หลวงปู่ไม อินทสิริ เรื่องเล่าหลวงปู่ และพระป่าสายกรรมฐาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ธีระนะโม, 17 สิงหาคม 2021.

  1. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ?temp_hash=57993dc0ab305a746bd60f320019f63f.jpg
    " หลวงปู่ประไพร เผิ่นของจริง โดยเฉพาะเรื่องพญานาคต้องยกให้เผิ่น จิตหลวงปู่เผิ่นแฮงคัก ติแต่ว่าไผเฮ็ดให้หลวงปู่ คือบ่ขัดพระองค์หลวงปู่เผิ่นงามๆ แหน่ พญานาคกะบ่อาบน้ำ " หลวงปู่ไม อินทสิริ วัดป่าเขาภูหลวง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S__1957904.jpg
      S__1957904.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.5 KB
      เปิดดู:
      58
  2. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ?temp_hash=1a48f6a93ee3c54365d0a46b73829b04.jpg
    " คืนหนึ่งเฮาเดินจงกรม พอเดินเมื่อยก็เลยมานั่ง มีรุกขเทวดาออกมาจากต้นไม้ใหญ่มาหา แต่รุกขเทวดาคนนี้เป็นพระ เขาเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แต่ยังไม่ได้สำเร็จ ก็เลยตายไปเป็นรุกขเทวดา ก็ถามว่าไม่อยากไปเกิดเหรอ บอกว่าโอ้ยอยากไปเกิดก็ไปไม่ได้ ไม่กล้าไปใกล้ผู้หญิง เราก็เลยบอกเอ้อ อยู่อย่างนี้ไม่ได้สำเร็จพระอรหันต์หรอก ต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ซะ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์แล้ว ถ้าบวชปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ บางทีก็ได้สำเร็จ งั้นก็แล้วแต่หลวงพ่อว่า เอ้าสึกซะ ก็เลยสึกให้ สึกอะไร สึกดวงวิญญาณ พอสึกให้ก็เลยบอกให้ไปเกิดกับโยมครอบครัวหนึ่งที่ฝั่งลาว ที่บ้านฮ้อมเขาเคยมาขอ อยากได้ลูกชาย ให้ไปข้ามตรงบ้านโพนสาก็จะเห็นบ้านเขาเลยไปซะ ก็เลยไปเกิด พอคลอดออกมาเป็นผู้ชาย แต่เช้าถึงเที่ยงมันกินนม กินข้าวกินอะไร พอเลยเที่ยงไปมันหลับมันจะไม่กินอะไรเลย ต่อมาพอมันวิ่งได้ เขาเอาเงินให้มันไม่เอา เงินทองมันจะไม่จับ ข้าวเย็นไม่กิน แต่พอโตขึ้นมา มีเมียมีครอบครัว จิตมันเปลี่ยนกลายเป็นคนละคน กลายเป็นคนกินเที่ยวเล่น ลืมความตั้งใจตอนก่อนมาเกิด จิตคนเราเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา " หลวงปู่ประไพร สุภโร ''

    ข้อมูลจาก ขุนเปรม ชยวุฑโฒ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S__1957906.jpg
      S__1957906.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81.3 KB
      เปิดดู:
      47
  3. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ?temp_hash=edbe7efcec24740fda9f62aa9327e3e9.jpg
    " มีครั้งหนึ่งธุดงค์ในป่าน้ำหนาว ไปพบกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงปู่คำดี ปภาโส อยู่ในถ้ำน้ำหนาวโดยบังเอิญ พ่อแม่เผิ่นได้ฝากห่อผ้าขาวไว้ห่อหนึ่งมัดแน่นเลย บอกให้เฮาเก็บรักษาดี ๆ ห้ามเปิดแล้วค่อยเอาไปคืนให้อยู่วัด เฮากะเก็บรักษาอย่างดีเลย บ่เคยเปิดตามเผิ่นสั่ง ไปเที่ยวกรรมฐานทางไหนก็เอาไปนำทั้งกลัวหาย พอครบหนึ่งปีไปกราบเผิ่นที่วัดถ้ำผาปู่ จังหวัดเลย เอาห่อผ้านี่ไปคืนเผิ่นนำ ไปกับญาพ่อมี พอเผิ่นเปิดออกมาให้เบิ่งในห่อผ้าคือก้อนหิน สอนกะสอนคักอีหลีญาพ่อ รู้จักกันดี เผิ่นเป็นคนขอนแก่น "ศิษย์หลวงปู่ประไพร สุภโร"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 911.jpg
      911.jpg
      ขนาดไฟล์:
      150.9 KB
      เปิดดู:
      51
  4. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ?temp_hash=dbca1937bb39f375ad212123bd50dd26.jpg
    โยม : การถือศีล สมาธิ ภาวนาเป็นประจำ บุญบารมีจะเกิดขึ้นเอง ขอถามหลวงปู่ว่า บุญบารมีวาสนานั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมการทำสมาธิ บุญบารมีวาสนาถึงจะเกิดขึ้น ?

    ลป. : การทำบุญให้ทาน บุญบารมีก็เกิดขึ้นมาเองนะ อันนี้พระพุทธเจ้าได้ว่าไว้ เป็นคำกลางเอาไว้ "#ปัจจัตตังธรรม" จะเกิดขึ้นมาเอง รู้เอง เห็นเอง ถ้าเราได้ทำบุญ อานิสงส์ของการทำบุญ ร่างกายของเราก็จะแข็งแรง อ้วนถ้วนสมบูรณ์ดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ #เกิดภพใดชาติใดก็ตามหรือภพชาตินี้ก็ตาม_ก็จะไม่อดอยู่อดกินนะ #ไปที่ไหนทำมาหาอยู่หากินที่ไหนก็จะมีอยู่มีกินนะ !!

    แล้วการรักษาศีลละ ?
    #ก็จะมีอานิสงส์ทำให้มีผิวพรรณผ่องใสดี เพราะมันเป็นคนสะอาดผ่องใส เป็นนิโกก็จะผ่องใส...มันใสในใจ (ลป.ขำพอใจ)

    มันผ่องใส...ใสในใจ!
    ความบริสุทธิ์นั้นแหละ ไม่ใช่ว่า...คนขี้เหร่อย่างนี้ มันจะไปผ่องใสได้ยังไง จริงๆแล้วพระพุทธเจ้าเอาข้างในนะ เอาใจนะไม่ได้เอาร่างกายสังขารอันนี้

    ร่างกายสังขารอันนี้ทำไมคนไม่สวยเหมือนกัน ไม่หล่อเหมือนกัน ?

    เพราะกรรม...วิบากกรรมที่เคยทำเอาไว้ในชาติก่อนนะ อาจจะไม่ดีก็ได้ อาจจะผิดศีลก็ได้นะ นี้แหละถึงไม่สม่ำเสมออยู่ในปัจจุบันนะ ถ้าบริสุทธิ์มาตั้งแต่ชาติปางก่อน จนถึงปัจจุบันนี้ ชาตินี้ก็ยังเหมือนเดิม อันนั้นก็จะสมบูรณ์แบบ

    แล้วการทำสมาธิก็เหมือนกัน ความสุขนี้ก็จะเกิดขึ้นมากกว่าการภาวนา นี้เป็นเรื่องที่สำคัญในเรื่องของทางจิต เมื่อไปถึงขั้นภาวนาแล้วมันลงไปเป็นสมถะและวิปัสนาล้วนๆ สองอย่างนี้เป็นของคู่กันไป แต่ละอย่างนี้ก็เมื่อเราทำอะไรลงไป ดวงปัญญานี้ก็จะเห็นไปเรื่อย เหมือนอย่างที่เราทำทานไปนี้แหละ

    เมื่อเราทำทานไปแล้ว อานิสงส์ของการทำนี้ก็จะทำให้มีความสุข เราจะไปทำอะไรก็ได้สมปรารถนา ส่วนที่บางคนที่ยังไม่ได้สมปรารถนาก็มี

    ทำไมถึงไม่ได้สมปรารถนา ?
    เพราะการสั่งสมบุญอาจจะไม่ได้สั่งสมมามากเหมือนกับคนที่สำเร็จในความปรารถนา คนที่ไม่ได้สำเร็จตามความปรารถนา ก็เพราะว่าชาติปางก่อนก็อาจจะไม่ได้ทำไว้มาก หรือในปัจจุบันนี้จนกว่าจะมารู้จักการทำบุญให้ทานนะ ก็ทำบาปมาเสียมากแล้วอย่างนี้

    มันก็เลยยากนะ มันจะไม่เป็น "อมตธรรม" แต่สำหรับคนที่เคยได้สั่งสมมาตั้งแต่ชาติปางก่อน อย่างที่พระพุทธเจ้าได้กล่าวคำปรารภเอาไว้นี้ อย่างที่พระโสดาปัตติมรรค, โสดาปัตติผลนะ ถ้าจิตเข้าไปถึงโสดาปัตติมรรค, โสดาปัตติผลนี้ ไม่ว่าจะเกิดมาชาติใดนี่ ภายใน ๗ ชาตินี้ จะเกิดมาในตระกูลที่ดีเลย!

    ตระกูลที่มีศีล ตระกูลที่มีธรรม จิตของตัวเองนี้ที่เกิดมานี่ ก็มีศีลมีธรรมตั้งแต่วันเกิด เกิดมาตัวเล็กๆ เห็นมดไต่มาก็สงสารมดอย่างนี้ เห็นคนยากจนเข็ญใจมา ก็อยากให้เขาอย่างนี้ นี้มันเป็นธรรมชาติของจิตที่ได้สั่งสมบารมีมา นี้แหละมันเป็นอย่างนี้ !!

    ถอดจากเทปพระธรรมเทศนาหลวงปู่ไม อินทสิริ
    วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
    ( เป็นช่วงตอบปัญหาธรรมจากญาติโยม หลังจากที่องค์หลวงปู่ได้เมตตาแสดงธรรมเทศนาเสร็จ)
    ถอดเทป/เรียบเรียง : นรินทร์ ศรีสุทธิ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S1.jpg
      S1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.9 KB
      เปิดดู:
      56
  5. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ?temp_hash=aa501ad84a063e0b4848b0a30bba848d.jpg
    " มื้อใด๋เฮาออกจากถ้ำ มาลงสวดปาฏิโมกข์ พ่อแม่หลวงปู่ผางเผิ่นถามว่าเป็นจั่งใด๋เขามานอนในถ้ำนำ นอนกอดเขาเหมิดคืนเลยบ้อ พร้อมหัวเราะเอิ๊ก ๆ พอใจ ความจริงเฮาเฮ็ดหยังพ่อแม่เผิ่นกะรู้เหมิดนั่นหละ ไผสิไปนอนกอดเขาได้ โตถ่อถังน้ำมันสองร้อยลิตร ยาวจากนี้ จนถึงหน้าประตูวัดพุ้น เผิ่นห้ามบ่ให้หย้าน "#ธรรมเกิดแล้วบ่เอาตอนนี้สิไปเอาตอนใด๋ #ถ้าบ่เอาบวชเข้ามาเฮ็ดหยัง" การที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์เผิ่นไปเที่ยวเมืองบาดาล ส่วนใหญ่เผิ่นบ่ได้ไปเอง แต่เขามานิมนต์เผิ่นจั่งไป แต่สิไปทางใด๋ ทิศตะวันตกหรือตะวันออก กะไกลยากสิไปถึง เว้น..เว้นหยัง ผู้มีฤทธิ์ แค่หลับตากะถึงแล้ว
    " หลวงปู่ประไพร สุภโร"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 804.jpg
      804.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.1 KB
      เปิดดู:
      57
  6. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ?temp_hash=aa501ad84a063e0b4848b0a30bba848d.jpg
    "แนะนำถึงความลี้ลับของจิต”

    ในคราวที่อยู่ปรนนิบัติ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ที่วัดธรรมสามัคคีนั้น หลวงพ่อเปลี่ยน ปญฺญาปทีโป ได้รับการสั่งสอนแนะนำถึงความลี้ลับของจิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนั่งภาวนา เมื่อเกิดเห็นนิมิตบางอย่างขึ้น แม้จะออกจากสมาธิมาแล้ว ขณะเมื่อเดินบิณฑบาต ก็ยังมองเห็น “สิ่งประหลาดๆ” อยู่เนืองๆ

    หลวงปู่ตื้อ ท่านสอนสั่งในเรื่องนิมิตที่เกิดขึ้นว่า นิมิตนั้นจำแนกไปหลายประการ จิตของนักปฏิบัติมีหลายขั้นตอนตามนิสัยบารมีของแต่ละคน

    พูดถึงผู้มีสมาธิดี จิตใจบริสุทธิ์สะอาด ก็จะปรากฏนิมิตที่แจ่มใส เป็นไปด้วยอำนาจฌาน และอำนาจแห่งญาณ

    ตอนที่หลวงพ่อเปลี่ยน ออกเดินบิณฑบาตตามหลังหลวงปู่ตื้อ และพระภิกษุสงฆ์องค์อื่นๆ ท่านมองเห็นผู้คนในลักษณะต่างๆ ที่ไม่เหมือนกับที่ตาเราเห็น ตอนแรกๆ ก็คิดว่าเราไปสร้างนิมิตเอาเอง พอนานๆ ไปก็เห็นว่าเราพบเรื่องจริงเข้าแล้ว จึงได้นำมากราบเรียนปรึกษากับหลวงปู่ตื้อ แล้วท่านให้ข้อคิด ดังนี้

    ๑. ถ้านิมิตเห็นบุคคลธรรมดานุ่งห่มผ้าสีเหลืองเดินเข้ามาหา แสดงว่าจิตของบุคคลเหล่านั้นเป็นผู้มีศีล ๕ อยู่เป็นปกติ มีสมาธิ มีการปฏิบัติศีลอย่างสม่ำเสมอ ละเว้นจากการทำชั่ว มีใจเป็นพระ เป็นธรรม

    ๒. ถ้านิมิตเห็นบุคคลธรรมดานุ่งห่มด้วยผ้าขาว แสดงว่าจิตของบุคคลนั้นมีศีล ๕ เป็นปกติ และมีใจเป็นเทพเทวดา

    ๓. ถ้านิมิตเห็นบุคคลธรรมดานุ่งห่มเสื้อผ้าขาด ผิวคล้ำไม่มี สง่าราศี แสดงว่าจิตของบุคคลนั้นตกต่ำลงไปกว่าความเป็นคน คือ มีความคิดแต่จะทำความชั่ว

    ๔. ถ้านิมิตเห็นบุคคลที่ใส่เสื้อผ้าดำสนิท จิตของเขามีศีลที่ไม่บริสุทธิ์ ใจหยาบ

    ที่ต่ำไปกว่านั้น คือ จะเห็นเป็นลักษณะของเดรัจฉาน เช่น ควาย ต่ำลงไปก็เป็นสุนัข ต่ำลงไปก็เป็นสัตว์ประเภทเลื้อยคลาน เช่น งู เป็นต้น

    หลวงพ่อเปลี่ยนได้รับการบอกเล่าเช่นนี้จากหลวงปู่ตื้อ นับว่าเป็นประโยชน์ยิ่งนัก

    โอวาทธรรม
    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
    วัดป่าอรัญญวิเวก จ.นครพนม
    ข้อมูลที่มา : จากหนังสือ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม พระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์ในยุคปัจจุปัน โครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่ม ๒ ข้อ ๖๔ แนะนำถึงความลี้ลับของจิต
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 28.jpg
      28.jpg
      ขนาดไฟล์:
      115.2 KB
      เปิดดู:
      39
  7. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ?temp_hash=ada336ac1e24ffa1afa3f6af213dd905.jpg
    ต้องเริ่มจากการทำบุญให้ทาน เสียสละมีน้ำใจ และมีเมตตาเสียก่อน อย่างต้นไม้ปลายด้วน เช่น ต้นตาล ต้นมะพร้าว นี่ปลายด้วน แล้วจะเอาน้ำเอาปุ๋ยมาใส่ จะให้มันแตกยอดสวยงามออกมา มันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้นไม้ที่จะงาม ก็ต้องงามที่ต้นถึงยอด ตั้งแต่รากขึ้นไป

    บุญที่สำคัญ!!...ก็อยู่กับการรักษาศีล ภาวนา สองอย่างนี้เป็นคู่กัน ถ้าเราไม่มีศีลเราไปภาวนาเท่าไหร่ก็ไม่เกิดผล ถ้าบุคคลใดที่ทุศีลไปแล้ว จะไปทำพิธีเพื่อที่จะล้างบาปจะล้างเท่าไหร่ มันก็ล้างไม่ได้ จะทำให้ความดีความงานนั้นงอกขึ้นมายาก

    คนเราก็เหมือนกัน ผู้ที่จะทำตนให้บริสุทธิ์บริบูรณ์นั้นจะต้องรักษาศีลให้มันสมบูรณ์แบบ กายก็บริสุทธิ์ วาจาก็บริสุทธิ์ ใจก็บริสุทธ์ เรียกว่าเป็นผู้มีศีลไม่ต้องไปรับข้อที่ 1.2.3.4.5. เพราะถือว่า กาย วาจา ใจ มันบริสุทธิ์แล้ว มันเป็นอัตโนมัติ ศีลอัตโนมัติแล้ว ให้เราเข้าใจกันอย่างนี้

    พระธรรมเทศนาหลวงปู่ไม อินทสิริ
    วัดป่าภูเขาหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
    ในงานทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อจัดซื้อเครื่องแพทย์ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
    ณ หอประชุม รพ. วันที่ ๒๔ มิ.ย. ๖๑

    (ถอดจากเทปพระธรรมเทศนา)
    ถอดเทป/เรียบเรียง : นรินทร์ ศรีสุทธิ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 04.jpg
      04.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.2 KB
      เปิดดู:
      43
  8. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ?temp_hash=65bfb89554b808d0c0295e0c20cc7612.jpg
    หลวงปู่มั่นท่านสอน “อานาปานสติ” กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก คือให้มีจุดหมายปลายทาง ไม่ให้มันคิดไปอย่างอื่น ให้รู้อยู่กับลมหายใจเข้า-ออก นี้คือความตั้งใจที่อยากจะให้จิตของเราสงบ ท่านถึงตั้งจุดเอาไว้ตรงนี้ ให้มีสติอยู่กับตรงนี้ มันจะเจ็บจะปวดก็ใช้ขันติ คือความอดทนเอาไว้ มันจะร้อนก็อดทน มันจะหนาวก็อดทน
    ทำยังไงถึงจะทำให้ได้มากๆ นี้คือความต้องการของหลวงปู่ครูบาอาจารย์ที่จะสอนธรรม ให้เรารู้ธรรมเห็นธรรม เพราะฉะนั้นแม่ชีแก้วถึงได้สำเร็จเป็นอริยขึ้นมาในพระพุทธศาสนา ก็เชื่อฟังคำสอนของหลวงปู่มั่น แล้วหลวงปู่มั่นท่านก็ไปสอนกี่จังหวัดในประเทศไทย #จะมีใครได้เหมือนอย่างคุณแม่แก้วมั่ง...ยาก !! (คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ )

    ที่มันยากก็เพราะมันไม่ได้ตั้งใจ ทำลุ่มๆ ดอนๆนะ
    มันเป็นอย่างนั้น พวกเราจะต้องทำยังไงถึงจะต้องมีความตั้งใจประพฤติดีปฏิบัติชอบ ตั้งใจสู้เอาจริงๆนะ ให้มันผ่านอุปสรรคไปให้ได้ ให้มันเกิดขึ้นมาในจิตใจของพวกเรา ชำระความโลภ ความโกรธ ความหลงในกิเลสตัญหาที่มันมีอยู่ให้มันผ่านไป

    อย่าให้มันเอามาฝังไว้ในใจ สิ่งที่มันผ่านมาก็ปล่อยวางไปแล้ว ที่มันไม่รู้ที่มันผ่านมา ด้วยความไม่รู้ของเรา ด้วยความโง่ของเรา ก็คือว่าให้มันผ่านไปซะ อย่าถือเอามาเป็นอารมณ์ ทำให้จิตมันว่างจากอารมณ์ที่มันผ่านมา อดีตที่ผ่านมา

    สติสัมปชัญญะรู้อยู่ในปัจจุบันนี้ จิตของเราถึงจะสงบเป็นสมาธิได้ นี้คือข้อวัตรปฏิบัติสำหรับผู้ที่มีความตั้งใจปฏิบัติให้จิตเข้าไปถึงธรรมจริงๆ

    นี้แหละข้อธรรมะที่ได้เอามาชี้แจงให้พวกเราฟังในวันนี้ ก็พอเป็นคติเตื่อนใจ คิดว่าคงจะเข้าใจดี เมื่อได้ประพฤติปฏิบัติชำระสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม ที่เรียกว่าความเศร้าหมองออกไปจากใจของพวกเราให้หมด ให้มีแต่ความสะอาด ความโล่ง มีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีอะไรที่จะมาเกาะในจิตใจของพวกเรา และก็จะได้หลุดพ้นจากความทุกข์เสียที เข้าถึงดวงธรรมจริงได้จริง นี้แหละขอให้พวกเราได้เข้าใจอย่างนี้

    ถอดจากเทปพระธรรมเทศนาหลวงปู่ไม อินทสิริ
    วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
    ถอดเทป/เรียบเรียง : นรินทร์ ศรีสุทธิ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      87 KB
      เปิดดู:
      37
  9. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ?temp_hash=9257450761c288e95a63bf35f818afa6.jpg
    หลวงปู่เหรียญเล่าเรื่อง "หลวงปู่ชอบพบพญานาค"


    มีอยู่ครั้งหนึ่ง อาตมาได้เคยเดินท่องธุดงค์ไปกับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม และหลวงปู่ขาว อนาลโย กับพระหนุ่มติดตามอีกรูปหนึ่ง ได้ชวนกันไปหาวิเวกตามป่าเขาและถ้ำในเขตอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ช่วงนั้นสงครามโลกครั้งที่ ๒ เพิ่งจะยุติ สงบลงใหม่ๆ ได้พากันธุดงค์ไปจนพบสถานที่เหมาะสมบนเขาสูงลูกหนึ่ง ที่นั่นอากาศดี สงบ เงียบ ไม่มีอะไรมารบกวน ชาวบ้านก็เอื้อเฟื้อ ศรัทธาดี ส่วนใหญ่เป็นพวกชาวแม้ว ก็ได้ทำการอบรมขี้แนะให้พวกแม้วรู้จักทำบุญกับพระในพระพุทธศาสนา จนพวกนั้นเกิดความเลื่อมใสได้ช่วยกันสร้างกระท่อมให้พระอยู่ รูปละหลังบนดอยสูง

    ต่อมาหลวงปู่ขาวกับพระหนุ่มอีกรูปได้ขอแยกไปพักที่สันเขาข้างล่างอีกแห่งหนึ่งด้วยไม่ค่อยสบาย ไม่ถูกกับอากาศ คงเหลือแต่อาตมากับหลวงปู่ชอบ เพียง ๒ รูปเท่านั้น บนดอยสูงนี่ภาวนาดีมาก แต่อากาศหนาวเย็นจัด ตกกลางคืนก็จะมีพวกกายทิพย์ คือเทวดานี่แหละพากันมากราบคารวะขอฟังธรรมกันมาก หลวงปู่ชอบ ท่านมีตาดี จิตดี พวกนั้นถึงพากันมามาก ก็สงเคราะห์ไปเท่าที่สมควร

    วันหนึ่งขณะที่อาตมากับหลวงปู่ชอบกำลังเดินจงกรม ภาวนาอยู่ พลันก็เกิดแสงสว่างขึ้นตรงกันข้างหน้าทางจงกรมของหลวงปู่ชอบ แล้วก็ปรากฏเป็นส่วนหัวพญานาคตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมาที่ข้างทางเดินจงกรมนั้น ทั้งหลวงปู่ชอบและอาตมาต่างก็หยุดเดินและเพ่งมองดูพญานาคนั้น

    หลวงปู่ชอบได้ถามไปว่า “มาจากไหน”

    รู้สึกว่าท่านไม่ค่อยประหลาดใจที่ได้เจอย่างนั้น คงเจอมามากแล้วกระมัง

    พญานาคเขาก็กราบเรียนว่า

    “ข้าพเจ้าอยู่ที่เขาลูกนี้เอง แต่อยู่ตรงเชิงเขา ท่านสังเกตหรือเปล่าล่ะ ว่าตรงเชิงเขาก่อนที่จะขึ้นมาบนดอยสูงนี้มีลำธารสายหนึ่ง ซึ่งลอดทะลุออกมาจากใต้ภูเขาแล้วไหลผ่านเชิงเขา วกวนจนออกสู่ที่นาที่ราบเบื้องล่างโน้น พระคุณท่านคงได้ผ่านลำธารนี้มาหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ”

    หลวงปู่ชอบก็รับคำ พญานาคก็กล่าว่าต่อไปว่า

    “ลำธารนั้นแหละเป็นทางเดินของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าอยู่ภายในถ้ำลอดภายใต้ภูเขานี้เอง”
    อาตมาจึงได้ถามไปว่า “แล้วท่านมีชื่อว่าอะไรล่ะ”

    เขาก็ตอบว่า

    “ข้าพเจ้าชื่อ เทพนาคา ข้าพเจ้ามาขอชื่นชมในการปฏิบัติความดีของพวกพระคุณเจ้า”

    แล้วก็แสดงให้เห็นตัว อย่างเต็มที่ โดยโผล่หัวที่หงอนสีแดง และมีครีบหลังเป็นแผงยาวตลอดลำตัว ซึ่งมีเกล็ดเป็นสีดำมันเลื่อมลำตัวนั้นก็มีขนาดใหญ่ ยาวทอดไปตามพื้นที่ลาดของไหล่เขา จนไปพาดเขาอีกลูกหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กัน รู้สึกว่าตัวยาวมาก

    เขาแสดงให้เห็นเต็มตัวสักครู่หนึ่ง แล้วกล่าวต่อว่า

    “ตั้งแต่ที่พวกพระคุณท่านมาอยู่ ทำให้ข้าพเจ้ามีความสงบเย็นใจมาก ข้าพเจ้าดีใจที่มีพระธุดงค์กรรมฐานผู้ปฏิบัติดีอย่างพระคุณเจ้ามาพักบำเพ็ญภาวนา และยังได้แผ่เมตตาให้สัตว์โลกทั้งปวงเป็นสุขอีก เสียงสวดมนต์และเจริญเมตตานั้นทำให้รู้สึกเย็นอกเย็นใจ มีแต่ความสุขสงบ วันนี้ข้าพเจ้าอดรนทนไม่ได้ จึงมาขอกราบบารมีของพวกท่านสักครั้ง”

    พอเขากล่าวจบเขาก็ลาจากไปโดยค่อยๆ จมลงหายไปในพื้นดินนั่นเอง นี้เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่ง ที่เราได้พบเห็นพญานาค หลวงปู่ชอบท่านได้พบเห็นมาจนชิน ทั้งภูตผีปีศาจ อมนุษย์ทั้งหลาย ตาของท่านก็ดี ท่านพระอาจารย์มั่นยังยอมรับเลย แต่เดี๋ยวนี้ตัวเราจะไปขึ้นเขาเข้าถ้ำอีกก็ไม่ไหวแล้ว

    ที่มา หลวงปู่เล่าเรื่อง
    พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
    วัดอรัญญบรรพต อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 98.jpg
      98.jpg
      ขนาดไฟล์:
      97.4 KB
      เปิดดู:
      32
  10. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ?temp_hash=445c715c228328107e7afee8c808cbe8.jpg
    งานพระราชทานเพลิงศพ
    หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป

    เมื่อเราเข้ามาในวัดนอกนี่ วัดป่าอรัญญวิเวกเห็นพระเจ้าพระสงฆ์ไหม คำว่า "สงฆ์" ก็แปลว่าพวก ๔ พระตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นจึงจะเรียกเป็นพระสงฆ์ แล้วพวกเราเข้ามาก็แสวงหาสรณะไม่ใช่หรอ "สรณะ" พุทธัง สรณัง คัชชามิ, ธัมมัง สรณัง คัชชามิ, สังฆัง สรณัง คัชชามิ, พระพุทธอยู่ที่ไหนเห็นหรือยัง ??

    เห็นแล้วองค์เหลืองๆหัวแหลมๆ....ใช่ !
    เห็นหรือยังพระธรรม...เห็นแล้วคำสอนของพระไตรปิฎก...ใช่ไม่ผิด!!

    เห็นหรือยังพระสงฆ์...เห็นแล้วค่ะ หัวโล้นๆห่มผ้าเหลืองนั่งเยอะแยะเลย กินข้าวตอนเช้า...เอ่อ ถูกอีก ไม่มีใครคัดค้านหรอกถ้าตอบแบบนี้นะ อันนี้มันสงฆ์สมมุติภายนอก เคยเข้าวัดในหรือยัง ไปดูพระไตรสรณคมณ์อันเป็นที่พึ่งสิ ไปดูของจริงสิ ถ้าเราเห็นของจริงเราถึงจะปฏิบัติถูก ชำระได้ เข้าพระไตรสรณคมณ์ได้ พระสงฆ์อยู่ที่ไหน

    ถ้าอยากจะเห็นนะ ในโลกอันนี้พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เอถ ปสฺสถิมํ โลกํ" สูทั้งหลายจงมาดูโลกอันนี้ โลกนี้คือตัวตนสกลกายเรา พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้น่ะ โลกคนอื่นก็เป็นของคนอื่น แล้วเราเข้าไปดูพระสงฆ์ข้างในสิ

    เข้าที่ไหน "อัสสาสะ ปัสสาสะ" เข้าตรงนี้ รูจมูกนี่ที่เข้า นี้เป็นทางเข้าภาวนา เข้าวัดในสิถึงจะเป็นของจริง ถึงจะเห็นธรรมเห็นสงฆ์น่ะ เมื่อเราเข้าไปแล้วจะไปเห็น เห็นอะไร...เห็นพระสงฆ์ พระสงฆ์อยู่ไหน ๔ รูปน่ะ พระสงฆ์ก็คือ มหาภูต ในตัวตนสกลกายเราล้วนแต่เป็นกองสมมุติรู้ไหมในโลกภายนอก

    โลก คือ แผ่นดิน โลกคือหมู่สัตว์ ก็ล้วนแต่เป็นกองสมมุติทั้งนั้น พระหลายๆรูปนี้รวมกันเข้าก็กองสมมุติหมู่สงฆ์ มีชื่อต่างๆกันมา คนละตะกลูมาอยู่รวมกัน ดูของจริงสิ เข้าไปดูให้มันเห็น เมื่อเราเข้าไปแล้วจะเห็นมหาภูต มหาภูตคืออะไร ก็คือธาตุทั้ง ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม แล้วมหาภูต ๔ เป็นพระได้ยังไง ก็ล้วนเป็นกองสมมุติทั้งนั้น เรียกชื่อไม่ให้สับสนกัน

    เมื่อเราเข้ามาในกายวัดนี้ ใครเป็นคนสร้างวัด กายวัด วัดในนี้ใครเป็นคนทำ ใครเป็นสร้างพระอรหันต์ ๒ องค์ไม่ใช่หรอ พระบิดาพระมารดาเป็นผู้สร้างวัดขึ้น ขา ๒ แขน ๒ ศรีษะ ๑ ของญาติธรรมของพ่อพระแม่พระนี้แหละนี่ ดูสิจริงหรือไม่จริงในมหาภูต ๔
    ธาตุดินเป็นของพ่อนะ ธาตุน้ำเป็นของแม่น่ะ ธาตุใดมีลักษณะแข็งแกร่ง ธาตุนั้นเรียกว่าธาตุดิน ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า เป็นของพ่อนะ

    ส่วนธาตุน้ำล่ะเป็นของแม่นะ น้ำดี เสลด น้ำเหลือง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา มันเหลว น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร ธาตุทั้งสองประชุมกัน ธาตุไฟและธาตุลมจึงได้มาอาศัย
    ทำไมหลวงตาถึงบอกแต่เรื่องธาตุ ทำไมถึงไม่บอกเรื่องพระสงฆ์ ฉันอยากจะดูพระสงฆ์ค่ะ ทำไมมาพูดเรื่องธาตุอยู่ เพราะการประชุมธาตุเป็นเหตุ ถ้าไม่มีเหตุจะเอาผลมาจากไหน ทุกอย่างมีผลทั้งนั้น มีเหตุถึงมีผลเป็นปัจจัยเมื่อธาตุน้ำและธาตุดินไฟและลมจึงมาอาศัย จึงได้เกิดเป็นพระจึงกลายเป็นองค์สงฆ์

    ทำไมดินเป็นพระได้ยังไง ?
    “พระมหาปฐพี”เขาแปลว่าอะไร พ่อพระแม่พระแปลให้ฟังหน่อย เด็กชั้น ป.๔ เรียนแค่ชั้น ป.๔ พระมหาปฐพีเขาแปลว่าอะไร แล้ว “พระมหานที” เขาแปลว่าอะไรถามตัวเองน่ะ พระเพลิงล่ะ พระพายล่ะ ก็เพราะมกาภูตทั้ง ๔ มาประชุมกันแล้วน่ะ คือองค์พระ จึงเป็นสมมุติตั้งขึ้น

    ทำไมจึงตั้งขึ้น ถ้าไม่ตั้งขึ้นจะกล่าวนะโมยังไง
    นะโมเป็นตัวตั้งเป็นเหตุ นะเป็นธาตุน้ำ โมเป็นธาตุดิน เข้าใจไหม เมื่อธาตุตั้งขึ้นแล้ว เป็นพระทั้ง ๔ รูปประชุมกัน พ่อและแม่เป็นคนประชุม ยังให้อยู่ในครรภ์ของแม่อีก ๑๐ เดือน ประชุมน้ำและประชุมไฟและประชุมดิน ไฟและลมนะมาอาศัยเฉยๆ คนเรานะที่ขาดลมนะตาย แต่มหาภูตทั้งสองนี่ยังอยู่นะ

    ไม่เชื่อถามหลวงปู่เปลี่ยนเลย นะและโมตั้งขึ้น พ่อและแม่เป็นคนตั้ง สร้างวัด คือกายวัดขึ้นมา เพราะธาตุทั้ง ๔ ประชุมกัน พระทั้ง ๔ ประชุมกัน จึงเป็นวัด กายวัดขึ้น ขา ๒ แขน ๒ ศรีษะ ๑ เต็มไปด้วยกองสมมุติ เป็นมหาภูตมหาธาตุที่ยิ่งใหญ่ เป็นรูปส่วนตัวจิตวิญญานคือตัวพุทธะ ใจของเราเอง


    ถอดจากเทปพระธรรมเทศนา
    หลวงปู่สวาท ปัญญาธโร วัดโปร่งจันทร์ อ.คิชฌกูฏ
    จ.จันทบุรี (ศิษย์ในองค์หลวงปู่แหวน สุจิณโณ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 859.jpg
      859.jpg
      ขนาดไฟล์:
      85.5 KB
      เปิดดู:
      39
  11. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ?temp_hash=445c715c228328107e7afee8c808cbe8.jpg
    เรื่องแปลกวันทอดผ้าป่าสามัคคี

    เมื่อประมาณ พ.ศ.๒๕๒๓ มีลูกศิษย์ลูกหาจากทางบ้านเราลงไปทำการทำงานที่ จ.สุพรรณบุรีและได้ไปเล่าขานถึงหลวงปู่หนูเพชร ปัญญาวุโธ #ว่าวัดป่าภูมิพิทักษ์นี้ไม่มีพระสงฆ์กล้าอยู่ มาอยู่อย่างมากก็เพียงพรรษาเดียวก็ออกไปที่อื่น นอกจากหลวงปู่เพชรเท่านั้นที่ท่านอยู่มี่นี่มาเป็นเวลายาวนาน เริ่มจาก พ.ศ.๒๕๐๕ เป็นต้นมา

    โดยเฉพาะวัดป่าภูมิพิทักษ์นี้มีเรื่องลึกลับซับซ้อนไม่สามารถจะนำกล่าวได้ แต่หลวงปู่ท่านก็อยู่มาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้จะอยู่เพียงองค์เดียวก็ตาม และยังพูดถึงของดีที่เป็นโบร่ำโบราณในวัด อาทิ #สถูปศิลาแลง ที่อยู่ที่นี้มานานตั้งแต่ยังไม่เป็นวัดคงจะมีซากปรักหักพังคลุมด้วยเถาวัลย์และดงไม้แทบจะว่าเป็นป่าดงดิบทีเดียว ด้านล่างทิศตะวันเป็นคำ(น้ำซับมีน้ำตลอดปีไม่ขาด) นอกจากนี้ยังมีใบเสมาแกะสลักด้วยหินทรายเก่าแก่สร้างในสมัยใดไม่ปรากฎ
    เคยมีคนมาขโมยเสมาอันนี้แต่ในที่สุดก็เอาไปไม่ได้ ยังไม่เพียงเท่านั้นยังพบกับอาถรรพ์ถึงกับลอยบกหน้าอกถลอกปอกเปิกไปเลยก็มี คำล้ำลือนี้ได้ยินไปถึงคนทรงคนหนึ่งที่มีคาถาอาคมพอสมควรเกิดความสนใจอยากจะมาพิสูจน์ด้วยตนเอง ว่าจริงดังคำล้ำลือหรือไม่ #อยากจะลองวิชาว่างั้นเถอะ!!

    และได้ร่วมคณะผ้าป่าสุพรรณบุรี ที่ลูกศิษย์ลูกหาหลวงปู่ขึ้นมาทอดเพื่อทำบุญบูรณะวัดป่าภูมิพิทักษ์ในครั้งนี้ด้วย เมื่อคณะผ้าป่าแห่ผ้าป่าเข้ามาในบริเวณวัด ชายคนที่เป็นร่างทรงเล่าให้ฟังตอนหลังว่า เขามองเห็น "ชายที่มีอายุท่านหนึ่งใส่เสื้อสีขาวกางเกงสีขาว " กวักมือเรียกให้เข้าไปหา ชายที่เป็นคนทรงจึงเดินตามไปโดยไม่รู้สึกตัว มารู้สึกเมื่อมีคนที่มาจากคณะผ้าป่าดึงเอาออกจากกอไผ่บ้าน(ไผสีสุก) ที่มีหนามเต็มไปหมด นำมาหาหลวงปู่ในอาการที่ตกใจสั่นงันงก

    หลวงปู่จึงได้รดน้ำมนต์ให้แล้วเล่าความจริงให้คณะฟัง แล้วคนทรงจึงยอมรับว่าเจอของจริงแล้ว นั่นคือเหตุการณ์แปลกที่เกิดขึ้นในวัดป่าภูมิพิทักษ์ ในปีต่อมาชายร่างทรงคนเดิมก็ได้ขึ้นมากับคณะผ้าป่าอีก แต่คราวนี้เขาไม่แสดงอาการใดๆ กลับสงบเงียบอยู่ในอาการรำรวมไม่อยากพบเจอเหมือนอย่างที่เคยพบมาเมื่อปีก่อนอีก

    เรื่องเล่าจากหลวงปู่หนูเพชร ปัญญาวุโธ
    วัดป่าภูมิพิทักษ์ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

    คัดลอกจากหนังสือประวัติ
    หลวงปู่หนูเพชร ปัญญาวุโธ เมื่อปี ๕๗
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S__2809861.jpg
      S__2809861.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.1 KB
      เปิดดู:
      46
  12. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ?temp_hash=8f3b9237b5e052e2bb843d889f8b6bd2.jpg
    โสดา หรือ โสเดา ?

    "โสดา" เพิ่นภาวนาเก่งเด้ บ่ต้องบอกเรื่องบุญเรื่องบาปเพิ่น เพราะว่าเพิ่นฮู้เพิ่นเป็นของเพิ่นเอง !

    แต่ "โสเดา" มีแต่ขี้คุย มีแต่ขี้โม้ จำเก่ง เว้าเก่งซือๆ

    โอวาทธรรมะ
    "พระเดชพระคุณพระครูปัญญาวรากร" หรือ องค์หลวงปู่สมภาร ปัญญาวโร (หลวงปู่ใหญ่) วัดป่าวิเวกพัฒนาราม อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S__3039280.jpg
      S__3039280.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.2 KB
      เปิดดู:
      40
  13. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ?temp_hash=8f3b9237b5e052e2bb843d889f8b6bd2.jpg
    เรื่อง "ความอัศจรรย์ของญานหยั่งรู้หลวงปู่มั่น"
    (กฏระเบียบและการปฏิบัติอันเข้มข้นของพระป่ากรรมฐานในสมัยก่อน)

    การปฏิบัติของพระกรรมฐานในสมัยนั้นน่ะ มันอยู่ในป่าในดง ไม่ได้ฉันแบบเพื่อความอิ่มหนำสำราญ ฉันเพื่อพอได้มีกำลังเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา เพราะฉะนั้นพระกรรมฐานในสมัยนั้นจิตเข้าถึงดวงธรรมได้เยอะ เราลองมาคิดดูสิศิษย์หลวงปู่มั่นศิษย์หลวงปู่เสาร์ นับตั้งแต่องค์ไหนมา ไล่มานี่เยอะมากที่เป็นพระอรหันต์น่ะ องค์ไหนละที่เราไปในงานถวายเพลิงศพนะไม่มีคนนะ องค์ไหนละที่ถวายเพลิงศพแล้วเก็บอัฐิแล้วอัฐิไม่เป็นพระธาตุนะ คิดดูสินะ!!

    ความบริสุทธิ์มาจากใจที่ทำให้อัฐิของเรา กระดูกของเรากลายเป็นแก้วได้ กลั่นกรองมาจากจิตอันบริสุทธิ์นี้แหละ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดทางกามคุณ ใจบริสุทธิ์ไม่โลภไม่โกรธไม่หลง ละได้หมดน่ะ เป็นผู้ไม่มีจิตใจอันบริสุทธิ์ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดทางกามคุณ ใจบริสุทธิ์ไม่โลภไม่โกรธไม่หลง นั่งสมาธิทพจิตใจให้สงบ นั่งตั้งแต่ทุ่มหนึ่งไปถึงตี ๕ ถ้าเป็นวันพระนี่ไปรวมกันไหว้พระสวดมนต์แล้วก็นั่ง หลวงปู่ก็เทศน์

    อย่างที่หลวงปู่อ่อนนี่ท่านเทศน์ไปถึงตี ๕ ถ้าเป็นวันพระไม่ได้นอนหรอกทั้งโยมทั้งพระ ใครขยับไม่ได้เลยเด้นั่น "โอ้ย!...ยิ่งหนักไปกว่าเดิมเด้ โอ้ย!...ขยับนี่ไม่ได้แหล่ว" (ลป.ขำพอใจ) เสียงดังขึ้นก้องกังวาน!!
    ถ้าเป็นเสือนี่ ขู่อย่างรุ่นแรงว่างั้นเถอะ ไม่มีใครกล้าขยับ เสือจะตะครุบเอาเด้ ระมัดระวังถึงขนาดนั้นเด้เวลาอยู่กับหลวงปู่ครูบาอาจารย์ เพราะฉะนั้นหลวงปู่มั่นไม่ต่างกันกับหลวงปู่อ่อน

    ที่หลวงปู่ได้ไปอยู่กับหลวงปู่อ่อน หลวงปู่อ่อนท่านเล่าให้ฟัง " #พ่อแม่ครูอาจารย์ใหญ่หลวงปู่มั่นนี่เหมือนกับเสือว่างั้น"...ดุที่สุด !!" เพราะฉะนั้นเราไปทำงานทั้งวันนี่ เหนื่อยแล้วทั้งวันนี่ คืนนี้ปฏิบัติเดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนาไปจนถึงเที่ยงคืนนี่ เหนื่อยแล้วจะนอนนี่ ถ้าคิดอย่างนั้นนะไปนอน พอวันหลังมาไปฉันน้ำร้อน "ซัดแล้วเป็นกัณฑ์เทศน์ใหญ่แล้วนี่" เพราะฉะนั้นจะนอนก็ต้องระมัดระวังเด้ ทำงานทั้งวันจะไปนอนเลยก็ไม่ได้ ต้องเดินจงกรมเสียก่อน แล้วค่อยไปนั่งสมาธิ อย่างน้อยต้องถึงเที่ยงคืนนะต้องให้ได้อย่างนั้น ถ้าไม่ได้อย่างนั้น...

    "โอ้ย! โดนหนักละ"

    เทศน์ไม่ลงง่ายเด้ ๓-๔ ชม.พุ่นเด้ นั่งอยู่นั่นไม่ได้ขยับเลยเด้ ฟังเทศน์อยู่องค์เดียว ไม่ใช่ธรรมดาเด้ เพราะฉะนั้นเกิดความกลัวเรื่องนี้ ผู้ปฏิบัติอยู่นั้นต้องระมัดระวังเรื่องจิตนี้ให้ดีที่สุด คิดอะไรไม่ดีก็ไม่ได้เด้ พอคิดขึ้นมาปุ๊บ พอไปกราบท่านท่านซัดขึ้นมาเลย สิ่งที่เขาคิดนอกทางนั้นนะ

    อุ้ย! กูจะอยู่ได้หรออย่างนั้นอย่างนี้ !
    ถ้ากูไปอยู่ที่อื่นคงสบายกว่านี้ !
    (ถ้าคิดอย่างนี้ โอ้ย!...พอไปฉันน้ำร้อนเท่านั้นแหละ)

    "มันไม่อยากอยู่มันจะมาทำไม!?(ลป.มั่น)
    (ไล่ทันทีเลยเด้ นี้มันเป็นอย่างนี้ละ )

    ไม่ได้ไปเชิญมาเด้ !! (ลป.มั่น)
    ซัดขึ้นมาเข้าตัวละก็...นิ่งคอพับไปเลย (ลป.ขำ)
    ซบตาใครก็ไม่ได้ละ นี้ละคือหลวงปู่ครูบาอาจารย์สมัยก่อน

    เพราะฉะนั้นการประฏิบัติธรรมนี่ จิตถึงเป็นสมาธิภาวนานะ จิตถึงเกิดความรู้แจ้งเห็นจริงนะ แต่ละท่านแต่ละองค์เมื่อได้ปฏิบัติตามหลวงปู่ครูบาอาจารย์แล้วก็พอมีอายุพรรษามากขึ้น ก็พอเป็นที่พึ่งพาอาอาศัยของลูกศิษย์ลูกหาหรือศรัทธาญาติโยมได้นี่ ก็ด้วยการปฏิบัติอย่างนี้มา สู้เป็นสู้ตายเด้ ในการปฏิบัติสมัยนั้นนะ

    ถอดจากเทปพระธรรมเทศนาหลวงปู่ไม อินทสิริ
    วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

    ถอดเทป/เรียบเรียง : นรินทร์ ศรีสุทธิ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S__3039285.jpg
      S__3039285.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.7 KB
      เปิดดู:
      35
  14. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ?temp_hash=8f3b9237b5e052e2bb843d889f8b6bd2.jpg
    วันเกิดคือวันเจ็บปวดของแม่
    มีโยมมาหาอาตมาบอกว่า : หลวงพ่อรดน้ำ(มนต์)ให้ด้วยวันนี้วันคล้ายวันเกิดผมนะ

    อาตมา : มันใช่ไหมละ เขาบอกว่าใช่ อาตมาบอกไม่ใช่

    โยม : ทำไมไม่ใช่ละ ?

    อาตมา : วันนี้ละวันแม่เจ็บปวดที่สุด ที่เราเอาเนื้อหนังมังสัง อัฐิกระดูกของท่านมาใช้นี่ เราลอดออกมาจากถ้ำน้ำลอด เจ็บปวดร้องห่มร้องไห้ไหมละคนเป็นแม่
    บอกว่าไม่เอาแล้ว ยอมแล้ว แต่เราก็เหมือนเดิมเพราะมันละไม่ได้ วางไม่ได้ ละความโลภ ความโกรธ ความหลง ละมานะทิฏฐิ วิจิกิจฉา มันละไม่ได้สักอย่าง
    มันก็เลยหลง มันหลงละทีนี่ หลงมันทำยังไง มันก็ชวนกันลงหม้อนรกละ ไม่ได้ชวนกันขึ้นสรรค์นะ

    ชวนยังไง ?

    กลับไปถึงบ้าน มันก็ไปซื้อเค้กมาสักก้อนหนึ่ง เอาเทียนมาปัก เรียกเพื่อนๆมาซื้อเหล้าซื้อเบียร์มาเลี้ยงกัน บอกว่าวันนี้วันคล้ายวันเกิดผมนะ เป่าก้นแม่ให้ด้วย แม่แกเจ็บปวดมาก เป่าที่ไหนละ ?
    ก็เป่าก้อนเค้กนั่นละ มันถูกไหมละ เป่าเสร็จก็ปาดก้นแม่เอามาเลี้ยงกัน เอาเหล้าเอาเบียร์มากินกัน นั้นละมันจะดึงกันลงหม้อนรก มันไม่ได้พาไปสรรค์หรอก (เป็นสำนวนเฉพาะองค์ท่านที่ใช้เป็นอุบายสอนญาติโยม)

    จะมาบอกว่า โอ้ยหลวงปู่ เขาทำกันหมดโลก!

    จริงไม่เถียง แต่ว่าพวกท่านถือศาสนาอะไร ?
    (ศาสนาพุทธ) เอ้า...ศาสนาพุทธอะไรไปเอาของฝรั่งมาใช้...หือ ของฝรั่งนะมันไปเอามาใช้นะ เป่าเค้กเป่าอะไรกันนะ

    #มันไม่ใช่ทางพุทธนะ!!
    แต่เราหลงเอง แต่เราไม่ยอมอีก นี่พระท่านเทศน์ให้ฟังก็ยังไปเถียงอีก บอกว่าหลวงพ่อเขาทำกันหมดโลก มันไม่ใช่หรอก

    #จะทำยังไงให้มันถูก!!

    ก็วันนี้วันแม่เจ็บปวดที่สุด เราก็ซื้อเสื้อผ้าดีๆคนละ 2-3 ชุดให้พ่อมั่ง ให้แม่มั่ง แต่งขันธ์ 5 ขันธ์ 8 ไป แล้วก็มีข้าวปลาอาหารดีๆ แม่เอ๋ยพ่อเอ๋ย วันนี้เป็นวันที่แม่เจ็บปวดที่สุดนะ ที่ลูกเอาเนื้อหนังมังสัง อัฐิกระดูกของพ่อของแม่มาใช้นี่ อย่าให้เป็นบาปเป็นกรรมนะ ให้ลูกมีความสุขความเจริญมีเงินมีทองเป็นเจ้าเป็นนายก็ให้เงินเดือนขึ้น ให้มีเงินมากๆพอได้ทำบุญทำทาน ทำไมไม่บอกท่านละ

    มีเงินสี่ส่าห้าหมื่นก็แบ่งให้ท่านซะ ให้ท่านใช้ด้วย เพราะเราเบียดเบียนท่านมาตั้งแต่เป็นเด็ก บางคนขณะนี้ก็ยังเบียดเบียนท่านอยู่ก็มี เบียดเบียนยังไง?


    ไม่มีเงิน ก็ แม่...เงิน พ่อ...เงิน ขออยู่อย่างนั้นล่ะ ตั้งแต่เป็นเด็กเป็นเล็กก็บอกว่า เข้า ร.ร.ค่าเล่าเรียน ค่าสมุดหนังสือ ค่าอาหารการกินเบียดเบียนท่านอยู่อย่างนั้น ทีนี้เราจะตอบคุณแทนคุณท่านจะไม่ได้หรอ?

    ปรับเปลี่ยนใหม่ซะ!!

    #แล้วคนที่เป็นหมอก็ยังมาเถียงอีก...โอ้ยหลวงปู่!!
    เดียวนี้เขาไม่ได้คลอดเองกันหรอก เขาผ่าออก

    หรอ...จริง !! ปัญหาหลีกเลี่ยง...
    มันเลี่ยงไม่ได้หรอก ผ่าออกมันเจ็บไหม รักษาแผลอยู่กี่เดือนทำไมจะไปแก้ตัวแค่นั้น มันแก้ไม่ตก แก้ตกก็มีอย่างเดียวเท่านั้นละ แต่งขันธ์ 5 ขันธ์ 8 มีอะไรดีๆก็ไปสมมาคารวะพ่อกับแม่ ให้ท่านอนุญาตให้...ให้เรามีความสุขความเจริญมีเงินมีทอง ไม่ใช่ว่าเราจะหลงไปตลอด

    ถอดจากเทปพระธรรมเทศนา
    หลวงปู่ประไพร สุภโร วัดป่าไพรรัตนวณาราม จ.อุดรธานี เมตตาแสดงธรรมให้ไว้กับคณะหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี (เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 59 )

    ถอดเทป/เรียบเรียง : นรินทร์ ศรีสุทธิ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S__3039287.jpg
      S__3039287.jpg
      ขนาดไฟล์:
      111.3 KB
      เปิดดู:
      32
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2021
  15. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ?temp_hash=95e5e785cc5fa9130bdb4e3ac9fb3398.jpg
    เฮ้ยมึงหลอกกูหรอ
    มาแอบอ้างเอาครูบาอาจารย์กูนี่
    เรื่อง หลวงปู่ไมพิสูจน์ร่างทรงหลวงปู่แหวน


    โยม : แล้วเรื่องที่เขาว่าเข้าเจ้าเข้าทรง มีหลวงปู่องค์นั้นองค์นี้อยู่กับตัว หลวงปู่ศุข, หลวงปู่ทวด, หลวงปู่...ฯลฯ

    ลป. : ปลอมทั้งนั้น อย่าให้เขาไปหลอก ของปลอมเฉยๆ

    โยม : มีบอกว่าร่างทรงหลวงปู่เทพโลกอุดร, ท้าวนั้นท้าวนี้, หลวงปู่ศุข, กรมหลวงชุมพร, รัชกาลที่ ๕, #บางคนเล่นเป็นพระพุทธเจ้า #เขาบอกเป็นพระพุทธเจ้า!

    ลป. : นี่ละมันปาบพวกนี้มันจะมีภัยพิบัติเกิดขึ้น ก็เพราะอย่างนี้ละ...ไม่ได้เอาตามธรรมะเด้ !

    โยม : มันเป็นที่จิตใต้สำนึกเขาหรือเปล่าคะ หรือลักษณะแบบว่า...

    ลป. : คนเรานี้จากจนมาพอมีเงิน มันก็หลงเห็นเขารวยก็อยากรวยกับเขาเด้ ไม่เชื่อบาปเชื่อบุญแหล่ว เพราะมันหลง เรื่องความโลภ ความโกรธ ความหลง เข้าครอบงำนี้ มันไม่รู้จักบุญจักบาปหรอก

    โยม : หนูก็คิดว่าพระที่ท่านสำเร็จแล้วขนาดนั้น เช่น หลวงปู่ศุข, หลวงปู่ทวด, ท่านไปนิพพาน ไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ท่านไปนานแล้วนะ ยังจะจับเอาร่างกับคนที่ไม่มีศีลมีธรรมได้หรอ ก็พยายามบอกเขา เขายังอวดอุตริอีก บอกว่าเขาเป็นหลวงปู่ทวดนะ เราจะเป็นท้าวโน้นท้าวนี้อะไรมาอย่างนี้คะ

    ลป. : แต่ก่อนเขานิมนต์ไป #บอกว่าเป็นหลวงปู่แหวนมาเข้าทรง_เป็นผู้หญิงเด้ !! "โอ้ย! มึงมาหลอกกูอยู่นี้หรอ" มึงคิดว่ากูเชื่อมึงหรอ มันก็คิดต่อต้านในใจแล้วนะ (ลป.+โยมหัวเราะ)

    โยม : แล้วถ้าคนที่เขาทำมีลักษณะแบบว่าเขามีความเชื่อถือมีความศรัทธากับบุคคลนั้น แล้วเขาก็เอาปัจจัยตรงนี้ไปสร้างประโยชน์ในพุทธศาสนาอย่างนี้ เขาบาปไหมคะ ?

    ลป. : มันสร้างแบบหลอกเฉยๆ มันไม่ได้บุญหรอก อันนี้มันหลอกหน้า เอาศาสนามาบังหน้า เอามาหลอกคน มันยิ่งบาปมากเลยแหละ พวกนี้มันจะบาป อย่างที่มันมาหลอกว่าเป็นหลวงปู่แหวนเข้าทรง หลวงปู่ก็แกล้งถามมันไปว่า..."โอ้ย ดีแล้ว! หลวงปู่มาหรอ ลูกหลานก็เคารพหลวงปู่" (โอ้ย! มันก็โม้ไปละทีนี่)

    "เอ้า! ถ้าเป็นหลวงปู่จริงๆ สวดปาติโมกข์ให้ฟังหน่อย" (มันก็กุกๆ กักๆ) "เฮ้ย! มึงหลอกกูหรอ ?"

    เราก็ซัดขู่มัน มันก็ล้มตึงลงเลย(ลป+โยมหัวเราะ)

    " มาแอบอ้างเอาครูบาอาจารย์กูนี่ !! "
    มันก็ล้มตึงลงเกลือกกลิ้งอยู่กับพื้นดิน น้ำมนต์ซัดเข้าให้อีก...(ซัดน้ำมนต์ใส่ผีเข้าทรงที่แอบอ้าง)

    ถอดจากเทปเรื่องเล่าหลวงปู่ไม อินทสิริ
    วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

    ถอดเทป/เรียบเรียง : นรินทร์ ศรีสุทธิ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 96.jpg
      96.jpg
      ขนาดไฟล์:
      67.7 KB
      เปิดดู:
      36
  16. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ?temp_hash=1c53904c69ddd56b1b63e74bc5a95897.jpg
    ศีลห้าอย่างต่ำสุดพาไปเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา พรหม
    ผู้ไม่มีศีลล่ะ มันจะผลักดันให้เราไปเกิดในภูมิที่ต่ำ ต่ำสุดคือ นรก อเวจี เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน นี่ล่ะคือผลของไม่เชื่อฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า ผลก็ออกมาอย่างนี้ พระอริยเจ้าท่านมาสั่งมาสอนก็เพื่อให้เห็นทุกข์ สอนให้พ้นจากทุกข์
    ศีลนี้ล่ะตัวสำคัญ ศีลคืออะไร รักษาให้เป็นอะไร ศีลคือรักษากายให้ปกติ
    รักษาวาจาให้ปกติ
    รักษาใจให้ปกติ
    ถ้ามีศีลสมบูรณ์ จะทำอะไรมันก็รู้ก็เห็น สิ่งไม่รู้ก็จะได้รู้ สิ่งไม่เห็นมันก็จะได้เห็น ถ้าศีลไม่มีมันก็จะมืด จะทำอะไรก็ไม่รู้ไม่เห็น สิ่งที่ควรรู้ก็ไม่รู้ สิ่งที่ควรเห็นก็ไม่เห็น เพราะไม่มีศีลสมบูรณ์มันเลยมืด.."

    คติธรรมหลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม
    วัดป่าสีห์พนม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 407898.jpg
      407898.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.3 KB
      เปิดดู:
      27
  17. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ?temp_hash=9d0e1c8913f35855348aec6a94c1da07.jpg
    นี้แหละกินแต่บุญของคนอื่น
    "อืม มันเป็นอย่างนี้ ประเทศไทยเราก็มีเยอะเด้"

    ในสมัยครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าไปโปรดเมืองไพศาลี มีพระหลวงตาติดตามไปเยอะเด้ ในสมัยนั้นมันแห้งแล้ง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน แล้วก็มีพระองค์ที่ติดตามไปสำคัญนี่ ก็คือพวกพระอรหันต์ทั้งหลาย พระพุทธเจ้านี่ก็ให้นิมนต์ “พระสีวลี” นี้ติดตามไปด้วย เพราะว่าที่นั้นนะมันแห้งแล้งกลัวว่าจะไม่มีอาหารมาบิณฑบาตมาเลี้ยงผู้คน พระภิกษุก็เป็นพันแล้ว แล้วก็มีอุบาสกอุบาสิกาอีกหลายหมื่นหลายแสนแล้วนี่ แล้วจะเอาอาหารอะไรมาเลี้ยงคน เฉพาะบารมีของเราคนเดียวสงสัยจะไม่พอ เพราะฉะนั้นท่านถึงให้นิมนต์พระสีวลีผู้ที่มี “เอตทัคคะลาภมาก”

    ทีนี้พอไปแล้วนี่ “โอ้ย! อาหารนี่เต็มเปี่ยม”
    พวกพระหลวงตาที่ไปด้วยนี่ได้ฉันอิ่มหนำสำราญเด้ พระพุทธองค์ไปโปรดเมืองไพศาลีเป็นเวลายาวนานถึง ๑ เดือน โอ้ย มันอุดมสมบูรณ์ พอถึง ๑ เดือนแล้วนี่ ก็มีคนที่เมืองไพศาลีมาทำบุญแล้วก็ฟังเทศน์ฟังธรรม เกิดความเชื่อความเลื่อมใส ขอบวชในพระพุทธศาสนาทีเดียวเป็น ๒๐,๐๐๐ คนนะ บวชทีเดียวเป็น ๒๐,๐๐๐ คนนี่ อาหารก็ยังเหลือล้นอยู่เด้ นี้บารมีของพระพุทธเจ้า บารมีของพระสีวลี บารมีของพระอรหันต์ทั้งหลายที่เสด็จไปในสมัยนั้นนะ อยู่มาพอถึงวันกลับพระองค์ก็จะเสด็จกลับมากรุงราชคฤห์ แล้วก็ประกาศถามพระภิกษุ สามเณรว่า...

    “ ใครจะอยู่ที่นี้ ใครจะไปกับเรา? ”

    หลวงตาที่ติดตามไปด้วยก็ปรึกษาถามกันว่า...
    “ พวกเราจะอยู่ที่นี้ดีไหม ถ้ากลับไปด้วย พระสมณโคดมก็จะบังคับให้เราเดินจงกรม ทำกิจวัตรนั่งสมาธิภาวนา ปวดขาก็ไม่ได้หยุดไม่พาลุกน่ะ ถ้าเราอยู่นี้อาหารก็อุดมสมบูรณ์ แล้วก็พากันภาวนาเพียงเล็กน้อย เราอยากจะพักผ่อนเราก็นอนสบาย อยู่นี้ก็อุดมสมบูรณ์ ” (พวกหลวงตาก็คุยกันแล้ว)

    พอพระพุทธเจ้าประกาศ...“ใครจะกลับกับเรา ?”
    ยกมือขึ้นเพียบ พวกหลวงตา ๓๐-๔๐ รูปก็ทูลพระพุทธเจ้าว่า... “พวกกล้ากระผมจะอยู่ที่นี้ ”

    พออยู่แล้วก็ทำเหมือนอย่างที่ตัวเองคิดละทีนี้ ตอนเช้ามาไปบิณฑบาตมาฉัน ฉันอิ่มแล้วก็นอนสบายเลย เดินจงกรมก็ไม่เดิน ไม่เหมือนกับตอนที่พระพุทธเจ้าพาปฏิบัติ นั่งสมาธิก็ไม่นั่ง ไหว้พระสวดมนต์ก็ไม่ทำ

    อยู่มาศรัทธาญาติโยมก็หวังพึ่งพาอาศัยครูบาอาจารย์ที่อยู่ที่นั้นจะเป็นผู้นำประพฤติปฏิบัติ ไปวัดวันไหนหลวงตาก็มีแต่นอนคุยกันเล่นอยู่ ฉันอิ่มแล้วก็นอน ศรัทธาก็หนีไปๆ ผลสุดท้ายจนไม่มีใครจะมาทำบุญทีนี้ อาหารก็ฉันไม่อิ่มละทีนี่ ไม่อิ่มก็หิวละทีนี่

    “ทำไมตั้งแต่พระสมณโคดมไป ทำไมไม่มีใครมา? ”
    (ตอนที่อยู่นะอาหารอุดมสมบูรณ์ )

    ก็เลยมาคุยกันใหม่...“เอ๋..เราจะทำยังไง เราอยู่นี้ไม่ได้แล้วเดียวตาย ” (บางรูปก็อดไปอดมาจนผอม มันอดถึงขนาดนั้นเลยจนผอม)

    ผลสุดท้าย...“ ไม่ได้ !! เราต้องไปขอขมาพระสมณโคดม ไปรับสารภาพ ”

    ถึงพากันตามพระพุทธเจ้าไปถึงกรุงราชคฤห์ ไปถึงกรุงราชคฤห์ไปสารภาพผิด ว่าตัวเองนี้ประพฤติไม่ถูกไม่ชอบตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากนี้ไปจะไม่ทำอย่างนี้อีกเป็นเด็ดขาด (โอ้ย เครียดแหล่วไปอยู่เมืองไพศาลี ครั้งแรกก็อุดมสมบูรณ์ )

    นี้แหละกินแต่บุญของคนอื่น
    อืม...มันเป็นอย่างนี้ ประเทศไทยเราก็มีเยอะเด้

    ถอดจากเทปพระธรรมเทศนาหลวงปู่ไม อินทสิริ
    วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
    ถอดเทป/เรียบเรียง : นรินทร์ ศรีสุทธิ์
    ภาพโดย : ศิษย์หลวงพ่อไม อินทสิริ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S__3653643.jpg
      S__3653643.jpg
      ขนาดไฟล์:
      102 KB
      เปิดดู:
      42
  18. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ?temp_hash=82830f319afc59892ec5e037b7265339.jpg
    การทำบุญทำทาน เป็นฆราวาสให้ตั้งมั่นอยู่ในความพอดี ทำแล้วไม่ให้เดือดร้อนตัวเองและผู้อื่น บางคนถามอาตมาว่า วันนี้หลวงปู่ฉันได้เยอะมั๊ย เฮากะตอบว่าได้แหน่บ่ได้แหน่ (อยู่ในความพอดีแห่งการรักษาสังขาร) เป็นหยังคือว่าแบบนั้น บางครอบครัวถือกัน ลูกหลานมันหิวข้าวหิวขนม บ่ให้มันกินต้องให้พระฉันก่อน หรือ ลูกผัวบ่อิ่มปากอิ่มท้อง เฮากะต้องพิจารณาฉันในความพอดี แบ่งกลับไปให้ญาติโยมได้ทานกันด้วย ให้พิจารณากัน ชาวบ้านชาวนาหรือทุกคน เขามีบุญคุณ กว่าจะได้ข้าวมาแต่ละเม็ด เขาเหน็ดเหนื่อยกัน ให้ทานมาแต่ละอย่างล้วนมาจากความเหน็ดเหนื่อย เพื่อมาทำบุญทำทานกัน เฮาจะขบฉันอะไรก็ต้องพิจารณาในความพอดี เพียงเพื่อรักษาสังขาร และปฏิบัติธรรมเพียงเท่านั้น ทุกหกทุ่มหรื่อตีสองตีสาม เฮาต้องมาภาวนาแผ่เมตตาให้ญาติโยมผู้มีคุณ ไม่ให้เขาได้รับความทุกข์ยากลำบาก ให้เขาเจริญ ๆ "
    แม้แต่ปลาตัวนึงท่านก็พิจารณาที่มาที่ไปของมัน ก็ต้องแผ่เมตตาให้มันด้วย...ฯลฯ

    โอวาทธรรม หลวงปู่ประไพร สุภโร ที่แสดงธรรมให้ลูกศิษย์ ได้ฟังพิจารณากัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S__3653649.jpg
      S__3653649.jpg
      ขนาดไฟล์:
      122.9 KB
      เปิดดู:
      38
  19. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ?temp_hash=8f6dcef09b4c1687005349f4a443c087.jpg
    โอ้ย...ข้าพเจ้าถวายทองคำ
    #เกิดมาภพใดชาติใดก็ขอให้มีทองคำมากๆ"

    (ก็ยังไปปรารถนาอีกอยู่เด้ ยังจะไปห่วงใยอีกอยู่)

    บางคนมาก็ตั้งจิตอธิฐาน ขอให้ข้าพเจ้าเข้าถึงดวงธรรม นี้คือความปรารถนาที่มาฉลองเจดีย์วันนี้ และก็มาขอให้ข้าพเจ้ามีสติปัญญาเฉียบแหลมเหมือนกับยอดฉัตรเจดีย์

    บางคนก็เอาแก้วแหวนเงินทอง มาถวายอาจารย์เชาว์อย่างนี้ อยากจะให้เอาไปบรรจุบนยอดเจดีย์

    บางคนก็เอาองค์พระมีหลายอย่าง ที่เป็นองค์ตัวแทนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เป็นพระพุทธรูปน้อยๆใหญ่ๆและก็มีทั้งเหรียญหลวงปู่ครูบาอาจารย์หลายๆชนิดที่มีอยู่ ทั้งเป็นหยก เป็นทองคำ เป็นทองเหลืองทองแดงมีหมด มีเป็นทั้งผงว่านมีหมด เป็นโลหะก็มี

    ที่เอามานี้บางคนก็คิดว่าถ้าเราเก็บไว้ ก็จะเป็นห่วงเวลาที่เราตายไปแล้ว คนอื่นก็จะเอาไปเฉยๆ เราเอาไปบรรจุเจดีย์ไม่ดีกว่าหรอ คนจะได้กราบไหว้ทั่วประเทศ...เขาก็คิดอย่างนี้ !

    #เมื่อเราเสียสละอย่างนี้ถือว่าเราตัดห่วงออกไปจากจิตใจของพวกเราน่ะ

    บางคนที่มีทองคำที่เป็นแก้วแหวนเงินทอง
    ก็ได้มาคนละอย่างน่ะ บางคนก็ได้แหวน บางคนก็ได้สร้อยทองคำมา บางคนก็ได้อะไรมาที่ห้อยอยู่หูนี่
    หลวงปู่ไม่รู้หรอกเขาเรียกว่าอะไร...ตุ้มหูบ่ ?
    นั้นละเขาก็เอามาร่วมบริจาคกันที่นี้

    คนที่มาก็เอามาถวายที่นี้...
    "โอ้ย!!...ข้าพเจ้าถวายทองคำ เกิดมาภพใดชาติใดก็ขอให้มีทองคำมากๆ"
    (ก็ยังไปปรารถนาอีกอยู่เด้ ยังจะไปห่วงใยอีกอยู่ ! )

    บางคนปรารถนาว่า..."ต้องการต่างหูใหญ่ๆ"
    ที่อยู่ข้างหูน่ะ ถ้าเกิดว่ามีโจรมา มันก็จะมาตัดหูข้าพเจ้า หูข้าพเจ้าก็จะฉีกขาด ถ้ามันไม่ขาดโจรก็จะเอามีดมาฟันคอขาด เราจะมาตายเพราะอันนี้หรอ?
    อยู่ที่มือเขาก็จะตัดนิ้วเรา อยู่ที่คอเขาก็จะตัดคอเรา

    โอ้ย...มันมีแต่โทษ !

    “ เอามาถวายอาจารย์เชาว์ ให้ท่านบรรจุบนยอดเจดีย์ เอามาไว้ที่นี้เป็นสมบัติของแผ่นดินต่อไป ”

    เหมือนสมัยก่อนที่พม่ามาตีแล้วขนเอาทองคำไปบ้านเขา หลวงปู่ก็ยังชื่มชมเขาอยู่เด้ แต่พวกเรานี่อาจจะไม่เข้าใจเหมือนอย่างหลวงปู่ อาจจะเก็บความแค้นไว้ในใจว่ามันมาเอาของบ้านเมืองเราไป แต่ถ้าเหลือไว้ในประเทศเรา มันจะเหลือหรือเปล่า?

    มันไม่ไปอยู่กับนักการเมืองหมดแล้วหรอ ?
    แต่ถ้าอยู่ใน “ชเวดากองล่ะ” เขาไปตีเป็นแผ่นๆปิดไว้ในเจดีย์รักษาให้เรา เจ้าหน้าที่เขาก็ดูแล ไม่มีใครมาขโมย มีแต่คนจะเสริมเข้าไปอีกน่ะ รักษาไว้ให้คนมากราบไหว้บูชา

    ถ้าอยู่ในไทยมึงเสร็จแล้ว...เหลือแต่ทองเปลว!! ขนาดทองเปลวยังจะไปขูดดูอยู่ สงสัยว่ามันเป็นทองแผ่นหรือเปล่า ?

    "โอ้! ประเทศไทยนี้ไม่สมศักดิ์ศรีว่าเป็นเมืองพระพุทธศาสนาเลยนะ ของเขานี่เอาจริงเอาจังนะ
    ขนาดพระที่หล่อด้วยทองคำ (ในประเทศไทย)

    ยังจะเอาปูนไปปิดอยู่ ทั้งๆที่มันดีอยู่ใช่ไหมล่ะ ทำไมไม่ให้คนเห็น (กลัวเขาขโมย) ขนาดไม้พยุงเสาศาลา มันยังมาตัดนะ อย่าว่าอะไรแต่ทองคำน่ะ

    คนที่นั้นตอนเช้าเขาจะไปทำงาน
    เขาจะหิ้วปิ่นโตมาด้วย ก่อนไปทำงานเขาจะขึ้นมา “กราบเจดีย์ชเวดากองก่อน” สวดมนต์ นั่งสมาธิพักหนึ่งเขาก็ไป

    พอไปทำงานแล้วตอนเย็นกลับมา เขาก็จะมากราบสวดมนต์ นั่งสมาธิภาวนา แล้วก็ควักเงินออกจากกระเป๋าหยอดใส่ตู้บริจาคทุกวัน

    ตู้บริจาคนี้ใหญ่เท่าธรรมาสน์นี้ สูงขนาดนี้แหละ
    เงินอยู่ในนั้นเต็ม รอบๆมีหยากไย่ ไม่มีใครไปแตะต้อง เงินก็หล่นออกจากตู้กองลงข้างล่าง

    ถ้าบ้านเราล่ะ ?
    หมดทั้งตู้ทั้งข้างนอกข้างใน ไม่มีเหลือเลยว่างั้น !
    นี้คือความซื่อสัตย์สุจริตของคนในประเทศพม่าน่ะ น้ำใจของโยมในพม่าเป็นชาวพุทธ

    แต่ถ้าบ้านเราล่ะไปไหนมาไหน กอดกระเป๋าไว้แน่น จะนั่งสมาธิภาวนา ก็วางห่างๆทิ้งไว้ไม่ได้ กลัวมันหายจริงไหม ?

    ถอดจากเทปพระธรรมเทศนาหลวงปู่ไม อินทสิริ
    วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
    ในงานพิธียกยอดฉัตรพระมหาเจดีย์ศรีสามหมื่นทุ่ง วัดป่าบ้านมูเซอสามหมื่นทุ่ง อ.แม่สอด จ.ตาก
    วันที่ ๐๔ ธ.ค.๕๙
    บันทึกธรรม : นรินทร์ ศรีสุทธิ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S__3710983.jpg
      S__3710983.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.5 KB
      เปิดดู:
      48
  20. ธีระนะโม

    ธีระนะโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,694
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,226
    ?temp_hash=35e745005487a1cd9fe8d020b6f8502c.jpg
    เราคือ "พระอุปคุต" เรามาอนุโมทนากับเธอ เพราะเธอเคยเป็นลูกศิษย์เราในอดีตสมัยพุทธกาล !!!

    (เป็นคำกล่าวของอาจารย์ที่กล่าวกับศิษย์ ซึ่งมีสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งมายาวนานกว่า ๒,๐๐๐ กว่าปี )

    หลวงปู่เคยเมตตาเล่าไว้ตอนเทศนาว่า "คืนหนึ่งเราเดินจงกรมอยู่ พอจิตมันรวมเราเลยไปยืนสงบนิ่งอยู่ เลยนิมิตรเห็นพระอาจารย์ท่านมาโปรดตอนนั้นปรากฏภาพพระเถระมาปรากฏกายยืนลอยเด่นรัศมีสว่างจ้าอยู่ประมาณยอดต้นไม้ที่เราเดินจงกรมอยู่นั้น ท่านบอกว่า..."เราคือ พระอุปคุต" เรามาอนุโมทนากับเธอ เพราะเธอเคยเป็นลูกศิษย์เราในอดีตสมัยพุทธกาล !!

    ท่านบอกว่า..."#เราเป็นห่วงเธอ_เพราะในสมัยนั้นเธอยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์" เธอเกิดเป็นไข้มาลาเรีย ในช่วงนั้นกำลังเดินธุดงค์จะไปถึงที่พัก ห่างที่พักเดินยังไม่ถึงที่พัก ประมาณอีก 2-3 ชม.ก็จะถึงแล้ว จากนั้นคิดว่า 3 ทุ่มจะเดินไปถึง ตอนนั้นน่าเป็นบ่าย 4 โมงเย็นแล้ว ทางที่จะเดินถึงนะอีก 30 กิโล เดินไปถึงครึ่งทางนะไข้มาลาเรียมันขึ้น เราก็เป็นเณรน้อยทั้งพายบาตร,แบกกลด,หิ้วกาน้ำนี่เดินนำหน้า ท่านให้เดินนำหน้าคล้ายๆว่าคุมเราไป ท่านก็รู้ว่าเราเป็นไข้ขึ้นหนักอยู่ แล้วต้องเดินทางด้วยกัน บังเอิญไข้มันขึ้นสูงหลวงปู่ก็เลยชัก ชักจนขามันงอขึ้นมา มันล้มคะมำ ชักกะแด้วๆ วนไปวนมาอยู่พื้นดิน องค์ท่านพระอุปคุตท่านก็ยื่นอยู่ ยื่นอยู่นั้นจะก้มลงไปอุ้มเรา ในภาพที่หลวงปู่เห็นในนิมิต ในขณะที่ท่านกำลังเล่าอยู่นะ #ท่านเล่าอยู่บน_ลอยอยู่บนอากาศ ภาพที่เราเห็นในประเทศอินเดียก็เป็นตามที่ท่านเล่าทุกอย่าง

    #นี่แหละจิตใจถึงผูกพันกับพระอุปคุตจึงได้สร้างพระอุปคุตขึ้นมา
    #แต่ว่าพระอุปคุตนี้เป็นผู้ที่สำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนาในยุคต่อมา!!
    ในช่วงที่พระเจ้าอโศกมหาราชฟื้นฟูพระพุทธศาสนามานี้ และก่อนที่พระเจ้าอโศกมหาราชจะมาฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ก่อนนั้นตัวเองได้ไปล่าล้างอาณานิคมไปหลายประเทศจนไปถึงตาลีบันไปเจาะภูเขาสร้างพระพุทธรูปตาลีบัน และก็ไปสร้างถ้ำอชันตา สร้างโบสถ์วิหาร สร้างศาลาการเปรียญ หอประชุมใหญ่ สร้างเจดีย์อะไรทั่วโลกในครั้งนั้น นี้คือพระเจ้าอโศกมหราชท่านสร้าง ทำไมถึงไปสร้างอย่างนั้น เพราะพระเจ้าอโศกระลึกได้ว่าได้ล่าอาณานิคม ในสมัยนั้นเหยียบเลือดคนนี้ท่วมหลังเท้า ฆ่าคนตายใครไม่มาสวามิภักดิ์ ตัดคอทิ้งเลยว่างั้น

    เพราะฉะนั้นเมื่อสงครามสงบลงไปแล้ว ยึดประเทศชาติได้หมดแล้ว ก็มานึกได้ว่า..."เอ๋!...เราฆ่าคนมากอย่างนี้ เราจะไม่มีบาปมีกรรมหรอ แล้วเราจะทำยังไง นอกจากพระพุทธศาสนานี้ไม่มีอย่างอื่น ถึงมันก็แก้กรรมไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราจะฟื้นฟูพระพุทธศาสนาเป็นการสร้างวัดวาอาราม แต่ที่พระเจ้าอโศกมหาราชจะสร้างพระมหาเจดีย์ขึ้นมาบรรจุพระบรมสารีกธาตุของพระพุทธเจ้า"

    พญามารเป็นตัวร้ายที่สุดในสมัยนั้น พญามารนี้ค่อยจะเบียดเบียนพระพุทธศาสนาไม่ให้ศาสนาเจริญขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นพระเจ้าอโศกฯสร้างอาคารขึ้นมาใกล้จะเสร็จแล้วนี้ พญามารก็จะร่ายคาถาร่ายมนต์เป็นพายุหมุนพระมกาเจดีย์ม้วนลงกับพื้นดินราบสลายสูญไปหมด เหมือนกับสึนามิที่เกิดบ้านเราเป็นอย่างนั้น พังลงอย่างนั้นเลย ทำอยู่ 7 ปียังไม่ได้ขึ้นสักอันเลย ทำที่ไหนก็ไม่ขึ้น ขึ้นมาก็ถูกพญามารทำลาย หลังจากนั้นพระเจ้าอโศกฯก็ท้อใจ

    "เอ๋...จะทำยังไง?"

    และก็ไปปรึกษาพราหมณปุโรหิตทั้งหลาย พราหมณปุโรหิตทั้งหลายก็เลยเล่าให้พระเจ้าอโศกฯฟังว่ามี พระสำคัญอยู่รูปหนึ่งอยู่ตามชนบทชายแดนประเทศ

    พระเจ้าอโศกฯ : ท่านชื่ออะไร ?

    พราหมณปุโรหิต : ชื่อ "พระอุปคุต" ท่านผู้นี้เป็นผู้มีบุญบารมีมาก ถ้าพระองค์นี้มาช่วยงานของพระราชาก็จะสำเร็จไปด้วยดี

    เพราะฉะนั้นพระเจ้าอโศกจึงให้คนไปนิมนต์พระอุปคุตมา พอไปนิมนต์พระอุปคุตก็มาเห็นเหตุการณ์ก็เลยว่า เราจะช่วยเหลือ พระอุปคุตก็รับปากคำกับพระเจ้าอโศกมหราช ทีนี้พอจะสร้างวิหาร เจดีย์อยู่ที่ไหน พระอุปคุตจะไปนั่งกำหนดจิต พอสร้างกำลังจะเสร็จพายุมันมาแล้ว สีดำ สีแดง หมุนตึงตังๆฟ้าร้องสนั่นมาแล้ว พระอุปคุตก็กำหนดจิตดู เห็นพญามารกำลังร่ายมนต์อยู่ พระอุปคุตก็กำหนดจิตจับพญามารเลย ร่ายมนต์ไปจับพญามาร พอจับพญามารฤทธิ์ของพญามารก็หมด พายุก็สงบลงไป พระอุปคุตก็เสกหนังหมาเน่ามามัดพญามารใส่ภูเขานะ ภูเขาหินนะมัดใส่เลย มัดไว้ ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน จนสร้างวัดวาศาสนาสำเร็จหมด

    พระอุปคุตก็จะมาปล่อย พญามารก็รู้ว่าสร้างเสร็จหมดแล้ว

    พญามาร : ท่านอาจารย์ทำไมยังไม่ปล่อย ทำไมไม่รักษาสัญญา

    พระอุปคุต : เอ้อ เราจะปล่อยอยู่ เสร็จเราก็รู้ว่าเสร็จ แต่ก่อนที่จะให้เราปล่อยนี้ ต้องรับพระไตรสรณคมน์เสียก่อน ถ้าไม่รับพระไตรสรณคมน์เราจะไม่ปล่อยเป็นเด็ดขาด จะมัดให้ตายอยู่นี้ !

    พญามารกลัวตายก็เลยรับพระไตรสรณคมน์ รักษาอุโบสถศีลตลอดชีวิต รับพระไตรสรณคมน์ก็คือนับถือพระพุทธเจ้า จะเป็นปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เชื่อฟังพระอรหันต์ที่เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าในพระพุทธศาสนา

    เพราะฉะนั้นยุคพระศรีอริยเมตไตร พญามารจะไม่มานิมนต์พระศรีอริยเมตไตรเข้าสู่ปรินิพพานแล้วนะ (เมื่อครั้งสมัยพุทธกาลพญามารตนนี้แหละ เคยมานิมนต์ให้พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเข้าสู่ปรินิพพาน และยกกองทัพมารทั้งหลายมาเพื่อแย่งชิงบัลลังค์ของพระพุทธองค์ แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อพระบารมีของพระองค์ไป โดยมีพระแม่ธรณีขึ้นมาเป็นพยานในบารมีของพระพุทธองค์เคยสั่งสมบารมีมาทุกภพทุกชาติ จนมาสำเร็จเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้าในปัจจุบัน โดยพระแม่ธรณีก็แสดงบีบมวยผมปล่อยกระแสธารบุญบารมีของพระพุทธเจ้าไหลมาท่วมกองทัพพญามารจนพ่ายแพ้หนีไปในที่สุด และกลายเป็นตำนานพระแม่ธรณีบีบมวยผมมาจนถึงทุกวันนี้)

    เพราะฉะนั้นยุคพระศรีอริยเมตไตรจะมีอายุถึง 80,000 ปีเลยนะ ไม่ใช่ธรรมดาเด้ พวกเรานี่จะมีอายุถึง 80,000 ปี

    ทำไมถึงอายุยื่นแท้ มันจะไม่ล้นโลกหรอ จะล้นโลกยังไง?

    ใครเกิดขึ้นมาก็ตัดกิเลสออกแล้ว ไม่มีคู่ครองกันแล้วเป็นหมันกันแล้ว มีเท่าไหร่ก็มีเท่านั้น จบเลยว่างั้น (หลวงปู่ขำ) ไม่มีพญามารมานิมนต์ให้ปรินิพพาน ทุกคนที่อยู่ที่นี้เป็นพระอรหันต์ อยู่ที่ไหนก็เสมอเดิมก็เป็นอย่างนั้น นี้ฤทธิ์ของพระอุปคุตอยู่ในซองนี้เด้อ อันนี้ป้องกันภูติผีปีศาจได้ หลวงปู่รับรองคุณภาพนะ (เสียงสาธุดังยาวๆของญาติโยม)

    หลวงปู่ก็ขำพอใจ....


    ถอดจากเทปพระธรรมเทศนาหลวงปู่ไม อินทสิริ
    วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 22.jpg
      22.jpg
      ขนาดไฟล์:
      89.8 KB
      เปิดดู:
      31

แชร์หน้านี้

Loading...