พี.เค.

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เอกะ, 21 มีนาคม 2005.

  1. เอกะ

    เอกะ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ใครมีข้อมูลเกี่ยวกับ พลังจิต พี.เค.ของยูริ เกลเลอร์ บ้างครับ และจะหาได้ที่ไหน
     
  2. พ่อมดโลจิ.

    พ่อมดโลจิ. บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    พลัง พี.เค นั้นต้องถาม เกลเกอรี่ รัสปูตินครับ

    พลัง พี.เค นั้นต้องถาม เกลเกอรี่ รัสปูตินครับ ถ้ามีประวัติอย่างละเอียดของรัสปูตินเราก็จะรู้เกี่ยวกับ พี.เค
     
  3. เอกะ

    เอกะ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    พี.เค

    ที่ต้องการทราบเรื่องของการทำสมาแบบนี้ก็เพราะว่า สามารถบังคับวัตถุได้เช่น การหัก การงอ เหล็กได้ ซ้อม ด้วยเหตุนี้จึงอยากทราบ
     
  4. คุณ Y

    คุณ Y บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    PK ก็คือพลังจิต


    เหตุการณ์ต่าง ๆ โดยปกติย่อมจะถูกบันทึกไว้ภายในจิตใจของคนที่ได้ประสบมา ขอให้พิจารณาดูให้ละเอียดแล้วจะเห็นว่า เหตุการณ์นั้น ๆ ได้ถูกบันทึกไว้ด้วยพลังของวิญญาณ เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยธรรมดาย่อมจะถูกบันทึกไว้ด้วยพลังของวิญญาณที่มีอยู่ในบรรยากาศ ถ้าคนไหนสามารถที่จะรับคลื่นที่บันทึกเหตุการณ์นี้ไว้ได้ ก็จะทำให้รู้ถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา และถ้าคนไหนอำนาจในการรับของตัวเองมีน้อย ก็จะรู้สึกขึ้นมาแต่เพียงสังหรณ์ใจว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ถ้าคนไหนอำนาจนการรับมีมาก ก็จะให้รู้ถึงเหตุการณ์ในทำนองเดียวกับเรานึกได้ถึงเหตุการณ์ที่เคยรู้เห็นอะไรมา แต่อาจจะเห็นภาพในใจไม่ชัด หรือบางคนก็อาจจะไม่เห็นภาพอะไรเลย เพียงแต่รู้ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่สำหรับคนที่มีอำนาจในการรับสูงมาก ก็จะเห็นเป็นภาพออกมาเลยคำว่า อำนาจในการรับ ในที่นี้หมายถึง กำลังสมาธิว่ามีมากน้อยแค่ไหน ถ้ามีมาก อำนาจในการรับก็มีมาก ถ้ามีน้อย อำนาจในการรับก็มีน้อย ทำไม คนเราจึงสามารถระลึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วได้ ?

    เหตุการณ์ทุกอย่างที่เราเคยผ่านมาย่อมบันทึกไว้ในจิตใจ คำว่า บันทึกไว้ในจิตใจ หมายถึง เหตุการณ์ได้เข้าไปเปลี่ยนแปลง ทำให้พลังของวิญญาณที่มีอยู่ภายในเปลี่ยนรูปไปจากเดิม เพราะเหตุที่จิตใจกับสมองมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด หรือพูดอีกนัยหนึ่ง โครงสร้างของเซลล์สมองก็คือปรากฏการณ์ของวิญญาณในทางวัตถุ เพราะฉะนั้น เมื่อโครงสร้างของวิญญาณเปลี่ยนรูป โครงสร้างของเซลล์สมองก็ต้องเปลี่ยนรูปตามไปด้วย และการเปลี่ยนรูปของวิญญาณจะมีความมั่นคงคือทนต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในภายหลังได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร ก็ย่อมขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของสมอง คนที่มีสมองดี อะไรที่บันทึกไว้ภายในจิตใจแล้ว ก็จะมีความมั่นคงคือมีความต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในภายหลังได้ดี ผลก็คือคน ๆ นั้นมีความจำดี แต่ก็อย่าลืมว่า คนที่จะเกิดมามีสมองดีหรือไม่ดี ก็ต้องขึ้นอยู่กับวิบากที่มีมาตั้งแต่ชาติก่อน

    การรื้อฟื้นความจำหรือการระลึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาทุกคนทำได้ ขอให้สังเกตว่า ในขณะที่เราต้องการจะนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา พอเรา ตั้งใจ จะนึกถึงอะไร เหตุการณ์อันนั้นก็ปรากฏขึ้นมา และถ้าหากจิตใจเราสงบมีสมาธิดี ก็จะนึกออกมาได้ดี แต่สมองต้องดีและเป็นปกติด้วยจึงจะนึกออกได้ดี ส่วนในกรณีของผู้ที่ได้ฌานซึ่งสามารถที่จะระลึกชาติของคนอื่นได้ด้วยนั้น ก็เพราะเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่คนนั้นได้ผ่านมาได้บันทึกอยู่ในจิตใจของเขา เรื่องอย่างนี้เป็นไปได้ก็เพราะวัตถุนั้น ๆ หรือบรรยากาศในที่นั้นได้บันทึกเหตุการณ์เอาไว้ คนทีมีอำนาจในการรับจึงสามารถรู้สึกได้หรือรู้ขึ้นมาได้ ถ้าท่านเข้าใจเรื่องนี้ดี ท่านก็จะเห็นว่าถ้าคนไหนสามารถระลึกชาติของตัวเองได้ คนนั้นก็สามารถที่จะระลึกชาติของผู้อื่นได้โดยไม่ยาก สมองเป็นวัตถุที่เป็นสื่อรับพลังจิตได้ดียิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เพราะอณูในเซลล์สมองก็เหมือนกับอณูของแม่เหล็กในเทป ซึ่งสามารถที่จะปรับตัวเองหรือเปลี่ยนแปลงไปตามคลื่นของกระแสจิตได้ทันที และในเมื่อโครงสร้างของเซลล์สมองเปลี่ยนไปในรูปไหน นั่นย่อมหมายถึงเหตุการณ์ที่จิตได้รับรู้มาได้ถูกบันทึกไว้ในรูปนั้น ถ้านักวิทยาศาสตร์พยายามศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับโครงสร้างและสารประกอบของสมองอย่างละเอียด นักวิทยาศาสตร์ก็สามารถที่จะประดิษฐ์เครื่องมือสำหรับกระแสจิตจากคนอื่น และต่อไปก็อาจจะรู้จักวิธีที่จะทำการเปลี่ยนแปลงอำนาจของจิตที่มีอยู่ในเครื่องประดิษฐ์นั้น ให้ปรากฏออกมาเป็นรูปหรือเป็นเสียงได้เหมือนกับเหตุการณ์ที่ได้เคยเกิดมา สักวันหนึ่งนักวิทยาศาสตร์คงจะสร้างเครื่องมืออันนี้ได้ และเมื่อใดสร้างเครื่องมืออันนี้ได้แล้วความเร้นลับต่าง ๆ ของชีวิตก็จะถูกเปิดเผยขึ้นมาโดยง่าย และเมื่อมนุษย์ทั้งหลายรู้ถึงความเร้นลับของชีวิตเป็นอย่างดีแล้ว ก็คงจะรู้สึกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดมนุษย์ควรจะทำ ก็คือการสร้างจิตใจของตัวเองให้สูงขึ้นด้วยคุณธรรมต่าง ๆ ความคลั่งใคล้หลงไหลที่มุ่งแต่จะแข่งขันกันแสวงหาวัตถุอย่างที่มีอยู่ในเวลานี้ เมื่อถึงสมัยนั้นมนุษย์ทั้งหลายก็คงจะเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ และแล้วก็จะหันมาสนใจในเรื่องการสร้างจิตใจมากขึ้น

    เหตุไรบางคนระลึกชาติได้ บางคนระลึกไม่ได้ ?

    เมื่อไม่นานมานี้มีฝรั่งคนหนึ่งชื่อศาสตราจารย์เอียน สตีเวนสัน ได้เข้ามาสำรวจเกี่ยวกับคนที่ระลึกชาติได้ในเมืองไทย เขาได้พบว่ามีอยู่หลายรายที่มีหลักฐานเชื่อถือได้ว่าระลึกชาติได้จริง ๆ เช่น เท่าที่ปรากฏในเอกสารที่เขารวบรวมไว้ได้นั้นมีอยู่ถึง 600 กว่าราย จากหลักฐานที่เขาอ้างไว้นี้ ทำให้เชื่อได้ว่า คนบางคนสามารถระลึกชาติได้จริง ปัญหามีอยู่ เพราะเหตุไรบางคนจึงระลึกชาติได้ ? และเพราะเหตุไรคนส่วนมากจึงระลึกชาติไม่ได้ ?ขอให้พิจารณาให้เข้าใจเสียก่อนว่า ชีวิตของคนเรานั้นก็เหมือนกับการเดินทาง ตราบใดที่เรายังไม่บรรลุถึงนิพพานเราก็จะต้องเดินต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีการสิ้นสุด การตายไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะโดยธรรมดาเมื่อคนเราตายแล้ว หลังจากนั้นเพียงชั่วขณะจิตเดียวก็เกิดใหม่ เพราะฉะนั้นความตายจึงไม่มีความหมายอะไร ความตายก็เหมือนกับการนอนหลับ ซึ่งผู้ที่นอนหลับเมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว ก็ย่อมจะจำถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วได้ และในระหว่างที่ไปมีชีวิตอยู่ในโลกของโอปปาติกะนั้น โดยปกติพวกโอปปาติกะที่อยู่ในสุคติภูมิย่อมจำถึงเหตุการณ์ในขณะที่เป็นมนุษย์ได้เสมอ ซึ่งบางคนก็จำได้ดีมาก แต่บางคนถ้าเป็นโอปปาติกะอยู่นาน เพลิดเพลินอยู่กับเหตุการณ์ในโลกของโอปปาติกะ ก็อาจจะลืมเหตุการณ์ในโลกมนุษย์ แต่สำหรับพวกที่ยังสนใจอยู่กับเรื่องมนุษย์และยังจำเหตุการณ์ในระหว่างที่ยังเป็นมนุษย์ได้ดี พวกนี้เมื่อมาเกิดเป็นคนแล้ว ย่อมอยู่ในฐานะที่สามารถจะระลึกชาติก่อนได้

    สภาพของจิตตอนที่จะจุติ ถ้าหากเป็นจิตที่มืดมัวไม่ผ่องใส หรืออยู่ในภาวะของความลืมตัว เนื่องจากมีเรื่องอื่น ๆ แทรกเข้ามาในขณะที่กำลังจะจุติ เลยทำให้ลืมถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดโดยหลักธรรมดาเมื่อวิญญาณจุติแล้ว ก็จะปฏิสนธิทันที และในขณะเดียวกันกับที่วิญญาณปฏิสนธินั้น วิญญาณซึ่งอยู่ในสภาพที่ลืมเหตุการณ์ในอดีตทั้งหมด ก็จะเริ่มสร้างสมองขึ้นมาใหม่ตามวิบากที่มีอยู่ในขณะนั้น และสมองที่สร้างขึ้นมาใหม่นั้นก็จะเริ่มตกอยู่ภสยใต้อิทธิพลของกรรมพันธุ์ และสิ่งแวดล้อมที่กำลังมีอยู่ในขณะนั้น และจะอยู่ในสภาพเช่นนี้เรื่อยไป จนกระทั่งคลอด และเมื่อคลอดออกมาแล้วก็เริ่มได้รับอิทธิพลจากสิ่งภายนอก ซึ่งยิ่งจะทำให้สภาพของสมองและสภาพของจิตใจผิดไปจากในตอนที่ยังเป็นโอปปาติกะ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ลืมถึงชาติก่อนได้อย่างสนิท

    เหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้คนเราเกิดมาระลึกชาติก่อนไม่ได้นั้น ก็เพราะพื้นเดิมเป็นคนมีความกดดันมาก มีอารมณ์ค้างมาก เป็นคนมีความจำไม่ดี และชอบฝันหรือสร้างวิมานในอากาศ พื้นนิสัยเหล่านี้แหละที่ทำให้ลืมถึงเหตุการณ์ในอดีต ถ้าหากตอนที่กลังจะจุติมีเหตุการณ์อื่นแทรกเข้ามา เลยทำให้เกิดความลืมตัว ลืมเหตุการณ์ที่ผ่านมา ถ้าหากคนไหนพื้นเดิมเป็นคนไม่มีความกดดัน ไม่มีอารมณ์ค้าง เป็นคนมีความจำดี มีสติอยู่กับตัวเสมอ และเป็นคนมีสมาธิดี ในขณะที่กำลังจะจุติ จิตใจก็ผ่องใส สำหรับบุคคลประเภทนี้เมื่อมาเกิดเป็นคนพอเริ่มพูดได้ เขาก็จะบอกได้ถึงชาติก่อนว่าเขาเคยเกิดเป็นอะไร อันที่จริงเขาระลึกได้ตั้งแต่คลอดมาแล้ว แต่เขาพุดไม่ได้ ตอนที่เด็กพูดได้นั้นย่อมหมายถึงสมองของเด็กเจริญอยู่ในขั้นที่จะช่วยทำให้นึกถึงเหตุการณ์ในหนหลังได้แล้ว

    สาเหตุอีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้ระลึกชาติไม่ได้ก็คือเรื่องเวลา ผู้ที่มีชีวิตเป็นโอปปาติกะนานนับเป็นสิบ ๆ ปี หรือร้อยปีขึ้นไปโดยนับตามเวลาในโลกมนุษย์ และไม่ได้มาติดต่อกับมนุษย์เลย พวกนี้เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ก็จะระลึกชาติไม่ได้

    ตัวอย่างของคนที่ระลึกชาติได้บางคนก็ปรากฏว่าพื้นเดิมเป็นคนไม่สู้จะดีนัก อาจจะทำให้บางคนเกิดความสงสัยว่า เพราะเหตุไรคนประเภทนี้จึงระลึกชาติได้

    คนบางคนที่ว่าในอดีตเป็นคนไม่ดีนั้น เมื่อพิจารณาให้ละเอียดแล้ว บางทีก็ปรากฏว่าลักษณะโดยทั่วไปของเขาดีกว่าคนบางคนที่เราว่าเป็นคนดีเสียอีก ธรรมดาคนที่เกิดมาในโลกนี้ ไม่ว่าจะเลวสักเพียงไรความดีก็ต้องมีอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นจะเกิดมาเป็นคนไม่ได้ สำหรับคนที่มีสันดานต่ำจริง ๆ แล้ว จะไม่มีทางระลึกชาติได้เลย

    การที่สุนัขหอนนั้นไม่ใช่เพราะมันเห็น แต่เพราะมันได้รับความสั่นสะเทือนที่มาจากกระแสวิญญาณของโอปปาติกะ ในทำนองเดียวกับเมื่อสุนัขได้ยินเสียงระฆังตี เสียงที่เข้าไปในหูของมันนั้นได้สร้างความเสียวสยองให้เกิดขึ้นแก่มัน จนกระทั่งมันทนไม่ได้ จึงได้หอนออกมา โดยธรรมดาประสาทของสุนัขมีความไวมาก และจำแม่น เพราะประสาทของสุนัขมีคุณสมบัติพิเศษนี่แหละ เวลาโอปปาติกะเข้ามาใกล้ มันจึงสามารถรับความสั่นสะเทือนอันนี้ได้ และรู้สึกเสียวสยอง หรือคือรู้สึกไม่สบายจนทนอยู่ไม่ได้จึงได้หอนขึ้นมา

    มวยผมของพระพุทธเจ้าที่ทรงตัดครั้งแรก ซึ่งในคัมภีร์กล่าวว่า พวกเทวดาได้เอาไปบรรจุไว้นพระจุฬามณีเจดีย์ในสวรรค์ พวกโอปปาติกะที่อยู่ในภูมินั้นสร้างขึ้นเองไม่ได้ มีโอปปาติกะในภูมิสูงไปสร้างไว้ให้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้พวกโอปปาติกะในภูมิต่ำนั้นได้ยึดเหนี่ยว เพื่อเป็นที่พึ่งในทางอันที่จะให้ใจเป็นกุศล เช่นเดียวกับในโลกมนุษย์ในถิ่นที่กันดาร ประชาชนส่วนใหญ่ยากจน ไม่สามารถจะสร้างวัดขึ้นมาด้วยกำลังของเขาได้ แต่ก็จะมีคนจากถิ่นอื่น ซึ่งมีฐานะดีมีความรู้ความสามารถไปสร้างวัดเอาไว้ให้สำหรับคนในถิ่นนั้น พระจุฬามณีเจดีย์ซึ่งมีอยู่แต่ละภูมินั้น ก็มีลักษณะไม่เหมือนกันทีเดียว เช่นในภูมิที่ต่ำกว่า รัศมีที่เกิดจากพระจุฬามณีจะมีแสงสว่างไม่มากเท่าไร ความสวยงามความประณีตก็แตกต่างกัน ส่วนในภูมิสูง แสงสว่างที่มาจากพระจุฬามณี กล่าวคือแก้วมณีที่เป็นยอดของพระเจดีย์นั้นมีความสว่างมาก และโดยธรรมดาแสงสว่างที่มีในภูมิของโอปปาติกะแต่ละภูมิ ส่วนใหญ่ก็มาจากพระจุฬามณีเจดีย์

    มโนคือวิญญาณเป็นรากฐานของสิ่งทั้งหลาย วิญญาณประเสริฐกว่าสิ่งทั้งหลาย สิ่งทั้งหลายสำเร็จมาแต่วิญญาณ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกของโอปปาติกะที่ว่าเกิดจากวิญญาณนั้น มองเห็นได้ง่าย และเป็นไปอย่างรวดเร็ว ส่วนทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมนุษย์ที่ว่าเกิดจากวิญญาณมองเห็นได้ยาก ต้องเป็นผู้ที่มีปัญญาลึกซึ้งจริง ๆ เท่านั้น จึงจะรู้ความจริงในเรื่องเหล่านี้ได้ ใครมีสภาพแห่งจิตใจอย่างไร อยู่ในระดับไหน ก็จะไปเกิดอยู่ร่วมกันในภูมิที่เหมาะสมกับจิตใจของตน สิ่งแวดล้อมในโลกของโอปปาติกะ ไม่ได้เกิดขึ้นจากอำนาจจิตของคน ๆ เดียว หรือของใครคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ หากแต่เกิดจากอำนาจจิตโดยส่วนรวมของผู้ที่อยู่ในภูมินั้น ๆ

    โอปปาติกะทั้งหลายที่อยู่ในภูมิต่ำ ไม่สามารถแม้กระทั่งจะสร้างอาหารด้วยอำนาจจิตของเขา ต้องอาศัยญาติพี่น้องทำบุญไปให้ ทั้ง ๆ ที่อาหารที่เกิดขึ้นจากผู้อื่นทำบุญไปให้นั้น ก็เกิดขึ้นด้วยอำนาจจิตของตนเอง แต่ก็ไปมีความสัมพันธ์กับอำนาจจิตของคนที่อยู่ในโลกมนุษย์ แต่โอปปาติกะที่อยู่ในภูมิสูง ซึ่งเป็นภูมิของคนที่ได้สร้างความดีเอาไว้มากนั้น สามารถที่จะสร้างอาหารและเสื้อผ้าตลอดถึงสิ่งแวดล้อมบางอย่างได้ด้วยอำนาจจิต
    ของเขา
    -ต่อ-



    อํานาจจิตก็คือพลังจิต
     

แชร์หน้านี้

Loading...