เหรียญพระโพธิสัตว์(กวนอิม) มูลนิธิเทียนฟ้า รุ่นแรก ปี2497 - วัตถุมงคล หลวงปู่พิศดู-ครูบากฤษดา

เหรียญพระอุปคุตจิ๋ว เนื้อนวะ เลี่ยมเงิน หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง จำนวนการสร้าง200องค์ บูชา 8,250 บาท พร้อมส่งในประเทศ




เหรียญพระอุปคุตด้านหลังมีชื่อวัดเทพธารทอง
พระรุ่นนี้นอกจากหลวงปู่พิศดูจะอธิษฐานจิตแล้ว ยังได้มีผู้อาสานำเข้าขอความเมตตาจากครูบาอาจารย์ต่างๆ ช่วยอธิษฐานจิต(มนต์)เพิ่มให้ด้วย เท่าที่ทราบก็มี
1. หลวงปู่พิศดู(เข้าพิธีพร้อมรูปหล่อพระธรรมธาตุนานหลายเดือน ตราบเข้าสู่นิพพาน) ,
2. ครูบากฤษดา วัดสันพระเจ้าแดง ,
3. หลวงปู่ปลอด วัดโพธิ์นิมิตร ,
4. หลวงปู่เปรี่ยม วัดโพธิ์เรียง ,
5. หลวงปู่ดี วัดสุทธาราม ,
6. หลวงปู่สนั่น วัดธารเกษม ,
7. หลวงปู่พระธรรมวงศ์มุนี วัดไผ่ล้อม(พระอารามหลวง) ,
8. หลวงปู่อ่อง สำนักเขาวงกต ,
9. หลวงพ่อพจน์ วัดห้วงพัฒนา ,
10. หลวงปู่บัว วัดศรีบูรพาราม ,
.... ฯลฯ

 

รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับ หลวงปู่พิศดู ธัมมจารี วัดเทพธารทอง
https://www.facebook.com/profile.php?id=100064369792829&locale=th_TH
#ความอัศจรรย์ใจของผู้ป่วยที่ใกล้ตาย และความเมตตาขององค์หลวงปู่
เรื่องที่ผมจะเล่านี้ เกิดขึ้นเมื่อประมาณ ปี 2558 เป็นประสบการณ์ของคุณน้าของรุ่นน้องผมเอง ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ รุ่นน้องผมเล่าไว้ดังนี้ครับ..
คุณน้าของน้องคนนี้ป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย แต่ว่าสติ และกำลังใจของคุณน้ายังสมบูรณ์ดีอยู่ พูดจาโต้ตอบกันรู้เรื่อง ไม่มีหลงลืม แต่ว่ามีปัญหาบางอย่างคือ คุณน้าชอบเห็น และฝันเห็นวิญญาณที่โรงพยาบาลจะมาชวนไปอยู่ด้วยเสมอๆ บางครั้งคุณน้าก็เห็นวิญญาณมายืนอยู่หน้าประตูห้อง บอกว่าเขามาชวนอีกแล้ว แต่พอญาติๆหันไปมองก็ไม่เห็นมีใครอยู่ เป็นอย่างนี้มาหลายวันแล้ว ซึ่งรุ่นน้องของผมคนนี้เขาก็มีความเชื่อในเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว เพราะเคยเข้ากราบครูบาอาจารย์เก่งๆมาหลายรูป และเคยปฏิบัติธรรมมาพอสมควร ซึ่งหนึ่งในครูบาอาจารย์ที่เคยไปกราบเหล่านั้น ก็มีองค์หลวงปู่พิศดูอยู่ด้วย.. น้องคนนี้ก็มีความศรัทธาในองค์หลวงปู่พิศดูมาก จึงได้ลองเอารูปคาถาป้องกันภัย ขององค์หลวงปู่พิศดู มาวางบนหัวนอนของคุณน้า และอธิษฐานว่า.. " ขอบารมีหลวงปู่ช่วยคุ้มครองน้าของผมด้วย ขออย่าให้มีภูตผี วิญญาณต่างๆมารบกวนเลย " ซึ่งตั้งแต่รุ่นน้องผมเอารูปคาถาป้องกันภัยของหลวงปู่มาวางบนหัวนอนของคุณน้า คุณน้าก็ไม่เคยพบเจอวิญญาณมารบกวนอีกเลย..
จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่ง อาการป่วยกำเริบมาก จิตของคุณน้าได้หลุดออกจากร่างไป ซึ่งก็ทำให้พบเจอบุรุษ 2 คน นุ่งผ้าแดงแบบคนโบราณ ตัวสูงใหญ่มากๆ ซึ่งใหญ่กว่าคนปกติมาก(นายนิรยบาล) มาคอยรับเอาวิญญาณของคุณน้าไป ซึ่งชายดังกล่าวได้พาคุณน้าลงไปยังเมืองนรก ซึ่งมีแต่การทรมานสัตว์โลกที่กระทำบาปกรรม ที่ตายแล้วด้วยจิตอันเป็นอกุศลกรรมต่าง.. ฯลฯ ซึ่งคุณน่าท่านนี้เห็นแล้วก็ตกใจและกลัวมากๆ จึงได้รู้ว่า ตนเองได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว ก็เลยนึกเสียดายว่า ยังไม่ได้บอกลาลูกหลาน และญาติๆเลย และตนเองสมัยมีชีวิตอยู่ ก็ไม่ค่อยได้ทำบุญทำทาน แต่ว่าเป็นคนชอบไหว้เจ้าเป็นประจำ เพราะด้วยเป็นคนมีเชื้อสายจีน ในระหว่างที่คิดรำพึงรำพันอยู่นั้น ก็ได้พบพระภิกษุชราอยู่รูปหนึ่ง รูปร่างผอมบาง ยืนขวางทางเอาไว้ ภิกษุชรารูปนั้นได้เจรจาขอบิณฑบาตรชีวิตของคุณน้าท่านนี้ ให้ได้กลับมายังโลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้มีโอกาสมาทำบุญ และบอกลาญาติพี่น้อง ลูกหลาน ซึ่งนายนิรยบาล ก็มิได้ขัดข้องประการใด ก็เหมือนมีพลังบางอย่างผลักคุณน้าให้กลับมายังร่างเช่นเดิม..!!!
พอคุณน้าท่านนี้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง จึงได้เล่าเรื่องทั้งหมดนี้ให้ญาติๆฟัง แล้วบอกว่า
" ฉันไปเห็นมาแล้ว นรกนั้นน่ากลัวกว่าที่เราคิดเอาไว้เยอะ นรกมีแต่ความร้อน ไฟนรกนั้นร้อนแรงมากๆ มีแต่เสียงร้องโหยหวนดังก้องไปหมด... แต่ฉันยังโชคดีนะที่มีหลวงปู่องค์หนึ่งท่านมาขวางทางไว้ และเจรจาขอชีวิตให้ จึงได้กลับมาได้ และที่กลับมานี้อยากจะมาบอกว่า ให้ทุกคนหมั่นทำความดีกันเอาไว้เยอะๆ อย่าได้ประมาท เพราะในนรกนั้นน่ากลัวจริงๆ... ฯลฯ "
ซึ่งวันนั้นรุ่นน้องของผมก็อยู่ฟังคุณน้าเล่าด้วย จึงได้ถามคุณน้าว่า หลวงปู่องค์ที่ไปช่วยน้าเป็นใคร น้าก็บอกว่า ไม่เคยรู้จักท่านมาก่อนเลย แต่ยังจำหน้าตาท่านได้อยู่.. รุ่นน้องผมก็เลยไปหยิบรูปหลวงปู่ที่วางอยู่ใกล้ๆหัวนอนของคุณน้ามาให้ดู พอคุณน้าเห็นรูปหลวงปู่รูปนั้นก็ยิ้มดีใจแล้วบอกว่า นี่แหละองค์นี้แหละ เป็นองค์เดียวกันกับที่ไปช่วยน้าเลย.. ท่านเป็นใคร..?? รุ่นน้องผมเลยบอกว่า ท่านชื่อหลวงปู่พิศดู อยู่จันทบุรี ท่านเป็นพระอริยะที่เก่งมาก ผมนับถือท่านมากๆ เลยเอามาวางไว้ในห้อง ขอให้ท่านช่วยคุ้มครองน้าด้วย.. คุณน้าจึงบอกว่า หลวงปู่ท่านเก่งมาก และมีเมตตากับน้ามาก..
และหลังจากนั้นคุณน้าก็บอกว่า " หลวงปู่ท่านยังมาหาน้าอีกนะ ท่านบอกอะไรบางอย่างด้วย แต่ว่าเป็นความลับ.. " หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผ่านมาอีกหลายอาทิตย์ อาการคุณน้าคนนี้ก็เริ่มทรุดลงตามลำดับ แต่ว่าสติยังสมบูรณ์ดี และสุดท้ายคุณน้าท่านนี้ก็จากไปอย่างสงบ ราบเรียบ โดยไม่มีอาการทรมานทางกายใดๆเลย ทุกคนเชื่อว่า คุณน้าไปสู่ที่ๆดี ที่ๆสูงแล้ว..
แถมยังมีเรื่องที่น่าแปลกอีกเรื่องหนึ่งพอหลังจากจัดงานบำเพ็ญกุศลศพของคุณน้า บ้านกงเต็ก ที่ทางญาติจัดหามาทำพิธี ซึ่งจะมีเลขที่บ้านติดอยู่ ซึ่งทางญาติๆก็เอาไปลองเสี่ยงโชคดูก็ปรากฏว่า งวดนั้นก็เลยถูกหวย ได้รับโชคกันไปหลายคน และพออีกงวดต่อมา ก็ยังถูกติดต่อกันมาอีกเป็นงวดที่ 2 แล้ว ซึ่งรุ่นน้องของผม ก็ถูกกับเขาด้วยทั้ง 2 งวด..

 

รูปเหมือนไม้โพธิ์นิพพาน ครูบากฤษดา วัดสันพระเจ้าแดง ปี2559
จำนวนการสร้าง 878 องค์ บูชา 6,500 บาท พร้อมส่งในประเทศ
ครูบากฤษดา ท่านกล่าวไว้ว่า..
รูปเหมือนไม้โพธิ์นิพพาน ไว้เป็นตัวแทนสื่อถึงเราได้ เก็บรักษาไว้ให้ดี วันนี้กับวันหน้า คำตอบออกมาไม่เหมือนกัน เป็นที่ระลึกร่วมบุญเก็บไว้น่ะ
ไม้โพธิ์นิพพานคือ กิ่งไม้โพธิ์ที่ชี้ไปทางทิศตะวันออกแล้วแห้งตายเอง นำมาแกะเป็นรูปเหมือนครูบากฤษดา สุเมโธ ถือว่าเป็นมงคลยิ่งครับ

 

รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับ หลวงปู่พิศดู ธัมมจารี วัดเทพธารทอง
#หลวงปู่ผู้ปลุกพุทธะในดวงใจ..
ในความรัก ความกรุณา ของหลวงปู่พิศดูที่มีต่อลูกศิษย์นั้นยิ่งใหญ่เหลือจะประมาณ หาสิ่งใดเปรียบ เพราะเป็นความรักความปรารถนาดีที่มีให้อย่างไม่มีวันหมดและไม่หวังสิ่งตอบแทน ถ้าลูกศิษย์ของท่านเดือดร้อน ร้องเรียกบอกท่าน ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใด ไกลแสนไกลแค่ไหนหลวงปู่จะ(ส่งจิต)ไปช่วยทันที หลวงปู่เคยบอกเสมอว่า..
" ลูกศิษย์ของเรา เราคุ้มได้หมดทุกคน ผ่านมา(ศรัทธา)แล้วมักจะไม่พลาด.."
" จะกราบเรา กราบที่ไหนก็ได้ แค่คิดถึงก็พอ.. เรารู้ "
" มีอะไรก็บอกเราได้.."
" ไม่ใช่เลือดใช่เนื้อ หากมีใจเอื้อเฟื้อ ก็เหมือนเนื้ออาตมา
ถึงใช่เลือดใช่เนื้อ แต่ไม่มีใจเอื้อเฟื้อ ก็เหมือนเนื้อในป่า.."
หลวงปู่ท่านเป็นพระที่เข้าใจความรู้สึกส่วนลึกของจิตใจของลูกศิษย์เป็นอย่างดี อำนาจจิตของท่านสามารถอ่านและรู้เห็นได้อย่างละเอียดพิสดาร ถึงท่านจะเป็นพระอริยะที่หลุดพ้นจากวงโคจรของโลกียะไปแล้ว แต่ความเมตตาในการสงเคราะห์ลูกศิษย์ของท่านคล้ายดั่งพระโพธิสัตว์ ท่านจะดูความปรารถนาที่แท้จริง และความจำเป็นในขณะนั้นของเขา ถ้าทำให้เขามีความสุขหรือหลุดพ้นจากปัญหาในขณะนั้นได้โดยไม่ฝืนกรรมจนเกินไป ท่านจะช่วยทันที ท่านเคยบอกไว้ว่า..
" การทำคุณกับคน(การช่วยเหลือเขา)ที่ดีที่สุด คือต้องทำให้ถูกใจเขา.."
เพราะจิตใจของแต่ละคนมีความปรารถนาไม่เท่าเทียมกัน บางคนยังไม่พร้อมที่จะรับเอาธรรมคำสอน หรือการปฏิบัติในทันที ท่านก็ต้องช่วยให้มีความสุขไปก่อน เพื่อปลูกศรัทธา เมื่อคนเรามีศรัทธาเกิดขึ้นแล้ว จึงค่อยปลุกธาตุพุทธะ(ธาตุรู้)ในใจของเขาขึ้นมา และสั่งสอนชี้แนะ ให้เขารู้จักพึ่งตนเอง(ปฏิบัติ) อย่างน้อยให้รู้จักบาป-บุญ และ คุณ-โทษ เอาตัวเองให้รอดไปในทีก่อน มากๆเข้าก็จะพบของจริงเอง นี่เป็นความเมตตาและแนวทางการสงเคราะห์ของหลวงปู่ ท่านมักกล่าวเสมอว่า..
" เราทุกคนต่างก็มีของดีในใจเหมือนกันหมด ต้องหาของดี(คือพุทธะ ธาตุรู้)ภายในให้เจอ เป็นพลังที่มีอยู่ในตัวทุกคนอยู่แล้ว ไม่ต้องไปหาที่ไหน.."

 

พระสังกัจจายน์ กรุวัดยาง ธนบุรี บูชา 1,250 บาท พร้อมส่งในประเทศ


ข้อมูลพระกรุวัดยางสุทธาราม บางกอกน้อย

จากการลงพื้นที่และสอบถามพระอาจารย์ พิษณุ ไพบูลย์

ซึ่งท่านอยู่ที่วัดยางและเป็นแอดมินในกลุ่มหลวงพ่อบุญเรือนท่านได้กรุณาเล่าให้ฟังและยืนยันการแตกกรุของพระชุดนี้แม้เวลาจะล่วงเลยมานานข้อมูลและหลักฐานหลายอย่างได้สูญหายไปกับกาลเวลาแล้วก็ตาม

ข้อมูลจากคำบอกเล่า

ได้รับการยืนยันชัดเจนว่าพระกรุชุดนี้ได้มีการแตกกรุจริง

ปีพศ.ที่กรุแตกนั้นไม่สามารถระบุแน่ชัดบอกได้เพียงช่วงเวลาคร่าวๆเท่านั้น สันนิษฐานว่ามีการแตกกรุช่วงก่อนปีพศ.2500 อย่างแน่นอนเพราะพระอาจารย์ยืนยันว่าพระชุดนี้มีการแตกกรุก่อนหลวงพ่อบุญเรือนท่านจะมาอยู่ที่วัดยางฯ(วัตถุมงคลชุดแรกที่หลวงพ่อบุญเรือนสร้างออกในนามวัดยางคือช่วงปีพศ.2511) ดังนั้นพระกรุชุดนี้ต้องแตกกรุก่อนปีพศ.2511 อย่างแน่นอน

พระกรุชุดนี้เป็นลักษณะพระเนื้อผง มีปรากฎจากคำบอกเล่าว่าเป็นพิมพ์พระสมเด็จ(มีขึ้นมาหลายพิมพ์)และ

พระเนื้อผงพิมพ์พระสังจายน์ เท่าที่ค้นหาข้อมูลทุกพิมพ์เป็นลักษณะพระที่มีกระบวนการผลิตแบบโบราณ คือทุกองค์จะเป็นการกดและตัดด้วยมือทั้งหมดแต่ละองค์มีความหนาในองค์พระแตกต่างกันในองค์เดียวกัน บางองค์เห็นร่องรอยการปาดแต่งด้านหลังองค์พระอย่างชัดเจน พระชุดนี้ไม่มีใครทราบว่าพระเถระท่านใดเป็นผู้สร้างและมาบรรจุไว้ภายในพระเจดีย์เพื่อสืบทอดพระศาสนา

บทวิเคราะห์และความน่าจะเป็น

พระชุดนี้เป็นพระสายวัดระฆังอย่างแน่นอนเพราะวัดยางนั้นอยู่ในพื้นที่ระแวกบางกอกน้อยใกล้ชุมชนบ้านช่างหล่อซึ่งถือว่าเป็นวัดในระแวกเดียวกับวัดระฆังและยังมีข้อมูลว่าวัดยางแห่งนี้ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่หินมาตั้งแต่สมัยหลวงพ่อมุติและหลวงพ่อบุญเรือน เพราะท่านเป็นเกจิสายเขมรเช่นกันและจากการวิเคราะห์เนื้อหาของพระชุดนี้แล้วเชื่อได้ว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นพระของ

สมเด็จพุฒาจารย์โตที่นำมาบรรจุไว้เพราะพระเป็นลักษณะพิมพ์พระแบบโบราณถ้าเราลองค้นหาข้อมูลจะพบพระในลักษณะดังกล่าวปรากฎในเอกสารของ

ท่านวิมล ยิ้มละมัย

ในหนังสือ "สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรํสี) ที่ทำการ

ตีพิมพ์รวมเล่มในปีพศ.2516 ในนามของหนังสือพิมพ์

ไทยรัฐ ซึ่งถือว่ามีความน่าเชื่อถือ ส่วนพิมพ์พระจะตรงกับ

คนที่ตั้งตัวว่าเป็นเซียนซื้อ-ขายกันในปัจจุบันหรือไม่นั้น

ก็ไม่อยากให้ยึดติดสนใจนักเพราะมันจะชวนทะเลาะกันไปเปล่าๆแต่ที่ผมจัดทำเป็นการเก็บข้อมูลเพื่อไม่ให้สูญหายไปกับกาลเวลาเท่านั้น ถ้าจะเล่นหาก็ขอให้เล่นเป็นพระสมเด็จและพระสังกัจจายน์กรุวัดยาง จะดีกว่า

เครดิตข้อมูล

หนังสือสมเด็จพระพุฒาจารย์โต

ผู้แต่ง วิมล ยิ้มะมัย ปีพศ.2516

พระอาจารย์พิษณุ ไพบูลย์ (วัดยางสุทธาราม)

 

​

 

#ขอเชิญทุกท่านร่วมงานตักบาตรพระมหาอุปคุต และเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชา
ณ วัดเทพธารทอง ต.พลวง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี
วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568
เนื่องในโอกาสวันเพ็ญ 15 ค่ำ ที่ตรงกับวันพุธ จะมีพิธีตักบาตรพระมหาอุปคุต อันเป็นประเพณีเก่าแก่ที่ถือปฏิบัติกันมาช้านาน
ในปีนี้ ทางวัดเทพธารทองได้จัดพิธีตักบาตรด้วย #ข้าวสาร #อาหารแห้ง #และจตุปัจจัยต่างๆ บูชาพระมหาอุปคุต เพื่ออนุรักษ์ศาสนพิธี วัดเทพธารทอง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี - หลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี
#กำหนดการ..
วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568
--- เวลา 18.30 น. พิธีเจริญพุทธมนต์ และบูชาพระอุปคุต (อุปคุตโต จะ มหาเถโร ปิยัง มะมะ)
--- เวลา 19.00 น. พิธีเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆะบูชา
--- เวลา 19.30 น. เริ่มพิธีตักบาตรด้วยข้าวสาร อาหารแห้ง ถวายบูชาพระมหาอุปคุต และรับของที่ระลึก
#หมายเหตุ.. สิ่งที่ต้องเตรียมมาใส่บาตรในวันพิธี คือ ข้าวสาร อาหารแห้ง หรืออาหารกระป๋อง ปีนี้เน้นสบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟันซึ่งทางวัดจะนำไปบริจาคเป็นทานต่อไป จัดรวมๆมาคนละ 1 ชุด เพราะเราจะตักบาตรถวายพระอุปคุตองค์เดียว จะไม่มีพระภิกษุเดินรับบาตร
ขอเชิญทุกท่านร่วมงานบุญพิธีดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน..

 

https://www.facebook.com/permalink....bRZsd9gLdoggUiX3ocExuwA6il&id=833009540130100



#มีหลายคนเคยตั้งคำถามว่า.. ปฏิปทาขององค์หลวงปู่พิศดูท่านเป็นแบบไหน..??
จากประสบการณ์ที่ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าไปรับใช้ท่านเกือบ 7 ปี เห็นได้ชัดจากองค์หลวงปู่
คำตอบ.. อันดับแรกเลยก็คือ ความเมตตาของท่าน โดยเฉพาะกับลูกศิษย์ท่านเมตตา และเป็นห่วงเสมอภาคกันทุกคน
โดยอุปนิสัย ท่านเป็นพระที่มุ่งมั่นในการปฏิบัติภาวนาอย่างเข้มข้น นิยมความสันโดษ พูดน้อย พูดประโยคสั้นๆ แต่การพูดในแต่ละครั้งจะเป็นไปโดยสาระธรรม หรือแฝงไว้ด้วยปริศนาธรรม คำกลอน และชอบการสวดมนต์
แต่ก็บอกยากเหมือนกันว่าปฏิปทาของท่านเป็นแบบไหน เพราะไม่มีอะไรตายตัว หลายคนที่เคยมาหา แต่ละครั้งท่านแสดงอาการให้ดูไม่เหมือนกันเลยก็มี บางครั้งดูเหมือนท่านดุ(ท่านทดสอบอารมณ์ของเขา).. บางครั้งดูเหมือนท่านใจดีสุดๆ แจกของต่างๆให้เยอะแยะเลยโดยไม่สนว่าของสิ่งนั้นจะเป็นของมีค่ามีราคามากแค่ไหน.. บางครั้งท่านก็ดูเงียบขรึม.. บางครั้งท่านก็แสดงธรรมให้ฟังครึ่งค่อนวันเลยก็มี.. บางครั้งท่านก็ปิดประตูลงกลอนอยู่องค์เดียวในห้องไม่ยอมให้ใครพบ และไม่ขบฉันอะไรเลยทั้งวันก็มี.. ฯลฯ
ซึ่งหลวงปู่ท่านก็เคยบอกว่า.. " อย่าไปยึดกับจริยาของเรามาเป็นอารมณ์ มันไม่มีอะไรเที่ยง อนิจจังทั้งนั้น.."
ในชีวิตผู้เขียนเคยทราบ และเห็นพระที่มีปฏิปทาคล้ายๆองค์หลวงปู่พิศดูทำนองนี้อยู่ 2 องค์ คือ หลวงปู่สรวง(เทวดาเดินดิน) จ.ศรีสะเกษ และ หลวงปู่ละมัย สวนสมุนไพร จ.เพชรบูรณ์.. ซึ่งพระอริยะทั้งสองรูปดังกล่าว เชื่อกันว่าท่านเป็นพระสายเหนือโลก(พ้นโลก) หรือที่ชอบเรียกกันว่า พระสายอจินไตย พระเหล่านี้ท่านจะไม่เอาอะไรมาเป็นอารมณ์เลย ไม่ยึดติด ไม่สะสมอะไรทั้งสิ้นเพราะเอามาเป็นสาระไม่ได้
สมัยก่อนหลวงปู่ท่านก็อยู่กับสุนัข แมว ไก่ งู กระรอก ฯลฯ ที่ต่างมาห้อมล้อมกินอยู่กับท่านเต็มไปหมด บางครั้งสัตว์เหล่านั้นก็ขับถ่ายบนเรือน แต่ท่านก็ไม่ค่อยได้สนใจ (แต่มาระยะหลัง ท่านก็อนุโลมให้ลูกศิษย์นำสุนัขไปเลี้ยงต่อ และจะมีลูกศิษย์คอยมาอุปัฏฐากดูแลองค์ท่านและเก็บกวาดกุฏิ และดูแลความสะอาดในวัดเสมอ) มาถึงตรงนี้บางคนอาจไม่เข้าใจ นึกว่าท่านหละหลวมในพระวินัย ไม่สำรวมดูแลในศีลาจารวัตร ฯลฯ แต่ว่าแท้จริงแล้วท่านก็คงมีเหตุผลของท่าน ท่านเน้นตรงดูที่จิตใจ อันเป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา จิตของท่านสดใสสุกสว่างแจ่มแจ้งตลอดเวลา ไม่มีมลทิลเคลือบแฝง และผู้ที่มาหาท่าน บางทีท่านก็ไม่สนใจหรอกว่าผู้นั้นจะยากดีมีจน เป็นผู้ใหญ่มีเกียรติ ยศถาบรรดาศักดิ์มาจากไหน หากว่าได้มาที่นี่แล้ว ทุกคนเสมอภาคกันหมด คือไม่ต้องแบกยศ แบกฐานะทางโลกเข้ามาข่มธรรม หลวงปู่ท่านเน้นดูที่จิตใจของผู้ที่มาหาเป็นหลัก หากใครที่มาหาท่าน มาด้วยใจศรัทธา โดยที่ไม่ได้หวังอะไร ท่านก็จะเมตตาเป็นพิเศษ..
ถึงองค์หลวงปู่พิศดูท่านจะเป็นพระวิปัสนาจารย์สายป่า แต่ว่าข้อวัตรของท่านก็ค่อนข้างจะแหวกแนวจากจารีตทำเนียมอยู่ไม่น้อย ดูคล้ายว่าไม่สำรวม แต่ว่าจริงๆแล้วท่านคร่ำเคร่งในการปฏิบัติภาวนาเป็นที่สุด
หลวงปู่สนั่น จิณณธัมโม พระสหธรรมมิกของหลวงปู่พิศดู เคยเล่าให้ฟังว่า..
" สมัยก่อนตอนอยู่ด้วยกันที่วัดป่าคลองกุ้ง พอหลวงปู่พิศท่านฉันข้าวเสร็จ ท่านก็จะหลีกไปที่เดินจงกรมของท่าน ท่านเดินทั้งวัน บางทีไม่เดินจงกรมก็นั่งภาวนาทั้งวัน #โน่น_ท่านชอบเข้าไปภาวนาในป่าช้าผีดิบ ท่านว่าสงบดีไม่มีใครมากวน ไม่ค่อยเห็นท่านยุ่งหรือคลุกคลีกับใครเท่าไหร่
ขนาดท่านย้ายมาอยู่ที่วัดเทพธารทองแล้ว ท่านก็ยังไม่ทิ้งเรื่องของการภาวนา สมัยก่อนไม่ค่อยมีใครไปหาท่านหรอก ท่านอยู่วัดท่านก็เดินจงกรมรอบกุฏิ #เดินจนแผ่นดินยุบเป็นร่องถึงหน้าแข้ง บางครั้งท่านก็เดินจงกรมอยู่บนกุฏิ ท่านเดินจนไม้กระดานลื่นเป็นมันเลย ฤทธิ์ พลังจิตท่านถึงแรง หาคนที่ทำได้อย่างหลวงปู่พิศ จะมีสักกี่คน ยิ่งสมัยนี้ไม่ต้องพูดเลย.."
Cr.. Sira pop

 

https://www.youtube.com/shorts/tAyxtUovKAQ

 

https://www.facebook.com/groups/Luangbhoopitsadoo/posts/3138769379656304?locale=th_TH

 

"กราบเรา กราบที่ไหนก็ได้ แค่คิดถึงก็พอ_เรารู้"

 

#ปฐวีธาตุของหลวงปู่พิศดูนั้น ท่านสั่งให้เอาหินในลำธารศักดิ์สิทธิ์ที่วัดเทพธารทอง มาให้ท่านอธิษฐาน ท่านเรียกลำธารนี้ว่า "เนรัญชลา" ( หลวงปู่บอกว่า " เราน้อมเอาแม่น้ำเนรัญชลาจากอินเดียมาไว้ที่วัดเทพฯ ลำธารของที่นี่เป็นลำธารศักดิ์สิทธิ์..." )ก้อนหินที่แช่อยู่ในธารนี้หลวงปู่บอกว่า " เป็นสมบัติของพวกนาคราช " ตามปกติของพวกนาคราช หรือพญานาคนั้น มักจะบำเพ็ญตบะ และทำบุญกุศลจนมีร่างที่เป็นกึ่งทิพย์และบังเกิดมีอิทธิฤทธิ์ต่างๆได้ ถ้าเป็นพวกพญานาคที่เป็นสัมมาทิษฐิ ก็จะมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา และศรัทธาในพระสงฆ์องค์เจ้าผู้ปฏิบัติดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งก้อนหินที่อยู่ในวัดเทพธารทอง ก็จะได้รับกระแสแห่งฌานสมาบัติ และกระแสเมตตาจิตที่หลวงปู่ท่านแผ่ไปในโลกธาตุทั้งหลายด้วย.. ผมเคยเห็นนักปฏิบัติหลายคนที่มาภาวนาอยู่ที่วัด และเคยให้เขาตรวจกระแสพลังของก้อนหินในวัด ทุกคนบอกตรงกันหมดว่า มีกระแสพลังที่ดีอยู่ในหินทุกก้อนแน่นอน แม้แต่กิ่งไม้ใบหญ้าก็มี เพียงแต่ยังไม่ได้ตั้งองค์พระไว้เท่านั้น แต่ถ้าเราจะเอามาตั้งจิตอธิษฐานระลึกถึงองค์หลวงปู่ก็จะสามารถใช้เป็นวัตถุมงคลได้เลยโดยไม่ต้องปลุกเสก..

บางครั้งมีคนที่สร้างพระให้วัดต่างๆมาขอมวลสารของหลวงปู่ ท่านก็บอกว่า.. " ถ้าอยากได้มวลสารให้ไปงมเอาหินเอาทรายในลำธารนั่นก็ได้ ไปเอามาเราจะเสกให้.." อีกทั้งหลวงปู่ยังเคยเล่าให้ฟังด้วยว่า..

" ใต้พื้นพิภพอันเป็นที่ตั้งของวัดเทพธารทองแห่งนี้ลงไป เป็นเมืองนาคราชอันใหญ่โตรโหฐาน และพวกนาคที่นี่จัดเป็นภพภูมิที่สูงกว่านาคในที่อื่น..(เพราะอาจจะได้รับกระแสบุญบารมีจากองค์หลวงปู่ท่านก็ได้) ลำธารที่ไหลผ่านที่วัดนั้น ก็เป็นทางขึ้นล่องของพวกเขา แต่ถูกปกปิดไม่ให้คนได้ล่วงรู้.." จริงแล้วที่วัดเทพธารทองก็มีปล่อง(ทาง)เข้าออกของเขาอยู่ประมาณ 3 ทาง เท่าที่ผมรู้ก็บริเวณพระเจดีย์ใหญ่ สมัยก่อนมีญาติโยมหลายคนได้เห็นมีงูแปลกๆตัวใหญ่มีหงอนโผล่ขึ้นมาจากปล่องนี้บ่อยๆ ซึ่งปัจจุบันองค์หลวงปู่ได้สั่งให้สร้างพระเจดีย์ครอบเอาไว้แล้ว เพื่อให้พวกนาคฯเหล่านั้นดูแลปกปักรักษาพระเจดีย์นี้ด้วย

ปฐวีธาตุนั้น หากเป็นที่ภาคอีสาน หลวงปู่อิง และหลวงปู่คำพันธ์บอกว่า ให้ไปเอาที่ใต้แม่น้ำโขง

หากเป็นที่ภาคกลาง เจ้าคุณนรฯบอกว่า ให้ไปเอาที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งตัวผมเองหลังจากฟังเรื่องปฐวีธาตุเจ้าคุณนรฯแล้ว ก็มีความคิดอยากได้มาก จึงวานให้เพื่อนที่อยู่แถวบางบ่อหาเก็บมาให้ แต่ก็ไม่ได้ความเสียเลยเพราะเพื่อนไม่มีเวลาไปหาเก็บมาให้ กะว่าถ้าได้มาจะขอความเมตตาจากหลวงปู่พิศดูช่วยเสกให้ เพราะว่าองค์หลวงปู่บอกเองว่า " ท่านเจ้าคุณนรฯกับเราก็เป็นสายเดียวกัน.. "

และต่อมาพอผมเกือบลืมไปแล้ว หลวงปู่ท่านได้สั่งให้ไปเก็บหินในลำธารในวัดมาให้ท่าน ท่านจะเสกปฐวีธาตุให้ แต่ก็มีอยู่ไม่มากนัก (รู้อย่างนี้จะขอให้เอามาสักกระสอบหนึ่งก็ดี จะได้เอามาแจกให้ทั่วๆกันเลย..)

ถ้าจะเอาปฐวีธาตุ ในภาคตะวันออก ผมว่าคงต้องเอาที่วัดเทพธารทอง ฯลฯ ดังที่ได้กล่าวมา ไม่ต้องไปหาปฐวีธาตุที่ไหนหรอกครับ ขององค์หลวงปู่พิศดูนี้แน่นอนที่สุด ลงใจก็ที่สุด ไม่ต้องเสี่ยงกับการไม่มั่นใจว่าใครเสกหรือไม่ หากใครมีก็อยากให้เก็บรักษาเอาไว้ให้ดี ถ้าจะมอบให้ใครอยากให้พิจจารณาดูว่าคนๆนั้นเหมาะสมที่จะเอามาใช้จริงๆ

หากใครอยากจะถามว่า จะหาก้อนปฐวีธาตุขององค์หลวงปู่พิศดูได้จากไหน ผมคงต้องบอกว่า คงไม่ต้องตามหาหรอกครับ เพราะว่า มหาปฐวีธาตุชนิดก้อนกรวดนั้น มีน้อยเอามากๆ เพียงแค่หลักร้อยเท่านั้น แต่ถ้าจะให้มีทางเลือกอีกทางหนึ่งซึ่ง มหาปฐวีธาตุดังกล่าว ผมคงต้องแนะนำว่า " พระกสิณ " ขององค์หลวงปู่พิศดู นี่แหละเป็นอีกหนึ่งในมหาปฐวีธาตุที่ท่านได้สร้างสรรไว้ เพราะมวลสารหลักนอกจากจะมีผงมวลสารวิเศษต่างๆแล้ว ก็ยังมีดินศักดิ์สิทธิ์จากสถานที่ต่างๆ รวมถึงกรวด ดิน ในวัดเทพธารทองแห่งนี้ผสมอยู่ด้วย ถ้าไม่สำคัญจริงๆท่านคงไม่ใส่กรวดดินเหล่านั้นลงไปเป็นส่วนผสมขององค์พระที่ท่านสร้างหรอกจริงไหมครับ และขึ้นชื่อว่าพระ #กสิณ ก็คือ ธาตุทั้ง5 ที่ก่อเกิดพลังแห่งฤทธิ์ต่างๆนั่นเอง..

(ข้อมูลคุณทุเรียนทอด)

 

ฌานสมาบัติ

ผมเคยเรียนถามหลวงปู่พิศดูว่า..

เคยดูข่าวและเคยได้ยินมานานแล้วว่า มีผู้เข้าฌานสมาบัติ นั่งสมาธิโดยไม่กินอาหาร ไม่ขับถ่ายไม่เปลี่ยนอิริยาบทติดต่อกันเป็นหลายวัน เป็นเดือน หรือเป็นปี อย่างเช่นประวัติของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค และประวัติของหลวงปู่คำคะนิง ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงไหม และทำได้จริงๆหรือครับ..?

หลวงปู่ :: " จริงสิ.. ถ้าเราทำได้ เขาก็ทำได้.."

หลวงปู่ :: " แต่ฌานก็ยังเป็นโลกียะอยู่ เป็นการพักผ่อน "

พอมาลองพิจารณาถึงคำตอบที่หลวงปู่ท่านกล่าวนั้น เห็นได้ว่า กระชับ และมีความหมายลึกซึ้งในตัว "....ถ้าเราทำได้ เขาก็ทำได้ " ก็แสดงให้เห็นชัดว่าที่หลวงปู่ท่านกล่าวนี้มี 2 นัยยะคือ 1.การเข้าสมาบัติลึกโดยไม่แตะต้องอาหาร ไม่ขับถ่ายติดต่อกันนานเป็นปี หรือแล้วแต่จะกำหนด (อยู่ได้ด้วยอำนาจของฌานสมาบัติ) หลวงปู่ท่านก็ทำแบบนั้นได้เช่นกัน

2.ในเมื่อหลวงปู่ทำได้ คนอื่นก็ต้องสามารถทำได้ เพราะเป็นคุณสมบัติที่มีอยู่ในผู้ทรงสมาบัติทุกคน

แต่ถึงกระนั้นท่านก็ยังบอกว่าเรื่องของ ฌานสมาบัติ "....ก็ยังเป็นโลกียะอยู่ เป็นการพักผ่อน " ถ้าไม่ใช้วิปัสนาควบคู่กันเพื่อการตัดกิเลส ก็ยากที่จะบรรลุคุณธรรม พระพุทธเจ้าจึงมีบัญญัติให้พระสาวกเข้าฌานสมาบัติติดต่อกันได้เพียงไม่เกิน 15 วันเท่านั้น

เรื่องฌานสมาบัตินี้ เป็นของกลางๆ ที่มีอยู่ ถ้าใครหมั่นฝึกฝนปฏิบัติก็สามารถเข้าถึงได้ สำหรับหลวงปู่ท่านเห็นเป็นเรื่องธรรมดามาก ท่านเคยบอกว่า " เป็นของง่ายๆแค่คิดก็เข้าได้แล้ว " ท่านคล่องของท่านมากๆ เพราะจิตท่านข้ามพ้นไปไกลแล้ว เวลาท่านจะเข้าสมาบัติ ท่านก็เพียงแต่กำหนดจิตก็สามารถเข้าได้ทันทีไม่ว่าจะอิริยาบทไหน

#ฌานสมาบัติ เป็นเรื่องของจิตที่เข้าสู่องค์สมาธิ ตามปกติจะมีอยู่ 8 ระดับ แบ่งเป็น รูปฌาน 4 และอรูปฌาณ 4 รวมเรียกว่า สมาบัติ 8 แต่นอกจากนี้จะมีสมาบัติชั้นพิเศษอีก 1 เรียกว่า นิโรธสมาบัติ เป็นฌานที่ 9 ตามคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าสมาบัติขั้นนี้ได้ ต้องเป็นพระอริยะระดับอนาคามีขึ้นไป ที่ได้สมาบัติ 8 จึงจะสามารถเข้านิโรธสมาบัติได้

ข้อมูลคุณสิรภพ

 

ข้อมูลการสร้าง ล็อกเกตมหากัน ปี2558 หลวงปู่พิศดู
ล็อกเกตมหากัน สร้างปี 2558 สร้างเพื่อเป็นที่ระลึกในงานบุญฉลองพระเจดีย์สุขังเสติ ของสำนักสงฆ์เขาน้ำซับ
โดยใช้ภาพมหากันแบบมียันต์ของหลวงปู่เป็นต้นแบบ ซึ่งรูปนี้หลวงปู่เคยบอกว่า " แม้ไม่ต้องเสกก็ศักดิ์สิทธิ์.." แต่ได้เพิ่มยันต์พระมหาอุปคุตประทับไว้ที่บริเวณหัวใจของหลวงปู่ และจารึกลายเซนต์ของหลวงปู่เอาไว้เป็นมงคลอย่างยิ่งด้วย
ด้านหลังบรรจุรวมมวลสารต่างๆที่หลวงปู่ท่านเสกเอาไว้ตั้งแต่สมัยยังทรงขันธ์อยู่ อาทิ เกศา หนวด ชาญหมาก อังคารธาตุ ข้าวก้นบาตร จีวร ปฐวีธาตุ สายสิญจน์พิธีเสกพระกริ่งธัมมจารี ผงกสิณ ผงพุทธะมงคล ผงตะไบพระกริ่งธัมมจารี ผงปรอทอธิษฐาน แป้งเสก ผงไม้เทพธาโรเสก รวมผงที่ใช้สร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่ทุกรุ่น ฯลฯ ... ด้วยมวลสารเหล่านี้ก็คงไม่ต้องกล่าวบรรยายใดๆลูกศิษย์หลวงปู่ก็คงทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
ด้านหลังยังฝังเหรียญใบบัวจิ๋ว รูปพระอุปคุตปางเข้านิโรธสมาบัติ อันเป็นปางที่ทรงอานุภาพมากที่สุดด้วยกำลังแห่งฌานสมาบัติขั้นที่ 10 อันเป็นขั้นสูงสุด นับเป็นครั้งแรกของวงการในการออกแบบพระอุปคุตปางนี้ ซึ่งอานิสงส์ของการได้บูชาพระอรหันต์ที่เข้านิโรธสมาบัตินั้น จะทำให้ผู้บูชาสมบูรณ์ด้วยลาภสักการะ เงินทอง และดับทุกข์ร้อน อยู่เย็นเป็นสุข
ล็อกเกตรุ่นนี้ได้ทำพิธีอัญเชิญบารมีญาณของหลวงปู่พิศดู และพิธีพุทธาภิเษกมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2558 เริ่มตั้งแต่งานเททองหล่อรูปพระมหาอุปคุตและรูปเหมือนองค์หลวงปู่พิศดู และเข้าพิธีเรื่อยมาอีกมากมาย ซึ่งแต่ละพิธีล้วนแต่มีความสำคัญยิ่ง และยังได้เดินสายขอเมตตาจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่เป็นพระอริยสงฆ์ และครูบาอาจารย์ที่มีบุญสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับองค์หลวงปู่พิศดูอีกหลายท่านด้วยกัน
จำนวนสร้าง
ล็อกเกต ใหญ่ 200 องค์
ล็อกเกต กลาง 200 องค์
ล็อกเกต เล็ก 200 องค์
ล็อกเกตฉากทอง ใหญ่ 25 องค์
ล็อกเกตฉากทอง กลาง 25 องค์
ล็อกเกตฉากทอง เล็ก 25 องค์
__________________
ของมงคลที่ติดไว้ด้านหลังล็อกเกตมหากัน..
เหรียญใบบัวจิ๋ว รูปพระอุปคุตปางเข้านิโรธสมาบัติ ก็ยังมีจีวรเก่าของหลวงปู่พิศดูที่ท่านเคยใช้มาหลายปี
สายสิญจน์พิธีเสกพระกริ่ง-พระชัยวัมน์ธัมมจารี ซึ่งสายสิญจน์ชุดนี้ได้ใช้ในงานพิธีตั้งแต่เททองหล่อ พิธีอธิษฐานจิต และพิธีสมโภชน์พระกริ่งพระชัยวัฒน์ธัมมจารีเนื่องในงานตักบาตรพระมหาอุปคุต ทุกพิธีจะเป็นสายสิญจน์ม้วนเดียวกัน นำมาตัดปิดเอาไว้..
แผ่นโค๊ต พุทโธ ที่ถอดจากลายมือหลวงปู่ ถือได้ว่าเป็นประกาศิต เป็นมงคลในตัวเอง
ซึ่งถ้าจะว่ากันไปตามเนื้อผ้าแล้ว ในบรรดาล็อกเกตของหลวงปู่ที่เคยมีการสร้างมา ก็จะมีแต่ล็อกเกตรุ่น 3 เท่านั้นที่ฝังแผ่นโค๊ต นอกนั้นยังไม่มีที่ฝังแผ่นโค๊ตเลย จนกระทั่งมาถึงล็อกเกตมหากันรุ่นนี้ ได้ฝั่งแผ่นโค๊ต จัดเป็นรุ่นที่ 2 แถมยังเป็นแผ่นโค๊ตลายมือของหลวงปู่อีกด้วยครับ
__________________
ข้อมูลการสร้าง ล็อกเกตมหากัน (ตอนที่2)
อักขระคาถา และตัวยันต์สำคัญที่นำมาใส่ไว้ที่ล็อกเกตชุดนี้ ประกอบด้วยอักขระคาถา และยันต์สำคัญดังนี้..
- หัวใจพระพุทธคุณ (พุทโธ)
- ยันต์พระมหาอุปคุต ที่ผูกไว้เป็นรูปพระอุปคุต (อุปคุตโต)
- คาถาวันโลกดับ (ทิตะทิรา ทันมันฑะโล กะลิลา กะละลา สะติโส จะถิโท คะหะตะเน)
- คาถาหลวงพ่อโอภาสี (อิติสุคะโต อรหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปฐวีคงคา พระภุมมะ
เทวา ขะมามิหัง)
- หัวใจ นวหรคุณ (อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ)
- หัวใจพาหุง (พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ)
- หัวใจพระเจ้าสิบชาติ (เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว)
- หัวใจพระสิวลี (นะ ชา ลี ติ)
- ยอดศีล (มิ)
- คาถาประจำตัวของหลวงปู่พิศดู ได้ผูกไว้เป็นรูปแบบของยันต์ (ธัมมะจารี สุขังเสติ)
- ลายเซ็นต์ ชื่อ - ฉายา พระอธิการพิศดู ธมฺมจารี
- นะจักรพรรดิ์
- นะเลื่องฤา
- นะกลืนไตรภพ
- นะฉัตรเพชร
- นะพญาหงษ์ทอง (พาหนะของพระพรหม)
- นะธาตุ
- นะสนธิ
- ฯลฯ
__________________
ข้อมูลการสร้าง ล็อกเกตมหากัน (ตอนที่3)
รูปของหลวงปู่พิศดู ท่านเคยบอกเอาไว้ว่า " รูปเรา ไม่ต้องเสกก็ศักดิ์สิทธิ์..." เพราะหลวงปู่ท่านเป็นพระอริยที่สำเร็จธรรมขั้นสูง มีจิตอจินไตยที่พิสดารล้ำลึก เชี่ยวชาญในฤทธิ์กสิณ ทรงอภินิหารมาก
ล็อกเกตมหากันชุดนี้ก็ได้นำภาพยิ้ม ยักษ์กลัวผีกลัว หรือที่เรียกกันว่า "ภาพมหากัน" มาเป็นต้นแบบทำล็อกเกต จึงมีความงดงาม เข้มขลัง เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ลูกศิษย์ต่างรู้จักดีและมีประสบการณ์กันแล้วมากมาย แต่เนื่องด้วยล็อกเกตมหากันชุดนี้ได้สร้างหลังจากหลวงปู่ละสังขารแล้ว ทางคณะผู้สร้างจึงได้ประกอบพิธีบวงสรวงอัญเชิญดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่มาเสกตามกรรมวิธีที่หลวงปู่ได้บอกเอาไว้ และยังได้นำเข้าพิธีกรรมอื่นๆอีกมากมาย ในช่วงเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา ได้เข้าพิธีมาแล้ว#หลายสิบพิธี แต่ว่าเสียดายที่ไม่ได้มีการจดบันทึกรายนามลำดับพิธีอย่างละเอียด แต่พอจะกล่าวได้คร่าวๆ มีดังนี้..
*** พิธีบวงสรวงอัญเชิญญาณบารมีหลวงปู่พิศดูมาอธิษฐานจิต เริ่มตั้งแต่ปี 2558 เรื่อยมาหลายวาระ จนถึงปี 2560
*** พิธีเททองหล่อพระมหาอุปคุตปางบิณฑบาตรโปรดสัตว์ สูง 2.50 เมตร และรูปเหมือนหลวงปู่พิศดู ณ ปรัมพิธีวัดเทพธารทอง ในปี 2558 โดยรวมครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณธรรมมาร่วมเจริญจิตภาวนา ดังนี้..
- หลวงปู่สนั่น วัดธารเกษม(เป็นประธาน)
- พระธรรมเมธี เจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี(ธ.)
- หลวงปู่บุญส่ง วัดสันติวนาราม
- หลวงพ่อมหาพร้อม วัดพลับ
- หลวงปู่สวาท วัดป่าโป่งจันทร์
- หลวงพ่อสมบัติ วัดเขาน้อยท่าแฉลบ
- หลวงปู่อ่อง ถ้ำเขาวงกต
- หลวงพ่อสิริ วัดตาล
- หลวงพ่อพิเชฐ วัดโคกหม้อ
- หลวงพ่อสนิท วัดป่าคีรีเขต
- ฯลฯ...
*** พิธีพุทธาภิเษกสมโภชน์พระมหาอุปคุตปางบิณฑบาตรโปรดสัตว์ และรูปเหมือนหลวงปู่พิศดูขนาดเท่าองค์จริง โดยรวมครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณธรรมหลายท่าน ดังนี้..
- หลวงปู่บุญส่ง วัดสันติวนาราม
- หลวงปู่อ่อง ถ้ำเขาวงกต
- หลวงปู่สวาท วัดป่าโป่งจันทร์
- หลวงพ่อมหาพร้อม วัดพลับ
- หลวงปู่ดำ เขาเกลือ
- หลวงปู่สำอางค์ วัดเขาสมิง
*** พิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลหลวงพ่อกัสสปมุนี ณ อุโบสถวัดปิปผลิวนาราม จ.จะยอง (พิธีพลังนิโรธสมาบัติ) โดยรวมครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณธรรมหลายท่าน ดังนี้..
- ครูบากฤษดา วัดสันพระเจ้าแดง จ.ลำพูน
- หลวงพ่อพิเชฐ วัดโคกหม้อ จ.ลพบุรี
- หลวงพ่อสิน วัดละหารใหญ่ จ.ระยอง
- หลวงพ่อวิโมกข์ วัดปิปผลิวนาราม จ.ระยอง
- ฯลฯ
*** พิธีพุทธาภิเษกพระกริ่งร่มโพธิ์ไทร พระกริ่งโพธิญาณ และวัตถุมงคลต่างๆของวัดสันพระเจ้าแดง เมื่อปี 2558 โดย ท่านครูบากฤษดา และหลวงพ่อขันติ
*** พิธีพุทธาภิเษกในงานไหว้ครู วัดโคกหม้อ จ.ลพบุรี ในปี 2558 - 2560
*** พิธีพุทธาภิเษกพระพุทโธคลัง (คุณแม่บุญเรือน) วัดอาวุธวิกสิตาราม ปี 2558 โดยรวมครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณธรรมหลายท่าน ดังนี้..
- พ่อท่านผอม ถาวโร
- หลวงพ่อสิริ วัดตาล
- ครูบากฤษดา วัดสันพระเจ้าแดง
- หลวงพ่อสำราญ วัดสง่างาม
*** พิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลของวัดโคกหม้อ ที่เดินสายปลุกเสกจากพระเกจิสายภาคเหนือ เมื่อปี 2558 อาทิ..
- ครูบากฤษดา วัดสันพระเจ้าแดง จ.ลำพูน
- หลวงปู่เปลี่ยน วัดป่าอรัญวิเวก จ.เชียงใหม่
- หลวงปู่สังข์ วัดป่าอาจารย์ตื้อ จ.เชียงใหม่
- ครูบาครอง วัดท่ามะเกว๋น จ.ลำปาง
- หลวงปู่ดี วัดส้มเกลี้ยง จ.ตาก
- ฯลฯ
*** พิธีพุทธาภิเษกพระกริ่งเทียนตี้ และวัตถุมงคลต่างๆของวัดสันพระเจ้าแดง เมื่อปี 2559 โดย ท่านครูบากฤษดา สุเมโธ และหลวงพ่อขันติ
*** พิธีตักบาตรพระมหาอุปคุต งานทำบุญครบรอบวันมรณภาพของหลวงปู่พิศดู ปี 2558 – 2560
*** พิธีอธิษฐานจิตในวันเสาร์๕ (ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕) โดย พ่อท่านผอม ถาวโร
*** พิธีอธิษฐานจิต พระกริ่งนอโมผ่อสัก โดย พ่อท่านผอม ถาวโร และครูบากฤษดา วัดสันพระเจ้าแดง
*** ได้กราบขอความเมตตาจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณธรรม ที่มีบุญสัมพันธ์กับองค์หลวงปู่พิศดู สายพระอุปคุต และพระอริยผู้ทรงธรรมอีกหลายท่าน เมตตาอธิษฐานจิตเพื่อฝากกระแสธรรมให้ดังนี้..
- หลวงปู่สนั่น วัดธารเกษม จ.สระบุรี
- หลวงปู่ไม วัดป่าเขาภูหลวง จ.นครราชสีมา
- หลวงปู่บุญส่ง วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
- หลวงปู่สวาท วัดป่าโป่งจันทร์ จ.จันทบุรี
- หลวงปู่อ่อง ถ้ำเขาวงกต จ.จันทบุรี
- หลวงปู่เปลี่ยน วัดป่าอรัญวิเวก จ.เชียงใหม่
- หลวงปู่สังข์ วัดป่าอาจารย์ตื้อ จ.เชียงใหม่
- หลวงพ่อสมบัติ วัดเขาน้อยท่าแฉลบ จ.จันทบุรี
- หลวงพ่อมหาพร้อม วัดพลับ จ.จันทบุรี
- หลวงพ่อสิริ วัดตาล จ.นนทบุรี
- หลวงปู่เล็ก วัดทำนบ จ.อ่างทอง
- หลวงปู่บุญจันทร์ วัดศรีมังคลาราม จ.ศรีสะเกษ
- หลวงพ่อพิเชฐ วัดโคกหม้อ จ.ลพบุรี
- หลวงปู่ขีด วัดบัวโรย จ.สมุทรปราการ
- หลวงปู่สนม วัดพระปรางค์เหลือง จ.นครสวรรค์
- หลวงปู่ฮก วัดราษเรืองสุข จ.ชลบุรี
- หลวงพ่อสุพจน์ วัดห้วงพัฒนา จ.ตราด
- หลวงพ่อสนิท วัดป่าคีรีเขต จ.จันทบุรี
- หลวงปู่สำอางค์ วัดเขาสมิง จ.ตราด
- พระอาจารย์หนึ่ง เจ้าสำนักสงฆ์เขาน้ำซับ จ.จันทบุรี
- ครูบาดิน เจ้าอาวาสวัดเทพธารทอง จ.จันทบุรี
*** และพิธีอื่นๆอีกมาก ที่ไม่ได้จดบันทึก..
__________________
ขอบคุณข้อมูลจาก คุณสิรภพ ครับ

 

จากข้อมูลที่ได้รับฟังจากองค์หลวงปู่พิศดู ประกอบกับข้อมูลของลูกศิษย์หลายท่านได้เล่าให้ฟัง เป็นที่ทราบกันดีว่าพื้นที่ตั้งวัดเทพธารทอง และบริเวณพื้นที่แถบนี้อดีตกาลเคยเป็นเมืองโบราณที่มีอารยธรรมมาก่อน และยังมีมิติที่ซับซ้อนอยู่ด้วยกันหลายภพภูมิมาก เรียกได้ว่ามีทุกอย่างก็ว่าได้ โดยเฉพาะภพภูมิของพญานาคที่เฝ้ารักษาอยู่ ซึ่งภูมิของพญานาค ณ ที่บริเวณนี้จัดเป็นภูมินาคที่มีศักดิ์สูงระดับชั้นปกครอง อย่างที่เรียกกันว่า”พญานาคราช " ซึ่งธรรมชาติของพญานาคที่มีศักดิ์ชั้นสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะมีฤทธิ์มาก และมีความเป็นอัตราตัวตนมากเช่นกัน

วันนี้จะมาเล่าข้อมูลที่ยังไม่ค่อยได้ถูกเปิดเผยมากนักถึงภพภูมิพญานาคที่วัดเทพธารทองให้ได้ศึกษากัน

เมื่อแรกสมัยที่องค์หลวงปู่พิศดูได้มาพำนักที่วัดเทพธารทองแห่งนี้ท่านได้เล่าว่า " เราต้องเผชิญกับสิ่งต่างๆหลายอย่างทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นด้วยตา " โดยเฉพาะพวกนาคราชที่อาศัยอยู่มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์นานนับพันนับหมื่นปี พวกพญานาคเหล่านี้เขาจะมีฤทธิ์มากและเป็นใหญ่กว่าภพภูมิอื่นๆ และมีทิฐิมานะสูง ไม่ว่าใครที่จะมาอยู่หากไม่แน่จริงหรือไม่ปฏิบัติดีจริงๆก็อยู่ไม่ได้ และกว่าพวกพญานาคเหล่านี้จะหันมายอมรับนับถือ และฝากตัวเป็นลูกศิษย์ขององค์หลวงปู่พิศดู พวกเขาก็ยังเคยมาประลองฤทธิ์กับองค์หลวงปู่อยู่บ่อยครั้ง หลายรูปแบบ ซึ่งพญานาคเหล่านี้มีฤทธิ์สามารถบันดาลอะไรต่างๆให้เกิดขึ้นได้อย่าง เหนือธรรมชาติ

มีพระอาจารย์ลูกศิษย์หลวงปู่พิศดูรูปหนึ่งได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า.. สมัยที่องค์หลวงปู่มาอยู่วัดเทพธารทองใหม่ๆ พวกนาคที่นี้มีความดื้อและมีทิฐิมานะ หลวงปู่จึงต้องใช้ฤทธิ์อภิญญาในการทรมานพญานาคเหล่านี้อยู่พอสมควร จึงได้คลายทิฏฐิยอมอ่อนที่จะฟังธรรม ซึ่งฤทธิ์ที่หลวงปู่พิศดูใช้ในการปราบพญานาคนั้น หลักๆก็คือ #กสิณไฟ จะสังเกตได้ว่าสมัยก่อน หลวงปู่จะก่อกองไฟเอาไว้ตลอดเวลา นอกจากเป็นการบูชาไฟเป็นพุทธบูชาแล้ว ท่านยังใช้ไฟนี้เป็นนิมิตกสิณในการทรมานพวกนาคราชเหล่านั้นด้วย นอกจากนี้ท่านก็ยังใช้กสิณกองอื่นๆ เช่น กสิณดิน กสิณน้ำ กสิณลม นีลกสิณ ฯลฯ อีกด้วย ซึ่งพวกพญานาคทั้งหลายก็ต่างพ่ายแพ้ต่อฤทธิ์ขององค์หลวงปู่อย่างไม่มีทางต่อสู้ได้ เพราะอภิญญาของหลวงปู่มีมากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะคิดทำอะไรหลวงปู่ท่านรู้ล่วงหน้าและดักทางใจได้ทุกครั้ง นอกจากนี้ท่านยังมีเทศนาปาฏิหาริย์ในการสอนพวกภพภูมิต่างๆได้อย่างลึกซึ้ง พวกเขาจึงได้ยอมแพ้และคลายทิฏฐิลง หันมาเป็นลูกศิษย์และยอมฟังธรรมเป็นพุทธมามกะ และคอยช่วยเหลืองานต่างๆตามแต่องค์หลวงปู่จะปรารถนา และองค์หลวงปู่ยังได้เคยลงไปโปรดในภพภูมิของพญานาคราชเหล่านั้นหลายครั้ง โดยมีไปทั้งกายทิพย์และกายเนื้อด้วยเช่นกัน

และข้อมูลเชิงลึกที่ทราบมาอีกอย่างนั่นก็คือ สมัยเมื่อดึกดำบรรพกาลที่ผ่านมานั้น ที่ตรงนี้เคยเป็นเมืองเก่าที่มีอารยธรรม ซึ่งองค์หลวงปู่เองก็ยังเคยเกิดมาเป็นเจ้าเมืองปกครองดินแดนบริเวณแถบนี้อยู่ด้วย ในชาตินี้ท่านจึงต้องมาอยู่ที่นี่ เพื่อปรับภพภูมิทั้งหมดให้อยู่กันได้อย่างลงตัว..

#หมายเหตุ.. ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่ผู้เขียนรวบรวมมา เป็นความเชื่อเฉพาะบุคคล ขอผู้อ่านควรศึกษาด้วยใจที่เป็นกลางครับ..

ข้อมูลคุณSira Pop

 

#มรณญาณขององค์หลวงปู่

วันที่ 5 มีนาคม เป็นวันคล้ายวันพระราชทานเพลิงสรีระองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ทำให้ผู้เขียนได้ระลึกถึงคำกล่าวขององค์หลวงปู่พิศดู ซึ่งจะขอนำมาเล่าให้ฟังดังนี้..

เมื่อราวปี 2552 ถึงปี 2553 ชื่อเสียงขององค์หลวงปู่พิศดูเริ่มเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปเป็นวงกว้าง ก็ได้มีผู้คนเดินทางมากราบนมัสการองค์หลวงปู่ที่วัดเทพธารทองทุกวัน โดยเฉพาะทั้งจากภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และจังหวัดใกล้เคียง และหลายครั้งที่ผู้เขียนได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ที่มีผู้ศรัทธามากราบทำบุญกับองค์หลวงปู่ หลายคนที่มาได้เคยกราบอาราธนานิมนต์ให้หลวงปู่พิศดูดำรงธาตุขันธ์อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับลูกศิษย์ลูกหาไปตราบนานเท่านาน บางคนก็ขอนิมนต์หลวงปู่อยู่เกินร้อยปี ฯลฯ ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ลูกศิษย์สายวัดป่ามักจะถือปฏิบัติมาตามๆกัน ซึ่งในขณะนั้นองค์หลวงปู่พิศดูก็อยู่ในวัยชราภาพมากด้วยวัย 80 กว่าๆใกล้ 90 ปี แต่องค์หลวงปู่ก็มิเคยได้รับการอาราธนาในคำกล่าวของผู้ที่หวังดีเหล่านั้นเลย และบ่อยครั้งองค์หลวงปู่ก็ได้กล่าวขึ้นให้ได้ยินทั่วกันว่า..

" โยมไม่ต้องห่วงเราหรอก ใจเราสบาย เราก็อยู่ไปเรื่อยๆ อยู่ตามกาล ไปตามกาล.."

" เรายังไม่ไปง่ายหรอก เราต้องรอหลวงตา(มหาบัว)ไปก่อน เขาถึงค่อยตามไป.."

" ถ้าหลวงตายังไม่ไป เราก็ยังไม่ไปหรอก หลวงตาจะมรณภาพก่อนเรา.."

" หลวงตามหาบัวท่านจะละสังขารก่อนเรา ถ้าหลวงตาอยู่เกินร้อยปี เราก็อยู่เป็นร้อยปีนั่นแหละ แต่ถ้าหลวงตาท่านไป เราก็ตามไป เราไม่ไปก่อนหลวงตาท่านแน่.."

... ฯลฯ

ซึ่งองค์หลวงปู่พิศดูได้เคยปรารภเช่นนี้ให้ลูกศิษย์ได้ยินกันหลายครั้ง ผู้เขียนเองก็ได้ยินท่านกล่าวหลายครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาคำกล่าวพยากรณ์ขององค์หลวงปู่พิศดูผู้เขียนก็เห็นมามากซึ่งไม่เคยผิดพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ซึ่งก็เป็นไปตามที่หลวงปู่พิศดูได้พยากรณ์ถึงตัวท่านไว้ล่วงหน้าถึงมรณะกาลดังกล่าว กล่าวคือ..

องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านได้ถึงกาลมรณภาพในวันที่ 30 มกราคม 2554

ซึ่งในขณะนั้นองค์หลวงปู่พิศดูกำลังได้รับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กรุงเทพฯ

วันที่ 5 มีนาคม 2554 เป็นวันพระราชทานเพลิงสรีระสังขารองค์หลวงตามหาบัว ซึ่งในวันเดียวกันนั้นอาการอาพาธขององค์หลวงปู่พิศดูก็ทรุดลง คือมีภาวะไตวายต้องฟอกไต

และในวันที่ 13 เมษายน 2554 องค์หลวงปู่พิศดูก็ได้ถึงการมรณภาพอย่างสงบ สิริอายุได้ 88 ปี ท่านมรณภาพหลังจากที่องค์หลวงตามหาบัวได้ละสังขารไปก่อนหน้าเพียง 2 เดือนเศษ

ซึ่งนอกจากนี้ องค์หลวงปู่พิศดูยังได้เคยกล่าวพยากรณ์เอาไว้ล่วงหน้าหลายปีอีกด้วยว่า..

" คอยดูนะถ้าเราตาย ร่างของเราเขาจะเอาไปไว้ที่วัดป่าคลองกุ้ง.."

" เราจะไป(มรณะภาพ)วันปีใหม่ " (13 เมษายน คือ วันปีใหม่ไทย หลวงปู่เป็นพระโบราณท่านจะเรียกวันสงกรานต์ว่า วันปีใหม่)

" พอเผาร่างเรา จะมีคนมาแย่ง(แบ่ง)อัฐิ แย่งพระธาตุเรากันมาก.."

" ถ้าเราตาย หวยจะออกเลขอายุเรา.."

(ซึ่งสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 16 เม.ย. 54 หวยได้ออก 88 อายุหลวงปู่จริงๆ)

ซึ่งก็เป็นไปตามที่องค์หลวงปู่ได้บอกไว้ทุกประการไม่มีผิดเพี้ยน แสดงถึงอนาคตังสญาณ และมรณญาณขององค์หลวงปู่อย่างละเอียดแจ่มใสเป็นที่สุด

ถ้าพูดกันตามเรื่องของการสื่อสารกันทางจิตถึงจิต ของพระอรหันต์ขั้นสูง หลวงปู่พิศดูก็ยังเคยเล่าให้ฟังว่า..

" หลวงตา(มหาบัว)ท่านก็มาหาเราบ่อย เวลามีภัยจะเกิดขึ้นกับประเทศ หลวงตาจะมานิมนต์ให้เราไปช่วยตลอด.."

" หลวงตาท่านก็เคยพูดยกย่องเราไว้มาก ว่าถ้าภาคตะวันออกนี่ เราเป็นเพชรน้ำหนึ่ง.."

ข้อมูลคุณสิรภพ

 

ed174931545th ตลิ่งชัน

 

กำไลเหนือดวงรุ่นแรก วัสดุทำจากสแตนเลสสตีล สีทองสุดพรีเมี่ยม ใส่ได้ทั้งชายและหญิง กำไลสายมู ได้ทั้งความเฮง ความปัง และความสวยงามหรูหรา
หลวงปู่ศิลา สิริจันโทเป็นประธาน ปลุกเสกเสาร์5 วันที่13 เมษายน ปี2567 - มีขนาด M-L บูชาวงละ 1,499 บาท พร้อมส่งในประเทศ
รับประกันของแท้แน่นอน

 

ed174951289th สัตหีบ
ed174951292th หลักสี่