รูปหลวงปู่เทพโลกอุดร รูป Original และรูปที่อัดเพิ่มครั้งที่สอง เหลือ 1 รูป รอท่านทีศรัทธาหลวงปู่ใหญ่

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Muang99, 5 กุมภาพันธ์ 2024.

  1. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,519
    หลวงปู่ใหญ่9.jpg

    รูปหลวงปู่เทพโลกอุดร รูป Original ให้บูชาที่ 159,999 บาท

    รูปหลวงปู่เทพโลกอุดร มีแค่รูปเดียวหรือมีเพียงแค่ภาพเดียวในประเทศไทย

    ท่านผู้มีอภิญญาเล่าว่าได้ปฏิบัติธรรม และมีหลวงปู่เทพโลกอุดร (หลวงปู่ใหญ่) มาสอนการปฏิบัติธรรม และท่านผู้มีอภิญญาได้ขอถ่ายรูปหลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งสามารถถ่ายรูปออกมาเป็นภาพสี ลักษณะภาพคล้ายกับภาพที่หลวงปู่วัยถ่ายได้ แต่ภาพที่หลวงปู่วัยถ่ายได้นั้นเป็นภาพขาวดำ และภาพหลวงปู่เทพโลกอุดรที่ผู้มีอภิญญาถ่ายได้นั้นเป็นภาพสีที่มีความชัดเจนและรายละเอียดมากกว่า

    ปัจจุบันรูปภาพ Original หลวงปู่เทพโลกอุดรที่เป็นภาพสี มีอยู่ที่ผม(เจ้าของเวบเมตตาโฮมเพจ)
    รูปหลวงปู่เทพโลกอุดร (หลวงปู่ใหญ่) มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัวเอง แม้จะจัดทำหรืออัดรูปเพิ่มอีกกี่ครั้ง ก็ยังมีความศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอ เพราะเป็นสิ่งแทนตัวหลวงปู่เทพโลกอุดรโดยตรง
    รูปที่อัดสำเนาเพิ่ม มีแจกไปหลายครั้งแล้ว
    https://metharung.blogspot.com/2015/10/blog-post_5.html


    เมธา รุ่งพัฒนพันธ์ (Muang99)
    5 กุมภาพันธ์ 2567

    https://metharung.blogspot.com

    หมายเหตุ : โพสต์นี้จะลงไว้ประมาณ 6 เดือน นับจากวันที่โพสต์ รู้ล่วงหน้าแล้ว ว่าจะหาท่านที่มีบุญวาสนาบารมีและศรัทธาหลวงปู่เทพโลกอุดร และมาบูชารูปหลวงปู่เทพโลกอุดร ภาพต้นฉบับนี้นั้น ไม่ค่อยมี หายาก หากจะมี เป็นผู้หญิง 2 ท่าน และผู้ชาย 1 ท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2024
  2. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,519
    อายุเริมเยอะ หาคนที่มีบุญวาสนาและศรัทธาหลวงปูเทพโลกอุดร ที่จะได้บูชารูปหลวงปู่เทพโลกอุดร รูป Original
    หากมีผู้มีบุญวาสนามาบูชา ก็ยินดีด้วย
    รายได้ประมาณครึ่งหนึ่งจะโอนให้ท่านผู้มีอภิญญา ที่มีอายุมากแล้ว ประมาณ 78-79 ปี
    รายได้ส่วนที่เหลือ จะเก็บไว้ใช้เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิต, ตอบแทนบุญคุณญาติพี่น้อง และอื่นๆ และให้ได้มีโอกาสได้สร้างความดีต่อไป ในช่วงชีวิตที่ยังคงเหลืออยู่ และแบ่งส่วนหนึ่งราว 1-5% ช่วยค่า Host เว็บพลังจิต

    คนเราต้องค่อยๆ พัฒนาจิตจากหยาบไปละเอียด
    เรื่องเงินสำคัญ สำหรับคนที่ยังชีวิต ยังต้องกินต้องใช้ และไม่สำคัญสำหรับท่านที่บวชอย่างจริงจังและแท้จริง
    เรื่องความรวย อยู่ที่บุญเก่า บุญทำกรรมแต่ง แม้ไม่มีคนมาบูชารูปหลวงปู่เทพโลกอุดร ก็ไม่ได้ซีเรียส หากใจคนยังสู้ แนวทางการหาเงินมีอีกมากมายหลายทาง
    และการบูชากราบไหว้รูปครูบาอาจารย์ ก็เพราะความศรัทธา ไม่เกี่ยวว่าบูชากราบไหว้แล้วจะรวย
    การเอารูปครูบาอาจารย์ รูปต้นฉบับออกให้คนอื่นบูชา เป็นบททดสอบอย่างหนึ่ง ใจหนึ่งก็ไม่อยากทำ แต่อีกใจก็เพราะว่าอายุเริ่มเยอะแล้ว

    เรื่องวัตถุมงคล เหตุที่ครูบาอาจารย์สร้างไว้ให้ ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นกุศโลบาย ให้คนทำความดี แบบมีของดีก็ควรต้องหมั่นทำความดี ให้รู้จักใฝ่ดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2024
  3. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,519
    ความดีมากมายของผม ที่ได้กระทำไว้ในบวรพุทธศาสนาและอื่นๆ สามารถไปดูได้ที่เว็บนี้ครับ :

    ความดีของผม (นายเมธา รุ่งพัฒนพันธ์ ผู้สร้างและเจ้าของเว็บเมตตาโฮมเพจ)
    https://metharung-background.blogspot.com/2014/10/blog-post_21.html?m=0

    ความดีของผม (นายเมธา รุ่งพัฒนพันธ์ ผู้สร้างและเจ้าของเว็บเมตตาโฮมเพจ) ส่วนที่ 2
    https://metharung-background.blogspot.com/2018/03/2.html?m=0

    ความดีของผม (นายเมธา รุ่งพัฒนพันธ์ ผู้สร้างและเจ้าของเว็บเมตตาโฮมเพจ) ส่วนที่ 3
    https://metharung-background.blogspot.com/2020/06/3.html?m=0

    รายการทำบุญของผม นายเมธา รุ่งพัฒนพันธ์ ผู้สร้างและเจ้าของเว็บเมตตาโฮมเพจ (ก่อนหมดวาระในชาติภพปัจจุบัน สังขารรู้สึกเหนื่อย)
    https://metharung-background.blogspot.com/2023/02/blog-post.html?m=0

    รายการทำบุญของผม นายเมธา รุ่งพัฒนพันธ์ ผู้สร้างและเจ้าของเว็บเมตตาโฮมเพจ ประจำปี 2566
    https://metharung-background.blogspot.com/2023/11/2566.html?m=0
     
  4. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,519
    ประสบการณ์ได้พบเจอผู้มีอภิญญา และเรื่องเล่าโดยผู้มีอภิญญา ส่วนที่ 1

    เมื่อนานมาแล้ว ผมบังเอิญได้พบผู้มีอภิญญาท่านหนึ่ง ท่านได้เคยเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังหลายเรื่อง ซึ่งล้วนแต่เป็นประสบการณ์ของท่าน ในต่างเวลา ต่างโอกาสกัน บางเรื่องผมก็ขอความเมตตาจากท่าน เท่าที่จำได้มีมากพอสมควร บางเรื่องก็จำไม่ได้แล้ว บางเรื่องก็ยังพอจำได้อยู่

    ส่วนที่ยังจำได้ จึงนำมาเล่าสู่กันฟัง (เฉพาะส่วนที่สามารถเปิดเผยได้) :

    หลวงปู่ใหญ่9.jpg

    1.ท่านได้ปฏิบัติธรรม และมีหลวงปู่ใหญ่ (หลวงปู่เทพโลกอุดร) มาสอนการปฏิบัติธรรม และผู้มีอภิญญาได้ขอถ่ายรูปหลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งสามารถถ่ายรูปออกมาเป็นภาพสี ลักษณะคล้ายกับภาพที่หลวงปู่วัยถ่ายได้ แต่ที่หลวงปู่วัยถ่ายได้นั้นเป็นภาพขาวดำ และภาพหลวงปู่เทพโลกอุดรที่ที่ผู้มีอภิญญาถ่ายได้นั้นเป็นภาพสีที่มีความชัดเจนและรายละเอียดมากกว่า เปรียบดั่งการดูทีวีจอขาวดำกับการดูทีวีจอสี

    ปัจจุบันรูปภาพ Original หลวงปู่เทพโลกอุดรที่เป็นภาพสียังคงมีเหลือเพียงแค่รูปเดียว และอยู่ที่ผม(เจ้าของเวบเมตตาโฮมเพจ)

    2.ครั้งหนึ่งท่่านผู้มีอภิญญาได้เคยเดินทางไปที่วัดแห่งหนึ่ง จ.สกลนคร ใกล้แถวอ.นาแก เมื่อถึงที่วัดนั้น เหล่าพญานาคได้มาต้อนรับ ท่านได้ขออนุญาตถ่ายภาพพญานาค และสามารถถ่ายภาพพญานาคขึ้นมาได้ เป็นพญานาคลำตัวสีขาว มีหงอน บริเวณใกล้วัดนั้นมีบึงน้ำ สีน้ำเป็นสีเขียวมรกต มองดูน่าจะลึกมาก

    3.ท่านได้เล่าเรื่องการได้เจอนักถอดจิต ที่เป็นลูกศิษย์ของครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง นักถอดจิตคนนี้มีเมียอยู่แล้ว แต่ปฏิบัติธรรมจนสามารถถอดจิตได้ และมีบ้านอยู่ใกล้บ้านผู้มีอภิญญา คืนหนึ่งนักถอดจิตคนนี้ก็ถอดจิตออกไปดูผู้มีอภิญญา ซึ่งท่านก็รู้และได้ตักเตือนคนถอดจิตว่ามาดูคนอื่นทำไม ไม่มีมารยาท ตอนรุ่งเช้าผู้มีอภิญญาก็ไปต่อว่าคนดั่งกล่าวถึงที่บ้านเขา เขาก็ยอมรับโดยดี และกล่าวว่าต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีก

    4.ในอดีตที่ผ่านมา ผมได้ขอให้ท่านผู้มีอภิญญา ตรวจสอบยอดจำนวนเงินแบบภาพรวม ซึ่งท่านสามารถบอกได้ใกล้เคียงความจริงประมาณ 98-99% ดังนั้นท่านที่อีเมล์มาขอยืมเงินผมหรือขอเงินผม ขอให้ไตร่ตรองให้ดี ว่าความลับไม่มีในโลก อย่ามาโกหกว่า ไม่มีเงินเหลือในบัญชี หรือมีเงินเหลือในบัญชีแค่ 20 บาท

    5.นานหลายปีมาแล้ว สมัยที่ผมยังทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมอยากรู้ว่าเจ้าของบริษัท(เป็นด๊อกเตอร์ท่านหนึ่ง) หายไปไหนหลายวัน ได้ขอให้ท่านผู้มีอภิญญาตรวจดูให้ ท่านบอกว่าเห็นอยู่ในต่างประเทศ ลักษณะภูมิประเทศไม่เหมือนเมืองไทยนัก ภายหลังผมมารู้ว่าเจ้าของบริษัท ไปแสวงบุญอยู่ที่ประเทศแห่งหนึ่ง

    6.ครั้งหนึ่งสมัยที่ผมและท่านผู้มีอภิญญา อยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง ได้พบหลวงพี่ท่านหนึ่ง ท่านบวชมาหลายพรรษาแล้ว ได้สนทนากับหลวงพี่อยู่พักหนึ่ง เมื่อหลวงพี่เดินจากไป ท่านผู้มีอภิญญาก็รู้ด้วย Sixth sense ของท่านและกล่าวว่า หลวงพี่รูปนี้มีของดีจำนวนมาก ท่านได้แนะนำให้ผมไปขอของดีกับหลวงพี่ ผมก็เลยเดินไปขอของดีจากท่าน หลวงพี่บอกให้ผมไปพบที่บริเวณยอดเขา เมื่อผมไปถึงที่บริเวณยอดเขา ท่านเมตตามอบพระธาตุพระสีวลีให้ผม ผมถามท่านว่า พอจะมีเหล็กไหลให้ผมบ้างไหม ท่านกล่าวว่าเหล็กไหลพอมีอยู่แต่ไม่ได้นำมา ไว้รอโอกาสในอนาคต

    7.ครั้งหนึ่งเมื่อนานหลายปี ผมได้เล่าเกี่ยวกับหมอดูท่านหนึ่ง สมัยก่อนหมอดูคนนี้ประจำอยู่ที่เวบญาณทิพย์ ท่านผู้มีอภิญญากล่าวว่าหมอดูคนนี้เป็นคนที่พูดจานุ่มนวล .... ซึ่งท่านก็ไม่เคยรู้จักหมอดูคนนี้มาก่อน ภายหลังหมอดูคนนี้ถอยออกจากเวบดั่งกล่าวไปนานแล้ว

    เขียนเล่าโดยนายเมธา(เจ้าของเวบเมตตาโฮมเพจ)
    16 ตุลาคม 2557​
     
  5. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,519
    ประสบการณ์ได้พบเจอผู้มีอภิญญา และเรื่องเล่าโดยผู้มีอภิญญา ส่วนที่ 2

    ส่วนที่ยังจำได้ จึงนำมาเล่าสู่กันฟัง (เฉพาะส่วนที่สามารถเปิดเผยได้) ส่วนที่ 2 :

    1.ท่านเล่าว่าได้เคยไปกราบหลวงปู่หิน ปภังกโร วัดโพธาราม จ.ขอนแก่น ซึ่งช่วงนั้นหลวงปู่มีอายุประมาณ 130 ปี หลวงปู่เคยบอกท่านผู้มีอภิญญาว่า "ช่วยรักษาให้หน่อย" ท่านเล่าว่าในคืนนั้นหลวงปู่ได้ถอดกายทิพย์มาหา จริงๆ มีรายละเอียดมากกว่านี้แต่เล่าไม่ได้ ในวันที่จะเดินทางกลับหลวงปู่ได้มอบพระเครื่องวัตถุมงคลให้กับท่านผู้มีอภิญญาด้วย

    2.ครั้งหนึ่งท่านผู้มีอภิญญาและกลุ่มเพื่อนๆ ได้เดินทางไปทำบุญที่วัดหินหมากแป้ง อำเภอศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย และได้พบกับหมอ... (หมอดูชื่อดังคนหนึ่งของประเทศไทย) เมื่อหมอ... ได้พบกับผู้มีอภิญญา ก็เดินเข้าไปกอดท่านผู้มีอภิญญา หมอ... น้ำตาไหล หอมแก้มท่านผู้มีอภิญญา และพูดว่า "คิดถึงจังเลยๆ" ซึ่งผู้คนต่างๆ บริเวณนั้นต่างก็งงไปกันใหญ่ ท่านเล่าให้ผมฟังว่าเป็นสัญญาเก่าของหมอ...

    3.ท่านเล่าว่า ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ท่านไปงานกฐินหรืองานไหว้ครู ที่วัดแห่งหนึ่ง จ.เพชรบูรณ์ ในงานมีผู้คนมามากมาย และในงานนั้นจะมีคุณลุงท่านหนึ่งที่แต่งตัวดูสกปรก มีกลิ่นน่ารังเกียจ ลักษณะคล้ายคนขอทาน มาอยู่ในงานด้วย ผู้คนต่างพากันหลีกห่าง ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้คุณลุง ท่านได้พิจารณาด้วยญาณรู้ของท่านพบว่าคุณลุงไม่ใช่คนธรรมดา จึงได้เดินเข้าไปหาคุณลุงดังกล่าว เพื่อสนทนาด้วย คุณลุงกล่าวว่าไม่รังเกียจหรือ ท่านตอบว่าไม่ได้รังเกียจคุณลุง เพื่อนๆ ของท่านผู้มีอภิญญาก็ตามเข้าไปในภายหลัง คุณลุงได้เปิดย่ามให้ดูภายใน พบว่าเป็นชุดสีขาว สวยงาม ลักษณะแบบที่คนมียศศักดิ์ในสมัยก่อนใส่กัน คุณลุงบอกว่าที่แต่งตัวลักษณะแบบนี้เพื่อทดสอบจิตใจมนุษย์

    วัดถ้ำพระธรรมมาสน์.jpg

    4.ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ผมและท่านผู้มีอภิญญาและเพื่อนกัลยาณมิตร ได้เดินทางไปที่วัดถ้ำพระธรรมมาสน์ อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ช่วงบ่ายๆ ของวันนั้นผมและเพื่อนกัลยาณมิตร ได้ขอให้เณรช่วยนำทางพาเที่ยวในถ้ำ ได้ไปยังหลายแห่งภายในถ้ำนั้น ภายในถ้ำจะมีลำธารหรือคล้ายคลอง ไหลผ่านภายในถ้ำ/ภูเขา บางช่วงก็ลึกประมาณอก บางช่วงก็ลึกประมาณเอว น้ำในลำธารค่อนข้างมืด เย็น ดูน่ากลัวพอสมควร เณรได้นำพาไปถึงบริเวณที่เป็นรอยพระพุทธบาท หลังจากนั้นก็เดินทางออกมา เกือบถึงด้านนอก แต่เป็นช่วงจะค่ำแล้ว ก็เลยหาถ้ำเพื่อปักกลด/กางกลด พักผ่อนค้างคืน ผมเลือกถ้ำด้านใน ส่วนเพื่อนอีก 2 คนเลือกถ้ำบริเวณใกล้นอกถ้ำ เสียงค้างคาวดูน่ากลัว คืนนั้นผมได้นั่งสมาธิ และเป็นครั้งแรกที่นั่งสมาธิในถ้ำในยามค่ำคืนดูน่ากลัวมาก ใจสั่นไปหลายครั้ง เมื่อนั่งสมาธิได้พอควรก็นอน ก่อนตื่นนอนช่วงรุ่งเช้าได้นิมิตว่ากลดหล่นใส่หน้า ก็เลยตื่นขึ้นมา สงสัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในถ้ำคงมาเตือน ผมจึงตื่นมาเดินจงกรม เมื่อฟ้าสว่างและช่วงประมาณ 9 โมงเช้าผมและเพื่อนๆ ได้ออกจากถ้ำมายังที่วัด ท่านผู้มีอภิญญาซึ่งพักค้างคืนอยู่ที่ศาลาวัด กล่าวว่าเมื่อคืนมีแสงไฟส่องลงมาเหมือนกับไฟสปอร์ตไลท์ ส่องมาจากฟ้าลงมาที่ศีรษะหรือบริเวณที่ท่านผู้มีอภิญญานอนพัก เป็นเวลาหลายชั่วโมง ท่านบอกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาต้อนรับ

    5.สมัยช่วงที่ผมจะเดินทางไปบวชที่จ.นครพนม โดยไปกับหมอดูสาวคนหนึ่ง เมื่อผมเดินทางไปที่นครพนม ระยะเวลาถัดจากนั้นไม่นาน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ภูลังกาก็เหาะลอยมาบอกท่านผู้มีอภิญญา(เป็นนิมิตความฝัน) ว่าให้ไปนำคุณเมธากลับมา เพราะโดนหมอดูสาวหลอก และได้บอกเบอร์มือถือของหมอดูสาวให้ท่านผู้มีอภิญญาทราบ ภายหลังท่านผู้มีอภิญญาได้ขอให้เพื่อนกัลยาณมิตรตรวจสอบในหนังสือโลกทิพย์-โลกลี้ลับ ปรากฎว่าเป็นเบอร์ของหมอดูสาวท่านนั้นจริงๆ และตรงกันทั้ง 9 หลัก

    เขียนเล่าโดยนายเมธา(เจ้าของเวบเมตตาโฮมเพจ)
    30 ตุลาคม 2557
    https://metharung-background.blogspot.com/2014/10/2.html?m=0
     
  6. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,519
    ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก ฉบับที่พระอาจารย์มโนธรรมไปนำมาจากภูเขาสุพรรณพนมทอง

    บทสวดมนต์ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกฉบับนี้ พระอาจารย์มโนธรรม (พระอาจารย์พีระ ปั้นมณี) ได้เดินทางธุดงค์ไปคัดลอกมาจากภูเขาสุพรรณพนมทอง ตามคำสั่งของหลวงปู่เทพโลกอุดร เมื่อพิจารณาดูแล้วจะมีลักษณะคล้ายกับบทสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกที่เราท่าน ทั้งหลายได้สวดกันอยู่ในปัจจุบัน จะมีผิดแปลกกันบ้าง ก็คือมีบทพระพุทธมนต์เพิ่มเติมอยู่มากกว่าฉบับธรรมดาที่ใช้สวดกัน

    ส่วนอานิสงส์การเจริญพระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกฉบับนี้ก็คล้ายกับที่พิมพ์ ออกสู่สายตาเป็นส่วนใหญ่ คือกล่าวไว้เป็นพระพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดได้ภาวนาซึ่งพระพุทธมนต์บทนี้เช้า-เย็น ได้ชื่อว่ากล่าวบูชาพระพุทธเจ้า ผู้นั้นจะมิไปตกอบายภูมิ ยิ่งโดยเฉพาะถ้าได้ภาวนาจนถึงกับได้สมาธิ ผู้นั้นย่อมยังได้อุบัติถึงพรหมโลกทีเดียว แม้จะได้ภาวนาพระคาถาอื่นหมื่นแสน อนิสงส์ก็ไม่เท่ากับภาวนาพระพุทธมนต์บทนี้เพียงครั้งเดียว

    ผู้มีบุญได้พบเห็นพระพุทธมนต์บทนี้แล้ว พึงรักษาศีล 5 ประการหนึ่ง, เคารพยำเกรงบิดามารดาประการหนึ่ง, เคารพบูชาในคุณของครูบาอาจารย์ประการหนึ่ง, แล้วพึงภาวนาพระพุทธมนต์บทนี้เถิด ผิว์แม้ว่าจะไม่สามารถเจริญภาวนาได้ พึงให้ผู้อื่นเจริญภาวนาสาธยายให้ฟังเกิด แล้วพึงฟังด้วยความเคารพเถิด ผิว์แม้ว่าหาผู้สาธยายมิได้ พึงเก็บรักษาไว้ที่สูงในบ้านเรือนแห่งตน อนิสงส์ก็สามารถป้องกันอันตรายได้สารพัด เมื่อระลึกถึงพระพุทธมนต์บทนี้ขึ้นมา พึงยกมือทำการสักการะบูชาไปที่ประดิษฐานพระตำราพระพุทธมนต์บทนี้เถิด ย่อมได้อนิสงส์แล ได้ทันพบเห็นผู้มีบุญใหญ่แล

    ท่านผู้ใดได้สร้างซึ่งพระพุทธมนต์ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกนี้เป็นธรรมทาน และได้เจริญภาวนาบูชาพระพุทธมนต์ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกนี้ ย่อมได้ผลานิสงส์สุดที่จะพรรณาให้ทั่วถึงได้ เป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ จะมีแต่ความสุขสิริพิพัฒนสวัสดิมงคลเจริญต่อไปทั้งในปัจจุบันกาล และอนาคตกาลภายภาคหน้าตลอดไป ด้วยอำนาจในการเคารพพระพุทธมนต์บทนี้


    ก่อนจะได้พระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกฉบับนี้มา

    ในเดือนมกราคม พ.ศ 2546 ข้าพเจ้า(เจ้าของเว็บเมตตาโฮมเพจ : http://metharung.blogspot.com) ได้มีนิมิตความฝันจากหลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านได้เปิดพระคาถาให้ข้าพเจ้าดู ซึ่งมีความยาวราว 15-25 หน้ากระดาษ พระคาถานั้นตัวหนังสือค่อนข้างเล็กมาก คล้ายกับบทสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกฉบับทั่วไป แต่มีความยาวกว่ามาก เป็นเวลาล่วงเลยมาถึง 2 ปีข้าพเจ้าถึงได้มีโอกาสได้พบยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกฉบับนี้ ด้วยความบังเอิญจากสื่อหรือลายแทงในหนังสือ "หลวงปู่เทพโลกอุดร 4" และหนังสือ "เสี้ยวหนึ่งในสิบสองปันนา" จนได้พบกับลูกศิษย์ของพระอาจารย์มโนธรรม ที่ อ.ปากเกร็ด และได้บทสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกนี้มา การช่วยเผยแผ่บทสวดมนต์ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกฉบับที่นำมาจากภูเขาสุพรรณพนมทอง นี้เหตุเพราะนิมิต และคิดว่าหลวงปู่ใหญ่ท่านคงต้องการให้ข้าพเจ้าเป็นผู้หนึ่งที่ช่วยเผยแผ่บทสวดมนต์นี้

     
  7. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,519
    พิธีไหว้พระและสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก

    ก่อนเข้าห้องบูชาพระควรอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดและนุ่งห่มไห้เรียบร้อย เข้านั่งที่ด้วยความสำรวมกายใจ ตั้งจิตให้แน่วแน่เพ่งตรง ยังพระพุทธรูประลึกถึงพระรัตนตรัย ค่อยกราบ 3 หน แล้วสงบจิตระลึกถึงคุณบิดามารดา ซึ่งเป็นพระอรหันต์ของบุตร จากนั้นจึงจุดธูปเทียนบูชา ให้จุดเทียนเล่มขวาของพระพุทธรูปก่อน แล้วจุดเล่มด้านซ้ายต่อไปจุดธูป 3 ดอก เมื่อจุดเทียนธูปที่เครื่องสักการบูชาเสร็จแล้ว พึงเอาจิตนึกถึงพระพุทธองค์มาเป็นประธาน พึงนั่งคุกเข่าประนมมือตั้งใจบูชาพระรัตนตรัย นมัสการพระรัตนตรัย นมัสการพระพุทธเจ้า ไตรสรณคมน์และมนัสการพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ แล้วจึงเจริญภาวนาพระกัณฑ์ไตรปิฎก จะเพิ่มความขลังและศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น จะเกิดพลังจิตและความมั่นคงในชีวิต พึงทราบด้วยว่าการเจริญภาวนาพระพุทธมนต์บทนี้ทุกครั้ง จะมีเทพยดาอารักษ์ทั้งหลายมาร่วมอนุโมทนาสาธุการ ขออย่าทำเล่น จะเกิดโทษแก่ตนเอง


    คำบูชาพระรัตนตรัย

    โยโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ

    อิเมหิ สักกาเรหิ ตัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ

    โยโส สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม

    อิเมหิ สักกาเรหิ ตัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิ

    โยโส สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ

    อิเมหิ สักกาเรหิ ตัง สังฆัง อะภิปูชะยามิ


    คำมนัสการพระรัตนตรัย

    อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ 1 หน)

    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ 1 หน)

    สุปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆังนะมามิ (กราบ 1 หน)


    คำมนัสการพระพุทธเจ้า

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะฯ

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะฯ

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะฯ


    คำมนัสการไตรสรณคมน์

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

    ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

    ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

    ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

    ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ


    คำมนัสการพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ

    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะ สัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถาเทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ

    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ

    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลี กะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ



    ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก

    ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใหม่สมบูรณ์

    โดยพระอาจารย์มโนธรรม



    อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง วัจจะ โส ภะคะวา

    อิติปิ โส ภะคะวา สัมมาพุทโธ วัจจะ โส ภะคะวา

    อิติปิโส ภะคะวา วิชชาจะระณะ สัมปันโน วัจจะ โส ภะคะวา

    อิติปิโส ภะคะวา สุคะโต วัจจะ โส ภะคะวา

    อิติปิโส ภะคะวา โลกะวิทู วัจจะ โส ภะคะวา

    อิติปิโส ภะคะวา อนุตตะโร วัจจะ โส ภะคะวา

    อิติปิโส ภะคะวา ปุริสะทัมมะสาระถิ วัจจะ โส ภะคะวา

    อิติปิโส ภะคะวา สัตถาเทวะมนุสสานัง วัจจะโส ภะคะวา

    อิติปิโส ภะคะวา พุทโธ วัจจะ โส ภะคะวา

    อิติปิโส ภะคะวา ภะคะวา วัจจะ โส ภะคะวา
    ********************

    อะระหันตัง สะระณัง คัจฉามิ

    อะระหันตัง สิระสา นะมามิ

    สัมมาสัมพุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

    สัมมาสัมพุทธัง สิระสา นะมามิ

    วิชชาจะระณะสัมปันนัง สะระนัง คัจฉามิ

    วิชชาจะระณะสัมปันนัง สิระสา นะมามิ

    สุคะตัง สะระนัง คัจฉามิ

    สุคะตัง สิระสา นะมามิ

    โลกะวิทัง สะระณัง คัจฉามิ

    โลกะวิทัง สิระสา นะมามิ

    อนุตตะรัง สะระณัง คัจฉามิ

    อนุตตะรัง สิระสา นะมามิ

    ปุริสะทัมมะสาระถิ สะระณัง คัจฉามิ

    ปุริสะทัมมะสาระถิ สิระสา นะมามิ

    สัตถาเทวะมนุสสานัง สะระณัง คัจฉามิ

    สัตถาเทวะมนุสสานัง สิระสา นะมามิ

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

    พุทธัง สิระสา นะมามิ

    ภะคะวา สะระณัง คัจฉามิ

    ภะคะวา สิระสา นะมามิ อิติปิโส ภะคะวา
    ********************

    อิติปิ โส ภะคะวา รูปักขันโธ อะนิจจะลักขะณะ ปาระมิ จะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา

    อิติปิ โส ภะคะวา เวทะนากขันโธ อะนิจจะลักขะณะ ปาระมิ จะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา

    อิติปิ โส ภะคะวา สัญญากขันโธ อะนิจจะลักขะณะ ปาระมิ จะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา

    อิติปิ โส ภะคะวา สังขารักขันโธ อะนิจจะลักขะณะ ปาระมิ จะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา

    อิติปิ โส ภะคะวา วิญญาณักขันโธ อะนิจจะ ลักขะณะ ปาระมิ จะ สัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา
    ********************

    อิติปิ โส ภะคะวา ปะฐะวี ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิ โส ภะคะวา เตโช ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิ โส ภะคะวา วาโย ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิ โส ภะคะวา อาโป ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิ โส ภะคะวา อากาสา ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิ โส ภะคะวา วิญญาณะ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิ โส ภะคะวา จักกะวาฬะ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
    ********************

    อิติปิ โส ภะคะวา ปะฐะวี จักกะวาฬะ จาตุมะหาราชิกา ตาวะติงสา ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิ โส ภะคะวา เตโช จักกะวาฬะ จาตุมะหาราชิกา ตาวะติงสา ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิ โส ภะคะวา วาโย จักกะวาฬะ จาตุมะหาราชิกา ตาวะติงสา ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิ โส ภะคะวา อาโป จักกะวาฬะ จาตุมะหาราชิกา ตาวะติงสา ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิ โส ภะคะวา อากาสา จักกะวาฬะ จาตุมะหาราชิกา ตาวะติงสา ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิ โส ภะคะวา วิญญาณะ จักกะวาฬะ จาตุมะหาราชิกา ตาวะติงสา ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
    ********************

    อิติปิ โส ภะคะวา จาตุมะหาราชิกา ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิ โส ภะคะวา ตาวะติงสา ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิ โส ภะคะวา ยามา ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิ โส ภะคะวา ตุสิตา ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิ โส ภะคะวา นิมมานะระตี ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิ โส ภะคะวา ปะระนิมมิตะวะสะวัตตี ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิ โส ภะคะวา กามาวะจะระ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิ โส ภะคะวา รูปาวะจะระ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิ โส ภะคะวา อรูปาวะจะระ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิ โส ภะคะวา โลกุตตะระ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
    ********************

    อิติปิโส ภะคะวา ปะฐะมะฌานะ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิโส ภะคะวา ทุติยะฌานะ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิโส ภะคะวา ตะติยะฌานะ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิโส ภะคะวา จะตุตถะฌานะ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิโส ภะคะวา ปัญจะมะฌานะ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
    ********************

    อิติปิโส ภะคะวา อากาสานัญจายะตะนะ อะรูปาวะจะระ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิโส ภะคะวา วิญญานัญจายะตะนะ อะรูปาวะจะระ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิโส ภะคะวา อากิญจัญญายะตะนะ อะรูปาวะจะระ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิโส ภะคะวา เนวะสัญญานาสัญญายะตะนะ อะรูปาวะจะระ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
    ********************

    อิติปิโส ภะคะวา อากาสานัญจายะตะนะ เนวะสัญญานาสัญญายะตะนะ อะรูปาวะจะระ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิโส ภะคะวา วิญญานัญจายะตะนะ เนวะสัญญานาสัญญายะตะนะ อะรูปาวะจะระ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิโส ภะคะวา อากิญจัญญายะตะนะ เนวะสัญญานาสัญญายะตะนะ อะรูปาวะจะระ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิโส ภะคะวา เนวะสัญญานาสัญญายะตะนะ เนวะสัญญานาสัญญายะตะนะ อะรูปาวะจะระ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
    ********************

    อิติปิโส ภะคะวา โสตาปัตติมัคคะ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิโส ภะคะวา สะกะทาคามิปัตติมัคคะ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิโส ภะคะวา อะนาคามิปัตติมัคคะ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิโส ภะคะวา อะระหันตะปัตติมัคคะ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิโส ภะคะวา โสตาปัตติผะละ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิโส ภะคะวา สะกะทาคามิปัตติผะละ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิโส ภะคะวา อะนาคามิปัตติผะละ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิโส ภะคะวา อะระหันตะปัตติผะละ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
    ********************

    อิติปิโส ภะคะวา โสตาอะระหันตะ ปัตติผะละ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิโส ภะคะวา สะกะทาคามิอะระหันตะ ปัตติผะละ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิโส ภะคะวา อะนาคามิอะระหันตะ ปัตติผะละ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน

    อิติปิโส ภะคะวา อะระหันตะอะระหันตะ ปัตติผะละ ธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
    ********************

    กุสะลา ธัมมา อิติปิโส ภะคะวา อะอายาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ, ชัมภูทิปัญจะ อิสสะโร กุสลา ธัมมา, นะโม พุทธายะ นะโมธัมมายะ นะโม สังฆายะ, ปัญจะ พุทธา นะมามิหัง อาปามะจุปะ ทีมะสังอังขุ, สังวิธาปุกะยะปะ อุปะสะชะสุเห ปาสายะโส, โสโสสะสะ อะอะอะอะนิ เตชะสุเนมะภูจะนะวิเว, อะสังวิสุโลปุสะพุภะ อิสวาสุ สุสาวะอิ, กุลสะลา ธัมมา จิตติวิอัตถิ
    ********************

    อิติปิโส ภะคะวา อะอา ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ สาโพธิปัญจะ อิสสะโร กุสะลาธัมมา

    กุสะลา ธัมมา นันทะวิวังโก อิติ สัมมาสัมพุทโธ สุคะลาโน ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

    จาตุมะหาราชิกา อิสสะโร กุสลา ธัมมา อิติ วิชชาจะระณะสัมปันโน อุอุยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

    ตาวะติงสา อิสสะโร กุสลา ธัมมา, นันทะปัญจะ สุคะโต โลกะวิทู มะหาเอโอ, ยาวะชีวัง, พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

    ยามา อิสสะโร กุสลา ธัมมา, พรัหมา สัททะปัญจะ สัตตะสัตตา ปาระมี อะนุตตะโร ยะมะกะขะ, ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

    ตุสิตา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา, ปุยะปะกะ ปุริสะทัมมะสาระถิ, ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

    นิมมานะระตี อิสสะโร กุสลา ธัมมา, เหตุโปวะ สัตถาเทวะมะนุสสานัง ตะถา, ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

    ปะระนิมมิตตะวะสะวัตตี อิสสะโร กุสลา ธัมมา, สังขารักขันโธ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา, รูปักขันโธ พุทธะปะผะ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ********************

    พรัหมา อิสสะโร กุสะลา ธัมมา, นัตถิปัจจะยา วินะ ปัญจะ ภะคะวะตา ยาวะนิพพานัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ, พุทธิลา โรกะลากะระกะนา, เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุ, หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ

    นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ, วิตติ วิตติ วิตติ, อิติ อิติ อิติ, มิตติ มิตติ มิตติ, จิตติ จิตติ, อัตติ อัตติ, วัตติ วัตติ, มะยะสุ สุวัตถิ โหนตุ, หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ

    สาวัง คุณัญจะ วิชชาจะ พะละชัญจะ, เตชัง วิริยัง สิทธิ กัมมะ ธัมมะ สัจจัง นิพพานัง โมกขัง คุยหะกัง, ทานัง สีลัญจะ ปัญญาจะ นิกขะมะ ปุญญัง ภาคะยัง ตะปัง ยะสัง สุขัง สิริ รูปัง จะตุวีสะติ เทสะนา

    อินทะสาวัง มะหาอินทะสาวัง พรัหมะสาวัง มะหาพรหมะสาวัง, จักกะวัตติสาวัง มะหาจักกะวัตติสาวัง เทวาสาวัง มะหาเทวาสาวัง, อิสีสาวัง มะหาอิสีสาวัง มุนีสาวัง มะหามุนีสาวัง, สัปปุริสะสาวัง มหาสัปปุริสะสาวัง พุทธะสาวัง ปัจเจกะพุทธะสาวัง, อะระหัตตะสาวัง สัพพะสิทธิวิชชาธะราณังสาวัง สัพพะโลกา อิริยานัง สาวัง เอเตนะ สาเวนะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหนตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ

    อินทะคุณัง มะหาอินทะคุณัง พรัหมะคุณัง มะหาพรัหมะคุณัง, จักกะวัตติคุณัง มะหาจักกะวัตติคุณัง เทวาคุณัง มะหาเทวาคุณัง, อิสีคุณัง มะหาอิสีคุณัง มุมีคุณัง มะหามุนีคุณัง, สัปปุริสะคุณัง มหาสัปปุริสะคุณัง พุทธะคุณัง ปัจเจกะพุทธะคุณัง, อะระหันตะคุณัง สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง คุณัง, สัพพะโลกา อิริยาณัง คุณัง เอเตนะ คุเณนะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะวิชชัง มะหาอินทะวิชชัง พรัหมะวิชชัง มะหาพรัหมะวิชชัง, จักกะวัตติวิชชัง มะหาจักกะวัตติวิชชัง เทวาวิชชัง มะหาเทวาวิชชัง, อิสีวิชชัง มะหาอิสีวิชชัง มุมีวิชชัง มะหามุนีวิชชัง, สัปปุริสะวิชชัง มหาสัปปุริสะวิชชัง พุทธะวิชชัง ปัจเจกะพุทธะวิชชัง, อะระหันตะวิชชัง สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง วิชชัง, สัพพะโลกา อิริยาณัง วิชชัง เอเตนะ วิเชนะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะพะลัง มะหาอินทะพะลัง พรัหมะพะลัง มะหาพรัหมะพะลัง, จักกะวัตติพะลัง มะหาจักกะวัตติพะลัง เทวาพะลัง มะหาเทวาพะลัง, อิสีพะลัง มะหาอิสีพะลัง มุมีพะลัง มะหามุนีพะลัง, สัปปุริสะพะลัง มหาสัปปุริสะพะลัง พุทธะพะลัง ปัจเจกะพุทธะพะลัง, อะระหันตะพะลัง สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง พะลัง, สัพพะโลกา อิริยาณัง พะลัง เอเตนะ พะเลนะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะเตโช มะหาอินทะเตโช พรัหมะเตโช มะหาพรัหมะเตโช, จักกะวัตติเตโช มะหาจักกะวัตติเตโช เทวาเตโช มะหาเทวาเตโช, อิสีเตโช มะหาอิสีเตโช มุมีเตโช มะหามุนีเตโช, สัปปุริสะเตโช มหาสัปปุริสะเตโช พุทธะเตโช ปัจเจกะพุทธะเตโช, อะระหันตะเตโช สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง เตโช, สัพพะโลกา อิริยาณัง เตโช เอเตนะ เตเชนะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะวิริยัง มะหาอินทะวิริยัง พรัหมะวิริยัง มะหาพรัหมะวิริยัง, จักกะวัตติวิริยัง มะหาจักกะวัตติวิริยัง เทวาวิริยัง มะหาเทวาวิริยัง, อิสีวิริยัง มะหาอิสีวิริยัง มุมีวิริยัง มะหามุนีวิริยัง, สัปปุริสะวิริยัง มหาสัปปุริสะวิริยัง พุทธะวิริยัง ปัจเจกะพุทธะวิริยัง, อะระหันตะวิริยัง สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง วิริยัง, สัพพะโลกา อิริยาณัง วิริยัง เอเตนะ วิริเยนะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะสิทธิ มะหาอินทะสิทธิ พรัหมะสิทธิ มะหาพรัหมะสิทธิ, จักกะวัตติสิทธิ มะหาจักกะวัตติสิทธิ เทวาสิทธิ มะหาเทวาสิทธิ, อิสีสิทธิ มะหาอิสีสิทธิ มุมีสิทธิ มะหามุนีสิทธิ, สัปปุริสะสิทธิ มหาสัปปุริสะสิทธิ พุทธะสิทธิ ปัจเจกะพุทธะสิทธิ, อะระหันตะสิทธิ สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง สิทธิ, สัพพะโลกา อิริยาณัง สิทธิ เอเตนะ สิทธิยา, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะกัมมัง มะหาอินทะกัมมัง พรัหมะกัมมัง มะหาพรัหมะกัมมัง, จักกะวัตติกัมมัง มะหาจักกะวัตติกัมมัง เทวากัมมัง มะหาเทวากัมมัง, อิสีกัมมัง มะหาอิสีกัมมัง มุมีกัมมัง มะหามุนีกัมมัง, สัปปุริสะกัมมัง มหาสัปปุริสะกัมมัง พุทธะกัมมัง ปัจเจกะพุทธะกัมมัง, อะระหันตะกัมมัง สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง กัมมัง, สัพพะโลกา อิริยาณัง กัมมัง เอเตนะ กัมเมนะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะธัมมัง มะหาอินทะธัมมัง พรัหมะธัมมัง มะหาพรัหมะธัมมัง, จักกะวัตติธัมมัง มะหาจักกะวัตติธัมมัง เทวาธัมมัง มะหาเทวาธัมมัง, อิสีธัมมัง มะหาอิสีธัมมัง มุมีธัมมัง มะหามุนีธัมมัง, สัปปุริสะธัมมัง มหาสัปปุริสะธัมมัง พุทธะธัมมัง ปัจเจกะพุทธะธัมมัง, อะระหันตะธัมมัง สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง ธัมมัง, สัพพะโลกา อิริยาณัง ธัมมัง เอเตนะ ธัมเมนะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะสัจจัง มะหาอินทะสัจจัง พรัหมะสัจจัง มะหาพรัหมะสัจจัง, จักกะวัตติสัจจัง มะหาจักกะวัตติสัจจัง เทวาสัจจัง มะหาเทวาสัจจัง, อิสีสัจจัง มะหาอิสีสัจจัง มุมีสัจจัง มะหามุนีสัจจัง, สัปปุริสะสัจจัง มหาสัปปุริสะสัจจัง พุทธะสัจจัง ปัจเจกะพุทธะสัจจัง, อะระหันตะสัจจัง สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง สัจจัง, สัพพะโลกา อิริยาณัง สัจจัง เอเตนะ สัจเจนะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะนิพพานัง มะหาอินทะนิพพานัง พรัหมะนิพพานัง มะหาพรัหมะนิพพานัง, จักกะวัตตินิพพานัง มะหาจักกะวัตตินิพพานัง เทวานิพพานัง มะหาเทวานิพพานัง, อิสีนิพพานัง มะหาอิสีนิพพานัง มุมีนิพพานัง มะหามุนีนิพพานัง, สัปปุริสะนิพพานัง มหาสัปปุริสะนิพพานัง พุทธะนิพพานัง ปัจเจกะพุทธะนิพพานัง, อะระหันตะนิพพานัง สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง นิพพานัง, สัพพะโลกา อิริยานัง นิพพานัง เอเตนะ นิพพาเนนะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะโมกขัง มะหาอินทะโมกขัง พรัหมะโมกขัง มะหาพรัหมะโมกขัง, จักกะวัตติโมกขัง มะหาจักกะวัตติโมกขัง เทวาโมกขัง มะหาเทวาโมกขัง, อิสีโมกขัง มะหาอิสีโมกขัง มุมีโมกขัง มะหามุนีโมกขัง, สัปปุริสะโมกขัง มหาสัปปุริสะโมกขัง พุทธะโมกขัง ปัจเจกะพุทธะโมกขัง, อะระหันตะโมกขัง สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง โมกขัง, สัพพะโลกา อิริยานัง โมกขัง เอเตนะ โมกเขนะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะคุยหะกัง มะหาอินทะคุยหะกัง พรัหมะคุยหะกัง มะหาพรัหมะคุยหะกัง, จักกะวัตติคุยหะกัง มะหาจักกะวัตติคุยหะกัง เทวาคุยหะกัง มะหาเทวาคุยหะกัง, อิสีคุยหะกัง มะหาอิสีคุยหะกัง มุมีคุยหะกัง มะหามุนีคุยหะกัง, สัปปุริสะคุยหะกัง มหาสัปปุริสะคุยหะกัง พุทธะคุยหะกัง ปัจเจกะพุทธะคุยหะกัง, อะระหันตะคุยหะกัง สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง คุยหะกัง, สัพพะโลกา อิริยานัง คุยหะกัง เอเตนะ คุยหะเกนะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะทานัง มะหาอินทะทานัง พรัหมะทานัง มะหาพรัหมะทานัง, จักกะวัตติทานัง มะหาจักกะวัตติทานัง เทวาทานัง มะหาเทวาทานัง, อิสีทานัง มะหาอิสีทานัง มุมีทานัง มะหามุนีทานัง, สัปปุริสะทานัง มหาสัปปุริสะทานัง พุทธะทานัง ปัจเจกะพุทธะทานัง, อะระหันตะทานัง สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง ทานัง, สัพพะโลกา อิริยานัง ทานัง เอเตนะ ทาเนนะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะสีลัง มะหาอินทะสีลัง พรัหมะสีลัง มะหาพรัหมะสีลัง, จักกะวัตติสีลัง มะหาจักกะวัตติสีลัง เทวาสีลัง มะหาเทวาสีลัง, อิสีสีลัง มะหาอิสีสีลัง มุมีสีลัง มะหามุนีสีลัง, สัปปุริสะสีลัง มหาสัปปุริสะสีลัง พุทธะสีลัง ปัจเจกะพุทธะสีลัง, อะระหันตะสีลัง สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง สีลัง, สัพพะโลกา อิริยานัง สีลัง เอเตนะ สีเลนะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะปัญญา มะหาอินทะปัญญา พรัหมะปัญญา มะหาพรัหมะปัญญา, จักกะวัตติปัญญา มะหาจักกะวัตติปัญญา เทวาปัญญา มะหาเทวาปัญญา, อิสีปัญญา มะหาอิสีปัญญา มุมีปัญญา มะหามุนีปัญญา, สัปปุริสะปัญญา มหาสัปปุริสะปัญญา พุทธะปัญญา ปัจเจกะพุทธะปัญญา, อะระหันตะปัญญา สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง ปัญญา, สัพพะโลกา อิริยานัง ปัญญา เอเตนะ ปัญญายะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะเนกขะมะณัง มะหาอินทะเนกขะมะณัง พรัหมะเนกขะมะณัง มะหาพรัหมะเนกขะมะณัง, จักกะวัตติเนกขะมะณัง มะหาจักกะวัตติเนกขะมะณัง เทวาเนกขะมะณัง มะหาเทวาเนกขะมะณัง, อิสีเนกขะมะณัง มะหาอิสีเนกขะมะณัง มุมีเนกขะมะณัง มะหามุนีเนกขะมะณัง, สัปปุริสะเนกขะมะณัง มหาสัปปุริสะเนกขะมะณัง พุทธะเนกขะมะณัง ปัจเจกะพุทธะเนกขะมะณัง, อะระหันตะเนกขะมะณัง สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง เนกขะมะณัง, สัพพะโลกา อิริยานัง เนกขะมะณัง เอเตนะ เนกขะมะเณนะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะปุญญัง มะหาอินทะปุญญัง พรัหมะปุญญัง มะหาพรัหมะปุญญัง, จักกะวัตติปุญญัง มะหาจักกะวัตติปุญญัง เทวาปุญญัง มะหาเทวาปุญญัง, อิสี ปุญญัง มะหาอิสีปุญญัง มุมีปุญญัง มะหามุนีปุญญัง, สัปปุริสะปุญญัง มหาสัปปุริสะปุญญัง พุทธะปุญญัง ปัจเจกะพุทธะปุญญัง, อะระหันตะปุญญัง สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง ปุญญัง, สัพพะโลกา อิริยานัง ปุญญัง เอเตนะ ปุญเญนะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะภาคะยัง มะหาอินทะภาคะยัง พรัหมะภาคะยัง มะหาพรัหมะภาคะยัง, จักกะวัตติภาคะยัง มะหาจักกะวัตติภาคะยัง เทวาภาคะยัง มะหาเทวาภาคะยัง, อิสีภาคะยัง มะหาอิสีภาคะยัง มุมีภาคะยัง มะหามุนีภาคะยัง, สัปปุริสะภาคะยัง มหาสัปปุริสะภาคะยัง พุทธะภาคะยัง ปัจเจกะพุทธะภาคะยัง, อะระหันตะภาคะยัง สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง ภาคะยัง, สัพพะโลกา อิริยานัง ภาคะยัง เอเตนะ ภาคะเยนะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะตะปัง มะหาอินทะตะปัง พรัหมะตะปัง มะหาพรัหมะตะปัง, จักกะวัตติตะปัง มะหาจักกะวัตติตะปัง เทวาตะปัง มะหาเทวาตะปัง, อิสีตะปัง มะหาอิสีตะปัง มุมีตะปัง มะหามุนีตะปัง, สัปปุริสะตะปัง มหาสัปปุริสะตะปัง พุทธะตะปัง ปัจเจกะพุทธะตะปัง, อะระหันตะตะปัง สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง ตะปัง, สัพพะโลกา อิริยานัง ตะปัง เอเตนะ ตะเปนะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะยะสัง มะหาอินทะยะสัง พรัหมะยะสัง มะหาพรัหมะยะสัง, จักกะวัตติยะสัง มะหาจักกะวัตติยะสัง เทวายะสัง มะหาเทวายะสัง, อิสียะสัง มะหาอิสียะสัง มุมียะสัง มะหามุนียะสัง, สัปปุริสะยะสัง มหาสัปปุริสะยะสัง พุทธะยะสัง ปัจเจกะพุทธะยะสัง, อะระหันตะยะสัง สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง ยะสัง, สัพพะโลกา อิริยานัง ยะสัง เอเตนะ ยะเสนะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะสุขัง มะหาอินทะสุขัง พรัหมะสุขังมะหาพรัหมะสุขัง, จักกะวัตติสุขัง มะหาจักกะวัตติสุขัง เทวาสุขัง มะหาเทวาสุขัง, อิสีสุขัง มะหาอิสีสุขัง มุมีสุขัง มะหามุนีสุขัง, สัปปุริสะสุขัง มหาสัปปุริสะสุขัง พุทธะสุขัง ปัจเจกะพุทธะสุขัง, อะระหันตะสุขัง สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง สุขัง, สัพพะโลกา อิริยานัง สุขัง เอเตนะ สุเขนะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะสิริ มะหาอินทะสิริ พรัหมะสิริ มะหาพรัหมะสิริ, จักกะวัตติสิริ มะหาจักกะวัตติสิริ เทวาสิริ มะหาเทวาสิริ, อิสีสิริ มะหาอิสีสิริ มุมีสิริ มะหามุนีสิริ, สัปปุริสะสิริ มหาสัปปุริสะสิริ พุทธะสิริ ปัจเจกะพุทธะสิริ, อะระหันตะสิริ สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง สิริ, สัพพะโลกา อิริยานัง สิริ เอเตนะ สิริยา, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    อินทะรูปัง มะหาอินทะรูปัง พรัหมะรูปัง มะหาพรัหมะรูปัง, จักกะวัตติรูปัง มะหาจักกะวัตติรูปัง เทวารูปัง มะหาเทวารูปัง, อิสีรูปัง มะหาอิสีรูปัง มุมีรูปัง มะหามุนีรูปัง, สัปปุริสะรูปัง มหาสัปปุริสะรูปัง พุทธะรูปัง ปัจเจกะพุทธะรูปัง, อะระหันตะรูปัง สัพพะสิทธิ วิชชาธาระณัง รูปัง, สัพพะโลกา อิริยานัง รูปัง เอเตนะ รูปเปนะ, เอเตนะ สัจจะวะจะเนนะ วา มัยหัง สุวัตถิ โหตุ สะวาหายะ, นะโมพุทธัสสะ นะโมธัมมัสสะ นะโมสังฆัสสะ เสยยะถีทัง หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ.

    สาวัง คุณัง วิชชา พะลัง เตชัง วิริยัง, สิทธิกัมมัง, ธัมมะ สัจจัง นิพพานัง โมกขัง คุยหะกัง ทานัง สีลัง ปัญยัง, เนกขะมะณัง ปุญญัง ภาคะยัง ตะปัง ยะสัง สุขัง สิริ รูปัง จะตุวีสะติเทสะนัง, เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุ, หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ

    นะโม พุทธัสสะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา, รูปักขันโธ เวทะนากขันโธ สัญญากขันโธ สังขารักขันโธ วิญญาณักขันโธ, นะโม อิติปิ โส ภะคะวา

    นะโม ธัมมัสสะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา, รูปักขันโธ เวทะนากขันโธ สัญญากขันโธ สังขารักขันโธ วิญญาณักขันโธ, นะโม สาวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม

    นะโม สังฆัสสะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา, รูปักขันโธ เวทะนากขันโธ สัญญากขันโธ สังขารักขันโธ วิญญาณักขันโธ, นะโม สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ วาหะปะริตตัง

    นะโมพุทธายะ มะอะอุ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา ยาวะตัสสะ หาโยโมนะ อุอะมะ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา, อุอะมะอะ วันทา นะโม พุทธายะ นะอะกะติ นิสะระณะ, อาระปะขุทธัง มะอะอุ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา

    วิปัสสิต

    สัพพะทุกขา สัพพะภะยา สัพพะโรคา วินาสสันตุ


    คำกรวดน้ำของยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก

    อิมินา ปุญญะกัมเมนะ ด้วยเดชะผลบุญแห่งข้าพเจ้าได้สร้างและสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกนี้ ขอให้ค้ำชู อุดหนุนคุณบิดามารดา พระมหากษัตริย์ ผู้มีพระคุณ ญาติกา ครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ เจ้ากรรมนายเวร และมิตร รักสนิทเพื่อนสรรพสัตว์น้อยใหญ่ พระภูมิเจ้าที่ เจ้ากรุงพาลี แม่พระธรณี แม่พระคงคา แม่พระโพสพ พญายมราช นายนิริยบาล ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ศิริคุตอำมาตย์ ชั้นจาตุมมะหาราชิกาเบื้องบนสูงสุดจนถึงภวัคคะพรหม และเบื้องล่างต่ำสุด ตั้งแต่โลกันตมหานรก และอเวจีขึ้นมา จนถึงโลกมนุษย์ สุดรอบขอบจักรวาล คุณพระศรีรัตนตรัย และเทพยดาทั้งหลาย ตลอดทั้งอินทร์ พรหม ยม ยักษ์ คนธรรพ์ นาคา พระเพลิง พระพาย พระพิรุณ ท่านทั้งหลายที่ต้องทุกข์ขอให้พ้นทุกข์ ท่านทั้งหลายที่ได้สุขขอให้ได้สุขยิ่ง ขึ้นๆ ไป ด้วยเดชะผลบุญแห่งข้าพเจ้าอุทิศให้ไปนี้ จงเป็นอุปนิสัยปัจจัยให้ถึงพระนิพพานในปัจจุบัน และอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญ ฯ

    พุทธัง อะนันตัง ธัมมังจักกะวาลัง

    สังฆัง นิพพานะปัจจะโย โหนตุ


    อานิสงส์การสวดและภาวนายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก

    ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกเป็น พุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ ไว้สำหรับสวดและภาวนาทุกเช้าค่ำ เพื่อความสวัสดีเป็นสิริมงคลแก่ผู้สาธยาย อันเป็นบ่อเกิด มหาเตชัง มีเดชมาก มหานุภานัง มีอานุภาพมาก และมีลาภยศ สุขสรรเสริญ ปราศจากโรคภัย อุปัทวันตราย และความพินาศทั้งปวง ตลอดทั้งหมู่มารร้าย และศัตรูคู่อาฆาตไม่อาจแผ้วพานได้

    อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง เป็น ต้น ถ้าสาธยายหรือภาวนาแล้วจะนำมาซึ่งลาภยศ สุขสรรเสริญและปราศจากอันตรายทั้งปวง ตลอดทั้งเป็นการระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าเป็นการเจริญพระพุทธานุสติวิปัสสนา กัมมัฏฐาน เป็นแดนเกิดของสมาธิอีกด้วย

    อะระหันตัง สะระณัง คัจฉามิ เป็นต้น เมื่อสาธยาย หรือภาวนาแล้ว เป็นการมอบกายถวายชีวิตไว้กับองค์พระพุทธเจ้า หรือเอาองค์พระพุทธเจ้าเป็นตาข่ายเพชรคอยปกป้องคุมครองรักษาชีวิตให้ปราศจาก เวรภัย

    อิติปิโส ภะคะวา รูปะขันโธ เป็นต้น เมื่อสาธยาย หรือภาวนาแล้วขออาราธนาบารมีธรรมของพระพุทธองค์สิงสถิตในเบญจขันธ์ของเรา เพื่อให้เกิดพระไตรลักษณญาน อันเป็นทางของพระนิพพานสืบต่อไป

    อิติปิโส ภะคะวา ปะฐะวีธาตุสะมาธิญาณะสัมปันโน เป็นต้น เมื่อสาธยายหรือภาวนา ขออำนาจสมาธิญาณของพระพุทธองค์เป็นไปในธาตุ ในจักรวาล ในเทวโลก หรือในกามาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และในโลกุตรถูมิ ขอจงมาบังเกิดในขันธสันดานของข้าพเจ้า หรือเรียกว่าเป็นการเจริญสมาธิภาวนา อันเป็นบ่อเกิดแห่งรูปฌาน อรูปฌาน อภิญญา เป็นการเจริญวิปัสสนา อันเป็นบ่อเกิดแห่งมรรคผลนิพพาน เป็นการหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวงฯ

    กุสลา ธัมมา อิติปิโส ภะคะวา เป็นต้น เป็นการสาธยายหัวใจพระวินัยปิฎก หัวใจพระสุตตันตปิฎก หัวใจพระอภิธรรมปิฎก และเป็นหัวใจพระเจ้า 500 ชาติ พระเจ้า 10 ชาติ และหัวใจอิติปิโสตลอดทั้งหัวใจอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก เมื่อภาวนาแล้วจะนำลาภ ยศ ฐาน์บรรดาศักดิ์ ทั้งอายุ วรรณะ สุขะ พละ และจะป้องกันสรรพภัย ต่างๆ เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตนและบุตรหลานสืบไป

    อินทะสาวัง มหาอินทะสาวัง เป็นต้น เมื่อสาธยายหรือภาวนาแล้วมีทั้งอำนาจ ตบะ เดชะ ความสุข ความเจริญรุ่งเรืองทุกประการ

    อินทะคุณัง มหาอินทะคุณัง เป็นต้น เมื่อสาธยายหรือภาวนาแล้วจะช่วยบันเทาทุกข์โศกโรคภัยทั้งหลายที่จะมีขึ้น

    อินทะวิชชัง มหาอินทะวิชชัง เป็นต้น ใช้เจริญภาวนาเสกเป่าพ่นแก้สารพัดพิษ ทั้งปวง ใช้ขับสิ่งชั่วร้าย เช่น ผี ปีศาจ ดีนักแล

    อินทะเตโช มหาอินทะเตโช เป็นต้น ใช้ภาวนาเพื่อให้เกิดตะบะ เดชะ แม้จะเดินทางไปสถานที่ใดๆ ให้ภาวนาบทนี้เป็นที่เกรงขามแก่คนทั้งหลาย ภาวนาดับพิษไข้ก็ดีนักแล

    อินทะสีลัง มหาอินทะสีลัง เป็นต้น ใช้เจริญภาวนาจะบรรเทาความกลัดกลุ้มใจทั้งหลาย

    อินทะภาคะยัง มหาอินทะภาคะยัง เป็นต้น ใช้เจริญภาวนาเป็นคาถาเจริญอายุ หมั่นภาวนาทุกวันอายุยืนดีนักแล

    พระอริยสงฆ์ต่างก็กล่าวเน้นว่า พระพุทธศาสนาเป็นของจริงของแท้ที่เรายึดมั่นเป็นหลักชัยแห่งชีวิตได้ ยิ่งมีการปฏิบัติธรรม ทั้งทาน ศีล ภาวนา สม่ำเสมอความสุขความเจริญเกิดขึ้นแก่ตนแน่อย่าสงสัย การรวยทรัพย์สินเงินทองไม่ก่ออานิสงส์ ไม่เท่ากับรวยบุญรวยกุศล ซึ่งจะบังเกิดความสุขความเจริญในปัจจุบัน และตามติดวิญญานไปทุกภพ ทุกชาติด้วย

    ฉะนั้นชาวพุทธทั้งหลาย จงเจริญภาวนา ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏกทุกเช้าค่ำเถิด จะบังเกิดความสวัสดิมงคล แก่ตนและครอบครัว ให้มีความสุขร่มเย็นโดยถ้วนหน้า

    Credit ที่มา : https://metharung.blogspot.com/2009/10/blog-post_6394.html
     
  8. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,519
    ภาพหลวงปู่ใหญ่ ขาวดำ.jpg

    ภาพถ่ายหลวงปู่เทพโลกอุดร ภาพขาวดำ ถ่ายภาพโดยหลวงปู่วัย จัตตาลโย
     
  9. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,519
    ประสบการณ์ได้พบเจอผู้มีอภิญญา และเรื่องเล่าโดยผู้มีอภิญญา ส่วนที่ 3

    1.อานิสงส์ของการสวดพระคาถาธรรมจักร ส่งผลข้ามภพ ข้ามชาติ
    ท่านผู้มีอภิญญาเคยเล่าให้ผมฟังว่าในอดีตที่ผ่านมานานแล้ว ได้เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ในวันหนึ่งนั้นมีคุณลุงท่านหนึ่ง มีรูปร่างสูงใหญ่ นำหนังสือสวดมนต์มาให้เล่มหนึ่ง ท่านผู้มีอภิญญาบอกว่าหนูอ่านหนังสือไม่ได้ค่ะ เพราะไม่ได้เรียนหนังสือ คุณลุงบอกว่าหนูอ่านได้ เมื่อคุณลุงกลับไปแล้ว ท่านผู้มีอภิญญาก็ลองเปิดหนังสือสวดมนต์เล่มนั้น หน้าแรกที่เปิดเจอคือบทสวดธัมมจักกัปปวัตนสูตร (พระคาถาธรรมจักร) เมื่อมองไปที่บทสวดนี้ก็มีปาฏิหาริย์บังเกิดขึ้น ทำให้สามารถอ่านหนังสือออกได้โดยอัตโนมัติ จากที่ก่อนหน้านั้นท่านผู้มีอภิญญาอ่านหนังสือไม่ได้ เพราะไม่เคยเรียนหนังสือมาก่อน ท่านผู้มีอภิญญาก็เลยสวดพระคาถาธรรมจักร ได้โดยคล่องแคล้ว โดยเริ่มจาก ภุมมานัง เทวานัง สัททัง สุตวา.......
    แสดงให้เห็นว่าในอดีตชาติ ท่านผู้มีอภิญญาคงได้สวดพระคาถาธรรมจักร อยู่เป็นประจำ อานิสงส์การสวดพระคาถาธรรมจักร จึงส่งผลมาถึงชาติปัจจุบัน
    เมื่อท่านผู้มีอภิญญาออกจากโรงพยาบาลแล้ว ลูกๆ ก็รู้ว่าคุณแม่สามารถอ่านหนังสือได้แล้ว แต่ยังไม่เชื่อกัน ก็เลยคะยั้นคะยอให้คุณแม่อ่านหนังสือให้ฟัง ท่านผู้มีอภิญญาก็เลยสวดพระคาถาธรรมจักรให้ลูกๆ ฟัง หลังจากนั้นลูกๆ ก็เชื่อแล้วว่าคุณแม่สามารถอ่านหนังสือได้แล้ว และยังมีส่วนทำให้สามารถเขียนหนังสือได้บ้าง
    บทสวดพระคาถาธรรมจักร.jpg
    หมายเหตุ : พระคาถาธรรมจักร เป็นการสวดบทย่อของบทสวดธัมมจักกัปปวัตนสูตร คือส่วนที่เริ่มจาก ภุมมานัง เทวานัง สัททัง สุตวา... จนถึง ...เกนะจิ วา โลกัสฺมินติ

    2.ท่านได้เล่าว่าครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ท่านได้ไปที่วัดแห่งหนึ่ง ที่จ.เพชรบูรณ์ และได้รู้จักกับหลวงตารูปหนึ่ง ท่านรู้ว่าหลวงตานั้นไม่ธรรมดา ท่านได้ไปหาหลวงตาในอีกเวลาหนึ่ง หลวงตาได้กล่าวว่าอย่าตามมา หลวงตาจะไปหาของดีให้ ที่จะไปนั้นน่ากลัวมาก ในช่วงเช้าหลวงตาได้ให้เศษกระดาษมาใบหนึ่ง ในนั้นมีเลข 3 ตัว แต่ท่านผู้มีอภิญญาซื้อหวยไม่ค่อยเป็น ในงวดนั้นจึงไม่ได้ซื้อ ผลการออกรางวัลในงวดนั้นตรงแป๊ะๆ ทั้ง 3 หลัก แบบที่ไม่ต้องสลับตัวเลข

    3.เมื่อนานมาแล้ว ท่านได้รู้จักกับญาติธรรมที่อยู่ที่จ.สุพรรณบุรี ญาติธรรมท่านนี้เป็นนักปฏิบัติธรรมที่ปฏิบัติธรรมจนได้ญาณฌาน สามารถถอดจิตได้ ญาติธรรมท่านนี้เคยเล่าให้ผู้มีอภิญญาฟังว่า ได้เคยถอดจิตไปฟังการประชุมของคู่แข่งทางธุรกิจ ทำให้ล่วงรู้แผนงานของบริษัทตรงข้าม ญาติธรรมท่านนี้มีตำแหน่งสูงในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของเมืองไทย

    4.ญาติธรรมที่รู้จักกับท่านผู้มีอภิญญาในหัวข้อที่ 3. ยังได้เคยเล่าว่า ท่านได้เคยถอดจิตขึ้นไปเบื้องบน และกายทิพย์ของท่านมีความเกี่ยวข้องกับเทพผู้ดูแลควบคุมเหล่าวิญญาณในโลก.... ท่านได้ขอของดีกับเทพท่านนั้น และสามารถนำกลับมายังโลกมนุษย์ได้ และเคยให้ผู้มีอภิญญา 2 ชิ้น ผมเองก็เลยพลอยได้อานิสงส์ไปด้วย ได้รับของดีมา 1 ชิ้น ของดีที่ญาติธรรมขอมาจากเทพและนำกลับมายังโลกมนุษย์เป็นวัตถุสีแดง ญาติธรรมท่านนั้นกล่าวว่าของดีนี้ เหล่าวิญญาณภูติผีจะกลัวมาก

    5.เมื่อนานมากผ่านมาแล้ว ท่านผู้มีอภิญญาได้พบกับแม่ใหญ่(คุณแม่สุ่ม ทองยิ่ง) ที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ท่านได้เข้าไปกราบแม่ใหญ่ แม่ใหญ่ท่านรู้ด้วยญาณสมาธิของท่านว่าผู้มีอภิญญานั้นปฏิบัติธรรมผ่าน แม่ใหญ่ได้ดึงตัวท่านผู้มีอภิญญาเข้าไปกอด และให้ความเมตตาเอ็นดูท่านผู้มีอภิญญามาก
    แม่ใหญ่(คุณแม่สุ่ม) เริ่มสนใจการปฏิบัติธรรมตั้งแต่อายุ 38 ปี โดยการติดตามแม่ช้อยและญาติผู้ใหญ่หลายท่านมาปฏิบัติธรรมในแนววิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อจรัญ สมัยที่ท่านยังอยู่ที่วัดพรหมบุรี จนกระทั่งหลวงพ่อได้รับแต่งตั้งและย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน ก็ติดตามมาปฏิบัติกรรมฐานทุกวันพระมิได้ขาด ซึ่งสมัยนั้นต้องพายเรือมาวัด ไกลจากบ้านถึง 8 กิโลเมตร แม่สุ่มทุ่มเทกับการปฏิบัติกรรมฐานอย่างจริงจัง มีความเพียรเป็นเลิศ เริ่มปฏิบัติตั้งแต่ 2 ทุ่ม ถึงตี 4 ทุกคืน ตอนกลางวันต้องออกไปทำงานกลางทุ่ง ปฏิบัติเช่นนี้มิได้ขาดอยู่นานหลายปี จนสามารถนั่งสมาธิได้ก้าวหน้ากว่าทุกคน เมื่อฝึกสมาธิได้แก่กล้าเข้าฌานสมาบัติได้ สามารถนั่งสมาธิเข้าผลสมาบัติได้นาน 30 ชั่วโมง หลวงพ่อบอกว่าแม่สุ่มมิใช่จะเพิ่งปฏิบัติกรรมฐานในชาตินี้เท่านั้น แต่ได้สร้างสมบารมีมาหลายชาติแล้ว ความเพียรพยายามของแม่สุ่มนับเป็นอุทาหรณ์สำหรับนักปฏิบัติธรรมทั้งหลายเป็นอย่างดียิ่ง

    เขียนเล่าโดยนายเมธา(เจ้าของเวบเมตตาโฮมเพจ)
    18 กุมภาพันธ์ 2558
    https://metharung-background.blogspot.com/2015/02/3.html?m=0
     
  10. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,519
    รูป3.jpg

    รูปหลวงปู่เทพโลกอุดร ที่อัดรูปเพิ่ม ได้แจกไปมากมาย ปัจจุบันยังพอมีเหลืออยู่ 1 รูป (เป็นรูปที่อัดสำเนาครั้งที่สอง และแจกไปเกือบหมด เหลือรูปเดียว)

    ท่านที่สนใจ มาบูชารูปนี้ไปได้ ตั้งราคาบูชาที่ 2,000 บาท

    ป.ล รูปนี้และรูป Original ล้วนมีพลังที่ยิ่งใหญ่ ผมสามารถสัมผัสได้ทุกครั้ง เมื่อเทียบกับรูปคุณแม่บุญเรือนแล้ว รูปหลวงปู่เทพโลกอุดรมีพลังเยอะกว่ามากๆ

    ภาพจริง สวยครับ เพียงแต่ตอนถ่ายรูป ไม่ได้เอาซองพลาสติกออก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2024
  11. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,519
    โอกาสนี้ไม่ได้มีมาบ่อย แม้มีเงินล้าน สามารถบูชาพระสมเด็จได้ แต่หากไม่มีบุญวาสนาและศรัทธาในหลวงปู่เทพโลกอุดร ก็ไม่มีโอกาสได้บูชารูปหลวงปู่เทพโลกอุดร
     
  12. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,519
    เรียนเชิญครับ สำหรับท่านที่ศรัทธาหลวงปู่เทพโลกอุดร
     
  13. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,519
    รอท่านที่ศรัทธาหลวงปู่ใหญ่
     
  14. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,519

แชร์หน้านี้

Loading...