พัฒนาสมองส่วนกลาง สร้างอัจฉริยะได้

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย bunlerts, 13 กรกฎาคม 2010.

  1. bunlerts

    bunlerts เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +273
    Untitled Document


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD></TD><TD vAlign=top width=38>[​IMG]</TD><TD vAlign=top width=900 bgColor=#166923><TABLE height=150 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><STYLE type=text/css><!--body { margin-left: 0px; margin-top: 0px; margin-right: 0px; margin-bottom: 0px;}--></STYLE><TABLE height=25 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=900 border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#993399></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE height=150 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=900 border=0><TBODY><TR><TD width=170 bgColor=#ffffff>
    [​IMG]


    </TD><TD background=img/bhead.jpg bgColor=#006633></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=900 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=170 bgColor=#dae29a><SCRIPT src="Scripts/AC_RunActiveContent.js" type=text/javascript></SCRIPT><STYLE type=text/css><!--body { background-color: #DAE29A;}--></STYLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=170 border=0><TBODY><TR><TD><SCRIPT type=text/javascript>AC_FL_RunContent( 'codebase','http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=7,0,19,0','width','172','height','277','src','flash/menu','quality','high','pluginspage','http://www.macromedia.com/go/getflashplayer','bgcolor','#DAE29A','movie','flash/menu' ); //end AC code</SCRIPT><OBJECT class=inlineimg title=Open-mouthed codeBase=http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=7,0,19,0 height=277 alt="" width=172 data=data:application/x-oleobject;base64,IGkzJfkDzxGP0ACqAGhvEzwhRE9DVFlQRSBIVE1MIFBVQkxJQyAiLS8vVzNDLy9EVEQgSFRNTCA0LjAgVHJhbnNpdGlvbmFsLy9FTiI+DQo8SFRNTD48SEVBRD4NCjxNRVRBIGh0dHAtZXF1aXY9Q29udGVudC1UeXBlIGNvbnRlbnQ9InRleHQvaHRtbDsgY2hhcnNldD13aW5kb3dzLTg3NCI+PC9IRUFEPg0KPEJPRFk+DQo8UD4mbmJzcDs8L1A+PC9CT0RZPjwvSFRNTD4NCg== border=0 classid="clsid:d</OBJECT><NOSCRIPT></NOSCRIPT></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD bgColor=#e8edc2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center border=0><TBODY><TR><TD></B>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=1 width=100 align=center bgColor=#ffff00 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ภาพที่1
    จุด สีแดงที่อยู่ตรงกลางคือสมองส่วนกลาง มันอยู่ในหมวดหยุดทำงาน(Sleeping mode) ก่อนที่จะมีการกระตุ้นสมองส่วนกลาง ความเศร้า และความกดดัน ล้วนเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้สมองส่วนกลางหยุดทำงาน


    สมอง ส่วนกลางได้รับการพัฒนาขึ้นก่อนสมองซีกซ้าย และสมองซีกขวา เชื่อกันว่าตัวอ่อนในครรภ์สามารถ “เห็น” โลกภายนอกครรภ์ก่อนที่จะคลอดออกมาเสียอีก

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=300><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=1 width=100 bgColor=#ffff00 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD>คลื่นสมองแผ่ออกมาจากสมองส่วนกลางภายหลังการกระตุ้น การทดสอบการทำงานของสมองส่วนกลางในขณะที่ผู้ทดสอบถูกปิดตา ผลก็คือพวกเขาสามารถ “เห็น” ได้ด้วยคลื่นสมอง แต่บางคนก็ไม่สามารถจะ “เห็น” ได้เพราะว่าคลื่นสมองไม่แรงพอ อย่างไรก็ดีพวกเขาก็ยังสามารถแยกแยะสี และคำต่างๆ ได้ด้วยการสัมผัส ภายหลังการฝึกฝนพวกเขาก็จะสามารถ “เห็น” โดยใช้คลื่นสมองได้

    เมื่อสมองส่วนกลางได้รับการกระตุ้นแล้ว เด็กๆ จะสามารถอ่าน เขียน วาดภาพ ในขณะที่ถูกปิดตาสมองมีสมรรถนะในการ “เห็น” เมื่อไหร่ก็ตามที่ตาสามารถมองเห็น คลื่นสมองไม่เหมือนกับรังสีเอ๊กซเรย์ (X-rays) ที่สามารถทะลุผ่านเสื้อผ้า และกำแพงได้

    กระตุ้นศักยภาพที่ ซ่อนเร้นของเด็กๆ
    ฝึกฝนสมองของเด็กให้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าทั้งในระบบการศึกษา ในเกมกีฬาหรือกิจกรรมพิเศษอื่นๆ ที่ไม่ยากมากนัก โดยอาจหมุนเวียนเรียนรู้เทคนิคง่ายๆ ต่างๆ ในการฝึกกระตุ้นสมองส่วนกลาง
    หลัก วิทยาศาสตร์ได้สนับสนุนแนวคิดของเทคนิคการกระตุ้นสมองส่วนกลางนี้ การทำงานขั้นสูงของสมองส่วนกลางของเราเป็นเหมือน “สะพาน” ที่เชื่อมระหว่างสมองซีกซ้าย และสมองซีกขวา เมื่อมีสะพานเชื่อมการกระตุ้นย่อมเกิดมีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสมองทั้ง สองซีก ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ และการจดจำดีมากขึ้น เช่นเดียวกันนี้ยังช่วยเสริมสร้าง และนำพาการแสดงออกทางคุณลักษณะพิเศษ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การจดจำ ทักษะการประยุกต์ในด้านต่างๆ ความมั่นใจ และสมาธิที่ดีขึ้น

    </TD></TR></TBODY></TABLE>คุณคงเคยได้ยินมาว่า พวกเรามีสมองทั้งซีกซ้าย และซีกขวา โดยมีสมรรถภาพ และคุณภาพเป็นตัวกำหนดว่าเราควรเรียนรู้ และรับทราบข้อมูลได้อย่างไร สมองส่วนกลางที่กระตุ้นแล้วยังคงยินยอมให้สมองทั้งหมดได้ทำงานต่ออย่างสอด คล้องกัน หากจะมากกว่านั้นก็อาจแค่เพียงการใช้ประโยชน์แค่หนึ่งส่วนของสมองทั้งหมด มีหลายๆ ทฤษฏีได้ตั้งข้อสังเกตว่าสมองซีกขวาที่ดีเลิศเพียงด้านเดียวจะถูกนำพาโดย ภาวะทางอารมณ์ได้ง่ายขึ้น การรับรู้ในสมองซีกขวาในขณะที่คนๆ นั้นมีสมองซีกซ้ายที่เด่นชัดจะสามารถตอบสนองได้ตามลำดับขั้น ของวิถีแห่งความคิดเชิงเหตุผล(ตรรกะ) จะถูกนำพาโดยสมองซีกซ้าย เพราะฉะนั้นผู้ที่มีสมองส่วนกลางที่ดีเลิศจะสามารถใช้สมองทั้งสองซีกได้ อย่างมีคุณภาพ อีกทั้งยังสามารถใช้ประโยชน์ที่เด่นชัดด้านตรรกะจากสมองซีกซ้าย และใช้สัญชาตญาณที่ดีจากสมองซีกขวา เหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์พื้นฐานเบื้องต้นหลังการกระตุ้นสมองส่วนกลางแล้ว</B>
    สมอง ส่วนกลางที่ถูกกระตุ้นแล้วจะทำหน้าที่เสมือนการควบคุมแผงวงจรของสมองทั้งซีก ซ้าย และซีกขวา อีกทั้งยังช่วยเพิ่มสมรรถภาพ และประสิทธิภาพในการเรียนรู้
    สำหรับ ผู้สนใจเข้าเรียนหลักสูตรการกระตุ้นสมองส่วนกลางที่เหมาะสมคือ เด็กที่มีอายุระหว่าง 6-12 ปี เคล็ดลับความสำเร็จในการเรียนมักอยู่ในกลุ่มเด็กที่อายุยังน้อย เพราะว่าสมองส่วนต่างๆ ยังคงง่ายต่อการฝึกฝน สอดคล้องกับที่มีทฤษฏีอ้างเอาไว้ว่าเด็กมักเรียนรู้ภาษาอื่นที่แตกต่างกัน ได้อย่างมีประสิทธิภาพดีกว่าผู้ใหญ่
    เด็กที่ได้รับการฝึกฝนแล้วจะไม่ เพียงแค่มีศักยภาพในการซึมซับข้อมูลต่างๆ ได้ดีขึ้น แต่ยังส่งผลให้การเรียนหนังสือดีขึ้นด้วย รวมถึงการเล่นกีฬา และทำงานศิลปะก็ทำได้ดีขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นการสอนให้สมองทั้งหมดทำงาน และใช้พลังสมองทั้งสองซีกให้เกิดประโยชน์สูงสุด เหล่านักเรียนต่างมีความเป็นเลิศด้านต่างๆ ที่หลากหลาย แค่เพียงใช้สมองแค่ซีกหนึ่งที่เด่นชัดมากกว่าอีกซีกหนึ่งให้เกิดประโยชน์ ลองจินตนาการถึงความสามารถที่ไร้ขีดจำกัดดูว่าหากพวกเขาสามารถใช้พลังจาก สมองทั้งสองซีกได้จะมีผลเป็นอย่างไร แน่นอนว่ามันย่อมทำให้การเรียนรู้ และมีผลสัมฤทธิ์ที่ดีมากขึ้น เล่นกีฬาได้เก่งขึ้น ส่งผลให้เส้นทางชีวิตไปในอนาคตที่ดีกว่า เด็กจะมีโอกาสไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตตามที่เขาฝันได้ง่ายมากขึ้น จิต ใจที่มุ่งมั่นเป็นกุญแจสำคัญของกีฬาที่เป็นเลิศ
    เราเคยได้ยินการอธิบาย เรื่อง “ปัญญาอยู่เหนือทุกสิ่ง” และทั้งหมดก็เป็นเรื่องของปัญญาล้วนๆ เราอาจได้รับความสำเร็จในด้านใดด้านหนึ่งของชีวิต แต่เมื่อพูดถึงเรื่องการกีฬา ทุกคนย่อมคิดถึงสมรรถนะของร่างกายที่จะทำให้ได้รับชัยชนะในเกมกีฬา หากสมองได้รับการฝึกฝนให้ซึมซับข้อมูล และเรียนรู้ให้ง่ายขึ้น เมื่อนั้นร่างกายจะทำตามความคิด และช่วยเพิ่มสมรรถนะของร่างกายให้รวดเร็ว และแข็งแกร่งขึ้น เช่นเดียวกันกับการที่จะสามารถดึงเอารายละเอียด และเทคนิคต่างๆ ที่จำเป็นมาใช้ได้เป็นอย่างดีในทุกๆ ประเภทของกีฬา งานวิจัยพบว่าปกติคนเราใช้สมองของตัวเองน้อยกว่า 1% ของศักยภาพทั้งหมดที่สมองทำได้ ทั้งยังอ้างอีกว่า Albert Einstein (นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน) ใช้สมองของเขาเพียงแค่ 10% จากศักยภาพที่แท้จริงของสมองเขา อย่างไรก็ตามเมื่อได้ผ่านการเรียนรู้เทคนิคการฝึกจิตที่หลากหลายแล้ว ที่เราต้องทำก็แค่เพียงปลุกยักษ์ใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในตัวของเราให้ตื่นขึ้น เราก็จะพบศักยภาพที่แท้จริงของตัวเรา มีผู้เชี่ยวชาญเคยพูดว่าการเปลี่ยนร่างต้องเกิดขึ้นจากระดับภายในก่อน ส่วนผลที่ได้จะเกิดขึ้นในภายนอก และนี่คือหลักสำคัญที่แน่ใจได้ว่าประโยชน์ต่างๆ ที่ได้รับจะคงอยู่อย่างมั่นคง

    นี่คือการปฏิวัติเทคนิคการกระตุ้นสมองส่วน กลางที่ดีที่สุดที่มาถึงประเทศไทยแล้ว ในขณะที่มีองค์ความรู้ใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวันในส่วนต่างๆ ของโลกใบนี้ โปรแกรมการฝึกนี้สั้นกระชับ แต่ผลสัมฤทธิ์ที่ได้รับเป็นที่ยอมรับมาแล้วในหลายภูมิภาคของโลก
    หลัก วิทยาศาสตร์สนับสนุนแนวคิดของการกระตุ้นสมองส่วนกลางว่าเป็นเทคนิคในการ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองส่วนกลางของคน โดยเป็นเหมือน “สะพาน” เชื่อมระหว่างสมองซีกซ้าย และสมองซีกขวา อันจะทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ และการจดจำของสมองเพิ่มมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังช่วยเสริมสร้าง และนำพาคุณลักษณะพิเศษออกมาจากตัวเรา เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การจดจำ ทักษะต่างๆ ในการประยุกต์ใช้งาน ความมั่นใจ และสมาธิ คุณลักษณะพิเศษต่างๆ เหล่านี้มีความสำคัญต่อวงการกีฬาต่างๆ และกิจกรรมอื่นต่างๆ ที่ต้องใช้ความคิดเชิงสร้างสรรค์
    เราหลายคนเคยได้ ยินมาว่า พวกเรามีสมองทั้งซีกซ้าย และซีกขวา และมีสมรรถภาพ และคุณภาพเป็นตัวกำหนดว่า เราจะเรียนรู้ และรับรู้ข้อมูลต่างๆ ได้อย่างไร การกระตุ้นสมองส่วนกลางยินยอมให้สมองทำงานได้ทั้งหมด มากกว่านั้นก็เพียงแค่การใช้ประโยชน์แค่เพียงหนึ่งส่วนของสมอง ผู้สนใจเข้าเรียนการกระตุ้นสมองส่วนกลางที่เหมาะสมคือเด็กที่มีอายุระหว่าง 6-12 ปี เทคนิคนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากในกลุ่มเด็กที่อายุยังน้อย เพราะว่าสมองส่วนต่างๆ ยังคงง่ายต่อการฝึกฝน และยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนรู้ในแนวทางใหม่ๆ ได้เช่นกัน ดังนั้นหากเด็กที่อายุยังน้อยให้ความสนใจในชนิดกีฬาที่แน่นอนแล้ว พวกเขาจะได้รับการฝึกฝนให้เป็นเลิศในการเล่นในระดับสูง การฝึกฝนนี้ไม่ได้ช่วยแค่ในเรื่องการเล่นกีฬา แต่ยังให้ประโยชน์ในการเพิ่มขีดความสามารถทางด้านการเรียน และความตั้งใจทำผลสอบให้ได้ดี อีกทั้งยังส่งผลให้ความประพฤติที่โรงเรียนดีขึ้นอีกด้วย โดยหากได้รับการฝึกฝนตั้งแต่เล็กๆ จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อชีวิตในอนาคตของเด็กๆ เพราะสมองของเด็กจะได้รับการฝึกให้พร้อมที่จะซึมซับข้อมูล และทักษะด้านต่างๆ ดังนั้นพวกเขาจึงเรียนรู้ และสามารถปฏิบัติได้ในระดับที่ดีมากต่ออาชีพ และความเชี่ยวชาญต่างๆ ที่พวกเขามี แม้กระทั่งในด้านกีฬา ศิลปะ หรือการเรียน การฝึกฝนการกระตุ้นสมองส่วนกลางเป็นผลประโยชน์ที่พึงได้ตลอดชีวิตของผู้ เรียน เด็กจะเริ่มต้นประมวลผลความรู้ และทักษะต่างๆ โดยใช้สมองทุกส่วนของพวกเขานำพาสู่ความสำเร็จได้มากขึ้นทั้งในปัจจุบัน และอนาคต มันจะเป็นพื้นฐานของวิถีแห่งชีวิตเพียงสิ่งเดียวที่จะช่วยให้พวกเขาพัฒนาตน เองไปจนถึงสุดขอบเส้นของการแข่งขันในโลกที่มีแต่การเปลี่ยนแปลง และไม่แน่นอนดังเช่นทุกวันนี้
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>“หนูมักจะสนใจเล่นกีฬาหลาย ชนิด แต่ก็ทำได้ไม่ดีเลยสักอย่าง หลังจากที่สมองส่วนกลางของหนูได้รับการกระตุ้นแล้ว หนูสามารถวิ่งได้เร็วขึ้น กระโดดได้สูงขึ้น หนูชนะเลิศได้ 3 เหรีนญทอง เป็นครั้งแรกในชีวิตของหนูที่ได้รับผลสำเร็จเช่นนี้”เพิ่มสมรรถภาพทาง ด้านกีฬา
    แนวคิดใหม่ของการกระตุ้นสมองส่วนกลาง ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ใช้เทคนิคการกระตุ้นสมองส่วนกลางของคน โดยรวมการใช้สมองทั้งซีกซ้าย และซีกขวา เมื่อทำเช่นนั้นแล้วพลังขับเคลื่อนทักษะต่างๆ ความตระหนักรู้ของบุคคลสามารถที่จะเพิ่มการคาดการณ์ และการตอบสนองให้ดีขึ้น ดังนั้นด้วยการเพิ่มขึ้นของปัจจัยที่ดีต่างๆ บุคคลยังสามารถเพิ่มขีดความสามารถด้านการเล่นกีฬาด้วยเช่นกัน มีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นถึงข้อดีของการเล่นของเด็ก ทั้งการเล่นที่เป็นแบบมีหลักการ และไม่มีหลักการทั่วๆ ไปว่า เป็นหนึ่งในวิธีเริ่มต้นที่เด็กเล็กๆ ใช้ค้นพบโลก พัฒนาร่างกายของพวกเขา เพิ่มกระบวนการคิด และความเข้าใจต่อภาวะทางสังคม และเพิ่มพัฒนาการ อีกทั้งยังพิสูจน์พบว่ามีการพึ่งพากันระหว่างการเคลื่อนไหว การเรียนรู้ และพัฒนาการทางสมอง นี่คือหลักสูตรการกระตุ้นสมองส่วนกลางที่มาถึงประเทศไทยแล้ว ด้วยวิธีการฝึกฝนสมองในส่วนกลางให้ทำงานเหมือน “สะพาน” ที่เชื่อมให้สมองทั้งซีกซ้าย และซีกขวาทำงานร่วมกัน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการเรียนรู้ของสมอง เด็กนักเรียนจะซึมซับข้อมูลได้มากขึ้น และเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น เมื่อสมองส่วนกลางได้รับการกระตุ้น

    </TD><TD width=300><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=1 width=100 bgColor=#ffff00 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>นักเรียนก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากสมองทั้งซีกซ้าย และซีกขวาได้อย่างมีคุณภาพ</B>
    การฝึกฝนนี้สามารถนำมาใช้อย่างจำเพาะในด้าน กีฬา เพียงความคิดเดียวสามารถทำให้เขาหรือเธอได้รับความสำเร็จด้านกรีฑา และกีฬาประเภททีมต่างๆ มันยิ่งสำคัญมากขึ้นสำหรับกีฬาประเภทบุคคลที่ระดับของการจดจ่อ และความมุ่งหวังมีความจำเป็นมาก เช่น กีฬากอล์ฟ เทนนิส และศิลปะการต่อสู้ ถ้าหากสมองได้ถูกฝึกฝนให้ซึมซับข้อมูลได้มากขึ้น และเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น เมื่อนั้นร่างกายจะตอบสนอง เปลี่ยนพลังให้กลายมาเป็นความทรหด และรวดเร็ว เช่นเดียวกับการที่จะสามารถดึงเอารายละเอียดของเทคนิคต่างๆ ที่จำเป็นมาใช้ได้เป็นอย่างดีในทุกๆ ประเภทกีฬา
    ผู้เข้าเรียนการกระตุ้น สมองส่วนกลางที่เหมาะสมคือ เด็กที่มีอายุระหว่าง 6-12 ปี การฝึกฝนนี้ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมากในกลุ่มเด็กที่ยังอายุน้อย เพราะว่าสมองส่วนต่างๆ ยังคงง่ายต่อการฝึกฝน และยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนรู้ในแนวทางใหม่ๆ โดยหากได้รับการฝึกฝนตั้งแต่เล็กๆ เด็กจะได้รับประโยชน์อย่างมากต่อชีวิตในอนาคต เพราะสมองได้รับการฝึกให้พร้อมที่จะซึมซับข้อมูล และทักษะต่างๆ ดังนั้นพวกเขาจึงเรียนรู้ และสามารถปฏิบัติได้ในระดับที่ดีมากต่ออาชีพ และความเชี่ยวชาญต่างๆ ที่พวกเขามี แม้กระทั่งในด้านกีฬา ศิลปะ หรือการเรียน
    การกระตุ้นสมองส่วนกลางได้ประโยชน์ตลอดชีวิต เด็กจะเริ่มกระบวนการเรียนรู้ และทักษะต่างๆ ตลอดชีวิตของพวกเขา การประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่เพียงวันนี้แต่ต้องมีผลไปถึงอนาคตด้วยเช่นกัน สมองส่วนกลางต้องการการกระตุ้นเพียงแค่ครั้งเดียว เมื่อเด็กโตขึ้นการฝึกฝนจะช่วยให้พวกเขามีพัฒนาการ และพวกเขาก็จะเริ่มแสดงความสามารถในระดับสูงขึ้นตามทิศทางชีวิตของพวกเขา ในแง่ความเชี่ยวชาญด้านกีฬา เด็กจะมีความเป็นเลิศ และพัฒนาความสามารถไปจนถึงขีดสุดแห่งสมรรถนะของพวกเขาอย่างไม่คาดคิด
    สมอง ทุกส่วนย่อมดีกว่าสมองแค่ครึ่งเดียว
    ใครก็ตามที่เคยกล่าวว่า “น้อยคือมาก” แท้จริงแล้วมันไม่ใช่การกล่าวอ้างถึงสัดส่วนของสมองที่เราใช้โดยทั่วๆ ไป มนุษย์วัดน้ำหนักของทั้งสมองซีกซ้าย และซีกขวาเป็นเกณฑ์ แต่ใช้สมองเพียงแค่ 1% ในการดำรงชีวิต ทำงาน และจัดการกับชีวิตประจำวัน ในการเปรียบเทียบถึง Albert Einstein เขาใช้ศักยภาพสมองของเขาเพียง 10% ในการค้นพบทฤษฏีสัมพันธภาพ ลองจินตนาการถึงความเป็นไปได้ที่ไม่มีวันสิ้นสุดที่เรา และเด็กๆ ของพวกเราจะได้รับ หากพวกเราสามารถใช้ประโยชน์จากสมองทั้งหมดของพวกเรา เราอาจต้องอ่าน เขียน วาด หรือแม้แต่ขี่จักรยานในขณะที่ปิดตา บางคนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ความจริงปรากฎชัดออกมาแล้วในโปรแกรมการฝึกที่เรียกว่า “การปิดตาอ่าน”

    หลัก วิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนเรียกการฝึกนี้ว่า การกระตุ้นสมองส่วนกลาง โดยที่นักเรียนจะถูกกระตุ้นสมองส่วนกลางของพวกเขา สมองส่วนกลางเปรียบเหมือน “สะพาน” เชื่อมระหว่างสมองซีกซ้าย และสมองซีกขวา เมื่อสะพานถูกกระตุ้นแล้ว สมองส่วนกลางจะยอมให้มีการดึงข้อมูลระหว่างสมองทั้งสองซีก นำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ และซึมซับข้อมูลได้ในปริมาณที่มากขึ้น รวมถึงช่วยกระตุ้น และเสริมสร้างคุณลักษณะต่างๆ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การจดจำ ทักษะการประยุกต์ ความมั่นใจ และสมาธิ คุณลักษณะทั้งหลายเหล่านี้มีความสำคัญเป็นพิเศษต่อกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิ และความมุ่งหวัง เป็นปัจจัยที่สำคัญในการบรรลุผลทางบวก และผลสำเร็จที่เหนือกว่า โดยไม่คำนึงถึงระดับผลการเรียนหรือผลสำเร็จในปัจจุบันของเด็ก การสัมมนาเชิงปฏิบัติการจะมีประสิทธิภาพ และเพิ่มพูนความสามารถของพวกเขาให้มากขึ้นอีก


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top width=38>[​IMG]</TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE height=50 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#166923></TD></TR></TBODY></TABLE></B>
     
  2. Partiharn

    Partiharn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +182
    น่าสนใจ และนำไปพัฒนา สมองของตนเอง

    ใจคุณมองเห็นสิ่งใหน มือคุณก็จะได้ถือสิ่งนั้น
     
  3. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    ขอขอบคุณ สำหรับข้อมูล
    สาระดี มีประโยชน์ ค่ะ
     
  4. bendee

    bendee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +12
    เนื้อหาเป็นประโยชน์มาก แต่มนุษยชาติส่วนใหญ่จะคิดไม่ถึงว่าเดิมสมองนั้นสามารถพัฒนาได้มากกว่าที่คิด ขอบคุณกับท่านสามชิกที่ได้โฟสเนื้อในเวปนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...