พระปิดตาสายเขาอ้อ เค้าเล่นกันอย่างไร.....

ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนน่ะครับว่าผมไม่ใช่เซียนพระใหญ่โตแต่อย่างใด แต่ ก็อยู่ในวงพระเครื่องสายเขาอ้อนี้ มาพอสมควร ก็พอจะมีความรู้ในเรื่อง ทฤษฎี เล็กๆๆน้อยๆๆ ของพระปิดตาแขนงหนึ่งที่เป็นที่นิยมในแดนใต้ อยู่ขณะนี้ ครับ นั่นก็คือ ปิดตาสายเขาอ้อ ของ งหวัดพัทลุง เพื่อเป็นประโยชน์ แก่ท่านที่สนใจ และ อยากจะหาเก็บไว้บูชา หรือ เป็นแนวทาง สำหรับท่าน ที่อยากบูชาเก็บไว้ ผมได้ประเมิณ ทั้ง คุณค่า และ ด้านราคา และการเล่นหายาก ง่าย เพื่อบางท่านที่พึ่งศึกษาใหม่ๆๆ จะได้มีพระ เก็บไว้ใช้บูชา ตามสเป๊ก ตามแต่ละท่านจะมีความศรัทธา และ ตามกำลัง ครับ

คำถามแรก
ว่ากันเรื่องของที่มา .. พระปิดตาเมืองลุง สร้างมาตั้งแต่ยุคไหน ใครเป็นคนดำริสร้างเป็นท่านแรก และ มีท่านใดสร้างมาบ้าง

อันดับแรก พระปิดตา จากการเล่นหากันมาเป็นสากล นั้น นับกาล ครั้งแรก ในยุค ปี 2485 ยุคสงครามโลก ครั้งที่ 2 ซึ่งถือได้ว่าเป็นยุคเฟื่องฟู ของการสร้าง พระปิดตาเมืองลุงเลยครับ และได้มีการสร้างตลอดมา จนถึงปัจจุบัน

มีรายนามพระที่สร้างพระปิดตา และ มีชื่อเสียง หลายท่าน ครับ เช่น

1.1 อ.เอียด วัดดอนศาลา
1.2 อ.ปาล วัดเขาอ้อ
1.3 อ.ดิษฐ์ วัดปากสระ
1.4 อ.เซ็น วัดท่ามิหรำ
1.5 อ.หมุน วัดเขาแดงตะวันออก
1.6 อ.เจ๊ก วัดเขาแดงตะวันตก
1.7 อ.เหลื่อม วัดนาท่อม
1.8 อ.แต้ม วัดท่าสำเภาเหนือ
1.9 อ.ชู วัดเต่า
1.10 อ.ชัย วัดควนปริง
1.11 อ.นำ วัดดอนศาลา
1.12 อ.ศรีเงิน วัดดอนศาลา
1.13 พระครูการชาด บุญทอง


ซึ่ง ที่กล่าวมานั้นเกือบทั้งหมด ส่วนใหญ่ จะสร้างพระปืดตาในยุคสมัย ปี 2485 เป็นหลัก เว้น แต่ อ.นำ และ อ.ศรีเงิน ที่สร้างในภายหลัง แล้วจะกล่าวต่อไปครับ

คำถามต่อมาที่ มักนั่งถกเถียง กันไม่รู้จักจบจักสิ้น นั้น คือ ปรามาจารย์ อ.ทองเฒ่า ได้สร้างพระปิดตาไว้หรือไม่ อ.ทองเฒ่า ท่านเป็น อาจารย์ ของ อ.ปาล อ.เอียด อ.นำ ฯลฯ ถือว่า เป็นปรมาจารย์แห่งยุค ท่าน มรณะภาพ ราวๆๆ ปี 2460 ซึ่งถ้าสร้างพระ ก็ต้องก่อนหน้านั้น แล้วก็ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า ท่านสร้างไว้หรือไม่ ถ้าสร้างพระชุดนั้น ต้องแพงระดับ หลักล้าน แน่นอน แต่ไม่มีใครยืนยันได้แน่ชัดครับ

เพราะฉะนั้น ข้อแรกที่พึงระวังและ การเล่นพระสายเขาอ้อที่ดี คือ ถ้าเอาพระปิดตามาบอกว่าเป็นของ อ.ทองเฒ่า ก็อย่าปักใจเชื่อ เพราะไม่มีใครรู้แน่ชัดสักคนเดียว มีแต่ ข้ารู้ ข้าว่าใช่ แต่เพียงผู้เดียว เมื่อคุณบูชาแล้ว ก็ ถือว่าอันตราย เวลาเช๊ค คนที่เขาเช๊คไม่รู้จะตอบคุณว่าอย่างไร เพราะพระ ลึกเกินไป ไม่มีประวัติ ไม่มีที่มา ที่ไปเลย ว่าง่ายๆๆไม่มีใครดูเป็นนั่นเอง

 

คำถามต่อมา ถ้าจะเล่นหละ พระปิดตา อะไรบ้างที่นิยมที่สุด และแพง ทำไมถึงแพง สร้างกันอย่างไร ปลอมดีไม๊ จะกล่าวเป็นรายองค์ครับ โดยอิงข้อมูล ณ ปัจุบัน วันนี้ (4 เมษา 53)

ปิดตายอดนิยม มีดังนี้ครับ
1.ปิดตาสำนักเขาอ้อ ยอดนิยม
1.1ปิดตาอ.เอียด วัดดอนศาลา ท่านเป็นศิษย์ อ.ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ เป็นศิษย์เอก จึงยก ท่านเป็นอันดับแรก พระปิดตาท่านที่เล่นกัน มาตรฐาน นิยมสุด นั้น คือ ปิดตามหายันต์ ปี 2485 สร้างพร้อมพระมหาว่าน ถือว่านิยม และ ชัวร์สุดในด้านประวัติ ที่มาที่ไป ไม่ต้องกลัวครื่นใต้น้ำ เช่า หาเก็บ ก็ดูแค่แท้ปลอม อย่างเดียว แต่ที่ควรระวังที่สุด คือเล่นเฉพาะเนื่อตะกั่วล้วนๆๆน่ะครับ จะดีที่สุด (เนื้ออื่น ระวังนิดนึงครับ)

พระปิดตาท่านสร้าง ด้วยกรรมวิธี การหล่อแบบ เบ้าประกบ ด้านหน้าเป็นพิมพ์มหาอุตต์ สร้างด้วนเนื้อตะกั่ว จากแผ่นยันต์ ที่ท่านจาร ครับ

ที่มาในการสร้างพระรุ่นนี้ อ.เอียดท่านเห็น ว่าบ้านเมื่อเกิดสงคราม ท่านจึงอยากช่วย จึง เรียกท่านขุนพันธ์ มาหารือ ท่านขุน จึงแนะนำให้สร้างพระแจกทหารครับ

ภาพประกอบ พระปิดตามหายันต์ จากร้าน ศ.สิริวัฒน์ ขอบพระคุณเอื้อเฟื้อภาพครับ

 

ปิดตาต่อมาเป็นปิดตา ของท่านอ.ปาล วัดเขาอ้อ

ศิษย์น้องอ.เอียด แต่ได้เป็นเจ้าสำนักวัดเขาอ้อ ใน ปี 2485 ก็ได้สร้างพระ ปิดตาเช่นกัน เป็นพิมตะพาบน้ำ ถอดพิมพ์มาจาก ปิดตาวัดสะพานสูง กทม. มีทั้งมหาลาภ และ มหาอุตต์ เนื้อเป็นลักษณะเนื้อทองผสม ออกเหลือ และ ออกแดง มีพิมหลายพิมพ์ เล็กที่สุด เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

กรรมวิธีการสร้าง แบบ เบ้าหยอดขนมครก โดยแกะ พิมพ์ จากกระดอกหมึก แล้วหยอด เมื่อก่อน ท่านแจก ไป มีคนแก่เล่าว่า ที่ได้รับการแจกนั้น โดยเอาเหล้าขาวไปแลก(ชาวบ้านรู้ดีว่าสายเขาอ้อ มักฉันเหล้า ตั้งแต่ อ.ทองเฒ่า) การสร้างแบบหยอดเบ้านี้ จึงเป็นที่มาของ หลังย่นครับ

ราคา พิมพ์ใหญ่หลักหมื่นกลางๆๆ ไป จนหลักหมื่นปลาย

ของปลอมทำได้เหมือนมากๆๆ ถือเป็นพระปิดที่ดูยากมากที่สุดของเมืองลุง

 

สวัสดีครับ พี่ Specialized ขอบพระคุณสำหรับมิตรภาพที่ดีครับ

พระองค์ที่พี่โชว์ให้ผม ดูนั้น ถ้าถามว่า เป็นพระ ของท่านอ.ปาล วัดเขาอ้อ หรือไม่ ตามหลักสากล แล้ว สายตรง หรือ นักเล่นรุ่นเก่า ในพื้นที่ ไม่มีการเล่น พระพิมพ์นี้ เป็นของท่านอ.ปาล ครับ

ส่วนพระจะแท้ หรือ เป็นของอ.ท่านใด ก็ไม่อาจทราบได้ครับ เพราะพระสายเขาอ้อ ไม่มีการเล่นพระพิมนี้ครับ

เหตุผล คือ
1.พระปิดตาอ.ปาล มีการสร้างแบบ การหล่อแบบหยอดเบ้าขนมครก ครับ พระของพี่เป็นลักษณะพิมพ์ปั้น ขึ้นมาทีละ ซึ่งเท่าที่ทราบ ไม่เคยมีการกล่าวถึงลักษณะการสร้าง แบบนี้ ในการสร้างพระของท่านอ.ปาล วัดเขาอ้อ

2.ในเรื่องพิมพ์พระนั้น พระของพี่ เป็นพระพิมพ์ลักษณะปิดทวารทั้ง9 ซึ่งก็ไม่ปรากฎในการสร้างพระของท่านอ.ปาล เช่นกัน ครับ เพราะพิมพ์พระของท่านอ.ปาล เท่าที่พบมี พิมพ์มหาอุตต์ (ปิดด้านหน้าอย่างเดียว หลังเรียบมีรอยย่น) และ พิมพ์มหาลาภ ลักษณะพระทั้งสองพิมพ์เป็นพระทรงตะพาบน้ำ ครับ

ความรู้ของผมก็มีเพียงเท่านี้ ที่พอจะให้คำแนะนำได้ครับ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยน่ะครับ

 

พระปิดตา อ.ดิษฐ์ วัดปากสระ

อ.ดิษฐ์ วัดปากสระ จริงๆๆแล้วท่านมิได้เป็น ศิษฐ์ สายสำนักวัดเขาอ้อ แต่อย่างใดครับ ท่านเป็นพระ มาทางพุทธ สายท่านรอด วัดควนกรวด พระปิดตา ท่านสร้างครั้งแรก สมัย ปี 2485 เช่นกันครับ โดยพระที่เป็นที่นิยม ของท่านและเชื่อกันว่าเป็นพระที่แพงที่สุดของเมืองลุง ครับ คือ พระสังกัจจายย์ พิมพ์ใหญ่ ราคาหลักหลายๆๆแสนครับ และ ในการสร้างพระครั้งนี้ท่านไหดสร้างพระปิดตามาด้วย และ มีมากพิมพ์ครับ โดย มีดังนี้ครับ

พระปิดตา อ.ดิษฐ์ ที่เป็นพิมพ์มาตรฐาน
1.พระปิดตาหลังยันต์นอน
2.พระปิดตามือไขว้
3.พระปิดตาโยงก้น(มีแบบพิมพ์ปั้นด้วย)
4.พระปิดตา มหาลาภมือตรง (ท้องแฟบ,หลังคู้) ช่างเดียวกับมือไขว้
5.พระปิดตาอกกว้าง(มีหลังยันต์จม,มหาอุตต์)
6.พระปิดตาหลังยันต์ นะล้อม
7.พระปิดตาพิมพ์ปั้นทั่วไป
8.และมีพิมพ์ย่อยๆๆ อีก ครับ

การสร้างพระสมัย แรก ปี 2485 นั้น ที่วัด ขณะนั้น ได้เปิดขอรับบริจาค โละ ไม่จำกัด โลหะ คือใครมีโลหะอะไร ที่พอจะหลอมเป็นพระได้ก็รับหมด เพราะฉะนั้นเหตุนี้ จึงเกิดเป็นเนื้อเฉพาะของอ.ดิษฐ์ ที่เรียกว่า เนื้อโลหะผสม ซึ่งคำว่าเนื้อโลหะทองผสมแยกออกอีกได้เป็น เนื้อสัมฤทธิ์ (ขันลงหิน) และ เนื้อโลหะผสมทั่วไป
เนื้อโลหะผสม (ขันลงหิน) เนื้อนี้ นักเล่นพระนิยมกันมาก เพราะ เมื่อพิจารณาการสร้างแล้ว มีจำนวนน้อยมาก เพราะเนื้อนี้ คือเนื้อโลหะ หนักๆๆมีความหนาแน่สูง เช่น เงิน ซึ่งโลหะเหล่านี้ จะอยู่ที่ก้นของเตาหลอมโลหะ มีน้อยมาก ส่วนใหญ่จะพบกับ สังกัจจายย์ รวมถึง พระปิดตาพิมพ์ต่างๆๆ เป็นจำนวนน้อย

และนอกจาก โลหะที่ ได้รับจากชาวบ้านแล้ว อ.ดิษฐ์ จะผสมแผ่นยันต์ที่ท่านเสก วิธีการเสก คือ เอาแผ่นยันต์ (ที่ยังไม่จาร) จะกี่แผ่นก็ไม่ทราบได้ วางซ้อนกันทั้งหมด เข้าใจ ว่าน่าเป็น ร้อยแผ่น แล้วท่านจะเพ่งกระแสจิต จารแผ่นบนเพียงแผ่นเดียว ยันต์ทั้งหมดที่จารที่แผ่นบน จะปรากฎในแผ่นล่างทุกแผ่นด้วย

ที่วัดอ.ดิษฐ์ (วัดปากสระ) จะมีเบ้าและเตาหลอมที่วัด เพราะฉะนั้นพระทั้งหมดจึงสร้างกันภายในที่วัด

พระของท่านมี 2 ประเภท
1.พระพิมพ์ปั้น
2.พิมพ์เบ้า
2.1 เบ้าดิน
2.2 เบ้าเหล็ก

การสร้างพระในชุด ปี 2485 นั้นส่วนใหญ่ จะสร้างด้วนเบ้าดิน โดยเฉพาะสังกัจจาย์

ต่อมาราวๆๆปี 2495-2507 ได้มีการสร้างพระสังกัจจายย์ ออก ณ ปากถนน ปรางชัย เรียกว่าพระสังกัจจาย์ปรางชัย ถือว่าเป็นพระที่ดีเยี่ยม เหมาะแก่ท่านที่ต้องการหาสังกัจจายท่านดิษฐ์ แต่เห็นว่ารุ่นแรก หายาก หรือ แพงเกินไป เพราะรุ่นนี้ สร้างโดยนำเอาโหละที่เหลือจากการสร้างพระปี 2485 รวมถึงตะไบองค์พระที่ท่านดิษฐ์เก็บไว้มาสร้างใหม่ และ ตอนนี้เป็นรุ่นที่มีคนตามเก็บกันมาก เพราะเกิดประสบการณ์มาก และ ราคา ไม่โหดร้ายทารุณจนเกินไปครับ

ปิดตาปรางชัย โดเรม่อน หูซาวเบ้าว์
บางท่านที่หา พระรุ่นนี้ ต้องได้ยินกับคำว่า หูซาวเบ้า หรือโดเรม่อน เพราะคำๆๆ นี้มีที่มาจาก เป็นพิมพ์นิยมของรุ่นนี้ เพราะเชื่อกันว่าถ้าเป็น หูซาวเบ้า จะเป็นพระที่สร้างในยุคแรกของรุ่นนี้ คือ ประมาณปี 2495 นั่นเองครับ เพราะพระรุ่นนี้ ท่านดิษฐ์ได้เอาบล๊อคเดิม มาสร้างเรื่อยๆเมื่อแจกพระหมดก็ สร้างอีก จน ราวๆพ.ศ 2507 หรือปลายๆๆ ก็หยุดการใช้บล๊อคนี้ ครับ

พระอ.ดิษฐ์ วัดปากสระ ทั้งพระสังกัจจาย และ พระปิดตาทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์นิยม หรือไม่ ควรเล่นที่เป็นพิมพ์มาตรฐาน และ ไม่ควรเล่นพิมพ์แปลกๆ และ โปรดระมัดระวัง ในการเช่าหาเพราะ พระท่าน มีปลอมมานานแล้ว และ ปลอมมาดีมากครับ ตรงนี้เล่นเอาเซียนมืออาชีพ หงายหลังมาเยอะครับ

 

ตามอ่านครับ

 

ติดตามอ่านด้วยคนครับ ^____^

 

ขอบคุณพี่ๆๆ ที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ

 

องค์ต่อไป เป็นพระปิดตา อ.เจ๊ก วัดเขาแดงตก

พระปิดตาอ.เจ๊ก วัดเขาแดงตกนั้น ถือว่าเป็นยอดศิลปะ ทางด้านการหล่อพระโบราณ ถูกขนานนามว่า สุดยอดพุทธศิลป์ ในยุค2485 ระดับประเทศ โดยได้รับชื่อเสียง จากปิดตาสอดเข่า พิพม์ เม็ดถั่วเขียว ชนิดหล่อโบราณ เหตุที่ท่านถูกยกย่อง ว่าสุดยอดในการสร้างพระหล่อโบราณโดยเฉพะพระปิดตา ยุคสงครามนั้น เพราะท่านหล่อพระพิมพ์นี้ ได้ขนาดเล็ก และ รายละเอียด ครบถ้วนด้วยกรรมวิธีแบบหล่อโบราณ ไม่มีเทคโนโลยี สมัยใหม่ เข้าช่วย ทำให้คนรุ่นหลัง ค่อนข้าง"งง" ว่าท่านสร้างได้อย่างไร คล้ายๆๆว่า พระที่ท่านหล่อในสมัยนั้น หากเปรียบเทียบกับ วิทยาการในพื้นที่ ณ ยุคสมัยนั้น กับ ยุคปัจจุบัน ต้องกล่าวได้ว่าเป็นการสร้างพระแบบ ขั้นนาโนเลยทีเดียว เพราะไม่มีใครสร้างพระได้พุทธศิลป์ครบถ้วน คงความเอกลักษณ์ และขนาดเล็กขณะนั้น(เท่าเม็ดถั่วเขียว)

ด้วยความสงสัยกระผมได้เข้าไปหาคำตอบ ว่าท่านสร้างพระยังไง และ ท่านเรียนวิชาหล่อพระ โดยมีอาจารย์ท่านใด ผมได้เข้าไปถามคนแก่แถบวัด และ เซียนรุ่นเก่า ว่าประวัติความเป็นมาในการสร้างพระท่านเป็นอย่างไร สรุปว่า ท่านเป็นศิษย์ อ.เปลี่ยน วัดประจิมทิศาราม โดยมีศิษย์พี่ร่วม อาจารย์เดียวกัน คือ ท่านอาจารย์เมฆ วัดประจิมทิศาราม ต้องขอเล่าถึงท่านเมฆ สักนิด เพราะท่านถือว่าไม่เบาเลยทีเดียว ทั้งท่านเมฆ และ ท่านเจ๊ก เป็นศิษย์ ร่วมสำกท่านเปลี่ยน วัดประจิมฯ โดยแยกกันเรียนวิชา ท่านเมฆ ท่านศึกษาวิชาทางแพทย์ โดยเฉพาะวิชา ต่อกระดูก****

****วิชาต่อกระดูกท่านเมฆนั้น เป็นที่เรื่องลือ กันอย่างมากในยุคสมัยนั้น เมื่อ ราวๆๆ 5ปีที่แล้วผมเข้าไปหาประวัติ ท่านเมฆ ที่แถวๆๆวัดท่าน พบชาวบ้านท่านหนึ่ง คนคนแก่ อายุราวๆๆ 72 ปี ท่านเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนตอนหนุ่มๆๆ ท่านไปเที่ยวในตลาดเมืองลุงมีเรื่องกับนักเลง เพื่อนแกถูกฟัน แขนซ้ายขาดแต่ยังมีเนื้อติอยู่นิดเดียวเท่านั้น ขณะนั้น เมื่อราวๆๆ 50 กว่าปีที่แล้ว การแพทย์ไม่ได้ เข้าถึงประชาชนมากนัก ลุงท่านนั้นเห็นเป็นเวลากลางคืน จึงนึกอะไรไม่ออก จึงพาเพื่อนคนนั้นที่แขนขาด ไป ที่วัดประจิมทิศาราม ที่ท่านเมฆ อยู่ ท่านเมฆ ออกมาจากกุฎิ ท่าน ก็มาช่วย ดดนเอาผ้าพันแขนไว้ แล้ว้วทาน้ำมันเสก เท่าที่ทราบ มีกระดูวัวปน ขมิ้น น้ำมันมะพร้าวเคียว ว่านยาๆๆต่างๆๆเป็นจำนวนมาก แล้วให้เพื่อนแกคนที่แขนขาด ไปหยิบกิ่งไม้แห้งๆที่อยู่แถวๆๆนันมา 1 อัน แล้ว ท่านก็สั่งให้หัก เป็น 2 ท่อน แล้วท่านก็บอกว่าให้ลุงท่านนั้นพาเพื่อนกลับได้ ลุงแกยังงงๆ ก็เลยพากลับ กลับไป ซัก 3 วัน แผล สมานหาย ประมาณ 1 เดือนแขนหายใช้งานได้ปกติ แกจึงไปที่วัด กะจะไปไหว้ อ.เมฆ อ.เมฆท่านก็ทักมาก่อนว่า หายดีแล้วซิ ลุงกับเพื่อนก็งง ว่าท่านรู้ได้ไง ท่านก็เลยหยิบไม้ที่เพื่อนของลุงหักเอาไว้ มีผ้าพันแผล ท่านเมฆแก้ผ้าพันแผล ออก กิ้งไม้ที่หักเป็นสองท่านนั้น บัดนี้ไดกลับเป็เนื้อเดียวกัน ลุงกับเพื่อนแกเลยเข้าใจ ว่าที่ท่านเมฆให้เพื่อนแกกลับ ที่แท้แก ยังรักษาให้อยู่ตลอดแต่เป็นการรักษาทางกิ่งไม้ กิ่งไม้เป็นปกติ แขน ของเพื่อนแกก็ปกติด้วยครับ นี่เป็นเรื่องพิศดารที่ชาวบ้านกล่าว กันตลอดและมี เหตุการทำนองนี้ เกิดขึ้นประจำสมัยท่าน ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ครับ

เสริมซักนิดครับ ท่านเมฆ ท่านสร้างวัตถุมงคลไว้นั้น ที่มาตรฐาน มีเพียง เหรียญรุ่นแรก สร้างราวๆๆ ปี 2518 (ปลายๆๆๆอายุท่าน)****

มากล่าวต่อถึงท่านอ.เจ๊ก ท่านเป็นศิษย์น้อง ได้ล่ำเรียนวิชา แนว มหาอุตต์ อยู่ยงคงกระพัน แต่ที่น่าแปลก ว่าไม่ได้มีการรับรองเลยว่า วิชาการหล่อพระ ท่านได้ศึกษา มา จากไหน ผมจึงศึกษา ต่อไป ถึงคนที่เป็นศิษย์ของท่าน ที่ยังมีชีวิตอยู่ จึงได้ข้อมูล ที่แปลกแต่จริง และพิศดาร อย่างมาก คือวิชาหล่อพระนั้นท่านอ.เจ๊ก ท่านได้ล่ำเรียนมาจาก คนธรรท์(เข้าใจว่าเป็นวิญญาณ กึ่ง รุกขเทวดา หรือ เทวดา) ในถ้ำเขาแดงนั่นเอง เป็นผู้สอน ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกแต่บรรดาศิษย์ใกล้ชิดหลายคนยืนยันตรงกันว่า ท่านอ.เจ๊กท่าน บอกเองกับ ปากท่านครับ

 

พระปิดตาท่านเจ๊ก วัดเขาแดงตก มีรายการที่เป็นมาตรฐานดังนี้

ตามประวัติท่านเจ๊ก สร้างพระไว้มากพิมพ์ และ กรรมวิธีค่อนข้างลึกล้ำครับ มีทั้ง พิมพ์ปั้น(ปั้นขึ้นมาทีละองค์) และพิมพ์เบ้าประกบ

ซึ่งพระท่านสร้างขึ้นครั้งแรกๆๆ ก็ราวๆ ปี 2485 นั่นเอง มีทั้ง
1.พิมพ์สังกัจจายย์
2.ฤาษี สร้างน้อยมาก ท่านหล่อเป็นองค์ครูในพิธี ใน การสร้างพระปิดตาท่านหรือพระอื่นๆๆท่านต้องหล่อพิมพ์ฤาษก่อนทุกครั้ง เพื่อบูชาครู
3.พระปิดตา
3.1ปิดตาสอดเข่า แต่ การค้นคว้าข้อมูล คิดว่าท่านน่าจะทำเป็นพิมพ์กุมารดูดรก
3.2พิมพ์ฐานเขียง เป็นพิมพ์ที่พบมากที่สุด ราคาไม่แพงมาก มาตรฐาน ปลอมไม่ดีเท่าที่ควร
3.3แหวนหล่อ(โลหะเดียวกับ พระ)
3.4พระพิมพ์ใบพาย มีหลายพิมพ์มากๆๆ นับกันไม่ไหว แต่ได้รับความนิยมสูงถึงแม้ว่าจะหลายพิมพ์ แต่ว่าแต่ละพิมพ์มีน้อย ครับ

 

งั้นต้องรบกวนน้องเพช็ร ดุองค์นี้555555.....หวัดดีน้องเพช็ร เห็นรูปยูซเซอร์ก็รู้เลย5555....มากรุงเทพยัง

 

เอ้า!!! อุสาห์ ลักหยบแล้วน่ะนี่ 5555+++

 

55555555..........หมอหลวงก็อยู่นิ

 

หลบไม่มิดครับคนหล่อๆ.....เหรียญท่านอุปัชฌาสุขย์ พี่หลบจากสงกานต์แล้ว จะมาเอานะ....อย่าให้ใครเล่านั้น

 

รับทราบครับ พี่หลวง ...........

 

นั้นเรื่องของพระปิดตา อ.เจ๊ก นั้น มีมากหลายพิมพ์ เนื้อก็ออกหลายกระแสดังนี้ ครับ

1.โลหะผสม แก่สัมฤทธิ์ มีทั้งออกพรายเงิน และ สัมฤทธิ์ ด้านๆๆ
2.โลหะผสม ออกทองเหลือง

ชื่อพิมพ์และบล๊อค ที่มักเล่นกันครับ

ก่อนอื่นนอกจากพิมพ์ที่เค้าแยกกันแล้ว ดังที่ผมกล่าวไว้ข้างต้น พระของท่าน อ.เจ๊ก ท่านได้แยกออกเป็น 2 ยุค ด้วยกัน
1.ยุคแรก ยุคสงคราม ปี 2485 มีรายนามพิมพ์ที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว
2.ยุคท้าย ยุคลูกศิษฐ์ สร้างถวาย เรียกว่า ศิลป์อาจารย์ชัยวุฒิ สร้างราวๆๆ ปี 2526 (ปลายๆๆอายุท่านเจ๊ก) มักจะพบเป็นพิมพ์สอดเข่า (กุมารดูดรก) และพิมพ์ปั้นทั่วๆๆไป

ซึ่งในชั้นยุคแรก นั้นเราก็พอจะรู้ได้ว่าราคาก็ต้องไปตามมาตรฐานพระสายเขาอ้ออยู่แล้วครับ

แต่สำหรับยุคท้าย ปี 2525-2526 ก็จริงแต่พิมพ์สอดเข่า ในยุคปีนี้ก็แพงหูฉี่เช่นกัน เหตุผลคือ พระมีการสร้างศิลป์ ที่งดงาม ด้วยการเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วย

ฐานเขียง ?

พระพิมพพ์หนึ่งที่ นักเล่นพระที่สนใจ ปิดตาท่านเจ๊กต้องรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นักเล่นรุ่นใหม่ หรือ รุ่นเก่า เพราะเป็น พระปิดตาที่ราคาไม่โหดร้ายทารุณจนเกินความสามารถจนเกินไป และในคำว่าฐานเขียงนั้น ก็ได้แบ่งแยกย่อยไปอีก เป็นตัวท๊อป ตัวธรรมดา ซึ่งจะทำให้ราคาพระแพงขึ้นไปอีกครับ

พระปิดตาฐานเขียง แยก เป็นแบบย่อย พิเศษดังนี้
1.เนื้อสัมฤทธิ์ แก่เงิน
เนื้อโลหะผสมทั่วไป
** แน่นอนเนื้อสัมฤทธิ์ นิยมกว่านิดนึง**
2.พิมพ์มือจิ้งจก อันนี้ ถ้ามือจิ้งจก ก็จะแพงและนิยมกว่านิดนึง วิธีการดูก็คือ ถ้าเราเคยพบ มือธรรมดา แล้ว มาเทียบกับ มือจิ้งจกจะรูได้ทันที ว่ามือจิ้งจกจะลึก และ บานกว่า อย่างเห็นได้ชัด
3.หลังยันต์กลับ / ยันต์ธรรมดา ยันต์กลับแพงกว่าเหตุที่ยกให้ยันต์กว่าเพราะ พระที่เป็นยันต์กลับด้านหลัง ย่อมมาจากการผิดพลาด จากการแกะบล๊อคในครั้งแรกๆๆ เพราะการผิดพลาดย่อมเกืดก่อนที่จะ ทำได้ถูกต้อง เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เลยทำให้เกิดประเด็นที่ว่า พระที่ยันต์กลับ จึง น่าจะเป็นพระที่สร้างในครั้งแรกๆ ยุคแรกๆ วิธีการดู ยันต์ข้างหลังที่เป็นตัว นะ นั้น จะกลับด้าน จากซ้ายเป็นขวา เนื่องจาก ตอนแกะ คนที่แกะ ไม่ได้แกะ กลับด้าน แกะตามที่เราอ่าน เมื่อ พระหล่อออกมาแล้วจึงกลับด้านกัน
4.ฐานสูง / ฐานเตี้ย ไม่ค่อยแตกต่างในค่านิยม พิจารณาความสวย

เหตุที่ เล่าร่ายรายละเอียด กับ พิมพ์นี้ มากเป็นพิเศษเพราะ สำหรับท่านอยากได้พระอ.เจ๊ก ไว้บูชา กระผม ก็จะแนะนำ พระพิมพ์นี้ให้เก็บเป็นสิ่งแรก เพราะพระมีพุทธศิลป์ที่สวย และดูง่าย ไม่มั่วเรื่องประวัติมากนัก เป็นมาตรฐาน และ เรื่องราคา ที่เมื่อเปรียบเทียบกับพิมพ์อื่น ก็ถูกกว่ากันเยอะ และที่สำคัญที่สุด ประสบการณ์ ก็เกิดกับพระพิมพ์นี้เยอะ ด้วยเหตุผลง่ายๆๆคือ พระ มีจำนวนมากกว่าพิพม์ อื่น ประสบการณ์ย่อมมากเป็นธรรมดดา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า พระจะหาได้ง่าย พระก็หายากเช่นกัน แต่หาง่ายกว่าพิมพ์ อื่นนั่นเอง

อ.เจ๊กขอเพียงเท่านี้ก่อนครับ แล้ว ค่อยเสริมในวันหลัง ครับ

 

ปิดตาอ.ตุด วัดคูหาสวรรค์ ปี 2485

พระปิดตาชุดนี้ สร้างในสมัย ปี 2485 โดยมี พระอ.ตุดวัดคูหาสวรรค์(วัดสูง)และมีอ.หมุน วัดเขาแดงออก อ.ดิษฐ์ วัดปากสระมาร่วมปลุกเสก เมื่อก่อน พระชุดนี้ เล่นเป็ของอ.หมุน เพราะพบในกุฎิ ท่านหมุน นั่นเองแต่ปัจจุบัน เล่นหาเป็นของท่านตุดเรียบร้อย แล้ว เพราะมีประวัติการสร้างชัดเจน ด้านหลังเป็นยันต์เฑาะ ครับ เนื้อ มักแก่ไปทางพรายเงิน

พระมีของปลอม ออกมาแล้ว ดูให้เป็นเบ้าเหล็ก น่ะครับ ถ้าเป็นเบ้าดินให้รีบวางทันที.....

เป็นพระปิดตายุคสงครามโลกที่ราคาถูกที่สุด ของ จ.พัทลุง ครับ พระน่าเก็บ น่าใช้ อนาคตไกล. . .


ปล.ผมเปลี่ยนชื่อเป็ย ศิลป์9 แล้วน่ะครับ .......... ขอบคุณครับ

 

พระปิดตา อ.ชัย วัดควนปริง

เป็นพระปิดตาที่ค่อยข้างหายากพอสมควร ครับ สร้างโดยอ.ชัย วัดควนปริง ปี 2485 เช่นกัน ลักษณะพระเป็นพิมพ์มหาอุตต์ เนื้อทองผสม แก่สัมฤทธิ์

พระชุดนี้เป็นเบ้าเหล็ก ครับ