มีวัตถุมงคลสายพระป่ากรรมฐานให้บูชาราคาเบาๆ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Somchai 2510, 8 กันยายน 2019.

  1. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 695 เหรียญหล่อใบโพธิ์พิมพ์เล็ก+พระผงรูปเหมือนโต๊ะหมู่รุ่นเเรกหลวงปู่หลวง กตปุญโญ พระอรหันต์เจ้าวัดสุคีรีบรรพต อ.เมือง จ.ลำปาง หลวงปู่หลวงเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นยุคสุดท้าย เหรียญหล่อใบโพธิ์สร้างปี 2539 ****เนื้อเงิน มาพร้อมกล่องเดิม สร้งโดยชมรมธรรมศาตร์ลำปาง,ส่วนพระผงรูปเหมือนโต๊ะหมู่รุ่นเเรกสร้างปี 2542 หลังองค์พระมีฝังพระเกศาหลวงปู่เเละพลอยเสกของหลวงปู่ มีตอกโค๊ต หมึกอักษร ล มาพร้อมกล่องเดิม *****ประวัตโดยสังเขป
    1-251.jpg
    "หลวงปู่หลวง กตปุญโญ" หรือ พระครูการุณยธรรมนิวาส พระสายปฏิบัติเมืองลำปาง หนึ่งในศิษย์ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่สายพระป่า
    นามเดิมชื่อ หลวง สอนวงค์ษา เกิดเมื่อวันที่ 27 ก.พ.2464 ตรงกับปีระกา ที่บ้านบัว หมู่ที่ 5 ต.สว่าง อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
    เนื่องจากเป็นพี่ชายคนโต จึงต้องรับภาระช่วยพ่อ-แม่ ทำไร่นาและดูแลน้องๆ อีก 5 คน เมื่ออายุได้ 7-8 ขวบไปปรนนิบัติหลวงลุง ซึ่งเป็นพระมหานิกายอยู่วัดใกล้บ้าน พร้อมกับเรียนหนังสือไปด้วย จึงมีจิตใจโน้มเอียงทางพุทธศาสนา จนได้อ่านหนังสือพระไตรสรณคมน์ ของพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม จนมีความเลื่อมใสมากขึ้น
    พออายุ 22 ปี เข้าพิธีอุปสมบทในสังกัดพระมหานิกาย เมื่อปีพ.ศ.2485 ที่พัทธสีมา วัดศรีรัตนาราม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ได้รับฉายา "ขันติพโล"
    มีความหมั่นเพียรขยันอดทนทั้งปริยัติและปฏิบัติจนสอบได้นักธรรมชั้นโท
    ระยะนั้น หลวงปู่สิม พุทธจาโร กลับไปเยี่ยมบ้านเกิด พระหลวงได้ไปกราบและศึกษาข้อวัตรปฏิบัติปฏิปทา ตลอดจนได้อุปัฏฐากรับใช้หลวงปู่ สิมอยู่หลายเดือน
    ครั้งหนึ่งพระหลวงไปนมัสการ หลวงปู่แว่น ธนปาโล ที่ อ.เมือง จ.สกลนคร จึงมีโอกาสพบ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ฟังพระธรรมเทศนาคำสั่งสอนของหลวงปู่มั่นจนซาบซึ้ง
    จึงเดินทางแสวงหาครูบาอาจารย์ทางภาคเหนือ เข้าไปกราบนมัสการหลวงปู่สิม พุทธจาโร ที่วัดสันติธรรม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอญัตติใหม่ เมื่อวันที่ 9 ก.ค.2493 ที่วัดเชตวัน อ.เมือง จ.ลำปาง โดยมีพระครูธรรมาภิวงศ์ เป็นพระอุปัชฌายะ หลวงปู่แว่น ธนปาโล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาใหม่ว่า "กตปุญโญ"
    เดินทางธุดงค์ติดตามครูบาอาจารย์หลายรูป เช่น หลวงปู่ชอบ ฐานสโม, หลวงปู่สิม พุทธจาโร, หลวงปู่แว่น ธนปาโล ไปในหลายจังหวัดเขตภาคเหนือ เพื่อฝึกปฏิบัติอบรมกัมมัฏฐานภาวนา จนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าสำราญนิวาส ในปีพ.ศ.2506 ในปีเดียวกันเป็นเจ้าคณะตำบล อ.เกาะคา ต่อมาในปีพ.ศ.2509 ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูการุณยธรรมนิวาส และปีพ.ศ.2511 เป็นพระอุปัชฌาย์
    ดูแลรักษาพัฒนาวัดป่าสำราญนิวาส ทั้งด้านศาสนสถานและศาสนวัตถุ ตลอดทั้งด้านจิตใจของสาธุชน เทศนาสั่งสอนอบรมศรัทธาญาติโยมทั้งทางใกล้และทางไกล ให้ประพฤติปฏิบัติตั้งมั่นอยู่ในทาน ศีล สมาธิ ภาวนากัมมัฏฐานโดยไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก
    เป็นพระเถระผู้ใหญ่ที่มีปฏิปทาอันงดงาม เปี่ยมล้นด้วยเมตตาธรรม เป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของสาธุชน
    วันที่ 6 มิ.ย.2546 เข้ารักษาแผลในกระเพาะอาหาร เนื่องจากอาเจียนเป็นเลือด โดยเข้ารับการดูแลตรวจรักษาที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ช่วงแรกที่เข้ามารักษาอาการดีขึ้นตามลำดับ
    จากนั้นเดินทางจากลำปางเข้ามากรุงเทพฯ เป็นประจำ อาการเริ่มทรุดลงอีกครั้ง คณะแพทย์พยาบาลได้นำเข้าห้องไอซียู
    จนมาถึงวันที่ 15 ก.ค.2546 เวลา 01.10 น. จึงมรณภาพอย่างสงบ ด้วยวัย 82 ปี ท่ามกลางความเศร้าสลดของบรรดาศิษยานุศิษย์

    มื่อวันที่ 30 ม.ค.2548 จัดงานพระราชทานเพลิงที่เมรุชั่วคราววัดคีรีสุบรรพต ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง เป็นรูปนกหัสดีลิงค์ ซึ่งเป็นนกที่มีหน้าเป็นช้าง ตัวเป็นหงส์ กำลังเท่ากับช้างสาร 5 เชือก เป็นความเชื่อของชาวบ้านว่าจะนำพาผู้มีบุญไปสู่สรวงสวรรค์ ,>>>>>>>>มาพร้อมกับอัฐิธาตุหลวงปู่มาบูชา *******บูชาที่ 465 บาทฟรีส่งems SAM_7055.JPG SAM_7056.JPG SAM_7061.JPG SAM_7058.JPG SAM_7060.JPG SAM_7049.JPG SAM_7050.JPG SAM_7051.JPG SAM_7054.JPG SAM_6991.JPG
     
  2. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 696 เหรียญหล่อพุทโธรุ่น 1ครบ 7รอบ 84 ปี+พระผงปิดตาเเร่เหล็กไหลรุ่นมหาเศรษฐีหลวงปู่เเว่น ธนปาโล พระอรหันต์เจ้าวัดถํ้าพระสบาย อ.เเม่ทะ จ.ลำปาง หลวงปู่เเว่นเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นยุคกลาง เหรียญหล่อสร้างปี 2538 เนื้อโลหะผสมรมดำ,ส่วนพระผงปิดตา สร้าง 18 มีนาคม 2538 ประวัติโดยสังเขปพระครูภาวนาทัศนวิสุทธิ(หลวงปู่เเว่น ธนปาโล)
    หลวงปู่แว่น ธนปาโล ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทตโต อีกองค์หนึ่งที่เรียบร้อยงดงามเสมอต้นเสมอปลายตลอดที่ท่านดำรงตนอยู่ในสมณเพศท่านอยู่ด้วยสันโดษมักน้อยและเรียบง่ายหนักแน่นในธุดงควัตร ชอบอยู่ในที่สงบสงัด ของป่าเขาลำเนาไพร เพื่อปลีกตัวหาความวิเวกในการเจริญภาวนา ด้วยปฏิปทาเครื่องดำเนินที่เคร่งครัดลออในด้านพระธรรมวินัยที่ถูกต้องแม่นยำและงดงาม บนเส้นทางธรรมของหลวงปู่ที่ผ่านมานี้ จึงทำให้กิตติศัพท์ของท่านฟุ้งขจรไปทั่วทุกสารทิศ ก่อให้เกิดศรัทธาปสาทะ ความเชื่อถึอและความเลื่อมใสของพุทธศาสนิกชนอย่างกว้างไกล จวบจนทุกวันนี้
    ชาติภูมี หลวงปู่แว่น ธนปาโล เกิดในสกุลทุมกิจจะ บิดาชื่อนายวันดี มารดานางอำไพ และในปี พ.ศ. ๒๔๗๒ อายุ ๑๘ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรกับพระอุปัชฌาย์ ชื่อพระอาจารย์สีทอง พันธุโล สังกัดมหานิกาย ๑ พรรษา ที่วัดศรีรัตนาราม แล้วติดตามออกรุดงค์ไปกับหลวงปู่สิม พุทธาจาโร ไปยังสำนักสงฆ์โคกป่าเหล่างา จังหวัดขอนแก่น เพื่อนฝึกหัดปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่สิงห์ ขนตยาคโม
    พ.ศ. ๒๔๗๓ ได้แปรญตติเป็นสามเณร สังกัดธรรมยุตินิกาย โดยมีหลวงปู่สิงห์ ขนตยาคโม เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๗๒ ณ วัดศรีจันทราวาส ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น และกลับไปจำพรรษากับหลวงปู่สิงห์และหลวงปู่สิม ที่เสนาสนะป่าช้าบ้านโคกเหล่องา (วัดป่าวิเวกรรม) อ.เมือง จ.ขอนแก่น
    พ.ศ. ๒๔๗๕ เมื่ออายุ ๒๑ ปี หลวงปู่สิมไปพาหลวงปู่แว่นกลับมาเกณฑ์ทหารที่บ้านเกิดและอุปสมบท เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๔ ณ พัทธสีมา วัดศรีเทพประดิษฐาราม อำเภอเมือง จังหวัด นครพนมโดยมี พระสารกาณมุนี (หลวงปู่จันทร์ เขมิโย) เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาว่า “ธนปาโล” แปลว่า ผู้รักษาทรัพย์ และได้มาจำพรรษากับหลวงปู่เกิ่ง อธิมตตโก วัดโพธิ์ชัย บ้านสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เป็นเวลา ๔ พรรษา
    หลวงปู่แว่น ได้รับคำแนะนำหลักการปฏิบัติกรรมฐานเพิ่มขึ้นจาก หลวงปู่เสาร์ กนตสีโล , หลวงปู่มั่น ภูริทตโต และท่านพ่อลี ธมมธโร เป็นลำดับ หลวงปู่ได้ออกปฏิบัติธรรมเร่งความเพียรโดยไม่ท้อถอย ในปี พ.ศ.๒๔๘๗ (พรรษาที่ ๑๓) ท่านได้พบหลวงปู่มั่น ภูริทตโต ที่วัดป่าวารินทร์ (วัดแสนสำราญ) อำเภอรินชำราบ จังหวัด อุบลราชธานีในปี พ.ศ.๒๔๘๙ หลวงปู่แว่น ได้เดินทางไปบำเพ็ญภาวนากับหลวงปู่สิม พุทธาจาโร ที่วัดป่าบ้านกาด อำเภอสันกำแพง (วัดโรงธรรมสมัคคี) จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากนั้นหลวงปู่แว่นได้เดินธุดงค์ไป อำเภอจอมทอง และได้จำพรรษาที่ถ้ำพระธรรม อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
    ในปี พ.ศ.๒๔๙๑ หลวงปู่แว่นพำนักอยู่ที่สำนักสงฆ์โรงธรรมสามัคคีกับหลวงปู่สิม ชาวอำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ได้ไปนิมนต์ท่านให้มาพำนักอยู่ที่วัดโนงน้ำตาล (วัดป่าสำญนิวาส) และท่านได้อยู่จำ พรรษาถึง ๕ พรรษา คณะศรัทธาญาติโยมเลื่อมใสมารับการอบรมวิปัสสนากรรมฐานเป็นจำนวนมาก และหลวงปู่แว่นเป็นผู้จุดประกายให้มีวัดป่าวงศ์ธรรมยุติที่เป็นวัดปฏิบัติธรรมเกิดขึ้นในจังหวัดลำปางต่อมาในพ.ศ.๒๔๙๒ หลวงปู่ได้รับข่าวการรณภาพของท่านพระอาจารย์มั่น หลวงปู่คิดจะเดินทาง ไปเคารพศพของท่านพระอาจารย์มั่นที่จังหวัดสกลนครบังเอิญหลวงปู่สิมได้แวะมาเยี่ยมหลวงปู่ในช่วงนั้น ได้กล่าวทัดทานไว้โดยให้ข้อคิดว่า “ท่านพระอาจารย์มั่นของเรา ท่านมิได้ปรารถนาให้เดินทางไปเคารพศพท่านแต่ท่านพระอาจารย์มั่นประสงค์ให้ลูกศิษย์ลูกหาตั้งหน้าตั้งตาประพฤติบัติรักษาจิตใจให้มั่นคง”หลวงปู่แว่นจำไม่ได้เดินทางไปยังวัดป่าสุทธาวาส แต่มุ่งมั่นในการปฏิบัติภาวนาเพื่อค้นหาสังธรรมให้ยิ่งยวดขึ้นไป ตามแนวทางที่ได้รับการอบรมธรรมมาจากท่านพระอาจารย์มั่น ภูริตตเถระวันหนึ่งหลวงปู่ได้นิมิตเห็นดอยลูกหนึ่ง คล้ายรูปทรงเจดีย์ อยู่ไม่ไกลจากวัดสำราญนิวาส ท่านจึงออกสำรวจ และพบเจอสถานที่ตรงตามนิมิต ซึ่งชาวบ้านเรียกดอยน้ำขุม และมีถ้ำหลายถ้ำ แต่มีถ้ำใหญ่ถ้ำหนึ่งที่อากาศปลอดโปร่งเย็นสบาย ชาวบ้านเรียก ถ้ำแกเก๊า (นกเค้า) มาเยี่ยมสถานที่แห่งนี้หลวงปู่สิม จึงตั้งชื่อใหม่ “ถ้ำพระสบาย”
    ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือธรรมประวัติ หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ หน้าเลขที่ ๔๕๕-๔๖๘ ได้กล่าวถึงการสร้างเจดีย์ในถ้ำพระสบายไว้ดังนี้ พระอาจารย์จาม มหาปุญโญ เคยเล่าที่มาอดีตชาติของบูรพาอาจารย์หลายองค์ที่มีความเกี่ยวข้องกันมีดังนี้ อาจารย์แว่น เคยเป็นเจ้าครองเมืองลำปางหลวงมีเมียต้น คือแม่จำปา (ปัจจุบันชาติเป็นโยมอุปัฏฐานที่ร่วมกันสร้างเจดีย์ในถ้ำพระสบาย)และได้มีบุตรด้วยกัน ๒ คน คือ อาจารย์สิม พุทธาจาโร และอาจารย์หลวง กตปุญโญ ต่อมาได้เมียคนที่ ๒ คือ แม่ศรีอรุณ (ปัจจุบันชาติเป็นโยมอุปัฏฐากที่ร่วมกันสร้างเจดีย์ในถ้ำพนะสบาย) ซึ่งได้อาจารย์จามและอาจารย์น้อยเป็นลูก ครั้งหนึ่งแม่ศรีอรุณ ในอดีตชาติได้ขอพรให้ลูกชายได้ขึ้นครองราชย์แต่ไม่สำเร็จลูกทั้งสองจึงพาแม่ศรีอรุณหนีมาอยู่ที่ถ้ำพระสบาย ตั้งกลุ่มเป็นโจร โดยมีอาจารย์ตื้อเป็นขุนพลโจรใหญ่ มีบริวารถึง ๓,๕๐๐ คน ได้ปล้นคนรวยนำทรัพย์สินไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ทั้งทุกสารทิศ จนในที่สุดได้ยกกำลังเข้ายึดเมืองเมื่อผู้เป็นพ่อ (อาจารย์แว่น) เสียชีวิตลงและได้ขึ้นครองราชย์ ส่วนอาจารย์สิมได้หนีไปบวชที่ถ้ำเชียงดาวในปัจจุบัน และได้บำรุงปัจจัยสี่ ให้อาจารย์ หลวงไปบวชอยู่ภูเขาขนาดย่อมๆ ลูกหนึ่ง ใกล้เวียงลำปาง
    ในปีพ.ศ.๒๔๙๗ หลวงปู่แว่นกลับไปจำพรรษาที่วัดสันติสังฆารามวัดที่บ้านเกิด และเป็นวัดที่โยมมารดาได้ถวายที่ดินเพื่อนสร้างวัดให้หลวงปู่สิม พุทธาจาโร อยู่จนถึงปี พ.ศ.๒๕๐๒ โยมมารดาถึงแก่กรรม แล้วจึงธุดงค์ไปที่อื่น และแวะมาภาวนาที่ถ้ำพระสบาย ชาวคณะบ้านบัวได้มานิมนต์ให้กลับไปจำพรรษาที่ วัดสันติสังฆาราม ต่อมาปี พ.ศ.๒๕๑๐ หลวงปู่แว่นได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าสุทธาวาส อำเภอเมือง จังหวัดสกลนครและดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเเภอ หลวงปู่แว่นได้จำพรรษา ณ วัดป่าสุทธาวาสนานถึง ๑๓ พรรษา และท่านก็ได้ดูแลควบคุมการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์บริขารหลวงปู่มั่น ภูริทตโต หลังจากนั้น ท่านจึงลาออกจากเจ้าคณะอำเภอและเจ้าอาวาสวัดป่าสุทธาวาส และกลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านเกิดอีก ๑ พรรษา

    ปี พ.ศ.๒๕๒๓ (พรรษาที่ ๕๐) หลวงปู่จึงกลับมาจำพรรษาและพัฒนาถ้ำพระสบาย บ้านหนองถ้อย ตำบลนาครัว อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง จนเจริญรุ่งเรืองสืบมาจนทุกวันนี้ ในปี พ.ศ.๒๕๓๕ ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ ที่พระครูภาวนาทัศนวิสุทธิ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๕ หลวงปู่แว่น ธนปาโล ท่านเป็นพระสุปฏิปันโนที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยและการปฏิบัติสมาธิ วิปัสสนา หลวงปู่ได้อบรมพร่ำสอนพระภิกษุ สามเณร อุบาสก-อุบาสิกา มิได้ขาดจวบจนวาระที่ท่านละสังขาร เมื่อวันอังคาร ที่ ๘ เดือน ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๑ สิริรวมอายุได้ ๘๘ ปี ๘ เดือก ๖๘ พรรษา ,>>>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ ********บูชาที่ 445 บาทฟรีส่งems SAM_7478.JPG SAM_7479.JPG SAM_7066.JPG SAM_7065.JPG SAM_5030.JPG SAM_5032.JPG SAM_5031.JPG SAM_1618.JPG
     
  3. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,324
    ค่าพลัง:
    +4,774
    บูชาครับ
     
  4. Khun Kriang

    Khun Kriang สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2019
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +4
    จองครับ
     
  5. สักการะ

    สักการะ ชิวิตดั่งอาทิตย์อัศดง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,922
    ค่าพลัง:
    +5,740
    โอนแล้วครับ วันนี้ เวลา 14.00pm จำนวน 455 บาท เข้า KTB ครับ
    จัดส่งที่อยู่เดิมครับ
    ขอบคุณครับ
     
  6. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    ......รับทราบครับผม ขอขอบคุณครับ
     
  7. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    >>>>>วันเสาร์ได้จัดส่งวัตถุมงคลให้เพื่อนสมาชิก 1 ท่านครับผม เลขที่ ems ตามรูปใบฝอยครับผม SAM_7071.JPG
     
  8. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่่ 697 เหรียญรุ่นมหาจักรพรรดิ์พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน พระอรหันต์เจ้าวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี พระหลวงตามหาบัวเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นยุคกลาง เหรียญสร้างปี 2548 เนื้อทองเเดงรมนํ้าตาล มีตอกโค๊ตหน้าเหรียญ เหรียญสวยไม่เคยใช้ มีพระเกศา,พระธาตุมาบูชาด้วยครับ >>>>>>>บูชาที่ 365 บาทฟรีส่งems SAM_5375.JPG SAM_7020.JPG SAM_7021.JPG SAM_1822.JPG
     
  9. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 697 เหรียญครบ 7 รอบ84ปีหลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา พระโพธิสัตโตเเห่งวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน เหรียญสร้างปี 2539 เนื้อทองเเดงรมนํ้าตาลมันปู สร้างเนื่องหลวงปู่อายุครบ 84 ปี เหรียญใหม่ไม่เคยใช้ ครูบาวงศ์
    con374_20160421130240_2.jpg
    ประวัตพอสังเขปครูบาชัยยะวงศาพัฒนา (ครูบาวงศ์)

    >>>>>วัยเด็ก
    ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ครูบาวงศ์” มีนามเดิมว่า วงศ์ หรือ ชัยวงศ์ นามสกุล ต๊ะแหนม เกิดที่ ตำบลหันก้อ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูนเมื่อวันอังคาร เดือน 7 แรม 2 ค่ำ ปีฉลู ตรงกับวันที่ 22 เมษายน พ.ศง 2456 เวลา 24.15 น. โยมบิดาชื่อ น้อย จันต๊ะ (ถึงแก่กรรม เมื่ออายุ 44 ปี) โยมมารดาชื่อ บัวแก้ว (ถึงแก่กรรม เมื่ออายุ 78 ปี) จำนวนพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 8 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 3 มีน้องต่างบิดาอีก 1 คน รวมเป็น 9 คน
    ท่านเกิดในตระกูลชาวไร่ชาวนาที่ยากจน พ่อแม่ของท่านมีสมบัติติดตัวมาแค่ที่นาไม่กี่ไร่ ทำนาได้ข้าวปีละแค่ 20-30 หาบ แม้ว่าครอบครัวของท่านต้องดิ้นรนต่อสู้กับความอดทนอยากแต่ก็ไม่เคยละทิ้งเรื่องการทำบุญให้ทาน
    ท่านมีโรคประจำตัวคือ โรคลมสันนิบาต ตั้งแต่เด็กๆ แต่ท่านก็ยังช่วยพ่อและแม่ทำนา เก็บของป่าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นับว่าท่านเป้นผู้ที่มีความขยันอดทนและกตัญญูเป็นอย่างมาก
    >>>>>บรรพชาและอุปสมบท
    เมื่อท่านอายุย่าง 13 ปี (พ.ศ. 2468) ท่านได้รบเร้าขอให้พ่อแม่พาท่านไปบวช เพื่อท่านจะได้บำเพ็ญธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพ่อแม่ก็ได้นำท่านไปฝากกับหลวงอา จากนั้นหลวงอานำท่านไปฝากตัวเป็นศิษย์และบวชเณรกับครูบาชัยลังก๋า (เป็นธุดงค์กรรมฐานรุ่นพี่ของครูบาศรีชัย) ครูบาชัยลังก๋าได้ตั้งชื่อให้ท่านใหม่หลังจากเป็นสามเณรแล้วว่า “สามเณรชัยลังก๋า” เช่นเดียวกับชื่อของครูบาชัยลังก๋า
    เมื่ออายุ 20ปี ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีครูบาพรหมจักร วัดพระบาทตากผ้าเป็นอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “ชัยยะวงศา” ในระหว่างนั้น ท่านได้อยู่ปฏิบัติและศึกษาธรรมะกับครูบาพรหมจักร ในบางโอกาสท่านก็จะเดินธุดงค์ปฏิบัติธรรมไปในที่ต่างๆทั้งลาวและพม่า ท่านได้อยู่กับครูบาพรหมจักรระยะหนึ่งแล้ว จึงได้กราบลาครูบาพรหมจักรออกจาริกธุดงค์ไปแสวงหาสัจจธรรมความหลุดพ้นจากวัฏสงสารแห่งนี้เพียงลำพังองค์เดียวต่อ เพื่อเผยแพร่สั่งสอนธรรมะขององค์สมเด็จ-พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กับพวกชาวเขาในที่ต่างๆ
    เมื่ออายุได้ 22 ปี ท่านเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วยครูบาศรีวิชัยสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ ร่วมกับครูบาขาวปี และชาวกะเหรี่ยง
    >>>>ละสังขาร
    นับตั้งแต่ หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศา ได้มาอยู่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 ที่หลวงปู่ ได้เข้ามาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จนกระทั่งมรณภาพในเวลา 01.00 น. ของวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2543 เป็นเวลาถึง 54 ปี หลวงปู่ได้ใช้ความพยายามพัฒนาวัด จนสามารถพลิกสภาพความเป็นวัดร้างให้เป็นวัดที่มีความเจริญ จนทำให้ผู้คนจากทุกสารทิศ ทั้งในและต่างประเทศ ทุกระดับชั้นทางสังคม หลั่งไหลเข้ามาสักการะ สมกับเป็นปูชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่ง ของประเทศไทย

    >>>>โอวาธรรมหลวงปู่ ...... “อย่าเข้าใจว่า มาทำบุญที่นี่ จะตัดบาป ตัดกรรม ตัดเวร ได้นะ ... ตัดไม่ได้
    อโหสิกรรม ... ถือว่าตัดได้
    จะต้องขอเอง ... ให้คนอื่นไปขอไม่ได้ ไม่พ้นจากกรรม
    เราต้องของเอง ต้องอ่อนน้อม กล่าวคำสารภาพกับตัวเขา
    เขาจึงจะอโหสิ งดโทษให้เรา...”

    พระพุทธองค์ กล่าวไว้ในพระไตรปิฎกว่า ...
    เรามีกรรมเป็นของตน เรามีกรรมเป็นผู้ให้ยล เรามีกรรมเป็นแดนเกิด เรามีกรรมเป็นผู้ติดตาม
    เรามีกรรมเป็นผู้อาศัย
    กรรมอันใดที่ทำไว้ ... ความดี หรือ ความชั่ว ตัวเราเป็นผู้รับผลกรรมนั้น”

    “เวลาเราก็มีไม่มาก เกิดมาชาติหนึ่ง
    เวลาสูญเปล่ามีมาก เวลาทำงานจริงๆ มีไม่มาก
    เวลาสูญเปล่ามีตลอดชีวิต
    เวลาเหลือน้อ จะทำอะไรก็ให้รีบทำ
    >
    >>>>>มีพระเกศา,สำลีเช็ดนํ้าตา,จีวรเเละพระธาตุข้าวบิณฑ์บาตรพระพุทธเจ้า มาบูชาเป็นมงคล .........บูชาที่ 355 บาทฟรีส่งems SAM_9152.JPG SAM_7075.JPG SAM_7074.JPG SAM_1900.JPG
     
  10. Ton_PB

    Ton_PB เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    4,463
    ค่าพลัง:
    +2,005
    จองครับ
     
  11. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 699 เหรียญรุ่นเเรก(เหรียญมีประสบการณ์)+เหรียญยอดเเคล้ว(นามสกุลของหลวงปู่)หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ พระอรหันต์เจ้าวัดป่าสุจิณโณ อ.บ้านฝาง จ.ขอนเเก่น เหรียญรุ่นเเรกเนื้อสำริดส่วนเหรียญยอดเเคล้วเนื้อทองเเดงรมนํ้าตาล มีตอกโค๊ต ถ หน้าเหรียญ หลวงปู่ถวิลเป็นศิษย์หลวงปู่อุ้ย สุมังคโล(เป็นศิษย์ของหลวงปู่คำดี ปภาโส วัดถํ้าผาปู่ จ.เลย(ตามที่หลวงปู่ท่านเล่าให้ผมฟังด้วยตัวเองครับเเละท่านก็บอกผมว่าหลวงปู่อุ้ยเป็นพระอรหันต์หนึ่งเดียวของจังหวัดหนองบัวลำภู ช่วงที่ผมได้ไปกราบหลวงปู่ใหม่ๆครับ)) >>>>>ชีวประวัติย่อพอสังเขป หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ
    วัดป่าสุจิณโณ บ.หนองเซียงซุย ต.ป่าหวายนั่ง อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น
    ***********หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ พระมหาเถระผู้มีอุปนิสัยพูดน้อย สันโดษ เรียบง่าย เป็นพระสงฆ์ผู้มีศีลาจาริวัตรที่งดงาม เป็นพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีเมตตาต่อสานุศิษย์ทุกหมู่เหล่า

    นามเดิมท่านชื่อ ถวิล นามสกุล ยอดแคล้ว ถือกำเนิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๘๕ ตรงกับวันขึ้น ๕ ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะเมีย ณ บ้านเลขที่ ๗๓ หมู่ ๘ บ้านหนองไฮ ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น โยมบิดาชื่อคุณพ่อบุญ โยมมารดาชื่อคุณแม่เฝือ ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๖ คน ต่อมาไม่นานมารดาผู้ให้กำเนิดท่านเสียชีวิตลง จากนั้นท่านจึงย้ายไปอยู่กับป้า เพราะบิดาไปมีภรรยาใหม่
    พออายุเข้าเกณฑ์ศึกษาแล้ว ท่านเข้าเรียนที่โรงเรียนประจำหมู่บ้านคือ โรงเรียนบ้านหนองไฮ จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดในสมัยนั้น ครั้นเรียนจบแล้ว ท่านได้ช่วยคุณป้าทำนาทำไร ใช้วิถีชีวิตแบบธรรมดาของคนสมัยนั้น
    การอุปสมบท : อายุ ๒๒ ปี หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ ท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุในทางพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๗ เวลา ๑๓.๔๐ น. ณ อุโบสถวัดศรีจันทร์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น
    โดยมี พระวินัยสุนทรเมธี (หลวงปู่สุพจน์ อนุตฺตโร) เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระมหาปรีชา เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระมหาดุสิต เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    พระอุปัชฌาย์ ขนานนามฉายาให้ว่า สุจิณฺโณ แปลว่า ผู้ปฏิบัติดีแล้ว
    ครั้นอุปสมบทแล้ว ท่านอยู่ศึกษาและปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ธีร์ ที่วัดหนองไฮ ซึ่งเป็นวัดป่าประจำหมู่บ้าน หลวงปู่ธีร์นี้ ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    ต่อมาหลวงปู่ถวิล สุจิณโณ ท่านเข้าถวายตัวเป็นลูกศิษย์เพื่อศึกษาและปฏิบัติธรรม กับหลวงปู่อุ้ย สุมังคโล วัดกลันทกาวาส บ.หนองอุ ต.ทรายทอง อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู
    หลวงปู่อุ้ย สุมังคโล นี้ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ภายหลังจากหลวงปู่อุ้ย สุมังคโล ท่านมรภาพและถวายเพลิงแล้ว อัฐิก็กลายเป็นพระธาตุ เป็นประจักษ์พยานในการสำเร็จมรรคผลสุงสุดในทางพระพุทธศาสนา
    >>>>>>>คู่บารมีธรรม : หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ ท่านมีคู่บารมีธรรม คือ หลวงปู่สว่าง โอภาโส แห่งวัดศรีอุดมรัตนาราม ต.ทมนางาม อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี และท่านจำพรรษาอยู่วัดแห่งนี้นานที่สุด โดยหลวงปู่สว่าง โอภาโส เป็นเจ้าอาวาส และหลวงปู่ถวิล สุจิณโณ เป็นประธานสงฆ์ เมื่อหลวงปู่สว่าง โอภาโส ละสังขารแล้ว ท่านออกธุดงค์โปรดลูกศิษย์ตามวัดต่างๆ เรื่อยมา
    ต่อมาคณะศิษย์ยานุศิษย์ ได้สร้างวัดป่าสุจิณโณ เพื่อถวายเป็นอาจาริยบูชา พร้อมกราบนิมนต์หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ ให้มาเป็นเจ้าอาวาส พำนักปฏิบัติธรรมเป็นการถาวร เนื่องจากท่านเข้าสู่วัยชราแล้ว ท่านได้เมตตาเลือกสถานที่แห่งนี้ และกำกับดูแลให้กำลังใจลูกศิษย์ในการสร้างวัด ตั้งแต่วันที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ และย้ายเข้ามาอยู่ประจำเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๓ จนถึงมรณภาพ

    >>>>>>อาพาธ : หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ ท่านเริ่มอาพาธด้วยโรคเบาวาน และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๘ หลวงปู่ถวิล ท่านได้รับการดูแลรักษาจากคณะแพทย์เป็นอย่างดีมาโดยตลอด พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์อยู่สองปี ครั้นอาการอาพาธดีขึ้นแล้ว คณะศิษย์นิมนต์หลวงปู่ไปพักรักษาธาตุขันธ์ที่วัดป่าสุจิณโณ และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตามที่คุณหมดนัดมาอย่างต่อเนื่อง
    >>>>>>การมรณภาพ : หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ ท่านถึงแก่มรณภาพด้วยอาการอันสงบตามกฎแห่งธรรมชาติ เมื่อวันพุธที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เวลา ๐๔.๕๐ น. ณ วัดป่าสุจิณโณ สิริรวมอายุได้ ๗๕ ปี ๑๑ เดือน ๒๒ วัน ๕๕ พรรษา และทำพิธีถวายเพลิงสรีระสังขาร ในวันพุธที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เวลา ๑๖.๐๐ น. ซึ่งช่วงท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านสั่งลูกศิษย์ว่า เมื่อท่านมรณภาพแล้ว ให้ทำการเผาภายในเจ็ดวัน อย่าเก็บไว้นานจะทำให้เป็นภาระแก่คณะศิษย์

    การมรภาพของหลวงปู่ถวิล สุจิณโณ นั้น นำความอาลัยมาสู่สานุศิษย์ แลพุทธศาสนิกชนทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง
    พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า
    อนิจจา วต สังขารา อุปปาทวยธัมมิโน
    อุปปัชฌิชตวา นิรุชฌันติ เตสังวูป สโม สุโข
    สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง มีความเกิดขึ้นแล้วมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
    มีความเกิดขึ้นแล้ว มีความดับไปเป็นธรรมดา
    ความเข้าไปสงบระงับสังขารทั้งหลาย เป็นสุขอย่างยิ่ง

    ขอน้อมถวายความอาลัยแด่องค์หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ พระมหาเถระผู้ปฏิบัติดีแล้ว พระมหาเถระผู้มีจิตอันฝึกดีแล้ว พระมหาเถระผู้ถึงธรรมอันสูงสุดแล้ว พระมหาเถระผู้มีศีลอันบริบูรณ์แล้ว พระมหาเถระผู้ควรแก่การกราบไว้แลสักการะบูชา ด้วยเศียรเกล้า
    >>>>>>>...มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วยครับ ....********บูชาที่ 350 บาทฟรีส่งems SAM_7304.JPG SAM_7076.JPG SAM_7077.JPG SAM_7078.JPG SAM_7080.JPG SAM_1606.JPG

    90967828480_o.jpg?_nc_cat=108&_nc_sid=110474&_nc_ohc=bgSYDDbyMm8AX8IBOcx&_nc_ht=scontent.fkkc2-1.jpg

     
  12. ธรรมศิล

    ธรรมศิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +800
    ขอบูชาครับ
     
  13. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    เหรียญบูชาคุณคู่บุญ คู่บารมีหลวงปู่เเสง ญาณวโร พระอรหันต์เจ้าวัดป่าบ้านเวินชัย อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร หลวงปู่เเสงเป็นศิษย์หลวงปู่คำดี ปภาโส วัดถํ้าผาปู่ เหรียญสร้างปี 2556 เนื้อทองเเดงผิวไฟ มีตอกโค๊ต ตัวอักษร ส หน้าเหรียญมาพร้อมกล่องเดิม >>>>>>>>ประวัติย่อๆพอสังเขปของหลวงปู่แสง ญาณวโร
    เดิมชื่อ นายแสง ดีหอม เกิดเมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๔๖๗ อ. ฟ้าหยาด จ. อุบลราชธานี
    (๑๗ เมษายน ๒๔๘๒ กระทรวงมหาดไทย เปลี่ยนชื่อ อ.ฟ้าหยาด เป็น อ.มหาชนะชัย
    และเมื่อ ๑ มีนาคม๒๕๑๕ อ.มหาชนะชัย ย้ายไปขึ้นกับ จ. ยโสธร จนถึงปัจจุบัน )
    อุปสมบทเมื่อ วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๐ ณ วัดศรีจันทร์ อ. เมือง จ. ขอนแก่น
    ปัจจุบันจำพรรษาที่ สำนักสงฆ์บ้านเวินชัย อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร
    ท่านได้จำพรรษา - วิเวกธุดงค์ทั้งในประเทศไทย ลาว และพม่า
    ประวัติการจำพรรษา - วิเวกธุดงค์และไปมาหาสู่กับพระรูปต่างๆ

    - ศึกษาหลักธรรมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่วัดป่าบ้านหนองผือ ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
    (ช่วงบั้นปลายของท่านอาจารย์มั่นที่อยู่บ้านหนองผือ)
    - หลวงปู่คำดี ปภาโส วัดถ้ำผาปู่ จ. เลย (พ.ศ.๒๔๙๔-๒๔๙๖)
    - พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร - ได้ร่วมสร้างวัดถ้ำขาม (พ.ศ. ๒๔๙๗)
    - หลวงปู่เทศก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย (๑ พรรษา)
    - หลวงปู่บัว สิริปุณโณ วัดราษฎร์สงเคราะห์ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี (๒๐ พรรษา)
    - พระอาจารย์แบน ธนากโร - ได้ร่วมสร้างกุฏิศาลาที่วัดธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร
    - หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์
    - หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี - ได้ร่วมธุดงค์ที่ภูวัว
    - หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
    - หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย
    - หลวงปู่ศรี มหาวีโร - ได้วิเวกธุดงค์ที่ภูเกล้า ภูเวียง จ.ขอนแก่น
    - หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย - ได้วิเวกธุดงค์ด้วยกันที่วัดดอยหินหมากเป้ง
    - หลวงปู่จันทร์โสม กิตติกาโร วัดป่านาสีดา จ.อุดรธานี - ได้วิเวกธุดงค์ด้วยกันที่ อ.บ้านผือ อ.สามพราน และ อ.น้ำโสม
    - พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ, พระอาจารย์วัน อุตตะโม หลวงปู่หล้า เขมปัตโต และพระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร - ได้วิเวก
    ธุดงค์ร่วมกันที่ถ้ำสาลิกา ภูสิงห์ ภูทอง ภูพานคำ และ ภูทอก ฯลฯ
    - หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร วัดป่าวังเลิง จ.มหาสารคาม - ได้จำพรรษาด้วยกัน (พ.ศ. ๒๕๓๒ - ๒๕๓๓)
    - ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๔ - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๑ จำพรรษา ที่วัดป่าอรัญญาวิเวก บ้านไก่คำ จ.อำนาจเจริญ
    - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๑ - ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ จำพรรษาที่วัดป่าอิสิปตนมฤคทายวัน (เสนาสนป่าโคกค่าย)
    บ้านหนองไฮน้อย ต.หนองข่า อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ
    - ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ จำพรรษาที่วัดป่านาเกิ้งญาณวโร บ้านนาเกิ้ง อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ
    - ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ จำพรรษาที่วัดป่ามโนรมย์สมประสงค์ (สำนักสงฆ์ภูทิดสา)
    บ้านห้วยฆ้อง ตำบลหนองข่า อำเภอ ปทุมราชวงศา จัดหวัด อำนาจเจริญ
    - ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖- ปัจจุบัน สำนักสงฆ์บ้านเวินชัย อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร >>>>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วยครับ ********บูชาที่ 305 บาทฟรีส่งems(>>>>>อนึ่ง.....หลวงปู่เเสงผมเองเคยไปกราบเเละนวดถูขี้ไคร้ให้หลวงปู่มาเเล้วครับผม)
    70896783302_n.jpg?_nc_cat=101&_nc_sid=8024bb&_nc_ohc=6h6GoncZs6IAX-zTB2x&_nc_ht=scontent.fkkc2-1.jpg
    97764722040_n.jpg?_nc_cat=100&_nc_sid=8024bb&_nc_ohc=-wfYoUdytRYAX-yKNOg&_nc_ht=scontent.fkkc2-1.jpg
    c_oc=AQlVKH1Jp1srngosquldAVUvEur9LsWZag2URQNHxtgXm5wcJAMKQBu0n1MFtw2Oju4&_nc_ht=scontent.fkkc2-1.jpg
    01273005050_o.jpg?_nc_cat=110&_nc_sid=8024bb&_nc_ohc=zpkoF-OkNocAX8Mv73-&_nc_ht=scontent.fkkc2-1.jpg
    SAM_7081.JPG SAM_7085.JPG SAM_7082.JPG SAM_7084.JPG SAM_2258.JPG
     
  14. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 701 รูปหล่อเหมือนปั๊ม+ล๊อกเก็ตหลังยันต์เเผ่นเงินหลวงปู่ขันตี ญาณวโร พระอรหันต์เจ้าวัดป่าม่วงไข่ อ.ภูเรือ จ.เลย หลวงปู่ขันตีเป็นศิษย์หลวงปู่ชอบ ฐานสโม เป็นต้น รูปเหมือนสร้างปี 2555 สร้างเนื่องจากอายุครบ 70 ปี เนื้อทองเเดงผิวไฟ มีตอกโค๊ตใต้องค์พระ ประวัติและปฎิปทาหลวงพ่อขันตี ญาณวโร
    49fc4d3905845c73ea8e8aeb8973e831-1.jpg
    ประพอสังเขปหลวงพ่อขันตี ญาณวโร
    วัดป่าม่วงไข่ ต.สานตม อ.ภูเรือ จ.เลย
    หลวงพ่อขันตี เกิดเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ.2486 ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ปีมะแม เป็นชาวขอนแก่นโดยกำเนิด ปัจจุบัน สิริอายุ 74 พรรษา 54 (เมื่อปี พ.ศ.2561) ปัจจุบันจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าม่วงไข่
    หลวงพ่อขันตี เกิด ณ บ้านเลขที่ 136 หมู่ 8 ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ของแก่น(ปัจจุบันคือ บ้านหนองบัว อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น) โยมบิดาชื่อ นายชัย แสนคำ โยมมารดาชื่อ นางแพง แสนคำ มีพี่น้องร่วมบิดา มารดาทั้งหมด 7 คน โดยหลวงพ่อขันตี ญาณวโร เป็นลูกคนโต หลวงพ่อทวี ปุญฺญปญฺโญ เป็นลูกคนเล็กสุด(ชื่อเดิมนายทวี แสนคำ)
    21578100512f10b.jpg ในวัยเด็กของหลวงพ่อขันตีนั้น ท่านเป็นคนขยันขันแข็น ช่วยงานพ่อแม่ทำไร่ ทำนาและดูแลน้องๆ แทนพ่อแม่อยู่เสมอๆ เป็นคนที่มีความอดทน อ่อนน้อม และหลวงพ่อท่านในวัยเด็กยังเป็นคนสนใจ ใฝ่ธรรมะ ชอบไหว้พระสวดมนต์อยู่เป็นประจำ หลวงพ่อขันตีท่านกล่าวว่า "สมัยตอนท่านเด็กๆท่านเป็นคนไม่ค่อยแข็งแรงนัก เจ็บป่วยออดๆแอดๆ อยู่เสมอบางทีก็เกือบถึงแก่ชีวิตหลายต่อหลายครั้ง โยมแม่ของหลวงพ่อ จึงได้ไปฝากให้หลวงพ่อขันตีเป็นลูกบุญธรรมหลวงปู่คำดี ปภาโส อาการเจ็บป่วยต่างๆก็ค่อยๆหายไป" เมื่อหลวงพ่อท่านเรียนจบชั้น ป.4 ท่านก็ขออนุญาตโยมพ่อโยมแม่เพื่อขอบวชสามเณร โยมพ่อแม่ก็เห็นดีด้วยและอนุญาตให้หลวงพ่อบวชเณรได้..

    552.jpg
    สามเณรขันตี
    หลวงพ่อขันตีท่านได้บวชเณรครั้งแรกเมื่ออายุ 12 ปี ในปี พ.ศ.2499 ณ วัดศรีจันทร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยมีท่าน
    พระครูพิศาลสารคุณ เป็นผู้บรรพชาให้ในปีนั้น เมื่อบวชเณรแล้วหลวงพ่อขันตีก็อยู่ดูแลอุปัฏฐาก ท่านพระครูเจ้าอาวาสอย่างใกล้ชิตและมีความขยันอดทนหมั่นเพียรในการศึกษาธรรมะ ท่านพระครูพิศาลสารคุณ เจ้าอาวาสวัดศรีจันทร์ จึงได้เรียกชื่อหลวงพ่อขันตีใหม่ จากเดิมชื่อตรีเฉยๆ เรียกใหม่ว่า "ขันตี" หรือ ขันติ แปลว่าผู้มีความอดทน


    u97z5_1456467352.jpg พระอุโบสถวัดศรีจันทร์

    ท่านได้บวชเณรมาเรื่อยๆ จนท่านมีอายุครบบวชพระ อายุ 20 ปี ท่านจึงได้รับการอุปสมทบในวันอังคาร ขึ้น8ค่ำ ปีมะโรง โดยได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อปี พ.ศ.2507 ณ พัทธสีมาวัดศรีจันทร์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น มีท่านพระ ครูพิศาลสารคุณเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูศรีธรรมาลังการ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระมหาศรี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า "ญาณวโร" แปลว่า ผู้ปรีชาหยังรู้สูง
    lp-boonpeng.jpg
    หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก

    ในพรรษาที่ 1 ปี พ.ศ.2507 ในปีแรกนี้หลวงพ่อขันตีท่านได้ไปอยู่จำพรรษากับ หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก ณ วัดป่าคีรีวัน จ.ขอนแก่น ในพรรษาแรกนี้ หลวงปู่บุญเพ็ง ท่านจะสอนพระเณรในพรรษานั้น ในเรื่องการพิจารณาการ มีสติเป็นไปในกาย ขอวัตรปฎิบัติต่างๆ ในส่วนของหลวงพ่อขันตีนั้น ท่านก็เป็นพระบวชใหม่หลวงปู่บุญเพ็งท่านจะเน้นสอนการภาวนา และ ข้อวัตรต่างๆในเบื้องต้นกับหลวงพ่อขันตี
    268_1263214635.jpg_177.jpg
    หลวงปู่คำดี ปภาโส

    ครั้งออกพรรษา ท่านก็ได้ย้ายมาจำพรรษา ณ วัดถ้ำผาปู่ อ.เมือง จ.เลย ในพรรษาที่ 2 ปี พ.ศ. 2508 เพื่อมาฝึกหัดการภาวนา โดยท่านกล่าวว่า "ท่านกับหลวงปู่คำดี เป็นคนบ้านเดียวกัน(คนจังหวัดขอนแก่น) จึงมีความคุ้นเคยกับท่านมาก่อน จึงได้มาอยู่จำพรรษากับท่านที่จังหวัดเลยเพื่อมาฝึกอบรมณ์ภาวนา" หลวงปู่คำดี ปภาโส ท่านก็ให้ความเมตตาหลวงพ่อขันตี โดยสอบถามหลวงพ่อขันตีครั้งมาอยู่จำพรรษาวัดถ้ำผาปู่ครั้งแรกว่า "ท่านใช่อะไรภาวนา" และสอบถามถึงเรื่องจริตต่างๆ ครั้งหลวงพ่อขันตีก็กราบเรียนหลวงปู่คำดีตามความรู้ ความเข้าใจแล้ว หลวงปู่คำดีก็บอกสอนเกี่ยวกับจริตภาวนา แจกแจงความเป็นมาและความเหมาะสมของจริตพร้อมอธิบายหลักการภาวนาให้หลวงพ่อขันตีฟังอย่างละเอียดลึกซึ้งจนเข้าใจ
    ในปีดังกล่าวที่ท่านได้มาจำพรรษาที่วัดถ้ำผาปู่ มีพระเณรทั้งหมด 40 รูป หลวงพ่อขันตีท่านกล่าวว่า
    "ในปีนั้นจิตใจท่านฟุ้งซ่าน วุ้นวายเป็นอย่างมาก" ซึ่งหลวงปู่คำดีท่านก็ทราบดี ท่านจึงแนะนำให้หลวงพ่อขันตีมีความอดทน ปรารบให้เร่งความเพียรมากยิ่งขึ้น ให้หลีกเร้นจากหมู่คณะ ให้หาที่สงบภาวนาให้มาก ให้ละความกังวนต่างๆ กลับมาตั้งสติตั้งใจภาวนาเร่งให้เกิดความสงบ..."
    จนในพรรษาที่ 3 ปี พ.ศ.2509 หลวงปู่คำดี จึงพาหลวงพ่อขันตีไปจำพรรษา ณ วัดป่าหนองแซง จ.อุดรธานี กับ หลวงปู่บัว สิริปุณโณ ซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น เมื่อไปถึงที่วัดหลวงปู่บัวท่านก็ให้โอวาทธรรมว่า"เรื่องจิตใจที่หลอกลวงตลอดเวลานั้น เป็นเพราะการ
    lp-bua.jpg
    หลวงปู่บัว สิริปุณโณ
    ขาดสติ ขาดปัญญา จึงกลายเป็นตัวกิเลสทำให้เกิดทุกข์ หรือพาไปหาความทุกข์ไปที่ไหนถ้าใจไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ความศรัทธาความเชื่อความ เลื่อมใสในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ยังไม่มีหลักสรณะทางจิตใจ หากมีแต่ปล่อยจิต ปล่อยใจไปตามสัญญาแห่งอามรณ์ทั้งวัน ทั้งคืนไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ก็จะมีแต่ความทุกข์ร้อนเป็นไฟ เพราะใจได้ถูกแผดเผาด้วย ราคะ โทสะ โมหะ ดังนั้นควรที่จะมีสติระลึกรู้ตัวอยู่ตลอดไป จะมานั่งมานอนรอความตาย ให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ จะต้องหมั่นภาวนาศึกษา ให้จิตให้ใจมีที่พึ่ง ไม่ใช่ปล่อยเวลาให้เสียไปวันๆ"
    เป็นโอวาทสำคัญที่หลวงปู่บัว ท่านอบรมณ์สั่งสอนหลวงพ่อขันตี ในพรรษที่มาจำที่วัดป่าหนองแซงนี้
    ครั้งพอออกพรรษาในปี 2509 นั้นหลวงปู่คำดีท่านก็กลับไปอยู่ที่วัดถ้ำผาปู่ โดยหลวงพ่อขันตีกราบเรียนขออนุญาตจากหลวงปู่คำดี ไม่กลับไปวัดถ้ำผาปู่ด้วย แต่จะอยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่บัวนี้ก่อนสักระยะหนึ่ง หลวงปู่คำดีท่านก็เมตตาอนุญาต ในระหว่างที่อยู่วัดป่าหนองแซงนี้ หลวงพ่อขันตีท่านก็อยากเที่ยวไปกราบครูบาอาจารย์ในที่อื่นๆ หลวงปู่บัวท่านก็ทราบว่า หลวงพ่อขันตีท่านตอนนี้ มีจิตใจที่ยังวุ้นวายอยู่ท่านจึงให้โอวาท หลวงพ่อขันตีเตือนใจว่า"การที่เราจะเที่ยวไปหาครูบาอาจารย์ทั้งหลายนั้น ต้องพิจารณาดูว่าไปด้วยเหตุผลอันใด การปฏิบัติทำความเพียรนั้นร่วนเกิดแต่ตัวเราทั้งสิ้น ครูบาอาจารย์ท่านจะปฎิบัติแทนเราไม่ได้ การบำเพ็ญเพียรภาวนา เราต้องทำด้วยตัวเราเองเท่านั้นผลจึงจะเกิดกับตัวเรา ครูบาอาจารย์จะมาทำแทนเราได้หรือ ท่านเป็นแต่เพียงผู้บอก ผู้สอนเราเท่านั้น" ท่านจึงกลับมาพิจารณาในคำสอนเตือนสติของหลวงปู่บัว จึงทำให้ท่านมีกำลังใจใน ความพากความเพียรเพิ่มมากขึ้น ทั้งแล้วก็ทำให้จิตใจท่านสงบลงมาก ท่านจึงอยู่ภาวนากับหลวงปู่บัว ที่วัดหนองแซงนี้อีก 4 พรรษา รวมเป็น 5 พรรษากับการอยู่ปฎิบัติที่นี้...
    ต่อมาในพรรษาที่ 13 ปี พ.ศ. 2519 ท่านได้จาริกธุดงค์ไปจำพรรษา
    2.png
    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
    ปรนนิบัติ และอยู่ปฎิบัติ กับ
    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ณ วัดป่าสานตม อ.ภูเรือ จ.เลย โดยหลวงพ่อขันตีท่านได้มีโอกาสอยู่อุปัฏฐากหลวงปู่ชอบ และได้รับอุบายธรรมกับหลวงปู่ชอบ เพื่อนำไปปฎิบัติ ซึ่งในช่วงนี้ เป็นช่วงที่หลวงปู่ชอบ ท่านมาสร้างวัดใหม่ชื่อว่าวัดป่าสานตม หลวงพ่อขันตีท่านกล่าวว่า"ในช่วงนี้ลำบากมาก เพราะที่นี้อากาศหนาวมาก หลวงปู่ชอบท่านก็ไม่ให้พระที่มาอยู่ด้วยก่อไฟผิง เพราะจะมีแต่มาสุมหัว พูดคุยกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่หลวงปู่ชอบจะให้พระเดินจงกรมแทน เพื่อเป็นการกระตุ้นธาตุไฟให้เกิดความอบอุ้นภายใน"
    ในพรรษาที่ 14-15 ประมาณปี พ.ศ. 2520-2521 ท่านได้ธุดงค์ไปจำ
    1e68337c4ca9d191dd06e19d888992b5.jpg พรรษา ณ วัดป่าแม่ริน(ห้วยน้ำริม) อ.แม่ริมจ.เชียงใหม่ และที่ อ.ปาย แม่ฮ่องสอน สถานที่แห่งนี้ทำให้จิตใจหลวงพ่อขันตี ได้มีโอกาสรละว่างความโกรธความพยาบาทลงได้ เพราะได้ตั้งใจทำความเพียรทั้งวันทั้งคืน ทำให้จิตสงบทำให้ได้เห็นอานิสงค์ ว่าคนที่ดุด่าว่ากล่าวตนล้วนแต่เป็นผู้มีพระคุณทั้งนั้น หลวงพ่อขันตีท่านกล่าวว่า"อยุ่ปฎิบัติที่นี้ ท่านก็ได้นำคำสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงปู่คำดีมา พิจารณาว่าหากใจยินดีในสุข ก็ต้องเป็นทุกข์ ทุกข์นี้ก็มีคุณมากเพราะจะทำให้เราเห็นโทษเห็นภัย และจะได้ตั้งใจให้ออกจากทุกข์ เร่งการบำเพ็ญให้มากเพื่อจะได้หนีจากทุกข์ เพราะถ้ามีแต่สุขจะไม่เห็นโทษแห่งทุกข์ที่มีอยู่เลย จะประมาทมัวเมาในชีวิต ไม่ตั้งใจบำเพ็ญภาวนา ก็ต้องตกเป็นธาตุของกิเลสตลอด แล้วก็ตายโดยไม่พบแสงสว่าง ตายโดยไม่ได้มรรค ไม่ได้ผลอะไรเพราะใจนั้นมืดบอด อยู่กับวัตถุข้าวของ เงินทอง ที่ไม่มีแก่นสารอะไร" นี้คือคำสอนของหลวงปู่คำดีที่สอนหลวงพ่อขันตี ให้ภาวนาตั้วใจบำเพ็ญเพียร อย่าอยากได้โน่น ได้นี้ ให้ตั้งใจปฎิบัติบูชาคุณพระพุทธเจ้า ไม่ต้องส่งจิตส่งใจออกไปภายนอก ทั้งคดีทั้งอนาคต ให้กำหนดรู้ปัจจุบันภายในจิตเท่านั้น วันเวลาล้วงไปล้วงไปบัดนี้เราทำอะไรอยู่ ถ้ามีสติธรรมก็จะเกิด ละทุกข์ได้ ให้ตั้งใจปฎิบัติตามคำสอน ไม่ใช่เอาแต่หลับนอนเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ สิ่งที่หน้ากลัวที่สุดคือกิเลสภายในใจเรานี้เอง...
    135-U1511924-635025692578317235-1.jpg หลวงปู่ขาว อนาลโย

    พรรษาที่ 16 ประมาณ พ.ศ.2522 หลวงพ่อขันตี ท่านก็ได้จาริธุดงค์ไปพักจำพรรษา ณ วัดถ้ำกลองเพล จ.อุดรธานี กับหลวงปู่ขาว อนาลโย เป็นเวลา 1 พรรษา ในหว่างอยู่จำพรรษากับหลวงปู่ขาวนี้ หลวงปู่ขาวท่านสอนหลวงพ่อขันตี ให้บำเพ็ญเพียร โดยการตั้งสัจจะ รักษาสัจจะ ในการบำเพ็ญภาวนา
    ช่วงพรรษาที่ 17 พ.ศ.2523 ท่านได้กลับไปจำพรรษาที่จังหวัดเลยอีกครั้ง ในช่วงพรรษาที่ 18 ราวปี 2524 ได้ธุดงค์ไปจำพรรษา ณ วัดอโศการาม จ.สมุทปราการ พอพรรษา 19-23 ใน พ.ศ.2525-2529 ท่านกลับมาจำพรรษาที่วัดห้วยเดื่อ อ.วังสะพุง จ.เลย ในช่วงพรรษาที่ 24 ท่านได้มาจำพรรษาวัดป่าบ้านบง อ.ภูเรือ จ.เลย ในปี พ.ศ.2530
    ช่วงพรรษาที่ 25-34 พ.ศ.2531-2540 ท่านก็ได้มาจำพรรษา ณ วัดป่าห้วยเดื่อ อ.วังสะพุง จ.เลย(วัดป่าสันติธรรม) ซึ่งในช่วง 10 ปีนี้ ท่านได้มีโอกาสแวะเวียนไปดูแล ปฎิบัติกับหลวงปู่ชอบ ที่วัดป่าโคมน อยู่เป็นประจำ จนถึงปี 2538 หลวงปู่ชอบท่านก็ละสังขาร ซึ่งหลวงพ่อขันตี ท่านก็อยู่ช่วยงานตั้งแต่แรก จนงานพระราชทานเพลิงแล้วเสร็จ
    222.jpg
    หลวงปู่ไชย สัญตุฏฐิโก
    ในปี 2529 หลวงปู่ไชย สัญตุฏฐิโก วัดป่าห้วยเดื่อ โยมบิดาของหลวงพ่อขันตี ญาณวโร(ที่มาบวช) ก็ละสังขารมรณะภาพ เมื่ออายุได้ 88 ปี 29 พรรษา ทำให้ท่านปรงอนิจจังการเกิด แก่ เจ็บ ตาย คนเราเกิดมาไม่มีอะไรมาด้วย ไปก็ไม่มีอะไรไปด้วย ทั้งหลายทั้งมวลเป็นอนิจจังจึงทำให้หลวงพ่อขันตี ออกภาวนาเร่งความเพียรเพิ่มมาขึ้น หลวงพ่อขันตีท่านกล่าวว่า "เพราะได้พิจารณาแล้ว อายุย้อมจะมีแต่ผ่านพ้นและหมดไป ไม่มีอะไรที่จะยังยืนมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีแต่เกิดมาแก่ เกิดมาเจ็บ เกิดมาตายด้วยกันหมดทั้งโลก ร่างกายก็เต็มไปด้วยของที่ไม่สะอาดมีประการต่างๆไม่ว่าจะ ผม ขน เล็บ ฟันหนังเนื้อ ที่มีเต็มอยู่ภายใน ไม่มีอะไรที่จะอยู่คงทนอยู่ได้ มีแต่เสือมโทรม ลงไปทุกขณะลมหายใจ ถ้าหมดลมปราณเมื่อใดก็ไม่มีอะไรเหลือ บางคนตอนมีชีวิตอยู่อวัยวะบางส่วนยังต้องเสียไป บางคนเป็นเบาหวาน ต้องตัดขา ตัดแขนไปก็มี หรือประสบอุบัติเหตุต้องสูญเสียอวัยวะบางแห่งไปก็มี แม้เรารักเราหวงแหนมากขนาดไหน ก็ไม่อาจรักษาคงทนอยู่กับเราได้ตลอดไป ควรเร่งความเพียรให้มาก อย่าไปวนเวียนเพียรเป็นคนมักมาก ความเสียใจจะตามมาในภายหลัง...."
    image1158_4.jpg
    พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ชอบ วัดป่าม่วงไข่

    ปัจจุบันหลวงพ่อขันตี ญาณวโร มาจำพรรษา ณ วัดป่าม่วงไข่ ตั้งแต่ ปี 2545 จวบจนปัจจุบัน ซึ่งที่วัดป่าม่วงไข่แห่งนี้ ท่านเคยมาอยู่พักภาวนาก่อนแล้วสมัยหลวงปู่ชอบ และหลวงปู่ชอบ ท่านก็ได้สร้างไว้ >>>>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชา ********บูชาที่ 305 บาทฟรีส่งems SAM_6211.JPG SAM_6902.JPG SAM_6906.JPG SAM_6904.JPG SAM_6905.JPG SAM_4062.JPG SAM_6705.JPG SAM_6706.JPG
     
  15. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 692 พระสมเด็จหินหยกพิมพ์เล็กหลวงปู่วิริยังค์ สิรินธโร พระอรหันต์เจ้าวัดธรรมมงคล เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร หลวงปู่เป็นศิษย์หลวงปู่มั่นยุคสุดท้าย องค์พระสร้างปี 2536 มาพร้อมกล่องเดิม >>>>>>>ประวัติโดยสังเขป พระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) เจ้าอาวาส วัดธรรมมงคล เกิดเมื่อวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๓ ในครอบครัวของนายสถานีรถไฟ
    ปากเพียว(สถานีสระบุรี ในปัจจุบัน) ท่านเป็นบุตรคนที่ ๕ ในจำนวนพี่น้อง ๗ คน ของท่านขุนเพ็ญภาษชนารมณ์ และนางมั่น บุญฑีย์กุล
    เริ่มต้นชีวิตในวัยเด็ก
    เนื่องด้วยท่านขุนเพ็ญภาษชนารมณ์ ผู้เป็นบิดา เข้ารับราชการเป็นนายสถานีรถไฟ จึงจำเป็นจะต้องโยกย้ายที่อยู่ไปประจำที่อื่นอยู่บ่อยครั้ง ครอบครัวก็ต้องย้ายติดตามไปด้วย เมื่อครั้งบิดาได้ย้ายมาประจำอยู่ ณ สถานีรถไฟบ้านใหม่สำโรง อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมานับว่าเป็นความโชคดีของครอบครัว บุณฑีย์กุล ที่ได้มาพบกับพระอาจารย์ ฝ่ายกรรมฐานรูปสำคัญ และท่านยังเป็นถึงศิษย์ของ “หลวงปู่มั่น ภูริทตฺตเถระ” อีกด้วย นั้นคือ “พระอาจารย์กงมา จิรปุญฺโญ” และด้วยบิดามารดาของด.ช.วิริยังค์ เป็นผู้มีความชอบในการทำบุญ เข้าวัดฟังธรรมอยู่อย่างสม่ำเสมอ ด.ช.วิริยังค์ จึงมีโอกาสได้ติดตามท่านทั้งสองไปวัดบ้าง แต่ก็ด้วยวัยที่ยังเด็กเกินไป ในขณะนั้นจึงทำให้ ยังไม่มีความสนใจในการปฏิบัติสมาธิเลยหากแต่ยังคงชอบเที่ยวเล่นสนุกไปตามประสาของเด็กทั่วๆ ไป ด.ช.วิริยังค์ เมื่ออายุได้ ๑๑ ขวบ ได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนวัดสุปัฏนาราม ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในขณะนั้นของจังหวัดอุบลราชธานี ที่ต้องมาเรียนที่นี่เพราะ บิดาได้รับคำสั่งให้ย้าย ไปปฏิบัติราชการณ สถานีรถไฟวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี และที่โรงเรียนวัดสุปัฏนารามนี่เอง ด.ช.วิริยังค์ ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย ทั้งกีฬา และการสมัครเป็นลูกเสือชาวบ้าน หรือแม้แต่กระทั่งเข้าโบสถ์ฟังธรรมในวันพระ แต่ด้วยความเป็นเด็กจึงไม่ได้ให้ความสนใจ ในการเข้าวัดฟังธรรมมากนัก พยายามที่จะหาวิธีหลีกเลี่ยงอยู่เป็นประจำเรียกว่า “พอหลบหนีได้ก็หลบหนีไป” กันเลยทีเดียว เมื่อ ด.ช.วิริยังค์ เรียนจบชั้นประถมศึกษาพอที่จะอ่านออกเขียนได้แล้ว บิดา มารดาก็ส่งให้ไปอยู่วัดกลาง (ปัจจุบันคือ วัดนารายณ์มหาราช) จังหวัดนครราชสีมา เพื่อฝากเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์ปลัดตา ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดกลางในขณะนั้น ณ วัดกลางแห่งนี้ ด.ช.วิริยังค์ มีความมุมานะในการเรียนบาลีไวยากรณ์ เป็นอย่างมาก แต่ด้วยกฎระเบียบที่เคร่งครัด และมักจะโดนเพื่อน ๆ เด็กวัดด้วยกันกลั่นแกล้งอยู่เสมอ ๆ ทำให้ ด.ช.วิริยังค์ เคยหนีออกจากวัดมาแล้ว แต่เมื่อย้อนกลับมานึก ถึงอาจารย์ปลัดตาที่ท่านรักและให้ความเมตตามาโดยเสมอทำให้ ด.ช.วิริยังค์ กลับตัวและพยายามทำดีตั้งหน้าตั้งตาเรียนบาลีไวยากรณ์กับท่านอย่างตั้งใจ สมาธิครั้งแรกกับการเปลี่ยนแปลงชีวิต
    หลังจากที่เด็กชายวิริยังค์ เล่าเรียนบาลีไวยากรณ์กับท่านอาจารย์ปลัดตา ณ วัดกลาง ได้สำเร็จแล้ว บิดาก็ได้มารับกลับไปอยู่ที่บ้าน ณ บ้านใหม่สำโรง อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมาเพื่อให้มาช่วยเหลืองานที่บ้าน จนในวันหนึ่งได้รับการร้องขอจาก น.ส.ขลิบ ซึ่งเป็นเพื่อนผู้หญิงในหมู่บ้านเดียวกันที่ ด.ช.วิริยังค์ มีความสนิทสนมอย่างมาก ให้ช่วยเป็นเพื่อนไปวัดป่าสว่างอารมณ์ เพราะต้องไปต่อมนต์กับพระอาจารย์กงมา จิรปุญฺโญ ทุกๆ คืน เช่นเดียวกับคนอื่นๆ แต่เนื่องจากวันนี้เพื่อนๆ ของเธอนั้นเสร็จธุระไปก่อน จึงได้ไปที่วัดกันหมดแล้ว น.ส.ขลิบ จึงขอให้ ด.ช.วิริยังค์ ช่วยเดินไปส่งที่วัดป่าสว่างอารมณ์ด้วยความที่ ด.ช.วิริยังค์ ยังไม่คุ้นเคยกับสำนักปฏิบัติธรรมกรรมฐาน จึงทำให้ไม่เข้าใจในขนบธรรมเนียมเมื่อเข้าไปถึงศาลาวัด ก็เข้าไปนั่งปะปนกับผู้หญิงที่กำลังนั่งต่อมนต์กัน พระอาจารย์กงมา จึงกล่าวว่า “วิริยังค์ นี่เธอทำไมไปนั่งข้างผู้หญิง เธอนั่งที่นั้น ต้องกราบก้นผู้หญิงมานั่งที่นั่งของผู้ชายทางนี้” ด้วยความตกใจที่จะต้องเข้าไปนั่งใกล้ พระอาจารย์เป็นครั้งแรก บวกกับการที่อยากจะกลับบ้านแต่ก็ไม่กล้ากลับ เพราะกลัวผี สร้างความลำบากใจ ทั้งรำคาญและหงุดหงิดให้แก่ ด.ช.วิริยังค์ เป็นอย่างยิ่ง ด.ช.วิริยังค์ จึงมานั่งรำพึงในใจว่า “เราจะไม่มาอีกแล้วๆๆ” นานเท่าไรไม่ทราบ ก็บังเกิดเหตุอัศจรรย์ใจ ปรากฎว่าจิตของ ด.ช.วิริยังค์ รวมสงบนิ่งลง พลันปรากฎมีอีกร่างหนึ่ง เดินออกจากร่างกายเดิม ลงจากศาลาเดินไปตามลานวัด และหยุดยืนอยู่ ณ บริเวณที่ปัจจุบันเป็นสถานที่สร้างอุโบสถ ปรากฎมีลมชนิดหนึ่งพัดโชยเข้ามาสู่ใจ ทำให้เกิดความสุข อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต ทันใดนั้นเอง ด.ช.วิริยังค์ ถึงกับอุทานออกมาว่า “คุณของพระพุทธศาสนายังปรากฎอยู่ถึงปัจจุบันนี้หรือ ?” จากนั้นจึงเดินกลับมายังศาลาที่นั่งอยู่ มองไปที่ร่างกายจึงนึกขึ้นว่า เราจะกลับเข้าร่างเดิมได้ยังไง ทันใดนั้นเองก็พลันรู้สึกตัวขึ้น ได้แต่นั่งรำพึงในใจว่า “อัศจรรย์ใจจริงๆ ทำไมถึงดีอย่างนี้ๆ” นับแต่นั้นเป็นต้นมา ด.ช.วิริยังค์ ก็ได้เปลี่ยนนิสัยเก่าโดยสิ้นเชิง เริ่มเข้าวัดฟังธรรม จำศีลสวดมนต์ภาวนาเรื่อยมานับแต่วันนั้น
    >>>>>>ตอนต่อสู้ในช่วงบวชเป็นสามเณร
    เมื่ออายุได้ ๑๔ ปี จากที่ ด.ช.วิริยังค์ ได้รับรสพระสัจธรรมอันเกิดจากสมาธิ และการสวมมนต์ภาวนา รักษาศีล ก็ยิ่งทำให้เชื่อมั่นในคุณของพระพุทธศาสนายิ่งขึ้นเพิ่มความศรัทธาในการที่จะออกบรรพชา เป็นสามเณรเป็นกำลัง หลังจากที่บิดามารดาได้อนุญาตแล้ว พระอาจารย์กงมา จิรปุญฺโญ จึงได้นำบวชเป็นชีปะขาว และนำไปบรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ ๑๖ ปี ณ วัดสุทธจินดา จังหวัดนครราชสีมา โดยมี พระธรรมฐิติญาณ เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ หลังจากบรรพชาแล้ว ส.ณ.วิริยังค์ ก็มาพักอยู่ที่วัดป่าสาลวันก่อน
    ซึ่งในขณะนั้นถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของการเผยแผ่การปฏิบัติธรรมกรรมฐาน โดยมี (พระญาณวิศิษฏ์สมิทธิวีราจารย์) พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม เป็นเจ้าอาวาส เพื่อความสะดวก ในการทำหนังสือสุทธิ จากนั้นจึงลาพระอุปัชฌาย์กลับไปวัดป่าสว่างอารมณ์ตามเดิม เมื่อย้ายกลับมาวัดป่าสาลวัน แล้ว ส.ณ.วิริยังค์ ก็ตั้งใจบำเพ็ญเพียรภาวนาอย่างเข้มงวดเป็นอย่างมาก โดยมี พระอาจารย์กงมา จิรปุญฺโญ ได้เมตตาอบรมสั่งสอนวิชากรรมฐาน ส่งผลให้การบำเพ็ญความเพียร ของสามเณรวิริยังค์ ได้พัฒนาขึ้นไปตามลำดับอย่างน่าพอใจ นับเป็นความโชคดีอีกครั้งหนึ่งของ สามเณรวิริยังค์ เนื่องจากพระอาจารย์กงมา มีกิจนิมนต์ไปกรุงเทพฯ แต่ด้วยความเป็นห่วงศิษย์ จึงนำสามเณรวิริยังค์ ไปฝากไว้กับ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ณ วัดป่าศรัทธารวม อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อฝึกปฏิบัติข้อวัตรต่าง ๆ รวมถึงการปฏิบัติด้านสมาธิให้พัฒนายิ่งขึ้น พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ได้ชื่อเป็นพระผู้มีพลังจิตแก่กล้า และที่สำคัญท่านก็ยังเป็นศิษย์ของ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺตเถระ อีกด้วย
    >>>>>>ตอนต่อสู้ในช่วงเป็นพระภิกษุ
    นับแต่บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ประพฤติธรรมฝึกปฏิบัติกรรมฐาน อุปัฏฐากรับใช้พระอาจารย์ อายุของสามเณร วิริยังค์ก็ร่วงเลยมาเหมาะสมแก่การอุปสมบทเป็นพระภิกษุ พระอาจารย์กงมา ท่านจึงเมตตาจัดเตรียมการอุปสมบทให้อย่างง่าย ๆ ณ วัดทรายงาม (อุทกสีมากลางทะเล) บ้านหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี โดยมี พระปัญญาพิศาลเถระ (หนู) เจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม กรุงเทพมหานคร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์กงมา จิรปุญฺโญ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาทองสุข สุจิตฺโต เป็นพระอนุสาวนาจารย์ อุปสมบทเป็นพระภิกษุได้ ๑ พรรษา มีความตั้งใจอย่างแรงกล้าอยากที่จะพบและศึกษาข้อวัตรปฏิบัติ การทำสมาธิจากพ่อแม่ครูอาจารย์ “หลวงปู่มั่น ภูริทตฺตเถระ” เป็นอย่างมาก จึงรบเร้าพระอาจารย์กงมา ให้เมตตาช่วยนำไปฝากให้ประพฤติปฏิบัติ กับหลวงปู่มั่น ภูริทตฺตเถระ ซึ่งในขณะนั้นท่านพำนักอยู่ ณ วัดบ้านโคก ตำบลตองโขบ อำเมือง จังหวัดสกลนคร แต่ในใจก็นึกกล้าๆ กลัวๆ เพราะได้ยินกิตติศัพท์ เล่าลือมาว่า
    ๑. ท่านอาจารย์มั่น รู้จักใจคน จะนึกจะคิดอะไรทราบหมด
    ๒. ท่านอาจารย์มั่น ท่านดุยิ่งกว่าใครๆ ทั้งสิ้น
    ๓. ท่านอาจารย์มั่น ท่านเทศนาในธรรมปฏิบัติยอดกว่าใคร ๆ ทั้งนั้น
    ๔. ท่านอาจารย์มั่น ท่านปฏิบัติตัวของท่านเป็นตัวอย่างแก่ศิษย์อย่างยอดเยี่ยมยอด
    ๕. ท่านอาจารย์มั่น ท่านจะต้องไล่พระที่อยู่กับท่านถ้าหากทำผิด แม้แต่ความผิดนั้นไม่มากแต่เป็นเหตุให้เสื่อมเสีย
    แต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจในการปฏิบัติสมาธิ ที่หวังจะให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดแก่ตนเองและผู้อื่น ดังที่ได้ตั้งปนิธานไว้แล้ว ความกลัวทั้งหลายก็ไม่อาจมาขวางกั้น ความมุ่งมั่นตั้งใจในการเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ ท่านผู้ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดแห่งยุค ในด้านการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน อย่างองค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺตเถระ ลงได้เลยประกอบกับนึกถึงคำพูดของพระอาจารย์กงมา ที่ได้เมตตากล่าวแก่ท่านว่า “วิริยังค์ หลวงปู่มั่นท่านเป็นปรมาจารย์ และเป็นอาจารย์ของเรา สมาธิทุกๆ ขั้นตอน ผมได้สอนท่านไปหมดแล้ว ต่อไปนี้ท่านจะได้เรียนสมาธิกับท่านปรมาจารย์ ท่านอย่าประมาท จงปฏิบัติหลวงปู่มั่นแบบถวายชีวิต ท่านจะได้ความรู้อย่างกว้างขวางยิ่งกว่าที่ผมสอนอีกมากนัก” พบพระอาจารย์ผู้เป็นเนื้อนาบุญอันยิ่งใหญ่
    ในที่สุดแล้วความปรารถนาของพระวิริยังค์ ก็สำเร็จผลดังตั้งใจ ณ วัดบ้านโคก ตำบลตองโขบ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร อันเป็นสถานที่มงคลที่ท่าน ได้พบกับ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺตเถระ มีโอกาสอยู่ศึกษาพระธรรมวินัย ข้อวัตร และการปฏิบัติสมาธิกรรมฐาน และในขณะเดียวกันก็ได้รับหน้าที่อันสุดประเสริฐของตัวท่านเอง คือ “การเป็นพระอุปัฏฐากรับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่มั่น ภูริทตฺตเถระ อยู่เป็นเวลาทั้งสิ้น ๔ ปี” ในช่วงเวลานี้เองที่ท่านได้มีโอกาสได้จดบันทึกคำสอนของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺตเถระ อันสุดแสนประเสริฐและเป็นที่รู้จักกันในปัจจุบันอย่างกว้างขวาง ในชื่อหนังสือ “มุตโตทัย”
    นอกจากการได้รับโอกาสให้เป็นพระอุปัฏฐากแล้ว พระวิริยังค์ยังได้รับโอกาสครั้งสำคัญสุดในชีวิตของท่านเอง นั้นคือ การได้ออกเดินธุดงค์ กับหลวงปู่มั่น ภูริทตฺตเถระ สองต่อสอง โดยมีจุดหมายปลายทางที่วัดเลียบ (วัดบูรพาราม) จังหวัดอุบลราชธานี อันจะเป็นสถานที่ถวายพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล พระมหาเถระผู้เป็นพระอาจารย์ของ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺตเถระ นั้นเองการเดินธุดงค์ร่วมกับหลวงปู่มั่นในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันสำคัญที่พระวิริยังค์ จะได้ปฏิบัติสมาธิให้พัฒนามากยิ่งขึ้น รวมถึงได้มีโอกาสเรียนถามปัญหาข้อธรรมและข้อปฏิบัติต่างๆ ทั้งตื้น ลึก หนา บาง ที่ได้นำมาสั่งสอนอบรมศิษย์ ทั้งพระภิกษุ สามเณร และฆราวาสจนถึงปัจจุบัน นับเป็นการธุดงค์ที่ล่ำค่าสุดจะประมาณนำมาพรรณนาความได้เลย

    นับเป็นเวลากว่า ๔ ปี ที่พระวิริยังค์ ได้อยู่อุปัฏฐากรับใช้ใกล้ชิด “หลวงปู่มั่น ภูริทตฺตเถระ” และที่เคยได้อุปัฏฐากรับใช้ “พระอาจารย์กงมา จิรปุญฺโญ” ผู้ที่ท่านนับถือว่าเป็น พระอาจารย์องค์แรก เป็นเวลา ๘ ปี รวมเป็นเวลากว่า ๑๒ ปี ท่านได้ใช้โอกาสที่ได้รับนี้ พยายามศึกษาพระธรรมวินัย ข้อวัตร และหลักการปฏิบัติสมาธิ ทั้งอย่างหยาบ อย่างละเอียด ตื้น ลึก หนา บาง จนเป็นที่แน่ใจแล้วในหลักการและแนวทางการปฏิบัติ จึงได้กราบลาพระอาจารย์แสวงหาความวิเวกส่วนตัวตามแต่โอกาสจะอำนวย แม้พระอาจารย์ก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เช่นกัน วิชาสมาธินี้ เป็นวิชาที่เลิศและประเสริฐโดยแท้ แต่หากจะรู้เพียงคนสองคนแม้เป็นสิ่งที่มีค่ามากเพียงใด ก็คงต้องหายไปจากโลกนี้ไปสักวัน เมื่อมานึกถึงสิ่งนี้หลวงพ่อวิริยังค์ ก็บังเกิดจิตเมตตาอยากที่จะเผยแผ่วิชาสมาธินี้ให้แก่ชาวโลก สมดังปณิธานที่มั่นคงตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ในระหว่างปี พ.ศ.๒๕๒๙ – พ.ศ. ๒๕๓๔ ท่านได้พัก ณ วิทยาลัยสงฆ์น้ำตกแม่กลาง (วัดเทพเจติยาจารย์ ในปัจจุบัน) อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้ท่านได้มีเวลาทบทวนหลักการต่าง ๆที่ได้เคยไตร่ถามอัตถปัญหาสมาธิ พร้อมทั้งคำแนะนำจากหลวงปู่มั่น ภูริทตฺตเถระ จึงได้เขียนเป็นตำราสมาธิขึ้นมา เรียกชื่อว่า “หลักสูตรครูสมาธิ” เป็นจำนวนทั้งสิ้น ๓ เล่ม โดยรวมหลักการปฏิบัติอันเป็นทฤษฎี นับตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน ขั้นกลาง และขั้นสูง ตามลำดับ อันแพร่หลายไปทั่วประเทศไทยแล้วกว่า ๑๑๐ สาขา ในปัจจุบัน (พ.ศ.๒๕๕๗) ภายใต้นาม “สถาบันพลังจิตตานุภาพ” และ ขยายไปยังต่างประเทศถึง ๘ สาขา ทั้งใน ประเทศแคนาดา และสหรัฐอเมริกา >>>>>>>( ......อนึ่งเกศาหลวงปู่ผมได้รับมอบจากพระที่เคยไปอยู่จำพรรษา 14 พรรษากับหลวงปู่ตั้งเเต่หลวงปู่ยุังไม่เเก่มากครับ มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชา *******บูชาที่ 305 บาทฟรีส่งems SAM_3243.JPG SAM_7087.JPG SAM_7096.JPG SAM_7091.JPG SAM_2209.JPG
     
  16. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    *******เช้าวันนี้ได้จัดส่งวัตถุมงคลให้เพื่อนสมาชิก 2 ท่าน เลขที่จัดส่งems ตามรูปใบฝอยครับ SAM_7086.JPG
     
  17. Roj_56

    Roj_56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    601
    ค่าพลัง:
    +1,486
    ขอบูชา รายการที่ 692 ครับ
     
  18. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    SAM_5375.JPG SAM_7099.JPG SAM_7100.JPG SAM_7102.JPG SAM_7105.JPG SAM_7106.JPG SAM_2767.JPG รายการที่ 693 เหรียญหล่อล้อเเม็กซ์พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน พระอรหันต์เจ้าวัดป่าบ้านตาด อ,เมือง จ,อุดรธานี เหรียญสร้างปี 2547 เนื้อโลหะผสมรมดำ สร้างเนื่องจากเป็นที่ระลึกฉลองวิหาร ณ วัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่(รุ่นนี้ออกจากวัดเจดีย์หลวงครับ) ชื่อรุ่นเศรษฐี มีตอก 2 โค๊ต โค๊ตอักษร บัว เเละโค๊ต รูปวิหาร ตรงหน้าเหมือนหลวงปู่เสาร์ กันตสีโลเเละหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระปรมาจารย์เเละพระบูรพาจารย์สายวัดป่าธรรมยุติ(.....ทันพระหลวงตาเเน่นอนครับ หลวงตาละสังขารปี 2554) มีพระเกศา,พระธาตุหลวงตามาบูชาเป็นมงคล ********บูชาที่ 485 บาทฟรีส่งes
     
  19. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 694 พระบูชารูปเหมือน 5 นิ้วหลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระอรหันต์เจ้าวัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย หลวงปู่ชอบเป็นศิษย์ผู้ใหญ่หลวงปู่มั่น องค์พระบูชาสร้างปี 2537 เนื้อโลหะ มีตอกโค๊ตตัวเลข ๕ บนบ่าข้างขวา มีพระเกศาเเละพระธาตุหลวงปู่ชอบมาบูชาด้วยครับ ******บูชาที่ 2,800 บาทฟรีส่งems(>>>>>>>อนึ่ง......รายการนี้มีเเถมมอบหนังสือชาติสุดท้ายของพระหลวงตามหาบัว มาอ่านเป็นมงคลเเก่ตัวเองครับ กระดาษอาทษ์ 4 สีหน้าหนา 150 หน้า(ผมบูชามาก็เล่ม 300 บาทเเล้วครับ) SAM_7071.JPG SAM_5150.JPG SAM_5151.JPG SAM_5152.JPG SAM_5154.JPG SAM_5155.JPG SAM_5156.JPG SAM_5157.JPG SAM_5159.JPG SAM_5158.JPG SAM_5160.JPG SAM_5162.JPG SAM_5602.JPG SAM_5603.JPG SAM_5604.JPG SAM_5606.JPG SAM_5605.JPG SAM_5607.JPG SAM_5609.JPG SAM_5608.JPG SAM_5610.JPG SAM_5611.JPG SAM_5612.JPG SAM_1965.JPG
     
  20. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    *****สมาชิกที่สนใจ โอนเข้าบัญชีธนาคาร กรุงเทพ สาขาบ้านเเพง เลขบัญชีที่ 496-055842-9,ธนาคาร กรุงไทย สาขาบิ๊กซี ลำพูน เลขบัญชี 854-0-31280-8,ธนาคาร กสิกรไทย สาขาเสนา เลขที่บัญชี 016-3-45911-6, ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเสนา เลขที่บัญชี 770-270878-6 ขอขอบคุณครับ
     
  21. Peterbn

    Peterbn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2018
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +280
    จองครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...