พระพุทธศาสนานั้นเป็นศาสนาของเหตุและผล

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 3 เมษายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,389
    ค่าพลัง:
    +26,204
    8B03F21F-9249-4790-8432-E59A23D1ABC7.jpeg

    หลักธรรมในพระพุทธศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ผู้ใดกระทำก็เป็นคุณแก่ตัว ผู้ใดทำตามก็ย่อมได้รับประโยชน์เฉพาะตน เป็นสิ่งที่ต้องขวนขวายกระทำด้วยตัวเอง จะให้ผู้อื่นกระทำแทนไม่ได้ โดยเฉพาะครูบาอาจาย์ไม่ใช่ผู้วิเศษ ที่จะมาเสกหรือว่าดลบันดาลให้เราเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ ให้เราได้อย่างนั้น ได้อย่างนี้

    พระพุทธศาสนานั้นเป็นศาสนาของเหตุและผล ถ้าหากว่าเราสร้างเหตุได้เพียงพอ ผลนั้นก็เกิด ถ้ายังสร้างเหตุไม่เพียงพอ ก็ต้องเพียรพยายามสร้างต่อไป จนกว่าเหตุนั้นเพียงพอ ผลดีก็จะเกิดแก่เราเอง เป็นต้น

    สาวกขององค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเป็นบุคคลที่ไม่ควรประกอบไปด้วยอคติทั้ง ๔ ต้องเป็นบุคคลที่หูหนัก อย่าเชื่อใครง่าย ๆ โดยเฉพาะในปัจจุบัน "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" ต่าง ๆ พยายามที่จะหลอกลวงพวกเราอยู่ตลอดเวลา ถ้าหูเบา เชื่อง่าย ก็จะโดนหลอกลวงได้ง่าย

    ในขณะเดียวกัน ก็ต้องเป็นบุคคลที่ขยัน พากเพียรพยายามกระทำในสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง เพราะว่าเป็นเรื่องที่คนอื่นทำแทนไม่ได้ ต่อให้เป็นแฟนก็ทำแทนไม่ได้ ต้องกระทำด้วยตนเอง ก็คือปฏิบัติในไตรสิกขา รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา ใช้ปัญญาประกอบให้รู้แจ้งเห็นจริง ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ในโลก ไม่ว่าจะเป็นตัวเรา บุคคลอื่น สัตว์อื่น วัตถุธาตุต่าง ๆ ประกอบไปด้วยความไม่เที่ยงเป็นปกติ มีแต่ความทุกข์เป็นปกติ ท้ายที่สุดก็ยึดถือมั่นหมายอะไรไม่ได้ ไม่มีอะไรเป็นตัวตนเราเขาหลงเหลืออยู่เลย

    ถ้าหากว่าเราสามารถทำใจเช่นนี้ได้ ก็จะถอนใจจากการยึดเกาะร่างกายของตนเอง ถ้าหากว่าถอนใจถอนใจจากการยึดเกาะร่างกายของตนเองได้ ก็จะไม่ยึดเกาะร่างกายของคนอื่น ไม่ยึดเกาะร่างกายของสัตว์อื่น ไม่ยึดเกาะสิ่งหนึ่งประการใดในโลกนี้

    ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายถอนใจออกมาได้ในเบื้องต้น ก็ย่อมเข้าถึงมรรคถึงผลในระดับ "พระโสดาบัน"

    ถ้าหากว่าท่านสามารถทำใจของตนให้ถอนออกได้มากขึ้นไป ก็สามารถเข้าถึงมรรคถึงผลในระดับของ "พระสกทาคามี"

    ถ้าหากว่าชำระใจของตนให้ผ่องใส ปราศจากราคะ โลภะ โทสะ ท่านก็จะเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าในระดับ "พระอนาคามี"

    ถ้าท่านไม่ยึดไม่เกาะสิ่งหนึ่งประการใดเลย รู้ว่าดีก็ทำ รู้ว่าชั่วก็ละ ไม่ยึดเกาะทั้งดีทั้งชั่ว ท่านก็จะผ่ากลางของความดีความชั่ว คือ "หลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน" ได้ดังที่ทุกคนปรารถนา

    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๕

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระครูวิลาศกาญจนธรรม #หลวงพ่อเล็ก
    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนา #watthakhanun
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...