วิญญาณคะนอง

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย สิกขิม, 20 มิถุนายน 2006.

  1. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    วิญญาณคะนอง
    โดย ท.เลียงพิบูลย์

    จากหนังสือกฎแห่งกรรม
    ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เล่ม ๑


    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=341&sid=2ac1df5a682e17346d5ca2731b78f9d1



    เรื่องวิญญาณ คิดว่าในยุคปัจจุบันนี้กำลังมีผู้สนใจกันไม่น้อย หรือจะเรียกว่าเป็นยุค
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 มิถุนายน 2006
  2. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    วันหนึ่งหลังจากอิฉันไปเยี่ยมกลับแล้ว ในคืนวันเดียวกันเขาหาม หญิงจีนสูงอายุคนหนึ่ง เข้ามาในห้องคนป่วย ทราบภายหลังว่า แกหกล้มสะบ้าหัวเข่าหลุด แสดงว่าแกเจ็บปวดร้องครวญคราง พอยกร่างแกขึ้นบนเตียงที่เขาเตรียมไว้แล้ว เขาก็เอาผ้ามัดตีนแกติดไว้กับเตียง เพื่อป้องกันแกพลิกขา หญิงจีนผู้นั้นก็นอนกระสับกระส่าย หลับๆ ตื่นๆ เห็นจะเป็นเพราะปวดหัวเข่าก็ได้ แต่แล้วไม่นานนัก แกร้องโวยวายจนสุดเสียงถึงความหวาดกลัว เหมือนกับเห็นภาพที่ตื่นเต้นตกใจ ปากแกก็ตะโกนออกมาว่า..... “ผีๆ ๆ ๆๆ ไปๆ ๆ ๆ”

    ทำให้คนไข้ที่กำลังหลับ ก็สะดุ้งตกใจตื่นโงหัวขึ้นมาดูว่า ยายซิ้มคนนี้แกเป็นบ้าหรือเพ้อเพราะพิษไข้ พยาบาลกลัวว่าจะทำให้คนไข้ในห้องต้องตื่นในเสียงรบกวนของยายซิ้ม ควรให้แกสงบสติอารมณ์ พยาบาลก็จัดการฉีดยาระงับประสาทให้แกนอนหลับ แต่แล้วไม่ช้ายาก็ออกฤทธิ์ทำให้ยายซิ้มนอนสงบไม่โวยวายและหลับไป

    คนไข้พากันหลับต่อไป แต่ก็มีคนไข้บางคนที่เจ็บปวดนอนไม่หลับ พยาบาลก็ได้ฉีดยาให้จนนอนนิ่งเงียบ ในห้องมีแต่ความเงียบสงบ แต่แล้วไม่นานก็ได้ยินดังโครมคราม มองไปดูเห็นขายายซิ้มที่ผูกมัดอยู่ที่เตียงชูขึ้น แต่ตัวยายซิ้มตกลงไปอยู่ข้างเตียง ได้ยินแต่เสียงยายซิ้มร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ความโกรธทำให้ความกลัวลดน้อยลง จึงร้องทั้งแช่งด่าออกจากปากว่า

    “อ้ายผีมึงมาทำกูทำไม กูทำอะไรให้มึงเจ็บใจ มึงมาเที่ยวรังแกคน ขออย่าให้มึงไปผุดไปเกิดเลย ขอให้มึงตกนรก”

    เจ้าหน้าที่และพยาบาลเห็นยายซิ้มพูดเพ้อเจ้อ ก็ช่วยกันอุ้มยายซิ้มขึ้นมานอนบนเตียงอย่างเดิม เพิ่มยาฉีดระงับความเจ็บปวดและพูดเพ้อเจ้อ ส่วนคนไข้อื่นๆ ก็พลอยตื่นและร้องระงมไปหลายเตียง เพราะเกิดการปวดขึ้นมา พยาบาลก็ได้จัดการฉีดยาให้พวกที่แสดงว่าเจ็บปวด เพื่อให้นอนหลับต่อไป

    พอพยาบาลฉีดยาให้คนไข้ที่ร้องระงมทั่ว แล้วก็ปิดไฟในห้อง แล้วก็เดินออกไป ไม่ช้าในห้องก็ปกติสงบเงียบอีกครั้งหนึ่ง ส่วนเพื่อนอิฉันนั้นไม่ได้ฉีดยาและยังมีสติ และมีความรู้สึกดีอยู่ คืนนั้นแสงเดือนแจ่มกระจ่างลอกเข้ามาในห้องทางหน้าต่างและทางช่องลม พอจะมองเห็นตามเตียงคนไข้ได้อย่างชัดเจน...
     
  3. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    กำลังนึกคิดถึงเรื่องการผ่าตัด ซึ่งเกิดไม่แน่ใจว่าจะผ่าตัดเสียแล้ว ใจหนึ่งอยากจะรักษาทางพระ กำลังคิดก็พอดีได้ยินเสียงคนพูดกันพึมพำภายนอก แล้วก็เข้ามาในห้อง เพื่อนได้ผงกหัวชูคอขึ้นดู นับแต่เตียงอยู่ใกล้ประตูทางเข้าซึ่งเรียงรายมาจนถึงที่ใกล้เตียงที่แกนอน เห็นคนไข้นอนหลับอยู่บนเตียงอย่างสนิท เห็นจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาฉีดทำให้คนไข้หลับเหมือนตาย

    เห็นคนหมู่หนึ่ง ประมาณ ๕ คน กำลังเดินเข้ามา ทุกคนใส่เสื้อขาว กางเกงขาว ทำให้คิดว่าจะเป็นหมอมาเที่ยวตรวจดูคนไข้ แต่ทำไมจึงไม่เปิดไฟให้สว่าง แต่ก็ไม่ได้คิดสงสัยว่าจะเป็นผู้อื่น เพราะข้างนอกห้องมีพนักงานและพยาบาลอยู่เวรกันหลายคน คงจะไม่ปล่อยคนนอกเข้ามารบกวน คนไข้ยามค่ำคืนเช่นนี้เป็นแน่ แต่เมื่อเห็นพวกเหล่านั้นเดินไปเตียงโน้นเตียงนี้ ซึ่งมีคนไข้กำลังนอนหลับสนิทในห้องนั้น เห็นจะมีเพื่อนดิฉันคนเดียวที่ยังไม่หลับ ซึ่งผงกหัวขึ้น ตาคอยจ้องดูแล้วก็ชักเกิดสงสัยขั้นมาว่า

    พวกใส่เสื้อขาวกางเกงขาวพวกนี้เป็นใคร เข้ามาในห้องนี้ได้อย่างไร ปฏิกิริยาท่าทาง พิจารณาดูแล้วคิดว่าไม่ใช่พวกหมอ เพราะพวกนี้จับแขนจับขาพวกคนไข้ทั้งที่กำลังหลับสนิทขึ้นมา แล้วก็เหวี่ยงลงไปอย่างไม่ปรานี แล้วก็มองไปเตียงโน้นเตียงนี้ ทำท่าทางกิริยาเช่นเดียวกันซึ่งหมอเขาจะไม่ปฏิบัติต่อคนไข้เช่นนั้นเป็นอันขาด ทำให้เพื่อนอิฉันนึกกลัวว่า พวกนี้คงจะเป็นพวกปล้นหรือพวกขโมย คอยขโมยเงินคนไข้ที่กำลังหลับสนิท จะทำอย่างไรก็ไม่ตื่น ยิ่งนึกก็ยิ่งกลัวมากขึ้น

    คิดว่าในห้องคนไข้มีแต่เพื่อนอิฉันคนเดียว ที่ได้เห็นเหตุการณ์แปลกๆ และคิดว่าจะสวดมนต์ก่อนจะนอน แต่ยังไม่ทันเริ่มก็เห็นเหตุการณ์ประหลาดขึ้น ทำให้จิตใจหวาดกลัว จับบทสวดมนต์ขึ้นต้นชนปลายไม่ถูกเพราะความกลัวทำลายสติ ในใจมีแต่ความวุ่นวาย คิดว่า “พวกนี้เป็นพวกขโมย มันกำลังค้นหาทรัพย์สินของคนไข้ที่กำลังหลับ มันกำลังจะมาถึงเราแล้วจะค้นหาทรัพย์สิน ถ้ามันเห็นเรายังตื่นอยู่ไม่หลับ ได้เห็นหน้ามันแล้วก็คงจะจำได้ มันคงฆ่าเรา ไม่ยอมให้เรามีชีวิตอยู่ เพื่อเป็นพยานหลักฐานยืนยัน ใจเพื่อนอิฉันปั่นป่วนคิดอะไรไม่ถูก ไม่ได้สติ คิดอะไรไม่ถูกเพราะความหวาดกลัว

    คิดว่าเราจะทำเป็นหลับเหมือนคนไข้อื่นๆ ปล่อยให้มันค้นทรัพย์สินไปตามชอบใจ แต่หัวใจเต้นแรงแทบจะออกมาภายนอก แม้จะทำเป็นหลับแต่ใจหนึ่งอยากจะลืมตาคอยจ้องดู จึงทำให้กระสับกระส่าย ลืมๆ หลับๆ จิตไม่ปกติ กลัวก็กลัว อยากเห็นก็อยากเห็น จะได้รู้ว่ามันเป็นใคร มันทำอะไร แม้ในห้องจะปิดไฟหมด แต่แสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ก็สามารถจะเห็นได้ชัดเจน คืนนั้นจำได้ว่าเป็นคืนวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ ประมาณเวลาราว ๔ ทุ่มกว่า คงไม่ช้าหรือเร็วกว่ามากนัก ความทุรนทุรายในจิตใจมากนัก

    หลับตานิ่งไม่ได้นานก็ต้องลืมตาขึ้นดู เห็นมันเข้ามาใกล้ทุกที นึกในใจว่า แย่แล้วถึงคราวอับจน ลืมตาอีกทีเห็นมันกำลังจะเข้ามาใกล้เตียง ได้พิจารณาดูว่าพวกนี้มันเป็นใครกันแน่ ทำจิตให้ปกติ ให้มีสติแล้วก็จ้องดู เมื่อเพ่งมองดูแสงจันทร์วันเพ็ญ สามารถจะเห็นหน้าได้ชัดเจน และเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเหล่านี้เป็นใครที่ไหน ก็เห็นได้ชัดเจน นั่นไม่ใช่หมอ ไม่ใช่ขโมย

    พวกนี้เคยเป็นคนไข้ชายเพราะใส่เสื้อด้ายดิบของโรงพยาบาล ทุกคนรูปร่างผอมโซเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก แต่ทำอะไรว่องไวไม่สมกับสังขารที่ผอมแห้งเหมือนผีตายซากเลย ยิ่งพิจารณายิ่งเห็นชัด ยิ่งมองดูดวงตาร่างหน้านั้นเหมือนยิ่งลึกลงไปในเบ้าอย่างน่ากลัว สีหน้าขาวซีดไม่มีเลือดเหมือนกระดาษฟาง เห็นแล้วเหมือนซากศพตายแห้งเดินได้ ยิ่งดูก็เห็นปากหลุบลงไป สองข้างแก้มตอบลง ยิ้มเห็นแต่ฟัน เห็นชัดแล้วก็สะดุ้งตกใจกลัวและตื่นเต้น ใจนึกรู้ว่าพวกนี้ไม่ใช่คน เป็นผีแน่ ทันใดที่รู้ว่าเป็นผี
    ใจก็หายวูบหนึ่งขนลุกหนาวสั่นแล่นเข้าไปถึงขั้วหัวใจ ต้องทำจิตให้สงบ

    เจ้าปีศาจตนหนึ่งตรงเข้ามาที่เตียงเพื่อนอิฉัน ซึ่งกำลังตัวสั่นจิตยังไม่สงบ นึกถึงบทสวดมนต์ไม่ออกเพราะลืมหมดด้วยความตกใจกลัว จำไม่ได้ขึ้นต้นอย่างไร ขึ้นไม่ถูก ทันใดนั้น ผีตนนั้นเดินเข้ามาถึงเตียง เอามือทั้งสองเท้าที่ขอบเตียง ยื่นหน้าถามว่า.....

    “กลัวมากหรือ”

    เพื่อนอิฉันไม่สามารถจะพูดโต้ตอบได้เพราะความตื่นเต้น ตกใจมากจนเสียงพูดไม่ออกจากปากเหมือนติดอ่าง เพราะกำลังทำจิตแต่ยังไม่สงบ ทันใดนั้นเตียงที่เพื่อนนอนก็เอียงไปเอียงมา แทบจะเทตัวหลุดตกลงจากเตียง เกิดความรู้สึกได้ทันทีว่า พวกนี้เป็นวิญญาณมาแสดงอำนาจกิริยาท่าทางให้หวาดกลัว ทุกสิ่งในโลกมนุษย์ สิ่งใดถึงที่สุดเข้าแล้วก็จะเข้าสู่ปกติ...
     
  4. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    เมื่อเพื่อนทำสมาธิใช้อำนาจจิตบังคับ ความกลัวก็ลดลงเพราะเคยศึกษาธรรมมาก่อน ทำให้เพื่อนอิฉันกลับได้สติขึ้นมา เพราะความกลัวก็ค่อยเบาบางลงเกิดความกล้าขึ้นมาแทน จึงนึกในใจว่า ผีตนนี้เป็นอะไรตายนะ อยากรู้ความจริง

    ทันใดนั้นเหมือนวิญญาณตนนั้นจะรู้ความนึกคิดภายในใจได้ จึงหันมาพูดว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 มิถุนายน 2006

แชร์หน้านี้

Loading...