หลักฐานเรื่องนรกสวรรค์จากพระไตรปิฎก

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย แพร, 18 กันยายน 2005.

  1. แพร

    แพร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +79
    เรื่องนรกสวรรค์ บางคนก็เชื่อ บางคนก็ไม่เชื่อ ส่วนใหญ่ของคนที่ไม่เชื่อมักจะอ้างว่า ถ้ามีจริงต้องมองเห็น เมื่อมองไม่เห็นก็แสดงว่าไม่มี คนที่รู้จักคิดย่อมไม่ด่วนตัดสินใจอย่างนั้น ในโลกนี้มีสิ่งต่างๆ มากมายที่เราไม่รู้ไม่เห็น เพราะการรับรู้ของประสาทสัมผัสของคนเรามีจำกัด เรามองไม่เห็นเชื้อไวรัส แต่จะอ้างว่าไม่มีไม่ได้ เพราะนักวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ว่าเชื้อไวรัสมีจริง ในทำนองเดียวกัน เราผู้เป็นปุถุชนไม่มีฤทธิ์อำนาจ เมื่อมองไม่เห็นรูปกายที่ละเอียดของเทวดาหรือผี จะอ้างว่าเทวดาหรือผีไม่มีไม่ได้ เพราะนักวิทยาศาสตร์ชั้นยอดของโลกคือพระพุทธเจ้าทรงรู้เห็นและตรัสรับรอง มีบันทึกอยู่ในพระไตรปิฎกมากมาย ถ้าใช้คอมพิวเตอร์ค้นพระไตรปิฎกฉบับบาลีสยามรัฐ จะพบศัพท์ สคฺคํ (สวรรค์) ๔๐๕ ครั้ง และจะพบศัพท์ นิรยํ (นรก) ๔๘๕ ครั้ง แสดงว่าในพระไตรปิฎกมีการกล่าวถึงนรกสวรรค์อยู่เสมอ ดังตัวอย่างต่อไปนี้

    พระเจ้าปเสนทิโกศลทูลถามพระพุทธเจ้าว่า
    ป. ก็เทวดามีจริงหรือ
    . เพราะเหตุไรมหาบพิตร (รู้ว่าเทวดามีจริงแล้ว) จึงตรัสถามอย่างนี้
    ป. ถ้าเทวดามีจริง เทวดาเหล่านั้นมาสู่โลกนี้หรือไม่มาสู่โลกนี้
    พ. เทวดาเหล่าใดมีทุกข์ เทวดาเหล่านั้นมาสู่โลกนี้ เทวดาเหล่าใดไม่มีทุกข์ เทวดาเหล่านั้นไม่มาสู่โลกนี้

    (กัณณกัตถลสูตร ๑๓/๕๘๐)

    พระเจ้าอังคติราชผู้เห็นผิดว่า ปรโลก (เช่น สวรรค์) ไม่มี บุญบาปไม่มีผล ทูลถามนารทฤษี (ชาติในอดีตของพระพุทธเจ้า) ว่า
    อ. ดูก่อนท่านนารท ที่เขาพูดกันว่า เทวดามี ปรโลกมีนั้นเป็นความจริงหรือ
    น. ที่เขาพูดกันว่า เทวดามี ปรโลกมีนั้น เป็นความจริงทั้งนั้น แต่ผู้หลงงมงายในกามไม่รู้ปรโลก
    อ. ถ้าท่านเชื่อว่าปรโลกมีจริง ท่านจงให้ทรัพย์ ๕๐๐ กหาปณะแก่ข้าพเจ้าในโลกนี้ ข้าพเจ้าจะใช้ให้ท่านพันหนึ่งในปรโลก
    น. ถ้ามหาบพิตรทรงมีศีล อาตมภาพก็จะให้ยืมสัก ๕๐๐ แต่มหาบพิตรหยาบช้า ทรงจุติ (ตาย) จากโลกนี้แล้วจะต้องไปอยู่ในนรก ใครจะไปทวงทรัพย์พันหนึ่งในปรโลกเล่า ผู้ใดไม่มีศีลธรรม ประพฤติชั่ว บัณฑิตทั้งหลายย่อมไม่ให้หนี้ในผู้นั้น

    (มหานารทกัสสปชาดก ๒๘/๘๗๓)

    พระพุทธเจ้าตรัสกับชาวบ้านศาลา โกศลชนบท ความว่า

    ผู้ที่เห็นว่า ทานไม่มีผล ผลแห่งกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่วไม่มี โลกหน้าไม่มี อุปปาติกสัตว์ (สัตว์ที่เกิดมาโตเต็มที่ทันที เช่น เทวดา) ไม่มี ... เป็นอันหวังได้ว่า จะไม่ประพฤติกุศลธรรม จะประพฤติอกุศลธรรมเพราะเขาไม่เห็นโทษ ความต่ำทราม ความเศร้าหมองแห่งอกุศลธรรม ไม่เห็นอานิสงส์แห่งกุศลธรรม

    ก็โลกหน้ามีอยู่จริง ความเห็นของเขาว่า โลกหน้าไม่มีความเห็นของเขานั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิ
    ก็โลกหน้ามีอยู่จริง แต่เขาดำริว่า โลกหน้าไม่มี ความดำริของเขานั้นเป็นมิจฉาสังกัปปะ
    ก็โลกหน้ามีอยู่จริง แต่เขากล่าววาจาว่า โลกหน้าไม่มี วาจาของเขานั้นเป็นมิจฉาวาจา
    ก็โลกหน้ามีอยู่จริง แต่เขากล่าววาจาว่า โลกหน้าไม่มี ผู้นี้ย่อมทำตนเป็นข้าศึกต่อพระอรหันต์ ผู้รู้แจ้งโลกหน้า
    ก็โลกหน้ามีอยู่จริง เขายังผู้อื่นให้เข้าใจว่า โลกหน้าไม่มี การทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดของเขานั้นเป็นการกระทำที่ไม่ชอบธรรม

    (อปัณณกสูตร ๑๓/๑๐๖)

    พระพุทธเจ้าตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า ในโลกอันกว้างใหญ่นี้ สมณพราหมณ์หรือเทวดาผู้มีฤทธิ์ มีทิพยจักษุรู้จิตคนอื่นได้ เห็นไปได้ไกลด้วย เข้าใกล้ก็ไม่รู้ตัว มีอยู่ ถ้าภิกษุคิดในทางอกุศล สมณพราหมณ์หรือเทวดาทั้งหลายย่อมทราบความคิดนั้น
    (อธิปไตยสูตร ๒๐/๔๗๙)

    พระพุทธเจ้าตรัสเล่าเรื่องคนทำบาปสิ้นชีพก็ไปเสวยทุกข์ทรมานแสนสาหัสอยู่ในนรก ในตอนท้ายพระองค์ทรงยืนยันว่า

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจะได้ฟังเรื่องเหล่านี้มาจากสมณะหรือพราหมณ์อื่น แล้วจึงมากล่าวอย่างนี้ก็หามิได้ แท้ที่จริงเรากล่าวเรื่องที่เราได้รู้เอง ได้เห็นเอง แจ่มแจ้งเองทีเดียว

    (ทูตสูตร ๒๐/๔๗๕)

    พระพุทธเจ้าตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า เมื่อใดเทวดาจะต้องจุติเพราะสิ้นอายุ เทวดาทั้งหลายย่อมอวยพรว่า ท่านจากเทวโลกนี้ไปแล้ว จงถึงสุคติคือเกิดเป็นมนุษย์ มีศรัทธาในพระสัทธรรม เป็นศรัทธาที่ตั้งมั่น อันใคร ๆ ในโลกทำให้คลอนแคลนไม่ได้
    (จวมานสูตร ๒๕/๒๖๑)

    พระพุทธเจ้าทรงยืนยันว่าพระองค์ทรงมีญาณทัสสนะอันประเสริฐ ๘ ประการ คือ จำโอภาส (แสงสว่าง) เทวดาได้ เห็นรูปเทวดา สนทนากับเทวดาได้ รู้ว่าเทวดามาจากเทพนิกายชั้นไหน รู้ว่าเทวดาเคลื่อนจากชั้นนี้แล้วไปเกิดชั้นไหน รู้ว่าเทวดามีอาหารและมีสุขทุกข์อย่างไร รู้ว่าเทวดามีอายุยืนยาวแค่ไหน รู้ว่าพระองค์เคยอยู่ร่วมกับเทวดาเหล่าใดบ้างหรือไม่
    (คยาสูตร ๒๓/๑๖๑)

    พกพรหมมีอายุยืนยาวมากจนเกิดมีความเห็นผิดว่า ฐานะแห่งพรหมเที่ยง ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย พระพุทธเจ้าจึงเสด็จไปพรหมโลกโปรดพกพรหมให้ละมิจฉาทิฏฐินั้นเสีย
    (พกสูตร ๑๕/๕๖๖)

    นันทมารดาอุบาสิกาลุกขึ้นในเวลาใกล้รุ่ง สวดปารายนสูตร ทำนองสรภัญญะ ท้าวเวสสวัณมหาราช (ซึ่งเป็นเทวดาในชั้นจาตุมหาราชิกา) เสด็จผ่านไปด้วยกรณียกิจบางอย่าง ได้ทรงสดับเสียงสวดทำนองสรภัญญะของ นันทมารดาอุบาสิกา จึงประทับรอฟังจนจบ
    (มาตาสูตร ๒๓/๕๐)

    เมื่อมีอันตราย ๑๐ อย่าง เช่น ผีเข้าภิกษุ (อมนุสสันตราย) เป็นต้น พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้สวดปาติโมกข์ย่อได้
    (อุโบสถขันธกะ ๔/๑๖๓)

    ประมวลเรื่อง เทวดา เทพบุตร และท้าวสักกะจอมเทพชั้นดาวดึงส์ ที่ไปทูลถามปัญหาต่อพระพุทธเจ้า มีสูตรทั้งหมด ๘๑ ๓๐ และ ๒๕ สูตร ตามลำดับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเทวดาล้วนๆ
    (เทวตาสังยุตต์ เทวปุตตสังยุตต์ สักกสังยุตต์ เล่ม ๑๕)

    พระลักขณะเดินทางไปกับพระโมคคัลลานะผู้เห็นเปรตที่มีลักษณะแปลกๆ แต่พระลักขณะไม่เห็น พระโมคคัลลานะจึงชวนท่านไปเฝ้าพระพุทธเจ้าๆ ทรงเล่าความเป็นมาของเปรตนั้นๆ ให้ทราบ มีทั้งหมด ๒๑ สูตร เป็นเรื่องเกี่ยวกับเปรตล้วนๆ
    (ลักขณสังยุตต์ เล่ม ๑๖)

    กล่าวถึงเทพบุตรและเทพธิดาเล่ากรรมดีในอดีตที่ทำให้ตนได้เกิดในวิมาน มีทั้งหมด ๘๕ เรื่อง เป็นเรื่องเกี่ยวกับสวรรค์ล้วนๆ
    (วิมานวัตถุ เล่ม ๒๖)

    กล่าวถึงกรรมชั่วที่ส่งผลให้ผู้ทำไปเกิดเป็นเปรต ได้รับความทุกข์ทรมานในลักษณะต่าง ๆ กัน มี ทั้งหมด ๕๑ เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเปรต
    (เปตวัตถุ เล่ม ๒๖)
     
  2. Catwater

    Catwater เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2005
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +142
    แพร... เราอยากขึ้นสวรรค์จังเลยอ่ะแพร... (ping-love
     
  3. Oatto81

    Oatto81 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +399
    คิดดี พูดดี ทำดี ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าท่านสิครับ

    รัยรองว่าไม่พลาด สวรรค์สมบัติ แน่นอนครับ.... [​IMG]

    (แต่ว่าตัวเราเองท่าทางชาตินี้ คงไม่ได้ขึ้นสวรรค์ หุหุ..)
     
  4. อักขรสั จร

    อักขรสั จร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +343
    เยี่ยมมาก

    _/l\_
     

แชร์หน้านี้

Loading...