สัจธรรม = ความจริง ตามความเป็นจริง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย kachangwa, 13 กันยายน 2014.

  1. kachangwa

    kachangwa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +33
    ศาสนาเกิดขึ้นจากความ กลัว จากสัญชาตญาณ (ญาณ ของโลกที่นำมาใช้กัน เทวดา คน สัตว์เดรัชฉาน เปรต อสูรกาย etc) เพื่อความอยู่รอด เพื่อสั่งสมบารมี (มี แล้วอยากมีขึ้นเรื่อยๆ)
    ศาสนาพุทธ คือ ศาสนาของผู้รู้ (พุทธะ = รู้ ตามความเป็นจริง)
    แค่สงสัยเฉยๆครับว่า พุทธ ที่เรานับถือกันใช่ พุทธ จริงๆ ที่พระพุทธเจ้าได้ ัญญัติ ไว้จริงหรือเปล่า หรือเป็นเพียงผู้มีอำนาจเอาศาสนาพุทธมาอ้างเพื่อการอยู่รอด เพื่อ บารมีของตัวเองมากกว่า
    พระพุทธเจ้า ไม่เคยบังคับใครให้สรรเสิญ ไม่เคยห้ามใคร นินทา ท่านสอนให้ไม่เชื่อ ตั้ง 10 ข้อ กาลามสูตร แต่มีคนนับถือมามากกว่า 2500 ปีแล้ว
    แต่ทำไม สิ่งที่ผู้มีอำนาจกรอกหูเราทุกๆวันตั้งแต่เด็ก ว่า ห้ามสงสัย ใช้เชื่อตามนั้น โดยเฉพาะในบอร์ดแห่งนี้ ห้ามปรามาส พระอรหันต์ด้วย
    ผมคิดว่าการสั่งสอนของไทยได้รับอิทธิพลจากพราห์ม มากกว่าแก่นของพุทธะ จึงทำให้มีการใช้ความเชื่อมาข่มขู่ ผู้ที่เกิดมาทีหลังให้เชื่อตามๆ กันมา ซึ่งผิดกับ กาลามสูตร เพื่อความอยู่รอด เพื่ออำนาจ เพื่อบารมี ของตนเอง มากกว่า
    ตรงนี้ทำให้ ศาสนาพุทธมืดบอดไป เพราะการิดกั้น ข่มขู่ ทำให้ผู้ที่เดินตามทีหลังไม่กล้าที่จะแหกคอก ซึ่ง พระพุทธเจ้าได้ทำการแหกกฏ การขู่เข็ญตรงนี้จนรู้แจ้ง ด้วยตัวเอง เป็น ปัจจัตตัง
    ผมกำลังจะบอกว่า ศาสนาพุทธ จะล่มสลายเพราะเรานับถือ พุทธ ในวิถี พรามห์ม ครับ ถึงได้มีข่าวแบบ พุทธ พานิช กันโครมๆ ไม่เว้นแต่วัน เราไม่ได้มุ่งเข้าถึงแก่น พุทธะ ตามรอยพระพุทธเจ้า แต่เราเบสายมานับถือ พระพุทธรูป ในรูปแบบพราห์ม การเป็นตัวเป็นตนจนถึงที่สุด ซึ่งผิดกับคำสอน อย่างสิ้นเชิง
     
  2. philosophi

    philosophi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +1,896
    เพราะการกระทำ(กรรม) ทำให้เกิดความต่าง ของหมู่สัตว์
    จะเจอของจริงได้ ต้องเอาชีวิตเข้าแลก
    ไม่งั้นก็ฝันกลางวันไปเถอะ..
     
  3. กฮ

    กฮ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +415
    ขยายความสิว่าขู่ยังไง

    และพระพุทธเจ้าท่านทำอย่างไร? เท่าที่เห็นท่านเรียนหมดทุกศาสตร์นะ ไม่ใช่แหกคอก แหกกฏ ท่านเรียนจนถึงที่สุด

    ลองพูดอธิบายมาสิว่า พุทธที่แท้นั่นเป็นอย่างไร?
     
  4. jibakunmk2

    jibakunmk2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +146
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2014
  5. thaiboy74

    thaiboy74 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +207
    เรื่องแรก ผมคิดว่าคุณเจ้าของกะทู้ต้องทำความเข้าใจสองสิ่งก่อนนะครับว่ามันต่างกัน
    1. คำว่าปรามาส ซึ่งเป็นคำกริยา หมายความว่า ดูถูก สบประมาท ดูแคลน ดูหมิ่น หยาม
    2. กาลามสูตร คือ พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตตนิคม แคว้นโกศล หรือเกสปุตตสูตร เป็นหลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ ไม่ให้เชื่อสิ่งใด อย่างงมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนที่จะเชื่อ มีอยู่ทั้งหมด 10 ประการ

    ประเด็นอยู่ที่ว่า การปรามาสกับการปฏิบัติตามกาลามสูตร เป็นคนละเรื่องที่ไม่มีความเกี่ยวดองเป็นญาติกันเลย กาลามสูตรไม่ได้สอนให้เราปฏิเสธสิ่งที่ไม่รู้หรือสิ่งที่เราสงสัย แต่สอนให้คิด ตั้งคำถามถาม สงสัย และปฏิบัติ จนผลที่ได้มันพิสูจน์สิ่งที่สงสัยแล้ว จึงค่อยเชื่อ เพื่อสอนให้เห็นถึงอันตรายของสิ่งที่ถูกสอนให้เชื่อและท่องจำฝังหัวตาม ๆ กันมา
    แต่การปรามาสนั้น เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามดูแคลน เป็นการปฏิเสธไว้ก่อน ไม่ว่าเราจะรู้เรื่องราวเหล่านั้นหรือไม่ ซึ่งเป็นหนทางปิดกั้นความรู้อันหนึ่ง และเป็นการเปิดโอกาสให้กับเราได้กระทำอกุศลกรรมทางกาย วาจา และใจอีกหนึ่ง การปรามาสที่ว่านี้ ไม่เป็นหนทางนำไปสู่ปัญญา รังแต่จะนำอวิชชาให้มืดบอดยิ่งขึ้น เนื่องจากไม่ได้มีการฝึกฝนขัดเกลาตนเองตามหลักกาลามสูตรและโยนิโสมนสิการ หรือการพิจารณาประกอบเหตุและผลอันพึงได้พึงเป็น

    สิ่งที่เขียนไว้ข้างบนคงพอตอบคำถามคุณได้บ้างว่า การปรามาสพระอรหันต์กับพระพุทธเจ้า ต่างกันกับการใช้หลักกาลามสูตรในเรื่องนี้อย่างชนิดที่ไม่มีอะไรจะเกี่ยวข้องกันเลย เพราะถ้าคุณไม่เชื่อ และสงสัยในเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าก็เปิดโอกาสให้คุณสงสัย แต่คุณต้องหาคำตอบให้กับตัวคุณเอง ด้วยการค้นคว้า ปฏิบัติ ทดลอง ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า อะไรที่เป็นของแท้ ยิ่งสงสัย ยิ่งค้นคว้าก็จะยิ่งเจอพิสูจน์ความดี ความจริง ความงามของมันเอง

    เรื่องที่สองที่คุณพูดถึงอิทธิพลพราหมณ์ที่มีมากกว่าพุทธ จึงออกไปทางข่มขู่เพื่อรักษาฐานอำนาจนั้น สิ่งที่ผมมองคือมันอาจแค่มีส่วนแต่ไม่ทั้งหมด เหตุผลหนึ่งก็คือว่า ในสังคมเราเอง แม้จะมีอิทธิพลพราหมณ์ในราชสำนักมาตั้งแต่สมัยอยุธยา หรือเป็นพุทธมาตั้งนานก่อนหน้านั้น แต่เอาเข้าจริง ๆ ความเชื่อในระดับชาวบ้าน ก็เป็นความเชื่อประเภทที่ไม่ประกอบด้วยองค์ความรู้ที่เพียงพอ หรืออีกนัยหนึ่งคือ เป็นความรู้เชิงพิธีกรรม ปราศจากการตั้งคำถาม เมื่อใหร่ก็ตามที่มีการตั้งคำถาม บางครั้งมักจะตอบกันไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เคยพยายามหาคำตอบและค้นคว้า
    ท่าทีของสังคมจึงเป็นไปในทางไม่สุ้ดีนักกับการตั้งคำถามเหล่านั้น เป็นต้นว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ หรือผู้นั้นอาจถูกมองเป็นคนไม่ดี หัวรั้น ที่ร้ายไปกว้านั้นอาจกลายเป็นเรื่องของการก้าวล่วงมณฑลอันศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็นเรื่องการรบหลู่ไป ซึ่งทำให้เรื่องเหล่านี้กลายเป็นเรื่องไกลตัว ห่างเหิน ลึกลับ และแตะต้องได้ยากขึ้น และเขาเหล่านั้นกลัวว่าความศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นจะมัวหมอง ทั้งที่จริง ๆ แล้วสิ่งที่มัวหมองคือมโนภาพที่ถูกสั่นคลอนของเขาเองต่างหาก เพียงเพราะขาดความรู้ความเข้าใจที่แท้ สัจจะ ธรรมะ พุทธะ อรหันต์ก็ยังคงเป็นอยู่เหมือนเดิมไม่ได้สั่งคลอนหรือได้รับผลกระทบใด ๆ

    การเชื่อด้วยสติและปัญญาอาจเป็นสิ่งที่จำเป็นในทุกยุคทุกสมัย เพื่อการส่งต่อสิ่งที่เชื่ออย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่ส่งต่อเพียงรูปแบบของความเชื่อ เนื่องจากสังคมแปรเปลี่ยนตลอดเวลาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ชุดความเชื่อแบบเดิม ๆ อาจไม่สามารถตอบสนองปัญหาในทุกรูปแบบได้ เนื่องจากมีปัจจัยทางสังคมที่ต่างกันออกไป ส่ิงที่จำเป็นคือเราต้องทำความเข้าใจกับมัน เพื่อจะได้เกิดการประยุกต์ใช้ความเชื่อเหล่านั้นในการแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง ไม่ใช่สักแต่ว่าถูกใจ และอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านสอน ที่ว่าเราต้องทำความเข้าใจด้วยว่าทำไมเราถึงเชื่อ และให้เราตั้งคำถาม ตั้งสมมตุฐาน หาคำตอบและปฏิบัติ เพราะตราบใดที่สิ่งนั้นเป็นสัจธรรม สิ่งที่คุณได้มันจะตอกย้ำความจริงแท้ในตัวมันเองอยู่ร่ำไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2014
  6. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    ทำใจครับ สุดแล้วแต่บุญแล้วแต่ปัญญาของแต่ละคน
    เดี่ยวนี้คนเกรงใจวัตถุ มากกว่าเกรงใจธรรม
    ถ้าเป็นพระอรหันต์จริงๆจะปรามาสไปทำไมหละครับ ???
    ถึงแม้บางรูปไม่ใช่อรหันต์ อาจจะสอนผิดธรรม ผิดวินัย แต่คนเขาเชื่อ เขานับถือ ของเขา ถึงเราจะกล่าวถูกตามธรรม แต่เดี่ยวก็คงโต้เถียงโต้แย้งไปไม่รู้จบ กระทู้และข้อความก็อาจจะหายได้ หรือโดนแบนได้เอานะ แต่ถ้าคิดว่ามีความสามารถก็ทำไป:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...