วิธีฝึกสมาธิของผมคือ อ่านหนังสือ ครับ ใครที่ยังหาวิธีฝึกสมาธิเป็นของตัวเองไม่ได้ก็ลองทำดูนะครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สายลมพัดโบก, 9 มกราคม 2021.

  1. สายลมพัดโบก

    สายลมพัดโบก สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2020
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +9
    วิธีที่ผมใช้ในการฝึกสมาธิที่ดูแล้วน่าจะถูกจริตกับผมก็คือ การอ่านหนังสือ ครับ
    อ่านหนังสือแล้วมีสมาธิทรงตัวได้ค่อนข้างดี บางทีก็อ่านได้หลายชั่วโมง อ่านแล้วเพลินดี
    โดยเฉพาะถ้าหนังสือธรรมะ ก็น่าจะได้บุญในส่วนนี้ไปด้วย

    ใครที่ยังหาวิธีฝึกสมาธิอยู่ แล้วไม่รู้ว่าจะฝึกยังไงก็ลองนำไปใช้ดูครับ
    สำหรับผมก็ อ่านหนังสือนี้แหละง่ายดี
    อ่านไปสักพักเดี๋ยวก็รู้ลมหายใจไปเอง

    ไม่ทราบว่าเพื่อน ๆ มีวิธีหรืออุบายในการฝึกสมาธิอย่างไรกันบ้างครับ
     
  2. สายลมพัดโบก

    สายลมพัดโบก สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2020
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +9
    การนั่งไล่อ่านธรรมะบนเว็บ ก็เป็นวิธีที่ผมใช้ในการฝึกสมาธิได้ดีอีกวิธีครับ บางทีนั่งจนตะคริวกินขาก็ยังไม่อยากจะลุกไปไหนเลย อ่านแล้วเพลินไปเรื่อย ๆ แถมยังรู้ลมหายใจได้เองโดยไม่ต้องบังคับด้วยในบางที
     
  3. ละอองไฟ

    ละอองไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2020
    โพสต์:
    2,469
    ค่าพลัง:
    +1,398
    วิธีไหนทำแล้วถูกจริต
    วิธีนั้นคือวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเราครับ
     
  4. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    ไม่ทราบว่าเพื่อน ๆ มีวิธีหรืออุบายในการฝึกสมาธิอย่างไรกันบ้างครับ

    ผมนี้คนละแนวกับการอ่านและการฟังเลย
    ผมสวดบทจักรพรรดิในใจ
    เวลาสวดจะทำควบคู่กับการอ่านหนังสือและการฟังไม่ได้
    จะอ่านและฟังบลาๆๆ เมื่อพักสวดในใจ

    แต่การพักสวดก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีสมาธิ
    เพราะสมาธิในสติปัฏฐาน4 มันก็ได้ทั้งยืนเดินนั่งนอน

    การอ่านตามความเข้าใจผมมันก็เป็นการคิดตาม
    และมีสติไปตามรู้ตามกำกับความคิดที่อ่านนั้นๆอีกที
    ส่วนสวดมนต์มันเป็นการระลึกรู้ที่เลือกคิดไม่ได้คิดหลายเรื่อง
    มันจะค่อยๆตัดกระแสนึกคิดปรุงแต่งทาง อายตนะนอกไปเรื่อยๆ

    แล้วก็เรียนรู้แค่เรื่อง จิต+ความรู้สึก+พลังงาน
    ไม่มีตัวอักษร แล้วก็ไม่มีภาษา มีแต่พลังงานสื่อสารกับพลังงาน

    เหมือนคนกินอาหาร
    แต่ไม่มีรายชื่ออาหารและปัจจัยที่ปรุงแต่งอาหารนั้นๆบอกว่ามีชื่ออะไรบ้าง
    แต่ จิต+ความรู้สึก จะเป็นตัวบอกเราเองว่าเรากำลังชิมอะไรอยู่
    จะว่าไปแล้วแทบจะไม่ได้ใช้ตำราอะไรบลาๆเท่าไหร่เลย
     
  5. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    เมื่อกายผ่อนคลาย ใจผ่อนคลาย มีสิ่งให้สติระลึก ( มีสัมปชัญญะย้อนมารู้กาย-ใจ) มีสิ่งให้ใจรับรู้

    จึงสามารถทำให้การดำเนินชีวิตประจำวันของคนเรา เปี่ยมด้วยปิติ ชุ่มชื่น ชุ่มเย็น เป็นสมาธิได้ครับ
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    สมัยเด็กๆ ไม่ได้คิดวิตกกังวลกับเรื่องการทำมาหากิน การหาเลี้ยงชีพ ฐานะ เศรษฐกิจ ฯลฯ
    สิ่งเดียวที่ทำให้เด็กๆและวัยรุ่นจะเครียด ฟุ้งซ่านจนเป็นทุกข์ขนาดหนักน่าจะเป็นเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ ไม่ได้เล่นสนุก ไม่ได้ทำสิ่งที่รักดั่งใจ

    ตอนอายุไม่ถึงสิบขวบผมขี้โรคมาก ก็ทุกข์กับร่างกายมาก
    การเพลินเพลินจากการเดิน ทำให้เดินได้ไกลขึ้นๆ จนพัฒนาเป็นวิ่งทุกวัน จนร่างกายแข็งแรง
    จากเด็กที่วิ่งได้ไม่ถึงนาทีก็หอบ กลายเป็นนักวิ่งมาราธอนระยะสั้น

    จากกีฬา ที่เริ่มทำสำเร็จหนึ่งอย่าง ก็ให้กำลังใจตนเอง ที่จะเล่นอย่างอื่น
    จากเด็กที่กลัวน้ำ ก็กลายเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ

    จากเด็กขี้โมโห แต่พอที่จะวาดการ์ตูนได้ ก็อาศัยการวาดภาพ วาดเรื่องราวต่างๆ
    ระบายสี วาดภาพเหมือน การวาดครั้งหนึ่งๆ เมื่อทำเสร็จ จิตจะเบามาก ใจนิ่ง

    การใช้ลมหายใจเล่นเครื่องดนตรีประเภทเป่า ต่างๆ ทำให้ระบายอารมณ์ความรู้สึก
    ออกมาทางเสียงดนตรีได้ ใจคลายเร็ว และ อาศัยเสียงดนตรี เสียงน้ำไหล เสียงลม
    เสียงต่างๆมาช่วยให้ใจผ่อนคลาย เป็นสมาธิได้

    สมัยเด็กๆ ชอบอ่านนิยายจีนแปล เป็นเล่มหนาๆ เป็นการฝึกสมาธิได้ดี แต่ เป็นการฝึกโดย
    อาศัยความชอบ-ความชัง ในตัวละคร แม้เป็นสมาธิได้ แต่ไม่ถาวร ไม่ทำให้ใจพัฒนาในการ
    ถอดถอนนิสัยทำอะไรด้วยรัก-ชัง (กิเลส )



    หลายอย่าง คนเราสามารถทำด้วยใจรัก เพลิน จนใจนิ่ง
    แต่พอเจอตัวแพ้ทาง มาสะกิดต่อมไร้รัก มักชัง ก็ระเบิดได้ง่าย

    พระพุทธองค์ จึง สอน " สัมมาสมาธิ" ไว้ ดังนี้

    สัมมาสมาธิ เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เธอบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะวิตกวิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิอยู่ เธอมีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌาน ที่พระอริยทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข เธอบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัส โทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ อันนี้เรียกว่า สัมมาสมาธิ ฯ
     

แชร์หน้านี้

Loading...