เรื่องเด่น ผมตายในฌาน!! หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่า "พระอาจารย์วัน" พอเครื่องบินโคลง ก็เข้าฌานทันที

ผมตายในฌาน!! หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่า "พระอาจารย์วัน" ที่มรณภาพจากเหตุเครื่องบินตก ไปเกิดเป็นพรหม สุดปาฏิหาริย์..พอเครื่องบินโคลง ก็เข้าฌานทันที






จากหนังสือ ตายไม่สูญ แล้วไปไหน โดยพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานีได้เล่าถึง กรณีที่พระสงฆ์มรณภาพเนื่องจากเครื่องบินตกแล้วไปเกิดเป็นพรหมกับเป็นเทวดา สำหรับพระสงฆ์ที่ได้ไปเกิดเป็นพรหมนั้น ก็คือ พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร (พระอาจารย์วัน อุตฺตโม)







หลวงพ่อฤาษีลิงดำได้เล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเมื่อบ่ายวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๒๓ พระหลายองค์ที่มรณภาพ เนื่องจากเครื่องบินของบริษัทเดินอากาศไทย ตกที่ทุ่งรังสิต ตอนนั้นอาตมามาสอนพระกรรมฐานที่บ้านสายลมพอดี ลูกศิษย์ทั้งหลายก็ร่วมกันถวายสังฆทานอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิต เนื่องจากเครื่องบินตกทั้งหมดในค่ำวันนั้น พระสงฆ์ที่มรณภาพทั้ง ๕ องค์คือ พระอาจารย์บุญมา ฐิตเปโม พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร (พระอาจารย์วัน อุตฺตโม) พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร และ พระอาจารย์สุพัฒ สุขกาโม ก็มาโมทนาบุญสังฆทาน ทั้งหมด ๔ องค์เป็นเทวดาแต่พระอาจารย์วันเป็นพรหม



ท่านอาจารย์วันเมื่อเห็นอาตมาก็ขอขมาอาตมา จึงถามว่า "ขอขมาเรื่องอะไร"

ท่านอาจารย์วันตอบว่า "ผมเคยปรามาสท่าน"

ถามว่า "ไม่ได้รู้จักกันปรามาสได้อย่างไร"

ท่านอาจารย์วันตอบว่า "ผมเคยเห็นท่านในวัง เห็นแล้วก็นึกในใจว่า พระมหานิกายธรรมดา"

จึงถามว่า "ทำอย่างไรจึงเป็นพรหม"

ท่านตอบว่า พอเครื่องบินโคลง ผมก็เข้าฌานทันที จึงตายในฌาน.."

สำหรับ พระอาจารย์วัน อุตฺตโม (พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร) แต่เดิมบรรพบุรุษของพระอาจารย์วัน อุตฺตโม อยู่ที่บ้านหนองหลัก ต.เหล่าบก อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ต่อมาได้ย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากที่บ้านตาลโกน ต.ตาลโกน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ตอนท่านอายุได้ ๑๓ ปีบิดาป่วยหนักและก่อนเสียชีวิตได้สั่งเสียว่าอยากให้ท่านบวชแทนพระคุณบ้าง ท่านเองก็จำคำของบิดาและได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ด้วยความที่ท่านเป็นลูกกำพร้าทำให้ท่านเป็นคนที่มีความคิดตั้งแต่เด็ก ๆ ก่อนบรรพชาท่านได้ไปขอเงินกับปู่ท่านได้ให้เงินจำนวน ๑ บาทและนำท่านไปฝากไว้กับยายซึ่งเป็นแม่ชีท่านได้ไปบวชเป็นสามเณรที่วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร เรียนจบนักธรรมชั้นตรี





ต่อมา พ.ศ. ๒๔๘๕ ท่านพระครูสิงห์ได้นำท่านไปอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดสร่างโศก บ้านโนนยาง จ.ยโสธร เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ตรงกับขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๓ โดยมีพระครูวิจิตรวิโสธนาจารย์เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระมหาคล้าย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ แต่โดยความคิดของท่านเองท่านอยากบวชพระตอนอายุ ๒๕-๒๖ ปี เพราะไม่อยากนั่งแถวหน้าขณะที่อายุยังน้อยและรับภาระมาก

เมื่ออุปสมบทแล้วได้ศึกษาเล่าเรียนจนจบนักธรรมชั้นเอก และอยากเรียนทางด้านบาลีบ้าง แต่ไม่มีครูสอน จึงคิดออกปฏิบัติธรรม ได้ไปถวายตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต แห่งวัดหนองผือ ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ท่านเป็นนักปฏิบัติธรรมมาโดยตลอด แต่ไม่ค่อยสบายเมื่ออยู่ที่พื้นราบ จึงมีความคิดว่าน่าจะไปหาที่ปฏิบัติธรรมบนภูเขา จึงได้เดินทางมายังภูผาเหล็กและอาศัยอยู่ในถ้ำพ่อคำพาได้ก่อตั้งวัดถ้ำพวง (วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม) บนภูผาเหล็กในเวลาต่อมา

จนเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๓ ได้เดินทางโดยเครื่องบินจากจังหวัดอุดรธานี ไปกรุงเทพมหานคร และประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกได้มรณภาพพร้อมกับพระอาจารย์ชื่อดังอีกหลายรูป ที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นับเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของชาวพุทธ


อ้างอิงข้อมูลจาก : จากหนังสือ ตายไม่สูญ แล้วไปไหน โดยพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี


เรียบเรียงโดย

เสาวลักษณ์ แสงสุวรรณ : สำนักข่าวทีนิวส์

---------------------------
http://www.tnews.co.th/contents/362637

 

สาธุ สาธุ สาธุ

 

พระพุทธเจ้ายังต้องออกจากฌานก่อนแล้วจึงปรินิพพานเลย

 

ผมเป็นลูกศิษย์ทั้งสองสายไม่ว่าจะสายหลวงปู่มั่น หรือหลวงพ่อปาน และหลวงปู่ดู่อีกด้วย
เห็นว่าการนำข้อมูลเรื่องที่นักเขียนบางท่านมาลงบางอย่างสุ่มเสี่ยงจะทำให้เกิดการขัดแย้งวิวาทะ ในศิษย์ที่เชิดชูครูบาอาจารย์ของแต่ละท่าน
ผมจึงนำเอาข้อมูลอีกด้านหนึ่งมาลงไว้เป็นข้อมูลในอีกด้านหนึ่งส่วนความคิดเห็นประการใดอันนี้แล้วแต่วิจารณญาณของท่านครับ

ปาฏิหาริย์ฟันท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
ในการจัดเตรียมอัฐิและพระธาตุของท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ให้พร้อมสำหรับพิธีการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จพระราชดำเนินมาทรงบรรจุอัฐิธาตุนั้นทาง คุณไพบูลย์ พบสุข ผู้ช่วยหัวหน้ากองพระราชพิธี ในขณะนั้น แจ้งว่า ทางวัดและเราจะต้องเลือกพระธาตุและอัฐิในจำนวนอันสมควร ที่จะสามารถทรงบรรจุได้ในเวลาอันจำกัด ตามหมายกำหนดการที่ทางสำนักพระราชวังจัดถวาย

คุณไพบูลย์มองดูอัฐิในโกศ และพระธาตุในโถแก้วใหญ่ ๒ โถแก้ว แถมพระธาตุลักษณะต่างๆ พระธาตุที่กำลังแปรจากอัฐิอีก จำนวนกว่า ๒๐ ครอบแก้วฯ

 

อ่านเรื่องนี้แล้ว ผมนี่อยากให้พลังจิตแยกสายพระเลย

 

ครูบาจารย์สายวัดป่าและลูกศิษย์ เข้าใจตรงกันหมดว่าพระทั้ง5รูปนั้น บรรลุธรรมแล้ว ทั้ง5รูป ไม่มีท่านไหน เป็นเทวดาหรือพรหมหรอกคับ พระหรือใครท่านใด ที่กล่าวว่าพระทั้ง5รูปไปเกิดเป็นพรหมหรือเทวดาส่วนตัวผมถือว่าท่านเหล่านั้นรู้ไม่จริง

 

อาจจะช่วงไหม่ๆหรือเปล่าฮะแล้วไปนิพพานช่วงถัดไป

 

กระทู้นี้ทำให้ผมชัดเจนขึ้นว่า ท่านใดของจริง ท่านใดของปลอม ถ้ามีการกล่าวเช่นนั้นจริงจริง ลังเลอยู่นาน

 

ที่จริงผมว่าทุกสายก็ เป็นสายปฏิบัติดีกันทั้งนั้นแหละครับ อยู่ที่ใครจะนับถือจะชอบแบบไหนตรงจริตของตนเองเพราะว่า ทุกคนมีความชอบไม่เหมือนกันยกตัวอย่างอาหารการกินบางคนชอบข้าวต้มอาหารจีนที่รสไม่จัดนัก บางคนชอบอาหารปักษ์ใต้รสเผ็ดร้อนบางท่านชอบอาหารภาคกลางใส่กะทิรสหวานมัน หรือบางท่านชอบแนวสากลแฮมเบอร์เกอร์ บางท่านก็บอกว่าแบบนั้นไม่อยู่ท้องต้องข้าวเหนียวไก่ย่างส้มตำ ที่สุดแล้วก็คือกินให้อิ่มตามความชอบของตนเองครับ เจตนาผู้ลงก็คงจะดีเผยแผ่คุณครูบาอาจารย์ แต่อย่างหนังสือนี่ท่านจะได้พูดเขียนจริงอย่างงั้นอย่างไรเราก็ไม่รู้อย่างหนังสือเรื่องจริงอิงนิทานของหลวงพ่อฤาษีมีการพูดถึงการพบแร่ใสแหล่งพลังงานใหม่อันนั้นก็ยังไม่เจอไม่ใช่หรือหรือท่านมีกุศโลบายอย่างใดอย่างหนึ่งก็ไม่ทราบเพราะมีการกว้านซื้อดอยทั้งดอยอนุรักษ์ไว้ แต่ที่พูดมาทั้งหมดคือ
พระทุกองค์ล้วนมีเมตตา มีศีลบริบูรณ์ สรีระท่านทุกองค์ล้วนเป็นพระธาตุอย่างหลวงพ่อฤาษีนี่ชานหมากก็ยังเป็นพระธาตุ หรือพระอาจารย์ในสายพระป่าท่านรู้กันดีอยู่แล้วว่าอาจารย์วันท่านสำเร็จก่อนมรณะภาพตั้งนานมาแล้วมีการรับรองโดยครูบาอาจารย์ เราไม่รู้ภูมิธรรมของท่านหรอกท่านเหล่านั้นสูงส่งเหนือกว่าเรามากครับ
ที่ผมพูดมานี้ก็เผื่อว่าผู้ที่เริ่มปฏิบัติที่ชอบสายไหนก็จะได้ปฏิบัติตามไปโดยไม่ลังเล
ส่วนตัวศรัทธาผู้ปฏิบัติดีทุกท่านสายสติปัฏฐาน 4 แนววัดมหาธาตุหรือหลวงพ่อจรัญนั้นผมก็ปฏิบัติแล้วชอบมากทำตามได้ง่ายได้สติดีมากครับ หรือ สายหลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า ในการสวดคาถาพระจักรพรรดิหรือการรวมบุญแผ่กุศลน้อมบารมีหลวงปู่มาปลดปล่อยวิญญาณก็สามารถทำได้จริงครับ
(แต่มีการเขียนกระทู้เชิงว่าคาถานี้ไม่ใช่ของหลวงปู่ดู่โดยการ copyเขามาได้อีกทีหนึ่ง)
ผมเข้าใจว่าทุกท่านล้วนปรารถนาดีเพราะได้เจอในสิ่งที่ดีที่ตนเองชื่นชอบอยากแนะนำในสิ่งที่เจอ แต่ในการคัดกรองบางเรื่องมาลงกระทู้นั้นถ้าดูแล้วบางทีจะเป็นชนวนเหตุให้เกิดวิวาทะในหมู่ลูกศิษย์บางทีก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรเหมือนพระพุทธเจ้าว่าไว้ทำไม่เกิดประโยชน์ใดๆแบบนี้ไม่ทำยังจะดีกว่า ในการโพสท์ยังสามารถเลือกลงในเรื่องอื่นจะเกิดผลดีมากกว่านี้ครับ

อย่างในรูปที่ผมลงไว้มีวัตถุมงคลทั้งของหลวงพ่อฤาษีฯสายวัดป่าฯและนับถือทั้งหลวงปู่ดู่
ในรูปหลวงพ่อประสิทธิ์ท่านเป็นสายปฏิบัติวัดป่าฯ ปรากฏว่าท่านเคยล้มเมื่อ 10 กว่าปีก่อนจะมรณภาพท่านไปเอ็กซเรย์ที่โรงพยาบาลหมอไม่เจอกระดูกเพราะใสเป็นแก้วไปหมดแล้ว
ทั้งหมดนี้หากปฏิบัติตามแบบอย่างของพระพุทธเจ้าสายไม่จำเป็นหรอกครับดีหมดทุกอย่างดูอย่างหลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลีท่านอยู่กลางกรุงเทพฯเป็นพระในเมืองมหานิกาย แต่ท่านก็ไปปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่มั่นซึ่งเป็นสายพระป่า(ท่านบอกว่าอยู่ใกล้หลวงปู่มั่นแล้วเย็นเหมือนนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่)และท่านก็ยังเป็นอาจารย์สอนกรรมฐานพระสังฆราชองค์ก่อนธรรมยุติเป็นพระที่ในหลวงร.9 นิมนต์ไปจำวัดในวัง มากที่สุดองค์หนึ่ง สายพระพุทธเจ้า ถือเป็นที่สุดแล้วครับ