พุทธคยา ณ กาลปัจจุบัน "ภาพที่เห็น สิ่งที่เป็น กับความจริงเป็น"

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 17 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,173
    ถ้าพูดถึงการเดินทางไปไหว้พระ ณ แดนพุทธองค์เมื่อก่อน นับเป็นเรื่องที่ต้องคิดกันหลายรอบ เตรียมการนานวัน กว่าจะตัดสินใจเดินทางไปยังแดนพุทธสถานได้
    แต่ปัจจุบันนี้ รัฐบาลอินเดียตระหนักถึงพลังศรัทธามหาชนชาวพุทธทั่วโลก ได้เปิดให้มีสายการบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่พุทธคยา ดินแดนตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า โดยใช้เวลาเพียงแค่สามชั่วโมงเท่านั้น ท่านก็สามารถย่ำแดนพุทธองค์ได้ไม่ยาก ซึ่งนับเป็นการอำนวยความสะดวกได้อย่างมากเลยทีเดียว
    ชาวพุทธไทย และชาติอื่นๆ จึงเริ่มหลั่งไหลไปไหว้พระที่อินเดียเป็นจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงฤดูกาลการไหว้พระ ของชาวพุทธ คือ ระหว่างเดือนตุลาคม -มีนาคม ของทุกๆ ปี
    บรรยากาศที่พุทธคยา ในช่วงนี้จะมีชาวพุทธจากนานาประเทศ มาไหว้พระที่พุทธคยาเป็นจำนวนมาก ปีนี้สังเกตเห็นว่า มีคณะจากประเทศไทยมามากกว่าทุกๆ ปี ทั้งที่เป็นดารา นักร้อง นักแสดง นักข่าว และข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักการเมือง เจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงของประเทศ ต่างก็หาโอกาสมาไหว้พระที่พุทธคยา อยู่มิขาดสาย จนเที่ยวบินแทบจะหาที่นั่งไม่ได้ จำเป็นต้องจองล่วงหน้าไว้แต่เนิ่นๆ มิฉะนั้นแล้วท่านจะต้องนั่งเครื่องไปลงที่เมืองกัลกัตตา แล้วต่อด้วยรถไฟ หรือเครื่องบิน ภายในประเทศมาที่พุทธคยาอีกทอดหนึ่ง ซึ่งต้องใช้เวลาเพิ่มอีกเป็นวัน
    ภาพที่เห็น...มีเหล่าลามะนักบวชชาวทิเบต มาสักการะเป็นจำนวนมาก ซึ่งชาวทิเบตเหล่านี้จะเดินทางมายังพุทธคยาเป็น จำนวนนับพัน ช่วงระหว่างเดือนธันวาคม-มกราคม ของทุกๆ ปี โดยจะมีการสวด กาลจักร คือการสวดเพื่อให้แผ่เมตตาให้ สรรพสัตว์เกิดสันติสุขแก่โลก
    ในบางปี ท่านดาไล ลามะ องค์ผู้นำชาวทิเบต ก็จะมาเป็นประธานในพิธี
    ในปีนี้ตามข่าวแจ้งว่า ท่านดาไล ลามะ จะมาร่วมพิธี ในวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นภาพแห่งความมั่นคงและ ยิ่งใหญ่แห่งพระพุทธศาสนาได้อย่างน่าภาคภูมิ
    สิ่งที่เป็น...ชาวพุทธจากนานาชาติ ทั้งที่เป็นคนไทย ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน พม่า จีน เวียดนาม กัมพูชา ภฏาน เนปาล อินเดีย รวมทั้งชาวตะวันตก ที่สนใจศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา ต่างก็มาแสดงความเคารพสักการะตามรูปแบบของตน ซึ่งนับเป็นภาพ ที่น่าประทับใจยิ่งนัก ท่ามกลางความหลากหลายแห่งรูปแบบการสักการะนั้น
    แต่จุดประสงค์และจุดุม่งหมายของทุกคนคือ ต้นพระศรีมหาโพธิ์...พระแท่นวัชรอาสน์ ที่ประทับบำเพ็ญสมณะธรรม ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    มีภาพที่น่าทึ่งและน่าศรัทธามากที่สุดคือ การแสดงความเคารพของชาวทิเบต ที่มาตั้งหลักกราบต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่เรียกว่า อัษฎางคประดิษฐ์ คือ การกราบที่ประกอบด้วยองค์แปด โดยให้หน้าฝาก ฝ่ามือ ข้อศอก ลำตัว หัวเข่า และปลายเท้าแตะพื้น บางท่านก็กราบวัดตัวโดยรอบพระมหาเจดีย์ บางท่านก็นำแผ่นกระดานมาตั้งหลักกราบจริงๆ จังๆ ณ บริเวณรอบเจดีย์
    การกราบนี้ญาติๆ ผู้ที่ไม่ได้มาก็สามารถฝากกราบมาด้วย บางท่านจะอยู่กราบเป็นเดือนๆ จึงจะครบตามจำนวนที่รับฝากมากราบมา จนเห็นกล้ามท่านลามะขึ้นเป็นมัดๆ อย่างชัดเจน
    ได้เห็นศรัทธาวันนี้ของชาวทิเบตแล้ว กาลข้างหน้าพระพุทธศาสนาของเราคงได้ฝากไว้กับชาวทิเบตเป็นแน่ เพราะแม้ปัจจุบันนี้ ทิเบตถึงจะไม่มีแผ่นดินอยู่ก็ตาม แต่ก็สามารถสร้างวัดได้ใหญ่โต มีลามะเป็นจำนวนมาก และมีสาขาวัดของทิเบต มีลูกศิษย์ลูกหา เป็นชาวต่างชาติอยู่ทั่วโลก
    ความจริงที่ไม่มีใครรู้...ท่ามกลางกระแสศรัทธาที่หลั่งไหลสู่ พุทธคยา แดนตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บริเวณใต้ต้น พระศรีมหาโพธิ์ เริ่มจะมีเหล่าบรรดา เหลือบผ้าเหลือง ที่เห็นช่องทางการทำมาหากิน พากันโกนผม ห่มผ้าเหลือง มานั่งรอว่าจะมี สาธุชนผู้ศรัทธาต่อผ้าเหลืองคอยหย่อนปัจจัยให้ เพราะพุทธศาสนิกชนจากต่างชาติที่มาก็ไม่ทราบว่า
    คนเหล่านี้คือชาวอินเดียท้องถิ่น ไม่ใช่พุทธ ไม่ได้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาเลย แต่แอบแฝงเข้ามาเพื่อรอรับปัจจัยอาศัย เลี้ยงชีพเท่านั้น
    เหล่าบรรดา เหลือบผ้าเหลือง มีแต่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวันๆ อีกด้วย อย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีต สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช จนพระองค์ท่านต้องทรงปรารภเหตุแห่งเดียรถีย์ปลอมบวชเข้ามาในพระพุทธศาสนา เพราะเหตุแห่งไทยธรรม เมื่อคราวจัดสังคายนา ครั้งที่สาม และได้จับสึกเดียรถีย์เหล่านี้ถึงหกหมื่นกว่ารูป
    ประเทศอินเดียไม่มีกฎหมายการลอกเลียนแบบเครื่องนุ่งห่ม หรือคุ้มครองดูแลศาสนาต่างๆ เนื่องด้วยว่าเพราะเป็นประเทศ ที่เปิดกว้างด้านความคิด และองค์กรพระสงฆ์อินเดียก็ไม่แข้มแข็งพอที่จะจัดการเรื่องนี้ได้เลย
    ยิ่งแย่ไปกว่านั้นก็คือ หากมีใครมาตักเตือน หรือห้ามปรามเดียรถีย์เหล่านี้ อาจจะถูกบุคคลเหล่านี้ทำร้ายร่างกายเอาก็เป็นได้... นับว่าเป็นเรื่องที่น่าห่วงยิ่งนัก เพราะมิใช่ว่าจะมีแต่ที่พุทธคยาเท่านั้น ที่อื่นๆ เช่น กุสินารา ลุมพินี สาวัตถี ก็มีจำนวนมากเช่นเดียวกัน
    จึงขอฝากไว้กับท่านที่ไปไหว้พระที่อินเดีย โปรดอย่าได้ให้ทานแก่บุคคลเหล่านี้เลย มิฉะนั้นแล้ว การไปไหว้พระแสวงบุญ ของท่านก็จะเป็นการทำลายศาสนาไปในที่สุด
    บุญวิธีที่พุทธคยา
    พุทธคยา เปิดตั้งแต่ตีห้าถึงสามทุ่ม เปิดให้เข้าไปภายในกำแพงใต้โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์ และพระแท่นวัชรอาสน์
    เช้าเวลา ๐๖.๐๐-๐๘.๐๐ น. บ่ายเวลา ๑๖.๐๐-๑๘.๐๐ น.
    ท่านสามารถแจ้งความประสงค์อยู่ปฏิบัติธรรมตลอดทั้งคืน ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ได้ โดยการแจ้งขออนุญาตกับเจ้าหน้าที่ ไว้ก่อนล่วงหน้า บุญวิธีที่พุทธศาสนิกชนนิยมทำมีอยู่ ๓ อย่าง คือ
    ๑.สวดมนต์ ไหว้พระ เจริญจิตภาวนา ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์
    ๒.ถวายข้าวมธุปายาส เวลา ๑๐.๐๐ น. (ติดต่อที่พระเจ้าหน้าที่ภายในวิหารพุทธคยา)
    ๓.เลี้ยงอาหารเด็กยากจน แจกทาน ติดต่อ ดร.พระมหาฉลอง วัดไทยพุทธคยา
    การเดินทางสู่พุทธคยา
    เที่ยวไป โดยเครื่องบินสายการบิน อินเดียน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ไอซี ๗๒๙ จากกรุงเทพฯ ทุกวันเสาร์ เวลา ๑๔.๑๐ น.
    เที่ยวกลับ จากสนามบินคยา โดยสายการบิน อินเดียน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ไอซี ๗๓๐ ทุกวัน เวลา ๑๐.๐๐ น.
    พุทธศาสนิกชนท่านใดต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับดินแดนพุทธภูมิในอินเดีย ติดต่อได้ที่วัดไทยพุทธคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย โทรศัพท์ ๐๐๑๙๑-๖๓๑-๒๒๐๐-๔๗๐ เรื่อง/ภาพ พระมหาดร.คมสรณ์ คุตตธัมโม
     

แชร์หน้านี้

Loading...