตรัย พระอาจารย์โพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมนฯ ปี 2499
379.พระหลวงพ่อทวดนอโม หลวงพ่อหวาน วัดลานควาย ปี 2515 จ.ปัตตานี
388.พระรูปเหมือนหลวงพ่อลบ วัดตรังคภูมิ ปี 2505 จ.ตรัง

 

รับทราบการจองทั้ง 3 รายการ /// ขอบคุณพี่มากๆครับ

 

391.เหรียญหลวงพ่อทวด วัดช้างไห้ รศ 200 "ขอบหยัก" ปี 2525 ((( บูชา 450 บาท )))

เหรียญหลวงปู่ทวดพิมพ์เสมาเล็ก วัดช้างให้ เนื้ออัลปาก้าเปลือย รุ่น ร.ศ.200 ปี2525 พิธีดี พิธีใหญ่ ปลุกเสก ณ พระอุโบสถวัดช้างให้ระหว่างวันที่ 9-13 มีนาคม2525 โดยมีพระอาจารย์นอง วัดทรายขาวเป็นเจ้าพิธีและพระเกจิคณาจารย์ที่มานั่งปรกปลุกเสก ล้วนแต่มีชื่อเสียง เช่นหลวงพ่อหมุน วัดเขาแดง หลวงพ่อดำ วัดตุยง ท่านเจ้าคุณวัดนาประดู่ หลวงพ่อสอน วัดปิยาราม หลวงพ่อแดง วัดศรีมหาโพธิ์ ฯลฯ และพระเกจิสายใต้อีกหลายองค์ มีประสบการณ์มาแล้วมากมาย เป็นรุ่นที่หน้าเก็บสะสม

​

 

392.พระมหาลอย วัดแหลมจาก จ.สงขลา ปี 2504 ((( บูชา 450 บาท )))

เนื้อผงผสมว่านท่านมหาลอย วัดแหลมจาก ปากรอ ปี 2504 ผสมเถ้ากระดูกของท่านมหาลอย พระประสบการณ์ดีน่าใช้มีเกจิสุดยอดแห่งยุคนั้นหลายท่านปลุกเสกเช่น หลวงพ่อสงค์ วัดคงคาวดี อาจารย์ศรีแก้ว วัดไทรใหญ่ หลวงพ่อเล็ก วัดจุ้มปะ หลวงปู่ไชย วัดควนโส

​

 

393.พระกรุวัดเจ้ามูล เนื้อแดง หลังยันต์ 3 ตัว กทม. ((( บูชา 350 บาท ))) "จอง" >>>พี่พุทโธ ภควา

พระกรุวัดเจ้ามูล
พระกรุวัดเจ้ามูล แตกกรุออกมาในปี 2509 สาเหตุในการค้นพบมาจากในปี 2509 พระครูโสภณสมาธิวัตร (หลวงพ่อเฟื่อง สมณศักดิ์ในสมัยนั้น) ได้ทำการรื้อถอนพระเจดีย์หน้าพระอุโบสถหลวงพ่อทับทิมเพื่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ ในจำนวนนั้นประกอบด้วย พระเจดีย์องค์กลาง 1 องค์และพระปรางค์อีกสององค์ เมื่อทำการรื้อถอนพระเจดีย์หน้าพระอุโบสถ จึงได้พบพระเครื่องเข้าโดยบังเอิญ เป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพระเครื่องเนื้อผง มีทั้งสีขาวและสีแดงแก่ว่านสบู่เลือด

พระกรุวัดเจ้ามูลเท่าที่มีการสอบถาม จากผู้รู้ ได้แก่ท่านเจ้าอาวาส วัดเจ้ามูล รวมถึงท่านที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนเปิดกรุ ต่างลงความเห็นว่า พระกรุวัดเจ้ามูล สร้างในราวปี 2460-2465 โดยได้รับอิทธิพลการสร้าง จากพระพิมพ์ประภามณฑลข้างรัศมี ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท (สังเกตุจาก ด้านหน้าพระกรุวัดเจ้ามูล) และผสมผสานกับพระพิมพ์เล็บมือ ของหลวงพ่อผ่อง วัดคูหาสวรรค์ (สังเกตุ จากการจารยันต์อุด้านหลัง) ซึ่งวัดคูหาสวรรค์ก็อยู่ไม่ไกล จากวัดเจ้ามูลมากนัก ดังนั้น รูปแบบและเนื้อหาของพระ จึงมีความเก่าใกล้เคียงกันกับพระเล็บมือของวัดคูหาสวรรค์ จ.กรุงเทพฯ
พระกรุวัดเจ้ามูล สร้างโดยท่านพระอธิการเพ็ง เจ้าอาวาสรูปที่ 5 ของวัดเจ้ามูลและได้มีการนิมนต์ หลวงปู่ศุขแห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท ในคราวที่ หลวงปู่ศุขมาร่วมปลุกเสกพระนาคปรกใบมะขาม ที่วัดอนงคาราม มาเป็นประธานในการปลุกเสก และ ยังได้นิมนต์หลวงพ่อผ่อง วัดคูหาสวรรค์ ผู้สร้างพระเล็บมือ ซึ่งมีความสนิทสนมเป็นพระสหธรรมิกกันกับพระอธิการเพ็ง วัดเจ้ามูล มาร่วมปลุกเสกพระด้วย
cr.ข้อมูลจาก รร วัดเจ้ามูล

​

 

382.เหรียญหลวงพ่อม่วง วัดหนองกาทอง รุ่นแรก 2497 จ.เพชรบุรี ((( บูชา 2,950 บาท ))) "จอง">>> พี่j999
เหรียญรุ่นแรกแท้ๆดูง่ายๆ "ในองค์สวยแชมป์ราคาหลายหมื่น" ครับ เหรียญนี้สภาพน่ารักราคาไม่แพงครับ เหรียญท่านหายากสร้างน้อยประสบการณ์สูง

​

cr.พระเกจิสยาม
หลวงพ่อม่วง วัดหนองกาทอง หรือ พระครูวิธานวชิรคุณ(ม่วง อินทโชโต) วัดหนองกาทอง ตำบลโรงเข้ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ท่านมีนามเดิมว่า ม่วง อยู่พรหมชาติ พื้นเพท่านเป็นชาวบ้านหนองกระปุก อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี เกิดเมื่่อวันจันทร์ที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๐ แต่ไม่ปรากฏชื่ีอโยมบิดาและโยมมารดาของท่าน
หลวงพ่อม่วง ท่านเป็นพระเถระที่พูดน้อย ไม่โอ้อวด แต่ของขลังที่ท่านแจกศิษย์มีอภินิหารเป็นที่เลื่องลือเชื่อถือได้ ตามคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่เล่าว่า ท่านเดินธุดงค์มาปักกลด ณ บริเวณวัดหนองกาทอง ซึ่งตอนนั้นเป็นพื้นที่รกล้างไม่มีสำนักสงฆ์ไว้ให้ชาวบ้านประกอบพิธีทางศาสนา

ชาวบ้านในพื้นที่ต้องเดินทางไกลเพื่อไปประกอบพิธีทางศาสนา เมื่อหลวงพ่อม่วงเดินทางผ่านมา ชาวบ้านจึงเกิดความเลื่อมใส จึงพร้อมใจกันนิมนต์ให้อยู่ที่หมู่บ้าน เพื่อสร้างวัด โดยเริ่มแรกเป็นเพียงสำนักสงฆ์

จากการที่ได้สอบถามผู้คนหลายๆ ปาก ต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า หลวงพ่อม่วงนั้นท่านเป็นพระจริงๆ เป็นพระแท้ มีวัตรปฎิบัติเคร่งครัด เพื่อบรรลุมรรคผลอย่างแท้จริง ท่านก็ได้ร่ำเรียนมาจากหลายสำนัก และตัวท่านก็เป็นศิษย์ที่หลวงพ่อกุน วัดพระนอน รักมาก

ครั้งที่ท่านไปเยี่ยมหลวงพ่อกุน ก่อนที่จะมรณภาพไม่นาน ท่านให้ไปหาสมุดมาเพื่อคัดลอกตำรับตำราต่างๆ แต่ท่านก็เฉยเสียเพราะสมัยนั้นกระดาษสมุดหาได้ยาก จนกระทั่งหลวงพ่อกุนต้องให้พระปลัดเทพ (พระครูพิศาลสมณกิจ) ไปจัดหาสมุดมาทำการจดบันทึกวิชาอาคม มอบให้กับหลวงพ่อม่วงไปศึกษา

มีเรื่องเล่าขานถึงเหรียญปั๊มรูปเหมือนรุ่นแรกและเป็นเหรียญรุ่นเดียวที่ทันหลวงพ่อม่วงปลุกเสก เล่ากันว่า เมื่อครั้งที่หลวงพ่อม่วงทำการปลุกเสกเหรียญปั๊มรูปเหมือนนี้ มีชาวบ้านได้ไปร่วมในพิธีขณะที่หลวงพ่อปลุกเสกเหรียญในอุโบสถนั้น ได้เห็นแสงสีทองปรากฏจากร่างของหลวงพ่อสว่างไปทั่วอุโบสถ และตัวของหลวงพ่อค่อยๆ ลอยขึ้น ท่ามกลางสายตาของผู้ร่วมในพิธีปลุกเสก

ส่วนในเรื่องของพุทธคุณแห่งเหรียญปั๊มรูปเหมือนหลวงพ่อม่วงรุ่นแรกนี้ มีเรื่องเล่าอีกเรื่องหนึ่ง มีนักเลงท้องถิ่นอำเภอบ้านลาด บ้างว่าเป็นมือปืน ถูกคนร้ายดักยิงแต่ยิงไม่เข้า คนร้ายจึงได้ใช้ขวานที่พกติดตัวมาด้วย จามไปที่ลำตัวของนักเลงท่านั้น แต่ก็ไม่ระคายผิว

จนคนร้ายตัดใจใช้ขวานจามไปที่ศีรษะของนักเลงคนนั้นอย่างไม่ยั้ง จนนักเลงท่านนั้นเสียชีวิต แต่ที่แปลกประหลาดหามีเลือดออกแม้แต่หยดเดียว แต่กะโหลกศีรษะแตกละเอียดโดยที่ผิวหนังไม่ระคานระเคืองแต่อย่างใด

และยังมีกล่าวถึงบางเสี้ยวของประวัติหลวงพ่อม่วงไว้ว่า ท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อกุน วัดพระนอน ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาตะกรุดไมยราพสะกดทัพและวิชาคงกระพันชาตรีต่างๆ

หลวงพ่อม่วง ปกครองวัดเรื่อยมาจนถึงแก่มรณภาพบนธรรมาสน์ภายหลังเทศน์จบแล้ว เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ นับรวมสิริอายุได้ ๗๙ ปี ๕๘ พรรษา.

วัตถุมงคลของหลวงพ่อม่วง วัดหนองกาทอง

เหรียญหลวงพ่อม่วง วัดหนองกาทอง รุ่นแรก

สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ เพื่อแจกในงานฉลองสมณศักดิ์ของหลวงพ่อ และแจกให้กับผู้ที่บริจาคทรัพย์ให้กับทางวัด ลักษณะเป็นเหรียญรูปไข่แบบมีหูในตัว เหรียญมีการสร้างด้วยเนื้อทองแดงเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้ แต่คาดกันว่าประมาณ ๒,๐๐๐ เหรียญ

​

 

จอง รายการนี้ด้วยครับ
393.พระหรุวัดเจ้ามูล เนื้อแดง หลังยันต์ 3 ตัว กทม.

 

รับทราบการจองครับ /// ขอบคุณมากๆครับพี่

 

ขอปิดครับ

 

ขอปิด 381 ครับ

 

รับทราบการจองทั้ง 2 รายการ ครับ /// ขอบคุณพี่มากๆครับ