ลักษณะของจิต ที่พุ่งกระแสออกไปข้างนอก

เกร็ดธรรม

หลวงปู่พุธ ฐานิโย

วัดป่าสาละวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา



ถ้าสิ่งใดที่เราตั้งใจปรุงแต่ง
จะให้เป็นไปอย่างนั้น อย่างนั้น อย่างนั้น
อาศัยความคิดที่แน่วแน่ มันก็เกิดเป็นนิมิตขึ้นมา
อันนั้น เรียกว่า นิมิตที่เราปรุงแต่ง

แต่ถ้าหากว่า
จิตสงบเป็นสมาธิแล้ว มันเกิดนิมิตขึ้นมาเอง
อันนั้นเรียกว่า นิมิตมันเป็นเอง

อันนี้ลักษณะของจิต ที่พุ่งกระแสออกไปข้างนอก
จะเป็นอย่างนี้

ยิ่งกว่านั้น ในบางครั้ง เมื่อ จิต พุ่งกระแสออกไปข้างนอก
ก็ไปเห็นอะไร ที่ ติดอก ติดใจ

เช่น เห็นครูบาอาจารย์
หรือ
เห็น เทวดา อินทร์ พรหม ยม ยักษ์

ไปติดใจในภาพนิมิตนั้น ก็เดินตามเขาไป

จะปรากฎเหมือนกับว่า เรามีร่าง ร่างนึง เดินตามเขาไป
เขาจะพาเราไปเที่ยวนรก
เขาจะพาเราไปเที่ยวสวรรค์
หรือ บางที เขาจะพาเราไปดูเมืองนิพพาน
ซึ่งทั้งนี้ ทั้งนั้น มันก็เป็นมโนภาพขึ้นมาทั้งนั้น

ทีนี้ ตอนนี้
ในมื่อจิตเป็นไปอย่างนั้น ผู้ปฏิบัติ ไม่มีทางที่จะไปบังคับ
ไม่มีทางที่จะไปตกแต่งจิตให้เป็นอย่างไร
นอกจากจิตของเราจะปรุงแต่งไปเองโดยอัตโนมัติ
ในเมื่อไปสุดช่วงของมันแล้ว มันก็จะย้อนกลับมาเอง
อันนี้ธรรมชาติของสมาธิที่มันเป็นไป
ถ้าหากกระแสจิตส่งออกไปนอกมันจะเป็นอย่างนี้

ยิ่งกว่านั้นในบางครั้ง มันอาจจะไปรู้ เรื่อง ลับๆ ลี้ๆ
อันเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถมองเห็นด้วยตา
เช่นไปรู้วาระจิตของคนอื่น ไปรู้ความประพฤติของคนอื่น
หรือไปรู้ทุกอย่างอันเป็นผลพลอยได้ จากการปกิบัติสมาธิ

ซึ่ง ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็จะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ
อันนี้เป็นทางนึง ที่จิตจะเป็นไป
ถ้าท่านผู้ใด มีประสบการณ์ ดังที่กล่าวมาแล้วนี้
ก็ปล่อยจิต ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติของมัน
มันไปสุดช่วงมันแล้ว มันจะย้อนกลับมาเอง
จิตมันไปดูข้างนอก มันไปสำรวจโลก
เพื่อมันจะได้รู้ว่า โลกะวิทู นั้น คืออะไร

อันนี่เป็นสองทางแล้ว ที่จิตมันจะเป็นไป

(อ่านต่อตอนที่นี่ http://palungjit.org/threads/การปฏิบัติภาวนาจิต-หลวงปู่พุธ-ฐานิโย.522295/

 

ไม่ค่อนสนใจเท่าไร ใครจะทำอะไรใส่ใคร
หรือ จะเพี้ยนไปเอง จิตหลอนตัวเอง

ทางที่ดี พี่นี รีบหาโอกาส ไปพบหลวงปู่บุญฤทธิ์ เถอะครับ

ผมก็ไม่ค่อยรู้จักพระที่ไหน

ก็จะแนะนำแต่พระที่ผมเคารพ

 

แรงดันโลหิต กับ กระแสไฟฟ้าที่กระตุ้นหัวใจ
มีผลกะสภาพความัรับรู้ของคนนั้นๆ
คุณกลิ่นลำดวน ดูจะมีสติกล้า แต่สมาธิไม่ดี
และโดนของกระทำ
ผมก็เคยเป็นงี้ แรกผมผมสวดอิติปิโส ใช้วัตถุมงคลสายวัดท่าซุ่ง
พวกเหรียญทำน้ำมนต์
ในระยะแรก
ระยะสองใช้วัตถุมงคลของเกจิท้องถิ่น มีลักษณะเป็นเชือกดูดพิษ
ระยะที่สาม ใช้มีดหมอถอนอุโบสถสายวัดท่าซุ่ง
ระยะที่สาม ใช้คาถาตวาดป่าหิมพาน กะบารมีสามสิบทัดเสกใส่ประคำ ด้วยวิชาของเกจิท่านที่มีเชือดดูดพิษ
ระยะที่ห้า ใช้วัตถุมงคลหลวงพ่อเณรวัดทุ่งเศษรฐี ตอนนี้เชื่อแล้วว่าไสยะมีจริง และเวลาโดนเป็นไง
ระยะห้าใช้ คาถามนต์ดูดครูบาคำเป็ง แต่อธิษฐานแบบวัตถุมงคลหลวงพ่อเณรเอาใส่บาตรพระหลวงพ่อเงินไหลมาเทมา
ระยะหก ใช่คาถาชินปัญชร
ระยะเจ็ดใช้คาถาจักพรรดิ์
ระยะนี้ กลับมาภาวนาด้วยอานาปานุสติได้ อีกครั้งสำเร็จ โดยใช้การปลุกด้วยธงมหาพิชัยสงครามวัดท่าซุง

รวมทั้งหมดของอาการวิกลจริตเต็มขั้นของผม ตั้งแต่กลางปี 2550 จนถึงวินาทีนี้

 

การโดนของกระทำบางทีโดนนิดเดียว ลมเพลมพัดนิดเดียว
แต่สุขภาพไม่ดีอาจมีอาการโรคหัวใจเต้นผิดปรกติ
ทำให้กังวลอย่างน้อยสองทาง และมีแนวโน้มเกิดภาพหลอน
จิตแพทย์บางท่านเอาไม่อยู่หรอก

 

เมื่อกังวลอย่างน้อยสองทาง
คือไปสนใจการเต้นของหัวใจ อันนี้ต้องอานาปานุสติเท่านั้น ต้องกลับมาใช่อานาปานุสติได้อกีครั้งเท่านั้น
กะ ไปสนใจว่าจะโดนทำของใส่

ในดลกของความคิด มันจะดลเรากระทำเราได้แต่ หนึ่งอย่าง

 

คนเราหนะถ้ามี เซนส์รับรู้เรื่องไสยศาสตร์
คือในโลกใบนี้และคนไทยด้วย
มีคนไม่โดนไสยะน้อยมาก
ปํญหาเรื่องโดนทำของใส่ ไม่สามารถกล่าวอ้างได้
แต่ถือว่าโดน

คราวนี้ปัญหาสุขภาพ ไม่กล้าไปหาหมอ กลัวหมอป่าว

 

คือสรุปได้ว่้าถ้าอ้างว่าโดนทำของใส่ แล้ว ไม่ไปหาผมอ ฟังไม่ขึ้น
หมอก็โดนของทำใส่ ไปโรงบาล หมอโดนของเยอะแยะ

ผมเนียะโดนของนิดเดียวสะดิ้งขึ้นมาเลย
คนอื่นๆเค้าโดนมากกว่านี้เค้าไม่ยักบ่น

 

เอางี้ ถ้ามีสัมผัสพิเศาจริงๆ
ถ้ามี
ลองหาดูเอากระดาษมาจก เอาชื่อคนในโลกที่โดนทำของใส่น้อยมาก
คือโอกาศโดนแทบไม่ หรือเกิดมาไม่เคยโดนของ

เอากระดาษมา เขียนชื่อ
หามาให้ได้ซักสองสามชื่อ

 

ณ วินาทีนี่ผมก็มีอาการวิกลจริต
แต่ประสบการณืหลายปีสอนผมว่า
ป่วย ก็ส่วนป่วย
โดนของก็ส่วนโดนของ
ญาณทิพย์สัมผัสพิเศษ ก็ส่วนญาณทิพย์
การไม่เป็ฯที่ยอม ที่รัก ก็เป็ฯส่วนๆ

มันเอามาคลุกๆ ใส่กันเหมือนแกงโฮะ ก็อย่างนี้แหละ
ท่าจำแนกไม่ได้หรอก
เพราะอาการคลื่นกระแสไฟฟ้าของหัวใจหนะ
มันกวน
มีทางเลือกประมาณสองทางหมอแผนบัจจุบัน
พวกไนโตรกลีเซอรีนแบบ อมใต้ลิ้น

กะอานาปานุสติ

 

ใครที่มีอาการ หัวใจเต้นผิดปรกติ ชนิดกระแสไฟฟ้า นั้นหนะ
ไม่มีใครทำอานาปานุสติสำเร็จได้หรอก

ภาษาหมอแมะอย่างผมเรียก
เสือดำขโมยหัวใจ

ไม่มีทางทำอานาปานุสติได้
ต้องไปหาหมอ

 

จะไม่มีวัน ไม่เคยมีใคร สามารถภาวนาเอาอานาปานุสติได้แน่ๆ
ต่อให้เป็นคนทรงอญิญญาโลกีย์ เหาะเหินเดินอาการได้ เดินบนน้ำได้

จะสามารถภาวนาเอาอานาปานุสติได้ แค่ขณิกะสมาธิก้ไม่มีวัน

หากยังมีอาการคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เสียดแบบนั้นๆอยู่
ใครๆก็ทำไม่ได้

ต้องหาทางรักษาอาการหัวใจนั้น

ผมแนะนำว่าให้เห็ฯทุกข์ที่ภาวนาอานาปานุสติไม่มีวันสำเร็จนั้นแหละ
รู้ว่าทะยานอยากที่จะ แต่ไม่มีวันทำได้
รู้ทั้งรู้

 

อืม
เครื่องแบบนี้เท่เนอะ