หมอไร้คุณธรรม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 20 มีนาคม 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,173
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]มีนิทานเล่าอยู่เรื่องหนึ่งพูดถึงเรื่องทางยมโลกว่า มีลูกชายของท่านพญายมเกิดป่วยหนัก พญายมจึงได้มีคำสั่งให้ยมฑูตไปหาหมอที่มีฝีมือชั้นหนึ่งจากมนุษย์โลกมารักษาลูกชายตน แต่ยมฑูตไม่มีความรู้ในด้านนี้ จึงขอคำชี้แนะจากท่านผู้พิพากษา ๆ ซึ่งชี้แนะว่าหมอที่มีฝีมือนั้นด้านหลังของหมอจะมีผีติดตามตัวน้อยที่สุด เมื่อยมฑูตได้ฟังคำแนะนำจากผู้พิพากษา จึงออกเดินทางไปที่เมืองมนุษย์เพื่อหาหมอที่มีฝีมือ (หมายถึงหมอที่มีผีติดตามน้อยที่สุด) ยมฑูตจึงเสาะหาหมอประเภทนี้จากโรงพยาบาลใหญ่หลายแห่ง ตามคลีนิคต่าง ๆ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะหมอส่วนมากจะมีผีติดตามอยู่มากมาย ต่อมายมฑูตได้เจอหมอหนุ่มคนหนึ่งมองดูข้างหลังแล้วมีผีติดตามแค่ตัวเดียว จึงได้เชิญหมอผู้นั้นไปที่ยมโลกเพื่อไปรักษาอาการ ป่วยของลูกชายพญายม พอไปถึงยมโลกพญายมดีใจมากอีกทั้งให้ความเกรงใจหมอคนนี้เป็นพิเศษ จึงให้หมอหนุ่มคนนี้รักษาอาการเจ็บป่วยของลูกชายตน ต่อมาอาการก็ดีขึ้นพญายมดีใจมากจึงให้ความนับถือหมอหนุ่มคนนี้มากยิ่งขึ้น มีอยู่วันหนึ่งพญายมมีโอกาสร่วมรับประทานอาหารกับหมอหนุ่ม พญายมจึงได้พูดจาชมเชยหมอหนุ่มมากมายพร้อมกับบอกว่ายังหนุ่มยังแน่นแท้ ๆ ทำไมเก่งอย่างนี้รักษาอาการเจ็บป่วยของลูกชายให้ดีขึ้นและที่สำคัญมีผีตามหลังแค่ตัวเดียว หมอหนุ่มจึงตอบว่า "เมื่อวานนี้เพิ่งจะเปิดคลีนิคบังเอิญมีคนไข้รายแรกมาผ่าตัดแล้วได้ตายไป เพราะเหตุนี้จึงมีผีตามหลังผมเพียงตัวเดียว ก็ผมเพิ่งจะทำให้คนไข้ตายเป็นรายแรก" พญายมได้ยินดังนั้นแทบจะเป็นลม นิทานเรื่องนี้ถึงแม้ฟังแล้วเป็นเรื่องขบขัน แต่ก็สอนให้รู้ว่า การจะเสาะหาหมอดีมีคุณธรรม และมี ฝีมือด้วยเป็นเรื่องที่ยากมาก เช่นบางครั้งคนไข้ไม่สมควรตายก็รักษาจนตาย และนิทานเรื่องนี้ คุณไป่เปี่ยวเป็นผู้ได้ยินได้ฟังด้วยตนเอง มีอยู่วันหนึ่ง คุณไป่เปี่ยวขับรถส่วนตัวเดินทางไปพิษณุโลกเป็นเส้นทางสู่ทางเหนือ ทุก ๆ เดือน คุณไป่เปี่ยวจะต้องเดินทางไปพิษณุโลก เมื่อรถแล่นผ่านปากน้ำโพบนถนนหลวงก็มีอุบัติเหตุรถชนกัน ระหว่างรถจักรยานยนต์ 2 คันชนกัน คันหนึ่งมี 3 คน อีกคันมี 2 คน ทั้งหมด 5 คน 1 ใน 5 คน มีชายคนหนึ่งลุกขึ้นมาโบกรถเพื่อขอความช่วยเหลือ นอกนั้นนอนระเนระนาดอยู่กับพื้น รถวิ่งผ่านไปมาหลายคัน แต่ไม่มีคันไหนจอดเพื่อช่วยเหลือคนเจ็บซึ่งมีผู้หญิง 3 คน 2 คนขาขาดอีกคนหนึ่งหน้าถลอกเลือดไหลไม่หยุด ส่วนผู้ชายอีกคนนอนอยู่กลางถนนไม่ไหวติง ต่อมาก็มีคนมามุงดูมากมาย คุณไป่เปี่ยวเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น จึงถามว่า "แถวนี้มีโรงพยาบาลไหม?" ชาวบ้านจึงว่า "ต้องนั่งรถไปอีก 20 กว่ากิโลจะมีโรงพยาบาลเอกชน" โรงพยาบาลนี้มีนายแพทย์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งประจำอยู่ เป็นโรงพยาบาลเปิดใหม่ คุณไป่เปี่ยวจึงคิดว่ารถของตนเองเป็นรถกระบะเล็กนั่งได้เพียง 2 คน ไม่สามารถให้ผู้บาดเจ็บโดยสารไปได้ จึงได้โบกรถคันอื่นเพื่อขอความช่วยเหลือ บังเอิญโชคดีมีรถกระบะคันหนึ่งแล่นผ่านมา คุณไป่เปี่ยวจึงขอความช่วยเหลือ โดยให้ ชาวบ้านหลาย ๆ คนช่วยกันอุ้มคนเจ็บขึ้นรถและขอให้ไปส่งที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เมื่อไปถึงโรงพยาบาลก็ไม่เจอหมอเจอแต่นางพยาบาลอยู่หลายคน คุณไป่เปี่ยวจึงรีบขอความช่วยเหลือจากนางพยาบาลพร้อมขอเตียงคนไข้และรถเข็นสำหรับคนเจ็บ นางพยาบาลเข็นมาให้แต่รถส่วนเตียงคนไข้ไม่ได้เข็นมา พร้อมกับพูดว่า "ต้องรอผู้อำนวยการเสียก่อน" คุณไป่เปี่ยววิ่งเข้าวิ่งออกโดยเสียเวลาไปมากจนกระทั่งเห็นหมอเดินออกมา เป็นหมอหนุ่มอายุไม่เกิน 30 ปี ดูลักษณะเหมือนหมอห่วงคนเจ็บมาก รีบขึ้นรถดูอาการคนไข้ที่เจ็บมากที่สุดก่อน คือผู้ชายคนหนึ่งที่สำไล้ใหญ่และอวัยวะภายในทะลักออกมาข้างนอก เมื่อหมอมาถึงก็รีบ ๆ เอาลำไส้ยัดใส่เข้าไปในท้องโดยไม่ใส่ใจว่าลำไส้จะเปื้อนดินเปื้อนทรายแค่ไหน หลังจากนั้นคุณหมอก็พูดกับคุณไป่เปี่ยวว่า "โรงพยาบาลแห่งนี้เครื่องมือมีไม่ครบหมอแนะนำให้ส่งคนเจ็บไปโรงพยาบาลหลวงเพราะที่นั้นมีเครื่องมือทันสมัย ยังมีคนเจ็บที่เป็นผู้หญิงอีก 2 คนที่ขาขาดควรที่จะส่งไปโรงพยาบาลหลวง" คุณไป่เปี่ยวได้ฟังเช่นนั้นรู้สึกซื้งในน้ำใจหมอจึงคิดว่าหมอแนะนำดีและมีเหตุผล โรงพยาบาลหลวงห่างจากโรงพยาบาลเอกชนประมาณ 70 ถึง 80 กิโล คนขับรถกระบะที่มาส่งคนเจ็บ บอกว่า "มีธุระด่วนไม่สามารถส่งคนเจ็บไปที่โรงพยาบาลหลวงได้" คุณไป่เปี่ยวจึงต้องหารถโดยสารเล็กนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล และยังขอร้องให้นางพยาบาลอีกคนช่วยดูแลคนเจ็บ เมื่อไปถึงโรงพยาบาลคนเจ็บทุกคนต้องให้น้ำเกลือเสียเวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมง คุณไป่เปี่ยวก่อนนำคนเจ็บไปโรงพยาบาลหลวงยังวานให้เด็กล้างรถกระบะที่ติดเลือดออกให้หมด พร้อมทั้งจ่ายค่ารักษาให้หมอ และนึกขอบคุณหมอหนุ่มและนางพยาบาลเหล่านั้น พอออกจากโรงพยาบาลมามีคนเล่าให้ฟังว่า "ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ไม่ใช่ไม่มีเครื่องมือรักษาแต่ในกรณีคนเจ็บที่ประสบอุบัติเหตุถึงแม้รักษาก็จะไม่ได้ค่ารักษาใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นโรงพยาบาลเอกชน จึงไม่รับรักษาคนเจ็บจึงพยายามแนะนำผู้ที่ส่งคนเจ็บมาว่าให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลหลวง" ความรู้สึกครั้งแรกที่คุณไป่เปี่ยวได้เห็นหมอกุลีกุจอดูแลคนเจ็บจนเกิดความซึ้งใจเปลี่ยนเป็นความโกรธเคืองว่าหมอคนนี้ไม่มีคุณธรรมไม่มีน้ำใจด้วยความโกรธอยากจะเอาแก้วน้ำที่ถืออยู่ในมือสาดใส่หน้าของนางพยาบาลที่ติดตามมาเพื่อเป็นการสั่งสอน แต่คิดไปคิดมาอย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ ไม่คุ้มเลยที่จะไปมีเรื่องมีราวกับคนที่ไม่มีเมตตาธรรม คนเห็นแก่เงิน ถึงโกรธไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงตัดสินใจรีบขับรถเดินทางต่อไปโดยลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ ไม่กี่วันต่อมาคุณไป่เปี่ยวทำธุระที่พิษณุโลกเสร็จจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ จะต้องผ่านจังหวัดนครสวรรค์อีก คุณไป่เปี่ยวจึงแวะเยี่ยมคนเจ็บที่โรงพยาบาล หมอบอกว่า "ผู้หญิง 2 คนที่ขาขาดยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนคนเจ็บ 2 คนกลับบ้านไปแล้ว มีผู้เสียชีวิตคนหนึ่งคือผู้ชายที่ไส้ทะลักเพราะมาส่งที่โรงพยาบาลช้าเกินไปหมอช่วยไว้ไม่ทัน" พอคุณไป่เปี่ยวได้ฟังหมอพูดเช่นนั้นก็อดเคืองหมอหน้าเงินคนนั้นอีกไม่ได้ที่ไม่ยอมรักษาคนเจ็บเพราะรู้ดีว่าถึงช่วยรักษาไปก็จะไม่ได้ค่ารักษา ถ้าหมอคนนั้นไม่เห็นแก่เงินสักนิดผู้ชายคนนี้อาจจะไม่ตายก็ได้ ต่อมาอีกไม่นานคุณไป่เปี่ยวก็ขับรถคู่ใจคันสีขาวมุ่งสู่จังหวัดพิษณุโลก เป็นเรื่องแปลกและอัศจรรย์จริง ๆ เพราะถนนหลวงเส้นทางเดียวกันกับเมื่อครึ่งปีก่อนได้เกิดอุบัติเหตุรถชนกัน เป็นปีเดียวกันกับที่คุณไป่เปี่ยวช่วยพาหนุ่มสาวเหล่านั้นไปส่งโรงพยาบาล แต่ว่าวันนี้รถเก๋งชนกับรถบัสใหญ่ ครั้งนี้คุณไป่เปี่ยวได้เห็นรถเก๋งยี่ห้อดังถูกรถชนจนกระจกหน้ารถแตกย่อยยับ รถบัสใหญ่ก็ถูกชนหงายท้อง มีจราจรมายืนโบกรถให้รถที่แล่นผ่านไปมาขับช้า ๆ คุณไป่เปี่ยวจอดรถลงไปดูจึงได้รู้ว่ารถเก๋งคันที่ถูกชน เจ้าของรถคือผู้อำนวยการใหญ่โรงพยาบาลเอกชนแถวนี้ พอคุณไป่เปี่ยวได้รู้เช่นนั้นรู้สึกตกใจมาก ไม่รู้อะไรดลใจให้ไปที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึงโรงพยาบาล นางพยาบาลบอกว่า "ผู้อำนวยการประสบอุบัติเหตุรถชนกัน ตอนนี้อาการขั้นโคม่าจะจอดหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้ต้องตัดขาทิ้ง ขณะนี้กำลังรถพี่ชายมาจากในเมืองเพื่อส่งไปรักษาที่กรุงเทพฯ" พอคุณไป่เปี่ยวได้ฟังเช่นนั้น จึงคิดว่า "เรื่องกฏแห่งกรรมนั้นมีจริง" และสนองทันตาเห็นเพราะเมื่อครึ่งปีก่อนมีคนประสบอุบัติเหตุรถชนกันมีผู้หญิงขาขาด 2 คน ผู้ชายไส้ทะลัก 1 คน หมอไม่รับรักษาให้เพราะคิดว่าไม่มีค่าตอบแทน ฉะนั้นเรื่องเล่ากันว่าหมอทุกคนต้องมีวิญญาณผีติดตามตัวตลอดเวลาเป็นเรื่องจริง เพราะหมอที่ไม่มีคุณธรรมเห็นแก่เงินไม่รักษาคนเจ็บ ผลสุดท้ายตนเองก็ประสบอุบัติเหตุเช่นกัน กรรมจึงตามสนองเหมือนเงาตามตัว นี้
    [/FONT]​
     

แชร์หน้านี้

Loading...