มีวัตถุมงคลสายพระป่ากรรมฐานให้บูชาราคาเบาๆ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Somchai 2510, 8 กันยายน 2019.

  1. Khun Kriang

    Khun Kriang สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2019
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +4
    จองครับ
     
  2. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 666 ล็อกเก็ตฉากฟ้ารุ่นปลอดภัยครอบจักรวาลหลวงปู่สอ พันธุโล พระอรหันต์เจ้าวัดป่าหนองเเสง อ.เมือง จ.ยโสธร หลวงปู่สอ ท่านเป็นพระที่มีอุปนิสัยเด็ดเดี่ยวอาจหาญมากๆท่านปฏิบัติจริงชนิดยอมตายได้ถ้าไม่บรรลุธรรม และสิ่งที่เป็นสิ่งที่เป็นบุญวาสนาที่หลวงปู่สอมีไว้ได้แก่ " องค์หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ " ที่เป็นพระที่ได้จากสมาธิและเป็นพระที่เป็นคุณอันวิเศษอย่างยิ่งและเป็นที่พึ่งของคนไทยทั้งประเทศ ( โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงโปรดให้หล่อหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ขนาด 99 " ไว้ในทุกๆเขื่อนของประเทศ
    ในส่วนภูมิธรรมของหลวงปู่สอ ท่านหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโณท่านได้กล่าวไว้ว่า " ท่านหลวงปู่สอ พัลธุโล ท่านเป็นพระที่บริสุทธิแล้วและท่านไม่เกิดอีกแล้ว " และที่พิเศษก็คือ เกสา และเล็บของหลวงปู่สอ ท่านแปรเป็นพระธาตุแม้ชีวิตท่านยังไม่สิ้นเลยก็ตาม ล็อกเก็ตสร้างปี 2550 สร้างเนื่ององค์หลวงปู่อายุครบ 86 ปี ด้านหลังล็อกเก็ตฝังตะกรุด 1 ดอก,ฝ้ายเจ็ดสี,เกศาหลวงปู่ มาพร้อมพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคล>>>>>>บูชาที่ 505 บาทฟรีส่งems (>>>>หมายเหตุ.....หลวงปู่สอก็เป็นพระอีกองค์ี่ผมเคยไปนวดรับใช้ท่านมาเเล้วครับ) SAM_1040.JPG SAM_6896.JPG SAM_6897.JPG SAM_3936.JPG SAM_6884.JPG SAM_6885.JPG
     
  3. surasakkarun

    surasakkarun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    265
    ค่าพลัง:
    +136
    โอนทุกรายการ ที่อยู่ตามpmครับ
     
  4. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 667 พระผงศิลา 9 มงคลหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ พระอรหันต์เจ้าวัดอรัญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย หลวงปู่เป็นศิษย์หลวงปู่มั่นยุคกลาง มวลสารของพระรุ่นนี้เป็นมวลสารมงคลระดับสูง เต็มด้วยคุณค่าและความศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระสมเด็จ 9 มงคลมวลสารที่ใช้สร้างพระชุด9มงคลทั้งหมดล้วนคัดสรรมาอย่างดีอันประกอบด้วย
    เส้นเกศา 9 พระสุปฏิปันโน
    อันประกอบด้วย เส้นเกศา 1, หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ ,2 เส้นเกศาหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ,3 เส้นเกศาหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม,4 ,เส้นเกศาหลวงปู่ชอบ ฐานสโม,5 เส้นเกศาหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี,6 เส้นเกศาหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ,7, เส้นเกศาหลวงปู่สิม พุทธาจาโร, 8, เส้นเกศาหลวงปู่พระอาจารย์วัน อุตตโม, 9, เส้นเกศาหลวงพ่อพุธ ฐานิโย

    9 มงคลพิเศษ
    1) ผงอังคาร ๕ คณาจารย์อันประกอบด้วย 1, ผงอังคารครูบาพรหมจักรสังวร วัดพระพุทธบาทตากผ้า จ.ลำพูน, 2, ผงอังคารหลวงปู่สิม พุทธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่ ,3, ผงอังคารหลวงปู่หลุย จันทสาโร วัดถ้ำผาบิ้ง จ.เลย, 4 ,ผงอังคารหลวงปู่สาม อภิญจโน วัดป่าไตรวิเวก จ.สุรินทร์ ,ผงอังคารหลวงปู่บัวพา วัดป่าพระสถิต จ.หนองคาย, 5 ,ผงอังคารหลวงปู่สิงห์ทอง วัดป่าแก้วชุมพล จ.สกลนคร,
    2) แร่ ทรายทองคำ, พลอยบดหลายชนิด, อาทิ นิล ไพลิน โกเมน ฯลฯ
    3) ผงพระกรุต่างๆผงเก่าพระธาตุหริภุญไชย,ดินสังเวชนีสถานในอินเดีย
    4) เเร่ไหลดำจากประเทศลาว
    5) ผงเกสร9ชนิด
    6) ผงว่านสาวหลง
    7)โกเมนบด ,ไพลินบด
    8)นิลบด
    9) ผงมะพร้าวนรเก มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ >>>>>>บูชาที่ 375บาทฟรีส่งems >>>>>หมายเหตุ .....องค์พระจะระยิบระยับด้วยทรายคำทั้งหน้าหลังครับองค์นี้เลี่ยมวินเทจกันนํ้าอย่างดีครับ SAM_0687.JPG SAM_6908.JPG SAM_6909.JPG SAM_6910.JPG SAM_6912.JPG SAM_6911.JPG SAM_1986.JPG
     
  5. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    *****รับทราบครับผม ขอบคุณครับ
     
  6. สักการะ

    สักการะ ชิวิตดั่งอาทิตย์อัศดง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,920
    ค่าพลัง:
    +5,739
    จอง 667 ครับ
     
  7. surasakkarun

    surasakkarun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    265
    ค่าพลัง:
    +136
  8. สักการะ

    สักการะ ชิวิตดั่งอาทิตย์อัศดง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,920
    ค่าพลัง:
    +5,739
    3 รายการ โอนแล้วครับ วันนี้ เวลา 14.18pm จำนวน 1185บาท ผ่าน KTB ครับ
    จัดส่งที่อยู่เดิมครับ
    ขอบคุณครับ
     
  9. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 668 พระกริ่งรุ่นแรก “สีลวุฒฺโฑ” หลวงปู่เสรี สีลวุฑโฒ พระอรหันต์เจ้าวัดบูรพาราม บ้านกกค้อ ต.นากลาง อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู
    พระกริ่งสีลวุฒโฑ ได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกถึง 9 ครั้ง
    1.โดยหลวงพ่อทบ วัดช้างเผือก เพชรบูรณ์ 3 กค 2547
    2.โดยหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ 23 กค 2547
    3.โดยหลวงพ่อคง วัดเขาตะกร้อ จ.นครราชสีมา 23 กค 2547
    4.โดยหลวงพ่อจิตร จิตตปญโญ วัดป่าเทพาวัน จ.นครราชสีมา 23 กค 2547
    5. โดยพระราชปริยัติเมธี วัดหนองแวงอารามหลวง จ.ขอนแก่น 24 กค 2547
    6. โดยเจ้าคุณพระเทพวรคุณ วัดป่าแสงอรุณ จ.ขอนแก่น 24 กค 2547
    7.โดยหลวงปู่เสรี วัดบูรพาราม ในพรรษาตลอด 3 เดือน
    8.โดยหลวงตาพวง สุขินทริโย วัดศรีธรรมาราม และหลวงปู่สรวง สิริปุญโญ วัดศรีฐาน จ.ยโสธร 16 ตค 2547
    9.พิธีใหญ่ วัดบูราพาราม 20 พย 2547 หลวงปู่หลอด ปโมทิโต จุดเทียนชัย
    พระที่ร่วมในพิธี 9 รูป 1. พระราชวรมุนี 2. พระราชสุเมธี 3. ลป จันทร์โสม กิตติกาโร 4.ลป สาย เขมธัมโม 5.หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ
    6.หลวงพ่อคำแปลง ปุณณชิ 7.พระครูโกวิทสังฑการ 8.หลวงพ่อขันตี ญาณวโธ 9.พระอาจารย์ไสว วัดถ้ำผาปิ้ง

    normal_-cb-c5-c7-a7-bb-d9-e8-e0-ca-c3-d5-20-ca-d5-c5-c7-d8-b2-e2-b1-203-jpg.jpg
    "พระครูอดุลย์ธรรมประสาธน์" หรือ "หลวงปู่เสรี สีลวุฑโฒ" พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองหนองบัวลำภู ที่มีอายุยืนยาวเกือบร้อยปี อุทิศชีวิตในการสืบทอดพระพุทธศาสนา
    ท่านได้ปฏิบัติธรรมบำเพ็ญภาวนาตลอดจนอายุขัย ตราบจนวันสุดท้าย
    มีนามเดิมว่า เสรี เวียงแจ เกิดเมื่อวันที่ 12 พ.ย.2453 ที่ ต.หัวนา อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี
    เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 12 พ.ค.2473 ที่วัดสระธาตุ ต.บ้านพร้าว อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี มีพระเทพ วิสุทธาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์มี วิสุทโธ เป็นพระกรรมวาจา จารย์ และพระอาจารย์เฉื่อย ขันติโก เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ได้รับฉายาว่า สีลวุฑโฒ แปลว่า ผู้เจริญด้วยศีล
    ท่านเป็นคนหมู่บ้านเดียวกับพระครูปราโมทย์ธรรมธาดา หรือหลวงปู่หลอด ปโมทิโต เจ้าอาวาสวัดสิริกมลาวาส (วัดใหม่เสนานิคม) กรุงเทพฯ โดยบวชจำพรรษาเริ่มแรกที่วัดเดียวกัน
    ในสมัยก่อนนั้น หลวงปู่เสรีฯ บวชเป็นพระ หลวงปู่หลอดฯ บวชเป็นเณร ก่อนจะแยกย้ายตามทางธรรมของแต่ละรูป ซึ่งยังมีการเดินทางไปมาหาสู่กันเป็นประจำ
    ท่านได้ออกธุดงควัตรไปทั่วประเทศพบและสนทนาธรรมกับพระเกจิอาจารย์สายวิปัสสนากัมมัฏฐาน ทั้งหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต, หลวงปู่ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่ขาว อนาลโย จนตั้งมั่นที่จะอยู่ในเพศบรรพชิตเพื่อศึกษาธรรม องค์พระกริ่งสร้างปี 2547 เนื้อนวะโลหะ มาพร้อมกล่องเดิม มีตอกโค๊ต ส ใต้องค์พระ >>>>>>มีพระเกศารวมอรหันต์มาให้บูชาเป็นมงคลด้วยครับ********บูชาที่ 605 บาทฟรีส่งems SAM_6916.JPG SAM_6917.JPG SAM_6918.JPG SAM_6919.JPG SAM_6920.JPG SAM_6913.JPG SAM_6914.JPG SAM_6915.JPG SAM_2408.JPG normal_-cb-c5-c7-a7-bb-d9-e8-e0-ca-c3-d5-20-ca-d5-c5-c7-d8-b2-e2-b1-203-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2020
  10. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    >>>>เช้านี้ได้จัดส่งวัตถุมงคลให้เพื่อนสมาชิก 1 ท่านครับเลขที่ ems ตามใบฝอยครับ SAM_6921.JPG
     
  11. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 669 พระกริ่งดักเเด้หลวงปู่วิริยัง สิริธโร พระอรหันต์เจ้าวัดธรรมมงคล เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร หลวงปู่วิริยังเป็นศิษย์รุ่นสุดท้ายหลวงปู่มั่น พระกริ่งสร้างปี 2535 ชื่อรุ่น พิเศษ 72 มีตอกโค๊ตหลุม หลังองค์พระ มาพร้อมกล่องเดิม มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วยครับ >>>>>บูชาที่ 345 บาทฟรีส่งems >>>>อนึ่ง.....หมายเหตุ .....พระเกศาหลวงปู่ผมได้มาจากลูกศิษย์ท่านที่เคยไปอยู่จำพรรษากับหลวงปู่ตั้ง 14 พรรษาสมัยที่หลวงปู่ยังไม่เเก่มากนักครับผม SAM_3243.JPG SAM_6929.JPG SAM_6935.JPG SAM_6933.JPG SAM_6934.JPG SAM_1854.JPG
     
  12. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 670 เหรียญกลม หลวงปู่จาม มหาปุญโญ พระโพธิสัตว์โตวัดป่าวิเวกพัฒนาราม จ.มุกดาหาร หลังพระเจดีย์บู่ สร้างประมาณปี 2556 ลูกศิษย์ดี.เอส.ไอ สร้างถวาย เนื้อทองแดง สวยๆ หายาก

    intnxxyoetgs7tcfcuyb0kppmtyfrwz-u-vbwzjva4tzxhijcfg9rue2wxjnrkzjvkxhoorcqmfafpwhvg-cs9eiodhw-jpg.jpg


    หลวงปู่จาม มหาปุญโญ เกิดในสกุล ผิวขำ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 พ.ค. 2453 ตรงกับวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ ที่บ้านห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร บิดา-มารดา ชื่อ นายกา และนางมะแง้ ผิวขำ ครอบครัวมีพี่น้องร่วมอุทรรวม 9 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 3
    เมื่อวัยเยาว์ อายุได้ 6 ขวบ พ่อแม่พาไปกราบหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์สายพระป่า ซึ่งได้มาจำพรรษาอยู่ใกล้บ้านที่ภูผากูด คำชะอี
    กระทั่งอายุได้ 16 ปี โยมพ่อแม่ได้พาไปถวายตัวกับหลวงปู่มั่น ที่ จ.อุบลราชธานี ให้นุ่งขาวห่มขาวเป็นเวลา 9 เดือน
    ปีถัดมา เข้าพิธีบรรพชา อยู่รับใช้ หลวงปู่มั่น ที่บ้านหนองขอน อ.บุ่ง จ.อุบลราชธานี ได้มีโอกาสรับใช้ใกล้ชิดครูบาอาจารย์หลายท่าน อาทิ หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ, หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ, หลวงพ่อลี ธัมมธโร, หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม เป็นต้น
    แต่ผ่านไปได้เพียง 2 ปี จำต้องลาสิกขาออกมา เพื่อรักษาโรคเหน็บชา อันเนื่องมาแต่ตกบันไดกุฏิ และการประกอบความเพียรมากเกินไป เช่น นั่งภาวนาในน้ำ ถือไม่นอน และฉันน้อย เป็นต้น ทำให้ต้องหันกลับไปใช้ชีวิตเป็นฆราวาส ประกอบอาชีพทำไร่ ทำนา ค้าขาย
    เมื่ออายุได้ 27 ปี พ่อกา (โยมพ่อ) ได้บวชเป็นพระภิกษุ (ใช้ชีวิตอีก 6 ปี ก็มรณภาพ) ส่วนแม่มะแง้ (โยมแม่) ได้บวชชี (ใช้ชีวิตอีก 36 ปี จนถึงแก่กรรม) ก่อนที่จะไปกราบไหว้พระธาตุพนม จ.นครพนม เพื่ออธิษฐานขอบวชในพระพุทธศาสนา
    เมื่ออายุได้ 29 เต็มปีบริบูรณ์ จึงได้อุปสมบท เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2482 ที่วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมี พระเทพกวี (จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์
    หลังอุปสมบท ท่านออกธุดงค์ไปทางภาคเหนือ ได้จำพรรษาสังกัดวัดเจดีย์หลวง ถึง 32 พรรษา โดยอยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวง ปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
    อีกทั้ง ยังเคยออกธุดงค์หาประสบการณ์ในเขตภาคอีสาน เคยปฏิบัติธรรมร่วมกับเกจิอาจารย์หลายรูป อาทิ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ จ.เลย, หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู, หลวงพ่อลี ธัมมธโร วัดอโศการาม จ.สมุทร ปราการ, หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม วัดป่าบ้านข่า จ.นครพนม เป็นต้น
    พ.ศ.2521 เดินธุดงค์กลับมาทางภาคอีสานและเดินธุดงค์มายังบ้านเกิด คือ บ้านห้วยทราย อ.คำชะอี และจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าวิเวกวัฒนาราม
    ชาวบ้านและคณะศิษยานุศิษย์ นิมนต์ให้ท่านจำพรรษาปักกลดที่วัดป่าวิเวกวัฒนาราม และพัฒนาให้เป็นที่พำนักนั่งวิปัสสนากรรมฐานเผยแผ่พระธรรมปรมัตถ์แผ่เมตตาให้แก่ชาวบ้านในละแวกนั้นตลอดจนปัจจุบัน
    ส่วนผลงานที่เป็นรูปธรรมอันทรงคุณค่านั้น หลวงปู่จามได้สร้างไว้เป็นที่ประจักษ์ชัดมากมาย อาทิ สร้างพระเจดีย์ทรงจุฬามณีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และสร้างกุฏิเสาเดียว จำนวน 11 หลัง รวมทั้งสร้างศาลาการเปรียญ และหอฉันสำหรับไว้เทศนาญาติโยมในวันสำคัญต่างๆ
    ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2553 ชาวจังหวัดมุกดาหารพร้อมใจจัดทำโครงการก่อสร้างพระพุทธรูปเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา ซึ่งเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ปางมารวิชัยก่ออิฐถือปูนสีขาว ขนาดหน้าตักกว้าง 39.99 เมตร องค์พระสูง 59.55 เมตร ความสูงจากเศียรพระ 84 เมตร ประดิษฐาน ณ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ ต.นาสีนวน อ.เมือง จ.มุกดาหาร
    ซึ่งเป็นโอกาสเดียวกับที่หลวงปู่จาม มีอายุครบ 100 ปี หลวงปู่จามพร้อมด้วย พระธัมมธโร หรือ ครูบาแจ๋ว รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าวิเวกวัฒนาราม เมตตาอนุญาตให้จัดสร้างเหรียญที่ระลึก 100 ปี หลวงปู่จาม มหาปุญโญ เพื่อหารายได้สมทบทุนสร้างพระพุทธรูปเฉลิมพระ เกียรติ พร้อมกับเป็นที่ระลึกในโอกาสดังกล่าว
    นายอาชว์ ตั้งประกิจ นายกสมาคมส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดมุกดาหาร ผู้ริเริ่มในการจัดสร้างเหรียญที่ระลึก 100 ปีหลวงปู่จาม กล่าวว่าเนื่องจากหลวงปู่จามไม่นิยมสร้างวัตถุมงคล จึงอนุญาตให้ใช้รูป หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล พิมพ์ไว้ด้านหน้าของเหรียญดังกล่าว ทั้งนี้ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล เป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่จาม บูรพาจารย์ผู้บุกเบิกการเดินธุดงค์และวิปัสสนากรรมฐาน ในภาคอีสาน ส่วนด้านหลังเหรียญ พิมพ์รูปเจดีย์บู่ทองกิตติ ซึ่งเป็นเจดีย์ทรงจุฬามณี บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐาน ณ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม
    ลักษณะเหรียญที่ระลึก 100 ปีหลวงปู่จาม เป็นรูปใบสาเกจัดสร้างเป็นเนื้อทองคำ เงิน ทองแดง และนวโลหะ โดยหลวงปู่จามเมตตาอธิษฐานจิตเหรียญที่จัดสร้างก่อนเข้าพิธีพุทธาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่ โดยพระเกจิอาจารย์ชื่อดังสองฝั่งโขง ทั้งไทยและลาว เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2553 ณ มณฑลพิธี หน้าศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร
    >>>>หลวงปู่จามมรณภาพอย่างสงบด้วยโรคปอดติดเชื้อ สิริอายุ 104 พรรษา 75 ขณะนำตัวส่งโรงพยาบาลมุกดาหาร เมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 ม.ค. 2556 >>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคลด้วยครับ ......****** บูชาที่ 385 บาทฟรีส่งems SAM_0396.JPG SAM_6950.JPG SAM_6957.JPG SAM_1885.JPG
     
  13. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 671 เหรียญ 99 ปีหลวงปู่บุญฤทธ์ ปัณฑิโต พระอรหันต์เจ้าวัดสวนทิพย์ อ,ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลวงปู่บุญฤทธิ์เป็นศิษย์หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ เหรียญสร้างปี 2556 เนื้ออัลปาก้า สร้างเนื่ององค์หลวงปู่อายุครบ 99 พรรษา มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาเป็นมงคล >>>>>>บูชาที่ 345 บาฟรีส่งems SAM_6949.JPG SAM_6958.JPG SAM_1439.JPG 1F45422A911349F7997909E5B63C020B_1000.jpg
     
  14. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 672 barsnnog1xcnv3wytxq8lrqdlfswm-qz2b0f0cxwebs_awr_go2hji6ul8xtbh70brwxg9xkolpspywoxipv_vdq4sga-jpg.jpg พระกริ่งสุเมโธรุ่นคูณเเสนล้านหลวงปู่คูณ สุเมโธ พระอรหันต์เจ้าวัดป่าภูทอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี หลวงปู่คูณเป็นศิษย์หลวงปู่สิงห์อง ธัมมวโร วัดป่าเเก้วชุมพล สร้างปี 2555 เนื้อสัมฤทธิ์ พระกริ่งรุ่นนี้สร้างดีพิธีใหญ่ มีพ่อเเม่ครูอาจารย์มาทรงประกอบพิธีพุทธาภิเษก พระคณาจารย์นั่งปรกพระกริ่งสุเมโธ ๖ รูปดังนี้
    หลวงปู่สิงห์ทอง ปภากโร วัดป่าสุนทราราม จ.ยโสธร
    หลวงปู่สมภาร ปัญญาวโร วัดป่วิเวกพัฒนาราม จ. หนองคาย
    หลวงปู่อดม ญาณรโต วัดป่าสถิตย์ธรรมวนาราม จ.หนองคาย
    หลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
    หลวงปู่ทองพูล สิริกาโม วัดสามัคคีอุปถัมภ์ จ.หนองคาย
    หลวงปู่หนูเพชร ปัญญาวุโธ วัดป่าภูมิพิทักษ์ จ.สกลนคร
    อนึ่ง........วัดป่าภูทอง เป็นวัดป่าสายปฏิบัติธรรม ที่หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร สร้างขึ้นเมื่อปี 2519 ตามปฏิปทาของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติอบรมจิตภาวนาแก่พุทธศาสนิกชน ในอดีตเคยเป็นที่ปฏิบัติธรรมของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต,หลวงปู่แหวน สุจิณโณ และหลวงปู่ขาว อนาลโย
    โอกาสนี้ ทรงประกอบพิธีพุทธาภิเษกพระกริ่งสุเมโธ ที่คณะสงฆ์ พร้อมคณะศิษยานุศิษย์จัดสร้างขึ้น เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 ตลอดจนเป็นอนุสรณ์ในโอกาสที่ พระครูวิมลภาวนาคุณ เจ้าอาวาสวัด อายุครบ 69 ปี และเพื่อหารายได้สมทบทุนการบูรณะเสนาสนะที่ทรุดโทรม
    พระกริ่งหลวงปู่คูณ สุเมโธรุ่นแรก วัดป่าภูทอง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ถือว่าเป็นมงคลมากๆ ครับ พิธีใหญ่มากมีพระเกจิสายกรรมฐานมากมายร่วมพุทธาภิเษกใหญ่ ณ วัดป่าภูทอง เช่น หลวงปู่ท่อน หลวงพ่อขันตี หลวงปู่เคน หลวงพ่อเจริญ เป็นต้นครับ พิธีเททอง 30 กันยายน 2555 และพิธีพุทธาพิเษกใหญ่ 28 ตุลาคม 2555 ที่วัดป่าภูทองครับ โดยในวันนั้นพระองค์เจ้าโสมสาวรีฯเสร็จมาเป็นองค์ประธานครับ
    ผ่านพิธีเททองโดยหลวงปู่เป็นองค์ประธานในวันที่ 30 กันยายน 2555 และพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ในวันที่ 28 ตุลาคม 2555
    ถ้าเอ่ยชื่อหลวงพ่อคูณ สุเมโธ เกือบทุกคนส่ายหน้าไม่รู้จัก แต่ในสายกรรมฐานเขาตามกราบกันมานานแล้วครับ ประวัติท่านเลือนลางนักทราบเพียงแต่ท่านพรรษาเท่ากับท่านพ่อเมือง เป็นสหธรรมิก ที่สนิทกันมาก เห็นท่านว่าเคยเกิดเป็นหมู่ (เพื่อน) กันมาหลายชาติแล้ว หลวงพ่อคูณท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร และหลวงพ่อสิงห์ทอง ธัมวโร วัดป่าแก้ว ซึ่งทราบว่าตอนที่มาอยู่กับหลวงพ่อสิงห์ทองที่วัดป่าแก้วเป็นช่วงที่กามราคะกำเริบหนัก และที่นี้เองหลวงพ่อสิงห์ทองใช้ความสามารถในการ รู้ใจ ช่วยให้หลวงพ่อคูณเป็นหลวงพ่ออยู่จนทุกวันนี้ หลวงพ่อจึงมักพูดเสมอว่า เรามาได้ธรรมกับท่านอาจารย์สิงห์ทอง
    ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อหลวงพ่อคูณ สุเมโธ ได้ยินมาจากลูกศิษย์หลวงปู่หลอดว่า มีวันหนึ่งช่วงหลวงปู่หลอดไปอยู่วัดสาขาที่หนองบัวลำภู (จำชื่อวัดไม่ได้) มีครอบครัวหนึ่งเข้าไปกราบหลวงปู่หลอด หลวงปู่จึงบอกกับลูกเขาซึ่งยังเป็นเด็กอยู่ว่าเอานั่นไปกราบพระองค์นั้นด้วย พร้อมกับชี้ไปที่หลวงพ่อคูณ สุเมโธ พอเด็กกราบเสร็จหลวงปู่จึงพูดขึ้นมาว่า เอ่อเด็กนี้มีบุญได้กราบพระอรหันต์ด้วย มีผงอังคารธาตุหลวงปู่เเละพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วยครับ >>>>>มาพร้อมกล่องเดิม มียิงเลเซอร์โค๊ตตัวเลข 1201 ใต้องค์พระ ******บูชาที่ ุ685 บาทฟรีส่งems(หายากครับไม่ค่อยพบเจอ) ......อนึ่ง......หมายเหตุหลวงปู่คูณท่านก็เป็นอีกองค์หนึ่งที่ผมเจอบ่อยๆเเละได้กราบถวายรับใช้นวดอุปฐากด้วยครับ ท่านเป็นพระอรหันต์ี่มีพลังจิตสูงมากองค์หนึ่งในสายหลวงปู่มั่นครับ(ในวงของพระป่าที่เล่าขานกันครับ) SAM_6936.JPG SAM_6937.JPG SAM_6938.JPG SAM_6939.JPG SAM_6959.JPG SAM_2008.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2020
  15. Khun Kriang

    Khun Kriang สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2019
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +4
    จองครับ
     
  16. Khun Kriang

    Khun Kriang สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2019
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +4
    จองครับ
     
  17. แปดเหลี่ยม

    แปดเหลี่ยม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2013
    โพสต์:
    831
    ค่าพลัง:
    +559
  18. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125

    รายการที่ 673 เหรียญเศรษฐีหลวงปู่แก้ว สุจิณฺโณ พระอรหันต์เจ้าวัดถ้ำเจ้าผู้ข้า อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ท่านเป็นศิษย์ในองค์หลวงปู่หลุย จันทสาโร วัดถํ้าผาบิ้ง ,หลวงปู่เเบน ธนากโร วัดดอยธรรมเจดีย์ เหรียญสร้างปี 2556 เนื้ออัลปาก้า สร้างเนื่องเป็นที่ระลึกสร้างโบสถ์วัดถํ้าเจ้าผู้ข้า มีตอกโค๊ตตัวเลข อ 122 เเละโค๊ตรูป โบสถ์ หลังเหรียญ,
    >>>>>"คติธรรมของหลวงปู่เเก้ว.. ถ้าอยากจะชำระก็ขอให้ชำระกิเลสตัณหาที่มีอยู่ในใจของเรา อย่าไปชำระบาป บาปนั้นชำระไม่ได้ ถ้าไม่อยากจะรับผลของบาป ก็อย่าไปทำเสียตั้งแต่วันนี้ .." โอวาทธรรมหลวงปู่แก้ว สุจิณโณ
    >>>#อัตโนประวัติหลวงปู่แก้ว_สุจิณฺโณ
    ท่านมีนามเดิมว่า "ทองแก้ว ฮ่มป่า" เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ.๒๔๘๖ ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะแม ณ บ้านห้วยหีบ ต.ตองโขบ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายจันทร์ และนางวงศ์ ฮ่มป่า
    ในช่วงวัยเยาว์ หลังจากที่ได้เรียนจบภาคบังคับในหมู่บ้านแล้วออกมาช่วยพ่อแม่ทำนา ทำสวน ทำไร่ เหมือนชาวชนบทภาคอีสานทั่วไป
    เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ หลังจากที่ผ่านการคัดเลือกเกณฑ์ทหารแล้ว จึงได้คิดอุปสมบทเพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่ อย่างไรก็ดี ท่านยังหาโอกาสเหมาะสมมิได้ เนื่องจากติดขัดที่ฐานะทางบ้านต้องช่วยเหลือครอบครัว แต่จิตใจก็ยังคิดใฝ่หาที่จะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ตลอดเวลา
    กระทั่งอายุได้ ๒๕ ปีพอดี โยมพ่อแม่จึงได้ให้นายทองแก้วเข้าไปบวชเป็นตาผ้าขาวอยู่กับหลวงพ่อแบน ธนากโร ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ เพื่อให้ทราบถึงข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ เกี่ยวกับพระภิกษุ ซึ่งผู้ที่จะบวชเป็นพระภิกษุหรือสามเณรนั้นในวัดพระกัมมัฏฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต จะให้บวชเป็นตาผ้าขาวก่อน เพื่อให้หัดท่องคำขานนาค ท่องบทสวดมนต์ และให้ทราบถึงข้อวัตรปฏิบัติ
    รวมทั้งอยู่ดูนิสัยไปก่อน เรียกง่ายๆ คือ อยู่ดัดนิสัยเดิมเสียก่อน ฝึกกิริยามารยาทให้งดงาม ให้รู้จักครรลองครองธรรมของพระสงฆ์ ฝึกความอดทน ฝึกจิตใจให้เข้มแข็ง ต้องใช้เวลานานพอสมควร บางคน ๑ เดือน ๒ เดือน ๓ เดือน หรือเป็นปีสองสามปีก็มี แล้วแต่ใครจะฝึกหัดได้ง่ายได้ยาก
    จนเมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๑ หลวงพ่อแบน ธนากโร จึงได้นำนายทองแก้วเข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุในทางพระพุทธศาสนา ณ วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร โดยมีพระวิบูลธรรมภาณ (ไพบูลย์ อภิวณฺโณ) วัดศรีโพนเมือง เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์แว่น ธนปาโล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อแบน ธนากโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ภายหลังจากอุปสมบทแล้วท่านก็ได้กลับไปพักปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อแบน ธนากโร ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ อยู่ปฏิบัติธรรมและศึกษาพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด เร่งรัดปฏิบัติข้อวัตรมิให้ตกหล่น ตรงตามเป้าหมายที่ประสงค์ไว้ จนเกิดความช่ำชอง
    เมื่อเห็นว่าสามารถที่จะดูแลตัวเองได้แล้วจึงได้กราบลาหลวงพ่อแบน ธนากโร ออกเดินธุดงค์จาริกปฏิบัติธรรมไปตามสถานที่ต่างๆ และได้ขึ้นมาอยู่ศึกษาปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร ที่วัดถ้ำเจ้าผู้ข้า อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
    ครั้นต่อมา หลวงปู่หลุยได้มรณภาพลง จึงได้จำพรรษาตั้งแต่ครั้งนั้นจนกระทั่งปัจจุบัน
    พระอาจารย์ทองแก้วเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองค์หนึ่ง ที่เดินตามรอยครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะหลวงปู่หลุย จันทสาโร ที่เป็นต้นแบบ เป็นพระที่ต้องการอยู่ที่เงียบสงบอยู่แต่ป่า จึงนับได้ว่าเป็นเนื้อนาบุญของชาวโลกอย่างแท้จริง
    พระอาจารย์ทองแก้วมักสอนญาติโยมทุกครั้งในเรื่อง "มาแต่ตัวก็ต้องไปแต่ตัว ขอให้เร่งสร้างความดีงามเอาไว้ อย่าเบียดเบียนกัน"
    พระอาจารย์ทองแก้วถือเป็นร่มธรรมองค์หนึ่งของชาวสกลนคร ที่มีความตั้งใจทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง และเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา

    ******#ประวัติวัดถํ้าเจ้าผู้ข้า
    บ้านทิดไทย ต.ไร่ อ.พรรรณานิคม จ.สกลนคร
    .. ก่อนที่จะมีการเรียกว่าวัดถ้ำเจ้าผู้ข้านั้นก็มีประวัติความเป็นมาตามคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ที่ข้าพเจ้าได้สอบถามข้อมูลด้วยตนเองดังนี้ ในอดีตเมื่อสมัยร้อยกว่าปีมาแล้วได้มีชาวบ้านไฮ่ ต.ไร่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ในปัจจุบันได้ออกบวชห่มขาวถือศิล ๘ มาพักปฏิบัติธรรมอยู่ที่บริเวรถ้ำแห่งนี้โดยที่ท่านไม่รับประทานเนื้อสัตว์ เป็นอาหารเพราะเมื่อท่านรับประทานเข้าไปแล้วจะอาเจียนออกมาหมดก่อนที่ท่านจะสละทางโลกเข้ามาทางธรรมนั้นท่านก็มีครอบครัวเช่นเดียวกับชาวบ้านทั่วไป มีบุตรสาวหนึ่งคน จากการบอกเล่าของลูกหลาน เชื้อสายเจ้าผู้ข้าอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือก่อนที่ท่านเจ้าผู้ข้าจะออกบวชห่มขาวถือศิล ๘ นั้น วันนึงในฤดูทำนาภรรยาท่านเจ้าผู้ข้าก็ได้ไปเก็บหอยขมมาทำอาหาร การที่นำหอยขมมาทำอาหารนั้น บางคนก็ตัดก้นหอยเพื่อที่จะนำมาแกง บางคนก็ต้มเลยไม่ต้องตัดก้นหอย การที่นำหอยเป็นๆมาต้มก็เหมือนกับเราต้มเปรตปลาไหลนั้นเอง หอยเป็นๆพอถูกน้ำร้อนมันจะร้อนแค่ไหน ลองพิจารณาเอาเองก็แล้วกัน
    ภรรยาของท่านเจ้าผู้ข้าก็เช่นกันนำหอยขมที่ได้มานั้นต้มเพื่อเป็นอาหาร ขณะที่น้ำในหม้อต้มหอยกำลังเดือด ท่านเจ้าผู้ข้าก็ได้ยินเสียงหอยขมในหม้อต้มนั้นร้องว่า “โอ้ยร้อนจัง ช่วยด้วย ร้อน ร้อน ” ซึ่งเสียงนั้นท่านเจ้าผู้ข้าได้ยินเพียงผู้เดียว ตั้งแต่นั้นมาท่านเจ้าผู้ข้าก็มีอาการผิดปกติคือรับประทานอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ไม่ได้ รับประทานเข้าไปก็มีอาหารเคลื่อนไส้ อาเจียนทันที มีการบันทึกไว้ว่าก่อนที่จะมีการเรียกชื่อเจ้าผู้ข้านั้น ท่านมีนามว่า น้อยหน่า ส่วนนามสกุลนั้นมีการแต่งขึ้นในภายหลังจากท่านออกบวชแล้ว
    ******สาเหตุทำไมถึงเรียกว่า.. "เจ้าผู้ข้า"
    ท่านเจ้าผู้ข้านั้นชอบเรียกตัวเองว่า ผู้ข้า ซึ่งไปเป็นภาษาภูไท หมายความว่า กระผม หรือ ข้า หรือ ข้าพเจ้าประมาณนั้น และมีคนพบท่านเจ้าผู้ข้าครั้งสุดท้ายที่ถ้ำแห่งนี้ ท่านนอนป่วยอยู่จึงนำท่านลงไปรักษาในหมู่บ้านที่มีผู้ศรัทธาท่านจนท่านเจ้าผู้ข้านั้นเสียชีวิตในเวลาต่อมาจึงมีผู้คนเรียกถ้ำแห่งนี้ว่า "ถ้ำเจ้าผู้ข้า" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    และถ้ำเจ้าผู้ข้าแห่งนี้เป็นที่ละสังขารของท่านพระอาจายร์กู่ ธมฺมทินฺโน ก่อนที่ท่านจะมรณะภาพ เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๕ ท่านพระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน และลูกศิษย์ซึ่งมีสามเณรบุญหนา (หลวงปู่บุญหนา ธมฺมทินฺโน.รวมอยู่ด้วย ท่านได้มาปฏิบัติธรรมอยู่ที่ถ้ำเจ้าผู้ข้าแห่งนี้โดยมีกุฏิหลังเก่าไว้เป็นหลักฐาน เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ.๒๔๙๖ ท่านพระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน ก็ได้ละขันธ์ในท่านั้งสมาธิในกุฏิหลังนี้เพระท่านเป็นโรคฝีฝักบัวอยู่ที่ก้นจนทนไม่ได้จึงละขันธ์เมื่อ สิริอายุ ๕๓ ปี พรรษา ๓๓ และเพื่อระลึกถึงท่านพระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน ที่ท่านมาละขันธ์ที่สถานที่แห่งนี้ ข้าพเจ้าจึงได้ขออนุญาติ หลวงปู่แก้ว สุจิณฺโณ สร้างรูปเหมือนเท่าองค์จริงของพระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน ไว้ที่หน้ากุฏิที่พระอาจารย์ท่านละขันธ์ เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาพระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน ได้กราบไว้บูชา หมายเหุต..... หลวงปู่แก้ว สุจิณฺโณ วัดถ้ำเจ้าผู้ข้า อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ละสังขารอย่างสงบแล้ววันนี้ ตรงกับวันศุกร์ที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ณ โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร สิริอายุ ๗๖ ปี ๗ เดือน ๒๘ วัน พรรษา ๕๒ >>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วยครับ *****บูชาที่ 345 บาทฟรีส่งems SAM_8872.JPG SAM_6953.JPG SAM_6954.JPG SAM_6955.JPG SAM_2721.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2020
  19. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 674 ล็อกเก็ตฉากทอง จัมโบ๊ หลวงปู่ก้าน จิตตธัมโม พระอรหันต์เจ้าวัดถ้ำเป็ด จ.สกลนคร ปี 2560 หุ้มทองไมครอน สวยๆหายากครับ วัตถุมงคลของหลวงปู่มีน้อยรุ่นมากครับ ท่านเคร่งเรื่องนี้มากครับ ผมเองเคยไปขอพระเกศาหลวงปู่มาเเล้ว นั่งฟังเทศน์หลวงปู่ 2 ชั่วโมง ตกลงไม่ได้ครับ ฮ่าๆๆๆ (เหมือนกับหลวงปู่จันทร์เรียนวัดถํ้าสหายครับ เห็นมั่ยครับปฏิปทาของพ่อเเม่ครูอาจารย์ไม่เหมือนกันครับ) กว่าผมจะได้ของวิเศษมาไม่ใช่เรื่องง่ายๆครับ*******ญาณโลกีย์อย่าไปสนใจมันเสื่อมได้ เสื่อมมาก็เหมือนคนธรรมดานี่เอง
    กามราคะมันสุขแปปเดียว พระเณรแม่ชีอยู่ไม่ได้ก็เพราะตัวนี้ให้อดข้าว อดนอน อย่าไปให้อาหารมัน เอาจนมันอ่อนมันไม่มีอาหารมันก็ไม่มีกำลัง
    หลวงพ่อเองยังอดนอนมาเป็นพรรษา ฉันแค่5คำ
    หลวงปู่ก้าน จิตตธัมโม
    วัดถ้ำเป็ด อ.ส่องดาว จ.สกลนคร

    ล็อกเก็ตฉากทอง จัมโบ๊ หลวงปู่ก้าน จิตตธัมโม วัดถ้ำเป็ด จ.สกลนคร ปี 2560 หุ้มทองไมครอน สวยๆหายากครับ วัตถุมงคลของหลวงปู่มีน้อยรุ่นมากครับ ท่านเคร่งเรื่องนี้มากครับ >>>>>>หลวงปู่ก้าน ท่านเป็นศิษย์ของพระอาจารย์วัน อุตโม ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอีกองค์หนึ่ง ท่านปฏิบัติเคร่งมากครับ ใครไปขอทำเหรียญรูปเหมือนท่านจะต้องโดนท่านดุออกมาทุกราย แต่ล็อกเก็ตนี้ท่านให้ทำเป็นกรณีอนุโลมได้เพราะท่านเห็นว่ามันเป็นภาพถ่าย ท่านจึงอนุญาตครับ ตอนนี้วัตถุมงคลของหลวงปู่ราคาแรงขึ้นมากครับ
    >>>>>วัดถ้ำเป็ด
    ได้ชื่อว่าวัดถ้ำเป็ดก็เนื่องจากว่าถ้ำแห่งนี้มีต้นตีนเป็ดขนาดใหญ่ที่ยังให้ร่มเงาอยู่ปากถ้ำ วัดถ้ำเป็ดเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่มีพระอรหันต์เดินทางมาธุดงค์ แล้วนั่งกรรมฐานจนเกิดญาณทิพย์อยู่ ณ ถ้ำเป็ดแห่งนี้ ได้แก่ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย เพราะเนื่องจากความเงียบและสงบของธรรมชาติของพื้นที่ป่าแห่งนี้ ในปัจจุบันยังคงหลงเหลือ ร่องรอยการมาจำพรรษาที่ป่าแห่งนี้คือกุฏิของหลวงปู่ทั้งสามที่ถูกสร้างจากไม้กระดานแบบเรียบง่ายท่ามกลางความสงบร่มเย็น **********บูชาที่ 690 บาทฟรีส่งems SAM_6922.JPG SAM_6923.JPG SAM_6925.JPG SAM_6927.JPG SAM_6928.JPG
     
  20. Somchai 2510

    Somchai 2510 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2019
    โพสต์:
    1,740
    ค่าพลัง:
    +125
    รายการที่ 675 เหรียญเศรษฐี 88 หลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม พระอรหันต์เจ้าวัดกระดึงทอง ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ เหรียญสร้างปี 2558 เนื้อองเเดงผีวไฟ สร้างเนื่ององค์หลวงปู่อายุครบ 88 ปี มาพร้อมกล่องเดิม พระดีที่ควรกราบไหว้รูปหนึ่งในเวลานี้คือ หลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม หรือ พระราชปัญญาวิสารัท เจ้าอาวาสวัดกระดึงทอง ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ (ธรรมยุต)....
    ท่านเป็นศิษย์อาวุโสรูปหนึ่งของ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดถ้ำขาม จ.สกลนคร และพระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล) วัดรังสีปาลิวัน จ.กาฬสินธุ์ หลวงปู่เหลืองมีนามเดิมว่า เหลือง ทรงแก้ว ท่านเกิดในยามใกล้รุ่งของวันอังคารที่ 1 พ.ค. ปี พ.ศ. 2470 ที่บ้านนาตรัง หมู่ที่ 2 ต.เขวาสินรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ เป็นบุตรคนที่ 6 ในครอบครัวของนายเที่ยง ทรงแก้ว และนางเบียน ทองเชิด หลังเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ขณะอายุได้ 15 ปี แล้วออกจาริกเดินตามหลังพระพี่ชายไปตอนอายุ 16 ปี หลังจากนั้นชีวิตของหลวงปู่เหลืองก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ด.ช.เหลือง ออกจากบ้านเดินตาม พระครูสมุห์ฉัตร ธมฺมปาโล และพระอาจารย์สมุห์เสร็จ ญาณวุฑโฒ 2 ภิกษุศิษย์หลวงปู่สิงห์ ขนฺตยาคโม ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “มือขวา” ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ไปใน พ.ศ. 2486 จากสุรินทร์ไปถึงนครราชสีมา ไปฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี ระยอง
    ด้วยอายุเพียงเท่านั้นแต่ท่านมีบุญได้พบครูบาอาจารย์แล้วหลายรูป อาทิ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล พระผู้สรุปอริยสัจ 4 จากการปฏิบัติไว้ชนิดคนสามัญขนานนามท่านว่า เจ้าแห่งจิต ท่านพ่อลี ธมฺมธโร แห่งวัดป่าคลองกุ้ง ฯลฯ รวมทั้งได้มอบกายถวายใจเป็นศิษย์ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ท่านเล่าถึงวันคืนในอดีตครั้งไปกราบท่านพ่อลีที่วัดป่าคลองกุ้งว่า “ตอนนั้นวัดป่าคลองกุ้งยังเป็นป่าอยู่ ต้นไม้ใหญ่ๆ มีศาลทำบุญไม้หนึ่งหลังและกุฏิกรรมฐานเล็กๆ ตั้งอยู่ตามโคนต้นไม้ เงียบสงัด พระฉันแล้วก็เข้ากรรมฐานหมด ไม่เพ่นพ่านรุ่งเรืองเหมือนสมัยนี้ ไปพักอยู่กับท่าน 1 เดือน ...บอกกับท่านว่าจะขอธุดงค์ต่อไปทางบ่อไพลิน เข้าสู่แดนเขมร ท่านพ่อลีก็ห้าม ตอนนั้นปลายสงครามโลก เหตุการณ์ยังไม่ปกติ เกรงจะเป็นอันตราย แต่พระอาจารย์ฉัตรพี่ชายก็จะขอไปให้ได้ก็ต้องยอมผ่อนผันให้ไป ท่านพ่อลีเมตตาอาตมามากเพราะยังเป็นเด็ก กลัวจะลำบาก ท่านเลยบอกว่า จะให้คาถากันตัว สั่งให้ท่องไว้ตลอดเวลา ไม่ต้องกลัวเสือช้างอะไรทั้งสิ้น
    คาถาของท่านยังจำได้จนถึงบัดนี้ว่า นะบัง โมบัง พุทโธบังหน้า ธัมโมบังหลัง”
    สภาพบ้านเมืองในเวลานั้นช่างต่างจากเวลานี้นัก
    ท่านว่าใช้เวลาเดิน 3 คืนบุกป่าฝ่าดงจากจันทบุรีถึงทะลุถึงบ่อไพลิน ตามรายทางนั้น “เห็นพลอยเกลื่อนกลาด แต่ไม่ได้เก็บเพราะอาจารย์ฉัตรท่านว่า เรามาธุดงค์แสวงบุญไม่ได้มาหาเพชรพลอย”
    การธุดงค์จบลงด้วยการย้อนกลับมาที่ วัดป่าศรัทธารวม จ.นครราชสีมา
    ณ พ.ศ.นั้น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร กำลังเป็นสดมภ์หลักในการบุกเบิกขยายวงพระกรรมฐานโดยใช้ จ.นครราชสีมา เป็นฐาน โดยท่านเองรับเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้อยู่ถึง 12 ปีคือ ตั้งแต่ พ.ศ. 2475-2487 ช่วงเวลานั้น วัดป่าศรัทธารวมซึ่งเป็นป่าช้าเก่าเป็นศูนย์รวมของพระกรรมฐานจำนวนมากไม่ว่า พระมหาปิ่น ปัญญาพโล หลวงปู่เทกส์ เทสรังสี หลวงปู่ภุมมี ฐิตธัมโม หลวงปู่หลุย จันทสาโร หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ ฯลฯ หลวงปู่เหลืองเข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ฝั้น ขณะอายุ 17 ปี หรือราวช่วง พ.ศ. 2486-2487 โดยบรรพชาเป็นสามเณรที่ วัดสุทธจินดา จ.นครราชสีมา มีพระโพธิวงศาจารย์ (สังข์ทอง นาควโร) หรือเจ้าคุณโพธิฯ เป็นพระอุปัชฌาย์
    ลุถึง พ.ศ. 2490 จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ ณ วัดป่าศรัทธารวมนั่นเอง
    “ไทยดำ” ผู้เคยเขียนประวัติหลวงปู่เหลืองลงในนิตยสารโลกทิพย์ ฉบับเดือน ธ.ค. 2530 เคยเรียนถามท่านว่า ระหว่างอยู่กับหลวงปู่ฝั้นนั้นหลวงปู่ฝั้นสอนอย่างไรบ้าง หลวงปู่เหลืองตอบทีเดียวเป็นความ 4 ประโยค แต่ครอบคลุมพระไตรปิฎกหมด 90 เล่ม ความนั้นมีว่า
    ท่านสอนง่ายๆ ว่า “ประสูติ หมายถึง ลมเข้า
    พระวินัย หมายถึง ลมออก
    ปรมัตถ์ หมายถึง ผู้รู้ลมเข้าลมออก
    เป็นอันจบพระไตรปิฎก นอกนั้นเป็นแต่กิ่งก้าน”
    การได้อยู่ที่ จ.นครราชสีมา ณ พ.ศ.นั้นเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้ได้พบและศึกษากับพ่อแม่ครูอาจารย์จำนวนมาก ซึ่งท่านเหล่านั้นกระจายกันอยู่หลายแห่ง อาทิ วัดป่าสาลวัน วัดสุทธจินดา วัดสว่างอารมณ์ ฯลฯ แต่รูปที่อัธยาศัยต้องกันมากที่สุดและจะมีผลต่อชีวิตของท่านในกาลข้างหน้าคือ พระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล)
    เวลานั้น พระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล) รับภาระการบริหารคณะสงฆ์เป็นเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ฝ่ายธรรมยุต ท่าน|ทุ่มเททั้งกำลังกาย กำลังสติปัญญาจนทำให้การของคณะสงฆ์เป็นปึกแผ่น แต่ยศถาบรรดาศักดิ์ใดๆ ก็เหนี่ยวรั้งท่านให้ห่างหายจากการปฏิบัติได้ไม่ กลับเตือนตนอยู่ตลอดเวลาว่า “การคลุกคลีกับหมู่คณะมากเกินไปทำให้เป็นผู้ประมาท...”
    เพราะตระหนักเช่นนั้นจึงมักจะปลีกตัวออกวิเวกเป็นครั้งคราวอยู่เสมอ ก่อนจะตัดสินใจทิ้งพัดยศออกปฏิบัติอย่างเดียวใน พ.ศ. 2498 นั้น ครั้งหนึ่งท่านชวนหลวงปู่เหลือง ซึ่งยังเป็นพระหนุ่มอยู่ในขณะนั้นออกไปปฏิบัติอยู่ในป่า จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของท่าน
    ท่านทั้งสองอยู่ด้วยกันสองคนหนึ่งพรรษา จากนั้นพระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล) ก็ต้องกลับมารรับภาระทางการคณะสงฆ์ต่อ ขณะที่หลวงปู่เหลืองได้พำนักและภาวนาอยู่ในสำนักสงฆ์กลางป่า อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ต่อเนื่องไปอีกถึง 7 ปี ต่อมาป่าแห่งนั้นได้รับการพัฒนากลายเป็น วัดป่ารังสีปาลิวัน ซึ่งเป็นถิ่นพำนักของพระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล) จนท่านละสังขาร เมื่อ พ.ศ. 2543
    ตลอดเวลาที่อยู่นั้น พระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล) ก็จะแวะเวียนมาภาวนาอยู่ ณ สำนักสงฆ์แห่งนั้นและช่วยพัฒนาความเป็นอยู่ให้ชาวบ้านได้อาศัยแหล่งน้ำ ฯลฯ มาตลอด โดยมีหลวงปู่เหลืองเป็นผู้ช่วย แม้แต่เมื่อตัดสินใจออกจาริกอีกครั้งหลังอยู่ที่นั่นมาแล้ว 7 ปีก็เป็นการออกจาริกโดยมีพระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล) เป็นผู้นำ ท่านทั้งสองจาริกในถิ่นต่างๆ มีประสบการณ์ในภาวนาอันพิสดารหลายอย่างด้วยกัน โดยเฉพาะที่ถ้ำขันตี ซึ่งอยู่ในเทือกเขาภูพาน ท่านว่า การภาวนา ณ สถานที่แห่งนั้นทำให้มีความก้าวหน้าอย่างมาก ขณะเดียวกันท่านทั้งสองก็ผ่านเป็นผ่านตายมาพร้อมกันด้วย กล่าวคือ พระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล) เป็นไข้ป่าเกือบจะเสียชีวิต ก็ได้หลวงปู่เหลืองดูแล พอหลวงปู่เหลืองเองล้มเจ็บเพราะไข้ป่าก็ได้ “เจ้าคุณอาจารย์” เป็นคนรักษา ท่านกล่าวถึงความทุกข์ยากในเวลานั้นว่า “แต่ก่อนที่อาตมาจะเป็นไข้นั้น ท่านเจ้าคุณเป็นมาก่อน เมื่อสองอาทิตย์ก่อน เรียกว่าเป็นมากทีเดียว จนเพ้อ ยาก็ไม่มีรักษา ท่านมีสติสั่งว่า ถ้าท่านตายก็ให้เผาที่นี่ แล้วกวาดขี้เถ้าทิ้งลงเขาไป อย่าเอาไปลำบากเพราะไม่ใช่ตัวตนอะไรของเรา อีกอย่างหนึ่งแม้ท่านจะลาออกจากตำแหน่งแล้วแต่พัดยศอยู่ที่กุฏิ ยังไม่ได้ส่งคืน ขอให้จัดการเอาไปคืนด้วยซึ่งทำให้ประทับใจในตัวท่านมาก ท่านไม่เคยแสดงความพรั่นพรึงต่อการมรณะเลย เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันต้องตาย...ถึงตาอาตมาบ้าง...ท่านเจ้าคุณก็ดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี เราฝากผีฝากไข้กันมาอย่างนี้” เพราะฝากผีฝากไข้ ผ่านเป็นผ่านตายร่วมกันมา จึงไม่แปลกที่ต่อมาเมื่อ พระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล) อาพาธ เนื่องจาก|เส้นเลือดฝอยในสมองแตกในปี 2527 ทำให้อวัยวะเบื้องขวาเป็นอัมพาต ใครนิมนต์ไปปฏิบัติอุปัฏฐากที่ไหนท่านก็ไม่ไป แต่เมื่อหลวงปู่เหลืองนิมนต์ ท่านรับ
    ทุกวันนี้หลวงปู่เหลือง รับภาระการบริหารคณะสงฆ์เป็นเจ้าเข้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ (ธรรมยุต) ภาระนี้เกิดมาต่อเนื่องตั้งแต่กึ่งศตวรรษก่อนโน้นเพราะปี พ.ศ. 2499 ท่านเป็นเป็นพระครูสมุห์ ฐานานุกรมของท่านเจ้าคุณพระอริยเวที พร้อมกับเจ้าอาวาสวัดรังสีปาลิวัน พอปี พ.ศ. 2515 เป็นเจ้าอาวาสวัดกระดึงทอง และเป็นเจ้าคณะตำบล วัดแห่งนี้เดิมเป็นวัดที่พระอาจารย์สมุห์เสร็จ พี่ชายเป็นคนบุกเบิกสร้างไว้ เมื่อท่านออกวิเวกเสียชีวิตเพราะไข้ป่า พระสมุห์ฉัตร พี่ชายคนรองก็เป็นคนมาดูแลแทน ถึงปี พ.ศ. 2519 ได้รับตราตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ และเป็นเจ้าคณะอำเภอเมือง พ.ศ. 2523 เป็นเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ (ธรรมยุต)
    หลวงปู่เหลืองกล่าวว่า พระพุทธองค์มิได้สอนให้เชื่อพระองค์เพียงอย่างเดียว หากแต่ให้ชื่อว่า “จิต คือ พุทธะ” ถ้าเราดำเนินตามที่พระองค์ทรงสอน จิตของเราก็เป็นพุทธะอย่างพระพุทธองค์ได้ ถ้าจะให้ถึงซึ่งพุทธะก็เหมือนกับเอาแก่ของต้นไม้ใหญ่ ถ้าจะเอาแก่นต้องใช้ขวานถากเปลือก ถากกระพี้ออก จิตคนเรานั้นเป็นพุทธะอยู่แล้ว หากแต่เราปล่อยให้กิเลสตัณหาห่อหุ้มจนจิตไม่ประภัสสร
    “จิตประภัสสรก็หมายถึงจิตเดิม ซึ่งเปรียบเสมือนเพชร ลักษณะแวววาวสุกใสอยู่แล้วตามธรรมชาติ แต่ที่มันเศร้าหมองจนเรามองไม่เห็นความประภัสสรของมัน เพราะมีสิ่งอื่นมาห่อหุ้ม ทำให้รัศมีเปล่งออกมาไม่ได้ อย่างไฟฉายของเรา พอเปิดสวิตช์ขึ้น มันก็สว่างเป็นลำพุ่งออกไปพอปิดสวิตช์มันก็มืด ไม่เห็นดวงไฟ ทั้งที่ความจริงจิตมันประภัสสรอยู่แล้วแต่คนเราทุกวันนี้ ก็เอากิเลส ความโกรธ ความหลงที่เปรียบเหมือนดินทรายเขม่าไฟต่างๆ ไปห่อหุ้มปิดบังมันเสียเอง มันเลยมืดบอดอยู่อย่างนั้น...เราอยากจะเห็นตามพระองค์บ้างก็ต้องลงทุนลงแรงเอาสิ่งที่หุ้มห่อออก แล้วจึงจัดสีให้มันเปล่งแสงประภัสสรขึ้น เอาอะไรมาขัดสีล่ะ ก็เอาสมาธินั่นแหละมาขัดสี...”
    “สิ่งต่างๆ ในโลกนี้มันก็อยู่ที่จิตนี้เอง ความรู้สึกของเราอยู่ที่ไหน จิตใจก็อยู่ที่นั้น หลวงปู่มั่นท่านก็เคยพูดว่า อยู่ที่ใจของเจ้า โลกนี้ไม่มีใจก็ไม่มีความหมาย โลกกับธรรมมันอิงกันอยู่ ก็อยู่อย่างไม่ขัดโลกขัดธรรมเขา รูปนาม ถ้าแยกออกก็เป็นอภิธรรมทั้งหมด
    รูปกับนามเป็นจุดแรกของปัญหา เรื่องราวต่างๆ ที่เราไม่รู้ก็เพราะไม่ได้ค้นคว้ากำหนด ท่านว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มันเป็นวัฏฏะ หมุนเวียนตั้งแต่จุดเล็กไปถึงจุดใหญ่ เหมือนกับความมืดกับความแจ้ง มันต้องอยู่ที่เดียวกัน แต่คนละช่วง มันเกิดพร้อมกันไม่ได้
    ความจริงรูปนามมันมีอยู่แล้ว ถ้าปลงความเชื่อว่า คำสอนต่างๆ ล้วนมีอยู่แล้ว ถ้าไม่มี ท่านก็ไม่มีอะไรจะพูด เมื่อไม่มีอะไรจะพูดมันก็หยุดเป็นวิมุตติไป ถ้าเอามาพูดถึงมันก็เป็นสมมติไป ธรรมะจริงๆ จะพูดหรือไม่พูดมันมีอยู่แล้ว...”
    หลวงปู่เหลือง เป็นพระมหาเถระที่ควรแก่การอัญชลี ท่านเจริญรอยตามครูบาอาจารย์ของท่านคือ แน่วแน่กับการปฏิบัติภาวนาไม่เสื่อมคลาย อยู่อย่างสมถะ เรียบง่าย แทบไม่มีใครจำสมณศักดิ์ของท่านได้เรียกกันแต่ว่า หลวงปู่เหลือง วัดกระดึงทอง
    >>>>>>มีพระเกศาหลวงปู่มาบูชาด้วยครับ******บูชาที่ 275 บาทฟรีส่งems SAM_8971.JPG SAM_7719.JPG SAM_6941.JPG SAM_6944.JPG SAM_6943.JPG SAM_2258.JPG
     

แชร์หน้านี้

Loading...